#ออลทาเค #ซันสุทาเค
#สตูคุนอันอัน
เวิ่นนี้งอกมาจากผู้สนับสนุนใจดี ขอให้อร่อยคับ!

ทาเคมิจิตัดสินใจเปิดคาเฟ่หลังเรื่องทุกอย่างจบลง ไมกี้ยังคงอยู่ในบงเทนทำธุรกิจสีเทาแต่คนอื่นก็ตามไปด้วยเป็นบางคนทำให้ไม่เป็นบ้าไปซะก่อน ขอแค่ไมกี้มีความสุขจะอะไรก็ได้ทั้งนั้น! Image
ร้านคาเฟ่ของทาเคอยู่ศูนย์กลางย่านเศรษฐกิจที่ราคาแพงหูฉี่ จนทาเคเกือบโบกมือลาไปที่อื่น แต่บรรดาแก๊งต่างๆไม่อยากให้ทาเคอยู่ใกล้สายตา เลยมีการขู่กรรโชกเจ้าของตึกซักเล็กน้อย ให้ขายตึกให้ทาเคในราคาย่อมเยาจนเรียกได้ว่าแทบจะแจกฟรี
เพราะจุดตรงนี้ห่างจากฐานของแต่ละแก๊งไม่ไกลมากนัก จะโดดงานมาหาฮีโร่ขี้แยที่ตอนนี้เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่ก็ทำได้ง่ายแสนง่ายจนบรรดาตัวทอปและผู้บริการตัวเป้งของโลกใต้ดินแวะเวียนกันมาไม่ขาด
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี เพราะย่านเฟื่องฟูนี้ แท้จริงแล้วยามกลางคืนมาเยือนก็ไม่ต่างอะไรจากทุ่งสังหาร เสียงปืนเสียงกรีดร้องยามค่ำคืน การยกพวกมาตีกันเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ใต้ดินของย่านนี้คือเครือข่ายธุรกิจใต้ดินขนาดใหญ่อันดับต้นของโลกๆ
การที่บรรดาตัวเป้งของโลกใต้ดินแวะเวียนมาที่คาเฟ่ของทาเคบ่อยๆ ก็เหมือนเป็นการบอกอ้อมๆว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับการคุ้มครองจาก บงเทน เทนจิคุ บราม่า BD และแก๊งอื่นๆภายใต้การนำของแก๊งที่กล่าวมา ทำให้ทาเคอยู่อย่างสงบสุขและไม่ถูกนำมายุ่งกับโลกสีเทามากจนเกินไป
แต่ไมกี้ที่ไม่ค่อยว่างมานั่งเล่นก็ยังไม่สบายใจ จริงๆก็แค่หาข้ออ้างเพราะรำคาญหมายเลขสองของบงเทน เลยถีบส่งซันสุมาแวะเวียนตรวจสอบความเรียบร้อยที่คาเฟ่บ่อยๆ

ซันสุที่ไม่ชอบหน้าทาเคเพราะทำให้ไมกี้ไม่โหดเหี้ยมเหมือนเก่าก่อน

ทาเคที่ไม่ชอบขี้หน้าซันสุเพราะชอบพี้ยามาโวยวายในร้าน
"เห้ยไอเวร"
"เปิดปากมาคำแรกก็ด่ากันเลยนะครับ"
ทาเคกัดฟันฝืนฉีกยิ้มให้คนที่กำลังก้าวขายาวๆเข้ามาในร้านพร้อมเรือนผมสีชมพูเป็นเอกลักษณ์

บรรดาพนักงานในร้านได้แต่ถอนหายใจกับภาพที่ทั้งสองคนด่ากันไปมา พอเริ่มบานปลายจนล๊อกคอกันถึงจะรีบพุ่งเข้าไปแยก
ตอนแรกที่พวกพนักงานเจอซันสุคือแทบจะฆ่ากันตายคาร้านเพราะซันสุมาตบหน้าทาเคนายจ้างคนดีของพวกเขา ถึงนายจ้างพวกเขาจะสวนกลับจนอีกฝ่ายเลือดกำเดาไหลก็เหอะ แต่เจ้านายก็ตัวเล็กนิดเดียวเองนะ!
บางครั้งซันสุก็ชอบมานั่งเคี้ยวยากินเล่นอยู่ตรงโต๊ะใกล้ๆทาเคจนทาเคทนไม่ไหวจับอีกฝ่ายง้างปาก กรอกกาแฟใส่แทน

แล้วสองคนก็ตีกันต่อจนพนักงานต้องมาจับแยก
ถึงจะตีกันเท่าไรเพราะเป็นคำสั่งของไมกี้ด้วยแหละมั้ง ซันสุมักจะมาตรวจตราละแวกร้านของเขาไม่เคยขาด

จัดการคนที่ไม่หวังดีกับเขาจนบางครั้งเลือดโชกไปทั้งตัว วิ่งวุ่นหาผ้าพันแผลกันยกใหญ่ ก่อนอีกฝ่ายจะแสยะยิ้มหน้าตาวอนเท้ามาให้

"ซันสุคุงมีแผลตรงไหนรึเป---"
"อะไร แกเป็นห่วงฉันรึไง"
พอเช็ดเลือดออกคนทำท่าทางสำออยดันไม่มีแผลแม้แต่น้อย

จบลงที่ทาเคเอากล่องพยาบาลฟาดหัวเข้าให้พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"นี่ไงแผล"

หลังจากนั้นก็ตีกันต่อ
พอมาเจอกันบ่อยๆเข้าเลยกลายเป็นเอือมระอา แต่ก็เพราะพฤติกรรมอีกฝ่ายมันดีขึ้นด้วยล่ะมั้ง

ซันสุไม่ติดยาอีกต่อไปแล้ว
มันหันมาติดกาแฟแทน...
.
.
.
แล้วก็ต้องกาแฟร้านเขา...
.
.
.
ให้ตายสิพระเจ้า!!! ทาเคกรีดร้อง
แต่มันก็สนุกดีกับการเดากาแฟที่อีกฝ่ายอยากทานในแต่ละวัน

ถึงมันจะไม่ค่อยยอมบอกก็เถอะว่าชอบที่ชงให้รึเปล่า

ผู้บริหารบงเทนก็มาหยอดมาแกล้งเขาบ่อยๆ แต่มาทีไรซันสุก็มักจะมาก่อนแล้วทุกทีจนเขายังแปลกใจ
จริงๆแล้วคาเฟ่ของทาเคก็เป็นที่นัดพบของบรรดาแก๊งต่างๆด้วยนะ พอค่ำหน่อยปิดร้าน ไอแก๊งภายใต้สังกัดที่ให้การคุ้มครองทาเคอยู่ก็ขอใช้ร้านทาเคเป็นที่หลบภัยกันอยู่บ่อยๆ พนักงานร้านแยกเขี้ยวขู่ อย่ามาแย่งที่อยู่กันสิฟะ!
คาเฟ่ของทาเคชั้นบนสุดเป็นที่อยู่เจ้าของคาเฟ่ ชั้นรองลงมาเป็นของพนักงานร้านที่มีจำนวนไม่น้อยไม่มาก บางคนก็ไม่ใช่พนักงานแต่มาสิงอยู่จนทาเคเปิดห้องให้อยู่แทน

เห็นนั่งๆนอนๆอยู่หน้าร้านแล้วเวทนา
หลายคนก็ยังเป็นนักเรียน บ้างก็จบแล้ว มีน้อยมากที่อายุจะมากกว่าทาเค แต่ก็มีอยู่คนสองคนซึ่งไม่ค่อยได้อยู่ร้านเท่าไร

ทาเคที่กำลังชงกาแฟรอขาประจำที่เดินเข้าร้านมาทีไรต้องได้ด่ากันสักรอบถึงจะแยกย้ายได้
.
.
.
"วันนี้ซันสุซังยังไม่มาหรอ?"
พนักงานในร้านคนนึงกระซิบถามเพื่อนร่วมงาน
"นั่นสิ ดูเจ้านายสิมองประตูร้านมาตั้งแต่เช้าแล้ว"

คิกคักกันจนทาเคหันมามองเลยยอมเงียบกัน พร้อมกับเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้น

ทาเคยืดหลังขึ้นตรง ต้อนรับสองสาวที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มการค้า
"คาเฟ่ของเรายินดีต้อนรับครับ"
สองสาวเลิ่กลั่กเล็กน้อย ก่อนเดินไปที่นั่งมุมอับสายตา พนักงานร้านเขาบอกว่าจะไปรับออเดอร์เอง แต่ทาเคไม่ยอม อยากหาอะไรทำขี้เกียจรอซันสุแล้ว

ทาเคไปพูดคุยกับสองสาวที่ตอนแรกดูเกร็งๆ งัดสกิลที่เคยเลี้ยงเซนจูให้เป็นผู้เป็นคนมาใช้ จนสองสาวที่มาด้วยกันยอมคุยอย่างสนุกสนาน
พอรับออเดอร์ก็กลับมาเตรียมให้ ขากลับลูกค้าสาวก็เข้ามาอีกคนนึง กล่าวต้อนรับอีกฝ่ายเกร็งเล็กน้อยก่อนเดินไปรวมกับสองสาวก่อนหน้า

เสียงโวยวายดังขึ้นตอนทาเคกำลังเตรียมเครื่องดื่ม พนักงานเลยบอกจะไปดูให้ ก่อนเสียงจะเงียบลง
กลายเป็นแก๊งสามสาวแวะเวียนมาตลอด ทุกอาทิตย์ต้องมาอย่างน้อยซักครั้ง ถึงดูนิสัยแต่ละคนไม่น่าจะสนิทกันได้เท่าไร แต่อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้นั่นแหละ

ครั้งนึงซันสุมาที่ร้านพร้อมสองพี่น้องไฮทานิ พี่น้องคู่นั้นก็ปกติแบบแปลกๆ แต่ไอหมาบ้าอีกคนดูเหมือนจะลงแดงเพราะกาแฟ เอาปืนขึ้นมาจ่ออีกแล้ว
แต่ไอเขาก็ผิดที่ไปลีลาใส่อีกฝ่ายก่อนนั่นแหละเอาคืนที่ไปทำงานต่างประเทศโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉากที่ทาเคเสียงสั่นน้ำตาคลอ แต่ยังไม่หยุดด่าซันสุกลายเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งของสองพี่น้องไฮทานิซะงั้น รวมถึงแก๊งอื่นๆด้วย เป็นอย่างนี้บ่อยจนพนักงานในร้านขี้เกียจจะห้ามแล้ว
.
.
.
"ช่วงนี้ระวังตัวหน่อย"
"มีอะไรรึเปล่าครับ?"

ระหว่างที่ทาเคกำลังนำเครื่องดื่มไปให้โต๊ะสามสาวเจ้าประจำ คนนึงในโต๊ะก็พูดขึ้น มองมาที่ทาเคเหมือนจะพูดอะไร ก่อนส่ายหน้า แต่แววตากับสั่นไหวจนทาเครู้สึกได้คนอื่นในโต๊ะก็เป็นแบบเดียวกัน
แก๊งอื่นๆช่วงนี้ก็ไม่ค่อยแวะเวียนมาเท่าไร ทาเคเก็บจานอย่างใช้ความคิด พนักงานในร้านของเขาบางคนก็ขอลางานไม่มีกำหนด เหลืออยู่ในร้านไม่กี่คน แต่พอถามทุกคนก็ดูเหมือนอมความลับซักอย่างเอาไว้ แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่พูด ทาเคก็ไม่อยากคาดคั้นหรอก

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
.
.
.
เป็นที่รู้กันอย่างลับๆว่านอกจากร้านคาเฟ่ร้านนี้จะอยู่ในการคุ้มครองของมหาอำนาจโลกใต้ดินอย่างบงเทนแล้ว

ยังเป็นร้านที่ห้ามเกิดการทะเลาะวิวาทภายในร้านเป็นอันขาด ช่วงแรกก็มีคนอยากลองของจนทำเอาทาเคลำบากพอตัว แต่สุดท้ายก็หยุดไป
.
.
.
เพราะพนักงานในร้านนี้ทั้งหมดล้วนเป็นนักฆ่า
ทั้งปลดระหว่าง ทั้งหนีออกมา ทั้งมีสังกัด ทั้งนอกสังกัด ทั้งรับจ้าง ทั้งอิสระ

แต่ทุกคนในร้านมีจุดร่วมเดียวกันคือเป็นนักฆ่าที่โดนความอบอุ่นของคุณเจ้าของร้านผมทองช่วยเอาไว้

พวกเขาจึงตัดสินใจจะรักษาความสุขของเจ้านายที่เคารพรักไม่ให้ถูกช่วงชิง
พอรู้ว่าอีกฝ่ายเคยเป็นคนของโตมันมาก่อนแต่ออกมาแล้วยิ่งช่วยกันดูแลจากลูกหลงที่มักจะมีมาบ่อยๆ

จากตอนแรกที่เขม่นกับพวกแก๊งอื่นๆที่เข้ามาวุ่นวายในร้าน กลับกลายเป็นช่วยกันดูแลไม่ให้เจ้าของรอยยิ้มสดใสต้องตกอยู่ในอันตราย

จนต่างฝ่ายต่างไว้ใจกันยอมให้ดูแลทั้งภายในและภายนอกร้าน
อย่างรอบที่สามสาวเข้าร้านมา สัญชาตญาณของคนในร้านรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักฆ่า ถึงจะเป็นรุ่นใหม่แต่ก็คงคุ้นหน้าคุ้นตาหลายๆคนในร้านอยู่บ้าง

ก็ตัวเป้งๆของวงการนักฆ่าทั้งนั้นเลยนี่นา

เลยออกอาการเกร็งซะจนพวกเขาหลุดขำ ตอนที่เจ้านายได้ยินเสียงทะเลาะแล้วจะเข้าไปดู
พวกเขาเลยเข้าไปจัดการให้ พูดคุยกันอย่างนักฆ่า จนอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงัก แต่พอเจอรอยยิ้มพิฆาตของคุณเจ้าของร้านเข้าไปก็โดนตกจนต้องมาบ่อยๆ

เห็นเด็กในร้านบอกว่าสามคนนี้ก็อันตรายพอสมควร ถึงจะอยู่คนละสังกัดแต่เหมือนมีฉายาว่าสามเจ้าหญิงเพชฌฆาต
แต่อยู่ดีๆสมดุลความสงบสุขก็โดนทำลาย นักฆ่าหลายคนถูกจ้างและถูกเรียกกลับไปทำงานเพราะมีแก๊งใหม่โผล่เข้ามา

เป็นพวกแก๊งที่มีคนใหญ่คนโตคอยหนุนหลัง ไม่น่าแปลกใจเท่าไรที่แก๊งมหาอำนาจต่างๆจะวิ่งวุ่น เพราะแก๊งนั่นสร้างความวุ่ยวายไปทั่ว จะออกหน้าตรงๆก็ไม่ได้เพราะจะเป็นการประกาศสงคราม
ทางออกที่แก๊งและผู้มีอำนาจต่างๆเลือกนั้นก็คือ นักฆ่า

ตัวตนที่อยู่ในเงามืด ทำงานตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างหรือนายหน้า บางคนไม่มีแม้กระทั้งชื่อในสารระบบ

โชคดีที่เจ้านายของพวกเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องใบสมัคร หรือตัวตนอะไรมากนัก เป็นความไม่ใส่ใจที่จะว่าดีก็ไม่ใช่ร้ายก็ไม่เชิง
.
.
.
"นี่อาทิตย์ที่ 3 แล้วนะ!"
"อะไรหรอคะทาเคมิจิซัง?"

"ก็พวกสาวๆที่มาบ่อยๆไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยนี่สิ ไหนจะพวกเด็กๆที่บอกจะไปเข้าค่าย กับคนที่ลาไปทำธุระที่บ้านอีกล่ะ! ไม่ติดต่อกันมาเลยอ่าาา"

ทาเคงอแงอยู่ตรงเคาเตอร์จนพนักงานได้แต่ลูบหัวลูบหลังอยู่นั่น
"ไหนจะซันสุคุงอีก! รายนั้นโผล่มาหอบกาแฟลอตใหญ่แล้วก็หายหัวเลยนี่!!"

"เดี๋ยวก็คงใกล้จะกลับมาแล้วมั้งคะ"
ทาเคได้แต่ถอนหายใจ เหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้ม บ่งบอกว่าเวลาปิดร้านใกล้มาถึง

หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรนะ
.
.
.
ปัง!

ทาเคที่นั่งทำบัญชีอยู่ตรงเคาเตอร์พร้อมกับพนักงานที่นั่งคุยเล่นกันอยู่สะดุ้งขึ้นมา

ม่านเหล็กที่ปิดรอบร้านบ่งบอกเป็นนัยแล้วว่าร้านนี้ปิดให้บริการแล้ว คงไม่มีคนธรรมดาที่ไหนกล้ามาเคาะ นอกจากคนฝั่งนั้น ที่ชอบมาหลบภัยที่ร้านของเขาตลอด
ทาเคเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม มีพนักงานเดินตามหลังไปด้วย เปิดม่านเหล็กออก

"วันนี้กลุ่มไห----"
ทาเคเบิกตากว้างปรากฏร่างของสามสาวที่หายไปหลายอาทิตย์ มีคนนึงที่ทั้งอุ้มและแบกอีกสองคนเอาไว้ ม่านน้ำตาบดบังใบหน้าสวย ทั้งรอยแผลและเลือดเต็มตัว ใบหน้าซีดเซียวจนดูไม่ได้
"ทาเคมิจิซัง"
อีกฝ่ายกล่าวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว ตัวสั่นระริกราวกลับลูกนกพึ่งคลอด

"ช่วยพวกเราด้วยค่ะ"
เสียงปล่อยโฮของคนที่ยังมีสติ บีบหัวใจเขาสิ้นดี เขาส่งสัญญาณให้พนักงานพาเข้าไปในร้าน ก่อนจะรุดลงไปยังชั้นใต้ดินของที่นี่
รักษากันอย่างรีบเร่ง ไม่มีใครถามว่าทำไมถึงไม่ไปโรงพยาบาล ทาเคก็ไม่ถาม

ได้แต่กดเลือดของหนึ่งในสามสาวให้หยุดไหล รอยแผลพาดเป็นทางยาวและเสียเลือดมาก ทาเคกัดฟันก่อนแม๊กแผลไม่ให้ฉีกไปมากกว่านี้

ในห้องตอนนี้มีเพียงแค่พนักงงานผู้หญิง มีทาเคคนเดียวเป็นผู้ชาย
พนักงานคนอื่นเห็นทาเคตอนลงมาดูอาการแล้วกระชากเสื้ออีกฝ่ายซะขาดพร้อมดวงตาราวกับโกรธใครอยู่นั้น ก็พากันอพยพขึ้นไปข้างบน นั่งเป็นหมาเฝ้าร้านอย่างยินยอมพร้อมใจ

"ทาเคมิจิซัง พวกเขาเสียเลือดมาก ถึงคนที่พามาจะหนักสุดเลยก็เถอะ!"
คนนึงบอกเขาที่กำลังดูแผลให้คนที่พาอีกสองคนมา
อีกสองคนตัวซีดเซียวจนทาเคกังวล
เช็ดตัวให้อีกฝ่าย เอาคราบสกปรกและคราวเลือดออกจากร่างกาย

ทาเคมองทั้งสามคนเล็กน้อย ก่อนผละออกไป

พนักงามมองตามเจ้านายที่เดินขึ้นบันไดไป ไม่รู้ไปที่ไหนกลับมาอีกทีพร้อมเข็มเจาะเลือด เจาะเลือดมั้งสามคนที่นอนอยู่ ดูกรุ๊ปเลือดของทั้งสามคน
ก่อนจะหายไปอแล้วพร้อมกลับมาพร้อมถุงเลือดตามกรุ๊ป

ไม่มีใครปริปากพูดขึ้นมา ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงทาเคที่เจาะสายให้เลือดเข้ากับทั้งสามคน

1 ใน 3 ลืมตามขึ้นมา
"พวกเราจะไม่ตายใช่มั้ยคะ"
คนที่นอนอยู่ฝืนยิ้มให้ทาเคด้วยใบหน้าและดวงตาที่สั่นระริก
พนักงานในร้านที่เห็นทาเคใบหน้าเรียบเฉย ก่อนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ทาเคเอาผ้าเช็ตไปตามกรอบหน้าของคนที่ถาม

"ไม่ตายหรอก"
"เพราะผมมีเรื่องที่ต้องถามพวกเธออีกเยอะ"
"แต่ตอนนี้พักผ่อนก่อนเถอะนะ"

ระบายยิ้มบางให้อีกฝ่ายก่อนปิดตาให้นอนหลับฝันดี
รุ่งเช้ามาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว
แน่นอนทาเคยังไม่ได้นอน

บรรดาคนที่หายไปหลายอาทิตย์กำลังค่อยๆแอบทยอยกันเข้ามาในร้าน สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นเขานั่งรออยู่ก่อนแล้วที่เคาเตอร์

ทุกคนต่างเข้ามานั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าราวกับรู้ตัวว่ามีความผิด อ้าแล้วก็หุบปากพะงาบๆอยู่ย่างนั้นจนทาเคถอนหายใจ
"ไปจัดการตัวเองซะ สามสาวตื่นค่อยมาคุยกัน"
ทุกคนรีบวิ่งหายไปเหมือนกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ ทาเคเลยย้ายตัวเองมายืนดูดอกไม้ในโหลแก้วที่มีอยู่หลายโหล ถูกปิดไว้อย่างดี กำชับทุกคนในร้านว่าอย่าเปิดมันออกมา

เสียงกระดิ่งประตูร้านดังขึ้น
รอยยิ้มสดใสยกขึ้นมายามเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามา
"ลมอะไรหอบเหล่าหัวหน้าแก๊งมาพร้อมกันละครับ คนอื่นๆด้วยยังกับงานรวมรุ่นแหนะ" ทาเคหัวเราะเบาๆ

ทาเคไปตัดเตรียมโต๊ะใหญ่มาให้ เพื่อจะนั่งรวมกันทุกคน

"ทาเคมิจจิ!! คิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ช่วงนี้งานยุ่งมากเลย!"
"ใช่เลย! มีพวกตัวปัญหาวุ่นวายไปหมด!"
แต่ละคนต่างออดอ้อนเจ้าของร้านคนสนิทอย่างเอาแต่ใจก่อนเวลาผ่านไปสักพักจึงกลับเข้าเรื่องสำคัญ

"ทาเคมิจจิตอนนี้สถานการณ์แย่มากเลย คนที่เกี่ยวก็โดนลูกหลงไปเกือบหมด"
ทาเคฟังไมกี้พูดอย่างตั้งใจ
"ทาเคมิจจิก็นับว่าก้าวเข้ามาฝั่งนี้อยู่ครึ่งหนึ่ง เราเลยต้องให้การคุ้มครองทาเคมิจจิและครอบครัว"
ทุกแก๊งพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของไมกี้

"เน่ ทาเคมิจจิ นามสกุล 'ฮานากาคิ' นี่..."

ทาเคยิ้มบางๆให้เหล่าเพื่อนสนิท เป็นรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก เดาไม่ได้
"ผมเป็นผู้ถือครองนามสกุล ฮานากาคิ แต่เพียงผู้เดียวคร้บ"
ทาเคพูดขึ้นมาราวกลับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ

"แล้วพ่อแม่..."
"ไม่มีหรอกครับ ถึงจะใกล้เคียงแต่ก็ไม่ใช่"

มีคนกำลังจะเอ่ยปากขึ้นมาต่อ แต่...

"ครอบครัวของผมมีแค่คนในร้านนี้และพวกคุณเท่านั้นครับ"
"ถึงจะมีอยู่ข้างนอกบ้าง แต่คนพวกนั้นเขาดูแลตัวเองได้ และไม่ใช่คนที่จะโดนลูกหลงจากสถานการณ์ตอนนี้แน่นอนครับ"

ทาเคลุกออกไปแล้ว ทิ้งให้บรรดาเพื่อนๆนั่งจิบชากินขนม อย่างใช้ความคิดต่อไป
อิซานะมองดอกไม้ในโหลแก้วอย่างพินิจ ก่อนจะละสายตาออกมา เห็นซันสุเดินตามทาเคไปที่เคาเตอร์ ได้ยินเสียงด่าลอยมาตามลม คนบนโต๊ะได้แต่ยิ้มแห้ง

ชอบเขาแล้วดันไปด่าเขา มันเป็นอะไรของมัน
ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากห้องใต้ดิน ซันสุที่ท้าวคางกวนทาเคตอนชงกาแฟอยู่ชะงัก ทาเควางมือจากทุกอย่างแล้วรีบเร่งลงไป บรรดาหัวหน้าแก๊งเลยตามลงมาด้วย

สามสาวตื่นแล้ว พร้อมล้อมรอบด้วยพนักงานในร้าน คนที่นอนอยู่สบตากับทาเคได้แต่ก้มหัวให้เป็นเชิงขอบคุณ ทาเคระบายยิ้มบางๆ
"เอาล่ะ ถึงเวลาเล่าสถานการณ์ตอนนี้ที่พวกคุณพูดถึงให้ผมฟังแล้วครับ"

ทาเคลากเก้าอี้มานั่งตรงปลายเตียง มองบรรดาพนักงานที่ได้แต่ยิ้มแหยๆส่งมาให้
เรื่องราวถูกเล่าจากทั้งสองฝั่ง เหมือนแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละฝ่าย ทาเคแค่นั่งฟัง ไม่ได้เข้าร่วมบทสนทนาแต่อย่างใด

แค่พนักงานเห็นทาเคไม่สนใจเรื่องที่ทั้งร้านเป็นนักฆ่าก็แทบจะก้มลงกราบที่ตักของเจ้านายตัวเล็กที่ไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แถมไม่โกรธจนถึงขั้นเฉยชาอีกต่างหาก
สรุปสุดท้าย เรื่องเลยออกมาว่าให้บรรดานักฆ่าดูแลทาเคในช่วงนี้ ส่วนแก๊งอื่นๆจะรีบจัดการเรื่องแก๊งใหม่เจ้าปัญหาให้เร็วที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธ ทาเคไม่ได้ว่าอะไร แค่บ่นงึมงำว่าต้องตุนอุปกรณ์ทำแผลอีกแล้ว
ทุกคนต่างแยกย้าย ส่วนสามสาวปักหลักอยู่ที่ร้านทาเคหลังจากหายดี

การปะทะของมหาอำนาจต่างๆของโลกใต้ดิน มีมาไม่หยุดหย่อนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่มีองค์กรหรือใครคนไหนได้เข้ามาโจมตีทาเคมิจิแม้แต่ปลายเล็บ

ผ่านการปะทะหลายเดือน เรื่องค่อยๆเงียบสงบสุข
เนื่องจากข่าวการต่อสู้ของมหาอำนาจ ย่านธุรกิจตอนนี้เลยไม่มีคนเข้ามาใกล้แม้แต่น้อย ทาเคได้แต่มองดูดอกไม้ในโหลแก้วพร้อมเปิดข่าวฟังไปด้วย รวมถึงเงื้อหูฟังวิทยุสายตรงของบงเทนและแก๊งอื่นๆ
.
.
เงียบจังนะ

เงียบจนเกินไป
วันนึงซันสุก็เดินเข้ามาพร้อมพี่น้องไฮทานิที่มาแค่คนพี่
เข้ามาสั่งกาแฟตามปกติ เขาถามสถานการณ์ในตอนนี้ อีกฝ่ายบอกว่าเรื่อยๆ

ทาเคมิจิลอบมองซันสุ

การสูดหายใจเข้าผิดปกติ
เหงื่อที่ข้างขมับ
แขนขวาที่โอบท้องตัวเองแทบตลอดเวลา
ตอนเขาหันหลังให้อีกฝ่ายมักจะหลับตาราวกับกำลังอดทนอะไรบางอย่าง
รันก็เหมือนกัน
ใต้ตาหมองคล้ำราวกับไม่ได้นอน
คราบน้ำตาที่ติดอยู่น้อยๆ
ไม่สมเป็นไฮทานิที่สมบูรณ์แบบแทบจะตลอดเวลา

เขาลองกวนซันสุดูเพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของเขา
อีกฝ่ายโวยวายตามปกติ
ชักปืนขึ้นมาจ่อหัวเขาอีกครั้งเหมือนปกติที่ชอบทำ

แต่มือดันสั่น ถึงจะเล็กน้อยแต่เขาก็สังเกตเห็น
ช่วงลมหายใจที่ถี่กว่าปกติ เขาก็สังเกตเห็น

ทาเคจับปลายกระบอกปืนกดลงวางที่เคาเตอร์ช้าๆ

สองคนตรงหน้าทำท่าทีสงสัยที่ไม่ได้เห็นปฏิกิริยาปกติของเขา
เขาแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายที่ไปไม่ถึงดวงตาเหมือนทุกที
"พอเหอะมุกนี้ เบื่อแล้ว"

รันหัวเราะเบาๆ ซันสุโวยวายก่อนชูนิ้วกลางมห้เขาแล้วจากไป เขาไม่ลืมจะโชนิ้วกลางตอบอีกฝ่ายหรอก

ลับสายตาทาเคก็ใส่เสื้อคลุม
"ทาเคมิจิซังจะไปไหนหรอคะ"
"ไปบงเทน"
.
.
.
เสียงความวุ่นวายดังทั่วทั้งฐานลับที่ใช่รวมตัวของแก๊งภายใต้สังกัดบงเทน

ทาเคมิจิมองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสายตาอ่านไม่ออก

เดินลัดเลาะไปตามทางอย่างคุ้นเคย หลายคนสะดุ้งเมื่อเห็นเขา รางกับเก็บความลับอะไรบางอย่างไว้
ทาเคผลักบานประตูเข้ามา
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบเมื่อเห็นผู้มาใหม่
.
.
.
"ทาเคมิจจิ"
หลายคนมองเขาที่กัดฟันกลั้นน้ำตาด้วยใบหน้ารู้สึกผิดที่ปิดบัง

บงเทนถูกลอบโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่าจนทำให้พวกเขาพลาดท่า
เสียงขอโทษแว่วมาตลอด จนทาเคโกรธไม่ลง

พวกเขาก็แค่อยากให้ทาเคที่พยายามอย่างหนักในการสร้างชีวิตที่แสนสงบสุข ไม่ต้องมากังวลหรือก้าวเข่ามาในโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้

กลายเป็นคนเจ็บต้องลุกมาปลอบทาเคกันยกใหญ่

ทาเคเช็ดน้ำตาก่อนบอกให้รักษาตัวดีๆ เดินไปมองซันสุที่นอนเดี้ยงบนเตียง
"เป็นไง"
"อะไร"
"ก็ที่ฝืนสังงขารไปร้านกาแฟจนแผลฉีกไง"
"อย่ามาทำเป็นรู้ดีน่า"

ทาเคหัวเราะคิกคักมองคนที่หงุดหงิดเนื่องจากพลิกตัวหนีเขาไปได้เพราะบาดแผล

"ขอบใจ"
ทาเคเข้ามากล่าวแค่นี้ บอกว่าเดี๋ยวจะมาเยี่ยมใหม่

ลับหลังทาเคไป

หมาบ้าของบงเทนได้แต่หลบอยู่ในผ้าห่มท่ามกลางเสียงแซวของทุกคนในห้อง
ทาเคกลับมาที่ร้าน พนักงานกล่าวต้อนรับกลับก่อนหันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทาเคเดินขึ้นห้องพักตัวเองไปออกมาจนเย็น

สามวันต่อมา

ทาเคเดินไปหยุดหน้าโทรศัพท์โบราณที่พนักงานในร้านคิดว่าเป็นของตกแต่งมาตลอด เลยมองมาที่เจ้านายที่ยืนจ้องมันมาสักพักใหญ่ หลายคนได้แต่สงสัยและกระซิบกระซาบกัน
ทาเคเหลือบมองไปยังนอกร้าน พระอาทิตย์กำลังจะตก พนักงานที่ออกไปเช็ดกระจกหน้าร้านเดินกลับเข้ามาเห็นเจ้านายตัวน้อยของพวกเขาเหม่อพอดี

น่ารักใช่มั้ยล่ะ ดีแล้วที่กระจกข้างนอกเป็นแบบทึบล่ะ เห็นว่าบงเทนมาติดให้ก่อนที่จะเปิดศึกกัน กันกระสุนได้อีกต่างหาก เจ้านายเขาปลอดภัยหายห่วง
กริ๊ง

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ คนที่แอบมองอยู่ได้แต่สะดุ้ง

ทาเคยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับ ใบหน้าไม่ยินดียินร้ายที่เห็นมาตั้งแต่ช่วงสามสาวบาดเจ็บ ก่อนมาหนักขึ้นเมื่อรู้ว่าบงเทนพลาดท่า ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มพอใจเมื่อยกหูโทรศัพท์ขึ้น
.
.
"ผมรอคุณติดต่อมาพอดีเลยครับ"
"คุณพ่อ"
คนในร้านที่แอบฟังบทสนทนาชะงัก
พ่อ? พ่อไหน? ไหนเจ้านายบอกว่าไม่มีครอบครัว? คุยภาษามือกันเพื่อใม่ให้เจ้านายรู้ตัว

"ครับ..."
"ครับ"
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น เป็นเสียงหัวเราะที่นิ่งและสงบอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้านายตัวเล็กที่บรรดาพนักงานได้ยินอยู่บ่อยๆ

"ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับคุณพ่อ"
"ผมสามารถเล่นได้ใช่มั้ยครับ?"
"...แน่นอนครับ เชื่อมือผมเถอะ"
"ผมทนมาหลายเดือนแล้วครับ รอคุณพ่อติดต่อมาตลอดเลย"

"ครับ"
"แล้วผมจะเข้าไปหาหลังเรื่องจบนะครับ"

พนักงานได้แต่ปรึกษากันเงียบๆ บทสนทนาจบลงแล้ว เจ้านายไม่ได้พูดอะไร และไม่มีใครกล้าถามขึ้นมา
"ถึงเวลาปิดร้านแล้วครับทุกคน ได้เวลาเข้านอนแล้ว"

ทาเคไปเปิดโหลดอกไม้โหลนึงขึ้นมา แจกจ่ายบรรดาพนักงานคนละดอก
"พักผ่อนให้เต็มที่นะครับ ดอกนี้ทำให้หลับสบายล่ะ"

ทาเคยิ้มแย้มให้บรรดาพนักงาน
"กลิ่นหอมด้วยนะ! ลองดมสิ"

สายตากวาดมองพนักงานอีกครั้งที่ลองดมตามคำบอก

"ราตรีสวัสดิ์นะครับ"
ทาเคนั่งอยู่ตรงกลางร้าน หลับตาฟังเสียงประตูปิดของทุกห้อง นั่งรอเวลาครบ 15 นาที ก่อนจะลุกไปที่เคาเตอร์

เอามือสอดเข้าไปใต้ส่วนที่ยื่นออกมาของเคาเตอร์ กดปุ่มเล็กและวางนิ้วแนบเอาไว้

ชั้นลอยและผนังเก็บวัตถุดิบถูกพลิกหมุนกลับเป็นอีกฝั่ง

มีดทุกขนาด ปืนทุกชนิด อาวุธแทบทุกอย่าง
ทุกอย่างปรากฏออกมาจากหลังกำแพงที่ไม่เคยมีใครรู้

อาวุธระรานตาที่ถูกเก็บซ่อนไว้
ราวกับสววรค์ของบรรดานักฆ่ามากฝีมือ อาวุธชั้นดี คุณภาพยอดเยี่ยม เสริมกลไกสำหรับนักฆ่าโดยเฉพาะ

อาคารหลังนี้ถูกบงเทนสร้างขึ้นมาให้ก็จริง

แต่ไม่เคยมีใครรู้ถึงการมีอยู่ของมันสักคน
ทาเคแย้มยิ้มท่ามกลางความมืด
ดวงตาสีฟ้าสวยเป็นประกายวาววับ

มือคว้าเอามีดกับปืนคู่ใจที่คุ้นเคยมาไว้ในมือ หยิบเข็มฉีดยาที่มียาสีสวยบรรจุอยู่สามารถพร้อมฉีดได้ทันทีเก็บไว้ในมืออีกข้าง

ฮัมเพลงเบาๆอย่างอารมณ์ดี ใส่ถุงมือหนังที่คุ้นเคย
แน่นอนมันยังมีกลิ่นคาวเลือด

ใส่เสื้อคลุมหนังที่คุ้นเคยพร้อมกับกางเกงและอุปกรณ์อื่นๆ และแน่นอน พวกมันยังมีกลิ่นคาวเลือด

ตอนนี้มีจริงหรือไม่เขาไม่รู้หรอก
แต่ในอดีตมันเคยมีแน่ๆ
เดินไปหยิบดอกไม้ในโหลแก้วที่เขาจ้องมองมันมาหลายเดือน รอเวลาที่จะได้ใช้มันอีกครั้ง

ดอกไม้สวยๆที่มีกลิ่นหอมและเหมาะกับ
'ฮานากาคิ(รั้วดอกไม้)'อย่างผม

ทาเคหัวเราะเบาๆยามนึกถึงตอนที่บรรดาพนักงานในร้านบอกว่า เขามักมีกลิ่นดอกไม้ติดอยู่ตามตัว
ทาเคก้มลงจุมพิตเบาๆที่ช่อดอกไม้ในมือ ก่อนหยิบขึ้นมาหนึ่งดอกแล้วบรรจงละเมียดชิมมันเข้าไปเหมือนครั้งวันวาน

'ไม่มีดอกไม้ดอกไหน
หนีจาก ฮานากาคิ ไปได้หรอก'
.
.
.
"รสชาติแย่เหมือนเดิม"
ยกยิ้มบางประจำตัว
แล้วจึงหายเข้าไปในความมืด
.
.
.
"ทาเคมิจิซัง?"
พนักงานที่ตื่นมาเปิดร้านเห็นทาเคนั่งอยู่ที่เคาเตอร์ ทาเคมิจิยิ้มให้น้อยๆ

บนแก้มเนียนที่ไม่เคยมีร่องรอยมาก่อนปรากฏพลาสเตอร์อันเล็ก ไหนจะผ้าพันแผลที่คอนั่นอีก

คนที่สังเกตเห็นได้แต่มือสั่นปากสั่น เจ้านายของพวกเราเป็นอะไรรึเปล่า ทาเคเหมือนนึกขึ้นได้จึงหันมายิ้ม
"แผลนิดหน่อย ไม่ต้องกังวลหรอก"
ไม่มีใครเชื่อหรอก แต่หากทาเคเป็นคนเอ๋ยมาเช่นนั้นใครจะกล้าถามต่อ

เพื่อลบบรรยากาศน่าอึดอัดออก สามสาวเลยเริ่มบทสนทนายามเช้า
"วันนี้กลิ่นดอกไม้แรงจังนะคะ"
"แต่หอมมากเลยค่ะ!"
"ทาเคมิจิซัง ซื้อน้ำหอมจากร้านไหนหรอคะ"
จากนั้นบทสนทนาจึงไปต่อด้วยดี
ทาเคมิจิฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแทบตลอดทั้งวัน นั่งดูทีวีกับพนักงานในร้านด้วยดวงตาแวววาว

"รายงานข่าวด่วนครับ"
พนักงานในร้านที่แยกย้ายไปก่อนแล้วหันไปมองทีวีเป็นตาเดียว ที่ด้านหน้าถูกจับจองด้วยเจ้านายของพวกเขา

มองดูเนื้อหาข่าวในทีวีอย่างพอใจ แกว่งขาไปมาบนเก้าอี้ตัวสูง
"กลุ่มธุรกิจสีเทาที่สร้างความวุ่นวายตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"
"ถูกพบเป็นศพกลางสวนคฤหาสน์ของหัวหน้าแก๊ง"
"ตำรวจคาดว่าเกิดจากการต่อสู้ภายในของมหาอำนาจ เลยเกิดการจ้างวานนักฆ่าฝีมือดีเกิดขึ้น"

พนักงานในร้านได้แต่ขนลุกกับจำนวนศพที่ถูกเบลอบนจอทีวี
พวกเขาหลายคนที่ถูกส่งไป ขนาดหลายแก๊งยอมตกลงร่วมมือกันยังแทบเอาตัวไม่รอด สามสาวเพชฌฆาตที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นว่าที่ขั้วอำนาจใหม่ขององค์กรนักฆ่ายังแทบปางตายกลับมา

แล้วเจ้าของผลงานในครั้งนี้คือใคร?

ศพที่ถูกพบถูกจัดแต่งไว้ในสวนราวกับหุ่นไล่กาบางคนที่โชคดีหน่อยก็นอนนิ่งพร้อมดอกไม้บนอก
บรรดานักฆ่าในร้านได้แต่ชะงักจากความหวาดกลัวในฝีมือของนักฆ่าไร้นามคนนี้ ถ้าไม่ใช่โนเนมที่ปิดบังฝีมือ ก็ต้องเป็นคนขององค์กรนักฆ่าที่สำคัญจนยอมปิดชื่อเป็นความลับให้

แหม โลกนักฆ่านี่พิศวงจังน้าาา
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าบงเทนและแก๊งต่างๆก็ตบเท้ากันมาฉลองที่ร้านของทาเคเนื่องในโอกาสที่ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติ และพวกเขาก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง ทาเคเลยจัดกลุ่มนี้ไปกองที่อีกฝั่งของร้านไม่ให้รบกวนลูกค้าคนอื่น ที่ไม่ค่อยจะมือเนื่องจากยังหวาดกลัวลูกหลงอยู่
พนักงานบางส่วนก็ไปดูแลฝั่งนู้นกันซะมาก

กริ๊ง

เสียงเปิดประตูเข้าร้าน พนักงานที่ยังอยู่ใกล้ๆทาเคหันหน้าไปจะไปกล่าวต้อนรับแต่ก็แข็งค้างหาเสียงตัวเองไม่พบ

คนอื่นๆที่ชะโงกหน้าออกมาดูก็เกิดอาการเดียวกัน จนเงียบผิดปกติ ทาเคเลยเงยหน้าจากสมุดบัญชีร้าน
จังหวะสบตาเข้ากับชายวัยผู้ใหญ่ตอนปลายร่างสูง มีความสง่างามอยู่ในท่าที แม้ใบหน้าและมือหนานั่นจะเต็มไปด้วยแผลเป็น โดยมีคนเดิมตามหลังเข้ามาสองคน มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับทาเค คอยชะเง้อมองมาทางทาเคพร้อมรอยยิ้ม

ทาเคเพียงยิ้มให้และลุกออกจากเคาเตอร์ นำทางไปยังที่นั่งที่ไม่ไกลบงเทน
ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของบรรดาเพื่อนๆและพนักงาน แต่จังหวะที่บรรดาพนักงานเห็นหน้าลุงก็ชะงักแล้วหันไปตัวลีบติดกันอยู่มุมร้าน

บงเทนเห็นปฏิกิริยาก็สงสัย ก่อนหนึ่งในพนักงานจะเล่าเรื่องชายคนนี้

ชายที่ถูกเรียกว่า
'นายหน้าขององค์กรนักฆ่าที่ใหญ่ที่สุด'
ทุกคนหันกันคอแทบหัก คนระดับนั้นกำลังนั่งอยู่ในคาเฟ่ พร้อมกับคนสองคน

นักฆ่าระดับสูง ทั้งร้านมองหน้าพร้อมพยักหน้าสนับสนุนให้กับข้อสรุปที่ได้

พวกเขามองทาเคที่กำลังแนะนำเมนูพร้อมรอยยิ้มอย่างระวัง หากมีอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมพุ่งเข้าใส่ทันที
"ฉันไม่กินของหวาน"
"ผมแนะนำให้ผู้ติดตามของคุณต่างหาก"
ชายหนุ่มหันมองคนข้างตัวที่น้ำลายแทบจะหยดออกจากปาก

ก่อนจะยิ้มกว้งให้ชายหนุ่ม ถูมือไปมาเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
"แต่พวกชากาแฟ ไหนจะเหล้าชั้นดีเราก็มีนะครับ"
ทาเคหัวเราะคิกคักให้กับคำพูดตัวเอง คนที่แอบดูอยู่ได้แต่กลั้นหายใจ
สุดท้ายชายหนุ่มก็พยักหน้า ทาเคเดินอย่างอารมณ์ดีไปหลังร้านก่อนกลับมากับชาชั้นดี และขนมไม่หวานมาก รวมถึงขนมและน้ำหวานๆสำหรับผู้ติดตามสองคนที่ยื่นมืออกมารับของจากเขาราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า

"เธอกำลังปอกลอกฉัน"
"เขาเรียกว่าธุรกิจครับ แค่นี้ขนหน้าแข้งคุณไม่ร่วงหรอก"
คนโตกว่าฟึดฟัดก่อนก้มลงจิบชาด้วยท่าทีสง่างาม คิ้วที่ขมวดจึงคลายออก โดยมีทาเครินชาให้เป็นระยะ

บรรดาคนแอบดูได้แต่สับสน หันไปถามกันว่าทาเคเคยรับลูกค้าคนนี้หรอถึงดูสนิทขนาดนั้น

ทุกคนส่ายหัว พนักงานที่อยู่มานานสุดก็ยืนยันว่าไม่รู้จัก
"บอกเพื่อนๆของเธอให้เลิกจ้องฉันได้แล้ว"
คนแอบดูถึงกลับสะดุ้ง เสียงหัวเราะแห้งลอยมาตามลม

ทาเคขำเบาๆ ก่อนคนแอบดูจะเปลี่ยนมาเผชิญหน้าตรงๆ

"คนระดับคุณมาทำไมที่ร้านนี้คะ"
เสียงหนึ่งในพนักงานเอ่ยขึ้น ก่อนตามด้วยเสียงสนับสนุนมากมาย
ไม่มีนักฆ่าคนไหนไม่รู้จัก ชายตรงหน้าคือนายหน้าองค์กรนักฆ่าที่ใหญ่ที่สุด นักฆ่าทุกคนต้องเคยเห็นมาแล้วทั้งนั้น แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอีกฝ่ายออกจากฐานขององค์กร ทำไมวันนี้ถึงมาโผล่ที่นี่ได้กัน

"ไม่ต้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาระแวดระวังขนาดนั้นหรอก"
อีกฝ่ายยกกระเป๋าวางบนโต๊ะ
บรรดานักฆ่าและแก๊งต่างๆรู้ดีว่าภายในนั้นคือเงิน แต่จำนวนไม่รู้หรอก

"พนักงานในร้านเธอทั้งสิ้น 28 คน 17 คนงานเดี่ยว 11 คนงานกลุ่ม ทำงานลอบฆ่าบอสของอำนาจใหม่ไม่สำเร็จ"

"ต่อมา สามสาวเพชฌฆาต รับงานเดี่ยว ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นงานกลุ่มในตอนท้ายแต่ก็ไม่สำเร็จ"
บรรดาพนักงานในร้านได้แต่ซี๊ดปาก ก่อนมองหน้ากัน นี่ขนาดนับแค่องค์กรเดียวไม่นับองค์กรยิบย่อยอีกมากมาย แถมยังนับแค่พนักงานในร้านนี้ ไม่อยากคิดถึงจำนวนนักฆ่าทั้งหมดที่ใช้ทุ่มกับการฆ่าครั้งนี้เลย

"ตามกฏค่าจ้างงานในแต่ละครั้งจะถูกทบไปเรื่อยๆจนกว่างานจะสำเร็จ"
นั่นก็คือสิ่งที่คนในวงการรู้
แถมเหยื่อครั้งนี้ยังเป็นที่หมายตาของคนแทบทุกสารทิศ

พวกเขาได้แต่คำนวณจำนวนเงินในใจ มันเยอะมากๆ จนขนาดโคโค่ของบงเทนยังร่วมซี๊ดปากด้วยอีกคน

"เอาล่ะ ฮานากาคิ"
"ครับ"
ทาเคยิ้มบางให้อีกฝ่าย
"ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยาก"
"ทั้งหมดนี่เป็นของเธอ"

อีกฝ่ายดันกระเป๋ามาทางเจ้าของร้านตัวเล็ก ทาเคได้แต่พยักหน้า ท่ามกลางใบหน้าเหมือนเห็นผีของบรรดาพนักงานกับใบหน้าที่ยังประมวลผลไม่ทันของแก๊งต่างๆ

"ขอบคุณครับ คุณพ่อ"
หันคอแทบหักกันอีกหน เสียงอุทานหลายเสียงแว่วเข้ามาจนทาเคยิ้มบาง
"ทาเคมิจจิหมายความว่ายังไง!!"
"คู่หู!"
"ทาเคมิจิซัง!"
"เจ้านายครับ!!!"

แต่ล่ะคนแทบไม่ยอมรับกับความจริงที่พึ่งได้ยินกับหูตัวเอง

"ลุงนายหน้าคนนั้นเป็นพ่อของทาเคมิจิซังหรอคะ!?"
เสียงฮือฮาจากพนักงานในร้านดังไม่ขาดสาย ทาเคหัวเราะเบาๆ เหลือบไปเห็นคุณพ่อของเขาลุกขึ้น
ทาเคลุกยืนอยู่ข้างๆอีกฝ่าย
ผายมือมาทางทาเค
"คุณคนนี้คือพ่อใหญ่ครับ แต่ผมถนัดเรียกเขาว่าคุณพ่อมากกว่า"

บรรดาพนักงานแทบหยุดหายใจ พ่อใหญ่คือบุคคลที่เก็บเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดูและฝึกสอนให้เป็นนักฆ่า เป็นแขนขาเป็นขาให้กับพ่อใหญ่ในอนาคต
พนักงานในร้านที่รู้ถึงฝีมือของพ่อใหญ่คนนี้มองทาเคสลับไปมา แววตาเหมือนอยากจะร้องไห้มาเสียดื้อๆ

"งั้นแกก็เป็นนักฆ่าน่ะสิ"
ซันสุเอ่ยออกมาพร้อมชี้นิ้วและทำหน้าไม่เชื่อสุดๆ คนอื่นต่างกลืนน้ำลาย

ทาเคยิ้มบางให้ เป็นการยอมรับกลายๆว่าตนเองนั้นเป็นนักฆ่า
เสียงของพ่อใหญ่เรียกสติ
"งั้นจะแนะนำชื่อของเด็กคนนี้ในโลกฝั่งนี้อย่างเป็นทางการ"

"ฮานากาคิ ทาเคมิจิ อดีตนักฆ่าภายใต้สังกัดของฉัน"
.
.
.
"อดีต?"
ทั้งห้องหันไปหาเจ้าของชื่ออย่างรวดเร็ว
ผู้ติดตามของพ่อใหญ่โบกไม้โบกมือให้ เพื่อรับหน้าที่อธิบายต่อ

"ฮานากาคิซัง เคยได้รับงานใหญ่ตอนอายุ 10 ขวบครับ!"
"แล้วก็ทำงานผลงานได้ดีจนพ่อใหญ่ให้ขออะไรก็ได้"

จังหวะที่พูดขึ้นพ่อใหญ่ถอนหายใจยามนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ทาเคได้แต่นั่งลูบกลีบดอกไม้ที่พ่อใหญ่ใส่มาในกระเป๋าเงิน
"ปกติเด็กวัยที่องค์กรก็ไม่ค่อยขออะไรแปลกๆหรอกครับ หลายคนก็ขออาวุธใหม่บ้าง บ้านเดี่ยวบ้าง วันลาพักร้อนบ้าง"

"ทะเยอทะยานหน่อยก็ขอหุ้นในองค์กร ขอเป็นผู้สืบทอดองค์กร พ่อใหญ่ก็ให้นะครับ แต่เป็นวันเดียวก็โบกมือลากันหมดแล้ว"

เจ้าตัวที่ตอนนี้เป็นว่าที่พ่อใหญ่คนต่อไปได้แต่หัวเราะ
ตอนนั้นก็แค่อยากเอาชนะ ฮานากาคิ ที่เป็นที่หนึ่งขององค์กรเท่านั้นเอง เพราะของที่ขอต้องห้ามซ้ำกัน แถมฮานากาคิตอนนั้นยังเอ่ยปากขอบอกสิ่งที่ต้องการเป็นคนสุดท้ายอีกต่างหาก

ตอนเด็กเขามองว่าอีกฝ่ายโง่มากที่เอ่ยปากขอ'สิ่งนั้น'ออกไป
"ในวันนั้นฮานากาคิซังเอ่ยปากขอเป็นคนสุดท้ายครับ"

คนในร้านตั้งตารอฟังคำขอของฮีโร่ขี้แยตัวเล็กที่มีเบื้องหลังไม่ธรรมดาตรงหน้า

ชายหนุ่มยิ้มบางไม่ถึงดวงตาให้ทาเค พนักงานในร้านเห็นพร้องกันว่ามันเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้า แสนเสียใจ และแสนอาวรณ์

"ฮานากาคิซัง ขอ'นามสกุล'ครับ"
ทั้งร้านเงียบพร้อมทำหน้าไม่เชื่อสายตา ได้แต่หันไปหาทาเคที่กำลังหยิบกลีบดอกไม้ในกระเป๋าเงินออกมากิน โดยมีคนที่ได้ชื่อว่าพ่อใหญ่ตีมือให้วางเป็นพักๆ

ว่าที่พ่อใหญ่เห็นปฏิกิริยาของทุกคนในร้านแล้วหัวเราะ

"ตอนแรกที่ผมได้ยินผมคิดว่านั่นเป็นคำขอที่โง่เง่าที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
หลายคนพยักหน้ากับคำพูดนั้น กะอีแค่นามสกุล ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คำขออันแสนมีค่านั่นเลย

"และเวลาก็ทำให้ผมเรียนรู้
ว่าคำขอของฮานากาคิซังนั้น..."
ว่าที่พ่อใหญ่หัวเราะเบาๆราวกับเย้ยยันตัวเอง ที่ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ก็ไม่เคยชนะฮานากาคิได้เลย
จริงๆแล้วก่อนที่ฮานากาคิจะขอนามสกุล พ่อใหญ่เล็งให้ฮานากาคิเป็นผู้สืบทอด แต่เขาดันขอมาก่อน พ่อใหญ่ไม่ว่าอะไร หัวเราะเหมือนรู้ว่าเขาจะทนไม่ได้แน่ๆ แต่พอฮานากาคิขอนามสกุล เขานิ่งไปก่อนหัวเราะเสียงดังจนเด็กๆทุกคนได้แต่ขวัญผวา
หัวเราะด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าใคร ฉีกยิ้มกว้างราวกับปีศาจ และมีเพียงฮานากาคิในวัย 10 ขวบ ยืนเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆอันเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

พวกเขาในตอนนั้นไม่รุ้ นึกว่าพ่อใหญ่หัวเราะในความโง่เง่าของลูกคนโปรดจนอยากจะฆ่าให้ตายคามือ
ยามที่พ่อใหญ่หยุดหัวเราะ แล้วเอามือลูบหัวของฮานากาคิ พึมพำกับตัวเองราวกับกำลังหาชื่อดีๆให้

"เพราะเธอมากับดอกไม้และแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร 'ฮานากาคิ(รั้วดอกไม้)' นั่นเป็นนามสกุลของเธอ"

พวกเขาทุกคนที่ถูกพ่อใหญ่เก็บมาเลี้ยงเพื่อฟูมฟักเป็นนักฆ่า
ในวันนั้นเป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายมอบรอยยิ้มอ่อนโยน ดวงตาอันแสนเอ็นดูและเสียดายในเวลาเดียวกันให้ใครสักคน

ในวันนั้นพวกเขาทุกคนไม่มีใครสักคนเข้าใจ

กะอีแค่นามสกุล
ทำไมพ่อใหญ่ถึงอาลัยอาวรณ์มากขนาดนั้นกัน
วันเวลาค่อยๆดำเนินต่อไป โค้ดเนมและฉายาของพวกเขาถูกเรียกบ่อยขึ้น กลายเป็นนักฆ่าตัวเป้งของโลกมืด เพียงได้ยินฉายาหลายคนก็ถึงกับแข้งขาอ่อน เป็นลมล้มพับ

พอพวกเขาหันกลับไปหมายจะโอ้อวดกับคนที่มองว่าเป็นศัตรูมาตลอด

จึงนึกคิดมาได้
.
.
.
ว่า
'ฮานากาคิ' ไม่ได้เดินตามพวกเขามาด้วย
หลายคนแปลกใจปนประหลาดใจ

บางคนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนระดับฮานากาคิ จำเป็นต้องเดินตามพวกเขาหรอ ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะเดินนำหน้าพวกเขาไปจนพวกเขาตามไม่ทันไม่ใช่รึไง
.
.
.
ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งเข้าใจ
พวกเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้โค้ดเนมปลอมเปลือก กันฮานากาคินั้นแตกต่างกัน
ตอนนั้นเองที่พอพวกเขาฉุกคิกขึ้นมาได้ ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองโง่เง่าเท่านี้มาก่อน

นามสกุล 'ฮานากาคิ'
ที่พ่อใหญ่มอบให้คือ 'ตัวตน'

นักฆ่านั้น 'ไร้ตัวตน' ใช้ชีวิตอยู่ในเงา
หากมี 'ตัวตน' ขึ้นมาแล้ว ย่อมไม่ใช่นักฆ่า

จึงกล่าวได้ว่าฮานากาคิในตอนนั้น
ร้องขอ 'อิสรภาพ' กับพ่อใหญ่
อิสระที่จะออกไปเผชิญโลกกว้าง
อิสระที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดาที่มีตัวตน

กว่าพวกเขาจะรู้ว่าฮานากาคิในวัย 10 ขวบร้องขอสิ่งที่มีค่ามากมายขนาดไหน ก็ตอนที่พวกเขา เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการฆ่า และสะอิดสะเอียนกับกลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่ตามตัวจนไม่สามารถล้างออกได้
แต่พวกเขากลับหยุดทำมันไม่ได้
เพราะมันสายเกินกว่าที่จะวางมือแล้ว

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พ่อใหญ่อาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น

ก็เพราะลูกคนโปรดสยายปีกออกจากรังไปแล้วยังไงล่ะ
ว่าที่พ่อใหญ่ยิ้มให้บรรดาคนรอฟัง
"พวกคุณไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก
แต่นามสกุลเป็นคำขอที่ยอดเยี่ยมและน่าอิจฉาที่สุดเลยล่ะครับ"

ซันสุได้แต่เบนสายตาไปทางอื่น ทาเคหัวเราะเบาๆเป็นคำตอบ แทบทุกคนในร้านมึนงง

"ดูเหมือนพนักงานของนายจะไม่เข้าใจความสำคัญของนามสกุล"
"เพราะผมมอบทุกอย่างให้พวกเขาไม่ต่างอะไรกับผู้ที่มีนามสกุลไงครับ อีกอย่างที่นี่เป็นบ้านของพวกเขาอยู่แล้ว พวกเขามีครอบครัวและตัวตนอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นที่จะต้องร้องขอตัวตนจากใครอีก"

ซันสุมองมาที่คู่กัดคนสำคัญอีกครั้งก่อนถอนสายตากลับไป บรรดาบงเทนพ่วงด้วยเซนจูและทาเคโอมิจับสังเกตได้
"นายรู้หรอว่านามสกุลสำคัญยังไง"
"แล้วทำไมจะไม่?"
"บอกหน่อยซี่~~"
สามคนพี่น้องต่างนามสกุลได้แต่ฉุดกระชากกันจนเรียกความสนใจจากคนอื่นๆ

ทาเคสบตาเข้ากับซันสุที่ถลึงตามองทางเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ
ทาเคยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย
"ซันสุคุงสู้ๆน้าา~"
ซันสุชูนิ้วกลางให้ ทาเคเลยชูนิ้วกลางกลับคืน

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with UnUnค่ะ// พักไม่มีกำหนด

UnUnค่ะ// พักไม่มีกำหนด Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @TMRHPissoulmate

Oct 19, 2021
#อิซาทาเคไมกี้ #ออลทาเค
#สตูคุนอันอัน

AU ไฮบริด
⚠️มีเนื้อหานอกใจ,mpreg⚠️

"ทาเคมิจิ"
ชื่อของนายหญิงบงเทน เป็นคนรักของสองปีศาจแห่งโลกใต้ดิน อย่างอิซานะและไมกี้ หลังเรียนจบม.ปลาย ก็แต่งงานทันที ท่ามกลางความยินดีของหลายๆคน Image
ทาเคเป็นไฮบริดแมว และมีคนรักอีกสองคน ได้แก่ไมกี้เป็นไฮบริดสิงโต และอิซานะเป็นไฮบริดเสือขาว พวกเราสามคนรักกันดี และสองคนนั้นสามัคคีกันเสมอ กรณีที่เป็นเรื่องของเขาน่ะนะ

ช่วงนี้สองคนนั้นบริหารบงเทนจนแทบไม่ได้กลับมาบ้าน ทาเคได้แต่ทักไปหาหรือแวบไปหาอีกฝ่ายบ้างเป็นบางครั้ง
จนอยู่มาวันนึงตอนที่ทาเคอยู่ที่บ้านคนเดียวก็คลื่นไส้ เวียนหัวจนไม่อยากทำอะไร วันรุ่งขึ้นเลยแต่งตัวออกจากบ้านไปโรงพยาบาลและผลที่ออกมาคือ

เขาท้อง!

พระเจ้าเถอะเห็นหมอบอกว่า สองเดือนแล้ว ก็ว่าทำไมช่วงนี้เขากินเยอะแปลกๆ
ขนาดช่วงที่ผ่านมาสองคนนั้นแทบจะไม่ได้กลับบ้าน
Read 141 tweets
Oct 19, 2021
เปียโนเสียงเพี้ยน แสดงว่าพี่ใต้อาจเล่นไม่ค่อนเป็นจนเล่นบ่อยจับทางจับเสียงได้ มีความสามารถด้านดนตรี กับทาเคที่ร้องเพลงเพราะมากชนิดงาบแผ่นเสียงเข้าไปแต่ที่บ้านไม่สนับสนุน เลยชอบหนีไปหาที่ร้องหลังประชุมโตมันเสร็จ เจอกับพี่ใต้แล้วโดนหิ้วเป็นแผ่นเสียงส่วนตัว
เวลาคบกัน อิพี่ใต้น่าจะดูแลดีอยู่มั้ยหลงรักน้องรักเสียงน้องรักทุกอย่าง ลับหลังนี่ยิงคนเป็นว่าเล่น

พลอตแม่งเด้งว่ะ
พี่ใต้คงเป็นตัวอันตรายสุดๆ คนเอาลงก็น่าจะมีแค่ทาเค พอรู้เรื่องอดีตของพี่ใต้น้องก็คงอยากให้มีความสุขบ้างเลยยอมอยู่ด้วย พี่ใต้มันก็รักมากเธอคะเธอขาอย่างนู้นอย่างนี้ จัดการทุกคนที่จะมาแย่งเธอไป ให้เธอคอยนั่งร้องเพลงให้ฟังต่อไป ไม่อยากให้ไปไหน
Read 5 tweets
Oct 3, 2021
#ออลทาเค
#สตูคุนอันอัน

ทาเคมิจิเป็นพวกห่วยแตกเรื่องการต่อสู้ หมัดต่อหมัด เท้าต่อเท้า เลือดแลกเลือด เขาห่วยแตกเรื่องพวกนั้นสุดๆ รู้ตัวเองดีด้วย แต่เขาไม่เคยบอกใครเรื่องนึง

พวกอาวุธของหมาจนตรอกและอาวุธขี้โกงทั้งหลายของเหล่านักเลงน่ะ เขาถนัดสุดๆเลยล่ะ Image
ไม่ว่าจะดิ้วเหล็ก สนับมือ ท่อไปป์ ปากฉลาม ไม้เบสบอล ไม้หน้าสาม

แหมม ก็ขนาดในมือมีแต่บุหรี่ผมยังเอาจี้หน้าไอพวกกุ๊ยที่เข้ามาหาเรื่องผมตอนอายุ 26 เลย เป็นวิธีการสู้สกปรกที่โตมันไม่มีทางเอามาใช้ ตอนแรกก็นึกว่าแก๊งนักเลงอื่นๆจะเป็นเหมือนกัน
แต่พอเจอBDกับเทนจิคุแล้วก็เลย
เออ โตมันนั่นแหละที่แปลก

หัวเราะแห้งๆก่อนจุดบุหรี่ที่แอบไปลักลอบซื้อมา สูดเข้าปอดไปหนึ่งครั้ง ไม่มีอันที่แรงกว่านี้แล้วหรือไงนะ ควันยังเยอะซะจนแทบสำลัก ของคุณภาพเลวจะเอาอะไรมากล่ะน้าาา
Read 138 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Don't want to be a Premium member but still want to support us?

Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us!

:(