ไหนๆ ก็ไหนๆละ ขอเขียนความระยำ ละโมบโลภมากของราชวงศ์จกกี ผ่านการยึดครองหัวเมืองล้านนา ด้วยวิธีการที่สกปรกๆ เน่าเหม็น ดูเหมือนจริงใจ แต่โครตรตอแหล ดูถูก และเหยียบย่ำที่สุด #คณะราษเปซ
(1) จุดเริ่มต้นของการกลืนล้านนา นับตั้งแต่ ร.5 มีความประสงค์ที่จะรวมศูนย์อำนาจมาไว้ที่ราชสำนักสยาม ต้องเกริ่นก่อนว่า ล้านนาและสยามนับตั้งแต่สมัยพระเจ้ากรุงธน เป็นเสมือนบ้านพี่เมืองน้องกันมา พระเจ้ากรุงธนกู้สยามให้พ้นจากอำนาจของพม่าได้ เชียงใหม่จึงได้ขอความช่วยเหลือ
(2) ขอความช่วยเหลือและผนวกกำลังกับสยามในการขับไล่อำนาจของพม่าออกไป ความสัมพันธ์ระหว่างล้านนาและสยามไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากัน เพียงแต่สยามจะมีลักษณะของความเป็นเมืองพี่มากกว่านิดนึง แต่ก็ยังคงเคารพในเขตอำนาจอธิปไตยในแบบรัฐจารีตอยู่
(3) จนกระทั้งมาถึงยุคของการล่าอาณานิคม ล้านนามีการทำสัมปทานป่าไม้กับชาติตะวันตกนำมาซึ่งความมั่งคั่งเป็นอย่างยิ่งต่อราชสำนักล้านนา ตลอดจนการยึดพม่าเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ทำให้ราชสำนักสยามมองว่า อำนาจของตนในล้านนาตลอดจนหัวเมืองอื่นนั้นสั่นคลอน
(4) เริ่มจากการกระชับสัมพันธไมตรีด้วยการขอเอาเจ้านางอึ่งหรือเจ้าดารารัศมี ธิดาเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์ มาแต่งงานด้วย ซึ่งในสมัยนั้นสยามเรียกตัวเองว่าไทย และเรียกผู้คนที่อยู่ทางเหรือและอีสานว่า ลาว จึงมีคำเรียกว่า เจ้าลาว ปรากฏในพงศาวดารต่างๆ ที่บันทึกขึ้น
(5) การแต่งงานในครั้งนี้ทำให้ต้องเจ้าดาราต้องอพยพไปอยู่ในวังของสยาม แต่อย่างไรก็ตาม แกพึงสำนึกและรู้ดีว่าแกแต่งงานมาในฐานะอะไร หรือเพื่ออะไร ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าลาวและเมียคนอื่นๆของร.5 จึงไม่ค่อยดีมากนัก จนสุดท้ายแกจึงเขียนจดหมายไปหาพ่อขอสร้างตำหนัก
(6) ตำหนักที่ว่านี้สร้างโดยเงินของเจ้าอินทวิชยานนท์ทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกสาว ถือเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นเอกเทศของล้านนาที่มีต่อสยามได้ในระดับหนึ่ง ในขณะเดียวกันเจ้าดาราก็ประสูติธิดาพระองค์หนึ่ง และไม่นานเช่นกันพระธิดาก็สิ้นพระชนม์ เพราะเหตุผลที่รู้กันดี
(7) การใช้ชีวิตของเจ้าดาราในสยามนั้นเต็มไปด้วยอารายขัดขืนที่พยายามแสดงให้เห็นว่า เชียงใหม่และล้านนา ยังคงมีอำนาจในการบริหาร แยกจากสยามอยู่ แกได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างทางด้านภาษา เครื่องแต่งกาย ไลฟสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ขณะอยู่ในวังสยาม จนทำให้บรรดาคนอื่นในวังนั้นหมั่นไส้
(8) ในเวลาต่อมาดูเหมือนว่าสยามจะลดทอนอำนาจของเจ้าเชียงใหม่ได้สำเร็จในระดับหนึ่ง จากหัวเมืองเชียงใหม่ ล้านนา กลายเป็นมณฑลพายัพ ตำแหน่งเจ้าหลวงล้านนาที่เคยมีอำนาจในการบริหารอย่างอิสระได้สิ้นสุดลง และกลายเป็นตำแหน่งข้าราชการของสยาม ไม่มีอำนาจบริหารเก็บภาษี แต่มีรายได้จากเงินเดือน
(9) เจ้าหลวงไม่มีอำนาจในการว่าราชการ ผู้ที่มีอำนาจที่แท้จริงนั้น เป็นข้าหลวงที่สยามส่งมาปกครอง ในที่สุดหอคำที่เป็นที่ว่าราชการของราชสำนักเชียงใหม่ ก็ถูกทิ้งร้างและถูกรื้อทิ้งไปและสร้างคุกครอบไว้บนพื้นที่แปลงนั้น เพื่อแสดงถึงการโค่นอำนาจเจ้าเชียงใหม่ที่สำเร็จแล้ว
(10) การกระทำในลักษณะนี้ยังคงเกิดในหลายๆจังหวัด เช่น เชียงราย ลำพูน ลำปาง บ้างก็ถูกรื้อคุ้ม รื้อหอคำ สร้างคุกครอบไว้ หรือแม้แต่รื้อวัดเอง การกระทำเหล่านี้ถือเป็นความเชื่อด้วยส่วนหนึ่งที่ว่าหอคำเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แสดงถึงอำนาจเจ้าหลวงที่เคยมี ตอนนี้อำนาจนั้นถูกขังเรียบร้อยแล้ว
(11) นอกจากนี้ยังปรากฏคำบอกเล่าหรือคำกล่าวของผู้เฒ่าผู้แก่ในหลายๆพื้นที่ที่เคยเรืองอำนาจของเจ้าหลวงว่า ราชสำนักสยาม พยายามที่จะทำลายศาสนาพุทธของล้านนา ด้วยการเผาวัดที่มีพุทธศิลป์แบบล้านนา ตลอดจนคัมภีร์ใบลานที่มีอักขระล้านนา ก็สูญหายไปมากในสมัยนั้น
(11).. แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลชุดนี้ไม่ปรากฏเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์มากนัก
(12) แต่เรื่องลักษณะการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาก็ปรากฏชัดในเรื่องของครูบาศรีวิชัยเช่นกัน ในขณะที่อำนาจทางการเมืองของเจ้าหลวงสิ้นไป ผู้คนก็หันมาให้ความสำคัญและศรัทธากับตนบุญอย่างครูบาศรีวิชัยมากขึ้น
(13) การที่ศรัทธาครูบามีมากขึ้น ทำให้เกิดดุลแห่งความกลัวใหม่ ระหว่างล้านนาและราชสำนักสยาม ฝั่งสยาม เกรงกลัวการรวมกลุ่มอำนาจขึ้นใหม่เพื่อต่อต้านอำนาจของสยาม เพราะศรัทธาของครูบาหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าแก้วนวรัตน์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ในตำแหน่งขณะนั้น
(14) ฝั่งสยามจึงใช้อำนาจผ่านพุทธศาสนา อ้างกฎระเบียบตามพระไตรปิฏกและพยายามตั้งข้อหาให้กับครูบา เพื่อทำให้คนเสื่อมศรัทธา โดยครูบาถูกตั้งข้ออธิกรณ์ทั้งหมดราว 6 ครั้ง ในบางครั้งก็ถูกกักพื้นที่ในวัดที่กรุงเทพเป็นเวลาครั้งละ 3 เดือนบ้าง 6 เดือนบ้าง
(15) การกลืนอำนาจของสยามยังต้องพูดถึงเรื่องของกบฎเงี้ยวในเมืองแพร่ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจของสยาม แต่ก็ถูกอำนาจสยามกำจัดจนสิ้นสุดเชื้อสายเจ้าเมืองแพร่ ดังนั้นแพร่จึงเป็นจังหวดเดียวที่ไม่มีนามสกุลบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าเก่าเลย
(16) สุดท้ายแล้วแผนสยามยึดล้านนาก็ประสบความสำเร็จ อำนาจการบริหารจัดการทั้งหมดเป็นอำนาจของสยาม ล้านนาเป็นเพียงมณฑลพายัพของสยามเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ในการบริหาร จัดการ ในเขตอำนาจของตน ตำแหน้งเจ้าหลวงเป็นเพียงตำแหน่งจารีต ไม่มีอำนาจ ไม่มีอยู่จริง สูญสิ้นไปในที่สุด
สุดท้าย ท้ายสุด ภาพการฟ้อนต้อนรับเสด็จประพาสมณฑลพายัพของรัชกาลที่ 7 โดยมีการฟ้อนต้อนรับจากบรรดาเจ้าหลวงทั้งหลาย อาทิ เจ้าแก้วนวรัตน์ เจ้าจักรคำ โดยต้องฟ้อนให้ดูสนุกสนานรื่นเริงและใส่เสื้อสีสันสดใส ทำให้ดูคล้ายกับตัวตลกของตะวันตกที่ได้รับความนิยมในสมัยนั้น
** เนื้อหามีทั้งหมด 16 พาร์ทนะครับ สามารถกดเข้าไปอ่านเพิ่มเติมในโปรไฟล์เกี่ยวกับเรื่อง การตั้งอธิกรณ์ครูบาศรีวิชัย การปราบกบฏเงี้ยว และการเสด็จประพาสมณฑลพายัพได้นะครับ
Share this Scrolly Tale with your friends.
A Scrolly Tale is a new way to read Twitter threads with a more visually immersive experience.
Discover more beautiful Scrolly Tales like this.