#ออลทาเค ฟิคที่ทาเคมิจิเห็นโตมันเป็นแงวแต่จริงๆแล้ว??? ไม่มีไทม์ลีปนะคะ👀

🎶ฮานากาคิ ทาเคมิจิกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเศร้าหมอง

นอกจากเมื่อวานนี้จะโดนฮินะบอกเลิกเพราะเธอรู้ใจตัวเองขึ้นมาว่าชอบผู้หญิง วันนี้เขายังมาโดนพวกแก๊งโตมันนั่นเรียกไปอัดเละอีกแล้ว

ฮึก เจ็บแผลชะมัดเลย
เด็กหนุ่มผมทองที่จัดทรงสุดเห่ยร้องไห้น้ำตานอง กระป๋องเบียร์ที่มาโคโตะแอบจิ๊กตู้เย็นที่บ้านมาแบ่งให้พวกเขาเองก็พร่องไปกว่าครึ่งนึงแล้ว

เบียร์ก็ไม่เห็นอร่อยตรงไหนแต่ถ้ากินแล้วเมาจนหายเจ็บได้ก็จะดีมากเลย

ฮือ

ทาเคมิจิคร่ำครวญในใจ
เจ้าตัวปาดน้ำตาลวกๆไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลงฝูง(?)กับแก๊งมิโซจูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เด็กหนุ่มเดินซวนเซ มือข้างหนึ่งก็กระดกเบียร์จากกระป๋องที่เหลืออยู่จนเหลือก้นกระป๋อง ส่วนอีกข้างก็กำอยู่กับกระป๋องที่ยังไม่ได้เปิด..แต่เขย่าเข้าเสียขนาดนั้น ขืนเปิดเข้าคงได้พุ่งเป็นน้ำพุฟองฟ่อดแน่
ลืมเตือน ฟฟฟ

WARNING : UNDERAGE DRINKING, PLS DON'T HARASS YOUR CAT, PEOPLE OR OTHER PROPLE CATS

คำเตือน : มีการดื่มเหล้าของคนอายุต่ำกว่า18ปี, กรุณาอย่าทำอนาจารแมวของท่าน, คนอื่น หรือ แมวของคนอื่น ขอบคุณค่ะ

เรื่องนี้ไม่มี beastiality นะคะ...ไม่ 18+ ด้วยฟฟฟ💦 ชงฟลัฟล้วนๆ5555
'บันได? ศาลเจ้าเหรอ?'

คนเมาคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้ แต่เมื่อเห็นขั้นบันไดที่สูงเหมือนจะพาขึ้นไปถึงสวรรค์ได้ คนที่คิดว่าตัวเองอาจจะหลงเข้ามาในนรกก็ได้อย่างเขาก็ตะโกนเรียกเพื่อนๆที่คิดว่าอยู่ข้างหลังให้ตามขึ้นมาด้วย

อนิจจาทาเคมิจินั้นเดินอยู่ในที่มืดๆคนเดียวมาพักใหญ่แล้ว...
เจ้าคนผมทองเดินด็อกแด็กไต่บันไดขึ้นไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อย แม้ว่าจะซวนเซชวนให้หวาดเสียวว่าจะหงายท้องตกบันไดไปหลายครั้ง แต่ที่หลังกลับมีความรู้สึกเหมือนกำลังที่ดุนเอาไว้ทุกครั้งจนไม่ได้พลัดตกลงไป

คนเมาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเพียงคิดว่าอาจเป็นอั๊คคุงหรือทาคุยะที่คอยตามดูแล--
พวกเขาที่เหลือสามคนเหมือนทุกครั้ง

สมแล้วที่เป็นคนพ่อคนแม่ที่พึ่งพาได้ของแก๊งมิโซจู!

ฐานะหัวหน้าอะไรนั่นทิ้งลงถังขยะเปียกไปให้หมด! พวกนักเลงน่ะไม่เห็นจะเท่เหมือนที่เขาวาดฝันไว้เลย! มีแต่พวกเฮงซวยชัดๆ!

ปากที่ยังคงเบะอยู่เพราะความเจ็บก็กล่าวขอบคุณอากาศว่างเปล่าด้านหลังทั้งน้ำตา
'...ไม่ใช่สวรรค์หรอกเหรอ'

สีหน้าผิดหวังของคนที่ขึ้นมาถึงเป็นคนแรก(?)นั้นฉายชัดอยู่บนใบหน้าของทาเคมิจิ

เด็กหนุ่มเดินดุ่มตรงเข้าไป เกือบจะสะดุดล้มขั้นบันไดที่ไม่ทันได้มองแต่ก็ถูกคว้าตัวไว้อีกครั้ง

เอาจริงๆถ้าได้ล้มตัวลงเมื่อครู่ทาเคมิจิก็คงหลับตรงนี้ถึงเช้าแล้ว
แต่เพราะไม่ได้เป็นเช่นนั้นในที่สุดแล้วทาเคมิจิก็เจอกับสิ่งที่น่าสนใจ

กล่องขอพร

เป็นกล่องที่มีไม้เป็นซี่ๆสำหรับการโยนเหรียญลงไปแต่ไม่สามารถล้วงไปเอาเหรียญขึ้นมาได้

ถ้าขอพรแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์รึเปล่า?

น่าเสียดายที่เขาไม่มีเหรียญติดตัวเลยแม้แต่เหรียญเดียว

"อั๊คคูง~มีเหรียญม๊าย"
ความเงียบที่ได้รับนั้นทำให้ทาเคมิจินึกได้ว่าสาเหตุที่เขาไม่มีเงินติดตัวมาเลยก็เพราะโดนคิโยมาสะไถเงินไปหมดแล้ว

แล้วอั๊คคุงกับเดอะแก๊งที่โดนไถอยู่ด้วยกันจะไปมีเงินได้ยังไง

"...ไม่มีเงินอ่า.."

แต่อยากขอพรจัง

ทาเคมิจิหรี่ตามองกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดในมือซ้ายของตัวเองเมาๆ
"อ่ะ"

การเอาเบียร์กระป๋องถวายไปแทนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแทนเหรียญเงินได้มั้ยแต่ทาเคมิจิก็คงกินอีกกระป๋องไม่ไหวแล้วอยู่ดี

ไม่รู้การกระทำในครั้งนี้เพิ่มแต้มบาปสะสมไปเท่าไร แต่เทพเจ้าก็น่าจะชอบเหล้านะ!

เขาชนกระป๋องของตัวเองเข้ากับกระป๋องที่ถูกวางแหมะอยู่บนกล่องขอพร
"..ไม่อยากเจอโตมันแล้ว..ไม่ๆๆ ไม่อยากเห็นนักเลงแล้ว! กี่คนๆก็แย่หมดเลย! ไม่อยากโดนต่อยแล้ว! อยากจะหยุดหมัดพวกนั้นไม่ให้ต่อยอั๊คคุง! ไถเงินทาคุยะ! เตะมาโคโตะแล้วก็แกล้งยามากิชิ!..ฮือ ถ้าเห็นพวกน้้นเป็นแมวไปให้ได้หมดเลยก็ดี--ฮึก แมวน่ารัก ไม่เหมือนนักเลงเลย อยากกินมันฝรั่งทอดด้ว--"
แล้วคำคืนนั้นก็ดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงคนงอแงที่บ่นระงมอยู่ในศาลเจ้าบนเขาที่ไม่ได้มีผู้เข้ามาขอพรนานแล้วนับตั้งแต่ที่โตมันมีชื่อเสียงและถูกพบเห็นบ่อยในบริเวณใกล้เคียง

โดยที่ไม่มีใครรู้เบียร์ในกระป๋องที่สองถูกเปิดออกเงียบๆและค่อยๆพร่องไปพร้อมกับทาเคมิจิที่กระดกเบียร์ของตัวเองลงไป
ทาเคมิจิตื่นเช้าขึ้นมาในบ้านของตัวเอง

...ปวดหัวเหมือนหัวจะแตก...

หรือว่านี่จะเป็นอาการเมาค้างที่ล่ำลือกันนะ?

ทาเคมิจิกุมขมับ มือซ้ายก็ความหามือถือฝาผับของตัวเองเพื่อจะดูเวลา

แต่ก็หาไม่เจอ???
มือถือหายไปไหน???

...เท่าที่จำได้พวกคิโยมาสะก็ไม่ได้เอามือถืของพวกเขาไปด้วยนี่?
สงสัยวางทิ้งไว้ข้างล่างหรืออยู่ในกระเป๋ากางเกงแหงเลย

เขาถอนหายใจก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่สิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งในห้อง

มันคือกองถุงมันฝรั่งทอดยี่ห้อโปรดท่วมท้นเป็นภูเขาขนาดย่อมๆกองหนึ่ง???

???
เมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น????

เขาคงไม่ได้...ไปปล้นร้านสะดวกซื้อที่ไหนใช่มั้ย?
ทาเคมิจิไปโรงเรียนเหมือนปกติแม้จะยังงงๆ

ใบหน้าที่ไม่ได้ประคบเย็นหรือดูแลอะไรไปมากกว่าปกติก็ยังคงบวมฉึ่งและเต็มไปด้วยสีสันของรอยฟกช้ำ

แต่อย่างน้อยเขาก็เปิดตาได้แล้ว

บางทีแผลในปากเองก็อาจจะได้แอลกอฮอล์ล้างแผลไปด้วย?

"มือถือ? ไม่นี่ ฉันจำไม่ได้ว่านายฝากไว้หรือโดนเอาไปนะ"
อั๊คคุงมองหน้ากับกลุ่มแก๊งของตัวเอง นอกจากยามากิชิที่ดูจะเมาค้างหนักที่สุดจนนอนฟุบอยู่แล้วทุกคนก็ทำเพียงยักไหล่ไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น

...นี่ฉันเอามือถือไปแลกมันฝรั่งทอดกองใหญ่นั่นมารึเปล่านะ(...

พอลองนึกเรื่องเมื่อวานดูก็นึกขึ้นมาได้ ว่าไปศาลเจ้าบนเขาด้วยกันมา!

"ห๋า? ศาลเจ้า?"
ทุกคนมองหน้ากันงงๆแล้วกล่าวเพียงแค่ว่าหลังจากที่ออกจากสวนสาธารณะทาเคมิจิก็เดินหายไปเองคนเดียว

แต่เพราะบ้านของเขาอยู่ใกล้กว่าชาวบ้านเขา ทุกคนก็เลยคิดว่าเขาน่าจะกลับบ้านเองได้

หรือว่าเขาจะฝันไป?
แต่ก็จำได้ว่าอยู่กับใครสักคนนี่นา?

"...งั้นแถวนี้มีศาลเจ้ามั้ย? ที่อยู่บนเขา?"
ถึงจะฝันแต่ก็คงต้องไปหาดูก่อน

ถึงจะยังไม่ได้เช็คแต่ถ้าเขาเอาเงินค่าขนมทั้งหมดไปซื้อมันฝรั่งทอดพวกนั้นมา ก็คงไม่มีเงินมากพอจะซื้อเครื่องใหม่ได้แน่...

ไม่มีมือถือก็ลำบากเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าเขาถูกคิโยมาสะเรียกหาแล้วไม่ได้ไปขึ้นมา

ยามากิชิหนังตากระตุกก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
"ฉันรู้จักทีนึง"

เพื่อนที่สวมแว่นของเขาว่าอย่างนั้น

"แต่ขอเตือนก่อนนะว่าที่นั่นนะมั---อุแหวะ--"

"เฮ้ย ยามากิชิอย่ามาอ่อกแถวนี้เซ่!!"

หลังจากที่ถูลู่ถูกังกันอยู่ครู่นึงกับการหาถังขยะมารองและพาเจ้าตัวไปล้างหน้าบ้วนปาก ในที่สุดทาเคมิจิก็ได้แผนที่แบบคร่าวๆของศาลเจ้าที่ว่ามาจนได้
เพราะพวกที่เหลือต้องหิ้วยามากิชิกลับบ้านส่วนทาคุยะต้องไปตามหมอนัดที่โรงพยาบาล สุดท้ายแล้วก็เหลือแค่ทาเคมิจิเท่านั้นที่มายังจุดสตาร์ทของเมื่อวานหรือที่สวนสาธารณะที่พวกเขาแอบมาดื่มเหล้ากันนั่นแหละ

มันอาจจะไม่ได้ไกลมากแต่เขาก็นับถือตัวเองตอนเมาที่ถึงจะขาเจ็บแล้วก็ยังเดินมาถึงนี่ได้
น่าแปลกที่เมื่อวานเขาไม่ได้สะดุดล้มคว่ำกับกองทัพมอเตอร์ไซค์ที่จอดขวางทางเดินหน้าบันไดเต็มไปหมด

แถมแต่ละคันสวยๆทั้งนั้น เขาล่ะอยากจะได้ไว้ขับเท่ๆซักคันเหมือนกัน

แต่ก็อีกนานเลยกว่าเขาจะสอบใบขับขี่ได้

..แม้ว่ามันจะทำให้รู้สึกระแวงขึ้นมานิดๆ แต่เพราะไม่เห็นคนที่ดูเหมือนนักเลงสักคน
ทาเคมิจิก็เลยคิดเองเออเองไปว่าพวกเจ้าของเขาคงจอดกินข้าวที่ร้านอาหารสำหรับครอบครัวใกล้ๆที่ขึ้นชื่อเรื่องไม่มีที่จอดรถจนต้องวนหาที่จอดกันทุกครั้ง

ร้านนั้นแฮมเบิร์กอร่อยมาก แต่เดินมากินดีกว่า

เด็กหนุ่มหัวมองมองขั้นบันไดขึ้นไป โชคดีที่ขาเขาดีขึ้นมากแล้ว ไม่งั้นคงขึ้นไม่ไหวแน่
...ทำไมมันขึ้นว่า Failed to send รัวๆเลย ส่งไปห้ารอบถึงได้ยอมไป ผมหงุดหงิดแล้วถถถ😡💢

อยากบู้บี้แก้มทาเคมิจิแก้เคียด(...
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกนับถือตัวเองตอนเมาในใจขึ้นมา

ถ้าเขาขึ้นไปจริงๆโดยที่ไม่ได้ฝันไปหรือกลิ้งหลุนๆลงมานอนแอ้งแม้งข้างล่างนี่ละก็นะ(...

ทาเคมิจิพาตัวเองค่อยๆกะเผลกขึ้นไป ช้าๆ พอหันไปมองข้างหลังก็รู้สึกหวิวๆในใจขึ้นมาแปลกๆ

คืนนั้น...เขาอยู่คนเดียวจริงๆนะเหรอ?
พอขึ้นมาได้ถึงได้รู้สึกว่ามันคุ้นตาขึ้นมาหน่อย เป็นที่นี่ไม่ผิดแน่!

อย่างน้อยก็มีสิทธิ์ว่ามือถือของเขาจะอยู่ที่นี่!

แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งขึ้นมาในโสดประสาท!

"ม๊าว!!! มาว--"

แล้วสิ่งที่เขาได้เห็นตรงหน้า

ก็คือกลุ่มแก๊งแมวหลากหลายสายพันธุ์ที่กำลังหันมามองเขาเป็นตาเดียว!
ดราเค่นสังเกตเห็นใครสักคนที่พึ่งจะเดินเข้ามาโดยที่ไม่ได้สวมชุดประจำแก๊งค์แล้วหรี่ตาลง

อาจจะเพราะเขาสูงเป็นทุนเดิมแล้วยังยืนอยู่บนขั้นบันไดประจำตำแหน่งก็เลยมองเห็นได้ครอบคลุมกว่าใคร

เขามองบุคคลที่กำลังหันซ้ายหันขวา ท่าทางซื่อบื้อจนมองไม่เห็นกระทั่งว่ามีแก๊งค์นักเลงชุมนุมกันอยู่
เขาแตะไหล่ไมกี้ให้หยุดพูดก่อนแล้วพยักเพยิดไปด้านหลังกลุ่มลูกน้องแก๊งค์

ไมกี้มองเขาอย่างขัดใจที่ถูกขัดแต่ก็มองตามเขาออกไปเห็นคนๆนั้น

"เคนจิน"

เมื่อได้รับคำสั่ง ก่อนที่จะอีกฝ่ายจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ดราเค่นก็ตะโกนออกไป

"แกเป็นใคร! ถ้าไม่มีธุระกงการอะไรกับโตมันก็ไสหัวไปซะ!"
...ไม่ไหวละ ผมหงุดหงิดเหมือนไมกี้แล้ว55555 ทวิตเป็นไรนิ อยากปามือถือแต่ก็ทำได้แค่โยนลงเบาๆบนเตียง55555 เดะมาต่อเอาพรุ่งนี้แทนนะถถถ กายไปหาไรกินแก้เครียดแล้ว💀
ใครอยากแนะนำพันธุ์แงวที่เหมาะๆกับใครก็แปะไว้ได้เลยนะคะ5555 ผมคงไม่ได้ลงรายละเอียดมากเพราะกะจะแค่กาวสั้นๆแฮ่🥺
แต่นอกจากว่าอีกฝ่ายจะไม่หนีหัวซุกหัวซุนทันทีที่เห็นพวกเขาแล้ว เด็กหนุ่มผมทองคนนั้น..กลับกำลังกวาดตามองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้า...มีความสุขสุดขีด...? ตื่นเต้น?? เอ็นดู???

ดราเค่นไม่รู้ว่าสมควรที่จะโกรธหรืออับอายแทนกันแน่ที่โตเกียวมันจิถูกมองแบบนั้น

ปกติแล้วมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ?
ในสถานการณ์แปลกประหลาดที่เหมือนถูกหาเรื่องแต่ก็ไม่นี้ ดราเค่นเหลือบมองหัวหน้าแก๊งของตัวเองเพื่อดูท่าทีว่าจะเอายังไงต่อ

แต่ไม่ทันได้ความอะไรผู้ที่พุ่งออกไปคนแรกด้วยรอยยิ้มกว้างสมกับนิสัยมือไวใจเร็วของเจ้าตัวและตำแหน่งหัวหน้าหน่วยจู่โจมก็คือบาจิไม่ผิดแน่
เหล่าลูกน้องแหวกทางให้เขาอย่างรู้งาน บางคนรีบริเริ่มเชียร์หัวหน้าหน่วยหนึ่งสุดเท่เมื่อรู้สึกว่ามีคนหาญกล้ามาลูบคมไมกี้ถึงที่

ดราเค่นถอนหายใจ แต่เห็นไมกี้ไม่ได้ว่าอะไรเขาก็ไม่คิดจะพูดอะไรต่อ

"มองอย่างนั้นมาหาเรื่อง--"

ยังไม่ทันจบประโยคดีคนที่พุ่งออกไปพร้อมกับหมัดก็ชะงักลง
นอกจากอีกฝ่ายจะไม่ได้ตื่นตกใจ เด็กหนุ่มที่พอมองดีๆแล้วดูช้ำเลือดช้ำหนองมาไม่น้อยคนนั้นก็ยิ้มกริ่มแล้วอ้าแขนราวกับจะยั่วคนที่เข้าไปต่อยให้โมโหเสียยิ่งกว่าเดิม

แต่ที่ทุกคนชะงักไปนั้น มันเป็นเพราะหมัดของบาจิ เคย์สุเกะคนนั้น...ถูกหยุดไว้ได้

ด้วยเพียงนิ้วเดียว

"โอ๊ะ เนโกะพันช์จิ!"
ในเสียงที่เงียบสงัดลงไปนั้น เสียงของเด็กหนุ่มที่ว่าดังก้องอยู่ในหูของพวกเขาพอๆกับเครื่องหมายคำถาม

หมัด..แมว?

จิฟุยุที่รู้สึกตัวขึ้นมาก่อนใครอดที่จะพยักหน้าตามไม่ได้ว่าบาจิซังนั้นถ้าหากมองเผินๆก็เหมาะกับสัตว์จำพวกเสือหรือแมวจริงๆ

หากบาจิซังจะเป็นแมวก็จะเป็นแมวที่เท่ที่สุดแน่ๆ!
บาจิกระโดดถอยออกมามองหมัดตัวเองงงๆ ต่อให้เป็นไมกี้ก็คงไม่โง่พอจะเอานิ้วยื่นออกมารับหมัดเพียวๆนี่ให้มันหักเล่นแบบนั้นแน่

แถมเมื่อกี้..เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะหยุดมือด้วย

"แก---ทำอะไร?"

นี่เป็นศิลปะการต่อสู้แขนงไหนหรือเป็นทริคอะไรสักอย่างรึเปล่า?
ทั้งที่ใส่แรงไปกระแทกกับนิ้วนั่นแน่ๆแต่กลับไม่มีอะไรสะท้อนกลับมา?

ไม่เจ็บไม่คันเลยสักนิดด้วย

ต่อให้เขาจะโง่แค่ไหนแต่ตามหลักวิทยาศาสตร์และประสบการณ์การชกต่อยที่สั่งสมมาแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้

อีกฝ่ายไม่ได้ปัดมือเขาทิ้งด้วยซ้ำ

แค่หยุดมันไว้ด้วยนิ้วเดียวเหมือนหมัดเขาเบาเท่านั้น
ไฟในดวงตาของเคย์สุเกะลุกโชนเมื่อสบเข้ากับใบหน้าแหยๆเปื้อนยิ้มตรงหน้า

รอยยิ้มที่กว้างขึ้นเมื่อถูกเขามองตอบ

แต่ยังไม่ทันได้ออกหมัดที่สองก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นในแบบที่เขาตั้งตัวไม่ทัน

อุ้ม

เขากำลังถูกไอเด็กตัวจึ๋งนึงนี่อุ้มอยู่
ท่ามกลางสายตาของคนนับร้อย ขาของบาจิตวัดรอบเอวมันโดยอัตโนมัติไปตามสัญชาตญาณ

"น่าๆ เป็นเด็กดีนะเจ้าเหมียว"

อีกฝ่ายกล่าวเสียงเบาก่อนจะตบเข้าที่ส่วนหลังด้านล่างเบาๆเพื่อปลอบประโลม

มันประคองกอดเขาเอาไว้ในขณะที่แขนของเขาเองก็โอบรอบคอมันไปตอนไหนไม่รู้

หน้าของแดงก่ำ
ด้วยความโกรธ(?)
"..."

บาจิที่เหม่อมองไปยังด้านหลังของเด็กบ้านี่ที่มีแค่ขั้นบันไดที่จะพาลงไปจากศาลเจ้าค้างอยู่อย่างนั้น

สมองที่มีไม่มากเท่าไรแต่มากกว่าปาของเขาประมวลผลตามไม่ทัน

...จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงไมกี้หัวเราะก๊ากมาจากด้านหลัง...พร้อมด้วยเหล่าหัวหน้าและรองบางคนที่พากันหัวเราะครืนตามมา...
"ก๊าก---บาจิ ฮ่าๆๆๆๆ! แกไปโดดใส่เขาทำไม--"

เหมือนจะได้ยินคุ้นๆแว่วๆด้วยว่าถึงจะโดนอุ้มแต่บาจิซังก็ยังคักเค่ด่าโร่วนะครับ--!

"นี่มันเชี่ยไรเนี่ย!!"

...บาจิที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้ดิ้นพล่าน มือไม้และแข็งขาซัดคนที่กอดเขาไม่ปล่อยเข้าเต็มขมับ หลังและหน้าโดยไม่มีความปราณีใดๆ
แต่มันก็เหมือนเดิม

เหมือนกับนุ่นที่ดูดซับแรงทั้งหมดให้หายไป แรงจากหมัดของเขาเข้าไปไม่ถึงอีกฝ่ายเลย

แต่แรงที่ใช้ไป บาจิก็ยังคงเสียมันไปเรื่อยๆอยู่ ดิ้นพล่านอยู่ได้ไม่นานสุดท้ายบาจิก็หอบแฮ่กแล้วทิ้งตัวใส่คนที่อุ้มเขาทั้งอย่างนั้น

"เฮ้ย บาจิ เป็นไรล่ะนั่น? สบายจนหลับไปแล้วรึไง?"
ได้ยินเสียงล้อๆของที่เหนื่ิอยจนฟังไม่ออกว่าเป็นของใคร บาจิล่ะอยากลากพวกแม่งมากระทืบพร้อมๆกับไอ้เวรนี่ไปเลย!

สบายเขี่ยไรล่ะ! เหนื่อยจนขยับจะไม่ไหวแล้วต่างหากเว้ย!

เขาหันขวับไปชูนิ้วกลางใส่พวกมันก่อนจะมีเสียงที่ฟังดูรู้สึกผิดเล็กๆแต่ก็มีความสุขดีดังขึ้นตัดบทสนทนาระหว่างพวกเขา
"สงบลงแล้วเหรอ เก่งมาก! ขอโทษที่เอาแต่ใจแล้วอุ้มขึ้นมานะ แต่พอพุ่งเข้ามาแบบนั้นมันเลยอดไม่ได้น่ะสิ แฮะๆ"

เจ้าตัวไม่ว่าเปล่า มือข้างที่ลูบหลังเขาอยู่เมื่อครู่ไล่ขึ้นมาที่หลังคอก่อนจะสอดเข้ากลุ่มผมสีเข็มแล้วเริ่มเกาเบาๆเข้ากับผิวหนังชื้นเหงื่อ

...

ไม่อยากยอมรับแต่ว่าสบายเป็นบ้า
บาจิที่พึ่งออกกำลังอย่างหนัก ผ่อนคลายกล้ามเนื้อลงจนตัวเหลวไม่ต่างจากแมวจริงๆเสียเท่าไร ทั้งที่รู้ตัวดีว่าถ้าหากยังถูกเกาต่อไปแบบนี้เรื่อยๆได้ถูกไมกี้ล้อยันหลานบวชแน่ว่าหลับคาตัวของคนแปลกหน้าไปทั้งอย่างนั้น

แบบนี้ก็ไม่ต่างจากมันที่หลับคาหลังดราเค่นแล้วน้ำลายยืดใส่เลยไม่ใช่เรอะ!?
คร่ำครวญในใจเสร็จไปอีกยก พอรวบรวมกำลังจะดิ้นสุดแรงตอนมันไม่ได้ตั้งตัวก็กลับกลายเป็นว่าถูกจับลงมาวางบนพื้นเรียบร้อยแล้ว

???

อะไรวะ
บทจะง่ายก็ง่ายเฉ---

ก่อนจะหน้าผากของเขาจะถูกริมฝีปากคู่หนึ่งกดลงเบาๆท่ามกลางสายตาคนทั้งโตมัน
"จะไปขโมยใจคนอื่นแล้วทิ้งให้เขาเสียใจไม่ได้นะคุณเหมียว"

หะ

ทันมีที่ใบหน้าโง่ๆดูซื่อบื้อ...แต่แฝงไปร่องรอยแห่งความเศร้าหมองนั้นถอยห่างออกไปมือของบาจิที่ไปเร็วกว่าความคิดก็แปะลงหน้าผากตัวเองดังป้าบ!!

หากลดมือลงตอนนี้คงไม่วายมีรอยแดงที่ไม่ได้เกิดจากจ--จะ--จูบเมื่อครู่อยู่แน่
"ถึงมันจะช่วยไม่ได้ก็เถอะเนอะ ฮึก"

สมองของบาจิเคย์สุเกะนั้นเข้าสู่สภาวะวิกฤตแล้ว

"แกทำเขาร้องไห้แล้ววะบาจิ"

อะไร
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เขาไปหักอกหมอนี่มาตอนไหน!?

ร่างนั้นเดินผ่านเขาเข้าไปยังใจกลางวงล้อม

..อะไรบางอย่างบอกเขาว่าดวงตาของจิฟุยุคงกำลังเปล่งประกายน่าขนลุกอยู่ด้านหลัง
...บางทีเขาอาจควรจะยึดโชโจมังงะที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนาซักที

...ลำแสงแห่งความอยากรู้อยากเห็นกับประเด็นดราม่า + ความรัก(?) + บาจิซังสุดเท่นั้นแทบจะพุ่งออกจากดวงตาอีกฝ่ายออกมารอมร่อ

ต้องขอบคุณรองหัวหน้าหน่วยบ้าๆบอๆของเขาที่ทำให้สติกลับคืนมาบ้าง

...สรุปแล้วไอ้เด็กนี่มันเป็นใครวะ..?
จบพาร์ทบาจิซังคักเค่ดาโร่ไว้เท่านี้ค่า555555 ขอยาดแท็ก #บาจิทาเค ด้วยแล้วกันยังไงบทก็เด่นมาขนาดนี้แล้ว😳✨ จริงๆไม่ได้ตั้งใจดันพี่แกเลยแต่พี่แกใช้เขี้ยวแงวมาแย่งซีนค่ะ/ซรุบซริบๆ

ต่อไปเป็นมุมมองทาเคมิจิ! ตอนแรกไม่อยากให้เรื่องยาวแต่ก็ดูจะยาวแล้วล่ะ???

อยากรู้เฉยๆว่าจะเลือกอะไร🤔
กองทัพแมวหลากสีสันที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบทั้งยังมีการจัดแถวดูน่าเอ็นดูมากจนอดจะควานหามือถือขึ้นมาเพื่อเก็บภาพที่เห็นไว้เป็นความทรงจำดีๆไม่ได้

แมวเต็มไปหมดเลย♡!

น นี่มัน หรือว่าจะเป็นสวรรค์จริงๆกันแน่นะ?

ควานหาอยู่ครู่หนึ่งถึงได้นึกขึ้นได้ว่ามือถือหาย ไม่ได้มาหาถ่ายแมว!
ปกติถ้าเห็นกองทัพแมวรวมตัวกัน ทั้งยังจ้องเขม็งมาที่คุณอย่างไม่เป็นมิตรต่อให้ไม่ได้กลัวแมวก็คงมีเหงื่อแตกกันบ้าง

ต้องมีซักวินาทีนึงที่ถูกใช้ไปกับการจินตนาการภาพ คุณVSแมวร้อยตัว ที่ว่านี่

แน่นอนว่าผลลัพธ์นั้นไม่ต้องเดาก็รู้

ถ้าจากวิ่งหนีไม่พ้นก็คงได้กลายเป็นที่ฝนเล็บไซส์มนุดแน่
เพราะงั้นเจ้ามนุดที่ดูเหมือนไม่รักชีวิตแล้วเอาแต่คิดว่าอยากจะถ่ายภาพแสนน่ารักนี้(?)เก็บไว้โดยไม่สนใจอะไรเลยนั้นก็คือ ท า ส โดยไม่ต้องสงสัย

ทั้งยังเป็นทาสที่ไม่มีเจ้านายเป็นตัวเป็นตนเสียด้วย

ใช่แล้ว ทาเคมิจิรักแมว มาก
ม า ก
ม า ก

น่าเสียดายที่แม่ของเขาแพ้ขนของพวกมัน
สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงการวนเวียนไปที่คาเฟ่แมว ฟอลไอจีแมว ซับยูธูปช่องแมวและคอยให้อาหารแมวจรที่ผ่านทางมาแถวบ้านเพื่อเติมพลังทดแทนการขาดแมวในชีวิต

และด้วยเหตุผลบางอย่างเหล่าแมวเองก็ชอบพอเขามากทีเดียว?

เพราะฉะนั้นแล้ว

เขา..ไม่ได้รู้วิธีการเอาใจใส่ดูแลแมวจริงๆเสียเท่าไรเลย
*คำเตือน*

การกระทำหลายไปอย่างที่ทาเคมิจิทำนั้นไม่สามรถเชื่อถือได้หรือใช้งานได้จริง กรุณาอย่าให้สิ่งที่มันไม่ควรกิน อุ้ม จับ หรือทำให้พวกมัน/ตัวคุณเองเครียดหรือเจ็บป่วยจากการกระทำของคุณ ที่เขียนทั้งหมดนี้ก็เพื่อความบันเทิงของฟิคเรื่องนี้เท่านั้น ขอบคุณค่ะ
(+ไม่งั้นแงวปลอมจะได้กินอาหารแมวจริงด้วยค่ะฟฟฟ)

เพราะงั้นแล้วพอเขาได้เห็นแมวเมนคูนสุดหล่อขนสลวยตัวใหญ่กระโจนเข้าใส่ แทนที่จะหลบเลี่ยง ร่างกายเขาก็ทำเพียงคุกเข่าลงแล้วอ้าแขนรอรับมันเข้าสู่อ้อมอกเท่านั้น

เมื่อเข้าสู่ระยะการทักทาย(โจมตี)เจ้าเหมียวสีดำก็ฟาดอุ้งเท้าของมันเข้าใส่เขา!
เสียงขู่แฟ่ดๆสุดน่ารักที่ได้ยินทำให้ทาเคมิจิใจเจ็บไพหมด

นี่ยังไม่นับอุ้งมังคุดที่เผยออกมาให้เห็นตอนที่เท้าเล็กของมันฟาดเข้าใส่!

"โอ๊ะ เนโกะพันช์จิ!"

แม้จะกำลังโดนหมัดแมวเล่นงานแต่ทาเคมิจินั้นเหมือนคนตกอยู่ในห้วงรัก

นิ้วชี้ของเขาแตะเข้ากับอุ้งนุ่มๆน่าบีบเค้นที่ว่า
เป็นคุณเหมียวที่ใจดีจังเลยน้า

เลือกที่จะโจมตีแต่ก็ไม่ได้กางเล็บออกมาด้วยซ้ำ

มาขู่ให้ไปไกลๆรึเปล่า? เขาเผลอเข้ามาในอาณาเขตของมันเข้าอย่างนั้นสินะ?

แต่สัมผัสเบาๆของอุ้งที่หยุดลงกับนิ้วของเขาทำให้ทาเคมิจิคิดว่าใช้ชีวิตนี้ได้คุ้มค่าแล้ว

..บางทีอาทิตย์นี้ก็อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น
...แม๋ว..?

มันส่งเสียงที่เหมือนการตั้งคำถามแต่ก็ยังคงความไม่เป็นมิตรเอาไว้ออกมา

ดวงตาสีสัมฤทธิ์ก้มมองอุ้งเท้าของตนสลับกับหน้าเขาจนค่าความน่าเอ็นดูพุ่งทะลุหลอดออกไปนอกโลกแล้ว

แย่แล้ว ถ้าเอียงคอใส่กันแบบนั้นละก็---

'หมับ!'

...ทำไปซะแล้ว

อุ้มขึ้นมาซะแล้วล่ะ...แฮะๆ
ได้สัมผัสขนหน้านุ่มของเจ้าเหมียวตัวใหญ่เข้าเต็มๆวงแขนแล้ว

ฮือ

ฟิ น

...ต่อจากนี้ก็ได้เวลาเป็นที่ในเล็บไซส์มนุดแล้วสินะ(...
แฮ่ม ลองทำตัวเป็นมิตรดูก่อนแล้วกัน

"...น่าๆเป็นเด็กดีนะเจ้าเหมียว"

เขาไล่มือไปตามหลังของมันแล้วลูบเบาๆอย่างเอาอกเอาใจ

อย่าฆ่าผมเลยนะคับ
...แต่แล้วเขาก็ได้เห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น

ฝูงแมวที่เข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อครู่พากันแผดเสียงร้องออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน!

ทำไมพอฟังดูดีๆแล้ว(...

นี่มัน...กำลังหัวเราะเยาะอยู่รึเปล่านะ...?

แมวที่ดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูงตัวนั้นกำลังกลิ้งตัวอยู่กับพื้นจนขนยุ่งไปหมด!
อยู่ๆเจ้าเหมียวเมนคูนในอ้อมแขนก็ดีดดิ้นขึ้นมาในอ้อมแขนจนเกือบจะตกอยู่รอมร่อ

แย่แล้ว--อย่าบอกนะว่าฉันไปทำให้ขายหน้าแมวด้วยกัน!?

ทาเคมิจิตาโต เขาแอบกระซิบขอโทษมันซ้ำๆ แต่พอเห็นท่าทางโมโหนั่นก็อดไม่ได้ที่จะกอดมันเอาไว้จนกว่ามันจะสงบลง

ถ้าปล่อยไปแล้วไปตีกับตัวอื่นจนเจ็บตัวก็คงแย่
ผ่านไปไม่นานในที่สุดแล้วเจ้าเหมียวก็สงบลง หน้าตาตอนหอบลิ้นห้อยนี่ก็น่ารักมากเหมือนกัน

ทาเคมิจิยิ้มอ่อน อีกเรื่องที่ทำให้เขาแปลกใจมากก็คงไม่พ้นเรื่องที่จนแล้วจนรอดเจ้าเหมียวนี่ก็ยังไม่ได้กางเล็บใส่เขาเลย

ถึงจะฟาดอุ้งตุ้บตั้บๆเลยก็เถอะแต่เขา..ก็ไม่ได้เลือดเลยแม้แต่แผลเดียว
เป็นเด็กดีจริงๆเลยน้า...

อยากหอมหัวสักสิบที แต่กลัวเจ้าเหมียวโดนเพื่อนแมวหัวเราะเยาะอีก(...

"สงบลงแล้วเหรอ เก่งมาก! ขอโทษที่เอาแต่ใจแล้วอุ้มขึ้นมานะ แต่พอพุ่งเข้ามาแบบนั้นมันเลยอดไม่ได้น่ะสิ แฮะๆ"

เขาเกาตามตัวมันอย่างเอาใจ จะบอกว่าง้อก็ไม่ผิด

โอ๊ะ ตัวเหลวแล้ว?
น่ารัก น่ารักกก น่ารักกกก--ตอนที่ทำตัวเหลวๆตาปรือๆแบบนี้มันเหมือนกับ--

...

เหมือนกับ...ตอนที่ไปติวกับฮินะครั้งก่อนเลย

ฮินะที่เรียนพละคาบสุดท้ายแต่ก็ยังมาช่วยติวให้เขาเพราะว่าวันถัดมามีสอบย่อย...

แฟนสุดน่ารักของเขาที่เอนตัวมาพิงเข้าด้วยกันตาปรือๆ จนทำให้ใจของเขาเต้นแรงไปหมด
ฮินะที่พึ่งเลิกกันไป...เมื่อสองวันก่อน

ความรู้สึกเศร้าหมองที่ถูกเจ้าเหมียวตรงหน้าทำให้ลืมไปได้ครู่หนึ่ง

เขาวางเจ้าเหมียวตัวใหญ่ลงกับพื้น

สุดท้ายแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหอมหัวมัน

อย่างกับว่ามันจะส่งไปถึงเธออย่างไรอย่างนั้น

"..จะไปขโมยใจคนอื่นแล้วทิ้งให้เขาเสียใจไม่ได้นะคุณเหมียว"
"ถึงมันจะช่วยไม่ได้ก็เถอะเนอะ ฮึก"

เขาปาดน้ำตาออกแล้วหัวเราะเบาๆกับมันที่ทำตาโตใส่เขาที่กำลังร้องไห้สมเป็นเจ้าขี้แย

ก็เขาไม่ใช่ผู้หญิงนี่
จะทำยังไงได้กันล่ะ

'ฮืออ ขอให้ฮินะมีความสุขมากๆด้วย--แงงงง'

เสียงอ้อๆแอ้ๆของคนเมาที่ขอพรไม่รู้ข้อที่เท่าไรแล้วดังขึ้นในความทรงจำของเขา
เลิกเล่นกับแมวได้แล้ว ได้เวลาต้องตามหาของที่หายไปเสียที

สิ่งที่นึกออกเมื่อครู่ทำให้เขามองหากล่องขอพรที่สมควรจะมีกระป๋องเบียร์ที่ไม่ได้เปิดตั้งอยู่

ตรงนั้น

เขาเดินฝ่าวงล้อมแมวเพื่อตัดผ่านพวกมันไป...เพราะนั่นเป็นที่เดียวที่พอมีทางให้เดินอยู่

แต่ทาเคมิจิก็ถูกขวางเอาไว้
โดยบรรดาแมวเหมียวที่เคยเรียงรายอยู่ซ้ายขวาจนพอจะมีทางให้เดินต่อ

ท่าทางขี้เล่นของพวกมันเมื่อครู่หายไป

เหลือไว้เพียงสีหน้าดุร้าย..ยิ่งเขาเข้าใกล้ขั้นบันไดที่มีแมวสองตัวยืนมองเขาด้วยสายตาลุกวาว..ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เฮ้!! เขียนจนตามพาร์ทพิบาจิทันแล้ว😳✨✨✨

พอไปย้อนอ่านดูตอนต้นๆเหมือนฟิคผีจังคุณ(... บางทีกายอาจจะเขียนแนวนั้นรุ่งก็ได้นะ🤔

ผลโพลยังไม่เสร็จแต่สูสีจนงง5555 เชือดเฉือนกันมากนะ65555

ก็เล่นโพลใหม่ไปเลยสิคะ💅
!!! ผลโพลแรกออกมาแล้วจ้า! แอบประหลาดใจเบาๆเพราะตอนแรกซันสุนำลิ่ว แต่ก็นะตามที่ฮัคไคได้พูดไว้(?) 'ทากะจังจะชนะครับ' แล้วพี่มิทก็ชนะไปสวยๆขร่ะ😳✨ รอบทเลอ

...หมั่นไส้โพลสองจริงๆขนาดร่างแมวนายคนนั้นก็ยิ่งนำโด่ง🙄✨

แวะมาบอกว่าวันนี้มาเลทนะคะ ดูๆแล้วอาจจะได้กาวช่วงเที่ยงคืนเลย👀💦
ถ้าหากว่าเด็กหนุ่มหนึ่งเดียว(?)ในที่นี้อยู่ในสภาวะปกติ บางทีแล้วเขาก็อาจจะทำตัวบ้าบอ ไล่โอ๋กับความน่ารัก สร้างของเล่นแมวแบบง่ายๆมาเล่นแบ่งปันความรักให้พวกมันอย่างเท่าเทียมกันจนมืดค่ำ กลับบ้านไปขนถุงอาหารแมว แมวเลียหรือถ้วยใส่น้ำพร้อมน้ำสะอาดขึ้นเขามาเลี้ยงพวกมันมื้อใหญ่แล้วก็ได้
ซึ่งก็คงจะออกมาเป็นภาพที่น่าดูชมไม่น้อยสำหรับฝั่งโตมันที่พากันถืออาหารแมวคนละชามแล้วมองหน้ากันท่ามกลางสถานการณ์ที่น่างงงวยและขบขันนี้
น่าเสียดายที่ทาเคมิจิในตอนนี้แค่อยากจะกลับบ้านไปเปิดเพลงเศร้า กินมันฝรั่งทอดกองเท่าภูเขาแก้เครียดและเหม่อลอยกับความรักที่ไม่สมหวังจนหลับไปเท่านั้น
เขามองพวกมันด้วยสายตาเหนื่อยๆ

"นี่"

เสียงเรียกของเขาเรียกความสนใจจากพวกมันได้อย่างดี

ร่างของเหล่าแมวที่อยู่บนระดับเท่าๆกับเขานั้นเริ่มเกร็งขึ้นมา เหมือนกับว่าถ้าเขาขยับผิดไปแม้แต่นิดเดียวก็พร้อมที่จะโจมตีเข้ามาทันที

ในขณะที่แมวที่อยู่บนขั้นบันไดนั้นเพียงจ้องมองมานิ่งๆเท่านั้น
เขาหลบสายตาของพวกมันสองตัวแล้วก้มลงเล็กน้อยเพื่อกวาดสายตาไล่เลียงไปยังสายตาที่หรี่มองมาแต่ละคู่ด้วยรอยยิ้มเหนื่อยๆ

"ขอฉันผ่านไปหน่อยได้รึเปล่า?"

พวกมันไม่มีตัวไหนส่งเสียงตอบกลับมา

'มาว'

เป็นเจ้าตัวที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดที่ส่งเสียงตอบกลับคำเดียว

'ไม่'
เขาฟังไม่ออกหรอก แต่ดูจากทีท่าทีที่เหมือนกับเห็นเขาเป็นมดปลวกแล้ว 'ไม่' ก็คงจะเป็นคำตอบของสิ่งที่เขาเอ่ยถามออกไป

ถึงพวกมันจะเป็นแมวที่ดูเผินๆแล้วจะไม่มีสติปัญญาจะตอบกลับมาก็เถอะ

แต่ทาเคมิจิก็เชื่อนะ..ว่าแมวคือสิ่งมีชีวิตที่คิดจะครองโลก

ดูท่าว่าขอดีๆจะไม่มีประโยชน์...
เขาคงต้องพยายามเจรจากับเจ้าจ่าฝูงที่ยืนเด่นเป็นสง่าไม่ยอมขยับไปไหนอยู่ที่เดิมตรงโน้น

"ทำยังไงถึงจะยอมให้ผ่านไปได้งั้นเหรอ? หึ๊?"

ถึงอย่างนั้นเขาก็ลงไปนั่งยองๆให้อยู่ในระดับพอๆกันแล้วถือโอกาสเอื้อมมือไปยังตัวที่อยู่ใกล้ๆแล้วเกาคางมันอย่างถือวิสาสะ
ยิ่งเขาไล่มือไปตามกรอบหน้าและใบหูเจ้าเหมียวสีเข้มที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ลากจากขมับไปจนถึงหลังหัวด้านซ้าย ตาสีฟ้าของมันก็เบิกกว้างแล้วผงะถอยไปจนนั่งกับพื้นซะอย่างนั้น

หมดมาดแมวเจ้าถิ่นเมื่อครู่จนเขาอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

ยิ่งเขาเห็นท่าทางง่กเงิ่นไปไม่ถูกของมันเขาก็ยิ่งได้ใจ
ทาเคมิจิระบายยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นนักออกมา

ดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกันมองสบเข้าหาอีกฝ่าย

คู่นึงยิ่งเลิกลั่กไม่มีชิ้นดีที่อยู่ๆเขาก็เอนตัวเปลี่ยนจากการนั่งยองมาคุกเข่าเข้าหามัน

จะบอกว่าลดระยะห่างเข้ามาใกล้ชิดเลยก็ไม่ผิด

เป็นแมวที่ขี้ตกใจจังนะเนี่ย
แต่ก็เพราะเมื่อกี้แสล๋นหน้าเข้ามาขู่ใกล้ๆนั่นแหละถึงได้น่าแกล้งน่ะ

ทาเคมิจิหัวเราะในใจแล้วหักนิ้วตัวเองยิ้มๆกะว่าจะขยุมพุงให้หายมันเขี้ยวสักที

แต่พอมองดูดีๆแล้ว?

"โอ๊ะ? มีรอยบากที่ปากด้วย"

นิ้วโป้งของเขาไล่ผ่านปากของมัน---

???

อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงที่แผดขึ้นมาจากด้านหลัง
พอหันไปมองพร้อมๆกับแมวตัวอื่นที่สะดุ้งขึ้นตามๆกัน..เขาก็ได้เห็นมัน

แมวสยามหรือแมวไทยที่กำลังใช้อุ้งปิดหน้าปิดตาตัวเองอยู่ข้างเจ้าเหมียวเมนคูนที่เข้ามารวมกลุ่มอีกครั้งแล้ว

ท่าทางที่ดูคล้ายกับมนุษย์ที่กำลังเขินอายขั้นสุดนั้นทำให้เขาอดฉีกยิ้มออกมาไม่ได้

แมวก็เขิน(?)เป็นเหรอเนี่ย!
มันเลื่อนอุ้งขึ้นๆลงๆที่ใบหน้าทำท่าเหมือนอยากดูแต่ก็ไม่อยาก

หรือเขาคิดไปเองแล้วมันแค่ทำความสะอาดขนอยู่กันแน่นะ?

จนกระทั่งเจ้าเมนคูนยกอุ้งขึ้นฟาดหัวมันจนหน้าคะมำนั่นแหละเขาถึงได้หลุดขำพรืดออกมาจนได้

"อุบ--ฮะๆๆๆ"

แมวนี่สุดยอดเลยนะ

แป็ปเดียวก็เหมือนกับความเครียดละลายหายไปแล้ว
ทาเคมิจิส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะหันกลับมาสนใจเจ้าเหมียวหน้าบากที่ถือโอกาสหนีไปหลบหลังแมวขนสั้นสีเทาอีกตัว

พันธุ์รัซเซี่ยนบลู...รึเปล่านะ?

เป็นพ่อหรือแม่รึเปล่าหว่า

มันมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ท่าทางเหมือนแม่ไก่กับลูกไก่ไม่มีผิด

ถ้าหากลูกไก่ตัวใหญ่กว่าแม่จนหลบไม่มิดละก็นะ
เขาหัวเราะขึ้นจมูกกับภาพน่ารักๆที่เห็น ถ้าหากว่าสามารถแบ่งปันสิ่งที่เห็นนี้ให้เพื่อนของเขากับเธอได้ ทาเคมิจิก็คงได้ยิ้มจนปวดแก้มไปแล้ว

เด็กหนุ่มสบตาตอบกับดวงตาสีเทาที่มีเส้นขีดของแมวตรงหน้า

แค่เขามองผ่านมันไปทางเจ้าเหมียวที่อยู่ด้านหลังนิดเดียวมันก็ส่งเสียงขู่เขาเข้าให้แล้ว
เป็นแม่แมวแน่แล้วมั้ย

ไม่ได้อยากทำให้กลัวแท้ๆเลยน้า

"ขอโทษๆ...ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจหรอกนะ"

เขาโบกมือแล้วส่งยิ้มแหยๆให้มัน
..แน่นอนว่ามันไม่รับคำขอโทษแต่อย่างใด

จะขอคืนดียังไงดีล่ะทีนี้(...
ปกติก็คงต้องรอให้มันหายโกรธใช่รึเปล่า?

ถ้าเกิดเกลียดมนุษย์ขึ้นมาก็คงแย่เลย
ของที่แมวชอบ...ก็ไม่มีติดตัวมาเลยซักอย่างเดียว แฮะๆ...

อย่างน้อยถ้าล่อให้เข้ามาใกล้จนเกาคางง้อได้อย่างทุกทีละก็...

อ๊ะ

ถึงจะไม่ใช่อาหารแมวก็เถอะ
แต่ถ้าเป็นอาหารก็อาจจะได้ผลก็ได้

ฉันนี่มันอัจฉริยะจริงๆ!

ทาเคมิจิล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียนที่สะพายอยู่บนไหล่มาตลอดเย็น
จ๊างงง✨

ถุงอันปังแสนอร่อยที่ซื้อมาเพื่อกินแก้ช้ำในคืนนี้ยังไงล่ะ!

...เขาคิดว่าแมวน่าจะกินมันได้นะ...
อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดว่าไส้ถั่วแดงจะเป็นอันตราย...

แค่นิดเดียวก็คงไม่เป็นไร...?

"เอานี่ คืนดีกันนะ?"

เขายื่นขนมปังหวานในมือให้กับแม่แมว(?)ที่มองถุงในมือเขาด้วยสายตาไร้เยื่อใย
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล...

หรือเพราะว่าเขายังไม่ได้แกะห่อให้ก็เลยไม่ได้กลิ่นของกิน?

ทาเคมิจิเก็บมันกับมาก่อนจะแกะซองออกให้ มือก็เช็ดกับทิชชู่ที่แถมมาด้วยก่อนด้วยความเคยชิน

"อร่อยนา ไส้ถั่วแดงนี่กินแล้วอร่อยจนอยากร้องไห้เลย"

ถึงเขาจะร้องไห้ประจำอยู่แล้วก็เถอะ...
แม่แมวมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะถามว่าจะเอาอย่างนี้จริงๆนะเหรอ

แล้วพอสบโอกาสที่มันอ้าปาก(น่าจะเพื่อขู่เขาอีกรอบ)อันปังชิ้นไม่ใหญ่มากก็ถูกดันเข้าปากของมันอย่างรวดเร็ว!

เจ้าลูกแมวตัวเบ้งที่อ้าปากเหวอกับภาพที่เห็นเองก็ได้รับไปหนึ่งชิ้นเช่นเดียวกัน!

'ม้าว!"
*ขอเตือนอีกครั้งว่าอย่าเอาของกินที่ไม่ควรให้แมวกิน + เอาอะไรยัดปากน้องนะคะฟฟฟ*

ทันทีที่เคี้ยวหมดแม่แมวก็ย่างสามขุมเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็ว

ถ้าหากมันเป็นมนุษย์เขาคงได้โดนกระชากคอเสื้อไปแล้ว

แต่เพราะว่ามันไม่ใช่..

เขาก็เลย..เอาอันปังยัดปากที่อ้าออกนั่นเข้าไปอีกชิ้น(...💦
โอเค...เขาอาจจะแตกตื่นจนเผลอทำอย่างนั้นแต่มันก็เพราะสิ่งมีชีวิตที่สัญชาตญาณความเป็นแม่สูงนั้น...น่ากลัวกว่าแมวเมนคูนสุดหล่อที่วิ่งดุ๊กๆกระโจนมาฟาดอุ้งมังคุดใส่...

"...อย่างน้อยมันก็อร่อยจริงนะ..?"

เขาหัวเราะแฮะๆให้มัน...และก่อนที่จะโดนง้างอุ้งใส่(คราวนี้มันน่าจะกางเล็บแล้ว)
เขาก็ถือโอกาสตัดหน้ามันโดยการอุ้มมันมานั่งตักเขาอย่างสงบ

"..."

เสียงพูดคุยที่เริ่มกลับมาอีกครั้งหลังจากที่แมวสยามโดนฟาดอุ้งใส่ก็พลันดับลงเหมือนถูกสับสวิตซ์

อย่างน้อยเจ้าเหมียวบนตักเขาก็สตันท์ไปเหมือนกัน

เขาหัวเราะแบบเจี๋ยมเจี้ยมแล้วเริ่มนำวิถีที่เรียนรู้มาโดยประสบการณ์มาใช้
ก่อนอื่นก็ต้องเรียกความสนใจ...

เขาไล่มือลูบไปตามกระดูกสันหลังของมันแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอเข้ากับ...ปลอกคอ?

โอ๊ะ ไม่ใช่แมวจรสินะเนี่ย

พอเกี่ยวป้ายชื่อขึ้นมาดูก็พบว่าเจ้าเหมียวรัซเซี่ยนบลูตัวนี้ชื่อว่ามิทสึยะ ทาคาชิ...

มีทั้งชื่อ ทั้งนามสกุลเลยเหรอเนี่ย...💦

ถ้างั้นก็...
ทาเคมิจิยกอุ้งทั้งสองข้างของแมวบนตักขึ้นมาแนบกับริมฝีปากของตัวเองแล้วจุ้บมันเบาๆทั้งสองข้าง

'ม๊าว!! ม๊าวๆๆ!'

เสียงของเจ้าเหมียวหน้าบากดังขึ้นราวกับกำลังประท้วงแทนแม่(?)ของมัน

"ขอโทษนะ ทากะจัง"
"ดีกันนะครับ♡"

The cat was too stunt to speak

'ม๊าวววววววว!!!'
'ไม่นะ ทากะจังงง!!!'

...อะไรบางอย่างบอกเขาว่าเสียงเมื่อกี้น่าจะแปลว่าอย่างนั้น...

จะว่าไปมิทสึยะ ทาคาชินี่...

ชื่อผู้ชายชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ(...?

เขามองแมวที่ยังคงแข็งค้างอยู่ที่เดิมก่อนจะปล่อยมันออกจากตักให้เจ้าเหมียวบากมารับตัวกลับไป

...หรือว่าเขาจะทำอะไรเกินไปจริงๆนะ(...?
แต่ยังไม่ทันได้ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมดสิ่งไม่คาดคิดอีกอย่างก็เกิดขึ้น

'มาว'

เจ้าของเสียงเรียกที่โผล่มาข้างๆตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้อย่างเจ้าแมวแอปริคอทเปอร์เซียขนฟูที่เคยยืนเป็นสง่าอยู่บนบันไดนั้น...

ย้ายมาอ้าปากรอการป้อนอันปังบนตักเขาด้วยอีกตัวแล้ว
...ต้องขออภัยที่ออกทะเลเยอะ + เบียวจัด55555 พอดีกาวสด ถ้าหากว่าจะมองข้ามเรื่องแปลกๆกับความยืดไปได้จะขอบคุณมากค่ะ5555

อ่านเอามันส์กันนะคะ อย่าคิดมาก Head empty, just fluff ไปด้วยกันนะ😂💦

นายคนนั้นชนะก็ได้บทไปตามคาด👀 รอมุมฝั่งโตมันก่อนนะ555

อยากอ่านอะไรไหนจิ้ม👀
วันนี้ก็ยังคงมาต่อตอนเที่ยงคืนนะคะ แฮ่😳 แนะนำให้ผู้ที่ปกตินอนไม่ดึกไม่ต้องอยู่รอนะ มาอ่านเอาเช้าเลยดีกว่า ผมพิมพ์ช้ามากจนเขิน👀💦 จะพากันไม่ได้นอนเปล่าๆ555

ล่าสุดพบเห็นแมวขี้อิจฉา/เห็นแก่กินแล้วหนึ่ง แต่ผมก็จะยังไม่ต่อตรงนั้นหรอกนะ/ยิ้มอ่อน☺️

ดูสิวันนี้จะเขียนถึงไหน😚✨
ท่าทางที่แปลกไปจากไอ้เด็กที่ยิ้มแหย หน้าโง่ๆ ซื่อบื้อๆที่กอดเขาไม่ปล่อ--แค่ก กับดวงตาสีฟ้าที่พอมองดูแล้วก็เปล่งประกายเป็นสีที่บาจิไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าชอ--ไม่ได้เกลียด..กลายเป็นไอ้ขี้แยที่ทำหน้าเศร้าเหมือนพร้อมจะทิ้งตัวที่ไหนก็ได้แล้ว...

..มันก็ทำให้เขาไปต่อไม่ถูก
ปกติแล้วในหนังที่ดูกับจิฟุยุ ถ้ามีฉากสลัดรัก(?) ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะต้องวิ่งหนีลงบันไดไปแล้วพลาดท่ากลิ้งตกเขาไปให้รถชนจนความจำเสื่อมไม่ใช่เหรอ?

มือที่ค้างอยู่ที่หน้าผากตัวเองถูกลดลงช้าๆอย่างไม่แน่ใจนัก

ไม่ใช่ว่าบาจิไม่เคยมีแฟน

แต่ส่วนใหญ่แล้วคบได้มากสุดอาทิตย์เดียวก็เลิกกันแล้ว
เขาไม่ใช่พวกที่สนใจความรักเสียเท่าไร เพราะงั้นจะบอกว่าระหว่างแฟนกับเพื่อน บาจิก็เลือกโตมันอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนนึงก็เพราะคิดว่าพวกผู้หญิงไม่น่าจะชอบมาอยู่กลางวงนักเลงก็เลยไม่เคยพาใครมาแนะนำให้ใครรู้จักด้วย

นี่...เป็นครั้งแรกที่มีใครมาทำเรื่องเช่นนี้ในแก๊งเลยก็ว่าได้?
แถมยังเป็นใครก็ไม่รู้ที่บุกเข้ามาแบบไม่สนโลกแล้วยังไม่สะทกสะท้านกับหมัดของเขาเลยก็ว่าได้

แล้วก็คำพูดพวกนั้นอีก

หรือว่าจะบุกมาเพื่อชิงตัว???

สถานการณ์จากนิยายบู๊โรแมนติกโบราณที่พระเอกจะต้องพิสูจน์ตัวกับเจ้าสำนักแล้วขอมือของว่าที่เจ้าสาวอย่างบาจิซั--

ป้าบ!
นั่นเป็นรอบแรกที่จิฟุยุโดนตบหัวในวันนี้

"ถ้าแกยังไม่หุบปากนะจิฟุยุ..."

บาจิกำหมัด เขาแยกเขี้ยวใส่จิฟุยุที่กำลังกุมหัวของตัวเอง
...แต่ก็ยังไม่วายมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย

"...ก็ช่วงนี้บีแอลมันมาแรงนี่ครับ.."

ถึงจะไม่เข้าใจว่าพูดเรื่องอะไรแต่บาจิก็ยกหมัดขึ้นมา--

"นี่"
เสียงเรียกของเด็กหนุ่มไร้ชื่อ(ที่ตอนนี้มีป้ายไอ้หนุ่มแดนมังกรแปะทับไปเพราะคำพูดของจิฟุยุ)เรียกความสนใจของพวกเขาไป

คนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดอย่างเหล่าหัวหน้าหน่วยและรองต่างพากันเกร็งตัวรออะไรก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์ตรงหน้า

ไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กนี่มาทำอะไรที่นี่
เอาจริงๆก็คือไม่มีใครรู้จักไอ้เด็กนี่ด้วย

ดูจากทรงผมกับการแต่งตัวแล้วก็ดูจะเป็นพวกนักเลงวอนนาบีแต่รอยฟกช้ำดำเขียวที่มีให้เห็นชัดเจนนั่นก็ดูจะเป็นของจริง

เรื่องที่น่าสงสัยก็คงเป็นเรื่องที่ว่าถ้าหากมีความสามารถ(หรือมนต์ดำอะไรสักอย่าง)พอจะหยุดเขาได้แล้วทำไมถึงได้สภาพยับเยินขนาดนี้
ตราแก๊งก็ไม่มี มีแค่ตรารร.คุ้นๆตาอยู่เท่านั้น

เจ้าเด็กนั่นไล่สายตามองไปยังทุกคนไม่เว้นแม้แต่ไมกี้

"ขอฉันผ่านไปหน่อยได้รึเปล่า"

!!!

บทพูดดูสมกับฉากบู๊ในหนังจีนตอนมาท้าสำนักเลย!

ถึงน้ำเสียงจะดูเหมือนกำลังขอร้องอยู่ก็เถอะ?

"ไม่อยากเสียมารยาทกับว่าที่พ่อตา--แค่กไมกี้แน่ครับ!"
จิฟุยุกระซิบกระซาบด้วยท่าทีตื่นเต้นเกินคนที่เจ้าตัวบอกกับปากเองว่าจะมาชิงตัวไปเสียอีก(...

"ไม่"

แน่นอนว่าไมกี้ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยนั้นปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย

ท่าทีที่ด้วยเหมือนจะมาหยามแต่ก็ไม่เชิงเสียทีเดียวนั้นทำให้เจ้าตัวเริ่มสนใจเรื่องของเด็กนั่นขึ้นมาหน่อยๆแล้วด้วย
ดูจากการที่ไมกี้ไม่ได้ออกคำสั่งให้ใครจัดการอีกฝ่ายไปอย่างเช่นตอนแรกก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงอยากรู้ว่ามันมาทำอะไรที่นี่

ยังไงแล้ววันนี้โตมันเองก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษเสียด้วย จิฟุยุว่ามาอย่างนั้น

ดราเค่นถอนหายใจอยู่ข้างๆเขาท่าทางอยากลงไปเตะโด่งไอ้หนูนั่นแล้วประชุมให้จบๆไป
เด็กนั่นถอนหายใจ

"ทำยังไงถึงจะยอมให้ผ่านไปได้งั้นเหรอ? หึ๊?"

มันพูดเหมือนกำลังพูดกับตัวเองมากกว่าคนอื่น ดูจะอ่อนใจกับคำตอบที่ได้รับ

บาจิเหลือบมองจิฟุยุที่มีตาเป็นประกายแวววาว ดูแล้วนี่คงเป็นฉากไคลแมกซ์สักอย่าง?

มือมันกำผ้าเช็ดหน้าที่เอามาจากไหนไม่รู้ไว้แน่น--
ก่อนที่มันจะทำหน้าเสียศูนย์ที่เนื้อเรื่อง(?)ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้

แหงสิ ใครมันจะบ้ามาท้าตีไมกี้ในดงโตมัน

บาจิกลอกตาแล้วมองมือไอ้หนูนั่นที่จู่ๆก็ยื่นไปคว้าหมับเข้าที่คางของฮัคไค

มันลอบโจม--...ตี...?

บาจิมองมือเล็กๆไล่ไปตามกรอบหน้าของคนตัวสูงกว่ามากอย่างนุ่มนวล???
ฮัคไคที่ยืนทำหน้าเข้มอยู่ข้างมิทสึยะถึงกับทำปากพะงาบๆที่เจ้าเด็กเตี้ยที่ลงทุนเขย่งปลายเท้าสุดตัวเพื่อที่จะทำอย่างนั้น

...ถ้าเป็นการลอบโจมตีจะนับว่าได้ผลก็คงได้

หน้ามันแดงแปร๊ดเมื่อไอ้หนูที่ไร้ความเกรงใจนี่ถึงกับเล่นลามไปถึงใบหู

แล้วฮัคไคที่สะบัดหน้า ผงะถอยออกไปก็ล้มก้นจ้ำเบ้า
นอกจากมิทสึยะแล้วบาจิก็อยากจะหัวเราะเหมือนกับเสียงแผ่วๆรอบตัวที่เขาได้ยิน
เพราะนี่มันก็ไม่ได้ต่างจากสถานการณ์ของเขาก่อนหน้าเสียเท่าไร

...แต่ในอกก็รู้สึกเหมือนมีอะไรคันยุบยิบๆจนขำไม่ออก

เขาดันหน้าจิฟุยุที่จ้องเขม็งมาหาให้หันไปอีกทาง

"บาจิซังอ่า! ตอนนี้รู้สึกยังไงรายงานผม--แอ่ก"
ฮัคไคกำลังลนลาน

นั่นคือการกล่าวน้อยไปกว่าความจริงอยู่มาก

เขากำลังแตกตื่น!!!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น!??

เขาจำได้ว่ายืนคุมหลังทากะจังอยู่ดีๆก็ถูกผู้บุกรุกเขย่งมาดึงคางลงมาจ้องตาปิ้งๆ!?

อาจจะเพราะตาอีกฝ่ายสีฟ้าใสสวยมาก พอเขาตั้งสติได้ก็กำลังถูกประคองใบหน้าเอาไว้แล้ว
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำแต่ประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้านั้นยิ่งทำให้ฮัคไคเลิ่กลั่กกว่าเดิมเสียอีก

นี่มัน--อะไร๊!?

สัมผัสนุ่มนวลแตะเบาๆไล่ไปทั่วใบหน้าก่อนจะแตะเข้าที่ใบหู---

มากไปครับ

ฮัคไคผงะถอยหลัง ขาพันกันจนล้มลงก้นจ้ำเบ้าทั้งอย่างนั้น
"ทะ ทำอะไรน่ะ!"

เอ่ยถามออกไปอย่างไม่เข้าใจสุดขีด

นอกจากจะไม่ได้รับคำตอบแล้วร่างเล็กกว่าก็ยังเลื่อนตัวลงมานั่งยองๆข้างเขาแบบใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!

อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้เห็นในขณะที่พวกเราสบตากัน

ทำไมถึงได้รู้สึกว่าควรหนีคนตัวเล็กนี่ไปให้ไกล--ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะ-
อีกฝ่ายหักนิ้วด้วยสีหน้าเหมือนกำลังจะทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีเท่าไรต่อเขาเท่าไร

"โอ๊ะ? มีรอยบากที่ปากด้วย"

เสียงใสว่า สายตาเลื่อนลงไปมองที่ริมฝีปากของเขา--ก่อนฮัคไคจะถูกสัมผัสลงบนมัน

นิ้วโป้งของอีกฝ่ายไล่ผ่านปากของเขา

'เท่จังเลยนะ'

เหมือนกับจะได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้พูดออกมา
ภาพของหัวหน้าหน่วยที่หนึ่งอย่างบาจิซังถูกจัดการอย่างง่ายดายทั้งยังถูกขโมยจุ้บที่หน้าผากไปนั้นทำให้สมองของเขาเผลอจินตนาการความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นก็ได้ขึ้นมา

จะ--จะจูบงั้นเหรอ--!?

หน้าของชิบะ ฮัคไคกำลังจะระเบิดภายในสาม---
"ว๊ากกกกก!? บาจิซัง!! ผมทนดูไม่ได้แล้ว!! ว่าที่เจ้าบ่าวของบาจิซังกำลังจะ--!!"

เป็นจิฟุยุที่แผดเสียงเรียกสติเขาขึ้นมา

และในระหว่างที่ผู้บุกรุกกำลังหันไปสนใจหมอนั่น--

ป้าบ!

"เจ้าสาวเชี่ยไรล่ะ เลิกเพ้อเจ้อซักที"

...ฮัคไคก็สบโอกาสลุกหนีไปหลบหลังมิทสึยะอย่างรวดเร็ว!!
"ทากะจัง!"

ช่วยผมด้วย!!

"ไม่เป็นไรใช่มั้ย? โทษที ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว"

หัวหน้าหน่วยของเขาตบบ่าปลอบโยนเขาที่หนีจากเงื้อมือผู้บุกรุกมาได้ และพอตรวจดูคร่าวๆจนพอใจว่าเขาไม่เป็นอะไรในที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็หันไปประจันหน้ากับคนผมทองตาสวยตรงหน้า!

เอาเลยทากะจัง! จัดการเลย!!
เมื่อคนแปลกหน้าหันกลับมาเขาก็ประพริบตาปริบๆให้ได้เห็นก่อนจะแอบหัวเราะออกมาเบาๆด้วยท่าที...น่ารัก

...มาจากไหนวะนั่น

สายตาที่มองพวกเขาด้วยความเอ็นดูขั้นสุดนั้นทำให้ฮัคไคไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่

เรื่องที่จิฟุยุแผดเสียงขึ้นมาดังก้องอยู่ในหัว

เจ้าบ่าวเจ้าสาว???
ต้องบอกก่อนเลยว่าประสบการณ์ความรักของฮัคไคนั้นเท่ากับ 0

จะในแง่ของครอบครัวหรือคนรัก คนสองคนที่บอกได้ว่ารักเขาในโลกใบนี้ก็คือพี่สาวอย่างยูสึฮะและพี่ชายอย่างทากะจัง

เพราะฉะนั้นแล้ว...

เจ้าบ่าวเจ้าสาว = แต่งงาน
แต่งงาน = ความรัก
ความรัก = ???
หรือว่านี่จะเป็น...การเรียกร้องความสนใจอย่างหนึ่ง?
บางทีอาจจะเป็น...จากคนที่ชอบ?

ถึงจะไม่ได้สนิทกันแต่เขาก็เคยเห็นน้องสาวของไมกี้ทำเรื่องแปลกๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากสาวน้อยอีกคนตอนที่ไปช็อปปิ้งเสื้อผ้ากับทากะจัง

...ไม่ก็นี่อาจจะเป็นการจีบแบบรุนแรงแขนงหนึ่ง?
*กรุณาอย่าไปรุ่มร่ามกับใครนะคะ ทาเคมิจิเห็นพวกเขาเป็นแมวเท่านั้นจึงได้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น*

เขาที่เริ่มใจเย็นลงบ้างแล้วเผลอสบตาเข้ากับดวงตายิ้มๆคู่นั้น

"เฮ้"

ก่อนที่จะถูกดึงความสนใจไปโดยทากะจังแทบจะทันที

อีกฝ่ายกระพริบตาปริบๆก่อนจะทำหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา
"ขอโทษๆ...ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตกใจหรอกนะ"

เจ้าตัวยกมือขึ้นมาเหมือนกำลังขอโทษขอโพยทั้งยังส่งยิ้มแหยมาให้

เขามองอีกฝ่ายที่มีสีหน้าสำนึกผิด สายตาที่ช้อนมองมาก็เหมือนมีน้ำตาคลออยู่ด้วยซ้ำ

...เหมือนเห็นภาพซ้อนกับแมวส้มแถวบ้านทากะจังที่ชอบมาอ้อนขออาหารจากลูน่าจังกับมาน่าจังเลย(...
"นายต้องการอะไรกันแน่"

ทากะจังเอ่ยถามออกไปท่ามกลางวงล้อมของเหล่าคนที่ก็อยากรู้เช่นเดียวกัน

ราวกับจะตอบรับคำถามที่ว่า เจ้าตัวการก็ทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

รอยยิ้มภาคภูมิใจของคนที่หยิบถุงอะไรบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋านั้นทำให้ฮัคไคมองมันอย่างไม่ไว้วางใจเช่นเดียวกันคนอื่นๆ
เหมือนกับได้เห็นเอฟเฟคในการ์ตูนและแสงระยิบระยับออกมาจากถุง

..มันคือถุงอันปัง..?
อันปังนี่..มันมีอะไรงั้นเหรอ..?

"เอานี่ คืนดีกันนะ?"

เจ้าตัวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสว่างไสว✨

ไม่ต้องนับคนอื่น ถึงมันจะน่ารักขนาดไหนแต่ฮัคไคเองก็ยังกลับไปทำหน้าปลาตายด้วยอีกคน
โดยเฉพาะเจ้าของคำถามอย่างทากะจัง...

"อร่อยนา ไส้ถั่วแดงนี่กินแล้วอยากจะร้องไห้เลย"

ยังอีก! ยังโฆษณาต่ออีก!?

แต่เมื่อได้ยินชื่อไส้ ทุกสายตาก็หันไปมองหัวหน้าแก๊งแว๊บนึงโดยอัตโนมัติ

...หรือว่าจะเป็นของสำหรับไมกี้กันนะนั่น(...

"เลิกบ่ายเบี่ยงแล้--"

หงับ

???
โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวมิทสึยะได้ถูกอันปังที่ว่าจู่โจมเข้าที่ปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ฮัคไคมองหัวหน้าหน่วยของตัวเองโดนเอาขนมปังยัดปากเหวอๆ

"อุ่ก!?"

แล้วก็ถูกกระทำเช่นเดียวกันในไม่กี่วินาทีถัดมา!

"..."

เขาไม่เคยเห็นทากะจังเลือดขึ้นหน้าเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย...
...แต่อันปังที่ว่านี่...ก็อร่อยจริงๆนั่นแหละ(...

ฮัคไคเคี้ยวขนมปังหวานที่ว่าช้าๆ จะให้คายของอร่อยออกมาก็รู้สึกแปลกๆ ถึงใจนึงจะคิดไปว่ามันอาจจะมีอะไรแปลกๆผสมมารึเปล่า

แต่จะบอกว่าการลอบวางยาของหมอนี่คือการเอาขนมปังยัดปากกันต่อหน้าต่อตาคนเป็นร้อยนี่ก็ฟังดูจะตลกเกินไปหน่อย
ทากะจังย่างสามขุมเข้าไปหาคนรนหาที่ตายด้วยรอยยิ้มมัจจุราช

...ต้องเตรียมเรียกรถพยาบาลแล้วหรือยังนะ

ดูแล้วยังไงคนหัวทองนี่ก็ไม่น่าจะได้เดินลงจากศาลเจ้า

ฮัคไคหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา--

ติดเพียงแต่ว่า

ทันทีที่ทากะจังอ้าปาก

"แก--"

หงับ
เขาก็โดนอันปังยัดปากเข้าไปอีกชิ้น(...

"...อย่างน้อยมันก็อร่อยจริงนะ...?"

...โอเค

ถึงท่าทางแตกตื่นตอนที่หลับตาปี๋แล้วเอาอันปังยัดปากทากะจังรอบสองของคนตัวเล็กกว่ามันจะดูปุ๊กปิ๊กเหมือนแฮมสเต--แฮ่ม

เอาเป็นว่าโชคดีที่ยังไม่ได้โทร จะได้เปลี่ยนเบอร์ไปจองวัดเลยแล้วกัน
จอมยัดอันปังหัวเราะแฮะๆแล้วทำเรื่องที่ชักจะกลายเป็นเรื่องไม่แปลกเท่าไรแล้วหลังจากหมอนี่มาที่นี่

หรือก็คือการอุ้ม...ทากะจังขึ้นทั้งอย่างนั้นในท่าเจ้าหญิง...

"..."

รอบนี้กลับไม่มีใครหัวเราะออกมาเลย

อาจเพราะไม่เคยมีใครเห็นทากะจังเสียศูนย์จนติดสตันท์สามรอบติดแบบนี้เช่นเดียวกัน
มิทสึยะ ทาคาชิไม่เคยถูกใครอุ้มในท่าเจ้าหญิงมาก่อน

เขาเคยอุ้มน้องๆของเขาในท่านี้บ่อยๆแต่ก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นคนถูกอุ้มเสียเอง

น้ำหนักตัวเขาอาจจะไม่เท่าบาจิแต่อย่างน้อยร่างกายของเขาก็มีแต่กล้ามเนื้อไม่ต่างกันมากนัก

...เขาชักไม่แปลกใจแล้วที่ก่อนหน้านี้ทำไมบาจิถึงทำตัวไม่ถูก
เด็กนี่...เอาแต่ทำเรื่องแปลกประหลาดจนเดาไม่ถูกว่าคิดจะทำอะไรต่อไป ทั้งยังแข็งแรงมากถึงขั้นคุมบาจิเอาไว้ได้ง่ายๆ

แล้วยังเรื่อง...การสกินชิพนี่อีก ดูเผินๆแล้วก็เหมือนกับไมกี้ไม่มีผิดเลยไม่ใช่เหรอ?

ทำเอาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าอยู่ด้วยกันได้ก็คงได้ตัวติดกันเป็นตัวเมแน่
ไม่รู้ว่าถ้ากลายเป็นอย่างนั้นดราเค่นจะได้ผู้ช่วยหรือได้ลูกมาอีกคน

มิทสึยะที่วิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปนั้นรู้สึกตัวขึ้นมาก็ตอนที่อีกฝ่ายพาเขาลงมานั่งบนตักและกำลังมองดูบัตรนักเรียนที่เคยอยู่ในอกเสื้อของเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
ปากของมิทสึยะอ้าออก คิ้วกลับมาขมวดเป็นปมอีกครั้งก่อนจะนึกบางอย่างออกแล้วรีบหุบปากลงเพราะกลัวว่าจะไม่ได้พูดเพราะโดนอันปังยัดปากรอบที่สาม(...

เพราะแบบนั้นแล้วตอนที่แน่ใจว่าในมืออีกฝ่ายไม่มีอันปังอยู่ก็กลายเป็นตอนที่อีกฝ่ายเป็นผู้ที่กุมมือเขาขึ้นมาทั้งสองข้าง...
แล้วคนที่รู้ตัวขึ้นมาก่อนใครว่าจะเกิดอะไรขึ้นนั้นกลับเป็นฮัคไค

"อย่าทำทากะจังนะ!"

เหมือนจะได้ยินเสียงจิฟุยุสูดลมหายใจด้วย?

สิ้นเสียงของรองหัวหน้าหน่วยที่สองก็เป็นเวลาเดียวกับที่ริมฝีปากของเจ้าของตักที่เขานั่งอยู่นั้น...แตะลงกับปลายนิ้วทั้งสองข้างของเขาพอดี
หะ

ตาสีลาเวนเดอร์เลื่อนกลับขึ้นมาสบเข้ากับท้องฟ้าที่สุกสกาวในดวงตาคู่นั้น

"ขอโทษนะ ทากะจัง"

เจ้าแมวส้มขี้อ้อนกล่าวขึ้นเมื่อได้รับความสนใจจากเขา

"ดีกันนะครับ♡"

เจ้าของดวงตาที่หยีลงจนปิดสนิทเมื่อกล่าวจบเอนเอียงแก้มของมันใส่ฝ่ามือของเขา
.
.
.
.
แล้วจะปฏิเสธลงได้ยังไงกันเล่า...
จะ จบพาร์ทสักที...

ตีห้าเลยนะ 55⁵5555⁵555 นับถือคนที่ตามอ่านมาตลอดคืนฟฟฟ

...ผมเบลอจัดเลย ถ้าเห็นคำผิดเยอะๆหรืองงๆอะไรไม่ต้องสืบนะ ผมไม่ได้นอน55555 แต่สงสัยไรถามได้!

รักเขยทุกคนนี่ลำบากจริงๆ อยากเขียนให้ครบแต่คนเขียนจะตายก่อน555555

พะ โพล
แฮ่ม เพราะว่ามีคนคอมเม้นท์กันหลายคนจนผมใจฟู จากที่คิดว่าจะพัก ไฟมันก็ลุกโชนขึ้นมา55555🔥🔥🔥

จะมาต่อเท่าที่ได้ก่อนนะคะ แล้วถ้ายังไหวอยู่ + ยังไม่จบพาร์ทก็จะมาต่อตอนเที่ยงคืนน้า

ผลโพลอยากอ่านมิโซจูกันสินะ! จบนี่ไปจะเขียนต่อให้จ้า! เสียดาย แอบอยากเขียนผีในห้อง(?)กับวันที่ฝนตก👀✨
ทาเคมิจิกระพริบตาปริบๆเมื่อได้สบเข้ากับตาสีดำสนิทของเจ้าเหมียวแอปริคอทเปอร์เซียที่ถูกมัดจุกน้ำพุบนตักของตัวเอง

ใช่แล้ว ไมกี้ได้เข้าไปแทนที่มิทสึยะอย่างแนบเนียนตอนที่เด็กหนุ่มถูกฮัคไคลากไปอยู่ในระยะปลอดภัย(?)จากตัวอันตราย(?)แล้ว

Also มิทสึยะผู้โดนท่าใหญ่เข้าไป : Image
ด้วยความน่ารักเกินห้ามใจ ทั้งยังความว่าง่ายที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากเจ้าเหมียวตัวเดียวกันกับที่ปฏิเสธเขาอยากไร้เยื่อใย(?) ทาเคมิจิอดไม่ได้ที่จะปรับเสียงสองที่ใช้คุยกับแมวตัวอื่นเมื่อครู่ไปเป็นเสียงสามที่เอาไว้ใช้กับแมวบางจำพวกเข้าจนได้

"ว่าไงคะเจ้าหญิง อยากกินอันปังเหรอคะ?"
ทาเคมิจิยิ้มหยอกเอินสาวน้อย(?)บนตักตน

มือก็คว้าหยิบเอาถุงอันปังที่สอดเก็บไปไว้ในกระเป๋าตัวเองก่อนที่จะอุ้มทากะ...คุง? (ที่มาคิดๆดูแล้วน่าจะตัวผู้) ออกมาพร้อมใช้ทิชชู่เช็ดมืออย่างพิถีพิถันอีกรอบก่อนจะเริ่มป้อนมัน

"แค่สองชิ้นพอนะคะ ทานเยอะไปไม่ดีนะ"
"มาว!"

...ดูท่าจะเป็นเจ้าหญิงที่เอาแต่ใจและเห็นแก่กินเสียด้วย

เพราะนอกจากจะได้ยินเสียงเถียงแง๊วๆแล้ว เจ้าตัวเล็กยังยืนขาออกมากอดรัดถุงอันปังตาแป๋ว ราวกับจะบอกว่าทั้งหมดนี่เป็นของฉัน! ใครก็ห้ามกินทั้งนั้น!

...ถึงจะอยากให้ก็เถอะ แต่ของแบบนี้กินเยอะไปคงไม่ดีแน่
หนึ่งคนหนึ่งตัว(?)คุยกันงุ้งงิ้งๆ บรรยากาศหวานแหววเหมือนรู้จักกันมาแรมปี

โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่ได้ยินบทสนทนานี้สติหลุดไปกี่คนแล้ว

"...ไมกี้ เจ้าหญิง ไมกี้---"

ซันสุพึมพำออกมาทั้งตาลอยๆ ขนาดมุโจที่ยืนข้างกันเองก็ยังตาฟ่าฟาง สมองว่างเปล่าตามไปด้วยอีกคน
[*ลองเขียนผสานมุมกันดูค่ะ จะบอกว่าเป็นโหมดประหยัดพลังงานกายก็ได้ฟฟฟ]

ดราเค่นที่ยืนคิ้วกระตุกยิกๆมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วก้าวลงบันไดตามเพื่อนสนิทของตัวเองลงมาด้วยอีกคน

"ไมกี้! เลิกกินอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าซักที!"

สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นก็คือภาพไอ้เวรนี่ที่แทบจะมุดหัวเข้าไปในถุงอันปัง
เขาได้ยินเสียงไอ้เด็กเวรพอกันที่กำลังหัวเราะกับภาพที่เห็นแล้วยื่นถุงอันปังหนีอีกฝ่ายสุดแขน

อาจเพราะตัวขนาดพอกัน มันก็เลยไม่ได้ผลเท่าไร

ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นเหลือบมองมาทางเขาอย่างขอความช่วยเหลือ

"คุณองครักษ์(?)สุดเท่ตรงนั้นช่วยหน่อยได้มั้ย จะให้เจ้าหญิงกินมากกว่านี้ไม่ได้แล้--แอ่ก"
...องค์รักษ์...

ดราเค่นทำหน้าปุเลี่ยนๆ เขาเป็นรองหัวหน้าแก๊งของโตเกียวมันจิก็จริงแต่ไอ้เจ้าหญิงเวรนี่ไม่น่าต้องมีหรอก องครักษ์อะไรนั่น

"หยุดน้าเจ้าหญิงงงงง"
"..."

...ทำเอาเผลอนึกภาพไมกี้ใส่ชุดเจ้าหญิงดิส**ไปตีกับใครเขาด้วยอีกคน

อยากหาอะไรมาล้างหูล้างตาชะมัด...

เฮ้อ...
ถึงอย่างนั้นดราเค่นก็รับถุงนั่นมาแต่โดยดี

จะให้สองคนนี้เล่นมวยปล้ำกันบนพื้นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ

"อ๊ะ ขอบคุณ--"
"เคนจิน"

ก็เป็นซะแบบนี้ละนะ

เขามองตาไอ้เด็กนั่นที่เหวอไปเพราะเห็นถุงอันปังถูกยื่นต่อไปให้ไมกี้อย่างเรียบง่าย

"ไมกี้ว่ายังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้น"
เขายักไหล่ ที่นี่เราทำกันแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ขัดไมกี้ไม่ได้ทั้งนั้น

ไอ้เวรนั่นที่รู้ดีกว่าใครเองก็กำลังหยิบอันปังที่ฉกชิงมาเข้าปากอย่างสบายใจเฉิบเช่นเดียวกัน

หน้าแมวๆอย่างผู้ชนะนั่นทำให้เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ยิ่งเห็นเด็กนั่นหันมาทำสายตาคาดโทษใส่ แต่พอทำหน้าขรึมตอบไปก็หลบตาไปทันที
ก็ดูจะกลัวเป็นนี่

"นี่ แกชื่ออะไรงั้นเหรอ"

ระหว่างที่เด็กนั่นกำลังพยายามแย่งถุงอันปังคืนไปไมกี้ที่ถือมันถอยไปเรื่อยๆจนถึงขั้นบันไดก็ชิงถามขึ้นมา

เด็กนั่นทำท่าเหมือนจะตอบ..แต่แล้วก็มีเสียงเพลงไม่คุ้นหูดังขึ้นจากศาลเจ้าด้านหลังคนทั้งสอง

"อ๊ะ โทรศัพท์ของฉัน--"
เจ้าเด็กหัวทองรีบวิ่งตามเสียงที่ว่านั่นไป

???

เสียงโทรศัพท์เด็กคนนั้นงั้นเหรอ
หรือว่าจะมาที่นี่แล้วลืมเอาไว้?

อย่าบอกนะว่า...

ทั้งหมดที่พวกเขาเสียเวลาประชุมแก๊ง (แถมยังน็อกเอาท์มิทสึยะ ปลุกอะไรบางอย่างในตัวบาจิ ปลุกความเป็นแฟนบอย(และความเบียว)ในตัวจิฟุยุ สร้างแผลใจให้ฮัคไค--)
ก็เพราะว่ามันลืมโทรศัพท์เอาไว้...?

"...งี่เง่าจริงๆ"

ดราเค่นบีบสันจมูกของตัวเอง

แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆแต่แรก...
เสียเวลาชีวิตชห.

...แต่เอาจริงๆถึงจะมาขอกันดีๆก็ใช่ว่าพวกเขาจะให้ผ่านไปหาง่ายๆหรอก

ก็นี่มันสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโตมันนี่

"เจอแล้ว! โชคดีชะมัดที่ยังไม่หายไป!"
"ฮัลโหล ไงอั๊คคุง! ขอบคุณที่โทรมานะ ฉันหาเจอได้เพราะนายเลย! เอ๋ จะชวนไปดื่มที่เดิมเหรอ...ถ้าแค่กระป๋องเดียวละก็..."

เจ้าตัวเดินกลับมาด้วยรอยยิ้ม พอเห็นไมกี้ที่ยืนค้างอยู่ที่เดิมเพราะถูกเมินเข้าก็ถือโอกาสตอนที่อยู่บนขั้นบันไดที่สูงกว่ายีหัวเขาด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะใช้ช่วงที่ทันเผลอเคลิ้มฉกเอาถุงอันปังที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นคืนมา

"พอแล้วนะ เดี๋ยวจะท้องเสียเอา---หือ? อ๋อ เปล่าๆพูดกับแมวแถวศาลเจ้าน่ะ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ...ฉันไปก่อนนะเจ้าหญิง ไว้คราวหลังจะเอาแมวเลียมาฝากนะ--ห่ะ มันฝรั่งทอด? ฉันมีเพียบเลย เดี๋ยวแวะไปเอามาให้--"
เจ้าตัวโบกมือหยอยๆให้ไมกี้ แวะไปดูอาการของมิทสึยะกับฮัคไค(ที่ทำหน้าเหมือนพร้อมจะพาคนที่เป็นเหมือนพี่ชายหนี) ตบท้ายด้วยการวนไปหาบาจิแล้วลูบหัวเขาปุๆแล้วถึงได้จากไปด้วยรอยยิ้มทั้งอย่างนั้น

...อะไรวะ

นั่น...ก็คือสีหน้าของคนทั้งโตมันที่อยู่ในสภาวะมึนงงจวบจนที่อีกคนเดินลงบันไดไป
เย้! จบบทการเจอกันครั้งแรกแล้ว!!! ต่อจากนี้ก็จะไล่ไปตามไทม์ไลน์ปกติแค่คนอื่นติดอยู่ในสถานะแมวนะ!

ดูแบบค้างคามากไปมั้ย แต่ไมกี้เดี๋ยวบทนางก็เยอะอยู่ดีเลยไม่เน้นมากให้เป็นเจ้าหญิงตะเร็ก🥺ขนฟูกับแมวป่าเซอร์วัลที่เป็นองค์รักษ์ตัวโย่งไปนะ555

แล้วนี่ก็คือ...จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้...
อันนี้โพลขำๆแล้วกันนะคะ5555

คิดว่าจินตนาการของจิฟุยุไปถึงไหนแล้วตอนนี้

ช๊อยส์ 4 ที่เขียนไม่พอ : ระ หรือว่าเรามาติดอยู่ในเกมโอโตเมะในฐานะตัวประกอบ!!?
เดี๋ยวเย็นๆ(หรือถ้ามีอะไรก็อาจจะดึกๆ)นี้มาต่อนะคะ☺️❤️✨

อยากถามว่าเธรดตอนนี้มันยาวมากกกก แต่ไม่อยากแยกไปเปิดโพสต์ใหม่เท่าไรแฮะๆ เลยคิดว่าถ้าอยู่โพสต์เดิมแต่เริ่มเธรดใหม่มันจะสะดวกกับทุกคนขึ้นรึเปล่า หรือ ช่างมันแล้วต่อเธรดนี้ไปเรื่อยๆ หรือ ให้เปิดโพสต์ใหม่จะดีที่สุด ดีคะ?
อายแป็ป ปกติเรา(หวังว่าจะ)เขียนค่ะคะถูกนะ แต่เหมือนจะพิมพ์ตกอีกแล้ว🥲/ตีมือ

Also พักไปแล้วดูจะยังเบลออยู่ มันเลยเย็นมาแล้วเหลือแค่ดึกกะดึกมาก🥲
เต้งๆๆๆ! ถือว่ามติเป็นเอกฉันท์! จะทำการเขียนต่อเธรดนี้ไปเรื่อยๆจนเลื่อนกันให้นิ้วหงิกไปข้างนะคะ555

แล้วผลโพลเหมียวเทนจิคุเป็นผู้ชนะไปอย่างสวยงาม~✨ เดี๋ยวจะหาโอกาสสอดแทรกให้ได้เจอกันนะคะ✨
ส่วนโพลจิฟุยุนั้น(... ถึงฉากเจ้าเหมียวสยามออกแล้วเดี๋ยวจะให้ได้เจอจิฟุรั่วด้วยกันนะคะ5555!
(ถึงจะเป็นเขยชังแต่ก็ให้เขาหน่อยแล้วกัน...)

แม้ว่าเมื่อเห็นชัดๆครั้งแรกจะให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนกับใครบางคนที่ตอนนี้เหลือเพียงเถ้ากระดูกและป้ายหลุมศพ

..แต่การยืนอยู่ภายในตาของเฮอริเคนเป็นอย่างไร เด็กหนุ่มผมทองที่มีดวงตาเป็นประกายคนนั้นก็เป็นคนสอนให้รู้ภายในเวลาอันสั้นนี้เอง
มันก่อตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

เป็นเพียงแค่เจ้าของร่างกายปวกเปียกท่าทางซื่อบื่อที่หลงทางเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโตมัน

เป็นสายลมดาษดื่นที่ไม่น่าสนใจเลยสักนิด

แต่กลับไล่ไม่ไปเสียได้

คาดไม่ถึงว่าสายลมนั่นจะกลืนบาจิ ฮัคไคและมิทสึยะลงท้องไปต่อหน้าต่อตาของไมกี้

น่าสนุกจัง
เขาไม่ได้มีความคิดแบบนั้นมาพักใหญ่แล้ว

ทั้งที่สิ่งที่อีกฝ่ายทำ มันก็ไม่มีอะไรเลยแท้ๆ แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับออกมาเป็นอย่างที่เห็นเสียได้

เมื่อเขาพัดผ่านไปทางไหนก็ทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกที่

ไมกี้หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกับด้านของเพื่อนที่ตัวเขาไม่ค่อยได้เห็น
กระทั่งดราเค่นเองก็ยังแอบยิ้มไปกับเขาด้วย

กลายเป็นบรรยากาศแปลกประหลาด...แต่ก็ไม่ได้แย่ที่รู้สึกว่าโตเกียวมันจิควรได้สัมผัสถึงมากกว่านี้

"นี่"

สายตาของเด็กหนุ่มเลื่อนกลับมามองใบหน้าของเขาที่ใกล้เข้ามากว่าเมื่อครู่มากนัก

"ป้อนอันปังฉันบ้างสิ"
ไม่คาดว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาจากคำสั่งเอาแต่ใจ ก็คือความอบอุ่น อ่อนโยนและความเอ็นดูที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงหวานหยดย้อย

"ว่าไงคะเจ้าหญิง"

มือข้างหนึ่งเลื่อนมาที่ข้างแก้มของไมกี้ก่อนจะปัดไปที่ใบหู

"อยากกินอันปังเหรอคะ?"

กับรอยยิ้มที่เหมือนรวมพระอาทิตย์จากทั้งจักรวาลมาไว้ที่เดียวกัน
"ไปเฉยเลย?"

ปาจินที่ยืนงงมาตั้งแต่ต้นจนจบมองตามคนที่หายลับไปกับทางลงศาลเจ้าแล้วเกาหัวแกรกๆกับเปยังที่ยักไหล่ตอบ

"พรืด--โดนเมินซะแล้วนี่หัวหน้า"

สไมลี่หัวเราะทั้งตาหยี ท่าทางสนอกสนใจพอๆกับแองกรี้ที่ชะเง้อมองตามคนที่จากไปซะเฉยๆ

"ประชุมต่อเถอะ"
มุโจพ่นลมหายใจ เขาหลับตาเรียกสติอยู่ครู่นึงแล้วถึงได้มองไปหาซันสุที่ยังคงสติหลุดอยู่แล้วถอนหายใจออกมา

จะบอกว่าภาพลักษณ์น่าเกรงขามของไมกี้ร่วงลงหลุมลึกไปพร้อมกับคำว่าเจ้าหญิงแล้วก็ไม่ผิด

แต่บางทีแล้วมันอาจจะไม่จำเป็นอยู่แล้วก็ได้

สีหน้าของอีกฝ่ายเองก็เป็นแบบนั้นไปแล้วเสียด้วย
เอาเถอะ ยังไงภายในแก๊งแม้จะเป็นคนที่รับตำแหน่งหัวหน้าก็ควรได้มีเวลาที่ผ่อนคลายไร้กังวล ไม่ต้องฝืนแบกฉายา 'ไมกี้ไร้เทียมทาน' อยู่ตลอดเวลาก็ได้

แม้ว่าจากเสียงกระซิบกระซาบที่ได้ยินแผ่วเบาจากด้านหลังจะบอกให้เขารู้ว่าจากเหตุการณ์นี้หน่วยห้าเองก็อาจมีงานเยอะขึ้นมาซักเท่านึงเห็นจะได้
"ประชุมต่อ"

แม้ว่าจะดูอยากพุ่งออกไปตามหาพายุที่พัดหายไป...แต่ไม่ว่าอย่างไรอย่างน้อย(ในตอนนี้)ในใจของไมกี้โตมันก็ยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอ
.
.
.
"เคนจิน จำตราโรงเรียนเจ้านั่นได้รึเปล่า?"
"ของแบบนั้นใครจะไปจำ"
"...ชิ เคนจินไร้ประโยชน์"
"...โฮ่ย กล้าพูดออกมาได้นะแก!"
จบบทเริ่มที่ไมกี้อย่างเป็นทางการ!! ต่อไปจะขอไปต่อกับมิโซจูนะคะ👀✨

ดีใจที่ได้เขียนถึงหัวหน้า/รองหน่วยอื่นบ้าง!! อยากเขียนอีก!!! แต่ต้องดูสังขารก่อน(... เอาล่ะไฟท์ติ้ง!
หลังจากที่ทาเคมิจิวางโทรศัพท์ไป อัตสึชิก็หันไปยกนิ้วให้กับมาโคโตะที่กำลังรอสัญญาณอยู่หน้าบ้านของตัวเอง

มาโคโตะส่งมันกลับมาก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่

เช่นเดียวกับทาเคมิจิที่บ้านไม่ค่อยอบอุ่น บ้านซูซูกิเองก็ไม่ต่างกันนัก
ต่างกันเพียงแค่ว่าบ้านซูซูกินั้นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแต่ไร้ซึ่งความรัก

พ่อที่ร่ำรวยของมาโคโตะมีอีหนูอยู่เต็มบ้าน ในขณะที่แม่ก็แต่งงานเพื่อสถานะและเงินเท่านั้น

มาโคโตะชินชาและยอมรับมันมานานแล้ว อย่างน้อยเบียร์อิมพอร์ตแพงๆที่มีอยู่เต็มตู้ก็เป็นของที่ถึงหยิบมาซักโหลก็ไม่มีใครสนใจ
เขาคว้ากระเป๋าของตัวเองมาที่หน้าตู้เย็น มือก็กวาดเอากระป๋องเบียร์เย็นๆมาแล้วใส่กระป๋องอุ่นๆที่พึ่งแกะกล่องมาใส่แทนให้

มิชชั่นคอมพลีท

ไม่มีการทักทาย ไม่มีใครสนใจ มาโคโตะแวะไปเปลี่ยนชุดแล้ววิ่งออกจากบ้านด้วยรอยยิ้ม

แก๊งมิโซจูแท็กมือกับเขากับความสำเร็จนี้
คาซึชิดูจะไม่เข็ดแม้จะพึ่งโอ้กอ้ากอยู่หน้าโถไม่นานมานี้

ดูเหมือนว่าพอได้เอาออกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น

"ทาเคมิจิจะมาเลยรึเปล่า?"

ทาคุยะเอ่ยถามอัตสึชิที่รับหน้าที่โทรไปตาม ลืมสนิทไปเลยว่าสาเหตุที่เจ้าตัวไปตามหาศาลเจ้าอะไรนั่นคนเดียวก็เพราะมือถือหาย
"อ่า เห็นบอกว่าจะมาเลย แต่คงแวะไปเอามันฝรั่งทอดที่บ้านมาให้ด้วย"

"แจ๋วเลย! งั้นเราไปดักทาเคมิจิระหว่างทางเลยจะได้ไปด้วยกัน!"

คาซึชิโดดดึ๋งๆแล้วเดินนำลิ่วเข้าไปในซอยแคบๆที่เป็นทางลัดไปยังบ้านเพื่อนสนิท จริงๆแล้วมาโคโตะอยากไปรอที่สวนมากกว่าแต่ถ้ากับเจ้าพวกนี้ จะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น
พวกเขายักไหล่ใส่กันแล้วเดินตามคนที่เดินนำไปแบบสบายๆ

ไม่รู้เจ้าคาซึชิมันดูตื่นเต้นอะไรนัก

ไม่วายคงเกี่ยวอะไรกับนักเลงอีกแหง

คิดแล้วมาโคโตะยังหลังกับท้องลายไม่หายแต่อย่างน้อยทาคุยะก็ไม่เป็นไรมาก

พวกเขาคุยอะไรไปเรื่อยก่อนจะพากันตบหัวคาซึชิคนละทีที่มันพาหลงมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
ทาคุยะกุมขมับก่อนจะหลบฉากออกไปโทรถามคนที่บ้านใกล้ที่สุดอย่างทาเคมิจิให้ช่วยมารับหน่อยได้หรือไม่

"หยุดนะ!!! ช่วย---"

แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงตุ้บตั้บคุ้นหูและเสียงผู้หญิงที่กำลังขอความช่วยเหลือ

พวกเขาหันมามองหน้ากัน

'ถ้าเป็นเจ้าฮีโร่ขี้แยละก็ต้องพุ่งออกไปแน่'
ต่อให้ไม่รู้สถานการณ์ จำนวนคู่ต่อสู้หรืออะไรเลย

ถ้าเป็นเรื่องนักเลงตีกันคนอื่นก็ไม่ควรยุ่ง..แต่ถ้ามีเสียงผู้หญิงขอความช่วยเหลือ...

แก๊งมิโซจูเชื่อในหัวใจของแก๊ง
.
.
.
แล้วพวกเขาก็ได้พบกับแก๊งเมบิอุสที่คาซึชิเคยพูดถึงเป็นครั้งแรก

แล้วโดนอัดยับไม่ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนเลยสักนิด
เพียงแต่ว่าในตอนที่คิดว่าอาจจะต้องร่วมดูแฟนสาวของคู่รักที่ถูกรุมตีอยู่ถูกทำมิดีมิร้ายแล้ว

คนที่วิ่งหอบ เหงื่อซกก็พุ่งเข้ามาเหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด

อย่างน้อยถ้าพวกเราช่วยให้เธอหนีออกไปได้ละก็---

"ทำอะไรกันน่ะ! แมวเลว! ไปทำเขาทำไม! มานี่เลยครับ!"
ทาเคมิจิคนเดิมคนนั้นก็พุ่งเข้าไปจับหลังคอเสื้อของพวกเมบิอุสโยนออกจากตัวพวกเขาและเธอจนกระเด็นเหมือนมันไม่หนักเลยสักนิด

"ไปเลยนะ! อย่าหวังว่าฉันจะเอาข้าวมาให้แถวนี้อีกถ้าจะกร่างกันขนาดนี้!"

ทาเคมิจิชี้หน้าพวกมันที่ยังงงงวยอยู่คาดโทษเรียงตัวก่อนจะหันไปช่วยสาวเจ้าให้ลุกขึ้นมา
"ไม่เป็นไรนะฉันไล่ไปให้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะนิสัยเสียกันขนาดนี้ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ"

ทาเคมิจิกล่าวต่อ เขาส่งเธอให้กับทาคุยะก่อนจะไปยืนคุมเชิงพวกเมบิอุสเอาไว้ด้วยสีหน้าถมึงทึง

มาโคโตะที่ลุกขึ้นได้แล้วเอาเสื้อกันหนาวไปคลุมให้เธอที่อยู่ในสภาพไม่ค่อยดีนัก

เธอขอบคุณพวกเขาทั้งน้ำตา
หัวหน้าของพวกเขากับทาคุยะไปช่วยกันพยุงแฟนหนุ่มที่อาการไม่ดีขึ้นมา

คู่รักพุ่งเข้าหากันทันทีแม้จะเกือบเซล้มไปจนพวกเขาต้องช่วยๆกัน

มาโคโตะหันไปมองทาเคมิจิด้วยความเป็นห่วง

...ไม่คาดว่าสิ่งที่ได้เห็นจะเป็นภาพเมบิอุสที่หัวทิ่มลงไปในถังขยะเรียงตัว
"อยู่ในนั้นกันไปก่อนเลย ทำตัวไม่น่ารักแบบนี้คงต้องให้เทศบาลมาจัดการอย่างเดียว..."

ทาเคมิจิบ่นพึมพัม ก่อนจะกลับมาหาพวกเขาด้วยสีหน้ายุ่งๆ

"ฉันเรียกตำรวจให้แล้ว เขาบอกว่าถ้าอาการไม่หนักมากให้อยู่รอที่นี่ เดี๋ยวต้องสอบปากคำเบื้องต้นแล้วจะพาไปโรงพยาบาลให้"

คาซึชิว่าบอกพวกเขา
ก่อนจะเหลือบไปมองกระเป๋าของเขาแบบหวั่นๆ

...มาโคโตะถึงได้นึกขึ้นได้ว่าในนั้นมีเบียร์อยู่เป็นโหล(...

อั๊คคุงที่คิดได้เหมือนกันก็เลยส่งกระเป๋าที่ว่านี่ให้ฮีโร่ขี้แยที่นอกจากแผลเก่าแล้วก็ไม่ได้แผลใหม่เลยสักนิด

"บ้านนายใกล้สุด เอาไปซ่อนแล้วไปเจอพวกเราที่โรงพักนะทาเคมิจิ"
"ห๋า--เออ ได้ๆๆ เดี๋ยวฉันตามไปนะ!"

ทาเคมิจิที่พอเปิดกระเป๋าดูจนเห็นของที่อยู่ข้างในกับได้ยินคำว่า 'ตำรวจ' ก็ทำหน้าเหลอหลา หมดมาดซุปเปอร์ฮีโร่สุดเท่ที่พึ่งเข้ามาช่วยพวกเขาเอาไว้

พวกเขามองแผ่นหลังของคนที่วิ่งดุ๊กๆจากไปแล้วก็ถึงได้หันมามองหน้ากัน

"เมื่อกี้...ทาเคมิจิทำเหรอ?"
"...ใช่"

ทาคุยะที่ปากแตกยับซี้ดปาก ก่อนจะใช้แขนเสื้อซับมันเบาๆ

"...นั่นมันค่ดเท่!!!!"

คาซึชิที่แว่นหลุดหายไปไหนไม่รู้ตะโกนขึ้นมาจนคู่รักสะดุ้ง เขาหันไปขอโทษขอโพยแต่ก็หันกลับมาทำตาเป็นประกายชี้โบ้ชี้เบ้เล่าภาพสิ่งที่ตัวเองเห็น แถมยังเก๊กท่าสุดจะเกินจริงให้ทุกคนดูอีก
ท่าทางคุ้นๆเหมือนลอกมาจากมังงะเรื่องดังอย่าง*จ*จ้ถูกนำมาใช้ประกอบการบรรยายเมื่อตำรวจมาถึง

"หึ พวกลูกแมวน้อยอย่างแกน่ะอยู่ในนั้นไปก่อน เดี๋ยวฉันจะให้คนมารับ หึหึหึหึหึ"

ตำรวจหนุ่มสองคนที่รับเรื่องมองหน้ากัน แต่นั่นก็เป็นตอนที่ทาเคมิจิวิ่งกลับมาพร้อมขวดน้ำสองขวดพอดี
เขาตรงปรี่ไปหาสาวเจ้าก่อนจะยื่นมันให้กับเธอพร้อมกับผ้า

"นี่ครับ จะดื่ม ล้างหน้าหรือล้างแผลหน่อยก็ได้ เจ้าพวกนั้นคงไม่ได้ถูกฉีดยามาแน่ๆเลย"

ท่าทางที่เหมือนนางฟ้าตัวมอมแมมเพราะตกลงมาจากสวรรค์ทำให้คุณตำรวจหันกลับไปมองคาซึชิอีกครั้ง

"...กรุณาเล่าความจริงแบบไม่มีอะไรปรุงแต่งด้วย"
เย็นนั้นหมดไปกับการให้ปากคำ

และพวกเขาก็ได้รับโล่พลเมืองดีเล็กๆไปประดับบ้านคนละอัน

ถึงจะไม่ได้ออกข่าวใหญ่โตเหมือนที่เคยเห็นมาบ้าง แต่มันก็ทำให้มาโคโตะอดจะภูมิใจกับมันไม่ได้

ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งวันถัดมา

วันที่พวกมันต้องการให้ทาคุยะไปลงสนามพนันทั้งที่ยังไม่หายดี
วันนี้มาเบาๆแล้วกันนะคะ👀❤️✨ พรุ่งนี้เดี๋ยว'เจ้าหญิง♡'ก็รีเทิร์นมาพอดี55555

เหมียวเทนจิคุนี่อยากให้เจอกับใครก่อน!!

*หมายเห็ด เนื่องจากเราเขียนหมดไม่ไหวจึงขอเขียนเพียงเท่านี้นะคะ🙇*
เนื่องจากลืมว่าวันนี้ต้องไปฉีดเข็มที่สาม เลยไม่รู้ว่าอาการแขนหลังจากฉีดจะเป็นยังไง💦 เลยขอมาบอกก่อนว่าถ้าวันนี้ไม่มาต่อก็คือปวดแขนเขียนต่อไม่ไหวหรือโดนวัคซีนน็อกไปนะคะ🙇

+ เคราะห์ซ้ำกรรมตุ๊ยท้อง เมนมาอีกค่ะอร่า💀
เอาเป็นว่าผมร้อนๆหนาวๆ+ปวดแขนจนยกไม่ค่อยได้ ผมเลยกะว่าจะกินยาแก้ปวดนะ จะได้หายเจ็บแล้วมาเขียนต่อได้😳✨

กินข้าวเสร็จผมก็รอเลยเมื่อไรจะหาย
...ผ่านไปสองชั่วโมงก็ยังเจ็บอยู่

...พึ่งมานึกได้ว่าผมกินแต่ข้าว ลืมกินยาแก้ปวด555555555😂

เอาเป็นว่าเดี๋ยวยาออกฤทธิ์เมื่อไรจะมาต่อนะ55555
พวกเขายืนรวมกลุ่มกันอยู่ในห้องน้ำด้วยสีหน้ามืดครึ้ม

ถ้าหากทาเคมิจิอึดถึกทนที่สุดในแก๊ง ทาคุยะก็คือขั้วตรงข้าม

เขาอาจจะต่อยตีเก่งกว่าฮีโร่ขี้แย..แต่กลับกันหากโดนซัดเข้าไม่กี่ทีก็ร่วงแล้ว

แถมเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวาน แผลที่ยังไม่ทันได้หายดีของอีกฝ่ายก็แย่ลงไปอีก
คาซึชิกัดริมฝีปากของตน

ทุกคนต่างรู้ดีว่าไม่สามารถขัดขืนคำสั่งหรือเปลี่ยนตัว'ผู้เล่น'ได้

"ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า คอยดูนะ"

ทาคุยะว่าอย่างนั้นตอนที่มองทาเคมิจิ

"ต้องออกมาเท่กว่านายเมื่อวานนี้แน่"

รอยยิ้มสบายๆปรากฏขึ้นภายใต้บรรยากาศเศร้าหมอง น่าคับแค้นแสนอึดอัด
สีหน้าอบอุ่นนั้นแฝงไปด้วยความเหนื่อยล้า

อัตสึชิไม่ได้พูดอะไรออกมา

เขาแตะไหล่ทาคุยะให้กำลังใจเหมือนกับคนอื่นที่รายล้อมเพื่อนคนสำคัญเอาไว้

"นายจะไม่เป็นไร"

แต่ประโยคที่อีกฝ่ายกล่าวออกมา..มันทำให้คาซึชิรู้สึกแปลกๆ

มันฟังดูราวกับได้ยินคำสาบาน

..ถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงจะดี
"เอาล่ะนักพนันทั้งหลาย!!"

คิโยมาสะตะโกนก้องไปทั่วลานต่อสู้ที่ถูกรายล้อมไปด้วยนักเลงมากหน้าหลายตา

ทาคุยะถูกเรียกไปยืนอยู่กลางวงล้อมด้วยสภาพไม่ดีนัก

ส่วนหัวหน้าของพวกเขาเองก็กำลังมองคิโยมาสะด้วยความเคียดแค้น

ในขณะที่เขากับมาโคโตะมีสีหน้าไม่สู้ดีราวกับเป็นคนที่อยู่ในสนามเสียเอง
มีเพียงทาเคมิจิที่มีสีหน้าแปลกๆ

เขามองลงไปในสนามเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเลยซักนิด

"นี่มันฝันเหรอ..?"

ดวงตาสีฟ้าสั่นระริก ก่อนจะเริ่มหยิกตัวเอง

...ดูท่าว่าอีกฝ่ายจะรับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็กตรงหน้าไม่ไหว

"ทาเคมิจิ..."
ถึงแม้ว่าเมื่อเช้าคาซึชิเองก็รู้สึกเหมือนกับไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นเมื่อได้มองโล่พลเมืองดีที่ได้มา

ภาพของเมบิอุสที่ถูกรวบเข้าตารางไปก็ทำให้เขาแทบจะวิ่งกระโดดฮัมเพลงมาจนถึงหน้าโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ

นั่นน่ะ เมบิอุสเชียวนะ! เม-บิ-อุส!!
แก๊งที่แม้จะพึ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่ก็ทะยานขึ้นสู่อันดับท็อปๆและมีจำนวนคนในแก็งมากพอที่จะเป็นศัตรูกับโตมันได้!!

แต่บางทีแล้วมันอาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้

ภาพของเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเหวี่ยงพวกมันไปรอบๆทั้งยังไม่ได้แผลกลัยมาซักแผลทำให้ความหวังดอกเล็กๆฝังรากลงในใจของคาซึชิ
ถึงจะรู้ว่าบางทีแล้วพวกที่เขาได้เจอนั้นอาจจะเป็นเพียงลูกน้องปลายแถวที่ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนหัวหน้าอย่างโอซาไนก็ได้

แต่ว่า...ถ้าล้มคิโยมาสะได้ล่ะก็...

ภาพที่พวกเขาล้มลุกคุกคลานติดๆกันมาหลายเดือนทำให้เจ้าของผมสีน้ำตาลอ่อนถอนหายใจ

แต่เรื่องแบบนั้น...มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก--
ขนาดแค่สลับตัวกับทาคุยะ พวกเขายังทำไม่ได้เลย

แต่แล้วอั๊คคุงที่ยืนจ้องมองคิโยมาสะอยู่นานก็เคลื่อนไหว

สายตากับท่าทางนั้นทำให้เขากับมาโคโตะถลาไปกระชากตัวเขาไว้แทบไม่ทัน

"ปล่อยฉันนะ! มาโคโตะ! คาซึชิ!"

มือที่ไม่ยอมชักออกมาจากกระเป๋านั่นแม้กำลังขัดขืนทำให้พวกเขาสองคนมองหน้ากันตาโต
แย่แล้ว

มือทั้งสี่คู่ตรึงร่างหัวหน้าของตนแน่นยิ่งกว่าเดิม

ในนั้นต้องมีของที่ไม่ควรมีอยู่แน่--

"จะอะไรก็ไม่รู้แล้ว! แต่หยุดได้แล้วเจ้าพวกนี้นี่!"

เสียงที่ดังขึ้นทำให้พวกเขารวมถึงทุกคนในที่นี้หันขวับมามองที่ข้างตัวเขาเป็นตาเดียว

"ห๋า...?"

คิโยมาสะที่ถูกขัดความสนุกเองก็เช่นกัน
ทาเคมิจิก้าวลงไปในสนามโดยที่พวกเขาไม่สามารถปล่อยมือจากอั๊คคุงได้

"ทาเคมิจิ!!"

อัตสึชิตะโกนเรียกเขาด้วยความสิ้นหวัง

ดวงตาที่มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแต่เห็นสิ่งที่เลวร้ายกว่ามากนักฉายชัดอยู่ในใจ

...ในขณะที่ดอกตูมในใจของคาซึชินั้นค่อยๆขยายตัวขึ้นมา

แค่ครั้งเดียว
ขอให้นี่เป็นปาฎิหารย์เดียวในชีวิตของเขาก็ได้

"ไปเลย---ทาเคมิจิ!!!"

คาซึชิตะโกนออกไปแม้จะรู้ว่ามันอาจจะทำให้พวกของคิโยมาสะโกรธขึ้นมามากกว่าเดิมก็ได้

มาโคโตะมองเขาด้วยสายตาตกตะลึง

ก่อนจะเริ่มตะโกนด้วยอีกคน

"ซัดมันเลยทาเคมิจิ!!"

ขอให้มันจบลงเฉกเช่นเดียวกับเมื่อวานจะได้มั้ย?
"ไอ้กร๊วกนี่--"

เพื่อนของคิโยมาสะถ่มน้ำลายแล้วฝ่าดงนักเลงอื่นขึ้นมา

"ทาเคมิจิ..."

ืทาคุยะที่สภาพไม่สู้ดีนักมีสีหน้าเจ็บปวดและเป็นห่วง

แต่อีกใจก็ดีใจที่เพื่อนทำเพื่อเขาได้ขนาดนี้

"ใครบอกให้พวกแกหยุดสู้กัน!"

เมื่อได้ยินมัน อัตสึชิก็มีสีหน้าดุร้ายจนพวกเขาต้องลากอีกฝ่ายให้ถอยมา
ทาเคมิจิหยุดลงตรงหน้าคิโยมาสะที่มีสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าพวกเขาให้ตาย

"เป็นแค่ทาสของโตมันแท้ๆ--!"

มันปล่อยหมัดข้างนึงออกมา หวังที่จะประกาศศักดาและทำให้ทาเคมิจิสลบไปในหมัดเดียว

ไม่มีความปรานีให้พวกที่จะทำให้ธุรกิจของเขาพัง!

!!

...แต่หมัดเขาก็ถูกจับกุมไว้ได้อย่างง่ายดาย
ทาเคมิจิไม่ได้เข้าใจอะไรมากนัก

บางทีนี่อาจเป็นความฝัน
ภาพแมวที่มีหน้าตาชั่วร้ายรวมตัวกันเพื่อทำร้ายทาคุยะราวกับเป็นภาพซ้อนของลานต่อสู้ของโตมัน

เขาชอบแมวมาก

แต่เห็นแบบนี้ก็อดปวดใจไม่ได้

สีหน้าของเพื่อนๆของเขามันช่างสมจริง
น้ำเสียงสิ้นหวังที่เรียกชื่อของเขาและเสียงเชียร์ที่ได้รับทำให้เขารู้สึกว่า...

บางทีแล้ว เจ้าแมวที่มีสีหน้าชั่วร้ายที่สุดตัวนี้ อาจจะเป็นลาสบอสของฝันนี้ก็ได้

ถ้าหากจัดการได้ ฝันร้ายนี้ก็อาจจะจบลง

แต่ว่า

เขาจะทำร้ายสัตว์ตัวเล็กๆแบบนี้ได้จริงๆน่ะเหรอ?
(...ท่ดค่ะ เมื่อคืนหลับๆตื่นๆเะราะวัคซีน เลยภาพตัดไป20นาทีได้5555 +ยาแก้ปวดอาจจะทำให้ง่วงด้วย???)

มือที่ยังคงกำอุ้งเท้านุ่มนิ่มเอาไว้นวดมันแบบไม่ยินยอม

...ไม่รู้ทำไมแต่ให้ความรู้สึกไม่นุ่มฟูเท่าอุ้งแมวที่ศาลเจ้าเลย(...

อาจจะเพราะเจ้าแมวตัวนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับคนที่เขากลัว?
ถ้าอย่างนั้นจะต้องทำยังไงล่ะ?

จะให้เตะมันปลิว มีหวังเขาคงได้ร้องไห้น้ำตาพรากจนตัวแตกเพราะรู้สึกผิดแน่

แมวที่เหมือนคิโยมาสะ..

เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกลัวอะไร
ที่รู้ก็มีแค่ว่าอีกฝ่ายอยากจะเตะตาหัวหน้าแก๊งของตัวเองจนตัวสั่น

และสิ่งที่คิโยมาสะเกลียดที่สุด..ก็น่าจะเป็นการเสียหน้า..?
เพราะงั้นบางทีแล้วการทำให้มันสูญเสียความน่าเชื่อถือในฐานะจ่าฝูง ก็อาจจะได้ผลก็ได้?

ยังไงก็ทำตัวเป็นแมวตัวใหญ่นิสัยไม่ดีอยู่แล้ว โดนกำราบเสียหน่อยก็คงดี?

เพราะสถานการณ์ประหลาดๆแบบนี้มันไม่มีทางเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?

...หรือไม่เบียร์ของมาโคโตะก็ใส่อะไรอย่างอื่นไว้ด้วย
ระหว่างที่ทาเคมิจิคิดอยู่สถานการณ์ภายนอกนั้นก็ไม่ได้สงบสุขแต่อย่างใด

คนรอบตัวชะงักลงเมื่อเห็นทาเคมิจิดีดหน้าผากของอีกฝ่ายเบาๆแทนที่จะต่อยตี

คิโยมาสะต่อยแล้วต่อยอีก..แต่นอกจากจะไม่โดนแล้วบางครั้งก็ยังโดนรับเอาไว้ได้ง่ายจนหัวร้อนไปหมด

เข็มขัดของเขาถูกดึงออกไปจนกางเกงหลุดออก
"ขอรับนี่ไปนะ มาซะจัง"

เขาว่าทั้งยังแกว่ง'ปลอกคอ'เรียบๆในมือด้วยรอยยิ้มแหย

'คิโยมิซุ มาซาทากะ' คือชื่อที่ถูกสลักไว้บนมัน

...หวังว่าทำแบบนี้แล้วฝันนี่จะจบลงซักทีนะ💦

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงดำเนินต่อไป

จนในที่สุดทาเคมิจิก็ตอกเข่าอีกฝ่ายจากด้านหลังจนล้มลงต่อหน้านักเลงทั้งลาน
"นี่น่ะเหรอ คิโยมาสะ"
"ก็ไม่เห็นจะเท่าไรเลยนี่หว่า"

เสียงพูดคุยรอบตัวและความอับอายทำให้สติของคิโยมาสะถูกความโกรธเผาไหม้จนเป็นจุณ

"ไปเอาไม้เบสบอลฉันมา!!"

พวกมิโซจูที่ได้โอกาสมารวมตัวกันกับทาคุยะที่เริ่มยิ้มออกหลังจากที่เห็นทาเคมิจิจัดการอีกฝ่ายได้สบายๆนั้นพากันชะงักลง
"ทาเคมิจิ!"

อั๊คคุงสบโอกาสที่เพื่อนปล่อยตัวเขาแล้วพุ่งลงไปทันที

ดวงตาของเขาแน่วแน่และมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น--

แต่ว่า

"โฮ่ย คิโยมาสะ"

เสียงทุ้มของคนที่ก้าวเข้ามาในสนามก็ดังขึ้นท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบที่ทำให้อัตสึชิต้องหยุดตัวเองลง

มือในกระเป๋ากำมีดแน่นจนขาวซีด
"เดี๋ยวคนดูก็หายไปหมดหรอก"

ร่างของคนที่มีลักษณะพิเศษตามที่เคยได้ยินจากคาซึชิปรากฏตัวขึ้นไม่ห่างออกไปนัก

'ทรงผมหางเปียเป็นเอกลักษณ์สีทอง'

"โมโหเกินไปรึเปล่า...คุณเจ้าภาพ"

เสียงนั้นยังคงกล่าวต่อไป

'รอยสักมังกรที่ขมับข้างซ้าย'

'คนๆนี้ก็คือริวงูจิ เคนหรือ---'
"คุณองค์รักษ์!!!"
"ดราเค่น!"

หะ--

...คุณองครักษ์...?

???

ท่ามกลางความมึนงงของนักเลงในลานที่ได้ยินคำเรียกสุดแสนจะไม่เข้ากันแล้ว...

ในที่สุดก็มีร่างเล็กกว่าของคนอีกคนโผล่ออกมาจากด้านหลังของคนตัวสูง

"...อ๊ะ! เคนจินเจอแล้วล่ะ"
"มีตาก็รู้อยู่แล้วเฟ้ย"
ทาเคมิจิไม่คิดว่าจะได้เจอกับเจ้าเหมียวสุดหล่อที่ศาลเจ้ากระทั่งในฝันของตัวเอง

เจ้าแมวเซอร์วัล(ที่เขาลงทุนไปหาสารานุกรมสัตว์จำพวกแมวมาเปิดหาสายพันธุ์เทียบ)เดินก้าวเอื่อยๆมาร้องมาวๆจนเขาอดยิ้มกว้างแล้วโบกมือทักทายไม่ได้

"มาว~"

แล้วยังเจ้าตัวเล็กที่โผล่ออกมาจากด้านหลังอย่างน่ารัก!
"ขอบคุณที่เหนื่ิอยครับหัวหน้าใหญ่!"
"เจ้าหญิง♡!"

"..."

หะ
อีกแล้วเหรอ???

...กระทั่งแก๊งมิโซจูที่พึ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็ยังมองทาเคมิจิด้วยสายตาอ่านยาก

"จับทีจะวูบ--"

คาซึชิว่าด้วยเสียงระโหยโรยแรง ก่อนจะล้มตึงไปทั้งอย่างนั้น!

ดีที่มาโคโตะเอาขาไปรองคออีกฝ่ายไม่ให้หัวฟาดทัน
ทาเคมิจิทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่แล้ววิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาทั้งสองด้วยสีหน้าสดใส

ดราเค่นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่านยากแต่เพราะไมกี้ดูจะชอบใจก็เลยปล่อยเลยตามเลย

เขาเดินผ่านไอ้เด็กประหลาดนั่นไปเพื่อจัดการกับคิโยมาสะ

'พลั่ก!'
เชือดไก่ให้ลิงดูที่มาทำอะไรโดยพลการ

"ก้มลงไปอีก"

ก็แค่นั้น
ทาเคมิจิฉีกยิ้มกว้างที่คราวนี้แม้เขาจะไม่มีอันปังแต่'เจ้าหญิง'ก็ยอมมาคลอเคลียและให้เขาเข้าใกล้แต่โดยดี!

เพราะนี่เป็นความฝันล่ะมั้ง?

เขาหันหลังกลับไปทันได้เห็นคุณองค์รักษ์ฟาดอุ้งเข้าใส่มาซะจังดังป้าบ

...อูย

ท่าทางจะเจ็บนะนั่น

คงเพราะอีกฝ่ายเป็นภัยต่อเจ้าหญิงก็เลยไปจัดการซะแหง
ก็เจ้าหญิงน่ะตัวเล็กน่ารักขนาดนี้นี่นา♡

"ขอโทษนะคะวันนี้ไม่มีอันปังหรอกนะ💦"

ถึงอย่างนั้นเจ้าหญิงก็ยังกระพริบตามองของช้าๆ..แล้วไถแก้มของเธอเข้ากับมือของเขาอย่างออดอ้อน

เพียงครู่เดียวฝันร้ายที่ว่านี่ก็กลายเป็นฝันดีมากๆเสียแล้ว!
ใจของทาเคมิจิก็เหลวเป๋วจนกลายเป็นน้ำไปแล้วเช่นกัน
"เจ้าหญิงงงงง ฮือ ทำไมถึงได้เกิดมาน่ารักขนาดนี้กัน!"

"..."

คาซึชิที่ภาพตัดไปครู่หนึ่งตื่นขึ้นมาเห็นภาพบาดตานั่นเข้าพอดี

ภาพที่ทาเคมิจิกำลังกอดรัดหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งโตเกียวมันจิไค แถมยังไถแก้มของทั้งสองเข้าหากันจนเกิดภาพที่ไม่ควรเป็นไปได้และเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้ขึ้น
คาซึชิโดนหมัดน็อกตรงเข้าที่สมองจนหลับกลางอากาศไปอีกรอบ

ไมกี้ที่ปล่อยให้อีกฝ่ายตามใจอยู่ครู่ใหญ่แล้วในที่สุดก็คว้าจับเข้าที่หัวของทาเคมิจิจนต้องหยุดอยู่นิ่งๆ

"แกชื่ออะไร"

ดวงตาสีดำสนิทมองตรงไปยังคู่สีฟ้าที่ยังคงเป็นประกายสดใสไม่ต่างจากเมื่อวาน

"ทาเคมิจิ! ตำรวจมา!"
ทาเคมิจิหันขวับตามเสียงเรียก

มาโคโตะที่ตะโกนมาทำหน้าตื่นที่เห็นรถตำรวจ บนหลังก็แบกคาซึชิขึ้นมาเช่นเดียวกับอั๊คคุงที่พยุงทาคุยะเพื่อกึ่งลากกึ่งจูงออกไปจากที่นี่

"ตำรวจ!?"

เหล่านักเลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็พากันแตกฮือกระทั่งทาเคมิจิที่คิดว่านี่เป็นความฝันเองก็ยังอตกตื่นไปด้วย
"นะ หนีกันก่อนเถอะเจ้าหญิง!!"

ถึงจะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ก็รู้กันว่าระหว่างนักเลงกับตำรวจนั้น เราไม่ค่อยจะญาติดีกันเสียเท่าไร

ยังไงหนีก่อนก็ดีที่สุด!

ว่าแล้วทาเคมิจิก็รวบตัวอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วพาหนีไปทั้งอย่างนั้น!

"คุณองครักษ์ เร็วเข้า!"

เขาตะโกนเรียกเจ้าตัวโย่งด้านหลัง!
"บ้าชิบ!"ดราเค่นสบถ ตาก็มองตามไมกี้ที่กำลังทำหน้าเคลิ้มๆกับการถูกอุ้ม ไม่สนไม่แคร์เลยว่าคนที่อุ้มอยู่เป็นใครและกำลังพาหนีจากอะไร

ทาเคมิจิวิ่งแบบลืมโลก พอแยกกับพวกมิโซจูแล้วก็ห่วงแค่เจ้าเหมียวในอ้อมแขนกับเจ้าตัวที่กำลังวิ่งตามมาเท่านั้น

...พอรู้ตัวอีกทีก็วิ่งมาเสียไกลลิบแล้ว
"ป..ปลอดภัยแล้วสินะ.."

ทาเคมิจิหอบแฮ่ก มือก็ปล่อยเจ้าหญิงลงกับพื้น

คุณองค์รักษ์ก้าวยาวๆมาหาเจ้าหญิงเพียงครู่เดียวก็มาอยู่เคียงข้างกันไม่ต่างจากครั้งแรกที่ได้เจอเสียเท่าไรเลย

เขาปาดเหงื่อ กระพือเสื้อที่ตอนนี้เหงื่อซกไม่น้อยเพื่อระบายอากาศร้อนๆให้เย็นลง
...จะว่าไปนี่มันความฝันนี่นา(...

แล้วเขาจะหนีแทบเป็นแทบตายทำไมกันล่ะเนี่ย(...

ทาเคมิจิหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ...ก่อนจะต้องกลับมาคิดหนักอีกครั้ง

...แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ตื่นซักที!?

...เขาไม่ได้โดนคิโยสมาสะซัดจนนอนโคม่าอยู่ที่ไหนซักแห่งใช่มั้ย(...

ทาเคมิจิเริ่มเดินวนไปวนมา---
ด้วยสีหน้าของคนคิดหนัก

ไมกี้กับดราเค่นมองหน้ากันแล้วยักไหล่ ไอ้เด็กนี่เดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวทำหน้าเครียดจนพวกเขาตามไม่ทัน

...ถ้ารู้ตัวว่าหลับอยู่จะทำยังไงให้ตื่นกันนะ???

นี่มันแอบเหมือนหนังสยองขวัญคลาสสิคชื่อดังเลยไม่ใช่เหรอ ที่ชื่อฝันร้ายบนถนนเอล์ม...หรือไม่ก็เรื่อง---
"แอ่ก--!"

เป็นไมกี้ที่ยื่นขาไปขัดขาของทาเคมิจิจนล้มเข้าใส่ดราเค่นที่หลบให้อีกฝ่ายหน้ากระแทกเข้ากับกำแพงใกล้ๆจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น

"โอ๊ย! เจ็บๆๆ--"

เขากุมจมูกที่โดนเข้าเต็มๆจนน้ำตารื้น

"นี่ ทาเคมิจจี้"

ก่อนจะถูกเรียกร้องความสนใจจากใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้เกินจำเป็น
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายเป็นเพื่อนของฉันนะ!"

ทาเคมิจิมองเจ้าหญิงที่ปีนอกของเขาขึ้นมาร้องเหมียวๆใส่ด้วยท่าทีถือดี

เจ้าหญิง..
นิทรา..

เขามองใบหน้าที่มีขนฟูตรงหน้าแล้วตัดสินใจทำเรื่องโง่ๆอย่างนึงลงไป

'จุ๊บ'

ทำแบบนี้แล้ว ก็จะตื่นได้ใช่มั้ย?

ตึง!

แล้วสติของทาเคมิจิ..ก็ดับวูบ
ดราเค่นมองเพื่อนสนิทที่ยังคงกุมปากของตัวเองเอาไว้แม้จะจากซอยตันที่มีร่างของคนๆนึงถูกทิ้งเอาไว้หลังจากที่คนข้างหน้ามือลั่นใส่ไปเพราะโดน...ขโมยจูบ...

ไมกี้ปาดเลือดกำเดาของอีกฝ่ายที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากตัวเองโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เคนจิน"
"อยากให้ฉันกลับไปฆ่ามันมั้ย?"
"เปล่า"
"งั้นอะไร"

ดราเค่นขนลุกเกรียวทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของคนที่หันกลับมาหาเขาท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง

"ดูท่าแล้วฉัน..."

มันเหมือนกับว่าเขาเห็นหัวใจสองดวงฝังตัวอยู่ในดวงตาของไมกี้

"อาจจะเป็นแค่เพื่อนไม่ได้แล้วล่ะ♡"

"..."
.
.
.
ไปเตือนให้ไอ้เด็กนั่นหนีไปตอนนี้จะยังทันมั้ยนะ...
...แฮ่ม

ขอเปิดตัวคนคลั่งรัก2022อย่างเป็นทางการนะคะ...?/ฝายมือ

...ทุกอย่างเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบค่ะ กาวสดไปตามเรื่อง ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนฉากจบแบบนี้(จริงๆหนึ่งในสิ่งที่แอบคิดไว้คือพี่เค่--แค่ก)
หลังจากที่ถูกมือลั่นใส่แล้วทิ้งเอาไว้ในตรอก คุณคิดว่าทาเคมิจิจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเย็นนี้ได้หรือไม่
ที่บอกว่าฉากจบคือจบบทนะ เรายังเขียนต่อๆๆ 5555 แต่วันนี้พอแค่นี้ก่อน หมั่นไส้เขยชัง (หน้าตอนคลั่งรักคือนึกถึงคลิปนึงที่ไมกี้เหยียบกบ ใครหาเจอเอามาแปะให้ทีฟฟฟ หาไม่เจอแง)

ต่อไปน่าจะเขียนถึงเหมียวอิซากับเหมียวคุโจหรือไม่ก็อาจจะเป็นวันที่ฝนตก เอ๊ะ แต่ผีในบ้านก็อยากเขียนนะ/ทึ้งหัว
...เนื่องจากตอนนั่งกาวพล็อตให้อิซานะกับคาคุโจแล้วได้ไอเดียแย่ๆอย่างยันเดเระ/สตอล์กเกอร์ทาเคมา(... กะ ก็เลยอยากเขียนสุดๆเลย(...💦

เลยจะมาขอพักฟิคนี้วันนึงไปกาวเรื่องนั้นนะคะ! คิดว่าจะเป็นฟิคสั้น(ไม่ต่างจากจุดเริ่มต้นเรื่องนี้)6555/ปาดเหงื่อ

ใครสนใจลองเข้าแท็กอิซาทาเคดูนะคะ///)♥️
ขอเวลาซักครู่นะคะเดี๋ยวจะมาต่อค่ะ😳✨✨✨

วันที่ฝนตก!!! ฉันเลือกนาย!!!
ทาเคมิจิมักชอบนั่งดูหนังอยู่บ้านในวันที่ฝนตก

เพราะฉะนั้นพอเขารู้ตัวว่าฝนจะตกขึ้นมา เด็กหนุ่มผมทองก็จะรีบชวนไม่ก็จากกับก๊วนเพื่อนหรือรีบออกจากบ้านเพื่อจะไปที่ร้านเช่าซีดีขาประจำของตัวเอง

แม้แรกๆจะไม่ได้ตั้งใจแต่นั่นก็มักเป็นเวลาที่เขาจะได้พบกับแมวตัวหนึ่ง
มันตัวสูงจนเขาเคยคิดว่ามันอยู่ในเมืองแบบนี้ได้โดยที่ไม่มีใครแตกตื่นหรือโดนจับไปเข้าสวนสัตว์ได้ยังไง

จะว่าไปแล้วคุณองครักษ์ก็เหมือนกัน?

แต่ในเมื่อเขาไม่เคยเห็นมันทำอะไรใคร ก็เลยคิดไปเองว่ามันน่าจะมีใบรับรองหรือเจ้าของอาศัยอยู่ในละแวกนี้
มันมักจะนั่งหลบฝนอยู่ใต้ชายคาหลายๆแห่งที่เขาเดินผ่าน

มันไม่ได้สนใจอะไรเขาเป็นพิเศษ แค่ชายตามองมาแล้วก็หันกลับไปเหม่อมองสายฝนเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

แต่ทาสก็คือทาส

เขาไม่รู้ว่ามันกำลังโตหรืขาดสารอาหารรึเปล่า

มันตัวยาวแต่ก็ผอมกะหร่องเหมือนวัยรุ่นที่พึ่งตัวยืดไม่มีผิด
หลังจากที่ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆเข้า เขาก็เลยอดไม่ได้ที่จะเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ...

แล้วกลับมาพร้อมกับถ้วยใส่ของกินร้อนๆ...อย่างโอเด้ง

ลิ้นแมวไม่น่ารอด...คงต้องรอให้เย็นก่อน

...จริงๆแล้วกะจะซื้อปลากระป๋องหรือทูน่ากระป๋องแท้ๆ...

แต่พอรู้ตัวอีกทีก็มีถ้วยโอเด้งในมือพร้อมใบเสร็จแล้ว(...
เขาถอนหายใจก่อนจะเดินไปหลบฝนอยู่ข้างๆมัน

เขาไม่อยากทำให้มันตกใจ

...ก่อนจะเปิดฝาถ้วยที่ว่าจนกลิ่นหอมกรุ่นแผ่ออกมา

มันหันกลับมามองเขา

หรือจริงๆก็มองตามกลิ่นหอมมามากกว่า

มันไม่ได้ทำอะไรหรือขยับตัวไปมากกว่านั้น

จ็อกกกก

แต่เขาก็ได้ยินเสียงท้องมันร้องขึ้นมาท่ามกลางเสียงฝนพรำ
เขาหัวเราะเบาๆออกมากับสิ่งที่ได้ยินแล้วถือโอกาสเอ่ยถามมันออกไปด้วยรอยยิ้ม

"กินด้วยกันมั้ยคะ?"

สัตว์ที่ซื่อสัตย์ต่อของกินแบบนี้...น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆเลย♡

อ่ะ...เผลอหลุดเสียงสามออกมาอีกแล้ว

เขาตักฮันเปนที่ทำจากเนื้อปลาขึ้นมาเป่าจนมันหายร้อนแล้วยื่นไปให้ 'น้อง' ตรงหน้า
*กรุณาอย่าให้โอเด้งต่อแมว เนื่องจากมันมีโซเดี้ยมสูงปรี้ดค่า*

"นี่ค่ะ อ้าม"

ว่าไปนั่น

น้องมองเขาเหมือนจะถามว่าเขาสมองปกติดีอยู่มั้ย

ตอนที่คิดว่าควรจะป้อนด้วยมือ บิเป็นชิ้นเล็กๆหรือวางถ้วยลงบนพื้นรึเปล่า

ช้อนของเขาก็ถูกตอบรับเข้าเสียก่อน
ด้วยดวงตาวิบวับ น้องยืนให้เขาป้อนจนหมดถ้วย

ท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่หันมามองพวกเขาด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ไม่ว่าจะคนที่มองด้วยสายตาแปลกๆ คู่รักที่มองแล้วสะกิดให้อีกคน(เอาเป็นแบบอย่าง)ดูด้วย คน(โสด)ที่มองด้วยสายตาอิจฉาหรือแม้กระทั่งคนเฒ่าคนแก่ที่มองด้วยสายตาเอ็นดู
ก็นะ น้องก็ดูไม่ใช่สายพันธุ์ธรรมดานี่นา จะมีคนมองมากหน่อยหรือนึกอยากได้ก็คงจะไม่แปลกเสียเท่าไร

เขาทิ้งถ้วยกระดาษลงในถังขยะ

"หมดแล้วล่ะ กินเก่งแถมยังเรียบร้อยมากเลยนะ!"

เขาฉีกยิ้มแล้วเอ่ยชมออกไปด้วยความเอ็นดู มือก็ล้างเข้ากับสายฝนที่ยังคงตกไม่หยุด

'มาว'

!!

เสียงทุ้มสุดๆ!!
ทาเคมิจิใบหน้าขึ้นสีจางๆ...เพราะอยู่ๆประกายความเท่ของน้องก็แทงทะลุเข้ามากลางใจ!

โอ๊ยน้อง---ทำไมเป็นน้องแมวที่ฟังดูเท่ขนาดนี่!

...จังหว่ะนี้ยังนับเป็นน้องได้รึเปล่านะ(... ดูจากตัวกับเสียงแล้วน่าจะไม่น้องเท่าไร

แต่เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ใจ!
ถ้าใจบอกว่าน้อง น้องก็คือน้อง!!!
ทาเคมิจิฮึดสู้ความเท่ที่ตัวเองได้ค้นพบและค่อยๆยื่นมือไปหาเจ้าตัวใหญ่ข้างหน้า

แล้วยีหัวน้องที่ว่านี้ด้วยความอ่อนโยน

"นี่น่ะ ถือเป็นค่าโอเด้งแล้วกันนะคะ"

เขายิ้มเผล่ก่อนจะรีบชิ่งหนีโดยการโบกมือลาแล้วตรงกลับบ้านไปพร้อมกับซีดีหนังสยองขวัญที่พึ่งยืมมา

วันนี้เป็นวันที่ดีจังเลยนะ!
...

เขามองหน้าน้องที่วันนี้มาหลบฝนอยู่ในที่ต่างออกไป

สายตาวิบวับที่มองมากับหางที่ส่ายไปส่ายมาเหมือนกับได้เจอเหยื่ออันโอช--มีความสุขนั้นทำให้เขาที่กำลังจ้วงลูกชิ้นเข้าปากอยู่ใต้ร่มกลางสายฝนนั่นต้องหยุดชะงัก

มันไม่ได้ก้าวเดินออกมานอกกำบังฝนแต่แตะอุ้งเท้าลงข้างตัวราวกับจะเรียกหา
ดูท่าว่าวันนี้ลูกชิ้นนี่ เขาก็จะไม่ได้กินอีกแล้วสินะ

แต่เอาเถอะ สีหน้าตอนกินอย่างมีความสุขแบบนั้นมันน่ารักมากเลยนี่นา...

ทาเคมิจิหัวเราะแฮะๆ ก่อนจะก้าวไปหยุดอยู่ข้างมันแล้วหุบร่มลงพิงกำแพง

"กินได้แค่ถุงนี้นะคะ อันนี้มีน้ำจิ้มเผ็ดกินไม่ได้--"

ง่ำ!

น้องโว๊ย!!!?
น้องเคี้ยวลูกชิ้นในปากหงุบๆ แถมยังกรอกตาใส่เขาเรื่องน้ำจิ้ม

แต่พอรอดูอาการด้วยความเป็นห่วงกลับไม่มีอะไรผิดปกติเลย ทั้งมันเลียปากตัวเองและหันมาอ้าปากรอเขาป้อนชิ้นต่อไปด้วยซ้ำ

อุ้งเท้าคู่ใหญ่ที่มีลายเหมือนกับตัวอักษรคันจิเองก็ถูกยกขึ้นมาจิ้มถุงที่มีน้ำจิ้มอยู่อย่างเอาแต่ใจอีกด้วย
เขามองมันด้วยสายตาปลาตาย

น้องเอนตัวมาออดอ้อนเขาด้วยสายตาวิบวับ ท่าทางกำลังสนุกมากกว่าโกรธที่เขาไม่ยอมป้อนต่อ

"ไม่ได้ก็คือไม่-ได้ แค่เธอมากินอาหารกับฉันบ่อยขนาดนี้ก็ไม่ดีต่อสุขภาพแล้วนะ"

เขาดุมันจริงจัง

ก่อนจะถูกลิ้นสากๆเลียเข้าที่มือที่มีน้ำจิ้มติดจนเกือบจะปล่อยถุงลูกชิ้นร่วง
"เดี๋ยวเถอะ!"

เขาเอามามืออีกข้างคาราเต้ช็อปหัวมันเบาๆ

มันทำหน้ายู่ ท่าทางเหมือนแมวโดนรังแกไม่มีผิด

แต่ดวงตาสีทองของมันก็ยังคงเป็นประกายสนุกสนาน(สีนี้แล้วกันค่ะเหมาะกับแงวดี)

ถึงจะดีใจอยู่หน่อยๆก็เถอะเพราะจำได้ว่าถ้าแมวเลียแปลว่าแมวรัก

แต่ที่เลียเมื่อกี้น่าจะเพราะน้ำจิ้มล้วนๆ
หลังจากนั้นเขาก็มักจะเจอน้องแถวๆนี้อยู่เสมอ

ขอแค่ฝนตก เจ้าแมวตัวนี้ก็จะโผล่มาประจำที่ร้านอาหารข้างร้านเช่าซีดีราวกับรู้ว่าเขาจะมาทุกวันที่ฝนตก

แล้วก็จะได้กินของอร่อย

เขาเคยแก้เกมด้วยการเอาอาหารแมวกับแมวเลียมาด้วย

แต่ก็ถูกตบทิ้งทั้งหมด(...

นี่เขาทำแมวเสียคน..เสียแมวรึเปล่านะ?
ทาเคมิจิถอนหายใจ

วันนี้เองก็ฝนตกเหมือนกัน

แต่วันนี้ต่างจากวันอื่นตรงที่เขาไม่มีแพลนจะออกไปไหนแล้ว

ซีดีที่ยังไม่ได้ดูก็ยังมีกองสุมอยู่

แถมยังมี...

'แกร๊กๆๆๆ'

ทาเคมิจิหยุดหนังที่ตัวเองดูอยู่แล้วมองซ้ายมองขวาหาต้นตอของเสียง

...เขาขึ้นไปเช็คบนชั้นสองแต่ก็ไม่ใช่
...ประตูหน้างั้นเหรอ?

ทาเคมิจิเกาหัวแกรกๆก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านของตัวเองงงๆ

แล้วสิ่งที่เขาได้เห็น...

'มาว♡'

ก็คือแมวตัวใหญ่หน้าคุ้นๆที่ตัวเปียกมะล่อกมะแล่กแล้วกำลังส่งเสียงทักทายเขาด้วยสายตา...แปลกๆ...

แย่ล่ะ...

เขาเหลือบมองเข้าไปในบ้านของตัวเอง
ก่อนจะสบตาเข้ากับดวงตาสีทรายของแมวคาลิโก้...แมวสามสีหน้าง่วงๆขนยาวที่มีขนปรกตาหนึ่งข้างที่เขาพึ่งเก็บมาจากข้างนอกแล้วเป่าขนมันจนแห้งเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

ทาเคมิจิกะว่าจะให้มันอยู่หลบฝนซักคืนเพราะมันดูจะไม่ฉลาดพอจะยืนหลบฝนเหมือนเจ้าตัวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

'มาว'
'เหมียว'
เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งของเจ้าเหมียวสามสีดังเข้ามาใกล้จนชิดกับขาของเขา

ในขณะที่น้องเองก็ดูจะเปลี่ยนท่าทีสบายๆเมื่อครู่มามองเขาด้วยสายตา...

แฮ่ม...?

...ทำไมนี่มันถึงได้รู้สึกเหมือนฉากการนอกใจภรรยาแล้วถูกจับได้แบบคาหนังคาเขาอย่างไรอย่างนั้นเลยนะ...?

จบบทวันที่ฝนตก01!
เอาแล้ว ชะตาเหมียวไม่มีบ้านสองตัวมาประจบกันที่บ้านฮานากาคิ!

Also โดนพี่ฮั่นลากกลับบ้านเพราะคลิบเสียงกับภาพของคุณฟุตะทุกทีเลยค่า🥵 :

หลังจากนี้ควรจะเกิดอะไรขึ้นดี? ซีวิววอร์บารุฮาระ เริ่มเลอ!!!

ชอยส์ 1 : แงวทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข!!..?
ตอนนี้ยังไม่ว่างเลยแต่ถ้าไม่มีอะไรอะไรขวางกั้นจะมาต่อตอนเที่ยงคืนนะคะ😳✨

ขอบคุณสำหรับเม้นท์ทุกเมนท์เลยนะคะ น่ารักมากๆๆๆๆๆเลยค่า♥️♥️♥️🥺✨✨

Also คนที่อ่านเรื่องนี้แล้วเจอแต่ฟลัฟ : Image
ฮันมะ ชูจิไม่มีบ้าน
ไม่มีครอบครัว ไม่มีคนรัก
เพื่อน? เอ จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว

แต่ถ้าเป็นลูกน้องละก็มีเยอะเลยล่ะ
แล้วเขาก็มี ธุรกิจ ด้วย

ร้านขายของชำ ร้านขายบุหรี่และร้านขายแกงกะหรี่ ฯลฯ

ร้านขนาดเล็กๆไม่สะดุดตาที่มีอยู่ในละแวกนี้เกือบทั้งหมดเป็นของฮันมะ
แน่นอนว่าถ้าเป็นเบื้องหลังล่ะก็นะ

อายุแค่นี้มันก็ลำบากหน่อย จะเซ็นนู่นเซ็นนี่ก็ต้องมีผู้ปกครองมารองรับบลาๆๆ

แต่ฮันมะไม่มี
ไม่เคยมี
ไม่คิดอยากจะมี

เพราะสร้างเรื่องไว้เยอะก็เลยถูกเตะโด่งออกมาจากบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยก

แต่ใครสนที่น่าเบื่อแบบนั้นกัน
ฮันมะร่อนเร่ไปทั่ว ทำความรู้จักกับคนที่น่าสนใจแล้วก็สู้กัน

ในโลกของเขาไม่มีอะไรฟรี
นอกจากจะใช้กำลังแย่งมันมา

แล้วเขาก็แย่งพวกมันเก่งมากเสียด้วย

ถ้ากล้ามาเอาคืนก็ลองดูสิ♡

เพราะงั้นแล้วสำหรับเขาวิธีหาเงินมาประทังชีวิตในโลกใต้ดินนั้นง่ายแสนง่าย

เขาอยู่รอดมาแบบนั้น
วนเวียนไปตามร้านที่เป็นของเขาและมีลูกน้องดูแลอยู่เพื่อตรวจตราไปเรื่อย

เขาจะมีความสุขมากถ้ามีเรื่องน่าสนใจอย่างจำนวนของที่ไม่ครบหรือเงินส่วนนึงที่หายไป

นั่นคือเวลาที่'ยมฑูต'จะได้ออกล่า

แต่พักหลังมานี้ไม่มีเรื่องที่ว่าเลย
ถึงจะใช้เหยื่อล่อขนาดไหนก็ไม่มีใครกล้ามางับอีกแล้ว
น่าเบื่อเกินไปแล้ว

จนกระทั่งมีคนหยิบยื่นเอาเรื่องสนุกมาให้ แลกกับการได้ตัวเขาไปใช้งานตามที่ใจต้องการ

แน่นอนว่าเขาตกลง
แทบจะอดใจรอไม่ไหว
ถ้าไม่สนุกขึ้นมา ค่อยเก็บค่าเสียเวลากับความคาดหวังสักร้อยเท่าเป็นไง

น่าเสียดายที่ในแผนการช่วงแรกเขายังคงต้องรอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
เขาก็เลยทำได้แค่วนเวียนไปตามร้านรวงของตัวเองเช่นเดิม

ฮันมะเหม่อมองฝนที่ตกด้วยความเบื่อหน่าย

จนมีคนที่ติดฝนอยู่ด้วยกันมาเปิดกล่องโอเด้งข้างๆเขาแบบไม่เกรงใจ

แล้วหลังจากการกล่าววาจาคะขากับเขาด้วยรอยยิ้ม..

ฮันมะก็ได้เจอกับนางฟ้าซื่อบื้อที่มักจะแบ่งอาหารให้เขาทุกๆครั้งที่ได้เจอกัน
"โชเม แกคิดว่าผู้ชายที่พูดคะขากับคนอื่นเป็นคนยังไง?"

ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนพูดอย่างที่ว่าด้วยน้ำเสียงหวานหยดแบบนั้นกับฮันมะเสียเท่าไร

ถ้าหากว่ามันไม่ใช่การประชดกันละก็

"เอ่อ ก็เจ้าชู้? แพรวพราว?...แล้วก็อาจจะขี้อ่อย? ขี้อ้อนกับแฟนหรือกิ๊กอะไรแบบนี้ละมั้งครับคุณฮันมะ"
...คำตอบที่ได้รับช่างดูไม่ตรงกับสิ่งที่เขาประสบเสียเท่าไร

"เอ คนเดียวที่ผมเคยได้ยินว่าพูดอะไรเลี่ยนๆ ลิเกๆแบบนั้นก็มีแค่หนึ่งในสองพี่น้องเจ้าสเน่ห์แห่งรูปปงงิตอนจีบสาวนะครับคุณฮันมะ?"

โชจิเกาหัวแกร่กๆ นึกภาพตอนที่เห็นคนผมเปียดันสาวเจ้าเข้ากับกำแพงที่ไหนสักแห่งในรปปงงิ
"แล้วคนที่อยู่ๆก็มาชวนกินข้าว ป้อนอาหาร แถมเป่าให้คนที่ไม่รู้จักกันล่ะ?"

ลูกน้องสามหน่อของเขามองหน้ากันด้วยสีหน้างงๆ

"นอกจากแม่หรือพยาบาลแก่ๆที่ต้องมาป้อนอาหารผมตอนที่โดนคุณฮันมะอัดยับจนใช้แขนไม่ได้แล้วผมก็ไม่เคยมีอะไรแบบนั้นนะครับ?"
ชอนโบะลูบแขนตัวเอง ความทรงจำตอนได้หยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลยังคงตราตรึงอยู่ภายใน

แปลกจริงๆด้วยสินะ?

"งั้นถ้าฉันพูดคะขาถือข้าวต้มมา 'อ้าม~'ให้แกตอนนี้พวกแกจะทำยังไง?"

"น่าจะโดดออกหน้าต่างตรงนั้นนะครับ"
"กลัวจนลงไปโขกหัวขอขมาครับ"
"เอาอะไรมาทุบหัวเผื่อได้ตื่นจากฝันร้ายครับ"
...

ฟังดูน่าลองเหมือนกันแฮะ

ฮันมะยิ้มกริ่มออกมาให้ทั้งสามคนเห็น

ลูกน้องของเขาเหงื่อแตกพลั่กจนอดหัวเราะเยาะพวกมันไม่ได้

"แล้วถ้าฉันบอกว่ามีคนกล้ามาทำแบบนั้นกับฉันพวกแกจะคิดว่าไง?"

ตามคาด ทั้งสามคนทำหน้าเหมือนมันไม่มีทางเป็นไปได้แน่

"...อยะ อย่าบอกนะว่า--"
โชจิทำตาถลนก่อนจะเอาภาพในหัวสองภาพมารวมกัน

ภาพไฮทานิ รันที่กำลังดันคุณฮันมะเข้าสู่กำแพง!!

ก่อนจะตัดภาพไปที่การพูดคะขา ชวนคุณฮันมะไปเดตแล้วก็อ้าม~

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

...

แต่เอาจริงๆแล้วคนผมยาวถักเปียก็หน้าตาดีมาก บางทีแล้วคุณฮันมะก็อาจจะ--
เขาเหลือบมองฮันมะที่ทำหน้าเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แล้วส่งยิ้มสยองขวัญมาให้

"ขอโทษที่ล่วงเกินทางความคิดครับคุณฮันมะ!!"

โชจิโค้งตัวเกิน90°เพื่อขอขมา เหงื่อแตกพลั่กๆอีกรอบจนฮันมะโบกมือหยอยๆว่าช่างมัน

ขนาดไม่ได้บอกเรื่องที่ถูกยีหัวก่อนจะจากกัน'เป็นค่าโอเด้ง'ที่ว่าด้วยซ้ำ
หรือว่าจะเป็นคนสติไม่ดี?

ฮันมะคิดอย่างนั้นแล้วเก็บความทรงจำประหลาดๆนั่นไว้ในหัว
.
.
.

โอ๊ะ...ฝนตก...

เขามองร่มที่ถูกแขวนไว้แล้วเลือกที่จะไม่หยิบมันมาด้วยไปขณะที่เดินออกไปยืนเหม่อมองฝนอยู่หน้าร้าน

จะได้เจออีกมั้ยนะ

นางฟ้าโอเด้งตัวกะเปี๊ยกนั่นน่ะ
เจอ
เจอ
เจอ
แล้วก็เจอ

ทุกวันที่ฝนตก เด็กที่ไม่รู้กระทั่งชื่อนั่นก็จะโผล่มาที่ร้านเช่าซีดีนี่เสมอ

พวกเขาไม่เคยถามชื่อของกันและกัน
มีแค่การทักทาย ปัอนข้าวและการหลบฝนด้วยกันเงียบๆ

"เบ๊บ"
"ว่าไงคะตัวเล็ก?"

"เบบี๋"
"เอ๋ วันนี้ก็หิวอีกแล้วเหรอคะ?"

"แองเจิ้ล"
"อันนี้กินไม่ได้นะคะ!"
"บู"
"นี่มันข้าวเย็นของผมนะ..เฮ้อ เข้าใจแล้วค่ะ แบ่งก็แบ่ง.."

"บันนี่"
"อ้าม~เก่งมากค่ะเด็กดี"

ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็จะตอบรับโดยที่ไม่กระโตกกระตากอะไรทั้งนั้น

แต่บางครั้งเมื่อถามอะไรไปก็จะตอบรับอย่างอื่นมาเหมือนไม่ได้ยินมันด้วยซ้ำ

จะบอกว่าเลี่ยงตอบคำถามก็ไม่ใช่คำถามลึกลับอะไร
แล้วก็ยังมีรอบที่...คิดว่าถูกประชดประชันด้วยการเอาอาหารแมวมาให้อีก

ฮันมะเคยกินมันมาก่อน
แล้วก็ไม่ได้คิดอยากกินอีก

ท่าทางงงงวยและเกาหัวมองเศษซากอาหารเม็ดที่กระจายอยู่บนพื้นสลับกับฮันมะนั้นทำให้เขาสงสัยอย่างมาก

หลังจากเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยพวกเขาก็กินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม
หรือว่าเด็กนี่จะเป็นเด็กพิเศษจริงๆ?

ยิ่งผ่านไปนานวันเข้าความสงสัยของฮันมะก็ยิ่งเพิ่มพูน

เขาคอยสังเกตตอนที่อีกฝ่ายพูดคุยกับผู้คน
คอยเดินตามไปส่งที่บ้านตอนที่รู้ว่ามีคนประเภทเดียวกันมารวมตัวอยู่แถวๆนี้
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนและสัตว์บางประเภทนั้นถูกแยกออกด้วยเส้นกั้นบางๆ
จนเขาสั่งให้เจ้าสามหน่อไปหาเรื่องเด็กนั่นเล็กๆน้อยๆ
ก็ได้พบว่าทั้งสามคนถูกกระทำด้วยท่าทีคล้ายคลึงกันเลย

อาจจะไม่ถึงขั้น อ้าม~ แต่อีกฝ่ายก็หันมาเรียกเขาได้ทันทีเหมือนรู้ว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน

"น้องพาเพื่อนมาหาพี่ขาเหรอคะ"

โชเม โชจิและชอนโบะ หน้าแดงแจ๋
"ข ขอบใจ"
"อย่ามาเกาคางสิโว๊ย!"
"อ๊าก ปล่อยฉันลงนะ!"

หลังจากที่ได้รับ รอยยิ้ม ขนม การเกาคางและการอุ้ม ทั้งยังได้ยินคำเรียกแทนตัวฮันมะเสียใกล้ชิด พวกเขาก็ทำตัวไม่ถูก

...อย่างน้อยก็ไม่น่าจะต้องกังวลเรื่องที่เบบี๋~ของเขาจะถูกรังแกล่ะนะ
...

ในครั้งต่อมาที่พบกันเขาก็เลยดึงมือของอีกฝ่ายเข้ามาในร้านขายแกงกะหรี่ของเขา

เด็กนี่ดูแตกตื่นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับแคชเชียร์สาวที่ถูกจ้างมารับลูกค้าเพราะลูกน้องคนอื่นของเขาเป็นนักเลงหน้าไม่รับแขกกันเกือบหมด

"ขอโทษด้วยนะครับ โดนลากเข้ามารบกวนจนได้--"
เจ้าตัวยิ้มแหยก่อนจะก้มหัวประหลกๆให้กับเธออย่างเกรงอกเกรงใจ

เธอสบตากับบอสใหญ่อย่างฮันมะ กลืนน้ำลายแล้วรีบตอบอีกฝ่ายกลับไปอย่างร้อนรน

"ข แขกของคุณฮันมะเป็นที่ต้อนรับเสมอค่ะ! ยังไงแล้วถ้าอย่างทานอะไรก็เชิญสั่งได้ตามใจเลยนะคะ--"

"คุณ...ฮันมะ?"

"เอ่อ ก็--"

เธอฝายมือมาที่เขา
"โอ้! ที่แท้ก็เป็น'แมว'ของที่นี่เอง! ผมก็ว่าอยู่ว่าเจอแถวนี้บ่อยๆ น้องน่ารักมากเลยครับ มาขอของกินผมแทบทุกวันเลยฮะๆ...ฮะ?"

บรรยากาศแปลกๆก่อตัวขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มกับแคชเชียร์สาวที่มีรอยยิ้มเหยเก้

และฮันมะ

ฮันมะที่อ้าปากแล้วเอ่ยคำเดียวออกมาแล้วมองเข้าไปในตาของเด็กหนุ่มผมทอง
"มาว♡"

ราวกับไม่ได้เห็นเรื่องน่าอายใดๆเกิดขึ้น เด็กหนุ่มยิ้มตาหยีรับเขาด้วยท่าทีปกติสุข

"ว่าไงคะ? พาพี่เข้ามานี่ทำไมเหรอ?"

แมว
เขาถูกมองเป็น 'แมว'

เขา..ควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ค้นพบนี้ดี?

ฮันมะดึงอีกฝ่ายขึ้นมาชั้นสองแล้วพาไปนั่งลงกับโซฟา

"ขึ้นมาเฉยๆแบบนี้จะดีเหรอเนี่ย💦"
ฮันมะนึกอยากหัวเราะ

จะบอกว่าเป็นเรื่องตลกที่ดูไม่ออกเสียนานหรือเรื่องน่าสนใจที่ถูกมองเป็นสัตว์สี่ขามาตั้งแต่แรกดี?

เขามองอีกฝ่ายที่ยังคงมองซ้ายมองขวาไม่แน่ใจว่าขึ้นมาทำอะไรบนนี้นิ่ง

ก่อนจะลดตัวลง...

แล้วเริ่มคลอเคลียอีกฝ่าย...เหมือนแมว

"หือ? ทำไมวันนี้ขี้อ้อนจังเลยคะ?"
...

"โฮ่ย ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดเลยสินะแกน่ะ"

เบบี๋หดคอหนีเขา ก่อนจะหัวเราะแล้วหันมาลูบหัวฮันมะเหมือนทุกครั้ง

"มาร้องข้างหูทำไมคะตัวเล็ก--ไม่สิ ชื่อว่าฮันมะคุงนี่นา ฮันมะคุงๆ"

อยากจะโกรธที่เหมือนถูกหลอก

แต่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นฝ่ายถูกหลอกกันแน่?
นี่มันโรคอะไร? เป็นไปได้ด้วยเหรอที่จะเห็นคนบางจำพวกเป็นสัตว์ได้?

แล้วเห็นแค่นักเลงเป็นแมวเนี่ยนะ?

คำสาปรึไง?

ฮันมะไม่เข้าใจเลยสักนิด

...แต่เขาก็ไม่คิดจะแบ่งนางฟ้าที่ตาบอด(เฉพาะกับนักเลง)นี่ไปให้ใครหรอกนะ

เขารื้อเอาบัตรประจำตัวนักเรียนออกมาจากกระเป๋าเงินของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
"อันนี้กินไม่ได้นะ!"

บัตรของอีกฝ่ายถูกชูขึ้นสูงเพื่อหนีตัวสั้นๆของอีกฝ่ายที่พยายามคว้ามันคืนไป

ก็...'ฮานากาคิ ทาเคมิจิ' น่ะ เป็นคนให้อาหารประจำของ'แมว'ตัวนี้แล้วนี่นา

"มาว♡"

แมวน่ะเป็นสัตว์หวงถิ่นนะรู้มั้ย?
เพราะงั้นแล้ว

จะ ไ ม่ แบ่งให้ใครทั้งนั้น เข้าใจรึเปล่า?

ทาเคมิจิ♡
เขาเคยคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับคนที่ต้องจับตามองเสียเท่าไร อย่างมากก็ต่อยตีไปกับก๊วนเล็กๆของตัวเองต่างจากฮันมะที่กำลังจะได้'เล่น'กับแก๊งใหญ่ๆในไม่ช้า

แต่ใครจะไปรู้ว่าเผลอแป็บเดียว

ก็มีแมวจรโผล่มาอยู่ในบ้าน'ทาส'ของเขาซะแล้ว

"ฮาเนมิยะ"
"ฮันมะ"

T h i s M e a n s W a r
ผลโพลออกมาว่าควรให้คิซากิเข้าร่วมสงครามฮือ555555
คิซากิ : ฮีโร่
ทาเคมิจิ : เอามาทำไม๊ ออกไป๊!!
คิซากิ : /กำหมัด

จริงๆมีคำในใจแล้วแต่อยากรู้ว่าชอบคำเรียกน้องคำไหนกัน ผมแบบ🥺 อยากให้น้องได้ยิน

ใครชอบบันนี่ต้องขออภัย ฟิคนี้มีที่ยืนให้แค่แมวค่ะ😂💦/เปล่า จริงๆชอยส์มันได้แค่นี้ถถถ
ทีแรกตั้งใจจะเขียนเทนจิคุก่อน แต่เนื้อเรื่องมันขัดกันกับที่ตั้งใจจะให้ฮันมะรู้เป็นคนแรกว่าทาเคมิจิน่ะเห็นนักเลงเป็นแงวนะ เลยต้องเขียน 'ในวันที่ฝนตกก่อน' สรุปแล้วก็เหมือนลัดคิวให้บารุฮาระมา ต้องขอโทษคนที่โหวตเทนจิคุก่อนหน้านี้ด้วยนะ👀💦💦

แต่เทนจิคุมีคาคุโจง่ะ โดนจับได้แน่ฟฟฟ😂
จ้องจอมาพักนึงแล้วแต่เขียนไม่ออกเลยฟฟฟ ขอพักหน่อยนะวันนี้เหน่ยๆเพราะไปช่วยพี่ย้ายบ้านมาค่ะ เหมือนกายหยาบจะไม่ไหวแล้ว555

ไหวแค่เพ้อเรื่องที่อยากเขียน555
ระหว่างที่เพ้อก็ได้ไอเดียบรรเจิดมาอีกอย่าง(...

เอาเป็นว่าขอนำเสนอเรื่องที่ไม่รู้จะได้เขียนเมื่อไร...แต่อยากอ่านกันมั้ยพวกคุณ? Image
วันนี้ก็ยังย้ายบ้านอยู่แต่เจอกันเที่ยงคืนค้าบ😳✨

ใครนอนเร็วมาอ่านพรุ่งนี้เอาเลยนะ!!!

+ ไม่คิดว่าเบ๊บกับแองเจิ้ลจะได้เท่ากัน5555555 เดี๋ยวแบ่งๆกันใช้แล้วกันน้า☺️♥️✨
คาสึโทระไม่มีบ้าน
เขามีผู้ให้กำเนิดและที่ที่เคยอยู่อาศัย

'เลือกสิ'

แล้วก็คำถามที่ไม่อยากตอบ

'ลูกจะอยู่ข้างพ่อหรือว่าข้างแม่'

มือที่เงื้อขึ้นของพ่อ

'ห้ามอยู่ทั้งสองข้าง'

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของแม่

'จะเลือกข้างใคร'

กับนามสกุลของครอบครัวพังๆที่อยู่ใต้ชื่อฮาเนมิยะ
เขาถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากที่ติดอยู่ในที่ที่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไรอยู่หลายปี

ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรทั้งนั้น

มีแค่ชุดที่ใส่อยู่นี้กับชุดนักเรียนมัธยมต้นสองชุดที่ก่อนจะได้ออกมาก็ถูกจับมือลงชื่อให้เรียนต่อมา

แล้วก็...บาจิ

คนๆเดียวที่โผล่มายิ้มจนเห็นเขี้ยวแล้วกระแทกตัวใส่กันเต็มรัก
"ออกมาได้ซะทีนะไอ้เจ้าบ้าโทระ!"

บาจิผมยาวกว่าเก่า

ดูเปลี่ยนไปแต่ก็รู้สึกเหมือนเดิม

แต่เขาเองก็เหมือนกัน

คาสึโทระแตะเส้นผมสีดำที่ยาวขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนักแต่ก็ไม่ได้คิดอยากตัดเหมือนตอนที่อยู่ที่นั่น

"ออกมาแล้วอยากทำอะไรเป็นอย่างแรกล่ะ?"
"หาเงิน"
"ฉันมีอยู่น่า เดี๋ยวเลี้ยงเอง"
"..."

นั่นสินะ บาจิคงไม่อยากขโมยของร่วมกับเขาอีกแล้ว

ใบหน้าของคนเหล่านั้นปรากฏขึ้นในหัวของเขา

อยากเจอ
เ ก ลี ย ด
อยากเห็นว่าเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันรึเปล่า--
เ ก ลี ย ด จ นอ ย า ก จ ะ ฆ่ า

ทั้งหมดเป็นเพราะมัน

ที่เขาทำแบบนั้น
ที่เขาต้องจากพวกมันไป
ที่เขาต้องติดอยู่ที่นี่คนเดียว
ที่เขาต้องจากกับครอบครัวหนึ่งเดียวที่เขาเคยมี

จากที่ที่เขามั่นใจว่าจะไม่ต้องเลือกเพราะพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ

จากโตเดียวมันจิไค

จากที่ที่ไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว
.
.
.
เพราะสุดท้ายพวกนั้นก็เลือก 'มัน' อยู่ดี..
"ร้านสะดวกซื้อ.."
"โอ้! อยากได้อะไรก็หยิบมาเลย ไปฉลองที่บ้านฉันเป็นไง!"
"ห๋า ของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง!"

ก็'บ้าน'ของเขาน่ะ
เป็นแค่ซากปรักหักพังมาตั้งนานแล้วนี่

ป่านนี้คงไม่มีตึกอยู่ด้วยซ้ำละมั้ง

เขามองข้าวของมากมายที่ตัวเองไม่รู้จักถูกเพิ่มเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ
พอเห็นหลังไวๆของบาจิและมุมกล้องวงจรปิดดีๆ

ของที่ดูมีราคาก็ถูกยัดเข้าใส่กระเป๋าที่ใส่ชุดนักเรียนเอาไว้ในขณะที่ของถูกๆก็เอาไปใส่ตะกร้าของบาจิ

หางตาเขาลอบมองพนักงานร้าน

ไม่มีอะไรผิดปกติ

พวกเขาหัวเราะเฮฮาไปกับของแปลกๆที่อธิบายลำบากและไม่รู้จะมีไว้ทำไม

จนถูกพนักงานปรามเรื่องเสียง
"ชิ น่ารำคาญชะมัด ไปกันเถอะ"

...เขามองยาย้อมสีผมถูกที่ตั้งเรียงราย

"เฮ้บาจิ"
"อะไร จะจ่ายเงินแล้วเร็วๆ"
"ย้อมสีผมเป็นมั้ย?"
"ห๋า..? เห็นงี้ฉันช่วยจิฟุ--ลูกน้องย้อมทุกรอบเลยนะเฟ้ย"
"งั้นก็ดีเลย"

เขาเลือกหยิบสีมั่วๆขึ้นมาสีหนึ่ง

สีทอง..

ตลกร้ายชะมัด

"เอาอันนี้ด้วยครับพี่สาว"
คุณนายบาจิต้อนรับเขาหลังจากที่รู้ว่าเขาไม่มีที่ไป

บางทีเธออาจจะจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ว่ากำลังเชื้อเชิญฆาตกรเข้าบ้าน

ว่าเขาคือคนที่เกือบทำให้ลูกชายของเธอต้องมีประวัติไปด้วย

เขาอยู่ที่นั่นสามวันสองคืนก็ทนอยู่ไม่ไหว

ถึงช่วงเวลาที่ว่าจะทำให้เขามีความสุขมากกว่าหลายปีที่ผ่านมามาก
แต่ชุดสีดำที่ถูกแขวนเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจนั่น

มันทิ่มแทงเขาพอๆกับเส้นผมที่เป็นสีเดียวกัน

เขาร่อนเร่อยู่แถวนั้นไม่ได้มีเป้าหมายอะไร

ใช้ชีวิตอยู่กับการขโมยของกับกระเป๋าตังค์หาเงินมาใช้ตู้ฝากของเพื่อเก็บเสื้อผ้ากับของไม่กี่ชิ้นที่มี แอบนอนในร้านซักรีดและกินอาหารกลางวันฟรีที่รร.
พอถูกจับได้ก็ย้ายที่ไปเรื่อยๆ

รู้ตัวดีว่าทางเดียวที่จะรอดก็คือต้องเข้าร่วมกับ'เจ้าถิ่น'ที่ครองแถวนี้อยู่

เจ้าถิ่นที่ไม่ใช่แก๊งกะโหลกกะลาที่มีแต่เด็กมัธยมรวมตัวกัน

คนเดียวที่มีสิทธิ์ตัดสินว่าจะยอมให้เขาเข้าทำงานแถวนี้หรือไม่

เพราะไม่มีใครอยากรับคนมีประวัติเข้าทำงานมากนักหรอก
เจ้าถิ่นที่นี่คือ 'ยมฑูต'

คนที่เขาจำเป็นต้องเข้าหา ประจบประแจงแล้วขอที่นอนประจำสักที่แลกกับงานที่อีกฝ่ายจะให้ทำ

ฮันมะหาตัวได้ไม่ยาก
แต่การจะเข้าถึงตัวเขา(อย่างเป็นมิตร)นั้นไม่ง่ายเลย

...โดยที่มีคนๆนึงเป็นข้อยกเว้น

"เบ๊บบบบ ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ"
"อย่างับเสื้อสิคะ เดี๋ยวขาดๆๆๆ!"
คนที่ทำตัวสนิทชิดเชื้อกับยมฑูตโดยไม่สนใจสายตาใคร

ทั้งยังเข้าออกกิจการ'พิเศษ'พวกนั้นด้วยกันบ่อยๆจนเป็นที่รู้จักในหมู่นักเลงในสังกัด

คนที่ 'ห้ามแตะต้อง' ไม่ว่าจะในกรณีไหน

คาสึโทระยังต้องอยู่ที่นี่

เพราะงั้นปกติแล้วเขาก็หลีกเลี่ยงเด็กหนุ่มทุกๆที่

จนกระทั่ง...วันนี้
วันที่เขาไม่มีที่ไปจนต้องมานั่งตากฝนอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะ

"..."

ถ้าเรียนจบจนพอหางานได้ไวๆก็คงดี

ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะ--!

"มานั่งตากฝนอะไรตรงนี้? ไม่กลัวฝนรึไงหึ๊?"

จู่ๆสายฝนก็ถูกบางสิ่งขวางกั้น

และเมื่อเงยหน้าขึ้นไป

เขาก็ได้พบกับดวงตาสีฟ้าสวยสดของคนที่เคยได้แต่มองไกลๆ
"..."

'คุณเบ๊บ'

คนที่นักเลงในย่านนี้รู้จักกันภายใต้ชื่อที่ว่า

คนใจดีที่มักจะใจดีกับนักเลงและสัตว์เป็นพิเศษ

ครั้งนี้...ก็เป็นตาของเขางั้นเหรอ?

ไม่ได้ ถ้าหากถูกเห็นเข้าล่ะก็!

"เอ้า ฮึบ!"

!?

เสื้อนอกของอีกฝ่ายถูกยกมาห่มร่างเขาไว้

ก่อนที่ร่างจะถูกยกขึ้นพาดบ่าเหมือนกระสอบ???
"โทษทีนะเจ้าเหมียว แต่ฉันต้องถือร่ม เลยใช้แขนได้แค่ข้างเดียวน่ะ"

เดี๋ยวๆๆๆ!

"ทำอะไร!? ปล่อยนะ!"
โว้ว! เฮ้! ใจเย็นนะเด็กดี! แค่จะพาไปที่อุ่นๆแห้งๆแล้วก็มีข้าวให้ไง! ชู่ววว"

คาสึโทระไม่เคยคิดว่าร่างกายของตัวเองจะด้อยไปกว่าคนตรงหน้า

แต่ความจริงก็คือความจริง
เขาพ่ายแพ้...ต่อคนที่ไม่ได้สู้กลับทั้งยังกำลังถือร่มและแบกเขาด้วยแขนข้างเดียว

...นี่ทำให้คาสึโทระสะเทือนใจยิ่งกว่าครั้งไหน

...เขาอ่อนแอลงถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ..?

โดยที่ไม่รู้ตัว ทาเคมิจิหิ้วแมวสามสีที่เปียกซ่กและศักดิ์ศรีถูกทำลายย่อยยับไม่มีชิ้นดีกลับบ้านพร้อมฮัมเพลงไปตลอดทาง
คาสึโทระที่ถูกวางตัวลงหน้าบ้านฮานากาคินั้นพยายามหนีอยู่หลายครั้ง

..แต่ก็ถูกจับและลากตัวกลับไปจนเข้าบ้านที่ไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในนั้น

"ทำไมขี้ตกใจแบบนี้ล่ะ...ฉันตั้งใจจะช่วยแท้ๆ..."

เด็กหนุ่มหัวทองน้ำตาตกในให้เขาเห็น แต่ยังไม่ทันพักให้หายเหนื่อยเขาก็ถูกอุ้มไปที่ห้องอาบน้ำแล้ว
เพราะการต่อสู้กันมาระหว่างทาง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เปียกมะล่อกมะแล่กทั้งคู่แม้จะกางร่มไว้ก็ตาม

อ่างอาบน้ำขนาดกลางถูกใส่น้ำอุ่นเอาไว้จนเกือบเต็ม

อ่างน้ำร้อน...

เขาไม่ได้อาบน้ำมากลายวันแล้ว

คาสึโทระลูบผิวเย็นเชียบของตัวเองแล้วมองไปที่ฮานากาคิ

ที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่(...
เดี๋ยวๆๆๆ!!!

จะมาแก้ผ้าใส่กันเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ไม่ได้!!!

บ่อน้ำร้อนสาธารณะก็เรื่องนึงแต่มาเปลือยล่อนจ้อนใส่กันแบบนี้มันไม่ได้โว้ย!!!

"มาๆ ตาเธอแล้ว"

เจ้าของร่างขาวเนียนเอ่ยขึ้นแบบคนไร้ยางอาย ผมที่เปียกจนลู่ลงต่างจากปกติที่ถูกใส่เจล

...ก็ยังดีที่มีผ้าเช็ดตัวกั้น..
แม้จะขัดขืนสุดใจแต่ที่สุดแล้วคาสึโทระก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก(...

"มาล้างตัวกันก่อนนะ เธอไม่กลัวน้ำใช่มั้ย? งั้นเดี๋ยวมาแช่น้ำด้วยกันเถอะ!"

อีกฝ่ายยิ้มกริ่มขณะเขาถูกจับนั่งลงกับเก้าอี้เตี้ยๆแล้ววางหมวกอาบน้ำสำหรับเด็กไว้บนหัว

"โอ๊ะ ใช้ได้ด้วยแฮะ เยี่ยมเลยจะได้ไม่เข้าตา"
ถึงจะหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดมาพักใหญ่แต่ถูกใช้หมวกอาบน้ำให้ก็ทำเขานิ่งไปครู่หนึ่ง

ทำเอานึกถึง...
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังใช้อยู่รึเปล่านะ..

ฮานากาคิฮัมเพลงลั้ลลา สบู่กับแชมพูแบบทรีอินวันถูกบีบใส่มือของอีกฝ่ายแล้วเริ่มเกาเข้าที่ผมของเขาอย่างไม่เกรงใจ

ดีที่ทำสีผมมาพักนึงแล้ว...
เขาถูสบู่เข้ากับตัวเอง ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าต้องช่วยมากกว่านี้...

หันไปก็ทันได้เห็นอีกฝ่ายกำลังถูสบู่ให้ตัวเองจนฟองฟ่อด ดูๆไปก็น่ารักดี

"ว่าไงที่รัก? รอฉันแป็ปนึงนะ เดี๋ยวล้างตัวพร้อมกัน"

ท--ที่รัก!!?

คาสึโทระหน้าแดงซ่าน อยู่ๆก็ถูกมัดมือชกเป็นที่รักไปเสียเฉยๆ!?
ทาเคมิจิมองภาพเจ้าแมวสามสีขนยาวถูกฟอกตัวจนเป็นก้อนฟองกลมๆสี่ขาแล้วยกยิ้มกว้าง ถ้าหากไม่ได้ตัวเปียกอยู่ก็คงได้คว้าเอามือถือมาถ่ายเก็บไว้สักรูปสองรูปแล้ว

"สมแล้วที่ตั้งชื่อว่าที่รัก ก็น่ารักขนาดนี้นี่นา เนอะ?"

เขากล่าวล้อมันยิ้มๆ มือก็คว้าเอาฝักบัวมาล้างตัวให้มันอย่างอ่อนโยน
เขาล้างตัวให้ตัวเองจนสะอาดแล้วถึงได้อุ้มเอาแมวตัวน้อยมาลงอ่างน้ำอุ่นด้วยกัน

เห็นมันนอนเกยอกเขานิ่งสนิทเหมือนไม่กล้าขยับ เขาก็ค่อยๆเกาตามตัวให้มันจนตัวเหลวไม่ต่างกับเจ้าเหมียวเมนคูนที่ศาลเจ้าเสียเท่าไร

"สบายใช่มั้ยล่า อ่างน้ำน่ะไม่น่ากลัวหรอกเนอะ?"
พวกเขาแช่น้ำอยู่ด้วยกันพักนึงพอเช็ดตัวให้ที่รักลวกๆเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงท้องมันร้องไม่ต่างกับจากครั้งแรกที่เจอ'น้อง'เท่าไร

"หิวเหรอที่รัก?"

เห็นมันตีหน้ามึนใส่ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะอุ้มมันไปที่ห้องครัวเพราะยังหาไดร์เป่าผมมาเป่าขนมันให้แห้งสนิทไม่เจอ
เขาวางมันลงกับพื้นก่อนจะเดินวุ่นไปทั่วเพื่อหาอะไรให้มันกิน สุดท้ายแล้วก็ได้ข้าวหน้าเนื้อหมักชาแบบเจือจางมาหนึ่งหม้อ

เขาตัดเนื้อเป็นชิ้นพอดีคำให้เจ้าเหมียวก่อนจะตักข้าวในชามขึ้นมาเป่าและป้อนให้มันตามความเคยชิน

"อ้าม~"

แหนะ ทำหน้าเหมือนกันไม่มีผิด
✨แต่ความหิวก็ชนะเช่นเคย✨
ตอนแรกก็เหมือนที่รักจะเขินๆแต่พอหมดชามแรกก็อ้าปากรอชามต่อไปแล้ว

เขาอมยิ้ม ยีหัวแล้วชมมันว่าเก่งมากก่อนจะเบิ้ลชามที่สามให้พอมันดูจะอยากจะกินต่อ

เห็นร่างแห้งๆนั้นมีพุงป่องๆแล้วเขาก็สบายใจ ไม่รู้เจ้าตัวนี้ไปแอบอยู่ตรงไหนมาเขาถึงไม่เคยเจอเลย

ถ้าแวะมากินข้าวที่นี่บ่อยๆก็คงดี
แค่ดูจากที่ขนาดฝนยังไม่ยอมหลบเหมือนฮันมะคุงแล้ว เขาก็ไม่คิดว่ามันจะฉลาดพอจะจำทางกลับมาที่นี่ได้ถ้าเขาปล่อยมันไป

แอบเลี้ยงไว้..จะได้มั้ยนะ?

ยังไงเสียคนที่แพ้คนแมวก็ไม่เคยอยู่บ้านเลยอยู่ดี

เขามองเจ้าเหมียวที่สะลึมสะลือบนโซฟาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะขึ้นชั้นสองไปตามหาไดร์เป่าผมอีกรอบ
"อย่าพึ่งหลับสิ มาเป่ากับแปรงขนก่อน"

ที่รักทำหน้ายู่แถมยังมุดตัวหนีไปอยู่ใต้หมอนอีก จะเหลือก็แค่หางสามสีที่ส่ายฉวัดเฉวียนไปมาด้วยความไม่พอใจเท่านั้น

ทาเคมิจิหัวเราะในลำคอก่อนจะอุ้มเด็กดื้อมาไว้บนตักแล้วแปรงและไดร์ขนให้

ลมอุ่นๆและการแปรงขนทำให้เจ้าเหมียวหลับไปทั้งอย่างนั้น
เขาดูหนังไปลูบหัวของมันไป

บรรยากาศในวันที่ฝนตกสงบสุขจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือแมวตัวเดียวกับที่ร้องโวยวาย ขู่ฟ่อแฟ่ดใส่เขาเมื่อชั่วโมงก่อน

อบอุ่นจัง

ในบ้านที่ไม่ค่อยมีใครนอกจากเขาอยู่ อย่างน้อยๆก็ในวันนี้ที่บนตักเขาจะมีก้อนความอบอุ่นนอนเป็นเพื่อนเขาตอนดูหนัง

...ถ้าเลี้ยงได้ก็คงดี
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้

คาสึโทระที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงหนังที่กำลังถูกคนที่กำลังลูบหัวเขาเบาๆดูอยู่

แม้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำจะประหลาดและก็ไร้ยางอายเกินไปเสียหน่อย

แต่ว่าความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไรนี้...

เขาไม่อยาก...เสียมันไปเลย
แต่ใครๆก็รู้

คาสึโทระไม่เคยได้อะไรตามที่ใจหวัง

เวลาหนึ่งชั่วโมงแห่งความฝัน ได้เวลาที่ต้องคืนมันให้กับนางฟ้าแม่ทูนหัวแล้ว

'ตึงๆๆ!'

เขาไม่มีรองเท้าแก้วด้วยซ้ำ

ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแค่ชุดคลุมอาบน้ำเพราะเสื้อผ้าที่ตากไว้ยังไม่แห้ง
บางทีนี่อาจเป็นผลจากการกระทำทุกอย่างที่เขาเคยทำลงไปละมั้ง

โดยที่ไม่สามารถห้ามไว้ได้

เขามองประตูบ้านถูกเปิดออกและสบตาเข้ากับดวงตาที่หยี่ลงอย่างไม่เป็นมิตร

"เบ๊บ~"

เสียงนั่นกล่าวขึ้น

"ไปเก็บแมวที่ไหนมาเลี้ยงแทนฉันแล้วเหรอคะ?"

ร่างนั้นเข้าคลอเคลียฮานากาคิอย่างสนิทสนม
'ยมฑูต' ได้มาเยือนถึง 'สวรรค์' ตัวเล็กๆของเขาแล้ว

สวรรค์ที่ยมฑูตตนนี้เองได้ค้นพบมันก่อนเขา

สวรรค์ที่อบอุ่น ปลอดภัยและแสนดีเกินใครที่เขารู้จัก

สวรรค์ที่เขา...ไม่คู่ควร

"ไง ฮาเนมิยะ"
"ฮันมะ"
.
.
.
.
...สวรรค์ที่คงไม่ใหญ่พอสำหรับเราทั้งสองคน
แต่ในตอนที่คิดว่าจะลองสู้เพื่อมันดู--

ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ยมฑูตก็ได้ฉุดกระชากเขาออกมาจากความฝันที่คิดจะครอบครองสวรรค์นี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว

"อ้าว แอบมาอยู่ที่นี่เอง ตามหาตัวตั้งนานแน่ะ"
"...หมายความว่าไง?"
"แหม ใจเย็นน่า ก็แค่อยากจะถามอะไรนิดหน่อยเอง~"
"ถามอะไร..."
มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่...

ยมฑูตเผยรอยยิ้มกว้าง

"ยังอยากจะฆ่ามันอยู่รึเปล่า?"
" ไมกี้ น่ะ"

สิ้นชื่อเรียกที่ไม่อยากนึกถึง
ความอบอุ่นในอกก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่

"...ที่รัก?"

ฮันมะยิ้ม

คืนนั้นคาสึโทระเข้าร่วมกับบารุฮาระ

แม้จะรู้อยู่แก่ใจ..ว่ากำลังก้าวลงสู่นรกก็ตาม..
เอาล่ะบารุฮาระค่อยๆassembleแล้ว!!

+ ถ้าฮันมะไม่มาสอดน้า บางทีคาสึโทระก็อาจจะเปลี่ยนอาชีพเป็น House husban--cat! House cat!!! ก็ได้👀

คสทร :สวรรค์คงใหญ่ไม่พอสำหรับเราสอ--
ทคมจ : /หอบแงวเป็นล้านเข้าบ้าน
คสทร/ฮม : (... /กำหมัด

พล็อตที่งอกขึ้นมาเรื่อยๆแต่ไม่รู้ว่ามีใครสนใจมั้ย?
ขออธิบายนิดว่าข้อสองคือคนอื่นเป็นคน ทาเคก็เป็นคนแต่เห็นตัวเองเป็นแมว ใครพูดอะไรก็ฟังไม่ออก พูดได้แค่ร้องเหมียวๆ ตอนแรกก็เอาแต่เกาะแขนคนอื่นร้องไห้ ฮึก😭 เมี้ยวๆๆๆ

หลังหายตกใจแล้ว : 👁️🫦👁️)✨ เป็นแมวแล้วจะทำอะไรก็ได้!?

นุปี้ :/มองคนซนดันแก้วลงจากโต๊ะจนแตกแล้วเอาแก้วมาเพิ่มให้???
วันนี้ก็เหมือนเดิมนะคะ! ถ้าไม่มาตอน 2 ทุ่มก็เจอกันเวลาเดิมเลย! ใครนอนได้นอน ใครนอนไม่หลับก็แวะมาอ่านได้เรื่อยๆน้า เผื่อช่วย🤔???

ใครสังเกตบ้างพี่ฮั่นแกคะขาตอบแล้ว🤭 ดูแล้วน่าจะเพราะหวงถิ่น(?) อยากให้คนอื่นได้ยินว่าคะขากันสองคน✨

เจ้าหญิง :/กำหมัด หมดแล้วพริวิเลจคะขาหนึ่งเดียว
ทาเคมิจิที่ตื่นมาในซอยตันที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวนั้นได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยเมื่อโดนเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังซ้ำๆปลุกเข้าให้จนได้

ปลายสายก็คือบรรดาเพื่อนๆของเขาที่หนีรอดปลอดภัยจากตำรวจมารอเขาอยู่หน้าบ้าน..แต่เขาก็ไม่กลับมาเสียที

"เจ้าบ้าเอ๊ย! นายอยู่ไหนเนี่ยทาเคมิจิ!?"
*ขออภัยที่มาช้าค่ะฟฟฟ พอดีมีเหตุนิดหน่อย + เลือกไม่ถูกว่าจะแต่งพาร์ทไหนต่อดีค่ะ555 เลยมาต่อเนื่อเรื่องหลักละกัน*

"ฉันอยู่...เอ่อ? ไม่รู้สิ รอเดี๋ยวนะ--"

หลังจากที่ถามไถ่ผู้ที่ผ่านไปผ่านมา ก็พบว่าวิ่งมาทิศตรงกันข้ามกับบ้านตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย...
"ฉันไม่เป็นไรน่า แต่เหมือนจะหัวกระแทกมั้ง จำได้แต่อะไรแปลกๆทั้งนั้นเลย?"

จริงๆก็จำได้แค่แมว แมว แมวและก็ตำรวจ???

อ่อ มีเจ้าหญิงกับองค์รักษ์ด้วย?

อั๊คคุงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าพวกนั้นคงเป็นห่วงเขามาก

"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รีบๆกลับมาล่ะ มาฉลองการหนีตำรวจครั้งแรกสำเร็จกันเถอะ!"
เจ็บตาชะมัด...เขาคงโดนคิโยมาสะต่อยเข้าเต็มๆเบ้าตาจนเก็บไปฝันงั้นแน่

ทาเคมิจิซี้ดปาก ตาข้างนึงบวมจนแทบจะปิดสนิท

พอคุยไปคุยมาก็พบว่าคนที่เรียกตำรวจจริงๆแล้วก็คือทาคุยะ

"เพราะคิดว่าอาจจะแย่ก็ได้ ก็เลยเตรียมไว้ก่อนน่ะ ไม่คิดว่านายจะออกมาช่วยไว้จนได้ ขอบใจนะทาเคมิจิ...พวกนายด้วยนะ"
ฟังจากน้ำเสียงแล้วทาคุยะเองก็คงน้ำตาคลออยู่เหมือนกัน

"เจ้าบ้า! ถ้านายร้องไห้เดี๋ยวพวกฉันก็ร้องไห้ไปด้วยกันพอดี!"

เสียงของคาซึชิแหวออกมาทางโทรศัพท์ เสียงโวยวายสั่นๆเหมือนพึ่งมีเวลาพอจะได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่

ถ้าหากทาเคมิจิไม่ได้ก้าวออกไปบางทีแล้วทาคุยะก็อาจจะ...
ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไรแต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่เป็นไร..

ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงมาโคโตะดังออกมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"อัตสึชิ..ส่งมีดมา นายไม่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว"

มีด!?

"นั่นหมายความว่าไง--แอ่ก!"

ระหว่างที่กำลังจดจ่ออยู่กับบทสนทนาผ่านมือถือเขาก็สะดุดอะไรบางอย่างเข้า!
ถ้าหากว่าทาเคมิจิเห็นความเป็นจริงล่ะก็..เขาก็จะเห็นร่างของคนๆนึงที่กำลังนั่งยองๆขวางทางเดินแคบๆนี่อยู่อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เพราะมันไม่เป็นเช่นนั้นสิ่งที่เขาเห็นก็คือเจ้าแมวสยามที่กำลังพยายามเปิดกระป๋องโดยที่มีแมวเหมียวสองสามตัวรายล้อมอยู่!

...เมืองนี้จะมีแมวเยอะไปไหน(...
ดีที่เมื่อกี้ไม่ได้สะดุดไปทับหรือเหยียบหางแมวตัวไหนเข้า!

พวกมันทั้งสี่ตัวหันมามองเขาตาปริบๆ

ก่อนที่ตัวที่กำลังคร่อมอาหารกระป๋องเอาไว้จะเอาอุ้งชี้มาทางเขาตาโต!

'เมี้ยว!'
"โทษทีๆ ไม่ได้ตั้งใจจะสะดุดเธอหรอกนะ พอดีตาข้างนี้มองไม่ค่อยเห็นน่ะ"

เขาชี้ตาที่บวมเป่งของตัวเองด้วยยิ้มแหย
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคุยโทรศัพท์ค้างเอาไว้

มีด!

"แล้วที่พูดเมื่อกี้หมายความยังไงน่ะ อั๊คคุง! มาโคโตะ!?"

เขารีบถามกลับไปอย่างร้อนใจ
มือก็คว้าเอาอาหารกระป๋องจากเจ้าเหมียวสยามมาเปิดให้มันแล้วเทลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกปูเอาไว้ก่อนหน้า

เจ้าเหมียวอีกสามตัวไม่เขินอายที่จะเข้ามากิน
ในขณะที่เจ้าเหมียวสยามอ้าปากพะงาบๆที่ถูกแย่งกระป๋องในอุ้งมือไปเปิดแล้วเทให้เสร็จสรรพ

"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ดูเหมือนคาซึชิจะรู้ เดี๋ยวให้หมอนั่นเล่าแล้วกันนะ"

ทาคุยะที่รับโทรศัพท์มาอีกต่อส่งมือถือไปให้คนใส่แว่นที่กำลังมองอัตสึชิด้วยสายตาไม่ต่างกับมาโคโตะ
"ไม่รีบกินจะโดนแย่งไปหมดเอานะ"

เขาเช็ดมือเข้ากับเสื้อตัวเองแล้วยีหัวเจ้าเหมียวที่มีขนสีครีมอ่อนๆและปลายหูสีน้ำตาลเข้มระหว่างที่รอคำอธิบายจากอีกฝั่ง

มันทำหน้าเหลอหลา ดวงตาสีเขียวมองล่อกแล่กไปมาเหมือนไม่รู้จะทำตัวยังไง

น่ารักชะมัดยากเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย--
เขายิ้มตาหยีให้มันอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะต้องซี้ดปากเพราะเจ็บที่ตาซ้าย

กลับบ้านไปคงต้องประคบเย็นหน่อยแล้ว...

'เมี้ยว!!'

เจ้าเหมียวถอยครูดไปจนติดกำแพงท่าทางตอนเอาอุ้งเท้าขึ้นมือแตะป้าบที่หัวแบบนั้นดูคุ้นๆแต่ติดอยู่ที่ปากว่าเคยเห็นที่ไหน
"เคยเห็นที่ไหนกันนะ?"

เขาเขยิบเข้าไปใกล้มันระหว่างที่พยายามครุ่นคิด..

ก่อนจะวางแขนทั้งสองข้างกักมันเอาไว้ระหว่างเขากับกำแพงไม่ให้มันหนีไปไหน เพื่อจะจ้องหน้ามันชัดๆซักรอบ

นึกไม่ออกเลยแฮะ?

ปกติเขาจำแมวแถวนี้ได้เกือบทุกตัว ยิ่งสายพันธุ์น่ารักน่าชังแบบนี้เขาไม่น่าลืมได้ง่ายๆ...
ดูท่าทางอันตื่นตระหนกจนหัวหมุนแต่ก็ไม่ยอมขยับหนีหรือกางเล็บใส่แบบนี้..

คุ้นๆ..

เหมือนเคยเห็นท่าทางแบบนี้...

โอ้!

"ที่ศาลเจ้ามุซาชินี่เอง! ก็คิดอยู่เคยเห็นเธอที่ไหน เจ้าเหมียวที่อยู่กับคุณขนสลวยนี่เอง!"

เขาหัวเราะร่าที่ในที่สุดก็นึกออก

"เฮ้ ทาเคมิจิ! ฟังอยู่รึเปล่า!"
แอ่ก เขาคงต้องรีบไปแล้ว

"โทษทีๆ เดี๋ยวกลับไปฟังที่บ้านแล้วกันนะ"

เขาตอบกลับคาซึชิไปก่อนจะหันกลับมาหอมหัวเจ้าเหมียวที่ยืนค้างอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างมั่นเขี้ยว

เห็นแล้วคิดถึงเจ้าเหมียวเมนคูนชะมัด
ป่านนี้จะร้องมาวๆอยู่ที่ไหนกันนะ?

"ฝากความคิดถึงไปให้ลูกพี่เธอด้วยแล้วกันนะตัวเล็ก"
เขายิ้มกริ่ม ได้แต๊ะอั๋งแมวจนหายมั่นเขี้ยวแล้วมีความสุขจริงๆ

ทาเคมิจิลุกขึ้นยืน พอปัดฝุ่นให้ตัวเองเสร็จก็ไม่วายเอื้อมมือไปปัดและจัดขนของเจ้าเหมียวตรงหน้าที่ถูกยีจนฟูให้เข้าที่เข้าทาง

"เอา กลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว"

เขาอมยิ้มก่อนจะโบกมือบ๊ายบายมันก่อนจาก

"ไปล่ะ"
ทาเคมิจิจากไปทั้งอย่างนั้น

โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทิ้งมัทสึโนะ จิฟุยุที่สมองระเบิดไปแล้วเอาไว้กับเหล่าแมวตัวจริงที่มารุมดูมนุดที่ยกมือขึ้นมาตบป้าบเข้าที่หน้าผากของตนไม่ต่างจากที่เห็นบาจิซังทำเสียเท่าไร

แน่นอนว่าถ้าลดมือลงตอนนี้จะไม่ได้แดงแค่หน้าผากอย่างเดียวแน่
"ได้บาจิซัง พ่อตา แม่ยาย(มิทสึยะ)กับน้องคนละแม่(ฮัคไค)ไปแล้วยังไม่พออีกเหรอครับ!"

จินตนาการที่วนเวียนอยู่ในหัวมาตั้งแต่วันนั้นพุ่งพรวดออกมาจากสมองที่มีพื้นที่สำหรับเรื่องแบบนี้มากกว่าการเรียนเสียอีกของเขา

"..นี่นะอีเวนท์เก็บแต้มชัดๆเลยไม่ใช่รึไง"

..แพรวพราวไม่ไหว นายอันปังแมน!
ถูกเลื่อนสถานะจากคนท้าสำนักไปเป็นเกมจีบหนุ่มไม่ก็นิยาย 'รักกุ๊กกิ๊กของนายอันปัง' เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ5555😂

รอพี่มิทมาแก้แค้นที่ทำหลุดเข้าอวกาศไปนะ5555 วันนี้มาแค่นี้นะคะ พาร์ทจิฟุยุน่าจะต้องใช้พลังมากหน่อยเพราะดีดจัด เพ้อมาก กาวสุด

ถ้าเยอะกว่านี้อาจมีคนใจแตกไปก่อนได้ค่ะ5555
ถ้าไมกี้รู้เข้าว่าหลังจากจุ้บตัวเองไปไม่ถึงชั่วโมงก็มาเกี๊ยว(?)หนุ่มโตมันอีกคนจะเป็นยังไงกันนะ🤔☺️✨

คิดว่าจิฟุยุจะทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้?
ช่วงนี้จิฟุยุรู้สึกว่ากำลังถูกหัวหน้าหน่วยของตังเองตีตัวออกห่าง

...แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูมีความสุขมากในช่วงหลายวันมานี้ก็ตาม

พวกเขาก็ยังเข้าประชุมแก๊งร่วมกันเป็นปกติแต่ว่า...บาจิซังดูจะรีบกลับแล้วก็หายเงียบไปซะเฉยๆ บางทีก็ขับรถออกไปทั่วเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
ขนาดเรื่องที่ทำด้วยกันเป็นประจำอย่างการมาให้อาหาร มิสตีกแบล็กเฟลมดราก้อน ดาร์กเนสเดม่อนซีโร่จัดจ์เมนท์กับลอร์ดออฟมาเจสติกแฟรี่คิง--

หรือมีมี่ ดีดี้กับลิลลี่ แต่ยังไงเขาก็ชอบชื่อตัวเองตั้งมากกว่า ถึงจะไม่ได้บอกบาจิซังแบบนั้นก็เถอะ

"วันนี้บาจิซังก็ไม่มาล่ะ..."
จิฟุยุถอนหายใจ มือก็หยิบหนังสือพิมพ์ที่เตรียมมาด้วยมาปูให้เหมียวจรทั้งสามแล้วควักเอาอาหารกระป๋องที่เตรียมมาให้พวกมันออกมา

พฤติกรรมน่าสงสัยแถมยังไม่บอกที่มาที่ไปแบบนี้...

..หรือว่าบาจิซังจะมีแฟน?

ใบหน้าเลือนลางของเด็กหัวทองที่ไล่ต้อนหัวหน้าหน่วยเขาเสียยับเยินปรากฏขึ้นในหัว...
...ตั้งแต่วันนั้นก็หายไปเลย

แม้ว่าจะมีคนชะเง้อคอรออีกฝ่ายกลับมาอีก(ส่วนมากเพราะอยากเห็นเรื่องสนุก)แต่ก็ไม่มีใครนอกจากคนในแก๊งโผล่ขึ้นมาจากด้านล่างแต่อย่างใด

ทั้งที่เขารอลุ้นตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อแท้ๆ!

มือถือกับกล้องถ่ายรูปก็ชาร์ตแบตเตรียมพร้อมไว้สร้างอัลบั้มพรีเวดดิ้--แค่ก
ระหว่างที่กำลังกระแอมอยู่ในใจเขาก็ถูกใครไม่รู้เดินมาชนเข้าจังๆจนเกือบล้มกลิ้งไปด้วยกันทั้งคู่!

จิฟุยุคิ้วกระตุกยิกๆ ถึงจะนั่งยองอยู่แต่เขาก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ! ถ้ามีตายังไงก็ต้องมองเห็นแล้วมั้ย!

จะหาเรื่องกันก็ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม เขากำลังอยากออกกำลังอยู่พอดี!

"มองทางหน่อยสิเฮ้--"
คำพูดที่เหลือถูกกลืนลงคอไปทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย

ถึงตาข้างดึงจะบวมเป่งเหมือนพึ่งโดนบาจิซังต่อยมาก็เถอะ! แต่นะ นี่มัน!

อันปังแมน!
อันปังแมนชัดๆ!!

เนื่องจากไม่มีใครรู้ชื่อแถมจุดโดดเด่นก็ดันเป็นเรื่องที่เอาอันปังยัดปากมิทสึยะซัง(จริงๆ'เจ้าหญิง'ก็ด้วยแต่เราไม่พูดเรื่องนั้น)
"นาย!"

เขาชี้หน้าอีกฝ่าย จะบอกว่าตื้นตันที่ได้เจออีกครั้งก็ไม่ใช่แต่ก็ตื่นเต้นใช้ได้

น่าเสียดายที่บาจิซังไม่ได้มาด้วยกัน!!

ไม่อย่างนั้นเขาคงได้ใช้กล้องที่เอามาด้วยแล้--แฮ่ม...

ตำแหน่งชิปเปอร์โนวันไม่ต้องไปหาที่ไหนไกลตัวเลยจริงๆ...
"โทษทีๆ ไม่ได้ตั้งใจจะสะดุดเธอหรอกนะ พอดีตาข้างนี้มองไม่ค่อยเห็นน่ะ"

อันปังแมนขอโทษเขาด้วยยิ้มแหย ท่าทางดูไม่เหมือนคาสโนว่าที่บ้าคลั่งในดงโตมันเมื่อวันนั้นเสียเลย

เรื่องโดนชนเองก็ปลิวหายไปจากหัวเขานานแล้ว!
จิฟุยุทำได้แค่มองอีกคนคุยโทรศัพท์ทั้งที่อยากถามเรื่องรักๆใคร่ๆของอีกฝ่ายใจจะขาด!

เมื่อดวงตาสีฟ้าคู่นั้นสังเกตเห็นว่าเขากำลังกำกระป๋องอาหารแมวเอาไว้ มันก็ถูกดึงไปจากมือของเขาแล้วเปิดให้ด้วยความอ่อนโยน...

ทั้งคนตรงหน้าคุกเข่าลงเทมันให้มีมี่ ดีดี้และลิลลี่เสียเสร็จสรรพด้วย
..หรือว่าจะคิดว่าเขาเปิดไม่ออก?

ทำไมความรู้สึกมันคุ้นๆเหมือนฉากตอนนางเอกเอื้อมไปหยิบหนังสือไม่ถึงแล้วมีคนมาหยิบให้แบบเท่ๆเลย!!

ส สมแล้วที่เป็นอันปังแมน!

อีกฝ่ายหันมายิ้มให้เขาด้วยความอ่อนโยน

"ไม่รีบกินจะโดนแย่งไปหมดเอานะ"

เพล้ง!!
ภาพการ์ตูนตาหวานในฉากสุดโรแมนติกถูกพังทลายลงทั้งอย่างนั้น!

พระเอกบ้านไหนเขาแกะอาหารแมวให้นางเอกแล้วบอกให้กินเยอะๆบ้างเล่า!?

..แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังคงมองเขาด้วยดวงตายิ้มๆ ฉายแววขบขันกับอะไรบางอย่างระหว่างที่กำลังเช็ดมือของตน

...ใจเกือบเต้นแล้ว

เป็นไทป์ขี้แกล้งนี่เอง(...
คิดจบแล้วศีรษะของจิฟุยุก็ถูกมือข้างหนึ่งยีเข้าเบาๆ

เขามองเจ้าของมือนั้นตาโต

ดวงตาของอีกฝ่ายหยีลง ริมฝีปากเองก็ยกยิ้มให้กับท่าทีของเขา

ถ้าหากบนหัวอีกฝ่ายมีช่องข้อความลอยอยู่ละก็มันต้องเป็นก้อนความคิดอะไรทำนอง

'พอแกล้งแล้วก็ทำหน้าตาน่ารักชะมัดยากออกมาเลยไม่ใช่หรอเนี่ย?'

แน่ๆ..
..แล้วพอคิดแบบนั้นแล้วมันก็ทำให้จิฟุยุหน้าร้อนขึ้นมาเสียเฉยๆ..

คิดเองเขินเองนักเลงพอ

"เดี๋ยวๆๆ ไทม์เอาท์ๆๆ!"

เขายังเตรียมใจไม่พร้อมเลย! นี่มันถึงตาเขาแล้วอย่างนั้นเหรอ!!

เขานึกว่าตัวเองเป็นตัวประกอบไม่ใช่ตัวละครจีบได้!! แถมกะว่าจะเชียร์คู่อันปังบาจิไปตราบชั่วฟ้าดินสลายด้วย!!
ร่างของจิฟุยุถอยครูดจนชนกำแพง! มือเองก็แตะป้าบลงบนหัวตัวเองที่เมื่อครู่เคยมีมืออุ่นๆวางอยู่

มือที่ค้างอยู่กลางอากาศของคนที่กำลังกระพริบตาปริบๆมองมายังเขา...ก่อนจะหรี่ตาลงเล็กน้อย

"เคยเห็นที่ไหนกันนะ?"

เจ้าตัวพึมพัมออกมา..ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ราวกับไม่รู้จักคำว่าพื้นที่ส่วนตัว
อีกฝ่ายมีสีหน้าครุ่นคิด

ก่อนที่เรื่องที่ไม่เคยเห็นว่าเกิดขึ้นในชีวิตจริงจะเกิดขึ้นกับจิฟุยุ--

แขนข้างหนึ่งของอีกฝ่ายถูกดันเข้ากับกำแพงข้างหูของเขา

ก่อนจะตามด้วยอีกข้าง

พอรู้ตัว เขาก็ถูกกักไว้ในกรงขังแสนหวาน(?)อันเลื่องลือในโชโจมังงะเข้าเสียแล้ว!

น--นี่มัน!
คาเบด้ง!!!?
จิฟุยุสติแตกไปทั้งอย่างนั้น

หนึ่งในบักเก็ตลิสต์หรือไลฟ์โกลด์ของแฟนโชโจมังงะได้ถูกติ๊กเข้าให้หนึ่งข้อแล้ว

จริงๆถูกยีหัวด้วยเพราะงั้นน่าจะสอง

แถมถูกช่วย(เปิดกระป๋อง)ไว้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน--ถึงจะถูกหยอกให้กินเยอะๆด้วยก็เถอะ

ร ร้ายกาจมาก!
อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้

ดวงตาข้างที่ไม่ได้ถูกต่อยมามองเขาด้วยสายตาแน่วแน่จนจิฟุยุไม่รู้จะเอาตาไปมองตรงไหน

หรือว่านี่จะเป็นเช็กลิสต์ข้อที่สี่!

จ--จูบ!!

ไม่นะ--นี่มันครั้งแรกของฉั---

"ที่ศาลเจ้ามุซาชินี่เอง! ก็คิดอยู่เคยเห็นเธอที่ไหน เจ้าเหมียวที่อยู่กับคุณขนสลวยนี่เอง!"
หะ

ศาลเจ้า? เหมียว? อะไรสลวยๆ?

อีกฝ่ายหัวเราะร่าก่อนจะถอยหน้าออกไป

หัวใจที่เต้นระส่ำระส่ายของเขาตกอยู่ในสภาวะมึนงง

เดี๋ยวก่อน

ปกติแล้วในโชโจมังงะก็เป็นแบบนี้!
ตอนที่คิดว่าพระนางจะได้จูบกันแน่ๆก็ดันไม่จูบกันเสียอย่างนั้น!!

..จิฟุยุไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังโล่งใจ..หรือเสียดาย..?
พวกพระเอกไทป์ขี้แกล้งนี่มัน...

จิฟุยุทาบอก รู้สึกเหมือนพึ่งเข้าใจความรู้สึกของการถูกหลอกให้อยากแล้วจากไปอย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

และในจังหวะที่เขาเผลอนั้น

'จุ้บ'

ก็ถูกริมฝีปากคู่นั้นทาบทับแนบลงกับหน้าผากที่ไร้การป้องกันเข้าเสียแล้ว
"ฝากความคิดถึงไปให้ลูกพี่เธอด้วยแล้วกันนะตัวเล็ก"

เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มกริ่ม แสดงให้เห็นถึงความสดใสเหมือนดั่งปีศาจน้อยที่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายเป็นครั้งแรกและพร้อมจะจากไปพร้อมกับหัวใจของใครหลายๆคนที่ถูกช่วงชิงไปได้ง่ายๆทั้งแบบนั้น

แย่แล้ว

แย่แล้วไม่ใช่รึไง นี่นะ
มือคู่เดิมที่เคยกักตัวเขาไว้ในอ้อมแขนค่อยๆจัดแต่งผมของเขาให้เข้าที่เข้าทาง แม้กระทั่งปกเสื้อและเน็กไทของชุดนักเรียนเองก็ถูกรูดขึ้นมาจนอยู่ในสภาพเรียบร้อย

ทั้งที่เอาใจใส่และอ่อนโยนในทุกขั้นตอน

แต่กลับให้ความรู้สึกราวกับเราพึ่งทำเรื่อง'ไม่เรียบร้อย'ด้วยกันจนต้องแต่งตัวใหม่ให้กัน
"เอา กลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว"

อีกฝ่ายอมยิ้มกับสิ่งที่ได้เห็น ท่าทางซุกซนเหมือนจะรู้ว่าพึ่งทำอะไรแย่ๆแต่ยอดเยี่ยมลงไปกับมัตสึโนะ จิฟุยุที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อและหน้าแดงฉานลงไปจนถึงปลายเท้า

"ไปล่ะ"

ก่อนที่ร่างนั้นจะยกมือขึ้นโบกแล้วเดินถอยหลัง หมุนตัวจากไปทั้งอย่างนั้น
นี่น่ะ แย่เข้าจริงๆแล่วไม่ใช่เหรอ

ความรู้สึกของนางเอกที่ถูกพระเอกขี้แกล้งหยอกเย้าตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลยแบบนี้...
.
.
.
.
ก็ต้อง...แย่(ยอดเยี่ยม)ต่อหัวใจแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง...?

งดโชโจมังงะสักพักดีมั้ยนะ...
เดี๋ยวหัวใจได้ 'Y' ไปก่อนพอดีกัน...
จบพาร์ทนิยายรักคอมเมดี้(?)ของจิฟุยุแล้วค่า☺️♥️✨ เป็นเอ็นดูกว่าที่คิด กาวหกน้อยกว่าที่คาดแต่ก็หกใช้ได้อยู่5555

คิดว่าฮันมะจะบอกคิซากิเรื่องนางฟ้าที่เก็บตัวเองได้(?)มั้ย?
เพื่อใครรอวันนี้ไม่มีต่อนะค้าบ เดะมาพรุ่งนี้น้า👀✨

คิดว่าน่าจะต่อเรื่องหลักก่อนเพราะยังไม่ได้ไปไหนซะที55555/มัวแต่ตกแมว5555

ผลโพลคันโต✨ ดูจำนวนคนแล้วผมนี่พนมมือ เขียนถึงบงเท็นเมื่อไรเราค่อยว่ากันนะคะ555

Also จิฟุยุรู้ = ทุกคนรู้ = ไมกี้ก็รู้ 👀💦💦💦

👁️ 👁️)🔥 💧🔫(-_-メ)
ทาเคมิจิกลับบ้านอย่างมีความสุข เพราะได้รับโดสแมวเต็มเปี่ยม

เขาคุยเรื่องที่เกิดขี้นทั้งหมดกับทุกคน
ทำการยึดมีดอั๊คคุงและมีการตกลงสั่งห้ามแม้แต่จะคิดเรื่องแบบนี้อีก

ถ้ามีอะไรให้คุยกับทาคุยะก่อน ถึงเขาจะไม่ได้เป็นอัจฉริยะแต่ก็คิดแผนเอาตัวรอดได้แม้จะอยู่ในช่วงเวลาคับขัน
เพราะระยะทางจากโรงเรียนไปถึงสนามพนันมันไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น พอรู้ว่าตัวเองอาจจะแย่ก็เลือกโทรหาตำรวจแทนที่จะกอดศักดิ์ศรีเอาไว้..หรือใช้วิธีเด็กขาดแต่รุนแรงเกินไปของอั๊คคุง

ดูจากประสิทธิภาพที่มันได้ผลอย่างยิ่งเมื่อคืนก็รู้
โดยเฉพาะเรื่องที่คนบางส่วนถูกจับตัวไว้ได้ก็ยิ่งยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

น่าเสียดายที่หัวหน้าอย่างคิโยมาสะนั้นรอดไปได้

แต่สนามพนันนี่ก็คงต้องปิดไปอีกนาน

เหล่าผู้ชมที่เป็นเพื่อนกับคนที่ถูกจับหรืออยู่ในเหตุการณ์เองก็คงแค้นอีกฝ่ายไม่น้อย
และคิโยมาสะก็อาจจะตามล่าตัวผู้แจ้งข่าวอยู่
พวกเขาดื่มกันจนเมาแอ๋ คุยเรื่องนู่นนี่ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเสียเท่าไร

เหมือนคาซึชิจะตบบ่าเขาแล้วพูดทำนองว่าระวังตัวไว้ก็ดีบ้างเพราะอีกฝ่ายก็อาจจะแค้นเขาด้วยที่ไปทำให้อับอาย??

แน่นอนว่าเพราะว่าเมาอยู่ก็เลยตอบอะไรก็ไม่รู้กลับไป

ดีที่ยังจำได้ว่าต้องประคบตา พอตื่นมาตาก็เลยดีขึ้น
คราวนี้ไม่ใช่คาซึชิคนเดียวที่เมาค้าง

เพราะอยู่ๆประตูห้องเรียนก็เปิดออกพร้อมกับเสียงร้องเหมียว...คุ้นๆ

'เหมียว♡'

...ของเจ้าของมันที่มีสี่ขาขนฟูและมีขนทรงจุกน้ำพุที่หน้าผาก

เป็นเจ้าหญิงที่โดดดึ๋งข้ามโต๊ะมาร้องเหมียวๆใส่เขาโดยที่มีคุณองค์รักษ์ยืนรออยู่หน้าห้อง

มาได้ยังไงกั๊น!?
ทาเคมิจิตาเหลือก! เดี๋ยวนี้แมวมันมีความสามารถการติดตามตัวคนที่เคยให้อาหารครั้งเดียวมาถึงโรงเรียนได้เลยเรอะ!?

'เหมียว?'

แต่หึ๊ย...

อะไรจะน่ารักขนาดนี้นะ!

"มาที่นี่ไม่ได้นะคะเจ้าหญิง!"

เขากระซิบกับเธอ สายตาของอาจารย์เองก็ดูงุนงงปนโกรธเกรี้ยวจนดูก็รู้ว่าซวยแล้ว!

"ฮานากาคิ!"
"ครับๆ!! จะพากลับไปเดี๋ยวนี้ครับ!!"

เขาสะกิดฝากของไว้กับมาโคโตะที่นั่งใกล้ๆก่อนจะคว้าตัวเจ้าหญิงขึ้นมาอุ้มแล้วรีบหนีออกจากห้องก่อนที่อาจารย์จะระเบิดลงอีกรอบ!

เพื่อมาเจอกับ...พวกรุ่นพี่ที่พากันมานอนระเกะระกะกันอยู่ในทางเดิน???

'เหมียว♡'

เจ้าหญิงซุกไซร้ที่คอเขาอย่างออดอ้อน
"...รุ่นพี่ทำอะไรกันอยู่น่ะครับ..?"

รุ่นพี่ที่รู้จักกันดีทำหน้าเหมือนอยากตอบแต่ก็ไม่กล้า

หรือว่าจะกลัวคุณองครักษ์กันเลยแกล้งตาย???

'มาว'

และเมื่อคุณองค์รักษ์ส่งเสียงออกมา รุ่นพี่ก็พากันกลิ้งมาเรียงกันเป็นระเบียบก่อนจะโดนคุณองครักษ์เหยียบเป็นทางเดินมนุษย์!??

นะ นี่มัน!!
เขาเองก็อยากโดนแมวเหยียบเหมือนกันนะ!!!

ไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่สุดเท่ที่คอยสอนเรื่องคูลๆให้เองก็จะเป็นทาสแมวเหมือนกัน!

ทาเคมิจิยกนิ้วให้พวกเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ

ลงทุนนอนกับพื้นเพื่อสัมผัสอุ้งมังคุด!

หึฬ ก็ไม่อยากจะขิงหรอกนะ แต่เขาน่ะ จะสัมผัสอุ้งของเจ้าหญิงยังไงก็ได้!
ระหว่างที่เดินเคียงคู่ไปกับคุณองค์รักษ์ที่เดินเหยียบเหล่ารุ่นพี่ที่ส่งเสียงมีความสุข(?)ดังแอ่กๆ ออกมาเขาก็คว้าจับอุ้งของเจ้าหญิงเอาไว้ด้วยความภาคภูมิ

หนุบ!

เขาหลับตาพริ้ม พร้อมทิ้งตัวใส่ความรู้สึกของอุ้งนุ่มนิ่มระหว่างนิ้วของตัวเอง

หนุบ..หนับ...?
มีบางอย่างแปลกไป...

ทำไมมันถึงได้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่อุ้ง?

เขาประสานนิ้วเข้ากับ'มือ'ที่ประสานมันตอบกับเขา

ก่อนจะลืมตาขึ้นมา

แล้วพบกับใบหน้าของ 'คน' คนหนึ่งในอ้อมแขน

เขาเป็นเด็กหนุ่มผมทองยาวเกือบถึงไหล่ที่ผมส่วนหนึ่งถูกเสยขึ้นและรวบไว้ด้านหลัง
ดวงตาสีดำสนิทที่กำลังฉายแววพึงพอใจกำลังมองตอบเขาด้วยรอยยิ้มเอาแต่ใจ

แต่สิ่งที่ประหลาดยิ่งไปกว่านั้น

ก็คงเป็นใบหูสามเหลี่ยมสองข้างที่กำลังกระดิกไปมาอยู่เหนือศรีษะของอีกฝ่าย

กับหางที่ส่ายช้าและเกี่ยวกระหวัดอยู่กับแขนของเขาที่ยังคงอุ้มอีกฝ่ายเอาไว้

"เหมียว♡"
ทาเคมิจิมองอีกฝ่ายตาค้าง

แขนทั้งสองข้างที่อุ้มอีกฝ่ายเองก็เหมือนจะหมดแรงลงเสียดื้อๆ

แต่พริบตาเดียวที่ยกมือข้างที่ไม่ได้อุ้มอีกฝ่ายไว้มาขยี้ตา

เด็กหนุ่มคนนั้นก็หายไปและเหลือทิ้งไว้เพียง'เจ้าหญิง'เท่านั้น!?

วอท

เมื่อกี้มัน? อะไร?

เขา..ไม่ได้เผลอหลับไปในห้องเรียนหรอกใช่มั้ย???
องค์รักษ์ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เดินต่อ

เจ้าหญิงเองก็ทำเพียงซุกหน้าลงกับไหล่ของเขาเท่านั้น

สมองของทาเคมิจิตกอยู่ในสภาวะมึนงง???

"เดี๋ยวก่อน!"

แต่แล้วเสียงของ'เธอ'ก็ปลุกเขาขึ้นมา

เป็นฮินะ

เธอทำท่าเหมือจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ชะงักไปที่เห็นเจ้าหญิงในอ้อมแขนของเขา
อยากจะร้องไห้ชะมัด

"ไง ฮินะจัง"

เขาฝืนยิ้มออกไป

แขนก็กระชับเจ้าหญิงขึ้นเพราะต้องการกำลังใจจากเธอ

"ขอโทษนะ แต่ไว้คุยกันที่หลังได้มั้ย?"
"ตอนนี้ฉัน...ยังไม่อยากจะคุยกับเธอเท่าไร ขอโทษนะ"

เขาหลบตาเธอตอนที่พูดออกไปแบบนั้น
มืออีกข้างก็เอื้อมไปหาคุณองครักษ์อย่างคนต้องการที่พึ่ง
เสียงนักเรียนที่ออกมาดูสถานการณ์หรือแอบดูอยู่รอบๆเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

ทาเคมิจิเม้มปากก่อนจะฝืนกล่าวออกไปอีกประโยค

"ตอนนี้ฉันยัง...ทำใจไม่ได้เลย ขอโทษนะ"

เขากล่าวขอโทษซ้ำๆทั้งน้ำตาคลอ

ก่อนที่คุณองค์รักษ์จะดึงเสื้อของเขาและนำทางออกไปจากโรงเรียนอย่างแผ่วเบา

"ทาเคมิจิคุง..."
ฮินาตะมองอดีตแฟนหนุ่มจากไปทั้งอย่างนั้น

แม้ว่าภาพที่เห็นเมื่อครู่จะแปลกตาไปบ้างแต่อีกฝ่ายก็ดูไม่เหมือนถูกบังคับอย่างที่ได้ยิน

ดวงตาสีดำมืดมิดของคนที่แฟนเก่าของเธอโอบอุ้มอยู่มองตามเธอจนพ้นประตูออกไป

ในขณะที่คนตัวสูงที่กลอกตากับมือที่เอื้อมมาจับกับตัวเองเอาไว้แต่ก็ไม่ได้สะบัดออก
นั้นเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

ราวกับจะบอกว่า'เขา'ไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ

ก่อนจะจับจูงมือนั้นเดินออกไปเงียบๆโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาสักคำ

เธอเจ็บปวดที่ ' เพื่อน' อย่างทาเคมิจิคุงมีสีหน้าแบบนั้นเพราะเธอ

ถ้าหากเธอรู้ตัวเร็วกว่านี้ เขาก็คงไม่ต้องเจ็บปวด...
เพราะเธอเองรู้ดีกว่าใคร ว่าตอนที่เธอสารภาพรักแล้วเขาตอบรับ ทาเคมิจิคุงไม่ได้รู้จักเธอด้วยซ้ำ

แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะรักเธอเมื่อพวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันในฐานะ 'แฟน'

ในขณะที่เธอเริ่มรู้ใจตัวเองขึ้นมา..

ว่าเธอเห็นเขาเป็น 'เพื่อน' และเธอไม่ได้สนใจ 'ผู้ชาย' คนไหนเลยในฐานะแฟน
แต่สิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่นั้นก็ทำให้เธอมีความหวังขึ้นมา

บางทีแล้วถ้าหากเป็นสองคนนั้น ก็อาจจะทำให้เขาตัดใจจากเธอแล้วพบเจอกับรักครั้งใหม่เข้าเร็วๆนี้ก็ได้

อย่างน้อยๆอีกฝ่ายก็มีคนคอยดูแลอยู่แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนนักเลงนิสัยไม่ดีที่เธอเคยพบเจอ
ท่าทีอ่อนโยนของคนตัวสูงที่ดูน่ากลัวและความหึงหวงผ่านดวงตาของคนตัวเตี้ยที่ตอนแรกดูไม่มีพิษภัย

...เธอขอเชียร์คนตัวสูงคนนั้นขาดใจ

ฮินะขอให้ทาเคมิจิคุงได้มีความสุขในเร็วๆนี้นะ!

แล้วก็...หวังว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนอีกต่อไป

โชคดีนะทาเคมิจิคุง!
พวกเขาสามคนออกมาจากโรงเรียนของทาเคมิจิ

ไมกี้ถูกวางลงกับพื้นเพื่อใช้มือข้างนั้นเช็ดน้ำตาหรือหยดติ๋งๆระหว่างที่พวกเราเดินด้วยกัน

"เคนจิน"

ดราเค่นเหลือบมองตัวปัญหาที่กำลังมองเขาด้วยสายตาอาฆาต

"ปล่อยทาเคมิจจินะ!"

เพราะเจ้าคนขี้แยเอาแต่กอดแขนเขาร้องไห้เหมือนกำลังหาที่พึ่ง!
พวกเขาพาอีกฝ่ายขึ้นจักรยานมายังสนามหญ้าใกล้ๆ

ท่าที่เศร้าสร้อยทำให้ดราเค่นพลักอีกฝ่ายออกไม่ลง

สุดท้ายแล้วก็เลยถูกกอดไว้ทั้งอย่างนั้น

"แหกตาดูซะบ้างว่าฉันจับมันตรงไหน"
"ทาเคมิจจิเป็นของฉันนะ!"
"จะใช่เหรอ? ดูยังไงก็ร้องไห้โฮให้แฟนเก่าอยู่เลยไม่ใช่รึไง"
"จะเอาใช่มั้ยเคนจิน--"
อาจจะเพราะได้ยินเสียงตีกัน ในที่สุดแล้วเด็กขี้แยก็หยุดร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาออก

"เอ๊ะ มาอยู่ที่นี่ได้ไงหว่า?"

เจ้าตัวหันซ้ายหันขวา ตาแดงๆหันมาเจอเข้ากับคนข้างกายทั้งสอง

ทาเคมิจิกอดแขนดราเค่นเอาไว้ในขณะที่ไมกี้กอดทาเคมิจิอีกที

"นี่ปลอบฉันกันงั้นเหรอ? ขอบใจนะองค์หญิง องครักษ์"
เจ้าตัวยิ้มหวานให้พวกเขาก่อนจะรวบทั้งสองมากอดเต็มรัก

"ทำไมถึงได้น่ารักกันขนาดนี้นะ!"

แต่มือของทั้งสองคนก็สัมผัสเข้าหากันอีกครั้ง

แล้วเจ้าหญิงก็กลายเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มกริ่มเหมือนจะบอกว่า 'ชมฉันอีกสิ! ฉันเก่งมากใช่มั้ยล่ะทาเคมิจิ!'

...ภาพหลอน...? อีกแล้วเหรอ?
ทาเคมิจิชักมือออกและได้เห็นเจ้าหญิงอีกครั้ง

เจ้าหญิง
เด็กหนุ่มหูแมว
เจ้าหญิง
เด็กหนุ่มหูแมว
เจ้าหญิง...

"..."

เขาใช้มืออีกข้างสัมผัสก็หูแมวของเด็กหนุ่ม...

มันเป็นของจริง(...

พอลองปล่อยมือที่จับกันออก มืออีกข้างของเขาก็จับอยู่ที่หูของเจ้าหญิงไม่ผิดแน่!

"เจ้าหญิง?"
"เหมียว♡"
...เจ้าหญิงตอบรับกลับมาทันทีแม้จะอยู่ในร่างของเด็กหนุ่ม

แต่พอจับอุ้งเท้าของคุณองค์รักษ์กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย

คุณองครักษ์ยังคงเป็นแมวอยู่ไม่ผิดแน่

เขาจับมันค้างไว้ แล้วบีบมันเล่นหนุบหับ

คำถามก็คือ ทำไม???

ทำไมเจ้าหญิงถึงแปลงร่างได้???
แล้วทำไมถึงเป็นเด็กหนุ่มหูแมว!?
ทาเคมิจิปล่อยเบลอทุกสิ่ง ภาพภายนอกก็คือภาพเด็กหนุ่มสามคนนั่งจับมือกันกุ๊กกิ๊กน่ารักบนผืนหญ้าสีเขียว บรรยากาศสีชมพูแผ่ฟุ้ง ดูยังไงก็เกินเพื่อนไปมาก

ดราเค่นไม่เข้าใจว่ามือเขากับไมกี้มันมีอะไร

แต่เห็นเพื่อนสนิทแยกเขี้ยวสลับกับทำตาหัวใจเมื่อถูกสนใจแล้วมันก็ตลกดีเหมือนกัน
หลังจากเรียกสติที่หลุดลอยไปกลับมา ในที่สุดทาเคมิจิก็เลยตั้งใจว่าจะทำการทดลองเรื่องที่มนุษย์ทั่วไปที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันไม่น่าจะมีทางยอมแน่! แต่ถ้าเป็นแมว(ที่เป็นมิตร)ละก็คงไม่เป็นไรดู!

ก่อนอื่นเลยก็...

จู่ๆไมกี้ก็ถูกดึงตัวไปแล้วพลักลงกับพื้นหญ้า!

ทาเคมิจิจับมือเขาเอาไว้แน่น
ร่างของเพื่อน(?)ใหม่ที่พึ่งรู้จักกันไม่กี่วันก้าวมาคร่อมขาเขาเอาไว้ด้วยท่าทีระแวดระวัง

ตาอีกฝ่ายลอบมองสีหน้าของเขาเอาไว้อยู่ตลอด

ก่อนที่เจ้าตัวจะซุกหน้าลงกับอกของเขา!

ไมกี้มองทาเคมิจิตาโต

ว้าว ใจถึงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด!

ไมกี้ยิ้มกริ่มเมื่อตั้งตัวได้และปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ
ทาเคมิจิเขินหน้าแทบไหม้เมื่อเด็กหนุ่มหูแมวไม่มีท่าทีต่อต้านใดๆ เมื่อเขาแตะตรงนั้นตรงนี้ตามใจ

เมื่อปล่อยมือ แม้กระทั่งกับเจ้าหญิงเองถึงเขาจะฟัดพุงที่เป็นจุดหวงห้ามของแมว เธอก็เพียงแค่ร้องเหมียวด้วยท่าทีน่ารักเท่านั้น

โอเค...?
..เรื่องนี้พิสูจน์แล้วว่าเธอไม่น่าจะใช่คน??? แต่เป็นแมวที่เป็นมิตรมาก???

เขาปล่อยเธอแล้วลุกขึ้นมานั่งทำใจดีๆ

แล้วสิ่งที่เขาเห็น...มันคืออะไร...?

...หรือว่านี่จะเป็น..พลังแห่งโรคป่วยม.2!? เขาอายุ 14 พอดีเลยด้วย!?

นี่จินตนาการของเขาล้ำเลิศถึงขั้นเห็นแมวเป็นคนได้เลยงั้นเหรอ!!?
ถ้างั้นแล้ว...ทำไมคุณองค์รักษ์ถึงไม่กลายเป็นคนไปด้วย???

แล้วทำไมเขาถึงฟังสิ่งที่เขาพูดไม่ออก ถึงจะอยู่ในร่างกึ่งคน???

ทาเคมิจินั่งเค้นความจูนิเบียวทั้งหมดในสมองออกมาเพื่อหาคำตอบให้แก่คำถามนี้

เขาทำอะไรกับเจ้าหญิงที่ไม่ได้ทำกับองค์รักษ์?
ให้อาหาร? อุ้ม? กอด? หอม? ฟัดพุง? ไม่มีทาง ไม่อย่างนั้นแมวครึ่งเมืองโดนเขาแตะอุ้งก็น่าจะเป็นคนไปแล้ว

...หรือว่า...

ปัง!!!

เสียงบางสิ่งดังขึ้นจนมาเคมิจิหลุดจากภวังค์

ดอกไม้ไฟลูกแรกแตกออกบนท้องฟ้าที่มืดลงไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

ดอกไม้ไฟ...?
'มาว'

เสียงทุ้มของคุณองค์รักษ์ดังอยู่ข้างหูในขณะที่เจ้าหญิงเองก็กำลังหงายท้องนอนมองดอกไม้ไฟอยู่ที่ระหว่างขาของเขา

พวกเขานั่งซ้อนๆกันมองดอกไม้ไฟที่แตกออกบนท้องเป็นสีสันตระการตา

ทาเคมิจิมองภาพนั้นสลับกับเหล่าแมวเหมียวข้างตัว

...ก่อนที่เขาลองฮึบควากล้าในใจ
แล้วกดหัวของเข้าเหมียวที่เกยคางไว้กับไหล่เขาเข้าหาตัว

'จุ้บ'

เขาผละออกเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวที่แข็งทื่อขึ้นมาของอีกฝ่ายแล้วก้มลงไปทำเช่นเดียวกันกับเจ้าตัวที่นอนแผ่อยู่ด้านล่าง

'จุ้บ'

ที่มุมปากของเจ้าเหมียวทั้งสอง เขาได้กดริมฝีปากลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทีนี้ก็...
"ขอบคุณที่พาฉันมาดูดอกไม้ไฟนะองค์หญิง คุณองครักษ์.."

เขายิ้มให้แมวทั้งสองตาหยีแล้วคว้าจับอุ้งเท้าทั้งสองเอาไว้

เขาแอบรู้สึกกลัวในสิ่งที่ตัวเองจะเห็น

แล้วลืมตาขึ้นมา

"..."

แย่แล้ว

ใบหน้าที่อาบแสงดอกไม้ไฟที่ยังคงดำเนินต่อไปนั้น

กลายเป็น'กึ่ง'มนุษย์ทั้งสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ผ่าง!!!

น้องรู้แล้วววว!!!

แต่รู้แค่ [How to ทำให้'ตัวเอง'เห็นแมวเป็นคน]ได้นะ! ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นคน + ยังฟังไม่ออกอยู่ดี

เพราะจริงๆแล้วฟิคนี้ควรจะสั้นแบบตอนเดียวยังไงล่ะ55555 เรื่องเลยเดินเร็วๆ555

คิดว่าทาเคมิจิจะทำยังไงกับจุ้บเปลี่ยนร่างแมวของตัวเองดี?
ว้าย โพลออกว่าพิฮั่นเป็นสายขิง!

คิซากิหน้ามืดหมดแล้ว ถ่ายแมว(?)มาให้ดูอยู่ได้ทั้งวัน! ใครจะไปอยากเห็น! ไม่ต้องส่งมาอีกนะ รกเครื่องไปหมดแล้ว! อะไรใครเซฟรูปไม่มี มั่ว ใครจะไปเซฟ มีแต่รูปน่าเกลียดๆทั้งนั้น! แล้วเสียงแมวจะส่งมาทำไม ร้องเหมียวๆน่ารำคาญอยู่นั่น ใครจะกดฟังทั้งวั--
*แฮ่ม จริงๆก็คือจะมาต่อเมื่อคืนตามปกติแต่ถึงบ้านก็น็อกเลยค่ะ55555 ไม่ทันได้อาบน้ำก็เรียบร้อยก่อน...*

ทาเคมิจิมองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ตัวแข็งทื่ออยู่ด้วยแววตาตกตะลึง

คุณองครักษ์มีรูปลักษณ์เป็นเด็กหนุ่มตัวสูงชะลูดที่ดูน่ากลัว

เขาไล่นิ้วไปบนรอยสักของคนข้างตัวด้วยความตราตรึง
ใบหูสีทองกระดิกและเบียงหลบมือของเขา ให้ความรู้สึกอ่อนนุ่มแก่เด็กหนุ่มขึ้นมาเล็กน้อย

เขาสัมผัสเข้ากับเส้นผมยาวที่ถูกทักทอเป็นเปียสีทอง

และใบหน้าที่ก็ดูจะตกตะลึงพอๆกับเขา

"คุณองค์รักษ์เนี่ย เท่จังเลยน้า"

เขาคงไม่มีวันเดาได้เลยว่าภายใต้รูปลักษณ์แมวป่าเซอร์วัลจะเป็นเช่นนี้
อีกฝ่ายดูจะสะดุ้งเล็กๆกับคำชมของเขา อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นแมวที่หวงตัวกว่าเจ้าหญิงมากก็เลยไม่ชอบให้แตะตัวได้ตามใจชอบ

"มาว.."

ริมฝีปากของอีกฝ่ายกล่าวสิ่งที่เขาไม่เข้าใจออกมาขณะที่หลบตาไปด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีจางๆ

เป็นเสียงแหบพร่าชวนให้เขินขึ้นมาในบรรยากาศที่โรแมนติกเกินคาดเช่นนี้
'ม้าว!'

ก่อนที่จะมีเสียงอีกเสียงทักท้วงขึ้นมาแล้วตระครุบพวกเขาเข้าให้

"เจ้าหญิง--ไม่เอาน่า"

ทาเคมิจิมองร่างแมวเหมียวที่ว่าคร่อมตัวเองอยู่ในสภาพขนฟู หูชี้ หางตั้ง!

เขาได้ยินเสียงคล้ายๆเสียงถอนหายใจดังจากด้านหลัง

'มาว'
'ม้าว!'
'มาว!'
'ม้าว!'
ทาเคมิจิมองสองแมวเถียงกันเป็นเรื่องเป็นราว คอหันไปหันมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย???

แต่ท่าทางกระวนกระวายใจของเธอ--ไม่สิ เป็นเขาไปแล้วนี่นา?

พอนึกถึงใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กหนุ่มที่ผมสีทองฟูนุ่มน่าสัมผัส ทาเคมิจิก็พึ่งมานึกได้ว่าแมวหนุ่มคงจะไม่ได้เป็นแมวสาวมาตั้งแต่แรก?
แบบนี้จะยังควรเรียกว่าเจ้าหญิงอยู่รึเปล่านะ?

แม้จะคิดเช่นนั้นแต่เมื่อเห็นท่าทางไม่สงบของเจ้าตัวเล็กเข้า แม้ว่าจะไม่รู้สาเหตุแต่เขาก็ดึงเจ้าเหมียวตัวน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมแขนให้เธ--เขาได้สงบใจลง

"ไม่เป็นไรนะคะ...เด็กดีๆ"

ทาเคมิจิกล่อมมันซ้ำๆจนเสียงเหมียวๆจางหายไป
เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบหลังแมวหนุ่มวนเป็นวงกลมในขณะที่อีกข้างก็สอดไปเกาที่ข้างหัวคุณองค์รักษ์เบาๆ

แม้ว่าการเห็นอะไรบางอย่างไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้นจะน่ากลัวอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นอันตรายอะไรถ้าหากว่ามันจำกัดอยู่แค่เรื่องแมวเท่านั้น

...หวังว่าอ่ะนะ...
ดอกไม้ไฟจบลงแล้ว

ท้องฟ้ามืดมิดจนเหลือเพียงแสงไฟข้างทางและแมวทั้งสองที่สงบลงจนเกือบจะหลับแทนทำให้เขาหัวเราะขึ้นมาเบาๆ

"เอา แยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้ว"

เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจที่นั่งอยู่ที่เดิมมานาน

เจ้าเหมียวองครักษ์มองเขาตาปรือๆโดยที่มีเจ้าหญิง--? นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ
น่ารักกกกก โอ๊ยใจฉันนนน

ทั้งที่เวอร์ชั่นมนุษย์ออกจะเท่ทั้งคู่เลยแท้ๆน้า

ทาเคมิจิหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปทั้งสองตัวเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม

แสงแฟลชทำให้คุณองค์รักษ์ทำหน้าเหมือนขมวดคิ้วใส่เขาแล้วลุกขึ้นเพื่อแบกเจ้าหญิงขึ้นหลัง!!

พระเจ้าช่วย

อะไรจะน่ารักกันขนาดนี้ ฮือ--
ทาเคมิจิเดินกลับไปที่ถนนพร้อมๆกับเจ้าเหมียวทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

พวกเขาจากกันทั้งแบบนั้น

โดยที่ไม่ได้รู้เลย..ว่าในอนาคตอันใกล้ ในตอนที่พวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง

จะเป็นตอนที่เขาได้เห็นองค์รักษ์ที่แสนอ่อนโยนตัวนั้นนอนจมกองเลือดอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายในลานจอดรถในวันงานเทศกาล...
ดราเค่นที่แบกไมกี้ไว้บนหลังซ้อนอีกฝ่ายลงกับจักรยาน

ความรู้สึกตกใจที่ถูกจุ้บเข้าที่มุมปากค่อยๆตกตะกอนลงในใจเขาช้าๆ

...ตั้งแต่ที่ถูกจับจูงหาที่พึ่ง
ตอนที่ถูกสัมผัสนุ่มนิ่มลากผ่านเส้นผมและรอยสัก
ท่าทีอบอุ่นที่เปิดเผยให้เห็นจนทำตัวไม่ถูก

เขาอาจจะพอจะเข้าใจขึ้นมาแล้วก็ได้
ความรู้สึกของไมกี้เมื่อวันก่อน

ดราเค่นลูบหน้า ไม่คิดอยากส่องกระจกเพราะกลัวว่าอาจจะเห็นมันเข้าก็ได้

สีหน้าของตัวเองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ไม่ก็หัวใจที่ฝังตัวอยู่ในดวงตาตัวเองเช่นเดียวกับที่ได้เห็นคนข้างหลังประสบมา
.
.
.
"ไมกี้"
"..บางทีแล้วฉันเองก็อาจจะเริ่มถลำลึกอีกคนแล้วก็ได้"
จริงๆแล้วจะมาต่อเทนจิคุแต่มันรู้สึกค้างคาหน่อยๆเลยขอต่อนี่ก่อนแล้วกันค่ะแฮ่

บอกก่อนว่ายังไม่มีใครรักแบบ'รัก'เลยนะ แต่เริ่มชอบกับสนใจในเชิงชู้สาวขึ้นมาบ้างแล้ว😳 ทุกคนยังเด็กและอ่อนประสบการณ์ล่ะ!!

อยากเล่นโพลเหมือนปกติจุงแต่ขอเคลียร์โพลก่อนๆก่อนนะ555

Also แงวๆที่โดนตกไปแล้ว :
ขอเวลาหาอะไรกินซักครึ่งชั่วโมงนะคะ🤔 ใครแอบๆมารอขอรับบทแม่ไล่ไปนอนเลยแล้วกันค่ะ5555

อุ้ย👀 อยากให้จุ้บแมวหมดเลยเหรอคะ ป่ะเปลี่ยนแนวเรื่องเป็นโปเกม่อนก่อนมั้ย ฉันจะต้องตก(?)โปเกเมี้ยวทุกตัวให้ได้เลย!!
ตอนที่เขาเบื่อๆและออกมาเดินตรวจตรา(จริงๆแค่มาเดินเล่น)กับคาคุโจในถิ่นของตัวเอง คุโรคาวะ อิซานะไม่ได้คิดว่าจะได้มาเห็นอะไรแปลกๆเข้าในวันนี้

อะไรที่แปลกน่ะเหรอ?

ก็...เจ้านั่นไง
ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วที่อิซานะได้นั่งมองคนที่กำลังถูกลูกน้องของเขาตื้บอยู่กลางวงนักเลงชุดแดง

มันก็คงจะไม่แปลกนักหรอกถ้าหากว่าไอ้เวรนั่นมันจะลงไปนอนคุดคู้อยู่บนพื้น พยายามหนีหรือไม่ก็ตอบโต้อะไรสักอย่าง แน่ล่ะ เรื่องปกติแบบนั้นจะไปน่าสนใจอะไร

แต่เปล่าเลย
"มันทำอะไรของมัน?"

เขาถามขึ้นมาลอยๆและได้รับคำตอบโดยเบี้ยปลายแถวแถวนั้นว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมาตกอยู่ในสถานการณ์นี้

...มันมาช่วยหมาที่กำลังโดนคนของเขาแกล้งเนี่ยนะ?

แล้วพวกเบี้ยมันว่างมากรึไง ไปไถเงินคนมาเข้าหน่วยยังจะมีประโยชน์มากกว่า

คงต้องให้ชิออนมันอาละวาดใส่สักรอบ
ถ้าได้ตัวทำเงินดีๆมาเข้าแก๊งสักคนก็คงดี พวกปลายแถวนี่เกะกะลูกตาเป็นบ้า

เจ้าของผมสีบลอนด์ซีดจนเกือบขาวมองพวกเบี้ยที่แค่เตะคนที่ดูอ่อนแอยิ่งกว่าไส้เดือนให้ล้มยังทำไม่ได้ด้วยความรู้สึกรำคาญสายตา

"จะทำตัวเป็นหมาหมู่ใส่น้องหมาแบบนี้ไม่ได้นะ น้องกลัวหมดแล้ว"
...มันสั่งสอน(แบบสั่งสอนจริงๆ)เบี้ยของเขาระหว่างที่กำลังถูกเตะต่อยแบบไม่กลัวตาย

เขามองมันปลดเชือกออกจากคอหมาต้นเรื่องแล้วปล่อยมันไปทั้งอย่างนั้น

ชุดสีแดงกับตราเท็นจิคุบนหลังพวกเบี้ยเองก็ดูจะไม่มีผลอะไรกับมันเลย

กำลังจะบอกว่าแก๊งของเขามันก็แค่นี้งั้นเหรอ?
ในเมื่อมาหยามกันให้เห็นถึงที่แบบนี้..

อิซานะลุกขึ้นยืน ดวงตาสีกล้วยไม้วางโรจน์ด้วยความไม่พอใจ

ปกติแล้วราชาอย่างเขาจะไม่ลงมือเอง

แต่ตอนนี้มีแต่พวกไม่ได้เรื่องอยู่รอบตัว แถมไอ้เบี้ยมือไม้อ่อนแรงนู่นเองก็ไม่จัดการมันสักที

ในเวลาที่ต้องการพวกไฮทานิก็หายหัวไปไหนไม่รู้
หัวทุยๆของคนผมทองที่ยังคงหันหลังให้กับเขายังคงรับมือกับพวกเบี้ยนับสิบได้อย่างสบายๆ

มาจากแก๊งไหนอีก?

คงจะไม่ใช่...

"ทำไมถึงนิสัยเสียแบบนี้ ฉันจะแบ่งของกินให้แท้ๆเลยนะ--"

ผัวะ!

ขาของเขาตวัดเข้าใส่เด็กหนุ่มตรงหน้า!

แต่มัน..กลับเข้าไม่ถึง?

เบี้ยที่พากันเปิดทางให้มองขาเขาตาค้าง
พ่อพระเจ้าของร่างค่อยๆหันกลับมามองเขาด้วยสายดวงตาฉงน

และเมื่อพวกเขาสบตากันรอยยิ้มสบายๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ--

"...ชิน"

ภาพที่ซ้อนทับกันครู่หนึ่งทำให้อิซานะนิ่งงันไป

และเวลาแค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะให้อีกฝ่ายยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาทัดผมที่ปรกตาของเขาเข้าที่ใบหู

"ว่าไงคะ..คนสวย?"
ดวงตาสีฟ้าที่หรี่ลงมองเขาด้วยแววตาสนใจนั้นไม่ถูกต้อง

ผมสีทองฟูนุ่มนิ่มนั่นเองก็ไม่ถูกต้อง

แต่เรื่องที่อีกฝ่ายทำตัวเป็นคนดีแม้จะท่าทางเหลาะแหละ สู้ไม่ได้เรื่องและคำพูดเลี่ยนๆตอนจีบสาว(?)นี่...

อิซานะปัดมือนั้นทิ้ง

"แกเป็นใคร"
น่าหงุดหงิด

ทั้งที่รู้สึกเหมือนชิน แต่กลับพูดด้วยท่าทีกวนโอ๊ยเหมือนกับรัน

เด็กหนุ่มที่ว่ามองมือตัวเองที่ถูกปัดและไม่ได้ตอบอะไรเขานอกจาก

"ดุจังเลยนะคะคุณขาวมณี"

และ

"ชักอยากจะรู้แล้วสิคะ"

มือข้างเดิมเอื้อมกลับขึ้นมาแตะที่ปลายคางของเขาด้วยรอยยิ้ม

"ว่าจริงๆแล้วเป็น'คน'ยังไง?"
ทาเคมิจิมาเที่ยวโยโกฮาม่า

เอาจริงๆจุดประสงค์ก็คือไชน่าทาวน์ที่นั่น

เขาอยากกินอาหารจีนมากๆ ก็เลยหาเรื่องมากิน(...

จริงๆก็ชวนพวกมิโซจูมาด้วยแต่พวกนั้นอยากเล่นเกมใหม่ที่มาโคโตะพึ่งได้มามากกว่า คนเดียวที่พอจะสนใจเองก็คือทาคุยะที่โดนสั่งให้อยู่บ้านเฝ้าน้องสาวตัวเล็กดีๆ
สุดท้ายทาเคมิจิที่เป็นหมาหัวเน่าก็เลยกะว่าจะถ่ายรูปอาหารเด็ดๆส่งไปยั่วจนพวกนั้นหิวตาย

แต่ก็นะ ไม่ว่าจะที่ไหนปัญหาเรื่องแมวๆก็ตามติดเขายิ่งกว่าขี้ปลาทอง

ระหว่างที่(หลงทาง)พยายามตามหาร้านเด็ดดวงที่เห็นในฟู้ดบล็อกเกอร์ เขาก็เห็นภาพแมวหมู่ที่กำลังรังแกหมาที่ถูกล่ามไว้เข้า...
...แมวนิสัยเสียสมัยนี้มีเยอะจริงๆ จะในโตเกียวหรือที่นี่ก็ดูจะไม่ต่างกันเสียเท่าไหร่

แน่นอนว่าเขาก็ได้เข้าไปช่วยเจ้าหมาน้อยผู้น่าสงสารตัวนั้นไว้

ถึงจะปล่อยมันไปแบบไม่ได้รับอนุญาตก็เถอะ แต่มันก็คงดีกว่าปล่อยให้มันถูกฝูงเหมียวที่ขู่ฟ่อแฟ่ดรุมทึ้งอยู่ตรงนี้แบบหนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี
แปะ!

ระหว่างที่กำลังดุเหล่าเหมียวๆอยู่ขาของเขาก็ถูกอุ้งเหมียวมหาประลัยฟาดเข้าให้!

ทั้งยังเป็นด้วยขาหลัง ท่ายากเสียด้วย!

เนโกะคิ๊ก!

ทาเคมิจิแทบจะลืมความขุ่นเคืองเรื่องแมวหมู่ไปเมื่อได้เห็นแมวเหมียวขาวปลอดด้านหลัง

สวย

นั่นเป็นคำเดียวที่คิดออกเมื่อดวงตาสีม่วงนั้นมองสบกลับมา
เพราะแบบนั้นคำเรียกขานที่ตั้งให้ในใจก็เลยถูกใช้ออกมาอย่างไม่ลังเล

"ว่าไงคะคนสวย?"

...ใครจะไปอดใจเรียกอย่างอื่นไหว(... ปากเองก็เผลอยิ้มกริ่มออกไปจนให้ความรู้สึกเหมือนกำลังหยอกล้อเหมียวสวยขาตรงหน้า
แน่นอนว่าเพราะได้ใจกับการได้สัมผัสแมวเหมียวโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสักครั้งในช่วงหลังๆมานี้ มือของเขาก็เลยเลื่อนไปเกลี่ยที่ข้างใบหูของมันด้วยความเคยชินจนห้ามตัวเองไม่ทันเสียแล้ว

เขามองดวงตาที่เหมือนกับหินอเมทิสต์หรือดอกกล้วยไม้? แพขนตาสีขาวนั้นกระพริบทีเขาก็รู้สึกเหมือนจะวูบที
แม้ว่าเธอคนนี้เองก็ดูจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียเท่าไร

ป้าบ!

มือของเขาถูกอุ้งตบเข้าให้!

..ก็สมควรอยู่

..แล้วเขาควรจะเริ่มกังวลมั้ยถ้านั่นมันทำให้เขามีความสุขกว่าที่คิด...?

แฮ่ม

แต่ถึงเขาจะโกรธหรือตกใจที่ถูกตบแต่แค่มองดวงตาถือดีคู่นั้น ใครจะไม่ยกโทษให้ไหว?

"ดุจังเลยนะคะคุณขาวมณี"
ทาเคมิจิเอ่ยด้วยรอยยิ้ม คิดว่าถ้าได้เจ้าเหมียวตัวนี้กลับบ้านไปเลี้ยงด้วยเขาก็คงตามใจมันจนเสียแมวเหมือน'น้อง'หรือ'ที่รัก'ไปด้วยอีกตัว

พวกมันเมินอาหารแมวของเขาโดยสิ้นเชิงแล้งตอนนี้(...

เขาแอบถอนหายใจในใจ...แต่ก็ถูกภาพเจ้าหญิงและองค์รักษ์ในร่างมนุษย์ลอยขึ้นมาอีกสองตัว
แอบอยากรู้แฮะว่าสองตัวนั้นจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน? สาวน้อยผมยาวขี้อาย? น้องตัวเก็งก้างผมสีน้ำตาลทองเอาแต่ใจ?

เขามองคนสวยขาตรงหน้าที่ส่งเสียงขู่ฟ่อแฟ่น่ารักออกมาให้ได้ยิน

"ชักอยากจะรู้แล้วสิคะ"

ทาเคมิจิกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาก็หรี่ลงพิจารณาและจินตนาการร่างมนุษย์ของแมวตรงหน้า
มือที่ไม่เข็ดหลาบต่อคำเตือนใดๆเชยคางแมวเหมียวตรงหน้าขึ้นมาพร้อมเกามันเบาๆอย่างงอนง้อ

"ว่าจริงๆแล้วเป็น'คน'ยังไง?"

พลั่ก!

กล่าวยังไม่ทันจบดีเขาก็ถูกพลักจนล้มตึงโดยอะไรบางอย่างแดงๆที่วูบไหวเข้ามาอยู่ในสายตา

เขามองใบหน้าของผู้ที่ขึ้นคร่อมเขาแล้วง้างหมัดขึ้นด้วยสีหน้าวาวโรจน์
ดวงตาสองสีสบเข้ากับคู่สีฟ้าแสนคุ้นเคยในอดีต

ทาเคมิจิที่ตื่นตระหนกหลับตาลงแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลยขึ้นมา

คนที่คร่อมเขาเอาไว้ดูจะตกตะลึงมากกว่าเขาที่อยู่ๆก็เกือบถูกตีเสียอีก

ทาเคมิจิที่สงบลงกับใบหน้าตลกๆนั้นนิ่งไปและพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาที่เหลอหลาผิดกับเมื่อครู่
ดวงตาสองสีที่โดดเด่นพอๆกับรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

หัวเกรียนๆกับสีหน้าเช่นนั้นปลุกบางอย่างในความทรงจำที่ขวนให้คิดถึงขึ้นมา

...

"เหมียว"

ทาเคมิจิลองเอ่ยขึ้นในขณะที่มองใบหน้านั้นค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน

"โฮ่ง"

รหัสลับของพวกเขาสองคนที่สัญญาไว้ว่าจะไม่บอกให้ใครอื่นได้รู้
รอยยิ้มสว่างไสวดั่งดวงตะวันฉายแสงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ที่ถูกกดลงกับพื้นสกปรก

"คาคุจัง!"

และรอยยิ้มที่อิซานะไม่เคยเห็นว่าถูกส่งมอบให้ใครอื่นนอกจากตัวเขาเองก็เช่นกัน

"ทาเคมิจิ!"

แล้วร่างทั้งสองก็โผเข้าหากันกลายเป็นภาพแสนน่าประทับใจ
.
.
.
อิซานะ...ไม่ประทับใจกับสิ่งนี้
อยากลองเขียนทาเคมิจิในมู้ด ✨แพรวพราว✨ ดูหน่อย ออกมาไม่เลวเหมือนกัน👀✨ แต่ทำไมได้ฟิลมาโซ5555555

ขอแจ้งเตือนนายอิซานะว่านายอย่ารว้ายมากถึงจะสวยตาแตกแต่เดี๋ยวโบ้ฟฟฟ

คาคุโจที่เป็น 'มนุษย์' ปรากฏกาย!
รหัสลับน่ารักมากไม่ไหว แมวจ้มกับลาบราดอร์ในอดีตของเขา🥺♥️✨ Image
อดใจไม่ไหวมาเล่นโพลกันต่อเถอะ5555555555/เข้าสมาคมคนติดโพล👀...

คุณคิดว่าเหมียวสวยขาจะทำยังไงกับวิกฤต(?)การโดนแย่งหม๋าบ้านผู้ซื่อสัตย์!
พวกเขาเข้ากันได้ดีจนน่าอิจฉา

...หรืออย่างน้อยสายตาของคนสวยขาที่หวงทาสเอาเรื่องก็บอกผมมาแบบนั้น

ทาเคมิจิลอบยิ้มซุกซนให้เจ้าเหมียวสีขาวปลอดที่กำลังทำหน้าเหมือนกำลังคิดว่าจะตีเขาด้วยอะไรดี

...ช่างเป็นสาวน้อยที่ขี้หวงจริงๆเลยน้า

อย่างน้อยในเรื่องนี้คาคุจังก็น่าอิจฉาจัง
คาคุจังแนะนำเธอให้ผมรู้จักในฐานะเจ้าชีวิต

สิ่งมีชีวิตอย่างเดียวบนโลกที่ทำให้เขาเติบโตมาจนถึงจุดนี้ได้

ไม่คิดเลยว่าเด็กที่ยิ้มแฉ่งเมื่อตอนที่เราผูกผ้าคลุมสีแดงแล้ววิ่งไปทั่วด้วยกันในวันนั้นจะผ่านเรื่องราวมากมายมาหลังจากที่ย้ายบ้านไป

ทาเคมิจิน้ำตาแตกแทนเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
"ฮือ คาคุจังงงง ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่ตรงฮืออออ--ตรงนี้เป็นเพื่อนเสมอเองนะฮึก"
"อุบ--แกนี่ยังขี้แยเหมือนเดิมไม่มีผิดเลยไม่ใช่รึไง"

รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความคิดถึงอบอุ่นและความเจ็บปวดเมื่อนานมาแล้วทำให้เขาแหกปากหนักยิ่งกว่าเดิม

"ไม่ต้องร้องเพื่อฉันหรอกน่า เรื่องมันก็นานแล้ว"
ทาเคมิจิสัมผัสกับใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่พาดผ่าน

คาคุโจหลุบตาลงและปล่อยให้เขาแตะต้องมันได้ตามใจ

จะต้องเจ็บปวดมากถึงขนาดไหนกัน?

ภาพที่เด็กตัวเล็กๆที่บาดเจ็บหนักตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลด้วยตัวคนเดียวและได้รับข่าวเรื่องครอบครัวตัวเองได้จากไปแล้ว ทำให้อกเขาปวดหนึบไปหมด
ครอบครัวของคาคุจังนั้นจะบอกว่าเพอร์เฟคก็ไม่ผิด

...อย่างน้อยก็ในสายตาของทาเคมิจิในตอนนั้นล่ะนะ

เพราะแม้ว่าคาคุจังจะอ่อนแอจนโดนรังแกบ่อยๆแต่เมื่อพวกเขาได้เจอกันอีกครั้งบาดแผลของอีกฝ่ายก็จะได้รับการดูแลรักษาต่างกับทาเคมิจิไม่มีใครคอยดูแลเสียเท่าไรจนมีรอยแผลเป็นเล็กๆประปรายตามตัว
ไฟบ้านของคาคุจังมักจะเปิดอยู่เสมอและทุกครั้งที่เขาไปเล่นด้วยก็จะมีผู้หญิงท่าทางใจดีมาเปิดประตูต้อนรับพวกเขาด้วยความอบอุ่น

กลิ่นของคุกกี้รสช็อกโกแลตชิปที่พึ่งอบเสร็จใหม่ๆคือกลิ่นที่เขามักจะนึกถึงเมื่อคิดถึงเพื่อนสมัยเด็กคนแรกของเขา

น่าเสียดายที่สถานที่แห่งนั้นมันไม่มีอยู่อีกแล้ว
'ความเจ็บปวดจงหายไป'

ระหว่างที่คิดว่าพรที่เคยขอไปนั้นงี่เง่าแค่ไหนเทียบกับสิ่งที่จะขอให้เพื่อนคนนี้ได้ ประโยคการปัดเป่าความเจ็บปวดเมื่อยังเด็กก็ดังสะท้อนขึ้นมาในหัวของเขา

แม้ว่าจะสายไปเกือบสิบปีแล้ว

ทาเคมิจิทำท่าเหมือนกำลังหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากรอยแผลและดวงตาสีขาว
เขาอัดมันเป็นก้อนกลมๆท่ามกลางสายตาสองคู่ของหนึ่งคนและหนึ่งแมว

"นี่ความเจ็บปวดของคาคุจังล่ะ"

เขาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะทำท่าส่งมอบมันให้เจ้าเหมียวที่ยังคงมองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

"จัดการให้ทีนะคนสวย อย่าให้เหลือซากล่ะ!"

เขายิ้มกริ่มที่เห็นเธอมองกลับมาด้วยสายตาดูถูก
ก่อนจะยกอุ้งเท้าจองเธอขึ้นมาง้างออก--

"ความเจ็บปวดดด--"

แล้วปาออกไปพร้อมกัน!

"จงหายไป!!"

มันเป็นแค่เพียงพิธีกรรมของเด็กโง่ๆที่เชื่อว่าความเจ็บปวดสามารถถูกปั้นเป็นก้อนกลมๆแล้วปาทิ้งไปได้ง่ายๆ
แต่เมื่อคาคุโจได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มกริ่มของเพื่อนสมัยเด็กและใบหน้าดูถูกดูแคลนของราชาของตนที่ทำมันด้วยกันอย่างไม่เต็มใจเท่าไรแล้ว

"ฮะๆๆ! แบบนี้ต่อให้เป็นบาดแผลแบบไหนก็ต้องดีขึ้นแน่ๆใช่มั้ยล่ะ! คาคุจัง!"
"ไอเวรนี่ ทำบ้าอะไรของแก--"

ความเจ็บปวดในอดีตก็เหมือนจะคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์
"อ่า"
เด็กหนุ่มตาสองสีตอบรับ

"งี่เง่าจริงๆเหมือนเดิมไม่มีผิดจริงๆนั่นแหละ..ทาเคมิจิน่ะ"
"เฮ้!"
"เหอะ.."

แต่รอยยิ้มจริงใจที่ตอบรับกลับมาให้ได้เห็นนั้นก็เป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย

ดูเหมือนว่าฮีโร่ขี้แยที่ห่างหายไปนานของคาคุโจจะยังคงมีเวทมนตร์ที่สามารถเรียกมันออกมาได้เหมือนเดิม
กำแพงที่สูงชันของเหมียวสวยขาดูจะลดลงมาเล็กน้อยหลังจากนั้น

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงส่งสายตาเหมือนอยากจะเฉือนผมเป็นชิ้นๆมาให้อย่างไม่หยุดยั้ง

น่าเสียดายที่ผมชอบตอนที่เธอสนใจผมมากกว่าตอนเมินเฉยกันไปเฉยๆ

ทุกครั้งที่คาคุจังสนใจอย่างอื่นผมก็เลยหันไปแอบหยอกเธอที่ตามติดคาคุจังหนึบ
คาคุจังพาพวกเราไปร้านอาหารจีนที่ผมตามหา ตอนแรกก็คิดว่าเหมียวสวยขาจะเข้าไม่ได้แต่ก็ดูเหมือนจะเดินฉุยฉายเข้ามาได้สบายๆ

เฮ้อ ความสวยของเธอช่างเป็นบาป กระทั่งป้ายห้ามสัตว์เลี้ยงเข้าก็ยังทำอะไรเธอไม่ได้

แถมดูเจ้าของร้านจะชอบเธอกับคาคุโจมาก ยังไม่ทันสั่ง ของก็มาเสิร์ฟแล้ว
แต่เพราะของที่มาเสิร์ฟมีแต่ของดีๆทั้งนั้น ผมที่มีเงินอยู่ไม่เท่าไรก็แอบเหงื่อแตกอยู่เหมือนกัน

"ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะครับ ท่านอิซานะ"

...อิซานะ?

'เหมียว'

เหมียวสวยขาส่งเสียงร้องขึ้นมาคำหนึ่ง...ก่อนที่คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการร้านจะถอยออกจากห้องไปอย่างนอบน้อม???
...นี่มันทาสแมวขั้นแอดวานซ์???

เขายังคงห่างชั้นกับคุณผู้จัดการ!!!

คาคุจังเห็นผมมองเหมียวสวยขาอย่างสงสัยก็ยกยิ้มขึ้นมาให้เห็น

"วันนี้ทางนี้จะเลี้ยงเอง นายดื่มอะไรเป็นมั้ย?"

ของที่ดูเหมือนเหล้ายาจีนอะไรสักอย่างถูกรินใส่จอกส่งมาให้

มันดูน่าสงสัยใช้ได้ แต่ไม่ลองก็คงไม่รู้
...นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิด

เพราะนอกจากจะภาพตัดจนจำรสชาติอาหารจีนน่าอร่อยที่อยากมากินไม่ได้แล้ว..เมื่อผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...

สถานที่ที่ผมอยู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว

มันกลายเป็นห้องขนาดใหญ่ในร้านคาราโอเกะราคาแพงที่มีแสงสีเสียงครบชุด

แต่ไอ้สิ่งที่น่าเป็นห่วงเสียยิ่งกว่านั้น...
ก็คือร่างของคนแปลกหน้าที่ดูจะอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันที่คร่อมอยู่บนตัวผมในตอนนี้ไม่ผิดแน่!

ฝ่ามือชื้นเหงื่อของพวกเรากำลังสัมผัสกันอย่างแนบแน่น

เส้นผมสีอ่อนลู่ลงตามกรอบหน้าที่กำลังมองต่ำลงมา

ดวงตาสีม่วงที่มีแพขนตาสีอ่อนประดับอยู่รอบๆนั้นเมื่อสบแล้วก็นึกออกแค่เพียงคำๆเดียว

สวย
ทาเคมิจิมองใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของผิวสีแทนสวยกำลังยิ้มกริ่มส่งมาให้ราวกับแมวที่พึ่งได้กลืนนกคานารี่ตัวอวบอ้วนลงท้องไป

มือที่จับกันแนบแน่นและถูกยึดไว้เหนือหัวของตัวผมเองกระตุกเหมือนกำลังได้รับรู้ถึงลางร้าย

แล้วริมฝีปากนั้นก็เอื้อนเอ่ยบางอย่างออกมา

"เหมียวๆ มาเธอร์ฟักเกอร์"

เอ๊ะ?
อุ่ย👀

คนสวยขา ฟกเ้าสส กลายเป็นคนสวยขาแล้ว!! ย้ำ!! กลายเป็นคนสวยขาแล้ว!! แถมยังเป็นคนสวยขาที่พูดได้ด้วย ฟฟกกด้้่--

ในตอนที่ภาพตัดมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ...?

คิดว่าแมวจ้มจะรอดเงื้อมือมาร--แมวสวยขาหรือไม่...?
ตอนแรกคิดว่าจะมาต่อทันเที่ยงคืน แต่ยังนั่งปั่นงานได้ครึ่งเดียวอยู่เลย555 วันนี้ของดก่อนนะคะ🙇‍♀️/เดดไลน์พรุ่--วันนี้ล่ะ(.../ไม่ร้อง

...ขอแอบบอกด้วยว่าตอนต่อไปก็คงไปต่อเนื้อเรื่องหลักอยู่ดีเพราะมีคนจับไต๋ผมได้อย่างนึงเลยอยากรีบเขียนฉาดนั้น😂💦

จงค้างกับคนสวยขาไปเสียเถอะ!!😇✨✨
ด้านบนนี่เราอยากรวมเธรดไปแก้ที่อื่นง่ายๆเฉยๆนะคะ ไม่ต้องสนใจนะ น่าจะยังแต่งที่นี่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะแจ้งอีกอย่างนะคะ!

วันนี้เราว่าจะลองแก้ไขบางส่วนดูนะ(ตอนยังมีไฟ🔥) เพื่อฮึบพลังมากพอไปลงรอร.ไหว555 + ทายซิใครไม่ได้นอน🌝 วันนี้ยังไม่มีต่อนะคะ แต่จะมาต่อพรุ่งนี้แน่นอนค่ะ!!!🙇‍♀️
ชีวิตดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆในความรู้สึกของทาเคมิจิ

ตาของเขาหายดีแล้วและพวกคิโยมาสะเองก็เงียบหายไปหลังจากวันนั้น

กับฮินะเองก็ได้คุยกันผ่านๆบ้างแล้วเหมือนกัน

พวกเขาเรียนอยู่ที่เดียวกัน ห้องข้างๆกันถึงจะเลี่ยงแต่สุดท้ายก็ยังได้เจอกันเหมือนเดิมอยู่ดี
..แต่ที่พวกเขากลับมาคุยกันจริงจังได้ก็คงเป็นเพราะรูปที่ตั้งหน้าจอมือถือของเขานี่แหละ

“อ๊ะ น่ารักจัง”

เธอเดินมาหยุดที่ด้านหลังของเขาที่กำลังนั่งเปิดปิดมือถือฝาผับของตัวเองเล่นอยู่ในห้องเรียนรอทาคุยะและมาโคโตะที่ถึงรอบไปซื้อน้ำและขนมปังที่ร้านขายของในโรงเรียนมาให้คนอื่น
จริงๆแล้วคาซึชิกับอั๊คคุงก็ต้องอยู่ด้วยแต่คนแรกแวะไปคุยกับพวกรุ่นพี่(เพื่ออัปเดตข้อมูลนักเลง) ส่วนคนหลังนั้นไปเข้าห้องน้ำ

ทาเคมิจิก็เลยถูกทิ้งไว้คนเดียวประการฉะนี้

แน่นอนว่ารูปที่ถูกทักเมื่อครู่ก็ต้องเป็นภาพของแมวสองตัวที่กำลังนอนพิงกันอย่างน่ารักน่าชังที่ถ่ายเองกับมือยังไงล่ะ!
ภาพของคุณองค์รักษ์ที่มองกล้องเขาตาปรือๆและเจ้าตัวหญิงตัวเล็กที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆน่ะน่ารักเกินไปแล้ว!

รูปตอนขี่หลังก็เหมือนกัน!

“ใช่มั้ยล่–ฮินะจัง..”

ทาเคมิจิที่พร้อมจะคุยเรื่องแมวเสมอนั้นชะงักมือที่กำลังจะเลื่อนไปอวดอีกรูปให้อีกฝ่ายลงเมื่อเห็นว่าคนด้านหลังตัวเองนั้นเป็นใคร
เธอยิ้มเล็กๆให้เขา มือก็ถือเบนโตะของตัวเองเอาไว้

“ขอฉันนั่งด้วยได้มั้ยทาเคมิจิคุง?”

รอยยิ้มและคำพูดของเธอก็ยังคงบีบหัวใจของเขาไม่ต่างจากวันที่ถูกบอกเลิกเลยสักนิด

"...ได้สิ ฮินะจัง.."

เพราะยังไงเพื่อนร่วมห้องเจ้าของที่นั่งที่ว่าก็มักไปกินข้าวที่อื่นอยู่แล้ว?
แต่เธอก็คงไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้นอยู่ดี

พวกเขานั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบที่น่าอึดอัด..จนกระทั่งเธอเปิดปากและเริ่มถามไถ่ว่าเขาเป็นยังไง คุยกันเรื่องสัพเพเหระ..จนมาจบในเรื่องภาพบนจอมือถืออีกครั้ง

“รูปนี้ฉันถ่ายเองกับมือเลย น่าเสียดายที่มาถ่ายเอาตอนที่ดอกไม้ไฟมันจบไปแล้ว”
เขากล่างทั้งหัวเราะแห้งๆขณะที่เกาแก้ม ใจก็คิดไปถึงตอนที่ตัวเองอยู่กับแมวเหมียวสองตัวในรูป

..แค่คิดว่าถ้ามีคนอื่นสามารถเห็นได้เช่นเดียวกับเขาได้แล้วมันจะเป็นยังไงกันนะ?

ต้องมาเห็นคนเห่ยๆอย่างเขากับคนที่ดูเท่แบบนั้นอยู่ด้วยกัน คงให้ความรู้สึกประหลาดๆละมั้ง?
แต่ความรู้สึกเหมือนกับได้รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้แบบนี้ก็น่าตื่นเต้นอยู่เหมือนกันแฮะ?

แม้ว่าทั้งสองตัวจะดูเป็นแมวที่มีเจ้าของอยู่แล้ว(?)แต่สอง'คน'นั้นก็เป็นตัวตนที่ไม่มีใครรับรู้ถึง

เป็นตัวตนที่เป็นของเขาคนเดียว???

พอคิดออกมาแบบนั้นแล้ว...รู้สึกว่าตัวเองเป็นพิษชะมัด..
ถึงจะเป็นสัตว์แต่ก็ไม่ใช่สิ่งของและถึงจะมีเจ้าของ(หรือทาส)แต่จะกระทำเหมือนพวกมันไม่มีชีวิตจิตใจไม่ได้!

ทาเคมิจิฮึดฮัดกับการคิดอะไรประหลาดๆของตัวเอง

...แต่เขาก็อดนึกถึงใบหน้าที่ถูกแสงสีจากดอกไม้ไฟสาดส่องลงมาใส่ตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าของทั้งสองคนเข้าไม่ได้
จากมุมมองบุคคลที่สาม ถ้าหากว่าถูกเห็นเข้าตอนนั้นจะเป็นยังไงกันนะ...?

ใบหน้าของทาเคมิจิขึ้นสีจางๆระหว่างที่ยกหลังมือขึ้นมาปิดซีกหน้าครึ่งล่างของตัวเองเอาไว้

ตัวเขาที่เอนเอียงเข้าไปหาแล้วขโมยจูบมา...
กับตัวเขาที่ยกผมปอยผมขึ้นทัดหูแล้วก้มลงไป...

แค่กๆๆๆ พอแล้ว พอ เลิกๆๆๆ!!
..จะว่าไปถ้าเขาแค่อยากพิสูจน์ จะจุ๊บแค่คุณองค์รักษ์ก็ได้ไม่ใช่เหรอ..?

ตอนนั้นเขาแตกตื่นขนาดไหนกันล่ะนั่น เหอะๆ

“ชอบ..มากขนาดนั้นเลยเหรอทาเคมิจิคุงน่ะ?”

เสียงของฮินะจังที่เขาเผลอลืมไปดังขึ้นข้างตัวจนเขาสะดุ้ง

เธอมองภาพแมวเหมียวสองตัวในจอแล้วถึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“อื้อ! ก็เจ้าตัวที่อยู่ในรูปนะทั้งน่ารักทั้งเท่ขนาดนั้นนี่นา”

ทาเคมิจิยิ้มกริ่มก่อนจะตอบออกไปด้วยความมั่นใจ

ไม่ว่าจะร่างไหนก็ชอบครับ!

..ถึงร่างเหมียวๆจะดีต่อใจเขามากกว่าและนุ่มนิ่มน่ากอดแบบ 10/10 ก็เถอะนะ!

“..งั้นก็ยินดีด้วยนะทาเคมิจิคุง!”

เธอดูมีความสุขที่เห็นเขายิ้มออกมา
และเขาเองก็มีความสุขที่เห็นเธอยิ้มให้เช่นเดียวกัน

“เอ่อ ขอบคุณนะฮินะจัง?”

ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไรว่ากำลังยินดีเรื่องอะไรแต่ก็ขอบคุณไปก่อนแล้วกัน ฮินะจังตอนยิ้มน่ะน่ารักที่สุดแล้วนี่นา

“อ๊ะ พูดถึงดอกไม้ไฟ..ทาเคมิจิคุงอยากจะไปงานวัดด้วยกันกับฉันมั้ย?”
..เจ็บจัง

ทั้งที่พึ่งจะรู้สึกเหมือนตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำได้แต่ขาข้างนึงก็ถูกดึงกลับลงไปอีกแล้ว

มันคืองานเทศกาลที่เขาตั้งใจจะชวนเธอไปก่อนที่เธอจะบอกเลิกกับเขา

“ฉันอยากให้เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะ..ทาเคมิจิคุง”

เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มเศร้าๆเหมือนกับกำลังรอคำปฏิเสธจากเขา
แต่เราไม่เคยเป็นเพื่อนกันเลยนะ…

เขาคิดอย่างนั้น

มันไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้..แต่ตั้งแต่ที่เธอพุ่งชนเข้ามาในใจเขาในวันแรกที่พวกเราได้คุยกัน เธอก็สารภาพรักและเขาที่กำลังตาเหลือกก็ตกลงที่จะคบหาดูใจกับเธอตั้งแต่ตอนนั้น

เราไม่เคยอยู่ในสถานะเพื่อนเลย
เขาเคยเห็นและรู้จักชื่อของเธอแต่ก็ไม่เคยเป็นเพื่อนกัน

ใครจะไม่รู้จักทาจิบานะสุดป็อปห้องข้างๆล่ะ
ทาเคมิจิไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าคนอย่างเธอจะอยากมาเป็นแฟน..หรือเพื่อนเขาไปทำไม

…แต่พอเห็นสีหน้าแบบนั้นของเธอแล้วเขาจะปฏิเสธออกไปได้เหรอ?

“ได้สิ เราไปเที่ยวงานวัดนั่นด้วยกันนะ”
“อื้อ!”
สีหน้าที่เคยได้เห็นทุกวันของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้

เป็นเพื่อนก็ได้

แค่ได้เห็นเธอมีความสุขอยู่ใกล้ๆ..ก็ยังดี..

..จะว่าไปเจ้าพวกนั้นเดินตกท่อกันไปหมดแล้วหรือไง?

คิดอีกที สี่คนนั้นคงแอบนั่งกินข้าวกันอยู่หน้าห้องเพราะไม่อยากมาขัดจังหวะเขากับ..ฮินะแหง

เจ้าพวกบ้าเอ๊ย
*ขอแวะไปกินข้าวแป็ปนะคะ วันนี้ยังมีต่อนะ ยังเขียนไม่ถึงฉากที่อยากเลย5555 แต่ท้องมันเรียกร้องงงง*

...ผลโพลที่ให้พี่คนสวยดูช่ำชองมากไม่ไหว คนสวยแค่อยากสั่งสอนแมวจ้มให้หลาบจำ! หยัมมายุ่มย่ามกับหม๋าแถวนี้อีกนะ! หึฬ (มายุ่งกับฉันดีกว่--/โดนคนต่างหูไพ่คางุระแดนซ์ใส่แบบข้ามเรื่อง???)
ตั้งแต่วันที่มีดอกไม้ไฟ โตมันก็ตกอยู่ในสถานะแปลกประหลาด

จะบอกว่าไมกี้กับดราเค่นทะเลาะกันเหมือนปกติก็ไม่ใช่..แต่เพราะอะไรไม่รู้ถึงได้รู้สึกว่ามีกำแพงบางๆกั้นอยู่เล็กน้อย

ทั้งยังเรื่องที่ถูกเมบิอุสโจมตีมาไม่หยุดไม่หย่อนจนมีคนในแก๊งบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆกันหลายรายแล้ว
แล้วตอนที่พวกเขากำลังหารือเรื่องนี้โอซาไนก็เป็นคนเสนอหน้าเข้ามาให้จัดการได้ง่ายๆถึงที่

แม้ว่าปาจินจะต่อยตีจนแพ้โอซาไนแต่เพราะเพื่อนของเขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าได้นอนโรงพยาบาลไม่กี่คืน สิ่งที่เกิดขึ้นในโกดังก็เลยมีแค่การชกต่อยจนเลือดตกยางออกจนถึงตอนที่ได้ยินเสียงรถตำรวจเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มตัวใหญ่ก็ยังส่งมอบของแปลกๆให้พวกเขาตอนที่หนีจากตำรวจมาได้

“มีคนเอานี่ให้ฉันแล้วบอกว่าถ้าอยากแก้แค้นให้มาซาโตะก็ให้ใช้มันซะ”

มันคือมีดพับดาษดื่นที่หาซื้อได้แถวๆนี้
แต่เมื่อสังเกตดี..มันก็ถูกสลักชื่อๆหนึ่งเอาไว้ภายใน

ฮายาชิดะ ฮารุกิ

ปาทำตาตื่นเมื่อได้ยินมัน
แน่นอนว่ามีดนั่นไม่เคยเป็นของเขา

ไมกี้โยนมันลงไปในแม่น้ำที่พวกเขากำลังเดินผ่านด้วยสีหน้ามืดมิด

“ฉันน่ะโง่ แต่ก็พอมีศักดิ์ศรีอยู่…แพ้ก็คือแพ้ แต่ถ้ามาซาโตะกับอายายะเป็นอะไรไปมากกว่านั้น…ฉันก็คง…”

ปาจินมีสีหน้าละอายที่รับมีดเล่มนั้นมาตอนที่ได้ยินข่าวนั่นจากลูกน้องในหน่วยของตน
ข่าวที่รุนแรงและต่างจากความจริงที่เกิดขึ้นไปมากโขเกือบทำให้เขาขาดสติและทรยศต่ออุดมการณ์ของโตมัน

ทั้งที่ไมกี้เชื่อใจแล้วก็ยังเกือบจะปล่อยให้ความรู้สึกครอบงำไปแล้ว

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้ที่ให้มีดนั้นมาสลักชื่อคนสำคัญของเขาลงไปแทน?

ุุ้ถ้าหากมันเป็นไมกี้ ดราเค่น มิทสึยะ บาจิหรือเป?
ถ้าหากว่าเสียงหวอดังขึ้นผิดจังหวะ ถ้าหากมาซาโตะไม่ได้ถูกคนที่ผ่านช่วยเอาไว้เขาก็อาจจะหันกลับไปทำในสิ่งที่ไม่สามารถย้อนคืนได้แล้วต่อหัวหน้าแก๊งของเมบิอุสโดยที่มีชื่อเพื่อนของเขาอยู่ที่มีดที่เขาเป็นผู้ใช้ใช่รึเปล่า?

เขารู้ว่าตัวเองโง่..แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ไมกี้กอดปาจินโดยที่มีดราเค่นบีบลงบ่าหนา

“ปาจินน่ะ ถ้ามีอะไรก็บอกฉันเซ่! ฉันน่ะเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่สามนะ! เป็นเพื่อนสนิทที่ฉลาดกว่านิดหน่อยของแกไง! ไหนสัญญาว่าจะไม่แยกจากกันเด็ดขาดไงเล่า!”

เปยังตะโกนมาจากด้านหลังของเพื่อนสนิท หัวหน้าหน่วยและคนที่เคารพรักสุดหัวใจ
แม้อีกฝ่ายจะเป็นที่รู้กันว่าไม่ฉลาดเสียเท่าไรแต่เขาก็ภูมิใจและรู้ดี ว่าต่อให้เอาโลกทั้งใบมาแลกเขาก็จะไม่มีวันทิ้งอีกฝ่ายไป

ทั้งที่เคยคิดว่าก็คิดเหมือนกันแท้ๆ

“...เป..”

แต่เรื่องที่อีกฝ่ายคิดจะทำคนเดียวโดยที่ไม่บอกใครแบบนั้น–

“ขอโทษ…ฉันผิดเอง”
ไมกี้ปล่อยเขาออกจากอ้อมแขนเช่นเดียวกับดราเค่นที่ปล่อยมือจากเขา

“ฉันรู้ ก็ปาจินน่ะโง่นี่นา เรื่องแบบนี้ไม่มีทางคิดเองได้หรอกน่า!”

คำพูดประโยคนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นมีสีหน้าอึมครึมยิ่งกว่าเก่า

ใช่

ปาอาจจะชอบต่อสู้แต่เรื่องผลแพ้ชนะจะเป็นยังไง เขาไม่ค่อยได้สนใจนัก
ถ้าหากโมโหการเตะต่อยที่เป็นเรื่องที่ถนัดก็จะถูกหยิบมาใช้

แต่การใช้มีด…ไม่น่าจะเคยอยู่ภายในหัวกลวงๆนั่นเลย

ยังไม่รวมเรื่องที่คนในหน่วยที่สามเป็นคนมอบมีดเล่มนั้นให้และร่วมตัวกันพูดยุยงเขา

แล้วยังมี…ตำรวจ

ตำรวจที่มาได้ตรงเวลาเกินไป
ถ้าหากว่าปาคิดที่จะแทงโอซาไนจริงๆแล้วละก็…จะต้องถูกจับได้แบบคาหนังคาเขาแน่

ทั้งนี่ยังเป็นครั้งที่สองแล้วที่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง…

นี่มันเป็นฝีมือของ...ใคร?
.
.
.
ในแอปเปิ้ลสีแดงสดที่พวกเขารักและหวงแหนยิ่งกว่าสิ่งใด...เริ่มมีหนอนมาชอนไชอยู่ภายใน--

ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
วันงานเทศกาลมาถึงไวเหมือนโกหก

เขาอยู่ในชุดลำลองสบายๆในขณะที่ฮินะแต่งตัวสวยจนเขาต้องหลบตาตอนที่ชมเธอออกไป

"ขอบคุณนะทาเคมิจิคุง! เราไปกันเถอะ"

เธอยิ้มแย้มแล้วเริ่มจับจูงเขาไปด้วยกัน

ภาพซ้อนทับกับสิ่งที่วาดฝันไว้เสียจนขมปี๋

พวกเขาซื้อนู่นนี่ เล่นนั่นนี่และกินนู่นนี่นั่นด้วยกัน
ถึงจะไม่ใช่แฟน แต่ก็สนุกดี

จนกระทั่งพวกเขาได้เจอกับสาวน้อยผมทองในชุดกิโมโนสีน้ำเงินลายดอกทานตะวันสีเหลืองส้ม

ฮินะจังมองตามเธอตาลอย--

"อ๊ะ"

ก่อนที่เธอจะปิดปากเมื่อเห็นว่าใครตีคู่มากับเธอ!

นายตัวสูงกับนายตัวเตี้ย!
ทาเคมิจิดูสดใสขึ้นมาทันทีที่เห็นสัตว์สี่ขาทั้งสองตัวเข้า

"องค์หญิง คุณองค์รักษ์!"

ฮินาตะและเอมะทำสีหน้าแปลกๆที่ได้ยินคำเรียกเช่นนั้น

"นายจืดนี่ใครน่ะไม...กี้"

...แต่ไมกี้ก็กระโจนเข้าใส่อีกฝ่ายทันทีที่เห็นไปแล้ว

"ทาเคมิจจิ!!"

ดราเค่นกลอกตาแต่ก็ก้าวไปหาและทักทายตอบแต่โดยดี
*โอเค กายไม่ไหวล่ะ ช่วงนี้ปั่นงานเยอะ ง่วงจัดฟฟฟฟ เขียนไม่ถึงพาร์ทที่อยากเขียนอยู่ดี55555 ไม่ร้องงงงง

ขอตัวไปนอนก่อนนะค้าบ

คิดว่าพี่มิทคิดยังไงกับทาเคตอนนี้🤔
แฮ่ม ผ่านหน้าไทม์ไลน์พอดี น่ารักมากไม่ไหว🥺

ทาเคกับเหล่าแงวๆของเขา :

...จริงๆกะว่าจะมาต่อค่ะแต่เห็นเป็ดพี่เอกดิฉันก็👀💦 วันนี้ขอยาดไปดูไลฟ์นะคะ555555555 อาจจะมาต่อตอนเที่ยงคืนถ้าไม่เผลอหลับคาไลฟ์ไปก่อนนะคะ55555/กวักมือเรียกมาดูด้วยกันนะ
วันนี้จะมาต่อนะคะ👀♥️✨ ไม่แน่ใจว่าตอนสี่ทุ่มหรือเที่ยงคืนเหมือนเดิม เพราะงั้นมาเอาอ่านพรุ่งนี้เอาสะดวกสุดค่า555 นอนไปเล๊ย

ดูพลโพลนะ ห่างกันหนึ่งเปอร์เซ็นต์👀!! ว้าวซ่า คิดว่าพี่มิทอยากจับน้องตีก้นกัน!! สมกับคาร์ผู้ไชน์อ่อนโยนใจดีแต่ก็มีมุมเข้มงวดจริงๆ เด็กดื้อต้องโดนอะไรน้า😌✨
ทาเคมิจิหัวเราะร่าที่ถูกกระโจนเข้าใส่ เจ้าก้อนขนนุ่มฟูสีขาวครีมค่อนไปทางทองอ่อนๆถูไถหัวของมันเข้ากับใต้คางของเขาและส่งเสียงเรียกเหมียวๆจนหัวใจที่ก้ำกึ่งระหว่างมีความสุขกับเจ็บแปล็บๆมาตลอดวันละลายเหมือนไอติมรสมะนาวยี่ห้อโปรดในหน้าร้อน

เจ้าหญิงทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้เสมอเลยจริงๆ
“ว่าไงคะ? วันนี้ก็มีคนพามาเที่ยวงานวัดเหมือนกันเหรอหึ๊? น่ามันเขี้ยวจริงๆเลย–”

ฮินาตะมองอดีตแฟนหนุ่มพูดคุยงุ้งงิ้งเสียงสองเสียงสามแบบที่เธอไม่เคยเห็นเขาใช้พูดกับใครแถมยังหอมย้ำลงบนหน้าผากของคนที่เกาะตัวเองเป็นลูกลิงไม่ต่างจากวันแรกที่เธอได้เจอกับเขาเสียเท่าไร
ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติตัดกับตอนที่ทำตัวเก้ๆกังๆหูเหอหน้าเน่อแดงก่ำกับเธอในอดีตลิบลับ

“ให้มันน้อยๆหน่อย ไม่มีใครเขาอยากเห็นพวกแกทำตัวน่าอ้วกใส่กันหรอก”

คนตัวสูงกว่ากลอกตาแล้วหันไปมองฮินาตะเหมือนกำลังดูเชิงอะไรบางอย่าง...แม้ว่าจะถูกสาวสวยผมทองเอ่ยตัดขึ้นมาเสียก่อน
เธอสวยจนฮินาตะอดจะมองเธอนานๆไม่ได้…บางทีแล้วเธออาจจะเป็นเพื่อนกับสองคนนี้?

เพราะดูสายตาของสองหนุ่มนักเลงที่มองแฟนเก่าเธอ ยังไงก็ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้อยู่แล้ว

…อยากทำความรู้จักดูจัง…

“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่ไมกี้ไปรบกวนระหว่างการเดทนะคะ! เราจะไปกันเดี๋ยวนี่เลยค่ะ–ไมกี้! ลงมานะ!”
ดูเหมือนว่าเรื่องเข้าใจผิดจะทำให้เธอก้มหัวขอโทษฮินาตะอย่างขอโทษขอโพย

นายตัวสูงหรี่ตาลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น…

ในขณะที่ ‘ไมกี้’ ที่ว่าเองก็หยุดออดอ้อนคนที่กำลังเอื้อมมือไปแตะแขนคนผมเปียเป็นการทักทาย

ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเองก็มองมายังเธอด้วยสายตา…ไม่น่ารักเสียเท่าไร..
คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกเชียร์นายตัวสูง(...

แต่ทาเคมิจิคุงเองก็ไม่ได้บอกว่าจะชวนใครมาด้วยเพราะฉะนั้นนี่คงจะเป็นการบังเอิญมาเจอกัน?

เธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคนเป็นยังไงหรืออยู่ในขั้นตอนไหนแล้วแต่อย่างน้อยก็น่าจะรู้บ้างว่าเธอกับทาเคมิจิไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนแล้ว
…อ๊ะ หรือว่าจะหึง?

ยังไงเสียพวกผู้ชายก็ชอบปากแข็งในเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่แล้ว จะยังอยู่ในสถานะ ‘เพื่อนไม่จริง’ จนระแวงเธอก็ไม่แปลกเสียเท่าไร

ดูเหมือนจะมีมุมน่ารักๆเหมือนกันนะแต่เธอจะไม่ยอมเลิกเป็นเพื่อนกับทาเคมิจิคุงหรอก!

“พวกเราเลิกกันแล้วค่ะ ตอนนี้มาในฐานะเพื่อนเฉยๆนะคะ”
เธอแก้ข่าวนั้นอย่างนิ่มนวล อยากให้ความสัมพันธ์ใหม่ของแฟนเก่าเธอไปได้ด้วยดีไม่ใช่ล่มไปเพราะความเข้าใจผิดอีก

หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นช่างทิ่มแทงลงในใจของนายฮานากาคิจนน้ำตาที่ฮึบไว้เริ่มตกในอีกรอบทั้งยังดูเหมือนจะลามออกมาภายนอกด้วย..

ทาเคมิจิซุกใบหน้าที่มีน้ำตาคลอขึ้นมาเข้ากับองค์หญิง
ห้ามร้องออกมานะ

ุถ้าร้องออกมาละก็บรรยากาศน่าอึดอัดคงได้ย้อนกลับมาอยู่ระหว่างเขากับเธออีกแน่

เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ไปด้วยเสียหน่อบ

ไมกี้ที่รับรู้ถึงความเปียกชื้นเล็กๆที่ไหล่ของตัวเองโวยวายเสียงดังเมื่อถูกน้องสาวพยายามแงะตัวเองออกจากคนที่อุ้มตัวเองเอาไว้
ดีที่เธอถูกฮินาตะดึงความสนใจไปก่อน

แต่ถึงเธอจะพยายามแงะยังไงเขาก็ไม่ปล่อยหรอก

ก็ทาเคมิจจิของเขาน่ะกำลังเสียใจนี่!

“ยังไงก็ต้องขอโทษที่มารบกวนนะคะ…เอ่อ..”
“ทาจิบานะ ฮินาตะค่ะ เรียกว่าฮินะก็ได้นะ”
“งั้นก็ฮินะจัง–ซาโนะ เอ็มม่าค่ะแต่ทุกคนเรียกว่าเอมะ ไม่ต้องสุภาพกับฉันก็ได้นะ”
ดราเค่นทำหน้าปุเลี่ยนกับประโยคตัดรอนที่ทาจิบานะกล่าวออกมานิ่มๆ แค่เห็นไหล่สั่นๆของคนตัวเล็กก็พอจะเดาได้ว่าคนขี้แยนี่คงน้ำตาแตกขึ้นมาอีกรอบแล้ว

แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาส่งมือใหญ่ไปสางผมสีทองที่จัดทรงเห่ยๆไปด้านหลัง ไมกี้เองก็ลูบหลังทาเคมิจจิโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกัน
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ถุงผ้าของเอมะก็ดังขึ้น เธอรับสายและหยิบมันมาแนบหูของเจ้าหญิงที่เอนตัวไปเหมือนกำลังฟังอยู่จริงๆ

ทาเคมิจิเช็ดน้ำตาลวกๆ มองส่งเจ้าหญิงที่ส่งเสียงเหมียวๆกับคุณองค์รักษ์และเจ้าของของเธอและเมื่อมันอ้อนเขาก่อนจากไปอีกหนึ่งทีก็วิ่งหายไปจากงานวัดเสียอย่างนั้น?
แมวเองก็มีกิจของแมวสินะ?

น่าแปลกใจนิดหน่อยที่คุณองค์รักษ์หรือ ‘ดราเค่นคุง’ ไม่ยักกะไปด้วย ทั้งที่ปกติตัวติดกันเป็นตังเม

..จะว่าไปแล้วรู้สึกว่าเจ้าหญิงเองก็จะชื่อ ’ไมกี้’ ด้วย…ซึ่งก็ดูเหมาะสมกับร่างมนุษย์ของอีกฝ่ายมากกว่าองค์หญิงเป็นไหนๆ

แต่ใจบอกว่าเจ้าหญิง น้องก็คือเจ้าหญิง!
ตามที่ถูกลิขิตไว้ ไมกี้ขี่บั๊บออกไปโดยที่ไม่ได้พาดราเค่นออกไปด้วยกัน

เมฆฝนตั้งเค้า พระอาทิตย์ยามเย็นค่อยๆลับหายไปจากขอบฟ้า

บรรยากาศคึกคักของงานเทศกาลที่มีโคมไฟหลากสีและผู้คนขวักไขว่หายไปจากสายตา

พอมานึกย้อนกลับไปแล้วถ้าหากเขาไม่ได้พบกับทาเคมิจจิในวันนั้น

จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ?
หลังจากที่เจ้าหญิงจากไปโดยที่เอมะจังไม่ได้เป็นห่วงอะไรเป็นพิเศษและบอกว่าเธอชอบทำแบบนี้บ่อยๆแล้วพวกเขาสามคนหนึ่งตัวก็เลยตกลงใจที่จะเดินเที่ยวด้วยกันจนถึงเวลาดูดอกไม้ไฟในตอนค่ำ

น่าเสียดายที่เดินเที่ยวได้ไม่เท่าไรฝนก็เทลงมาโครมใหญ่จนเขาพลัดหลงออกมา

"แบบนี้ดอกไม้ไฟถูกยกเลิกแหงเลย"
ทาเคมิจิหลงเข้ามาในป่าตอนที่พยายามหาต้นไม้ที่พอจะบังฝนให้พวกเขาได้บ้าง

นึกว่าคนอื่นอยู่ด้านหลังแท้ๆแต่พอหันไปก็ไม่มีใครอยู่แล้ว

จะให้ไปยืนอัดกันหน้าร้านคนอื่นรอฝนซาก็คงจะไม่ได้นี่นะ ยิ่งมีแมวมาด้วยถึงจะช่วยอุดหนุนแต่ซุ้มอาหารก็คงไม่ยอมให้อยู่นานแน่

ยิ่งซุ้มช้อนปลายิ่งแล้วใหญ่
ทาเคมิจิยิ้มขำ นึกอยากเห็นภาพที่คุณองครักษ์จ้องปลาที่วนอยู่ในอ่างตาแป๋วแล้วเอามือเขี่ยๆน้ำที่แมวส่วนใหญ่ไม่ชอบนัก

ก่อนจะถูกขัดด้วยเสียงเหมียวๆที่ดังมาจากที่ไกลๆ มันทำให้เขาที่มองหาทุกๆคนอยู่คิดว่าคุณองค์รักษ์เองก็อาจจะหลงอยู่ใกล้ๆและเดินลัดเลาะหลบฝนเพื่อตามเสียงนั่นไป
ยังไงนอกเสียจากแมวประหลาดๆบางตัวก็คงไม่มีแมวตัวไหนมาตากฝนเล่นกันในป่าแบบนี้หรอก…มั้ง?

ไม่เลย

เขามาเจอแมวกำลังตีกันท่ามกลางสายฝนหน้าศาลเจ้ากลางป่าอย่างกับหนังแอ็กชั่นหรือโชเน็นมังงะแทนเลยต่างหาก!

..อย่างน้อยเท่าที่เห็นเบื้องต้นแล้วก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คุณองครักษ์ที่ถูกรุมอยู่?
ที่เบื้องหน้าของเขามีแก๊งเหมียวซ่านับสิบตัวกำลังรุมแมวตัวหนึ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อม

เสียงขู่ฟ่อแฟ่ดดังสู้กับเสียงฝน ที่หางตาเองก็เหมือนเห็นกลุ่มแมวรูปร่างหน้าตาคุ้นๆหลบฉากออกไปเงียบๆด้วย

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…เทศบาลครับ ผมขอล่ะ ปัญหาแมวเกเรในเมืองนี้มันจะเยอะเกินไปรึเปล่า!!?
ทาเคมิจิก้าวออกไปช่วยเจ้าเหมียวที่ถูกรุมอยู่ ถึงจะไม่รู้ที่มาที่ไปแต่จะทำตัวเป็นอันธพาลแมวหมู่ใส่กันแบบนี้ไม่ได้นะ!

เขาอุ้มพวกมันโยนขึ้นไปบนศาลเจ้าที่มีหลังคากันฝนดีๆก่อนจะคว้าตัวเจ้าเหมียวขนสั้นที่ยังทำซ่าจนโดนรุมตีอยู่กลางสายฝนนี่ขึ้นมาเพื่อที่จะพามันไปรักษาตัวที่บ้านซักคืน
โดนรุมขนาดนั้นคงมีแผลซ่อนอยู่ไม่น้อยแน่

…หวังว่ามันจะไม่ตีกับที่รักนะ...

“ไง เจ็บมากรึเปล่า? ซ่ามากดิเราอ่ะ โดนเขารุมตีนี่ไปทำอะไรมา? ไปเจ๋อในถิ่นเขาเข้ารึไง?”

เขาถามมันขำๆ เห็นสีหน้าเหมือนมันตกตะลึงอะไรบางอย่างแล้วถึงได้รู้สึกว่ามันหน้าคุ้นๆ...?
ผ้าเช็ดหน้าที่พอจะแห้งอยู่บ้างถูกยกขึ้นมาซับหน้ามันเมื่อหนีจากเจ้าก๊วนแมวที่เหลือออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว

ถ้าตามมาจะทำยังไงดีล่ะนั่น?

แต่เอ…ถึงจะเปียกมะล่อกมะแล่กก็เถอะแต่เจ้าตัวนี้นี่พันธุ์รัซเซี่ยนบลูไม่ผิดแน่?

แล้วขนสีเทา ตาสีเทาแถมดุเหมือนแม่แมวหวงลูกแบบนี้…
แม่แมว…?
แม่แมว!

“นึกว่าใคร เป็นเธอนี่เอง ทากะจัง!”

ทาเคมิจิยิ้มกริ่มเมื่อสมองเริ่มทำงาน เขาจำได้แล้ว! ที่แท้เป็นเจ้าเหมียวแม่ลูกอ่อนที่หวงเจ้าลูกเจี๊ยบ(?)ตัวใหญ่เมื่อตอนนั้นนี่เอง!

เอ๊ะ ไม่สิหรือว่าเป็นทากะคุงนะ?

"ไม่เจอกันพักเดียวยังดุเหมือนเดิมเลยนะ ฮะๆ"
เขาหัวเราะเบาๆขณะที่มองหาแผลตามตัวของมันเพื่อว่าจะมีแผลใหญ่ๆจนต้องพาไปหาหมอ หูก็เงี่ยฟังตามเสียงและสอดส่องหาแสงไฟจนกลับเข้ามาในงานวัดได้อีกครั้ง

ค่อยยังชั่วหน่อย..

พอมาพลิกตัวมันดูในแสงไฟดีๆ นอกจากปากและอุ้งเท้าจะเลอะเลือดนิดๆหน่อยๆก็ดูเหมือนว่ามันจะสบายดีนะ?
"...ไม่ใช่ว่าแกเป็นคนที่ไปหาเรื่องเขาก่อนหรอกใช่มั้ย...?"

มันทำหน้าเหมือนอยากจะเอาอุ้งเปื้อนเลือดนั่นตบเขาแทนถ้าหากเขาไม่ได้กำลังจับอุ้งนั่นเช็ดเลือดให้มันอยู่...

ฝนเองก็ช่วยล้างคราบโคลนกับเลือดตามตัวมันออกไปได้เยอะเลย

'จ็อก...'
พอผ่อนคลายลง ท้องของเขาก็ร้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น...บางทีอาจจะเพราะกลิ่นหอมกรุ่นจากร้านไทยากิที่ถูกขายอยู่ในซุ้มใกล้ๆโชยมาเตะจมูกจนน้ำลายสอ

เขามองไทยากิไส้ถั่วแดงที่พึ่งถูกขายผ่านหน้าตัวเองไปก่อนจะมองทากะจังที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วยกยิ้มขึ้นมา

“เรามาอ้ามกันอีกสักรอบดีมั้ย ทากะจัง♡"
ความทรงจำของการถูกยัดอันปังสามครั้งซ้อนที่อยากจะลืมๆไปถูกรื้อฟื้นกลับมาโดยเด็กหนุ่มที่ถูกไมกี้เรียกว่าทาเคมิจจิ

คำกล่าวหยอกล้อกับการถูกเรียกชื่อเล่นแบบนี้อีกครั้งทำให้มิทสึยะอยากจะจับเด็กคนนี้ตีก้นจนกว่าจะหลาบจำ(...

"อ้าม~♡"

...มิทสึยะ ทาคาชิ ไม่ถูกใจสิ่งนี้เลยจริงๆ(...
...ก็ยังไม่ถึงพาร์ทพี่เค่นอยู่ดี5555555 ผมทรุด ใครสงสัยทำไมพี่มิทไม่รีบไปหาพี่เค่นก็เพราะน้องไม่ปล่อยมือ ตีก็ตีไม่เข้า ทำไรไม่ได้นอกจากโทรเรียกกำลังเสริมยังไงล่ะ😅

คิดว่าคนที่อยากและชอบโดนอ้ามที่สุดในเรื่องนี้คือใคร👀✨
คืนนี้มาต่อตอนเที่ยงคืนกว่านะคะ คิดว่าสี่ทุ่มน่าจะยังไม่ถึงบ้าน😳✨

เฮ้ย จริงเหรอเนี่ย!!? โพลแรกในประวัติศาสตร์ที่กายเคยตั้งที่นายกี้จะไม่ชนะ!!!?

เอาเลยพวกเรา🔥🔥🔥 ให้เขยชังมันรู้ซะบ้างว่าแกน่ะจะไม่ชนะทุกโพลหรอกนะ!!!🔥🔥🔥
มิทสึยะกลืนไทยากิที่ถูกเป่าให้จนหายร้อนลงท้องในขณะที่ฉวยจังหวะที่เจ้าคนชอบยัดของเข้าปากชาวบ้านเผลอเพราะมัวแต่ล้อเขายิ้มๆที่เห็นว่ายอมจำนนจนอ้าปากงับขนมรูปปลานั่นเข้าปากสลัดตัวออกมา

ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาเอาคืนเจ้าเด็กนั่นเพราะตามที่ได้ยินมา'เทศกาลการล่ามังกร'กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
มิทสึยะวิ่งตามหามังกรแฝดอีกตัวที่น่าจะยังคงอยู่ในบริเวณงานวัดแห่งนี้ด้วยความร้อนรน จากที่เขารู้มา พวกเมบิอุสคงกะจะไม่ให้อีกฝ่ายรอดพ้นคืนนี้ไปแน่

น่าเสียดายที่เขาได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นหน้าคนที่จะลงมือ

ยังดีที่เขาเรียกรวมพลไปแล้ว ขอแค่ยื้อเวลาเอาไว้จนถึงตอนนั้นได้ก็พอ!
ทาเคมิจิมองเจ้าเหมียวอย่างทากะจังรีบหนีไปจอมอ้อมแขนตัวเองโดยไม่กลัวเปียกอีกครั้งก็ถอนหายใจยิ้มๆ

เอาเถอะ เขาจะไม่ไล่ตามไปเพราะเจ้าตัวไม่ได้บาดเจ็บแถมดูฝีมือจะร้ายกาจไม่เบาที่โดนรุมแล้วไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากก็แล้วกัน

"ขอไส้ข้าวเหนียวมะม่วงตัวนึงด้วยครับ"

อินเทรนจริงๆไทยากิเจ้านี้
ทาเคมิจิก้าวเอื่อยๆมองหาคนอื่นๆไปตามทางก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าโทรหาฮินะจังเสียก็สิ้นเรื่อง

"ทาเคมิจิคุง! หลงไปอยู่ตรงไหนน่ะ"

เขาโดนดุที่หลงไปคนเดียวแล้วไม่ยอมรับสาย เมื่อขอโทษเสร็จแล้วเธอถึงได้บอกมาว่าให้ไปเจอกันที่ไหน

"เอมะจังเชือกรองเท้าขาดก็เลยมาพักกันตรงจุดพักรถนะจ่ะ"
เขารับคำกับเธอว่าจะรีบไป ดูเหมือนว่าคุณองค์รักษ์เองก็จะออกไปหาซื้อรองเท้าสำรองไปให้เธอใส่แทนด้วย???

"...อืม.."

เขาล่ะอยากเห็นภาพเจ้าเหมียวตัวโย่งที่คาบเอาออเดอร์กับเงินไปให้ซุ้มร้านในงานจริงๆ แสนรู้เหมือนสัตว์บางตัวที่เคยเห็นในเน็ตไม่มีผิด!

ต้องน่ารักมากแน่ๆเลยน้า...
ฝันหวานอยู่ได้ไม่เท่าไรก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเข้ากับแมวรู้มากอีกตัว

น้อง!
น้องมาทำอะไรตรงนี้!?

ทาเคมิจิฉีกยิ้มทันทีที่ได้เห็นเจ้าเหมียวโย่งหน้าคุ้นๆอีกตัวที่มักจะโผล่ออกมาเสมอในวันที่ฝนตก!

แม้แต่วันนี้ก็ยังไม่พลาด!

แถมเขายังพึ่งซื้อไทยากิมาด้วยอีกต่างหาก(...
ของน้องเขาแรงจริงๆนะ..
รู้มากจริงๆพอเขามีอาหารเนี่ย ทาเคมิจิคิดในใจ

..เกียมบอกลาไทยากิที่รักได้เลย

แต่แล้วครั้งนี้น้องกลับไม่ได้หันมาส่งยิ้มแมวๆดูร้ายกาจและเอาอุ้งตบพื้นข้างตัวมันเรียกเหมือนทุกครั้ง...ทั้งยังภาพที่ได้เห็นตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกแปลกๆจนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้
ภาพของเจ้าเหมียวสามสหายเพื่อนๆของฮันมะคุงที่กำลังถือร่มกันฝนให้เจ้าเหมียวตัวใหญ่ที่อยู่ตรงกลางอย่างนิ่งเงียบ

..ราวกับกำลังซุ่มรออะไรบางอย่าง?

หางของมันปัดป่ายไปอย่างอยู่ไม่สุข ท่าทางเหมือนกำลังจะอดใจไม่ไว้แล้วกระโจนใส่อะไรบางอย่างต่างจากท่าทีนิ่งงันที่เงียบขรึมภายนอก
ว่าแต่...แมวมันกางร่มให้กันและกันเป็นตั้งแต่เมื่อไร???

ทาเคมิจิมองภาพที่แอบถ่ายมาได้แล้วงงเป็นไก่ตาแตก

แต่พอลองซูมรูปดีๆแล้วสิ่งที่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าได้เห็นนั้น..ก็คือแท่งนิโคตินที่อยู่ที่ปากของน้อง..

พอเลื่อนสายตาขึ้นไปดูชัดๆก็ทันได้เห็นมันกำลังพ่นควันสีเทาออกมาแบบไม่สนโลก!
น้องโว้ย!

หมดกันแล้ว เสียแมวไปหมดแล้วไม่ใช่รึไง!
ถึงเขาจะตามใจมันจนเคยตัว แต่เขาไม่เคยสอนให้สูบบุหรี่นะเฮ้ย!

"ฮันมะคุง!"

ทาเคมิจิก้าวไปเท้าเอาใส่เจ้าเหมียวที่หันใบหน้าของมันและดวงตาวาววับบ่งบอกความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆที่ถูกขัดจังหวะ--ค่อยๆกลายเป็นการรับรู้ว่าผู้เรียกหาคือใคร
'มาว♡'

ไม่ต้องมามงมามาวใส่เลย!!

ทาเคมิจิถลึงตาใส่เจ้าเหมียวที่กำลังทำหน้ามีความสุขที่ได้เจอเขาแล้วสาวเท้าเข้ามาใกล้

...แม้แต่เจ้าเหมียวถือร่มเองก็ยังเลื่อนตามมาด้วยอีกตัว(...

ฮันมะยืดตัวขึ้นมาโอบรัดเขาด้วยตัวแห้งๆ จมูกเองก็ถูกยื่นมาแตะเข้ากับเขาเป็นการทักทายภาษาแมวอีก
กลิ่นของบุหรี่ที่เขาไม่ชอบทำให้เขาต้องดันตัวของมันออกอย่างไม่ใยดี

'มาว..?'

มันดูประหลาดใจที่ถูกปฏิเสธ อุ้งเท้าที่มาแอบเปิดดูถุงไทยากิเองก็ถูกตั้งค้างไว้อย่างนั้น

"ไม่ต้องเลยค่ะ ตัวเหม็นแบบนี้ไม่ต้องมากอดเลย--แล้วนี่ไปคาบมาจากไหนคะ! หรือมีใครให้มา--"
โชเม โชจิและชอนโบะมองบุหรี่ที่ถูกฉกไปจากปากคุณฮันมะ ดับทิ้งกับฝนแล้วทิ้งลงถังขยะตามลำดับแล้วกลืนน้ำลายดังเอื้อก

ต่อให้รู้จักและได้เห็นภาพระหว่างทั้งสองคนมาเยอะแล้วก็เถอะ(...

แต่เห็นคนกล้าทำแบบนั้นกับคุณฮันมะทีไรแล้วเหงื่อแตกทุกที...

"เบ๊บอ่าาาาา ไม่เหม็นสักหน่อย ดมใหม่ๆเลย"
คุณฮันมะงอแงทันทีที่คุณเบ๊บยังคงหลบเลี่ยงตัวเองด้วยสีหน้าเบ้ๆ...ดูท่าจะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ที่พวกเขาพึ่งจุดให้อีกฝ่ายไปหมาดๆนี้เอง

แล้วคุณเบ๊บน่ะ มาอยู่แถวนี้จะดีจริงๆเหรอ?

พวกเขามองหน้ากันแล้วเหลือบมองผ่านขอบรั้วลงไปยังลานจอดรถที่กำลังมีการตะลุมบอลกันอยู่ด้านล่าง
มังกรคู่ทั้งสองกำลังรับมือกับศัตรูจำนวนร้อยคนจากฝั่งเมบิอุสด้วยความยากลำบาก

ก็นะ ดราเค่นน่ะถูกไม้เบสบอลฟาดหัวจนเลือดอาบเป็นการเปิดศึก ไม่งั้นก็คงไม่ทุลักทุเลแบบนั้น

ไมกี้ไร้เทียมทานคนนั้นเองป่านนี้ก็ขับรถไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้

ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจนกระทั่ง...

คุณเบ๊บโผล่มา...
เสียงฝูงรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ใช่ฝ่ายเดียวกันแน่ทำให้ทั้งสามคนนิ่วหน้า

คุณฮันมะเองก็ยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เวลาออกโรงแล้วและเริ่มออกคำสั่งกับพวกเขา

"พวกแกพาเบ๊บออกไป"

'อย่าให้หลุดไปกลางวง' ที่ไม่ได้พูดตามออกมานั้นชัดเจนจนไม่รู้จะพูดยังไง

โชจิส่งร่มให้ลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ
รู้ตัวดีว่าคนที่รู้ว่าคุณเบ๊บสำคัญแค่ไหนมีแค่พวกเขาสามคนที่มีหน้าเฝ้าแถวร้านแกงกะหรี่จนพอจะเรียกได้ว่าสนิทกับคุณฮันมะได้บ้าง

คุณฮันมะเห็นหน้าบู้บี้ของคุณเบ๊บแล้วยิ้มขำ ดวงตาเป็นประกายวิบวับจนเขารู้สึกอยากหลบตา--

ไม่ทันไรริมฝีปากที่มีรสชาติบุหรี่ที่อีกฝ่ายเกลียดก็กดลงเข้าหากัน--
โชจิล่ะอยาดจะเอาหัวโขกพื้นกับสีหน้าคลั่งรักเกินเบอร์ของคนที่น่าจะกำลังมึนเมากับเรื่องน่าตื่นเต้นที่กำลังจะเกิด

"ทำอะไรน่ะฮันมะคุง! เหม็นแล้วยังจะมาเลียปากอีก--ออกไปเลยนะ ถ้าครั้งหน้ายังไม่หายเหม็นแล้วอย่าหวังจะได้กินอะไรกับผมอีกเลย"

คุณเบ๊บเอามือรองน้ำฝนมาเช็ดปากด้วยสีหน้ายุ่งๆ
ท่าทางคงจะถูกใจคุณฮันมะที่ยังคงยิ้มกริ่มเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิด แถมยังเอาตัวไปถูไถอย่างกับอยากให้กลิ่นติดยังไงยังงั้น

เหล่าลูกน้องที่ไม่ใช่พวกเขาสามคนพากันยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น ต้องรอให้ชอนโบะหันไปทำตาขวางใส่ถึงได้พากันเบือนหน้าหนี ปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น
"พี่ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวให้คนไปส่งนะ♡"

โชเมอยากเอาอะไรยัดหู เรื่องชีวิตรักของลูกพี่นี่พวกเขาไม่ค่อยอยากรู้เสียเท่าไรเลย

คุณฮันมะถอยออกมาเมื่อแกล้งคุณเบ๊บจนพอใจแล้วและส่งสายตามาให้พวกเขาสามคนพาคุณเบ๊บไป

..คำถามคือคุณเบ๊บนั้นไม่เคยฟังอะไรพวกเขาและแข็งแกร่งถึงขั้นหิ้วพวกเขาได้สบายๆ
แล้วพวกเขาจะพาคุณเบ๊บไปได้ยังไงก่อน(...

"ห้ามไปเอาของพรรค์นั้นเข้าปากอีกนะคะ! แล้วก็นี่ค่ะ"

คุณเบ๊บก้าวตามขายาวๆของคุณฮันมะมาเอาไทมากิยัดปากให้ก่อนจาก

ยังอีก ยังแจกอาหารหมาให้ลูกน้องอยู่อีก

คุณเบ๊บหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วนิ่วหน้าก่อนจะรีบหุนหันไปทางด้านหลังของที่จอดรถ
พวกเขาสามหน่อรีบตามคนตัวเล็กที่เดินดุ่มไปจากไป

ทิ้งไว้เพียงลูกน้องกลุ่มเล็กที่รายล้อมรอบตัวฮันมะไว้ประปราย

เจ้าตัวค่อยๆเล็มกินไทยากิรสชาติหวานอมเปรี้ยวนั่นด้วยสีหน้ายิ้มๆ

ก่อนที่มันจะฉีกกว้างขึ้น...เมื่อได้ยินเสียงท่อของรถมอเตอร์ไซค์อันเป็นเอกลักษณ์...

"ได้เวลาสนุกแล้วสิ♡"
กว่าผมจะเขียนถึงพาร์ทพี่เค่น ตัวพี่เค่นก็น่าจะแห้งตายไปก่อนแล้วล่ะฟฟฟ

นึกว่าคืนนี้จะเขียนไปได้ไกลกว่านี้แฮะแต่ไม่ไหว ง่วง5555 น่าจะเพราะตื่นเช้า💦

อาหารหมายี่ห้อคุณฮันมะอร่อยมั้ยคะ👀
เด็กหนุ่มผมทองเช็ดปากที่ไม่ได้เพียงถูกจุ๊บแต่ยังถูกเลียซ้ำลวกๆ ปกติแล้วเขาก็คงไม่ได้ว่าอะไรแต่เห็นน้องคาบบุหรี่แล้วอยากจะวูบ

เจอกันที่ร้านนางฟ้า 'จุดนัดพบของนางฟ้า' เมื่อไรล่ะน่าดู

ไม่รู้อะไรดลใจให้เจ้าของร้านเปลี่ยนชื่อที่ไม่เข้ากับร้านแกงกะหรี่เลยสักนิดมาแทนชื่อ'โตแกง'อันเก่า
ทาเคมิจิสาวเท้าไปยังจุดพักรถอย่างนึกเป็นห่วงสาวๆที่ตอนนี้อยู่กันแค่สองคนโดยไร้ไม้กันหมาอย่างคุณองค์รักษ์

ยิ่งก่อนหน้านี้ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์เยอะๆจนรู้สึกกลัวขึ้นมาว่าอาจจะเป็นแก๊งรถซิ่งที่ไมดีเท่าไรอย่างโตมันโผล่มารังแกพวกเธอก็ได้

แก๊งที่คิโยมาสะชื่นชมต้องไม่ใช่คนดีเด่อะไรแน่
ที่ขาก็มีเจ้าสามหน่อรีบตามมาอ้อน พันแข้งพันขาและนำทางเขาด้วยท่าทีน่ารักน่าชังเหมือนรู้ว่าเขากำลังซุ่มคิดวิธีลงโทษแมวที่ถูกต้องอยู่

..บอกตามตรงว่าเรื่องที่ปัดตกไปจากสมองเพราะตอนนั้นมัวแต่ตื่นเต้นกับเรื่องที่เหมือนกับมีพลังพิเศษนั้นถูกสั่นคลอนจนกลายเป็นความกลัวเล็กๆแล้ว
แมวน่ะ อาจจะถูกฝึกให้ไปซื้อของได้ถ้าหากให้ลิสต์ของที่ต้องการกับเงินไปด้วยก็จริง

แต่การกางร่มให้แมวเจ้าถิ่นที่นั่งเต๊ะจุ๊ยสูบบุหรี่แบบมีชนชั้นวรรณะกันเห็นๆแบบนั้นมันเหมือนหลุดออกมาจากมังงะชัดๆ

มันไม่ปกติ

เ ข า ที่เห็นมัน ก็ไม่ปกติแล้วเหมือนกัน
"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับฉันนะ?"

หรือทั้งหมดนี่คือภาพหลอน? นี่เขากำลังจะเป็นบ้าหรือเปล่า?

เขามองแมวสามตัวที่หันกลับมาจดจ้องเขาด้วยดวงตาแวววาวที่สะท้อนกับแสงไฟ

บางอย่างในจิตใจของทาเคมิจิสั่นคลอนกับภาพนั้น

เสียงเหมียวที่ดังขึ้นจากหนึ่งในนั้นเองก็ทำให้เขาสะดุ้งเบาๆ
เขาไม่เคยคิดจะกลัวสัตว์หน้าขนเหล่านี้มาก่อน

...สมองซีกความคิดสร้างสรรค์ถามเขาว่าไม่ได้เผลอไปทำสัญญากับตัวอะไรสักอย่างที่เหมือน**เบย์มาใช่มั้ย?

ในขณะที่ซีกที่ใช้ความคิดวิเคราะห์เริ่มถามตัวเองว่าทุกครั้งที่ถูกกัดหรือข่วนได้ไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้ามาทุกรอบรึเปลา?
ไม่ใช่ว่าอาการประสาทหลอนก็เป็นหนึ่งในอาการร้ายแรงของโรคนี้หรอกหรือ?

ทาเคมิจิหน้าซีดจนเกือบขาว

เขาต้องไปหาหมอ--

แต่แล้วร่างกายที่กำลังก้าวเดินตามเหล่าแมวเหมียวช้าๆก็มีความรู้สึกเหมือนถูกกระตุกเบาๆที่แขนเสื้อ

ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น

ความรู้สึกเย็นเยียบไต่ขึ้นมาถึงที่หลังคอของเขา
อาการสั่นกลัวจนมีเหงื่อเย็นๆที่แผ่นหลังและความหนาวสั่นเพราะความเปียกชื้นจากสายฝนผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก

ความรู้สึกหนาวเหน็บสอดประสานเข้ากับมือของเขาและจับจูงไปทางลานจอดรถที่ตอนนี้เขาถูกความกลัวกัดกินจนไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น

แมวๆทั้งสามที่มาขวางทางเขาไว้ก็ถูกเมินเฉยโดยสิ้นเชิง
'มัน' พาเขาเดินมายังลานที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายที่เขามองไม่เห็นและไม่ได้ยิน

'มือ'เย็นๆคู่นั้นจับใบหน้าที่เอ่อไปด้วยน้ำตาของเขาให้หันไปมองบางสิ่งบางอย่างในส่วนลึกที่สุดของลานจอดรถ

น้ำที่เจิ่งนองกลายเป็นสีชมพูอ่อนไหลเอื่อยๆมายังปลายเท้าของเขา

และต้นตอของมัน

"คุณองครักษ์!!"
ก็กำลังจะเย็นเยียบไม่ต่างกันถ้าหากเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง

ทาเคมิจิไม่รู้ว่าตัวเองสะบัด 'มือ' นั้นจนหลุดออกจากตัวหรือ 'มัน' เป็นฝ่ายปล่อยให้เขาวิ่งเข้าไปหาร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่กันแน่

แต่เขาก็ถอดเสื้อกันหนาวของตัวเองออกมาพันรอบปากแผลให้มันอย่างทุลักทุเล

เขาอุ้มร่างนั้นขึ้นมา
สมองประมวลผลถึงสถานที่ที่พอจะช่วยมันได้ที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วออกวิ่งไปทันทีโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าวิ่งผ่านสองสาวออกไป

เขาไม่สนว่า'มัน'เป็นผีห่าซาตานอะไร

แต่ในเมื่อมันช่วยให้เขาได้มาเจอกับคุณองค์รักษ์ก่อนที่มันจะสายเกินไป

จะเอาเครื่องสังเวยอะไร ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาก็จะให้
ถ้าหากโชจิ โชเมและชอนโบะรับรู้ถึงผีห่าซาตานตนนั้น พวกเขาคงได้รุมสาปแช่งมันจนไม่ได้ผุดได้เกิดแล้ว!

เพราะอยู่ๆคุณเบ๊บก็หน้าซีด มองมือที่ยื่นไปข้างหน้าเหมือนกำลังจับอะไรแล้วก้าวเดินไปคนละทางกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง

"คุณเบ๊บ--พวกผมว่า--"
"คุณเบ๊บไม่ฟังหรอกน่า มาช่วยกันขวาง--"
"คุณเบ๊บ😭 อย่าทำแบบนี้เลยนะครับไม่งั้นคุณฮันมะฆ่าพวกผมแน่--"

เสียงเหมียวๆเหล่านี้ถูกคุณเบ๊บที่ตาลอยๆเมินเฉยและทะลุผ่านไปแม้จะลงไปกอดขาแล้วก็ตาม

"คุณองครักษ์!!"

ชิบหาย

นอกจากจะกันไว้ไม่ได้แล้ว เป้าหมายของศึกครั้งนี้ก็ยังถูกอุ้มขึ้นมาเหมือนไม่ได้ตัวทั่วควายและสูงเยี่ยงเปรต
พวกเขามองอีกฝ่ายทำสีหน้ามุ่งมั่นก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง

พวกเขาเคยเห็นอีกฝ่ายอุ้มคุณฮันมะที่วี๊ดว๊ายมีความสุขที่ร้านแต่เวลาที่คาริริน(แคชเชียร์สนามอารมณ์)ให้ช่วยยกของหนักก็ดันยกไม่ขึ้นจนแอบคิดว่าคุณเบ๊บอาจจะชอบสำออยเฉพาะเวลา

แต่ได้โปรดล่ะ ช่วยสำออยตอนนี้ทีได้มั้ย!?
ทั้งสามหน่อน้ำตาตกในเมื่อเห็นคุณเบ๊บวิ่งผ่านหน้าคุณฮันมะที่เหลือบมองพวกเขาด้วยหางตาระหว่างที่กำลังสู้กับไมกี้ไร้เทียมทาน

"โฮ่"

สายตาของคนที่ขมับมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเห็นคุณเบ๊บกอดรัดร่างที่บาดเจ็บทำให้พวกเขาสามคนเข่าอ่อน

แต่ก็ถูกสายตาเดียวกันนั้นกดดันให้ออกตัววิ่งตามไป
คุณฮันมะคับพวกผมพยายามเต็มที่แล้ว😭😭😭

พวกเขาวิ่งผ่านสาวสวยในชุดกิโมโนสองคนที่มีสีหน้าแตกตื่น คนนึงยกหูโทรศัพท์อยู่แต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจว่าอีกฝ่ายกำลังเรียกตำรวจหรือเปล่าตอนนี้ทำได้แค่ตามหลังไวๆของคุณเบ๊บที่วิ่งฉิวแม้จะแบกคนตัวเท่าบ้านวิ่งไปด้วยกัน
เหมือนได้ยินเสียงหนึ่งในนั้นเรียกไว้เหมือนจะเข้ามาบวกด้วยแต่อาจจะเพราะเธอไม่อยากทิ้งเพื่อนที่เดินกะเผลกไว้คนเดียว ก็เลยเห็นแค่หางตาไวๆว่าค่อยๆตามมากัน

แสงแห่งความหวังเฉิดฉายขึ้นมาเมื่อเห็นคุณเบ๊บหยุดยืนอยู่กลางถนน

แต่ตรงกันข้ามกันนั้นมีกลุ่มคนยืนจังก้าขวางทางเอาไว้
ชุดสีดำตัดกับชุดขาวของพวกเขาแบบนั้น แน่นอนว่าเป็นฝั่งโตมันไม่ผิดแน่

เขาส่งสัญญาณให้อีกสองคนหลบฉาก ขืนทำให้คุณเบ๊บโดนลูกหลงระหว่างสองแก๊งเข้าพวกเขาได้โดนผูกขาลากไปกับรถมอไซค์คุณฮันมะเรียงตัวแน่

อย่างน้อยคุณเบ๊บที่พยายามช่วยคนของฝั่งนั้นอยู่...ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร...?
ฉึก!!

แล้วมือคุณเบ๊บก็ถูกมีดเล่มนั้นแทงจนทะลุไปต่อหน้าต่อตาเพราะยกมันขึ้นกันร่างของคนในอ้อมแขน

"คุณเบ๊บ!!!"
"ชิบหายล่ะ นั่นมันคิโยมาสะคนทรยศของฝั่งโตมัน!"
"ซวย อะไรจะซวยกันขนาดนี้วะเนี่ย!!"

พวกเขาสามคนไม่มีเวลาลังเลแล้ว เสียงกรีดร้องของคุณเบ๊บเองก็ดังลั่นเสียขนาดนั้นอีก
เอาวะ อย่างน้อยก่อนตายก็ขออัดไอ้พวดเห้นี่ระบายอารมณ์ก่อนแล้วกัน

โชเมกับชอนโบะเองก็ดูจะคิดไม่ต่างกัน

แถมถ้าคุณเบ๊บเห็นว่าพวกเขาเข้ามาช่วย อย่างน้อยก็อาจจะผ่อนผันโทษลงได้บ้าง!

เมื่อเห็นพวกเขาเข้าพวกคนทรยศก็ดูเหมือนจะคิดว่าเมบิอุสมาตามเก็บงาน

จนกระทั่งหมัดซัดเข้าที่หน้ามันละนะ
ดราเค่นไม่คิดว่านี่จะเป็นวันตายของตัวเอง

ความรู้สึกของการถูกมีดแทงลงบนร่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่โดนเข้าจังๆ

อาจจะเพราะแผลที่หัวทำให้หลบได้ช้าลง ฝนทำให้พื้นลื่น ไม่ก็คงเพราะการสู้กับคนร้อยคนกับแค่มิทสึยะคนเดียวนั้นกินแรงไปมากกว่าที่คิด

เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าล้มลงไปเมื่อไร
คุณองครักษ์

คำเรียกแสนเลี่ยนที่ได้ยินบ่อยๆจนเผลอขานรับตอบไปดังมาจากที่ไกลๆ

ความเจ็บที่ท้องเพิ่มขึ้นเพราะถูกกดและรัดเอาไว้

ดราเค่นฝืนลืมตาขึ้นมาและพบเข้ากับคนสุดท้ายที่คิดว่าจะโพล่มาช่วยตัวเองเอาไว้

"ไม่เป็นไร แกจะไม่เป็นไรหรอก! เจ้าหญิงกับเอมะยังยังรอแกอยู่นะ!"
คำปลอบประโลมที่ฟังดูเหมือนกำลังขู่กรรโชกและให้กำลังใจตัวเองมากกว่าทำให้ดราเค่นอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ทำได้แค่สำลักเลือดในลำคอ

รสเลือดในปากเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร

"อย่าห่วงน่า! ฉันจะพาไปส่งถึงมือหมอเอง! ไอ้ตัวนั่นอุตส่าห์มาตามฉันไปช่วย ถ้าไม่รอดก็แย่แล้ว!"
ดราเค่นรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกตัวบ้างไม่รู้บ้าง ความหนาวเย็นจากสายฝนค่อยๆหายไปจนแทบไม่รู้สึกอะไรแล้ว

เขาทำเพียงมองภาพตัดของใบหน้าทาเคมิจจิที่ตอนนี้กลายเป็นความโกรธเกรี้ยว

ทำไมล่ะ?

ดวงตาสีเข้มเลื่อนไปเห็นบุคคลที่แทงเขากับมือ

"ทาเคมิจจิ"

ปล่อยฉันลงเถอะ

"มีด--"

มันมีมีด หนีไปซะ
คนที่ต่อยตีไม่ได้เรื่องอย่างแก สู้มันไม่ได้หรอก

แต่ทาเคมิจิแสนดื้อด้านไม่ยอมกระทั่งวางเขาลงด้วยซ้ำ

"แกเองก็ต้องตายไปพร้อมมันด้วยฮานากาคิ!"

ดราเค่นดิ้นอยู่ในอ้อมแขนที่ยึดร่างเขาไว้เหมือนคีมเหล็ก

ก่อนที่มือขาวเนียนจะถูกยกขึ้นมากันมีดเล่มเดิมที่พึ่งแทงทะลุท้องเขาไปจนเลือดกระเซ็น
ปลายมีดนั่นอยู่ห่างจากใบหน้าเขาไม่เท่าไร

เลือดอุ่นๆหยดลงบนปลายคางและคอของเขา

เสียงกรีดร้องเจ็บปวดและร่างที่ทรุดลงคุกเข่า น้ำตานองหน้าของผู้ที่อุ้มเขาเอาไว้ทำให้ดราเค่นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

กล้าดียังไง

มัน ก ล้ า ดี ยั ง ไง ?

ร่างของเขาถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง
และคราวนี้ดราเค่นที่เอื้อมมือไปแตะอยู่ที่มือข้างที่พึ่งถูกดึงมีดออกสดๆร้อนๆก็มองใบหน้าที่กำลังหัวเราะเยาะทาเคมิจจิอยู่ใกล้ๆ

อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาลงจริงๆ

"ขยับไปข้างหน้าสักหน่อยได้มั้ยทาเคมิจจิ"

ทาเคมิจจิมองเขาและรับรู้ถ้อยคำแผ่วเบานั้นทุกคำ

คนตัวเล็กขยับเลื่อนไปด้านหน้า
ร่างสูงเกร็งร่างก่อนจะดันตัวเองขึ้นมา

มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาทั้งแขน--แล้วซัดหน้าคิโยมาสะที่เล็งเอาไว้จนน็อกไปในหมัดเดียว!!

"ไปตายซะไอ้เวร"

ดราเค่นหัวเราะ รู้สึกดีขึ้นมากแม้จะรู้ว่าการที่ฝืนไปเมื่อครู่ทำให้เลือดพุ่งที่ท้องหนักกว่าเดิมแน่

"ดราเค่นคุง!"
...นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกเขาอย่างนั้น

เขาฉีกยิ้มให้อีกฝ่ายที่พยายามรัดผ้าที่เอวเขาให้แน่นขึ้นจนต้องนิ่วหน้า

"ขอบใจนะ ทาเคมิจจิ"

เขาคิดว่านี่น่าจะเป็นจุดจบของตัวเองแล้ว

แต่ทาเคมิจิยังไม่ยอมแพ้
ร่างของเขายังคงถูกพาวิ่งออกไปทั้งแบบนั้น

"ขอโทษครับ! เปิดหน่อย!"
เสียงตะโกนเรียกดราเค่นกลับมาอีกครั้ง

ตึง! ตึง!! ตึง!!!

"สถานการณ์ฉุกเฉินครับ!! ช่วยเขาด้วย!!"

ดราเค่นไม่คิดว่าแถวนี้จะมีโรงพยาบาลใกล้พอให้วิ่งมาถึง

หรือไม่เขาก็สลบไปพักใหญ่เลย

ป้ายไฟหน้าร้านที่เมื่อครู่ดับอยู่กระพริบเปิดขึ้นมาเมื่อมีคนมาแหกปากเรียกอยู่หน้าร้าน
[คลินิคสัตว์เลี้ยง 'โตเมี้ยว' ยินดีต้อนรับน้องๆทุกตัวจ้า]

"..."
.
.
.
.
เขาคิดถูกจริงๆใช่มั้ยที่ฝากชีวิตไว้กับทาเคมิจจิน่ะ...?
จบพาร์ทคืนเทศกาล!!

พรุ่งนี้เดี๋ยวมาต่อ Aftermath นิดหน่อยแล้วไปพาร์ทอื่นกันต่อนะ555

...อยากสารภาพว่าจริงๆแล้วผมถนัดแต่งฉากอื่นนอกจากฉากฟลัฟมากกว่าฮือ5555 นี่คือการฝึกฝนยังไงล่ะ!/มีความสุขกับฉากฮาและฉากผีมาก

อยากอ่านเรื่องผีในบ้านแล้วบ้างยัง👀 + อยากอ่านถึงใครบอกได้นะ✨
เนื่องจากผมวงวารผู้ที่มาอ่านใหม่แล้วต้องเลื่อนหาต้นเธรด 500 กว่าทวิตนี้ ผมก็เลยจะมาแปะต้นทวิตตรงนี้แล้วกันนะ555555😂🙏💦

ทริ๊กอีกอย่างที่ทำให้หาเรื่องนี้เจอง่ายๆคือให้หาคำว่า ออลทาเค แงว ค่ะ เลื่อนท็อปโพสต์ไม่กี่อันจะเจอเลย

ขออภัยในความไม่สะดวกนะคะ🙇‍♀️

เนื่องจากถูกที่บ้านลากออกไปช่วยซื้อของตั้งแต่เย็นจนป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววจะถึงบ้าน+เดี๋ยวแวะหาอะไรกินกันอีกวันนี้ของดไปก่อนนะคะ พิมพ์บนรถไม่ไหวจริง5555

ผลโพลอ้ามสรุปที่คุณฮันมะชนะขาด! เลยให้แจกอาหารหม๋ากันไปหนึ่งกรุป😳 ส่วนพ่อเค่นก็ส่งถึงมือหมอ(หมา)แล้วค่า👀✨ พี่จะต้องรอด!!(?)
ขออาบน้ำแป็ปนะคะ พึ่งถึงบ้านค่ะแฮะๆ ใครมารอนอนก่อนก็ได้นะ ค่อยมาอ่านเอาตอนเช้าค่า😳♥️✨
จะมีสักกี่หนกันที่เชฟร้านขายแกงกะหรี่จะถูกมอบสตอเบอรี่ชีสเค้กให้แล้วบอกว่าโทษนะ ช่วยทำแกงกะหรี่จากนี่ให้หน่อยสิ?

...นั่นคือสิ่งที่สัตวแพทย์วัยห้าสิบบวกแล้วที่อยู่ในชุดนอนต้องประสบอยู่ในตอนนี้(...

"หมอครับช่วยน้องด้วย!!"
'น้อง'

ไอ้ที่เอ็งแบกอยู่มันใช่น้องที่ไหนล่ะโว้ย!!!

แล้วเรียกหมอๆอยู่นี่ คือหมอหมาโว้ยไม่ใช่หมอคน!!!

"พามานี่ก่อน"

แต่จะให้มานั่งเถียงกันไอ้หนุ่มนี่ได้ตายก่อนแน่เพราะงั้นพอเอาเข้าร้านมาได้เขาก็สั่งให้ลูกสาวที่ลงมาดูว่ามีอะไรกันด้านล่างอีกคนโทรเรียกรถพยาบาลซะ
ถึงจะอยากปิดประตูร้านแล้วกลับไปดูซีรีย์กับภรรยาต่อก็เถอะแต่จะให้ทิ้งคนเจ็บไว้เฉยๆก็คงจะไม่ได้

แต่คลินิกสัตว์เลี้ยงนั้นถึงจะมีอุปกรณ์ก็ไม่ได้เป็นเกรดสำหรับคน ความสะอาดเองก็เหมือนกัน ทำอะไรผลีผลามจะติดเชื้อเอาง่ายๆ

"ฮานากาคิคุงไม่ใช่เหรอคะ!?"
"พี่สาวที่โดนแมวหมู่!"
โอเคชัด

เป็นไอ้หนูผู้มีพระคุณที่เคยช่วยลูกสาวสุดที่รักของพ่อจ๋าเอาไว้นี่เอง!

"ทาเคมิจิคุงพวกเราเรียกรถพยาบาลแล้วค่ะ! พวกเราจะยืนรอเรียกรถหน้าร้านนะคะ!"

สองสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับอายายะเกาะขอบประตูไว้ คนหนึ่งสั่นเป็นเจ้าเข้าจนเขาส่งสัญญาณให้ลูกสาวเอาร่มกับผ้าเช็ดตัวไปให้
ส่วนตัวเองก็สั่งให้ไอ้หนูกดรอบปากแผลเอาไว้ก่อน ส่วนตัวเองก็ไปเรียกคนที่พอช่วยได้สุดลงมาจากชั้นสอง

ดวงไอ้หนุ่มนี่ต้องดีมากแค่ไหนถึงได้หลงมาเข้าที่นี่ได้

"เรมิ!"

เพราะที่นี่ก็อาจจะเป็นคลินิกสัตว์เลี้ยงที่เดียวในโตเกียวที่มีพยาบาลห้องฉุกเฉินประจำอยู่ในฐานะภรรยาของเขา!
เธอถลาลงมาทันทีที่ถูกเรียก แค่เห็นสถานการณ์ปราดเดียวก็เริ่มถามคำถามสำคัญๆเกี่ยวกับบาดแผลพร้อมกับออกคำสั่งกับเขาและตรงไปล้างมือฆ่าเชื้อ ใส่ถุงมือและเริ่มการปฐมพยาบาลสำหรับคนไข้ฉุกเฉินทันที

แม้จะชุลมุนชุลเกอยู่บ้างแต่พวกเขาก็ช่วยไอ้หนุ่มเลือดอาบนั่นเท่าที่ทำได้
ไอ้หนูนั่นขึ้นรถพยาบาลไปด้วย เรมิบอกอาการและสิ่งที่ซักถามไปก่อนหน้าต่อพยาบาลประจำรถด้วยความรวดเร็วก่อนที่รถจะจากไป

ทิ้งสองสาวที่มีอายายะคอยช่วยปลอบใจอยู่หน้าร้าน มือที่ถือโทรศัพท์สั่นระริก บางทีพวกเธออาจจะพึ่งโทรบอกข่าวแกครอบครัวไอ้หนุ่มคนนั้น ไม่ก็กำลังรอให้ใครมารับไปด้วยกัน
เขาหันกลับมามองสภาพร้านตัวเองที่เลอะตุ้มเป๊ะต่างจากก่อนหน้านี้แล้วถอนหายใจ

"เข้ามาก่อนสิ มาดื่มชาให้อุ่นเสียหน่อย"

เขากล่าวเรียกทั้งสอง จะให้ยืนตากฝนอยู่อย่างนั้นก็คงไม่ดีเสียเท่าไร ถึงจะมีร่มกับผ้าเช็ดตัวให้แล้วก็ตาม
เรมิเริ่มทำความสะอาดคราบโคลน เลือดและน้ำฝน อายาโยะคอยอยู่ปลอบใจสองสาวที่รั่งสั่นหงกอยู่บนเก้าอี้รับรองลูกค้า

"ให้หนูช่วยนะคะ"

หนึ่งในสองคนนั้นกล่าวขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นถกแขนชุดกิโมโนขึ้น

"ไม่เป็--"
"นี่ค่ะ ช่วยถูพื้นตรงนั้นหน่อยนะคะ"
"ได้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"
เป็นเรมิที่ยื่นไม้ถูพื้นให้กับเด็กสาว

เธอรู้วิธีรับมือกับญาติคนไข้มากกว่าเพราะงั้นเขาก็เลยไม่ได้ขัดอะไร

เด็กสาวผมทองดื่มชาด้วยมือสั่นๆอยู่ครู่นึงก็ลุกขึ้นมาขอผ้าขี้ริ้วจากเขาไปเหมือนกัน

จนถึงตอนที่ได้ยินเสียงรถขับมาหยุดหน้าร้านก็เหลือเพียงแค่การเก็บกวาดอุปกรณ์แพทย์เท่านั้น
"ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยดราเค่นคุงกับทาเคมิจิคุงเอาไว้!"

เด็กสาวทั้งสองคนโค้งให้พวกเขาก่อนจะทิ้งเบอร์โทรเอาไว้ให้อายายะเพื่อมาทีอะไรเสียหายหรืออยากเก็บค่าบริการอะไร

เขาโบกมือปัดเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วทำเพียงฝากคำขอบคุณไปบอกไอ้หนูตัวเตี้ยเรื่องที่เคยช่วยลูกสาวเขาเอาไว้เท่านั้น
เด็กที่ดูไม่น่าจะมีใบขับขี่อีกสองคนเองก็ลงจากรถมาโค้งให้พวกเขาเหมือนกัน

สภาพพวกเขาเองก็ไม่ได้ดีเท่าไรนักจนภรรยาของเขาเรียกเข้าร้านไปช่วยทำแผลและให้น้ำแข็งประคบไปด้วยคนละถุง

ที่สองคนนั้นยอมอยู่และไม่ซิ่งออกไปก่อนก็เป็นเพราะถูกขู่เรื่องที่พยาบาลกะกลางคืนนั้นมีน้อยมาก
และอาจจะไปรบกวนการรักษาไอ้หนุ่มนั่นก็ได้ถ้าหากต้องแบ่งคนมาดูแลสองคนนี้อีก

ขาของแม่หนูผมทองเองก็ถูกพันไว้ให้เรียบร้อยอีกคน

พวกเขาคิดว่ามันจะจบลงแค่นั้น

แต่แล้วหลังจากนั้นทุกๆอาทิตย์พวกเขาก็จะได้รับของขวัญหลายๆอย่างแบบไม่มีที่มาที่ไป

หน้าร้านก็จะมีคนมากวาดให้จนสะอาดทุกวัน
ลูกสาวที่เคยกลัวการต้องออกไปไหนมาไหนคนเดียวก็ได้เพื่อนสาวและชายเพิ่มอีกหลายคนที่พร้อมจะมารับส่งเธอได้ทุกเมื่อและเป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนอายายะเติบโต

ในงานแต่งของมาซาโตะกับเธอเองก็มีกลุ่มคนที่ดูเหมือนนักเลงกลุ่มใหญ่มาร่วมงานด้วยแถมยังร้องไห้เสียงดังกว่าชาวบ้านเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่มันก็...ไม่ใช่ครั้งเดียวหรือครั้งสุดท้ายที่เจ้าเด็กหนุ่มหัวทองนั่นวิ่งตาตั้งแบกคนเจ็บมาหาพวกเขาในเวลากลางคืนหรอกนะ...

โอ้ มันไม่ใกล้เคียงเลย

แถมอายายะก็ยังให้ท้ายด้วยการไปเรียนหมอเหมือนอยากสานต่อการถูกแวะเอาเคสฉุกเฉินมาหาถึงที่เสียด้วย(...

เลิกทำคนแก่หัวใจจะวายซะทีจะได้ไหม!
ทาเคมิจิถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลพร้อมๆกับคุณองค์รักษ์

...ซึ่งบอกตามตรงว่าตอนนี้เขาไม่รู้แล้วว่าอะไรจริงอะไรหลอก

ประสบการณ์ขนหัวลุก คุณองครักษ์และการถูกแทงทำให้สติของเขากระเจิงไปหมดแล้ว

กระเจิงจนรับรู้คำพูดของแมวและเห็นว่าคุณองค์รักษ์สามารถซัดมาซ่ะจังเจ้าเก่าให้น็อกได้ในหมัดเดียว
กระทั่งเรื่องการเอาแมวขึ้นรถพยาบาลและเข็นเข้าห้อง ICU ไปเช่นกัน

คุณพยาบาลช่วยดูแลมือของเขาให้พร้อมกับกำชัดเรื่องที่ห้ามใช้มัน เปียกน้ำและต้องทานยาบลาๆๆ

แต่ใจของเขาอยู่ที่ห้องไอซียู

...ภาพแปลกๆที่มีแมวเป็นฝูงวนเวียนอยู่หน้าห้องนั้นเองก็เหมือนกัน

บางตัวเห็นเขาเข้าก็ผงะไป
บางตัวก็พยักหน้าให้เหมือนกำลังทักทายหรือขอบคุณที่ช่วยคุณองครักษ์เอาไว้

ทาเคมิจิโยนตรรกะทิ้งไปแล้วพยักหน้าตอบให้พวกมันทุกตัว

จะอะไรก็ไม่รู้แล้วแต่แมวพวกนี้ไม่ใช่แมวปกติแน่...

มันจะเกี่ยวกับ...ผี..? ก่อนหน้านี้มั้ยนะ?

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้นเสียหน่อย
ฮินะจังที่นั่งอยู่อีกฝั่งของเอมะจังกุมมือเธอเอาไว้ในขณะที่เธอวางมืออีกข้างอยู่บนอุ้งเท้าของเจ้าหญิงที่อยู่บนเก้าอี้ข้างๆกัน

ต่อให้ไม่ได้รู้จักอะไรกันมากมายแต่เหตุการณ์ในคืนนี้ก็คงทำให้เธอตกใจมาก

เจ้าหญิงที่เห็นเขาเข้าก็ร้องมาวๆเรียกหา
มันผละออกจากข้างกายเจ้านายสาวและแปะอุ้งเรียกเขาไปนั่งแทนที่

เขาสาวเท้าเข้าไปนั่งข้างเธอ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ข้างๆจะดีกว่ามีแมวอยู่หรือไม่

แต่ในตอนที่เขาจะถามความคืบหน้าระหว่างที่เขาไม่อยู่เจ้าหญิงก็โดดขึ้นมายึดครองตักของเขาทั้งแบบนั้น

อุ้งมือข้างหนึ่งก็ยื่นไปจับกับเอมะจังเอาไว้
ในขณะที่อีกข้างก็ยื่นมาแตะเข้ากับเขา

เด็กหนุ่มหูแมวที่หูกำลังตกลงปรากฏขึ้นมาในสายตา

ใบหน้าที่นิ่งเฉยขัดกับสีหน้าทะเล้นและมักจะยิ้มกริ่มให้เห็นนั้นทำให้เขารู้ว่าเธอเองก็รับรู้เหมือนกันว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

"มันจะไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วงนะ คุณองครักษ์น่ะแข็งแรงมากอยู่แล้ว"
เขากำลังปลอบทั้งเจ้าหญิงและเจ้านายของเธอ ฮินะจังเองก็กำลังพยายามช่วยเท่าที่ทำได้

และในที่สุดข่วงเวลาที่พวกเขารอคอยก็มาถึง

"คนไข้พ่นขีดอันตรายแล้วครับ"

น้ำตาเขาไหลพรากอย่างไม่ต้องสงสัย

ความวุ่นวายขนาดย่อมนี้ทำให้คุณพยาบาลต้องมาปรามเสียงเหมียวๆที่ว่า
...โดยที่มองข้ามเรื่องที่มีแมวอยู่เต็มโรงพยาบาลไปหมดไป(...

..ไม่เข้าใจจริงเลย?

แต่พอรู้สึกตัวขึ้นมามือของเขาก็ว่างเปล่าลงเสียแล้ว

องค์หญิง...?

เขากวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะทันได้เห็นหางฟูๆสีครีมๆเลี้ยวหายไป

เขาทิ้งปาร์ตี้แมวและสาวๆเอาไว้ก่อนจะเดินตามเธอออกไป

และที่ข้างนอกนั่น
เขาก็เห็นองค์หญิงตัวน้อยๆที่มีน้ำใสๆหยดลงจากดวงตาอย่างเงียบงันในมุมที่ร้างผู้คน

น้ำตาของเขารื้นขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ในคราวนี้มันมาจากความเจ็บปวดในจิตใจของเธอ

คงจะเป็นห่วงเพื่อนสนิทมากเลยสินะคะ?

"องค์หญิง..."

เขาส่งเสียงเรียกออกไปอย่างแผ่วเบา
ทาเคมิจิไม่ได้อยากจะขัดจังหวะแต่ก็ไม่อยากปล่อยเธอไว้ตัวเดียว

ไม่อยากให้เธอคิดว่าต้องมาซ่อนตัวแล้วทำแบบนี้อีกถ้าหากอยากจะร้องไห้

เธอหันหน้าหนีเขาเหมือนกำลังจะซ่อนน้ำตาแต่ทาเคมิจิก็คุกเข่าลงกอดเธอเอาไว้

"ดราเค่นคุงปลอดภัยแล้วค่ะ เขาไม่เป็นอะไรแล้ว"

เขากล่าวมันซ้ำๆให้เธอฟัง
พิงเธอลงกับไหล่ของตัวเอง ลูบหลังและกอดเธอเอาไว้

"ผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนเธอพร้อมจะเข้าไปหาเพื่อนข้างในเองนะคะ"

มือของทาเคมิจิถูกแตะโดยอุ้งเท้าของเธอ

ก่อนที่เด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นจะฝังตัวลงกับร่างของเขาแล้วกอดรัดมันไว้แน่นราวกับว่าเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ

"..ทาเคมิจจิ..."
เสียงของเธอแหบห้าวกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

คงต้องถึงเวลายอมรับเสียทีว่าแมวเหมียวขนฟูที่เป็นเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยของเขา..จริงๆแล้วเป็นเด็กหนุ่มที่กำลังถูกความรู้สึกากมายถาโถมเข้าใส่

"..ว่าไงคะ?"
"เคนจินน่ะ เคนจิน--"

ทาเคมิจิต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่กำลังคุยกับภาพหลอนของตัวเอง

แต่ว่า
"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ อีกเดี๋ยวก็จะได้กินอันปังด้วยกันแล้วนะ"

เขายิ้มบ้างๆ ไม่รู้ว่าคุณองค์รักษ์ชอบอันปังที่ว่านี่รึเปล่าด้วยซ้ำ

"ดราเค่นคุงจะต้องออกมาเดินปร๋อแล้วก็รับหน้าที่องค์รักษ์ประจำตัวของ...ไมกี้คุงได้เหมือนเดิมแน่ค่ะ"

อีกฝ่ายเงียบเสียงไปครู่ใหญ่และทำเพียงกอดตอบเขาเช่นเดิม
"ไม่ใช่องครักษ์ซักหน่อย เป็นรองหัวหน้าของฉันต่างหาก"

เสียงที่ดังขึ้นข้างหูฟังดูเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างจนทำให้ทาเคมิจิแอบกดยิ้มเล็กๆลงบนไหล่กว้างตรงหน้า
.
.
.
อย่างน้อยก็ให้ผมได้ปลอบโยนเขาในคืนนี้ จนกว่าน้ำตาจากดวงตาสีดำคู่นั้นจะเหือดแห้งไปเหมือนสายฝน..ก็คงจะไม่ผิดอะไรใช่มั้ย?
เลื่อนสถานะจากแมวแปกๆมาเป็นภาพหลอนอย่างเป็นทางการแล้ว!

เขาคุยกันรู้เรื่องแล้ว ดีใจจุง🥹 ให้เวลาน้องได้คุยกับตัวเองและไปลองคุยกับสองภาพหลอนพูดได้นะ คิดว่าอีกไม่นานน้องก็น่าจะเข้าสู่หนทางการแก้ไข(?)ซักที😳✨

วันนี้ไม่มีโพล เอามีมโง่ๆไปตัดมู้ดแทนนะคะ5555555 Image
Also คุณองค์รักษ์ตอนเห็นป้ายคลินิกสัตว์เลี้ยงโตเมี้ยว : Image
เมื่อคืนทวิตแกงมาก เด้งออกๆลูกเดียว จะแจ้งก็ไม่ได้ฟฟฟ ถ้าวันนี้ไม่มีปัญหาอะไรจะมาต่อตามปกตินะคะ แต่ถ้าไม่มีก็ทวิตแกงอีกตลบค่ะฟฟฟ🙇‍♀️💦
มันเริ่มจากยาดองเหล้าสมุนไพรฤทธิ์แรงที่ถูกรินไปให้เพื่อนสมัยเด็กที่พึ่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งของคาคุโจขำๆ

สิ่งที่เขาคาดหวังจะได้เห็นก็คือท่าทางเก้ๆกังๆของทาเคมิจิที่พึ่งจะเคยได้ลองดื่มเหล้าเป็นครั้งแรกและปฏิเสธที่จะดื่มต่อ

...ไม่ใช่...อะไรก็ตามที่ตามมานี่

"เย้!"
"เฮ!!!!!"
พลุกระดาษ เสียงเพลง เบียร์ปอง เครื่องดื่ม ขนม แดนซ์ฟลอร์และลูกน้องและผู้ผ่านไปผ่านมาที่โผล่มาเข้าร่วม 'ปาร์ตี้' นี้โดยมิได้นัดหมาย

"เย้!"

และทุกครั้งที่คนที่เด็กที่สุดอย่างทาเคมิจิชูแก้วสีแดงของตัวเองขึ้น..

"เฮ!!!!"

ก็จะมีเสียงเฮตามมาจนเจ้าตัวยิ้มแก้มปริทั้งเมาๆแบบนั้น
...กระทั่งมอจจี้ ชิออน รันและรินโดก็ยังร่วมเฮฮาไปกับเขาด้วย

ฐานของเทนจิคุ...กลายเป็นอะไรไปแล้วกันนะ(...

คาคุโจกุมขมับ

ตอนแรกมันก็ไม่ได้อะไรขนาดนี้ ทาเคมิจิที่กระดกเหล้าจอกแรกเข้าไปก็แค่เกาหัวแล้วหัวเราะแฮะๆบอกว่าเมื่อกี้รีบกลืนจนไม่ทันได้รับรสเหล้าที่ว่าด้วยซ้ำ
คาคุโจหัวเราะขึ้นจมูกแต่ก็ไม่ได้รินเพิ่มให้เพราะเจ้าตัวไม่ได้ขอ ท่าทางเหมือนอยากกินข้าวเต็มแก่ เขาก็เลยตักข้าวส่งให้แล้วเริ่มกินมันด้วยกัน

เห็นทุกคนดูมีความสุขกับอาหารมื้อนี้เขาก็ดีใจ ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเพื่อนคนสำคัญกับคนที่เขายอมมอบชีวิตให้จะได้กินข้าวร่วมโต๊ะกันเช่นนี้
เขาคุยไปกินไป ตักนู่นตักนี่ให้ทั้งสองคนลองสิ่งที่ตัวเองชอบยิ้มๆ อาจจะเพราะไม่ได้ตั้งใจจะมาดื่มอะไรด้วยก็เลยไม่ได้แตะต้องเครื่องดื่มที่เคยตั้งอยู่ใกล้ๆ...

และไม่ได้สังเกตซักนิดว่ามันได้หายไปนานแล้ว(...

แม้จะรู้สึกเอะใจที่อิซานะทำหน้าเหมือนกำลังรอเรื่องสนุกอยู่ก็ตามแต่
แต่อิซานะก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว

เขาเป็นคนที่คาดการณ์ไม่ได้ยิ่งกว่าฮีโร่ขี้แยที่ชอบผลุนผลันทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องแบบดับเครื่องชนเสียอีก

...ที่เจ้าตัวยังไม่ได้ทำเรื่องเอาแต่ใจหรือตีทาเคมิจิจนยับเยินเพราะรำคาญคนอ่อนแอนี่ก็น่าประหลาดใจมากแล้ว
สองคนนี้อาจจะเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาคิดก็ได้

...การได้เห็นฮีโร่ทั้งสองคนในชีวิตของตัวเองอยู่ด้วยกันได้ดีทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจจนหุบยิ้มไม่ลง

ถึงทาเคมิจิจะทำเรื่องแปลกๆขึ้นมาบ้างก็ตาม

ทั้งเรื่องที่เรียกอิซานะว่าคนสวยขา
แกะก้างปลาป้อนให้อีกฝ่ายถึงปากแต่กับเขาแค่คีบใส่จานให้
จากที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็ย้ายไปนั่งใกล้ๆจนเข่าชนกัน

ถ้าจับนั่งตักได้บางทีอาจจะทำไปแล้วก็ได้?

คาคุโจคิดว่าตัวเองควรจะอิจฉา..?

แต่ภาพที่ได้เห็นคนที่ถือตัวเป็นราชาทำท่าเก้ๆกังๆที่ถูกดูแลอย่าง'ใกล้ชิด'เกินเบอร์ในแบบที่เขาเองก็ไม่เคยทำให้นั้นมันน่าขบขันอยู่ไม่น้อยเลย
แต่เรื่องที่หมัดของคนผิวแทนซัดเข้าที่หัวคนตาสีฟ้าที่กำลังเช็ดปากให้อีกฝ่ายเต็มๆแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยนั้น...ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วง

อิซานะไม่เคยออมมือ
และทาเคมิจิก็ไม่ได้หลบหลีกหรือปัดป้องแต่อย่างใด

"เป็นอะไรรึเปล่าทาเคมิจิ!?"
"เอ๋ มีอะไรเหรอคาคุจัง?"
ท่าทางสบายๆเหมือนไม่รู้สึกถึงมันทำให้พวกเขาสองคนหันมาสบตากัน

"ฉันไม่ได้ออมมือ"

เขารู้ดี

ก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกเรื่องที่เขาไม่รู้ขึ้นมา

"ก่อนที่แกจะมาฉันเตะมันไปรอบนึง"

!!!
เขาผุดลุกขึ้น จะเข้าไปดูหัวที่อาจจะมีเลือดคลั่งอยู่ภายในไปแล้วก็ได้ของเพื่อนสมัยเด็กของตน
"..ฉันเตะขามัน"

อิซานะเห็นท่าทางของเขาก็กลอกตาแล้วจับขาข้างที่ว่ายกขึ้นมาให้ดูจนทาเคมิจิเกือบตกเก้าอี้ก็ไป

"เหวอ! อะไร๊!?"

...ที่ขา?

คาคุโจหยุดชะงักเพื่อมองท่อนขาเปลือยๆด้านใต้ของกางเกงสามส่วนที่ดูจะไม่มีรอยช้ำหรืออาการอะไร

รับลูกเตะขึ้นชื่อของหัวหน้าของเขาได้เชียวหรือ...?
คาคุโจหรี่ตาลง

ก่อนจะเอามือฟาดขาที่ว่านี่เต็มแรง!

เพี๊ยะ!

"โอ๊ย!! ทำอะไรนะคาคุจัง!?!?"

รอยมือสีแดงข้างหนึ่งถูกประทับไว้บนต้นขาด้านนอกที่กางเกงสามส่วนร่นลงไปกอง

ฮีโร่ขี้แยน้ำตารื้นขึ้นมาสมชื่อที่จู่ๆก็ถูกตี

อิซานะกระพริบตาปริบๆและปล่อยขานั้นลงด้วยความฉงน
ตอนที่เคยเตะต่อยไม่ยักกะมีเสียงกระทบกันออกมาด้วยซ้ำ?

"โทษทีทาเคมิจิ มีแมลงน่ะ"
"ก็ไม่เห็นต้องฟาดแรงขนาดนั้นเลยนี่!"

ฮีโร่ลูบขาตัวเองที่ตอนนี้มีรอยมือทั้งน้ำตาคลอ มือก็เลื่อนไปหยิบเอามือคนข้างๆมาแปะทับรอยเสียเฉยๆ?

"ปลอบใจผมหน่อยสิ ผมโดนคาคุจังรังแกแล้วเห็นมั้ยคนสวยขา..."
เจ้าตัวว่าด้วยเสียงอ้อร้อแถมยังจับมือคนผิวแทนลูบวนอยู่ข้างตักแบบคนหน้าไม่อาย!

...แม้กระทั่งคนที่เห็นภาพนี้เฉยๆอย่างเขายังรู้สึกแปลกๆ..แล้วจะนับอะไรกับเจ้าของมือที่ถูกเอาไปทำตามใจแบบนั้น

แต่มืออีกข้างของอิซานะก็ไม่ได้ลั่นใส่อีกฝ่ายอย่างที่คิด
อิซานะเพียงใช้มือดึงแก้มอีกฝ่ายแรงๆจนยืดเท่านั้น

"ทาเคมิจิตอนนี้เจ็บมั้ย?"

คาคุโจเอ่ยถามทาเคมิจิที่กำลังทำหน้าตาเอ็นดูอิซานะ อีกฝ่ายส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมาเบาๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร

"มาจิ้มกันแบบนี้ได้ไงคะ หึ๊?"

ทาเคมิจิยิ้มกริ่ม มีความสุขที่อุ้งมังคุดสีชมพูแตะหนุบอยู่ที่แก้มตน
แล้วระหว่างที่คาคุโจกับอิซานะกำลังมองหน้ากันเพื่อหาคำตอบให้กับเรื่องแปลกๆที่กำลังเกิดขึ้นนี้ก็มีบุคคลที่สี่โผล่หัวออกมาจากประตูห้องส่วนตัวที่พึ่งถูกเปิดขึ้นมาเมื่อครู่

"คุณคาคุโจได้เรื่องแล้วครับ--"

เขามองหน้าอิซานะที่โบกมือไล่เขาไปรับรายงานด่วนจากลูกน้อง
ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้เขาคงให้ลูกน้องยืนรายงานมันตรงนั้น ยังไงทาเคมิจิก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรอยู่แล้ว

เพราะเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องส่วนตัวที่ว่า...

มันก็ไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว(...

สิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงขวดเหล้าที่พร่องไปกว่าครึ่งตรงที่นั่งของทาเคมิจิเท่านั้น

ชิท!
วันนี้มู้ดไม่ได้เลย น่าจะเพราะเมื่อวานบิ้วขึ้นแต่ไม่ได้เขียนฟฟฟ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้จะเข้าสู่ช่วงอิซาทาเคที่เฝ้ารอแล้วกันนะ! ตอนนี้เขายังไม่ออกฤทธิ์กัน(?)

ว่าแต่เขาไปไหนกันสองคนหว่า🤔✨ วงวารคาคุจังแป็ปฟฟฟ จะไปหาแงวหลงสองตัวที่ไหนได้บ้าง

สุ่ม(?)
อิซานะไม่ไว้ใจตัวประหลาดข้างกายนี่
ยิ่งเขาไม่สามารถทำอะไรมันได้แล้วความระแวงก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น

แต่คาคุโจทำได้

และเขาก็ไว้ใจให้มือขวาคนสนิทของตัวเองยื่นมือเข้ามาจัดการถ้าหากจำเป็น

มันอาจจะน่ารำคาญที่เขาไม่สามารถทำอะไรมันด้วยตนเองได้

แต่แค่ให้มันเผยธาตุแท้ออกมาให้ได้ก็ใช้ได้แล้ว
เพราะแบบนั้นในตอนที่คาคุโจออกไป อิซานะก็ผุดลุกขึ้นจะเดินออกไปอีกคน

"แกน่ะ"

เขาหันกลับไปหาเจ้ากุ้งแห้งผมทองที่ยังถือตะเกียบคีบนู่นนี่เข้าปากจนแก้มป่องเหมือนแฮมสเตอร์

เห็นแล้วอยากบีบอีกสักรอบ

"ว่าไงคะ?"

หลังจากเคี้ยวและกลืนลงไป 'ฮานากาคิ' ก็ยิ้มแฉ่งส่งมาให้พร้อมกับกวักเรียกหา
"ตามฉันมา"

้เขาบอกมันเสียงเข้ม มือก็วางนาบประตูแล้วครูดเล็บลงบนมันเป็นการเตือนกรายๆว่าถ้าหากไม่ยอมตามออกมาดีๆก็อาจจะไม่ได้เดินออกไปเองตลอดชีวิต

"จะไปไหนเหรอคะ?"

เจ้าตัวเลิกคิ้วเอียงคอใส่เขาด้วยสายตาตั้งคำถามแต่เมื่อไม่เห็นเขาขยับก็ถอนหายใจยิ้มๆ วางตะเกียบลง เช็ดปากแล้วลุกมาหา
ฮานากาคิเปิดประตูให้เขาแล้วถอยออกไปให้เขาออกก่อนอย่างรู้งาน

อิซานะกรอกตาระหว่างที่ออกจากห้อง ไม่รู้มันจะแสร้งทำตัวเป็นคนดีทำไมทั้งที่คาคุโจไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ

"แค่ตามมา--"
"ไปทำธุระเสร็จแล้วก็รีบกลับมานะคะ ข่วนประตูก็ได้นะเดี๋ยวผมจะมาเปิดประตูให้"

หะ

'แอ๊ด...ปึง...'
แล้วด้วยรอยยิ้มหยอกล้อและการโบกมือหยอยๆเป็นการบอกลา อิซานะก็ถูกปิดประตูใส่หน้าเบาๆทั้งแบบนั้น(...

ทุกการกระทำนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความสุภาพ ขนาดคำเรียกแทนตัวเองและคำลงท้ายคะขาเองก็มี

แต่ทำไมมันถึงได้น่าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าถูกศัตรูของแก๊งถ่มถุยใส่ก่อนจะได้ซัดกันเสียอีก💢?
"ใครเขาอยากให้แกมาเปิดประตูให้กันเล่า! บอกให้ตามมาก็ตามมาสิวะ!"

ปัง!!

อิซานะเตะประตูจนมันกระแทกเปิดชนกับพนังเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ภาพฮานากาคิกำลังนั่งมองเขาขณะอ้าปากและคีบหมูค้างไว้จนมันตกลงใส่ชามข้าวอีกรอบนั้นทำให้อิซานะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่แยแสสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด
"วันนี้ลมแรงจัง สงสัยจะปิดประตูไม่สนิท?"

มันพึมพำขณะเกาหัวแกรกๆ ทำท่าจะคีบอาหารตรงหน้าขึ้นมากินต่ออย่างสบายใจเฉิบ

อิซานะเลือดขึ้นหน้า--แต่สายตาก็เหลือบมองไปทางหน้าร้านที่คาคุโจยังคงง่วนอยู่กับพวกเบี้ย

"ชิ"

เขาก้าวเข้าไปคว้ามือที่ยังถือตะเกียบคู่หนึ่งเอาไว้แล้วลากมันออกมา
"เฮ้ย! ใจเย็นสิคนสวย--ตะเกียบๆๆ!"

ร่างนั้นเซแถ่ดๆตามออกมาอย่างเสียไม่ได้ เขาลากฮานากาคิเป็นทางหลังร้าน ผ่านพนักงานที่โค้งส่งพวกเขาอย่างนอบน้อมแล้วทะลุออกมาด้านหลัง

"...ยังไม่อิ่มเลยแท้ๆนา เป็นอะไรไปคะ? หรืออยากให้ไปด้วยกันงั้นเหรอ?"

เขาว่าแล้วคืนตะเกียบให้ทางร้านแบบขอโทษขอโพย
"ตามมา!"

คราวนี้ฮานากาคิไม่ได้อิดออดเพียงแค่ยิ้มแฮะๆแล้วฝากพนักงานไปบอกคาคุโจว่าคนสวยลากเขาออกมา ไม่ได้ตั้งใจจะชิ่งหรือขโมยกลับบ้านแต่อย่างใด?

ชิ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง แค่นี้ก็ดูไม่ออกรึไงว่าที่พาหลบออกมาก็เพราะมีเรื่องจะ'คุย'ด้วยสองต่อสอง

แล้วจะขโมยอะไรกลับบ้าน? ตะเกียบ?
มันเดินตามเขามาแบบเอื่อยๆ ปากก็ฮัมเพลง มองซ้ายมองขวาดูไชน่าทาวน์เหมือนเด็กที่เพิ่งเข้าร้านขายของเล่นครั้งแรก

ท่ามกลางความวุ่นวายรอบด้าน อิซานะหันกลับไปหามันแล้วเริ่มถามคำถามที่เขาต้องได้รับคำตอบ

"แกมาทำอะไรที่นี่ มีจุดประสงค์อะไรกับคาคุโ--?"

แต่มันไม่อยู่แล้ว...

ฮา นา กา คิ💢
อิซานะกวาดตามองหาไอ้ตัวยุ่งที่ละสายตาแป็ปเดียวก็หายตัวไปเสียแล้ว!

บางทีนี่น่าจะเป็นความรู้สึกของคาคุโจที่กลับเข้าร้านมาก็ได้

อยู่นั่น!

เขามองมันที่กำลังต่อแถวซื้อ 'ขนมปังไส้ทะลัก' ตาขวาง

"ฮานากาคิ!"
"จ้าๆ รู้แล้วๆ ขอซื้อเสบียงก่อนไม่ได้เหรอ ที่บอกว่ายังหิวอยู่นี่หิวจริงนะคะ"
ทาเคมิจิมองคุณขาวมณีที่ส่งเสียงประท้วงดังเหมียวๆอยู่ข้างขาตัวเองด้วยท่าทีเอาแต่ใจด้วยสายตาวิบวับ

ก่อนจะจับน้องนางขึ้นมาอุ้มในท่าที่ให้มองไปข้างหลังตัวเขาเองได้จะได้ไม่วิ่งหนีไปไหนไกลจนเขาตามไม่เจอ

"น นี่ค่ะ ขนมปังไส้ทะลักครีมนมสด.."

ท่าทางเธอดูหวาดๆเมื่อเห็นเขาอุ้มแมวเอาไว้
"ขอบคุณครับ ไม่เป็นไรนะ น้องไม่กัด(?)หรอกครับ"

บางทีเธออาจะกลัวแมวก็ได้

เขาว่าทั้งยิ้มกริ่ม รับเอาขนมปังอุ่นๆหอมน่ากินมาก่อนจะกระชับตัวน้องเหมียวตัวดีแล้วเดินไปหาที่นั่งกินขนมรอคาคุจังตามมาสมทบด้วยกัน

ราวกับฟังออก ทันทีที่ออกจากร้านมาคอเขาก็ถูกฝังเขี้ยวเข้าให้จนสะดุ้งโหยง!
"โอ๊ยๆๆ! ยกโทษให้ด้วย! เบาหน่อยค่ะคนสวย! เบา--"

ทาเคมิจิร้องโอดโอย พอเจ้าตัวเล็กปล่อยคอของเขาก็รีบเอาขนมปังในมือยัดปากน้องไม่ให้ว่างมากัดคอกันอีก

...นอกจากะโดนกัดแล้วแม้แต่ขนมปังก็เสียให้แมวไปอีกแล้ว(...

เขาวางน้องลงกับม้านั่ง มือก็ลูบรอยฟันที่คอตัวเองน้ำตาปรอยๆ
อิซานะนั่งกินขนมปังที่แย่งมาได้ด้วยความพออกพอใจ

ดูเหมือนว่าเจ้าตัวประหลาดนี่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เหมือนกัน?

คอ
หลังจากนี้ต้องจัดการที่คอถึงจะได้ผล

ความระแวดระวังของอิซานะลดลงไปถึงหนึ่งระดับเมื่อได้รับรู้สิ่งนี้

เขามองคนที่หนีไปซื้อชานมไข่มุกระหว่างที่เลียครีมจากนิ้วของตัวเอง
ร้องไห้ง่ายเหมือนที่เคยได้ยินมาไม่มีผิด

ฮีโร่ขี้แย

เรื่องเล่าที่คาคุโจในสมัยเด็กเล่าให้ฟังจนขึ้นใจ

ตัวตนน่าอิจฉาที่ได้รับความรักและไว้ใจจากคาคุโจที่ควรจะเป็นคนของเขาเพียงคนเดียว

ตัวตนที่ฝังอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่ายเหมือนกับ--

เหมือนกับ...
คนที่ได้ตายไปแล้ว...อย่างชิน

ภาพซ้อนของคนผมดำที่ไม่มีสายเลือดเดียวกับเขาแม้แต่หยดเดียวแต่ก็ยังคงแวะเวียนมาหาจนกระทั่งตอนที่เขารู้ความจริงแล้วทำตัวต่อต้านออกไป

ใครจะไปรู้ว่าความจริงที่คิดว่าน่าเจ็บปวดที่สุดที่ได้รับตอนนั้นจะกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปเมื่อได้รับข่าวร้ายยิ่งกว่า
ชินอิจิโร่กลับมาไม่ได้อีกแล้ว

รอยยิ้มโง่ๆ ขนม อ้อมกอด การพูดคุยที่ชายหาด การไปขับรถเล่นด้วยกัน ความอบอุ่นและความรักที่อิซานะไม่เคยได้รับก่อนหน้า

ไม่มีแล้ว

มันถูกแผดเผาไปพร้อมกับโลงและรูปภาพสีขาวดำในงานศพสีหม่นตอนนั้นแล้ว

อิซานะ...เหลือเพียงคาคุโจเท่านั้น...
"อ้าม--"
"ง่ำ--"

อิซานะอ้าปากงับเอาสิ่งที่ถูกมาจ่อเอาไว้ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อครู่เข้าปากโดยที่ไม่รู้ตัว

รสชาติเป็ดราดซอส แตงกวาและแผ่นแป้งของโอโจหรือเป็ดปักกิ่งไซส์เล็กระเบิดในปากจนดึงเขาออกมาจากความทรงจำสีเทา

อร่อย...

ทั้งที่ก็เคยกินมาก่อนแล้ว
แต่พอได้เห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มกริ่มเหมือนลืมเรื่องที่ไม่ได้เต็มใจมาด้วยกันแล้วยังที่กัดคอไปอีก--

"อร่อยดีเนอะ?"

อาหารที่เคยคิดว่ารสชาติงั้นๆก็อร่อยขึ้นมา...

เขารู้สึกว่าอาหารที่แย่งมามักจะอร่อยกว่าของที่ซื้อเอง

แต่ของที่ถูกมอบให้อย่างเต็มใจ

ก็ดูจะอร่อย...ไม่แพ้กัน
เจ้าของดวงตาสีฟ้าที่ตรงกันข้ามกับดวงตาข้างนึงของคาคุโจเป็นประกายวูบไหวในแสงแดด

มือของเขาถูกจับจูงดึงพาลากไปกินนู่นนี่จนท้องแน่นไปหมด

แต่เขาก็ไม่ได้สลัดมันออก

แม้ว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นคนนำทางมั่วไปหมดและเริ่มโซเซมาพิงเขามากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าที่ขึ้นสีจางๆต่างจากตอนแรกก็เช่นกัน
เขาคิดว่าตัวเองมีเพียงคาคุโจหลังจากที่เสียชินไป

แต่ในความเป็นจริงแล้วหากไม่นับเบี้ยที่ไม่สำคัญก็ยังมีกลุ่มคนที่เขาให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน

S-62

"คนสวอยขา~"

ในร้านคาราโอเกะหรูหราที่สองพี่น้องไฮทานิชอบลากพาพวกเขามาบ่อยๆเพื่อแหกปากและดื่มกินตามใจ
"ฮานากาคิ"

ผู้ที่เรียกตัวเองว่าราชาและเห็นผู้คนเป็นเบี้ยล่างในตอนนี้กำลังถูกกดร่างราบไปกับโซฟาและประคองใบหน้าเอาไว้ภายใต้บรรยากาศสลัวๆ

ดวงตาทั้งสองคู่สบเข้าหาอีกฝ่ายแล้วเลื่อนเข้าหากันช้าๆ

"งื้อ ทำไมร้องเมี้ยวๆน่ารักอย่างนี้ละคะ♡"

แล้วอิซานะก็ถูกดึงแก้มทั้งสอง..จนยืดยาว(...
"ขอใจเธอให้ฉันนะ( ˘ ³˘)♥"

ทาเคมิจิไม่ได้กล่าวแต่อิซานะน่าจะได้ยินอย่างนั้น😂

พอจะรู้หรือยังว่าทำไมพี่แกถึงได้ยัวะ💢นักตอนที่ทาเคมิจิรู้ตัวขึ้นมา55555555

พี่อิซานะโดนแมวจ้มแกง!!
ยังเขียนไม่จบแต่วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ😂

คิดว่าพี่อิซานะตอนนี้คือ?
วันนี้เราไม่ว่างมาต่อนะคะ พรุ่งนี้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะได้มาต่อมั้ย งานท่วมหัวแล้วค่าฮือ555555/ไม่ร้อง

แต่แอบคิดพล็อตแงวบงเท็นได้ล่ะ อาจจะได้ฤกษ์เขียนสักที?
ชายหนุ่มผิวแทนที่กำลังนอนถูกยืดแก้ม(และมีเส้นเลือดปูดขึ้นที่ขมับ)อยู่นั้นได้เรียนรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับฮีโร่ขี้แยของคาคุโจที่เจ้าตัวเองก็คงไม่รู้

ฮานากาคิคออ่อน...มาก

เขามองหน้าแดงๆของมันที่เกิดจากอาการมึนเมาและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่นั่งอยู่บนหน้าท้องเขาแม้แต่น้อย
ตาปรือๆช่ำๆดูค่อนข้างล่องลอยผสานกับการหัวเราะมีความสุขแบบไม่มีสาเหตุแน่ชัดเป็นระลอกๆนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าเขายังเป็นพวกที่ในช่วงแรกจะเมาแบบไม่แสดงออกอีกด้วย

"อา นา อา อิ💢"

อิซานะจับมือที่แก้มของตัวเองพร้อมมองอีกฝ่ายตาขวาง

แต่ออกแรงแค่ไหนมืออีกฝ่ายก็ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย
สรุปแล้วที่เขาโดนจับมือพาเดินเล่นกินนู่นนี่แถมยังถูกอุ้มและป้อนเป็นครั้งคราวตามอารมณ์ของอีกฝ่ายนี่เป็นเพราะฤทธิ์เหล้าล้วนๆเลยใช่รึเปล่า?

...พอรับรู้ได้ถึงตรงนั้นเส้นเลือดปูดที่ขมับก็เพิ่มขึ้นเสียหลายเส้น💢💢💢!

"แออายแอ่อานาอาอิ💢"

เขาเลื่อนมือของตัวเองไปที่คอของมัน--
แล้วคว้าหมับ! บีบเข้าแรงๆให้มันรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้คุมเกมนี้เอาไว้ หวังให้มันร้องเอ๋งๆเหมือนตอนที่โดนกัดคอก่อนหน้า

...

ทำไมมันไม่เห็นเป็นอะไรเลย?

ฮานากาคิยังคงยิ้มกริ่มแม้จะปล่อยมือจากแก้มของเขาแล้วแถมยังแกล้งเอาจมูกมาแตะกันระหว่างที่มองตาสีกล้วยไม้ของเขาด้วยสายตาปรือปรอย
เขาโดนมันหลอกว่าคอคือจุดอ่อน!

อิซานะคิ้วกระตุกเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าอย่างจัง

เสียท่ามันจนได้💢

มือและเท้าของอิซานะเองก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่ผลก็ออกมาเหมือนเดิม จะเตะ ต่อย ทุบหรือกระทั่งตีแบบที่คาคุโจทำก็ไม่มีผลอะไร

มันเกยคางลงกับอกของเขายิ้มๆ ท่าทางมีความสุขดีเสียจนน่าหมั่นไส้
อิซานะจิปาก มองมือข้างหนึ่งของมันสอดเข้ามาเกาเบาๆที่ข้างศรีษะของตัวเองราวกับกำลังหยอกล้อ

จะบอกว่าเขาเหมือนหมา--?

การถูกคาคุโจจับหวีผมเองก็ให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไป

อิซานะคร้านจะทำเรื่องเปล่าประโยชน์และทำเพียงกระชับเอวมันขึ้นมาแล้วปล่อยให้มันทำตามใจ

ฮานากาคิดูพอใจกับสิ่งนี้
และไม่ เราจะไม่พูดกันเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนเดียวที่ใบหน้าขึ้นสีชมพูฟาด(...

อิซานะเม้มปาก จะบอกว่าถูกจู่โจมในแบบที่ไม่เคยตั้งรับและไม่ทันได้ตั้งตัวก็ไม่ผิด

ทั้งที่ความสามารถพิเศษของเขาคือการอ่านทางศัตรูแท้ๆ

..คราวนี้เขาได้รับประสบการณ์การถูกหยอกและรุกเข้าใส่จนต้องยอมจำนนแล้ว
แต่คราวหน้าเขาไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างง่ายๆแน่!

เขาสบตาเข้ากับคู่ที่มองช้อนขึ้นมาหาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกว่าถ้ามองต่อไปอกอาจจะระเบิดออกมาก็ได้

เขาเบือนหน้าหนี! หลบตาจากมัน--เพื่อไปปะทะเข้ากับดวงตาอีกสองคู่ที่มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

"โอ๊ะ ถูกจับได้ซะแล้วล่ะรินโด"
เจ้าของร่างยิ้มกริ่มเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมายืนพิงประตูห้องมองอยู่ซักพักแล้ว เช่นเดียวกับน้องชายที่กลอกตา รู้ทั้งรู้ว่าพี่ชายตัวเองอยากถูกเห็นจนใจจะขาด

มือถือในมือยังคงเปิดฟังก์ชั่นกล้องค้างเอาไว้ เก็บภาพหัวหน้าใหญ่ของเท็นจิคุทำตัวเหมือนสาวน้อยจากโชโจมังงะที่ถูกกดลงกับโซฟาครั้งแรก
...ซึ่งก็อาจจะใช่จริงๆก็ได้ ต่างจากเขาและรินโดที่เปิดกว้างเรื่องนี้ ทั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าของพวกเขาค่อนข้างจะหวงตัวและไม่วางใจให้ใครเข้ามาใกล้ รวมถึงไม่เคยสนใจคิดจะเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งร่วมกับพวกเขากันเสียเท่าไร

"ทำอะไรกันอยู่เหรอบอส~ให้ฉันกับรินโดเล่นด้วยสิ"
รันว่ายิ้มๆขณะก้าวเข้าไปใกล้ทั้งสองคนที่นอนราบอยู่กับโซฟา บังมุมไม่ให้อิซานะเห็นมือถือที่ยังคงบันทึกภาพต่อไปในมือของน้องชายไม่น่ารักของตัวเอง

"หือ--?"

ไม่คาดว่าคนที่ทำให้หัวหน้าใหญ่คิดสนใจขึ้นมาได้จะเป็น...

"เมี้ยวๆ"

เด็กที่กำลังยื่นมือมาหาเขาแล้วส่งเสียงเมี้ยวๆเรียก(...
...

รันกระพริบตาปริบๆ เหลือบมองอิซานะที่กำลังทำสีหน้าปลาตายใส่เด็กหัวทองนี่แล้วยิ้มออกมาก่อนส่งเสียงออกมาหนึ่งคำ

"เมี้ยว~"

ทั้งรันยังลดตัวสูงชะลูดลงไปวางคางลงกับฝ่ามือที่หงายขี้นมาด้วยความนึกสนุก

ดวงตาสีฟ้านั้นเป็นประกายพอๆกับรอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้

"เด็กดี✨"
คำชมเชยนั้นทำให้ผู้ที่ได้รับมันยิ้มค้าง

รินโดก้าวไวๆอ้อมมาด้านหน้าด้วยรอยยิ้มไม่น่ารัก เก็บภาพใบหน้าพี่ชายที่กำลังทำสีหน้าชอบใจ(?)ออกมา

...ดูซิ เราเจออะไร..

ดวงตาสีม่วงหรี่ลงขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นฉีกกว้างขึ้น--

"หยุด"

อะไรก็ตามที่อยู่ในความคิดเขาถูกตัดไปด้วยเสียงของอิซานะ
"อาหารกับเครื่องดื่มที่สั่งได้แล้วค่ะ..."

พนักงานสาวประจำร้านคาราโอเกะสุดหรูแห่งนี้ก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีเป็นมืออาชีพ

หล่อนไม่เห็น ไม่ได้ยินและจะไม่พูดอะไรที่เกิดขึ้นที่นี่ออกไปทั้งนั้น

ร่างของคนที่ตัวเล็กที่สุดเด้งขึ้นจากตัวผู้ที่นอนอยู่บนโซฟาทันทีที่ได้ยินคำว่าอาหาร!
บรรยากาศที่หยุดชะงักไปเมื่อครู่กลับเข้าสู่สภาวะปกติทันทีเมื่อคนเมาหนึ่งเดียวในห้องเริ่มเปิดกระป๋องเบียร์ที่มาเสิร์ฟและกินมันฝรั่งทอดที่มาด้วยกันนั้นราวกับเป็นคนสั่งเอง...

"อ่ะ"

...แล้วยังมีหน้ามาทำเหมือนแบ่งให้รินโดที่ยืนถือมือถืออยู่ใกล้ๆอีกคน...
"..."

แน่นอนว่ารินโดไม่รับของกินจากมือคนแปลกหน้า...

ทาเคมิจิทำหน้ามุ่ย มือก็ชักแผ่นมันฝรั่งทอดกลับมากินเองงอนๆเจ้าเหมียวไม่น่ารัก(?)เหมือนมันเป็นฝ่ายที่เอาแต่ใจ

"ดื้อ"

...รินโดอ้าปากค้าง มองเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนไม่รู้แย่งของกินของตัวเองแล้วยังมาว่ากันเสียอย่างนั้น???
รันหลุดขำก๊ากใส่น้องชายที่ยืนอ้าปากผะงาบๆ ไม่โกรธด้วยซ้ำที่เบียร์ของตัวเองถูกเด็กนี่แย่งไปกินเช่นเดียวกัน

อิซานะที่ลุกขึ้นมานั่งดีๆแล้วหัวเราะขึ้นจมูก ความรู้สึกหวั่นไห--ไปไม่ถูกเมื่อครู่ค่อยๆละลายลงกับใจและกลับมาเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม

"ฮานากาคิ"
"หือ ว่าไงคะคนสวย~?"
ฮานากาคิที่กลับมานั่งเอนหลังชันเข่าทั้งสองกับโซฟาข้างๆอิซานะหันมาให้ความสนใจเขา มือก็ประคองเบียร์ในมือขึ้นจิบตาแป๋ว

รันกับรินโดสำลักอากาศกับคำเรียกที่ว่านั้น--

"นับจากวันนี้เป็นต้นไป"

อิซานะยกยิ้มที่ไม่ได้ใสสะอาดนักขึ้นมา

"แกเป็นคนของเทนจิคุแล้ว"
โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย ทาเคมิจิที่ยังคงเมาแอ๋และกำลังจิบของมึนเมาเพิ่มอย่างไม่น่าให้อภัย เอียงคอใส่เสียงร้องเหมียวๆสุดน่ารักตรงหน้าด้วยความเอ็นดู

"คะ?"

...และตกลงไปหลุมของราชินีหัวใจที่มีกระต่ายชุดแดงและแมวเชสเชียร์สองตัวขุดเอาไว้ทั้งอย่างนั้น...
...และนั่นก็คือสาเหตุของ 'ปาร์ตี้' ในครั้งนี้

"เย้!"

ทาเคมิจิที่บนบ่ามีเสื้อคลุมสีแดงและสัญลักษณ์หยินหยางสีขาวดำถูกทักทอปักเอาไว้ยกแก้วพลาสติกสีแดงของตัวเองชูขึ้นเหนือหัวอีกครั้ง

"เฮ!!!"

และเขาก็ยังคงได้รับเสียงตอบรับจากเหล่าคนเมาทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้
คาคุโจมองอิซานะที่ดูจะพออกพอใจกับสิ่งที่ได้เห็นนี้ขณะที่ยกแก้วของตัวเองขึ้นชูให้อีกฝ่ายที่ดูจะมีความสุขดีที่ได้รับการตอบรับจากพวกเขา

"...เอาทาเคมิจิเข้ามาเกี่ยวด้วยทำไม อิซานะ"

คาคุโจไม่รู้จะรุ้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปุปปัปนี้

ใจนึงเขาก็ดีใจที่จะได้อยู่แก๊งเดียวกัน
แต่อีกใจก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนและรู้ดีกว่าใครว่าทาเคมิจิห่วยแตกในด้านการต่อสู้และเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงจนน่าเหลือเชื่อ

ทั้งยังหัวแข็งหัวดื้อแถมยังอดทนเก่งจนบ้างครั้งก็น่าโมโห

"ไม่รู้สิ"

และเขาก็รู้ดีด้วยว่าอิซานะกำลังโกหก
มือถือฝาพับสีขาวไม่คุ้นตา..แต่เดาได้ไม่ยากว่าเป็นของใครนั้นถูกเปิดปิดเล่นอยู่ในมือของอีกฝ่ายที่ไม่ได้ถือแก้วพลาสติกสีแดงเอาไว้

ดวงตาสีกล้วยไม้มองทาเคมิจิที่กำลังอุ้มมอจจี้ขึ้นมากอดท่ามกลางเสียงโอ่อ่าของเหล่าลูกน้องและชิออนที่กำลังถ่มถุยใส่เขาว่าตัวเองก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ในขณะที่เจ้าของดวงตาสองสีกำลังจับจ้องไปที่ภาพในมือถือของคนสองคนที่เขาไม่รู้จักและกำลังนั่งพิงกันอยู่บนจอด้วยท่าทีสงบและสนิทสนม

บางทีแล้วทาเคมิจิอาจจะเป็นคนถ่ายภาพนี้ด้วยตัวเอง..

..และมันก็อาจจะเป็นคำตอบที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไรของคำถามนี้ก็ได้
แต่มันก็สายเกินกว่าจะแก้อะไรแล้ว
อย่างน้อยก็จนกว่าทาเคมิจิจะสร่างจนรู้ตัวว่าตอบรับอะไรลงไป

เขาจะเชื่อฟังราชาของเขาเสมอ

"ฉันขอดูแลทาเคมิจิเอง"

แต่ก็จะไม่ปล่อยให้เพื่อนต้องมาโดนเรื่องร้ายๆโดยที่ไม่ช่วยเหลือหรือได้รับกระทั่งคำเตือน

"ก็หวังอย่างนั้นอยู่แล้ว"
.
.
.
อะไรบางอย่างทำให้คาคุโจรู้สึกว่าคำตอบรับสบายๆและรอยยิ้มของราชาตรงหน้า...

ช่างบิดเบี้ยวเสียจริง
ชะอุ้ย 👀💦

หรือว่าที่พี่โกรธจะไม่ใช่เพราะโดนยืดแก้มกันนะ👀✨/หัวเราะชั่วร้าย

ได้เขียนไฮทานินี่สนุกจัง ปลุกความเป็นเด็กดื้อและเด็กดีในตัวคุณ 👁️👄👁️)✨

แงวบงเท็นนี่ อยากให้คาคุโจเป็นแมวหรือเป็นคนดี เพราะจะเป็นเอยูแยกนะ ตามไทม์ไลน์นี้บงเท็นไม่เกิดแน่นอน

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with SkyGaw สุกสกาวกาย---😤👌✨

SkyGaw สุกสกาวกาย---😤👌✨ Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @SukSkyGaw

Jun 15, 2020
#เซฟคลาวด์

เมื่อผ่านพ้นวันเกิดอายุครบ 12 ปี เด็กหนุ่มบ้านนอกจากนิเบลไฮม์คนหนึ่งได้รับของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตสั้นๆแสนเงียบเหงาของตัวเอง

'เซฟิรอธ'

ที่ข้อมือข้างขวา มีตัวอักษรสวยงามสีเงินได้ถูกสลักเอาไว้

อีกครึ่งนึงของเขา

คือ 'วีรบุรุษของวูไท'
คนที่สง่างาม แข็งแกร่งและเป็นที่รัก..คืออีกครึ่งนึงของเขา..

เด็กไร้ชื่อ ไม่มีพ่อ ที่แค่เพื่อนก็ยังไม่มี

คลาวด์มองโปสเตอร์ของคนที่โชคชะตาคิดว่าเขาคืออีกครึ่งนึงของอีกฝ่าย

เด็กหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาสีมรกตงดงามอยู่เนิ่นนาน...และเส้นผมสีเงินที่มีเฉดสีเดียวกับตัวอักษรบนข้อมือของเขา
ก่อนจะตัดสินใจ...ที่จะแข็งแกร่งขึ้น

เขาจะไม่ทำให้อีกครึ่งนึงของเขาต้องอับอายที่มีคนอย่างคลาวด์เป็นโชคชะตาของตัวเอง

..

มอนสเตอร์ในนิเบลไฮม์ มีระดับที่ค่อนข้างสูง การจะปราบหมาป่าตัวนึงถ้าหากไม่มีประสบการณ์หรืออาวุธที่ดี สำหรับชาวบ้านตาดำๆหนึ่งคน ก็เหมือนเอาชีวิตไปทิ้งดีๆนี่เอง
Read 38 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Don't want to be a Premium member but still want to support us?

Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us!

:(