เดือนสิงหาคม วันแม่แห่งชาติ และคนกลุ่มหนึ่งก็มักขุดเรื่องเพชรซาอุฯ มาเพื่อโจมตีสถาบัน ใส่ร้ายให้เสื่อมเสีย และในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ผมขอเล่าเรื่องความสัมพันธ์ ไทย - ซาอุดิอาระเบีย และเพชรซาอุฯ ที่ถูกขุดมาเสมอ ๆ นี่แหละครับ

เอาล่ะครับ จะเริ่มใน ๓ ๒ ๑...
เรื่องของเพชรซาอุฯ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี ๒๕๓๑ สมัยนั้นการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ คือ ความใฝ่ฝันของคนไทยหลาย ๆ คน เพราะเชื่อว่าการได้ไปทำงานต่างบ้านต่างเมืองก็เหมือนได้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ มีรายได้มากขึ้น สบายกว่าเดิม หรือที่เรียกกันว่าไป "ขุดทอง" นั่นเอง
ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ ก็ต้องถือว่าดีในระดับหนึ่งเลยนะครับ ไทยเราแทบจะเราเป็นมิตรต่อทุกชาติบนโลกอยู่แล้ว อย่างตอนสงครามโลกเขาสงครามกันตูม ๆ เราก็ยังเป็นมิตรได้กับทั้งสองฝ่าย เป็นความเทพด้านการทูตแบบ Siamese Talk ครับ ๕๕๕๕
เปิดตัวตัวละครหลักตัวแรกกัน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง หนุ่มเมืองลำปาง จบการศึกษาในระดับชั้นม.๓ ฐานะทางบ้านยากจน แต่เขาก็รู้มาว่าถ้าได้ไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็อาจทำให้เขาสามารถพ้นความยากจนได้ จึงรวบรวมเงินที่มี และกู้เงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นค่านายหน้า เป้าหมาย คือ ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ที่ประเทศซาอุฯ เกรียงไกรก็ได้ไปรับงานเป็นพนักงานทำความสะอาดแบบเหมาครับ แบบถึงรอบทีก็ไปทำที โดยสถานที่ที่เขาได้ไปที่หนึ่ง คือ พระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อัล ซะอูด แน่นอนครับประเทศร่ำรวย แถมยังเป็นวังอีก ด้วยปัจจัยต่าง ๆ รวมกันแล้ว ก็คือ โคตรของโคตรรวยนั่นแหละครับ
ในบ้านเราเองประเทศไทย ต่อให้จ้างพนักงานทำความสะอาดแบบอยู่ประจำ ให้ที่อยู่ที่กิน บางทียังขโมยของเจ้านายเลยครับ ก็สันดารโจรมันมีอยู่ในบางคน และจริตสันดานพวกนี้ไม่มีใครเขียนในใบสมัครหรือบอกตอนสัมภาษณ์งานแน่นอน (เว้นแต่ในหนังฝรั่งบางเรื่องน่ะนะ)
วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๓๒ นายเกรียงไกรได้เข้าวังครั้งแรก ตาก็ลุกวาวครับ โอโห! พระราชวังช่างหรูหราใหญ่โต มีห้องเป็นร้อยห้อง เพชรนิลจินดา สารพัด ต่างจากบ้านเซาะกราวของเขาที่เงินแค่จะยาไส้ยังหายากยิ่ง เผลอ ๆ ห้องน้ำห้องเดียวก็ใหญ่กว่าบ้านเล็ก ๆ ของเขาด้วยซ้ำ
ที่หนักกว่านั้นคือ พวกเครื่องประดับต่าง ๆ ของในตู้โชว์ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยเพชร แหวนเพชร นาฬิกาหรู เอาว่าของแบบนี้มี
วางให้เกลื่อน แบบเกลื่อนจริง ๆ นะ บางอันวางไว้บนโต๊ะเปล่า ๆ ไม่มีอะไรการป้องกันเลย ตู้เซฟเสียบกุญแจคาไว้ก็มี
ก็แบบคนมันรวยน่ะนะ ชิว ๆ
ต่อมาเดือน ในธันวาคม ๒๕๓๓๒ เจ้าชายเจ้าของวังพาครอบครัวไปเที่ยวครับ กินลมชมวิวกันสบายใจ เขาหารู้ไม่ว่าเรื่องร้าย ๆ จะเกิดขึ้น...

เมื่อนายไม่อยู่ เวรยามก็ลดลง ซึ่งก็ไม่แปลกครับเรา ๆ ท่าน ๆ เวลานายไม่อยู่ก็มีแอบอู้กันบ้างแหละเนอะ
เกรียงไกรจึงคิดแผนว่าจะลอบขโมยอย่างไร ก็ง่าย ๆ ครับ
๑. ซ่อนตัวในวัง รอเพื่อนร่วมงานกลับ
๒. เอาสมบัติยัดใส่ถุงกระสอบปุ๋ย
๓. โยนออกไปนอกรั้ววัง
๔. เดินออกมาแบบเนียน ๆ
มันฟังดูง่ายมากเลยใช่ไหมครับ ใช่ครับมันง่ายจริง ๆ และเกรียงไกรก็ได้สมบัติมา ๔ กระสอบ
ที่ได้มาคือเครื่องเพชรรวม ๆ ๙๑ กิโลกรัม เและสมบัติอื่น ๆ มากมาย ตามจริงแล้วกฎหมายบ้านเขาแรงมาก ตามสไตล์กฏหมายอิงตามหลักศาสนาอิสลาม โทษของการขโมยคือต้องตัดมือครับ แล้วก็อาจโดนแขวนคอด้วย เลยทำให้คนกลัวกันจนไม่กล้าขโมย แต่ไม่ใช่กับเกรียงไกร
พอได้ของปุ๊ปก็ส่งของกลับไทยปั๊ป เอาแบบทางอากาศเลยนะไวสุดเท่าที่จะทำได้ แล้วตัวเองก็ทิ้งงานกลับไทยทันที แหม่ ๆ จะอยู่ให้โดนตัดมือเรอะ สมบัติขนาดนี้กินหรูอยู่สบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องไปทำงานงก ๆ ๆ ๆ ให้เสียเวลาชีวิตหรอก
พอมาถึงไทย ของคาอยู่ที่เจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งเจ้าหน้าก็สอบถามว่าคืออะไรที่ส่งมาเนี่ยเยอะแยะเลย เกรียงไกรก็บอกว่า "โอ้ย... ของพวกนี้ก็ข้าวของของฉันนี่แหละ ไปอยู่นานก็ของเยอะ แล้วก็เครื่องมือทำงานนั่นแน่" ก็แถไปเรื่อย ๆ
พอเจ้าหน้าที่ทำท่าจะขอเปิดดูจะค้น เท่านั้นแหละ เกรียงไกรก็งัดไม้เด็ด"งั้นเอางี้ รับนี่ไว้นะ" เกรียงไกรหยิบเงินขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เป็นอันว่าจบเคสแบบสวย ๆ

เจ้าหน้าที่ก็รับเงินจำนวนนั้นไว้เป็นบัตรผ่าน แถมดูแลอย่างดีเลยเชียว
กลับถึงลำปาง นายเกรียงไกรก็เริ่มใช้ชีวิตมหาเศรษฐีครับ เอาเพชรพลอยและสารพัดของมีค่าไปขายแลกเป็นเงินมา แล้วใช้เงินเป็นว่าเล่น แจกญาติสนิทมิตรสหาย เป็นป๋าเปย์ที่แท้ทรู สาวไหนอยากได้ก็ต้องได้ เมื่อเงินถึงอะไร ๆ ก็ถึง เอาว่าเป็นชีวิตขาขึ้นสุด ๆ ครับ
เสี่ยเกรียงไกร อดีตคนแร้นแค้น กลายเป็นคนดังในเวลาเพียงไม่นาน เพราะเพชรและสมบัติต่าง ๆ ที่เขาเอามาขายนั้นคือของดี ๆ ทั้งนั้น แถมเป็นของแท้ทั้งหมด ในวงการก็โจษจันกันแบบ "ไอ้หมอนี่มันไปเอามาจากไหนวะ" โดยมีเสี่ยสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พ่อค้าเพชรจากกรุงเทพเป็นลูกค้ารายใหญ่
ภาพตัดกลับไปที่วังเจ้าชาย คือ กำลังเดือดครับ เพราะเฮียแกกำลังหานาฬิกาเรือนหนึ่งที่แกชอบ แล้วแกก็หาไม่เจอ ก็คิดว่าคงไปถอดลืมไปสักที่นั่นแหละ เลยสั่งบ่าวไพร่ช่วย ๆ กันหา แต่หาไปหามาก็พบว่า "อ้าว...ไอ้ฉิบหาย ไม่ใช่แค่นาฬิกา เครื่องเพชร ของมีค่าอื่น ๆ ก็หายไปเพียบเลยนี่หว่า"
และหนึ่งในนั้นคือเพชรซาอุ ฯ ที่เรากำลังพูดถึงนี่แหละครับ เพชรเม็ดนี้มีชื่อว่า "บลูไดมอนด์" เป็นเพชรเม็ดเป้งสีน้ำเงินเข้มตามชื่อครับ และมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเพชรประจำราชวงศ์ ซึ่งทำให้เพชรเม็ดนี้รวมถึงเครื่องประดับชุดนี้ทั้งชุด ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย
ทางการซาอุฯ มั่นใจว่าต้องมีมือดีขโมยไปแน่นอน และผู้ต้องสงสัยแรกคือบริษัททำความสะอาดที่ถูกจ้างเหมามาทำความสะอาดวังครับ ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะตรวจไปตรวจมา ก็พบว่ามีพนักงานคนหนึ่งชื่อ เกรียงไกร เตชะโม่ง ที่มีพฤติกรรมทะแม่ง ๆ กลับไทยไม่บอกกล่าว ยังไม่ครบสัญญาเลย
ทางการซาอุฯ จึงจัดทีมมาตามของที่ไทยครับ แต่เพราะเป็นต่างประเทศจะไปเย้ว ๆ ไล่ล่ามันก็ไม่ได้ จึงต้องติดต่อผ่านทางการของประเทศนั้น ๆ ซึ่งก็เป็นปกติของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเวลามีเรื่องอะไรแบบนี้ ทีมนี้ถึงทำอะไรออกหน้าไม่ได้มาก
สุดท้ายไทยก็จัดทีมตามหาเพชรและสมบัติต่าง ๆ ที่ถูกขโมยไปตามที่ทางการซาอุฯร้องขอ และเรื่องนี้ก็ได้สร้างความอับอายให้กับไทยอย่างมากที่คนไทยเราไปขโมยของบ้านเขาแบบนั้น

แต่นี่ยังไม่ใช่ที่สุดของเรื่องครับ
ฝั่งไทยเราเอง ก็รับเรื่องจากซาอุฯ ได้พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อธิบดีกรมตำรวจไทยในขณะนั้น มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตภาคเหนือ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ซึ่งเป็นตัวละครหลักอีกตัวหนึ่งของเรื่อง ให้ออกติดตามคดีและเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียให้จงได้ !!!
เพียงไม่นานนักก็ ตำรวจไทยก็สามารถจับกุมนายเกรียงไกรได้ ในขณะที่อยู่ในโรงแรมกับหญิงค้าบริการแถว ๆ ตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ในฝั่งประเทศไทย ดังอมตะวาจาที่ว่า "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" เก่งเนอะ... ตำรวจไทยเก่งระดับนี้... อ่านต่อกันเลยครับ
หลังจับตัวได้การสอบสวนอย่างเข้มข้นก็เริ่มขึ้น ไม้อ่อน ไม่แข็งมาครบ จนสามารถซัดทอดไปถึงคนที่รับซื้อของหลาย ๆ คนรวมถึงนายสันติอีกด้วย ตามเพชรและทรัพย์สมบัติต่าง ๆ กลับมาได้ครับ ถ้าไทยส่งคนร้ายไปให้ทางการซาอุฯ โทษ คือ แขวนคอครับ แต่ที่ไทยศาลตัดสินข้อหาลักทรัพย์ มีโทษจำคุก ๗ ปี
และโปรพิเศษ จำเลยรับสารภาพจึงลดโทษเหลือเพียง ๓ ปี ๖ เดือน ... ใช่ครับขโมยเพชรประจำราชวงศ์ของต่างชาติ แต่มีโทษแค่นี้จริง ๆ "แม่ง กระจอกสัส ๆ" (ขออภัยที่หยาบคาย) แต่กฎหมายที่มีบทลงโทษแบบนี้ใครจะกลัว แต่ก็อย่างว่าครับกฎหมายก็คือกฎหมาย แต่ละที่แต่ละเคสก็ต่างกัน
ทางการไทยก็ได้ส่งเพชรคืนไปที่ซาอุ ฯ ครับ ส่งของคืนแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะดีใช่ไหมครับ แบบมันก็คดีลักทรัพย์ จับโจรได้ ลงโทษโจร ส่งของคืนเจ้าทุกข์ จบ! แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเพราะ ทางซาอุ ฯ แจ้งกลับว่า..

"เฮ้ย ที่เอ็งคืนมาครึ่งหนึ่งของเก้นะ แถมบูลไดมอนด์น่ะ หายไปไหน ไอ้ไทยมึงจะเอาไงวะ"
ทางการไทยก็งึดสิครับ "อ้าว... เวรล่ะ ไม่จบง่ายนี่หว่า" แถมยังมีข่าวในสื่อสังคมไฮโซไทยว่าในไทยมีจัดงานปาร์ตี้นะ ธีมงานง่าย ๆ คือ "ปาร์ตี้เพชรซาอุฯ" ในงานก็คนใหญ่คนโต คุณหญิง คุณนาย ภรรยาข้าราชการที่มาร่วมงานหลายคนก็สวมเครื่องเพชรที่ *คล้าย ๆ* กับที่ถูกขโมยไปอีก
"ไทยส่งเพชรปลอมให้ เพชรบูลไดมอนด์ก็หาย แล้วยังมีปาร์ตี้แบบนี้ มึงไอ้ตำรวจไทย พวกมึงเล่นไม่ซื่อ มึงแม่งยักยอกเพชรไว้เองแน่ ๆ" คือสิ่งที่ทางการซาอุฯ คิดครับ ซึ่งก็ไม่แปลกใจ คนรวย ๆ ไฮโซประเทศไทย จะใส่ของปลอมกันกระนั้นหรือ ? (เอาจริงทุกวันนี้ก็มีใส่กันนะ ๕๕๕๕ อย่าคิดว่าไม่รู้)
เมื่อเพชรไม่ครบ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ก็ได้ถูกสั่งให้กลับมารับหน้าที่ตามหาเพชรซาอุฯ ที่หายไปต่อ แต่ก็ไม่พบว่ามีความผิดใด ๆ ในเรื่องงานปาตี้ที่ว่า สรุปคือ "ข้อกล่าวหานี้พวกเอ็งมโนล้วน ๆ เพชรในงานไม่เกี่ยวอะไรกับเอ็งเลย" จบเคสงานปาร์ตี้
แต่ในขณะเดียวกันนั้นนายโมฮัมหมัด ซาอิค โคจา อุปทูตซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ได้ว่าจ้างชุดสืบสวนพิเศษเพื่อแกะรอยอย่างลับ ๆ ในการตามหาเครื่องเพชรที่หายไปด้วย อาจเพราะไม่ใว้ใจตำรวจไทย "ข้าบอกตำรวจเอ็งยักยอก ยังเอาตำรวจมาสืบอีก แล้วมันจะได้เรื่องอะไรกันวะ" ประมาณนั้น
จากนั้นก็มีคดี นักการทูตชาวซาอุดิอาระเบียก็ถูกฆ่าในย่านสีลม บางรัก วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ และถูกฆ่าเพิ่มอีก ๓ ศพ ในย่านยานนาวา อย่างปริศนา
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักธุรกิจชาวซาอุ ฯ ที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ ก็เดินทางมาเพื่อสืบสวนหาเพชรด้วยตัวเอง แต่ก็หายสาบสูญไป เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ อย่างปริศนาเช่นกัน โดยสันนิษฐานว่าถูกตำรวจไทยอุ้มฆ่าไป
ทางการซาอุดิอาระเบียไม่พอใจไทยอย่างมาก ที่ทั้งหาเพชรคืนไม่ได้ แถมทูต และคนของเขายังถูกสังหารอีก (ซึ่งกรณีทูตร้ายแรงมาก เพราะทูตเป็นเสมือนตัวแทนของกษัตริย์ หรือผู้นำของประเทศนั้น ๆ ) โดยโมฮัมหมัด ซาอิค โคจา เชื่อว่ามีตำรวจ ๑๘ นายเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นซาอุดิอาระเบียก็มีปัญหากับกลุ่มติดอาวุธและกลุ่มก่อการร้ายหลาย ๆ กลุ่มครับ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลโดยวิกิลีกส์ระบุว่าที่ทูตโดนสังหารนั้น เกิดจากการบาดหมางระหว่างซาอุดีอาระเบียกับกลุ่มติดอาวุธเลบานอนฮิซบุลลอฮ์ (ไม่เกี่ยวกับไทยเลย)
และปัญหาหนึ่ง คือ นายเกรียงไกรได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ตอนนี้ไม่รู้ว่าบูลไดมอนด์อยู่ไหนกันแน่ แต่ถ้าเรื่องไม่เกี่ยวข้อง
กับผู้มีอำนาจในประเทศไทยเรื่องก็จะไม่ใหญ่ขนาดนี้"
ซึ่งนั่นก็ทำให้นักมโนชาวไทยบางกลุ่มเอาไปโยงเพราะเห็นว่าองค์ราชินีมีสร้อยสีนำเงิน เลยพยายามบอกว่านั่นคือ เพชรบลูไดมอนด์ที่ถูกขโมยไป ซึ่งหลอกควายได้ฝูงใหญ่ เพราะที่อยู่ที่พระศอขององค์ราชินีคือ "สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน" ไม่ใช่บลูไดมอนด์แต่อย่างใด
"สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน" ปรากฏต่อสายตาชาวโลก มาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๐ แต่กลับถูกใส่ความว่าคือเพชรที่ขโมยมาในคดีเพชรซาอุ ฯ ซึ่งเกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๓๒ และที่ฮากว่านั้น คือ มีคนกลุ่มก็เชื่อกันไปว่านี่คือเพชรประจำราชวงศ์ซาอุ ฯ จริง ๆ ตามที่เขาหลอกลวง เอามารีรันปั่นหลอกควายกันได้ทุกปี
เขาทำเพื่ออะไร ? ก็เพื่อสร้างความเสื่อมเสียในราชวงศ์จักรีและประเทศไทย ว่าสร้อยเส้นนั้นไพลินนั้น ต้องเป็นชิ้นเดียวกันกับเพชรที่ถูกขโมยไป ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เพชรบลูไดมอนด์ที่เกิดเรื่องตอนปี ๒๕๓๒ จะย้อนเวลาไปปรากฏที่องค์ราชินีไทยตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ ได้
กลับมาที่เรื่องบลูไดมอนด์ที่ไม่เกี่ยวกับไพลินสีน้ำเงินดีกว่าครับ

ทุก ๆ เวลาทีเสียไป ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจและความตึงเครียดระหว่างประเทศไทยและประเทศซาอุดิอาระเบียครับ ทางการซาอุฯก็หวังจะได้ของคืน รวมถึงความรับผิดชอบที่คนของเขาถูกสังหารอย่างมีเงื่อนงำ
พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ตามสืบและเค้นเกรียงไกรต่อจนได้ความว่า เขาได้ขายบลูไดมอนด์ให้สันติ ศรีธนะขัณฑ์ เสี่ยเจ้าของร้านเพชรในกรุงเทพที่กล่าวถึงตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่นายสันติก็ยืนยันกระต่ายขาเดียวว่าเขาคืนหมดแล้วนะ ซึ่งจริงเท็จอย่างไรก็ไม่ทราบได้
ปี ๒๕๓๗ ชุดปฏิบัติการของตำรวจก็เข้าไปอุ้มภรรยาและลูกของนายสันติ เพื่อบีบบังคับให้สันติคืนเพชร จนสุดท้ายก็ฆ่าปิดปากทั้ง ๒ คน โดยจัดฉากให้ดูเหมือนอุบัติเหตุจราจร "ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้"
จริง ๆ ครับ
ทีมสอบสวนใหม่พบว่าเป็นการอุ้มฆ่า พล.ต.ท.ชลอ และพวกจึงถูกจับกุมและถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ที่นี่ประเทศไทยครับ ก็ลดโทษกันไป พล.ต.ท.ชลอ เหลือจำคุก ๒๐ ปี ส่วนลูกน้องก็เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี ๒๕๕๘ ตำรวจอีก ๕ นายที่ต้องหาว่าเกี่ยวข้องกับการฆ่านักธุรกิจก็ถูกปล่อยตัว ปี ๒๕๖๒
แน่นอนครับตั้งแต่เกิดเรื่องความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบีย ดิ่งลงเรื่อย ๆ ซาอุดิอาระเบียยกเลิกการทำวีซ่าทำงานให้กับคนไทย และประกาศเตือนคนในประเทศไม่ให้เดินทางมายังกรุงเทพ ทำให้จำนวนคนงานไทยในซาอุดิอาระเบียลดลงอย่างมาก แต่ก็เข้าใจได้เพราะทำเรื่องไว้ขนาดนั้น
ต้นปี ๒๕๖๕ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะฯ ได้เดินทางเยือนกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดี
อาระเบีย ตามคำเชิญของ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดิอาระเบีย (ซึ่งบางคนพยายามปั่นว่าเป็นแค่ผู้ว่า)
ก็นับเป็นการเยือนในระดับผู้นำรัฐบาลระหว่างสองประเทศเป็นครั้งแรกในรอบกว่า ๓๐ ปี หลังเกิดคดี "เพชรซาอุฯ" ที่ทำให้ลดระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศเข้าขั้นวิกฤต และการเยือนครั้งนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศกลับมาดีได้ดังเดิม
แม้ว่า.....
- คดีที่ค้างก็หมดอายุความไป
- บลูไดมอนด์ที่หายก็ยังหาไม่เจอ (แต่ย้ำนะไม่ใช่ไพลินสีน้ำเงินแน่นอน)
- ทรัพย์สมบัติบางส่วนก็ยังหาไม่พบ
แต่ทั้งสองประเทศก็ต้องเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีให้ได้ครับ ทางซาอุ ฯ เองก็อาจเล็งเห็นถึงจุดนี้ มากกว่าต่อความบาดหมางกันไป
แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ต้องถือว่าความสัมพันธ์อันดีนั้นได้กลับมาแล้ว ผมเป็นแค่คนไทยคนหนึ่ง ก็อยากให้ความสัมพันธ์นี้เจริญงอกงาม มีความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เพื่อความเจริญของประเทศทั้งสองครับ
และต้องขอโทษกับเพื่อนชาวซาอุดิอาระเบียกับความเลวทรามระยำของคนไทยบางคน บางกลุ่ม บางพวก

ขอบคุณนะที่เรากลับมาดีกัน... ขอสันติจงมีแด่เราทั้งสองครับผมขอจบเรื่องเล่าที่ตรงนี้ครับ (แต่ความสัมพันธ์ของสองประเทศจะเดินหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน)

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านถึงตรงนี้นะครับ ยาวมาก ...
แก้คำผิด

สีนำเงิน > สีน้ำเงิน
เขียนลง notepad ก่อนเอามาลง การขึ้นบรรทัดเลยแปลก ๆ ขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะครับ รบกวนขอให้อ่านประหนึ่งย่อหน้าเดียวกันเลยนะครับ

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with Aunarisk  ตัวร้ายในเรื่องเล่า

Aunarisk  ตัวร้ายในเรื่องเล่า Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @aunarisk

Jul 30
วันนี้อยากไปตัดผม เลยถือโอกาสเล่าเรื่องสั้น ๆ เรื่องการตัดผมวันพุธกันดีกีว่า คือ หลาย ๆ คน เชื่อว่าตัดผมวันพุธนั้นไม่ดี แต่มันไม่ดีเพราะอะไร ทำไมคนเชื่อแบบนั้น... ถึงขั้นทำ infographic กันเลย เอาล่ะครับ จะเริ่มใน ๓ ๒ ๑ Image
คำว่าไม่ดีนั้นก็ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าทำไม แต่ในอีกมุมหนึ่งหลายคนก็บอกว่า เฮ้ย! มันไม่เกี่ยวหรอก ตัด ๆ ไปเถอะ อ้างเหตุผลว่า ที่เขาไม่ตัดผมกันวันพุธเพราะกษัตริย์ฝยสมัยก่อนจะตัดผมวันพุธ จึงไม่ควรตัดผมในวันเดียวกัน เป็นการตีตนเสมอท่าน (งั้น... ตัดได้ก็แปลว่าอยากตีตนเสมอท่าน ว่างั้น ?)
หลายคนเชื่อกันมาแบบนั้น บน internet ก็ส่งต่อข้อมูลกันแบบนั้นจริง ๆ แต่จริงหรือไม่ที่กษัตริย์จะตัดผมวันพุธเท่านั้น ? คำตอบก็คือ "ไม่จริง" ครับ เพราะ หนังสือจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ที่ ร.๕ ทรงบันทึก มีข้อความตอนหนึ่งบันทึกไว้ว่าตัดผมวันเสาร์ครับ (อ้าว..)
Read 12 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Don't want to be a Premium member but still want to support us?

Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us on Twitter!

:(