ทาเคย้อนเวลากลับไปช่วยทุกคนซ้ำไปซ้ำมาจนในที่สุดรูทที่ 550 ก็ทำสำเร็จทุกคนมีความสุข ไมค์กี้ไม่เข้าด้านมืด ไม่มีใครตาย แต่ไม่มีใครจำทาเคได้ แต่ค่อยๆมาจำได้ (ไม่ทุกรูท) ก็ตอนที่ทาเคกลับมาปัจจุบันแต่กลับอยู่ในร่างเด็ก (1) อ่าน tw ได้ทวิตถัดไป #ออลทาเค #คลังฟิคของกานดา
TW : โรคซึมเศร้า / อาการหลอน / เกือบโดนข่มขืน
นี่ก็ผ่านมา 1 ปี กับอีก 6 เดือนกว่าๆ ที่ทาเคกลับมายังอนาคตแต่อยู่ในร่างตัวเองตอนเด็ก ตอนทาเคกลับมาช่วงแรกๆก็รีบออกตามหานาโอโตะทันที แต่ไม่รู้ทำไมโชคร้ายถึงได้ถาโถมเข้ามา ทาเคโดนพวกแก๊งเอมะสึจับไปแล้วก็เกือบโดนทำระยำใส่ทั้งๆที่ทาเคอยู่ในร่างเด็กแท้ๆ (1)
จิตใจที่ไม่มั่นคงเพราะเห็นเพื่อนของตัวเองตายซ้ำไปซ้ำมา พลัดกันตายเป็นว่าเล่น รูทนี้ช่วยบาจิได้ แต่คาสึโทระตาย รูทนั้นช่วยดราเค่น บาจิ คาสึโทระ เอมะ ได้ แต่อิซานะตาย พอมาอีกรูทช่วยชินอิจิโร่ได้แต่คนอื่นกลับสลับกันตาย 549 รูทที่ผ่านมาทุกคนเอาแต่สลับกันตาย (2)
พอช่วยคนนี้ได้ คนนั้นก็มาตาย แถมมาตายต่อหน้าทาเคอีก ไมค์กี้ก็เอาแต่ให้จิตใจด้านมืดเข้าครอบงำจนกลายเป็นอาชญากร ทาเคพยายามที่จะช่วยไมค์กี้ในอนาคตที่ไมค์กี้เป็นอาชญากรแต่ทาเคก็โดนไมค์กี้ยิงสามนัดบ้าง โดนหักแขนบ้าง โดนบีบคอบ้าง โดนทรมานต่างๆนานา (3)
แต่ทาเคก็ไม่เคยท้อเพราะเขาอยากที่จะช่วยไมค์กี้ให้ได้จนในที่สุดทาเคก็พบวิธีที่ทำให้ไมค์กี้ไม่เข้าสู่ด้านมืด นั่นก็คือการที่ให้ไมค์กี้ได้รู้จักกับการขอความช่วยเหลือจากพวกเพื่อนๆของตัวเองบ้าง ในรูทที่ 550 ซึ่งถือเป็นรูทที่สมบูรณ์ที่สุดทาเคไม่ได้ออกไปหาทุกคน (4)
แต่ทาเคได้ช่วยทุกคนจากมุมมืดและบอกใบ้ไมค์กี้ด้านมืดตั้งแต่รูทที่ 413 ว่าให้ขอความช่วยเหลือจากทุกคน เพราะทุกคนพร้อมช่วยไมค์กี้เสมอ แต่ตั้งแต่รูท 413-549 ไมค์กี้ไม่ยอมเชื่อทาเคเลยสักรูท แต่พอมารูทที่ 550 ทั้งๆที่ทาเคไม่ได้มาบอกแต่ไมค์กี้ด้านมืดกลับบอกกับไมค์กี้ร่างปกติว่า (5)
'ไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนซะ ทุกคนพร้อมช่วยแก ชั้นไม่อยากเป็นด้านมืดของแกอีกแล้ว' เสียงในหัวที่มาจากไมค์กี้ด้านมืด

'แกเป็นใคร?' ไมค์กี้ปกติ

'ชั้นก็คือแกแต่เป็นแกในรูปแบบที่เรียกได้ว่าชั่วร้ายละมั้ง' ไมค์กี้ด้านมืด

'แล้วแกหมายความว่ายังไงที่ให้ชั้นไปขอความช่วยเหลือจากทุนคน' (6)
'ชั้นรู้สึกไม่อยากที่จะทำให้แกเข้าด้านมืดแล้ววิธีที่จะทำให้ชั้นหายไปคือแกต้องขอความช่วยเหลือจากทุกคน' ไมค์กี้ด้านมืด

'ทำไมถึงอยากจะหายไป แกก็คือชั้นไม่ใช่เหรอ?' ไมค์กี้ปกติ

'ใช่ ชั้นก็คือแก แต่เคยมีคนๆนึงเคยบอกชั้นว่า อยากเห็นแกมีความสุข' ไมค์กี้ด้านมืด (7)
'ใคร?' ไมค์กี้ปกติ

'ชั้นไม่รู้ แต่เคยมีคนบอกชั้นแบบนี้ แล้วการที่แกจะมีความสุขได้ คือแกต้องไม่มีชั้น ไปขอความช่วยเหลือจากทุกคนซะไมค์กี้ คนคนนั้นเคยบอกชั้นว่า แกสมควรที่จะมีความสุขได้แล้ว' ไมค์กี้ด้านมืด

'บอกทุกคน? บอกว่าอะไรล่ะ?' ไมค์กี้ปกติ (8)
'เล่าทุกอย่างตามที่ชั้นจะเล่าให้แกฟังหลังจากนี้...' ไมค์กี้ด้านมืด

หลังจากที่ไมค์กี้ด้านมืดเล่าวิธีที่จะทำให้ตัวเองหายไปเสร็จแล้ว ไมค์กี้ด้านมืดก็พูดทิ้งท้ายกับไมค์กี้ปกติว่า

'ตามหาคนๆนั้นให้เจอ เขาพยายามที่จะช่วยแกมาตลอด ชั้นจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่เขามีตาสีฟ้า- (9)
ที่สดใสเปล่งประกายเหมือนมีดวงดาวนับล้านส่องสว่างอยู่ในนั้น เป็นสายตามุ่งมั่นที่จะช่วยแกให้ได้ ตามหาเขาให้เจอแล้วขอบคุณเขาซะ' แล้วหลังจากนั้นไมค์กี้ด้านมืดก็ไม่ส่งเสียงมาให้ไมค์กี้ปกติได้ยินอีก

ไมค์กี้เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ทุกคนฟัง เมื่อทุกคนฟังแล้วก็เต็มใจที่จะช่วย (10)
ไมค์กี้ทันทีในช่วงนั้นที่ไมค์กี้พยายามที่จะควบคุมอารมณ์ด้านมืดของตัวเองไม่ให้ออกมา ไมค์กี้จะชอบทำลายข้าวของแต่ก็ยั้งมือไม่ให้ทำร้ายคนรอบข้างเสมอ เหล่าเพื่อนๆของไมค์กี้ก็ไม่เคยปล่อยให้ไมค์กี้อยู่คนเดียวอีกเลย ผลัดกันมาเฝ้า ผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อน (11)
เวลาไมค์กี้เริ่มจะแสดงอารมณ์รุนแรงหรืออารมณ์โดดเดี่ยวออกมา เพื่อนที่เฝ้าไมค์กี้ก็จะดึงไมค์กี้เข้ามากอดแล้วบอกไมค์กี้ว่า

'ไม่เป็นไรนะ แกยังมีชั้นอยู่ตรงนี้'

แล้วโยกตัวไมค์กี้ไปมาเหมือนกับปลอบเด็กๆ จนในที่สุดไมค์กี้ก็สามารถควบคุมด้านมืดของตัวเองได้แล้ว (12)
ใช่

ฟังไม่ผิดหรอก

ไมค์กี้ทำให้ตัวเองควบคุมด้านมืดของตัวเองได้ ไม่ได้ทำให้มันหายไป

เพราะยังไงด้านมืดที่ว่ามันก็คือตัวไมค์กี้เองนี่นา (13)
ตอนนี้ทั้งโตมัน เท็นจิกุ แบล็คดราก้อน และบราม่า ต่างรวมตัวกันแล้วอยู่ภายใต้ชื่อว่า 'บอนเท็น' แต่ก็ยังแยกเป็นหน่วยยิบย่อยอีกมากมาย บอนเท็นทำธุรกิจที่ขาวสะอาดซะเสียส่วนใหญ่ แต่มันก็มีบางเรื่องที่ต้องใช้อำนาจในมุมมืดเข้ามาจัดการ บางครั้งก็ต้องทำธุรกิจสีเทาบ้าง (14)
เพื่อไม่ให้อำนาจในมือของบอนเท็นหดหายไป แล้วเมื่อเกือบสองปีก่อน อยู่จู่ๆผู้บริหารระดับสูงของบอนเท็นทั้งหลาย ต่างได้รับความทรงจำที่ขาดๆหายๆเข้ามาในหัว เป็นความทรงจำที่ทุกๆคนมักจะเห็นคนๆนึงคอยช่วยเหลือพวกเขาอยู่เสมอ แต่พวกเขาไม่เคยเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว (5)
แล้วทุกๆครั้งที่มีการเรียกชื่อของคนๆนั้น เสียงเรียกชื่อของคนคนนั้นก็ขาดหายไป เลยทำให้ไม่มีใครรู้จักชื่อของคนๆนั้นเลยแม้แต่คนเดียว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันนั่นก็คือ

'คนๆนั้นมีดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับมีดวงดาวเป็นล้านเปล่งประกายอยู่ในนั้น' (16)
เหล่าผู้บริหารระดับสูงของบอนเท็นต่างพยายามที่จะค้นหาคนๆนั้นให้เจอ ทั้งให้คิซากิ ฮันมะ และนาโอโตะ ที่เป็นตำรวจช่วยก็แล้ว แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

วันนี้เป็นอีกวันนึงที่คนได้รับความทรงจำที่ขาดๆหายๆมารวมตัวกัน เพื่อมาพูดคุย (17)
หาหนทางในการที่จะหาคนๆนั้นให้เจอ

เกือบทุกคนที่ได้รับความทรงจำที่ขาดๆหายๆได้มารวมตัวกันในห้องทานอาหารที่อยู่ในร้านอาหารของห้างชื่อดัง ตอนนี้เหลือเพียงแค่นาโอโตะเท่านั้นที่กำลังเดินทางมา

เมื่อนาโอโตะเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างฮินาตะซึ่งเป็นพี่สาวของตัวเอง (18)
เรียบร้อยแล้วนั้น การพูดคุยก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที ทุกคนพลัดกันพูดถึงความทรงจำที่ขาดๆหายๆของตัวเอง ที่มันค่อยๆเพิ่มมาทีละนิดให้ทุกคนในห้องอาหารนี้ได้ฟัง

จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู แล้วก็เป็นเสียงผู้จัดการร้านอาหารแห่งนี้ขออนุญาตเข้ามา (19)
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ผู้จัดการร้านก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดออกมา

"ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่รบกวนเวลารับประทานอาหารของคุณลูกค้า แต่ในห้องนี้มีคุณลูกค้าที่ชื่อ ทาจิบานะ นาโอโตะไหมคะ?"

"ผมเองครับ มีอะไรรึเปล่าครับ" นาโอโตะพูดพร้อมกับชูมือขึ้นมา (20)
"รบกวนมากับดิฉันสักครู่นึงนะคะ"

"อ่า ได้ครับ" แล้วนาโอโตะก็เดินออกจากห้องอาหารตามผู้จัดการไป ทุกคนต่างสงสัยแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แล้วนั่งกินอาหารรอให้นาโอโตะกลับมา

ผ่านไปเกือบ 40 นาที นาโอโตะก็เปิดประตูเดินเข้ามา พร้อมกับอุ้มเด็กผู้ชายอายุประมาณ 5-6 ขวบเข้ามาด้วย (21)
เด็กผู้ชายคนนั้นกอดคอนาโอโตะไว้แน่น แล้วฝังหน้าตัวเองลงกับไหล่ของนาโอโตะ จึงทำให้ทุกคนในห้องไม่มีใครได้เห็นหน้าเด็กน้อยคนนี้ได้

"นี่นาโอโตะ ไปอุ้มเด็กที่ไหนมาน่ะ" ฮินาตะเป็นคนเอ่ยถามน้องชายของตัวเอง

"เด็กคนนี้คือ ฮานากาคิ ทาเคมิจิ ทุกคนพอจะนึกออกไหมครับ?" (22)
เมื่อนาโอโตะพูดชื่อของเด็กคนนี้จบ ทุกคนที่ได้ยินชื่อของเด็กคนนี้ก็ต่างได้รับความทรงจำใหม่ๆเข้ามา ในคราวนี้ทุกคนได้เห็นคนที่คอยช่วยเหลือตัวเองเอาไว้อย่างชัดเจน แถมในความทรงจำที่เพิ่งได้รับเสียงที่เรียกชื่อก็ไม่ขาดหายไปเหมือนกับครั้งก่อนๆ คราวนี้ทุกคนต่างได้ยินชื่อนั้น (23)
อย่างชัดเจน ถึงแม้จะไม่ได้รับความทรงจำมาทุกรูทและความทรงจำมันก็ขาดๆหายๆบ้าง แต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่าคนที่ชื่อ

'ฮานากาคิ ทาเคมิจิ'

คือคนที่คอยช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้จริงๆ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณสำหรับพวกเขาทุกคนในห้องอาหารนี้เลยแหละ (24)
เมื่อทุกคนตั้งสติได้แล้ว ก็ต่างส่งสายตามามองเด็กผู้ชายในอ้อมกอดของนาโอโตะอย่างสงสัยว่าทำไมทาเคมิจิถึงกลายเป็นเด็กได้

"ทำไมฮานากาคิถึงเป็นเด็กแบบนี้ล่ะ" เป็นอินุปี้ที่เอ่ยถามขึ้นมา

ก่อนที่นาโอโตะจะได้ตอบอะไรกลับไปก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาเสียก่อน (25)
เมื่อได้รับอนุญาตแล้วคนด้านนอกก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา ไม่ใช่ผู้จัดการร้านอาหาร ไม่ใช่พนักงานในร้านนี้ แล้วผู้หญิงคนนี้คือใครกัน?

นี่คือสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ ยกเว้นนาโอโตะไว้คนนึงที่ดูไม่ได้สงสัยอะไร

"มิจจิจังได้เวลากลับแล้วครับ" ผู้หญิงผมยาวท่าทางดูใจดีพูดขึ้น (26)
"..."

"มาครับ มากับพี่เคโกะนะ" ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อจะอุ้มเด็กน้อยในอ้อมกอดของนาโอโตะ

เมื่อมือของพี่สาวที่ชื่อเคโกะแตะลงบนตัวของทาเค ทาเคก็เบี่ยงตัวหลบแล้วกอดคอของนาโอโตะไว้แน่นกว่าเดิม (27)
ก่อนที่จะพูดออกมาเสียงดังพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลว่า

"ไม่เอา!!! ไม่ไป!!! จะอยู่กับนาโอโตะ ฮืออออ"

"มิจจิจังไม่ดื้อสิครับ มากับพี่เคโกะเร็ว" เมื่อเคโกะพยายามที่จะดึงตัวของทาเคออกไป ทาเคก็ร้องลั่นกว่าเดิม แล้วเอาแต่พูดซ้ำๆว่า (28)
"ไม่ไปๆ จะอยู่กับนาโอโตะ จะอยู่กับนาโอโตะ ฮือออ" สองมือเล็กๆที่กำลังกอดคอของนาโอโตะอยู่ก็ยิ่งรัดแน่นเข้าไปอีก คนในห้องที่เหลือก็ต่างตกใจกับปฏิกิริยาของทาเคมิจิ จนในที่สุดนาโอโตะก็พูดว่า

"ให้เขาอยู่กับผมเถอะครับ ผมเป็นพี่ชายข้างบ้านเขาเคยรู้จักกันมาก่อนครับ- (29)
เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้ผมจะรีบไปทำเรื่องที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อเอาเขามาดูแลต่อเองครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมเป็นตำรวจ เคโกะซังสามารถตรวจสอบได้ครับ" แล้วนาโอโตะก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้กอดทาเคมิจิเอาไว้ ล้วงหยิบบัตรตำรวจขึ้นมา ก่อนจะส่งให้เคโกะดู (30)
เคโกะหยิบบัตรตำรวจของนาโอโตะขึ้นมาดู แล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ ก่อนจะส่งคืนให้ แล้วก็มองทาเคมิจิที่เอาแต่กอดคอนาโอโตะเอาไว้แน่น แล้วก็ตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด

"ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มิจจิจังดื้อขนาดนี้ ปกติแกเป็นเด็กที่ไม่ค่อยดื้อเลยค่ะ - (31)
แสดงว่าแกรอให้คุณมารับจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่แกอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็มีหลายครอบครัวที่มาดูเด็กๆแล้วพอตัดสินใจจะรับมิจจิจังไปดูแลเพราะมิจจิจังก็หน้าตาน่ารัก มิจจิจังก็วิ่งหนีไปซ่อนตลอดเลยค่ะ ถ้าเจอตัวก็เอาแต่ร้องไห้งอแงไม่ยอมไปอย่างเดียว ไม่ว่าจะหลอกล่อยังไงก็ไม่ยอมไป - (32)
จนคนที่จะมารับไปเลี้ยงยอมแพ้แล้วไปเลือกเด็กคนอื่นแทน มีนาโอโตะซังคนแรกเลยที่แกจะไปอยู่ด้วยแบบนี้ งั้นรอชั้นก่อนนะคะอย่าเพิ่งไปไหน ชั้นขอไปเอาถุงยาของมิจจิจังกับคนดูแลอีกคนที่กำลังซื้อของในห้างนี้ก่อนนะคะ"

"ได้ครับ" แล้วเคโกะก็เดินออกไป ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง (33)
แต่ก็ยังมีเสียงสะอึกสะอื้นของผู้ใหญ่ในร่างเด็กดังออกมาเป็นระยะๆ นาโอโตะส่งสายตาให้ฮินาตะ ซึ่งฮินาตะเข้าใจความหมายนั้นดี

"ทาเคมิจิคุง นี่ฮินาตะเองนะ จำได้ไหม" ฮินาตะใช้เสียงสองในการพูดกับทาเคในร่างเด็ก ทาเคค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปมองฮินาตะที่อยู่ทางด้านขวาของนาโอโตะ (34)
เมื่อฮินาตะรวมถึงคนอื่นๆที่นั่งถัดไปจากฮินาตะได้เห็นสีหน้าและแววตาของทาเคแล้ว ก็ต่างตกใจไปตามๆกัน เพราะแววตาของทาเคมิจิมันดูเศร้า และแตกสลายมาก สีหน้าก็ดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว ทุกคนที่ได้เห็นทาเคมิจิในตอนนี้ก็ต่างไม่เข้าใจ และสงสัยว่า

'นี่มันเกิดอะไรขึ้น - (35)
กับทาเคมิจิ ผู้มีพระคุณของพวกเขากันแน่'

ในที่สุดฮินาตะก็หาเสียงตัวเองเจอ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วเอ่ยถามทาเคมิจิอีกครั้ง

"นี่ฮินะเองนะทาเคมิจิคุง จำได้ไหม?" ทาเคจ้องหน้าฮินาตะอยู่แปปนึงก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา แต่เนื่องจากในห้องอาหารนี้ (36)
มันเงียบมาก เพราะทุกคนต่างรอให้ทาเคมิจิพูด เลยได้ยินเสียงของทาเคมิจิอย่างชัดเจน

"ฮินะจังเหรอ?"

"ใช่แล้ว เดี๋ยวฮินะเช็ดหน้าให้นะทาเคมิจิคุง" ว่าแล้วฮินาตะก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาก่อนจะค่อยๆบรรจงเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของทาเคมิจิอย่างเบามือ (37)
"ขอบคุณนะฮินะจัง" ทาเคมิจิพูดขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าหลังจากเช็ดหน้าให้ตัวเขาเสร็จ

"ทาเคมิจิอยากกินไอติมไหม?" ฮินาตะพูดขึ้นมา เพราะเธอรับรู้ได้ว่านาโอโตะต้องการให้เธอพาทาเคมิจิออกไปจากห้อง เพราะน่าจะมีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับทาเคมิจิพูดกับบุคคลที่เหลือในห้อง แล้วก็คง (38)
เป็นเรื่องที่นาโอโตะไม่อยากให้ทาเคมิจิได้ยินด้วย เธอจึงลองตะล่อมชวนทาเคมิจิไปซื้อไอติมกินกัน

"แต่ผมไม่มีเงินนะฮินะจัง"

"ไม่เป็นไรเลยทาเคมิจิคุง เดี๋ยวฮินะเลี้ยงทาเคมิจิคุงเอง สรุปไปมั้ยจ้ะ เดี๋ยวพาไปซื้อไอติมช็อคมิ้นที่ทาเคมิจิคุงชอบนะ" ด้วยความทรงที่ค่อยๆมาทีละนิด (39)
เลยพอทำให้ฮินาตะรู้ว่าทาเคมิจิชอบกินไอติมรสอะไร

"ขอบคุณนะฮินะจัง" แล้วทาเคมิจิก็ปล่อยมือทั้งสองข้างออกคอของนาโอโตะก่อนชูมือทั้งสองข้างไปทางฮินาตะ เป็นสัญญาณเชิงให้ฮินาตะอุ้มตัวเอง

ฮินาตะที่ได้เห็นแบบนี้ก็เข้าใจได้ทันที ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วโน้มตัวไปอุ้ม (40)
ทาเคมิจิขึ้นมาจากตัวนาโอโตะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

"เอาล่ะ มาที่คำถามแรกของอินุอิซังก่อนนะครับ คือผมถามทาเคมิจิคุงตอนที่ไปเจอข้างนอกเมื่อกี้แล้วว่าทำไมถึงอยู่ในร่างเด็กแบบนี้ ทาเคมิจิก็บอกผมว่าหลังจากกลับมาจากอดีตพอลืมตาตื่นขึ้นมาก็อยู่ในร่างเด็กไปแล้ว" (41)
"แล้วพอจะรู้สาเหตุไหม ว่าเพราะอะไรถึงได้กลายเป็นเด็กได้ล่ะ" เป็นชินอิจิโร่ที่ถามขึ้นมา ซึ่งเป็นคำถามที่ทุกคนภายในห้องนี้ก็อยากรู้เหมือนกัน

"ทาเคมิจิคุงบอกผมว่าน่าจะเป็นเพราะการย้อนเวลาของเขาที่ย้อนกลับไปมาหลายครั้ง เลยทำให้เป็นแบบนี้ครับชินอิจิโร่ซัง" นาโอโตะ (42)
"ทาเค...มิจจิ ได้บอกนายไหมนาโอโตะ ว่าครั้งนี้คือรูทที่เท่าไหร่ของทาเคมิจจิ" ไมค์กี้ถามนาโอโตะด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก

"ผมถามแล้วครับ แต่ทาเคมิจิคุงไม่ยอมบอกเลยครับไมค์กี้ซัง" นาโอโตะพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

"ชั้นว่ามันน่าจะหลายครั้งอยู่ อาจจะเป็นสิบยี่สิบครั้ง - (43)
ก็ได้" เป็นบาจิที่พูดออกมา

หลายสิบครั้งเลยเหรอ?

มันไม่มากไปเหรอ? สำหรับแผ่นหลังเล็กๆที่คอยช่วยเหลือพวกเขามาตลอด

ทุกคนต่างคิดตรงกันว่า ทาเคมิจิอาจจะย้อนเวลากลับไปกลับมาหลายสิบครั้ง จึงทำให้เป็นแบบนี้

ทุกคนต่างรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุทำให้ทาเคลำบากถึงขนาดนี้ (44)
ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์รู้สึกผิด จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ทุกคนก็หลุดออกจากภวังค์ แล้วหันไปมองหน้าบุคคลที่เข้ามาใหม่ นั่นก็คือเคโกะซังที่มาพร้อมกระเป๋าสะพายข้างขนาดกลาง

"นาโอโตะซังคะ นี่คือกระเป๋าใส่ยาที่จำเป็นของมิจจิจังทั้งหมดค่ะ" (45)
"เยอะขนาดนีเลยเหรอครับเคโกะซัง" นาโอโตะพูดพร้อมกับมองไปที่กระเป๋าใส่ยาในมือของเคโกะซัง

"ใช่ค่ะ คือร่างกายของมิจจังค่อนข้างอ่อนแอน่ะค่ะ แล้วก็ตอนที่ชั้นไปเจอมิจจิจังสภาพจิตใจของแกก็ย่ำแย่มากๆค่ะ" เคโกะพูดด้วยสีหน้าที่เศร้ามาก จนนาโอโตะอดที่จะถามออกมาไม่ได้ (46)
"สภาพจิตใจที่ย่ำแย่มากๆนี่หมายความว่ายังไงเหรอครับ?"

ทุกคนในห้องต่างกังวลว่า สาเหตุที่ทำให้สภาพจิตใจของทาเคมิจิย่ำแย่จะมีต้นเหตุมาจากพวกเขา

"คือว่า...เอ่อ" เคโกะซังดูมีท่าทีลังเลที่จะพูดออกมาจนทุกคนในห้องอาหารนี้ต่างสงสัยไปตามๆกัน (47)
"ชั้นว่าพวกคุณอย่ารู้เลยจะดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันจะทำให้พวกคุณเดือดร้อนได้" ในที่สุดเคโกะซังก็ตัดปัญหาโดยการที่ไม่บอกอะไรเลยให้คนในห้องฟัง

"ทำไมเคโกะซัง ถึงได้คิดว่าพวกเราจะเดือดร้อน ถ้าพวกเราได้รู้เรื่องนี้เหรอครับ?" เป็นดราเค่นที่ถามขึ้นมาบ้าง (48)
"เพราะสาเหตุที่ทำให้มิจจิจังมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ขนาดนี้ มันมาจากพวกเอมะสึค่ะ พวกคุณก็รู้ว่าพวกเอมะสึมันมีอำนาจมากมายขนาดไหน ถ้าจะมีคนที่จะต่อกรกับพวกมันได้ละก็ ก็คงเป็นคนที่มาจากบอนเท็นเท่านั้นแหละค่ะ" เคโกะซังพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ค่อนข้างจะเคียดแค้น (49)
"อ่า งั้นเคโกะซังก็เล่ามาได้เลยครับ ผมซาโนะ มันจิโร่ หรือ ไมค์กี้ ผมเป็นบอสใหญ่ของบอนเท็นครับ" ไมค์กี้พูดขึ้นมาทันทีที่เคโกะซังพูดจบ เคโกะซังมีสีหน้าที่ดูตกใจมาก แล้วจึงถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังว่า

"คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหมคะ?"

"ครับ ผมไม่ได้พูดเล่น - (50)
และทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้คือระดับผู้บริหารระดับสูงของบอนเท็นทั้งหมดครับ"

"ฮืออออ มิจจิจัง มีคนจะมาช่วยมิจจิจังได้แล้ว" เคโกะซังร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจที่ในที่สุด พวกคนที่ทำให้มิจจิจังของเธอต้องมีสภาพแบบนี้จะได้รับกรรมสักที

เคโกะซังร้องไห้อยู่แปปนึงก่อนที่ - (51)
⚠️ TW : ทวิตต่อไปมีเนื้อหาที่มีฉากทำร้ายเด็ก / สำเร็จความใคร่ต่อหน้าเด็ก แต่ไม่ได้สอดใส่ ⚠️
จะเริ่มเปิดปากเริ่มเล่าเรื่องราวที่ทาเคมิจิในร่างเด็กไปเจอมา

"คือตอนที่ชั้นไปเจอมิจจิจังตอนนั้นมิจจิจังไม่ให้ผู้ดูแลที่เป็นผู้ชายเข้าใกล้เลยค่ะ พอผู้ชายเข้าใกล้ปุปแกก็จะร้องไห้หนักมาก แล้วเอาแต่พูดซ้ำๆว่า อย่าทำผมๆๆๆๆๆ แล้วก็กรีดร้องออกมา เนื้อตัวมีรอยช้ำรอยโดน - (52)
ทำร้ายมากมาย เวลาแกนอนหลับในช่วงที่มาแรกๆคือมิจจิจังฝันร้ายล่ะสะดุ้งตื่นมากลางดึกตลอดเลยค่ะ พอชั้นถามว่าฝันว่าอะไร มิจจิจังแกก็ไม่ยอมบอก ชั้นเลยตัดสินใจแอบมาเฝ้าแกตอนหลับค่ะ แล้วก็เห็นว่าตอนแกเริ่มฝันร้ายแกจะกระสับกระส่าย มีเหงื่อผุดออกมาเต็มไปหมด แล้วก็เริ่มละเมอเพ้อ - (53)
ออกมาค่ะ ว่าอย่าทำผมๆๆๆๆ ล่ะแกก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตานองหน้าเลยค่ะ ล่ะก็มีบางคืนที่มิจจิจังแกละเมอเป็นชื่อคนค่ะ"

"ชื่อคนเหรอครับ? ชื่ออะไรบ้างครับพอจะจำได้ไหมเคโกะซัง" เป็นคิซากิที่เอ่ยถามขึ้นมา

"มีหลายชื่อเลยค่ะ ชั้นโน้ตเอาไว้ในมือถือ แปปนึงนะคะ" แล้ว (54)
เคโกะซังก็หยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในโน้ตที่บันทึกเอาไว้ แล้วเริ่มพูดชื่อออกมา

"มีชื่อดราเค่น บาจิ คาสึโทระ เอมะ ฮินาตะ จิฟุยุ คิซากิ อิซานะ รินโด ฮันมะ อากาเนะ ชินอิจิโร่ คาคุจัง ไทจู เอ้ะ มีชื่อนาโอโตะซังด้วย" เมื่อพูดชื่อสุดท้ายจบเคโกะก็หันหน้าไปทางนาโอโตะอย่างสงสัย (55)
"นาโอโตะซังก็ยังมีชีวิตอยู่นี่คะ ล่ะทำไมมิจจิจังถึงได้ละเมอพูดว่า ไม่ๆๆ นาโอโตะอย่าตายนะ" เมื่อเคโกะซังพูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แล้วก็เป็นดราเค่นที่เอ่ยถามขึ้นมา

"แล้วชื่ออื่นๆทาเคมิจิละเมอพูดว่าอะไรเหรอครับ?" เจ้าของชื่อทุกชื่อที่เคโกะซังได้พูดขึ้นมา (56)
ต่างลุ้นระทึกกับคำตอบที่กำลังจะได้ยินมาก

"มาแนวๆเดียวกับตอนละเมอพูดชื่อนาโอโตะซังเลยค่ะ แบบอย่าตายนะ ห้ามตายนะ ทำไมผมถึงช่วยชีวิตของทุกคนเอาไว้ไม่ได้เลย มิจจิจังก็พูดวนๆอยู่ประมาณนี้ค่ะ" ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนเป็นคิซากิที่เพิ่งหาเสียงของตัวเองเจอ (57)
"ละ...แล้วทาเคมิจิเป็นแบบนี้บ่อยไหมครับ?"

"ถ้าละเมอว่าอย่าทำร้ายผมคือเป็นบางคืนค่ะ แต่ถ้าเป็นละเมอพูดชื่อออกมาคือเป็นทุกคืนเลย ล่ะบางคืนก็สะดุ้งตื่นขึ้นมามากกว่า 1 รอบด้วยค่ะ"

นี่มันอะไรกัน?

พวกเขายังมีชีวิตอยู่นะ ล่ะทำไมทาเคมิจิถึงได้ละเมอออกมาแบบนั้นกันล่ะ (58)
"เอ่อ...ทุกคนคะ คือว่าชั้นมีคลิปหลักฐานที่พวกเอมะสึทำร้ายมิจจิจังอยู่ค่ะ ชั้นไปเอามาได้แค่ 2 คลิปนี้เท่านั้น จะลองดูไหมคะ"

"โคโค่แกเอาโน้ตบุ๊คมาไม่ใช่เหรอ? เอาคอนแทคให้เคโกะซังเขาไป เขาจะได้ส่งคลิปมาล่ะจะได้เปิดบนโน้ตบุ๊คให้ทุกคนได้ดู" เป็นไทจูที่พูดขึ้นมา (59)
โคโค่ทำตามที่ไทจูบอก เมื่อเคโกะซังส่งคลิปมาให้โคโค่แล้ว โคโค่ก็กดเล่นคลิปแรกทันที

คลิปแรกที่ทุกคนได้เห็นคือทาเคมิจิยืนอยู่กลางวง แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่เป็นเพศชาย 6-7 คนกำลังใช้กำลังทำร้ายร่างกายของทาเคมิจิอย่างไม่ยั้งมือ ทั้งเตะ ต่อย ตบ จิกหัว และอื่นๆที่ (60)
มันไม่สมควรทำกับเด็กเลยทั้งสิ้น เสียงร้องของทาเคมิจิบอกให้พอแล้วๆ อย่าทำผมเลยๆ ดังออกมาตลอดคลิป แต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจเอาแต่ทำร้ายทาเคมิจิอย่างสนุกสนาน แล้วก็หัวเราะออกมา

ทุกคนในห้องต่างกำหมัดแน่น อารมณ์กรุ่นโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นมา

'พวกมึงจะต้องไม่ตายดี!!!' นี่คือ (61)
สิ่งที่ผู้บริหารระดับสูงของบอนเท็นทุกคนคิดในใจแล้วคิดตรงกันเป็นครั้งแรก

เมื่อคลิปแรกเล่นจบ โคโค่ที่พอจะสงบอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เอื้อมมือไปกดเล่นคลิปที่สองโดยทันที และพอคลิปที่สองเริ่มเล่น ไมค์กี้ก็ลุกขึ้นมาตบโต๊ะดัง

ปัง!!!

"ใจเย็นสิไมค์กี้!!!" เป็นดราเค่น (62)
ที่พูดห้ามเพื่อนของตัวเองขึ้นมา

"แกจะให้ชั้นใจเย็นเหรอเคนจิน ดูสิ่งที่พวกระยำมันทำกับทาเคมิจจิสิ แกจะให้ชั้นใจเย็นอยู่ได้อีกงั้นเหรอ!!!" ไมค์กี้ตะโกนพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่โกรธอย่างสุดขีด สายตาที่แสดงออกมาคือพร้อมที่จะฆ่าได้ทุกคน

"ปล่อยชั้นเคนจิน ชั้นจะไปฆ่าพวกมัน" (63)
ไมค์กี้พยายามที่จะดึงแขนของตัวเองกลับมาแต่ดราเค่นไม่ยอมปล่อย

"ไมค์กี้คุง เดี๋ยวชั้นจะวางแผนที่ทำให้พวกระยำอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น ถ้านายไปฆ่าพวกมันเลย มันตายสบายไป และชั้นจะหาวิธีทำให้ชื่อเอมะสึหายไปจากญี่ปุ่นอย่างถาวร แบบนี้จะดีกว่าไหม?" คิซากิพูดออกมาด้วยน้ำเสียง (64)
ที่น่ากลัวจนเคโกะซังรู้สึกขนลุกขึ้นมา

"นั่นสินะ ถ้าชั้นฆ่าพวกมันเลย มันจะตายสบายไป คิซากิชั้นฝากให้นายไปคิดหาวิธีที่ทำให้พวกมันอยู่อย่างทรมานที่สุด ทรมานจนอยากตาย แต่ถ้าชั้นไม่อนุญาตมันก็ตายไม่ได้" ไมค์กี้พูดพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม

"ได้สิ พวกนายทุกคนเตรียมตัว - (65)
ได้เลย วันพรุ่งนี้ชั้นจะนัดมาบอกแผนการณ์ แล้วอีกวันเราก็ไปถล่มพวกมันกัน" คิซากิพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

'พวกมึงทำระยำกับฮีโร่ของกู ใช้ชีวิตวันนี้กับพรุ่งนี้ให้คุ้มล่ะ เพราะหลังจากนั้นพวกมึงจะต้องใช้ชีวิตเหมือนตกอยู่ในนรก!!!' (66)
คลิปแรกคือตัวจุดประกายไฟ
ส่วนคลิปที่สองคือเชื้อเพลิงที่ทำให้ไฟมันโหมกระหน่ำ (67)

⚠️ ทวิตต่อจากนี้คือการอธิบายสิ่งที่อยู่ในคลิปที่สองนะคะ ⚠️

TW : มีฉากสะเทือนใจอย่างรุนแรง
ในคลิปที่สองที่ทุกคนได้เห็นก็คือทาเคโดนจับให้นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วก็มีผู้ชาย 4 คน ช่วยตัวเองต่อหน้าทาเค และปล่อยน้ำกามใส่มาที่ตัวทาเค ในคลิปทาเคร้องไห้และพูดว่าอย่าทำผมเลย ซ้ำไปซ้ำมา แต่พวกมันก็ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ทุกคนในห้องต่างคิดไปในแนวทางเดียวกันว่า (68)
ถ้าคิซากิได้ออกปากว่าจะวางแผนให้แล้ว พวกเอมะสึและสมาชิกทุกคนคงได้อยู่แบบตายทั้งเป็นแน่ และโดยเฉพาะไอ้ระยำในคลิปทั้งสองที่ทำร้ายทาเคมิจิแบบนี้

คิซากิจัดเต็มแน่นอน!!!

เรียกได้ว่าความตายต้องเป็นสิ่งที่พวกมันทุกคนจะต้องร้องขอกับพวกเขา แต่ก็อย่างที่ไมค์กี้พูด (69)
'ถ้าชั้นไม่อนุญาตให้ตาย พวกมันก็ตายไม่ได้'

อยู่อย่างทรมานไปเถอะพวกมึง!!!

"คือผมขอถามได้ไหมครับเคโกะซัง ทาเคมิจิคุงโดนล่วงละเมิดทางเพศแบบสอดใส่ไหมครับ" ในที่สุดนาโอโตะก็ได้ตัดสินใจถามออกไป ซึ่งทุกคนในห้องก็ต่างอยากรู้คำตอบด้วยกันสิ้น (70)
"ไม่ค่ะ ไม่โดนค่ะ ชั้นพามิจจิจังไปให้คุณหมอตรวจร่างกายมาแล้วตอนเจอตัวครั้งแรก คุณหมอบอกว่ามีแค่ร่องรอยฟกช้ำอย่างเดียว แต่ไม่มีร่องรอยแบบนั้นค่ะ แต่ชั้นก็ไม่วางใจเลยส่งมิจจิจังไปพบจิตแพทย์เด็กค่ะ ซึ่งคุณหมอก็บอกว่ามิจจิจังโดนกระทำแค่ตามในคลิปที่สองที่พวกคุณได้ดูค่ะ" (71)
เมื่อได้ฟังคำตอบที่เคโกะซังพูดจบ ทุกคนในห้องก็ต่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

โล่งอกเพราะทาเคมิจิไม่ได้โดนทำระยำไปมากกว่านี้

"แล้วเคโกะซังไปเจอทาเคมิจิได้ยังไงเหรอครับ?" เป็นคิซากิที่ถามออกมา

"มิจจิจังวิ่งมาตัดหน้ารถชั้นค่ะ สภาพมิจจิจังตอนนั้นคือน่าสงสารมากๆ (72)
พูดว่าช่วยผมด้วยๆ ซ้ำๆ จนชั้นต้องดึงเข้ามากอดแล้วอุ้มขึ้นรถพาไปโรงพยาบาลค่ะ" เคโกะซังพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลลงมา

"คือทาเคมิจิคุงหนีออกมาจากพวกเอมะสึเองเหรอครับเคโกะซัง" นาโอโตะถามขึ้นมาบ้าง

"ใช่ค่ะนาโอโตะซัง มิจจิจังเล่าให้ชั้นฟังว่า มิจจิจัง (73)
รอตอนพวกมันเผลอ แล้วหนีออกมาค่ะ วิ่งมาเรื่อยๆแบบไม่หยุดพักเลย จนวิ่งมาตัดหน้ารถชั้นนี่แหละค่ะ"

"แล้วเคโกะซังได้ไปแจ้งความไหมครับ?"

"แจ้งค่ะ ชั้นแจ้งทันทีที่ผลตรวจร่างกายของมิจจิจังออก แต่พวกเอมะสึมันจ่ายเงินเลี้ยงพวกตำรวจยศใหญ่ๆอยู่หลายคนค่ะ - (74)
แต่ก็ยังมีตำรวจน้ำดีที่รับทำคดีให้ชั้น เขาสืบจนไปได้คลิปหลักฐานทั้ง 2 คลิปนี้มา คืนนั้นเขาส่งคลิปมาให้ชั้น แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายสาปสูญไปเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง พอชั้นเอาคลิปทั้ง 2 คลิปนี้ไปเป็นหลักฐานแจ้งความอีกครั้ง พวกตำรวจก็ขู่ชั้นค่ะ ว่าถ้า - (75)
อยากให้มิจจิจังปลอดภัยก็อย่ามาแจ้งความอีก ชั้นเลยกลัวค่ะ กลัวแบบมากๆ เลยได้แต่เก็บคลิปเอาไว้ แล้วรอวันที่จะส่งคลิปนี้ให้กับคนที่จะมาแก้แค้นให้มิจจิจังค่ะ ขอบคุณพวกคุณมากๆนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ" พูดจบเคโกะซังก็โค้งให้พวกเขา

"เคโกะซังสบายใจได้เลยนะครับ ตอนนี้มิจจิจัง - (76)
ของเคโกะซังได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลจากผู้บริหารระดับสูงของบอนเท็นทุกคน และจะไม่มีใครหน้าไหนมาทำอะไรแบบนี้กับมิจจิจังได้อีกครับ" อิซานะพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่จริงใจให้กับเคโกะซัง

"ขอบคุณจริงๆค่ะ"

คิซากิคิดในใจว่ามีพวกตำรวจที่รับเงินจากเอมะสึด้วย ถ้างั้น - (77)
เดี๋ยวเขาจะเป็นคนถอนรากถอนโคนพวกมันเอง ล่ะส่งข่าวชั่วๆของพวกมันแต่ละอย่างให้กับนักข่าว นักข่าวจะได้กระหน่ำนำเสนอความชั่วของพวกมันให้ทุกคนรับรู้ เอาให้สังคมรุมประนามหยามเหยียดจนต้องฆ่าตัวตายเลยดีกว่า

หึ

พวกมึงพลาดเองที่ไม่ช่วยฮีโร่ของกู เตรียมตัวเป็นข่าวฉาวได้เลยพวกมึง!!! (78)
"พวกเราต่างหากล่ะครับที่ต้องขอบคุณเคโกะซัง ที่ช่วยดูแลทาเคมิจจิเป็นอย่างดี บอนเท็นจะขอตอบแทนเคโกะซัง โดยการรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเคโกะซังมาอุปถัมภ์ครับ หลังจากนี้ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทางบอนเท็นจะเป็นคนจ่ายให้เอง" ไมค์กี้พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน - (79)
โค้งขอบคุณให้กับเคโกะซัง

"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ" เคโกะซังพูดออกมาทั้งน้ำตา วันนี้จัดได้ว่าเป็นวันที่ดีมากๆสำหรับเธอเลยเพราะ

1. มิจจิจังได้รับการคุ้มครองจากบอนเท็น ซึ่งบอนเท็นมีอำนาจกระจายไปทั่วญี่ปุ่น

2. บอนเท็นจะแก้แค้นพวกเอมะสึให้มิจจิจัง (80)
และ

3. สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเธอมีคนมาอุปถัมภ์แล้ว เธอจะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าเดือนนี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายในการดูแลพวกเด็กๆ

"เคโกะซังครับ" เป็นนาโอโตะที่เรียกชื่อเคโกะซังขึ้นมา

"มีอะไรเหรอคะ? นาโอโตะซัง"

"รบกวนเคโกะซังช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับยาของ (81)
ทาเคมิจิคุงให้ผมทีครับ"

"ตายแล้ว ชั้นลืมสนิทเลย มัวแต่ดีใจ มาค่ะๆ เดี๋ยวชั้นจะเริ่มอธิบายยาแต่ละตัวให้นะคะ" เคโกะซังพูดพร้อมกับเปิดกระเป๋าใส่ยาแล้วเริ่มหยิบยาแต่ละชนิดออกมาอธิบายให้นาโอโตะฟัง

"ยา 2 ตัวนี้ เป็นยาที่ต้องทานก่อนนอนทุกคืนนะคะ ห้ามลืมอย่างเด็ดขาด เพราะ (82)
ถ้าลืมทานมันจะทำให้หูของมิจจิจังมีเสียงลมเป่าออกมาค่ะ ซึ่งมันดังมากๆจนมิจจิจังนอนไม่ได้เลยค่ะ"

"ทาเคมิจิคุงเป็นโรคอะไรเหรอครับเคโกะซัง แล้วรักษาหายไหมครับ" นาโอโตะถามออกมาอย่างสงสัย

"เป็นโรคภูมิแพ้ค่ะ รักษาไม่หายค่ะ ทำได้เพียงกินยากดอาการเอาไว้ ที่รักษาไม่หาย - (83)
ก็เพราะว่าเส้นประสาทของมิจจิจังมันเสียหายไปแล้วค่ะ แล้วก็จากที่มิจจิจังไปตรวจการได้ยินมาครั้งล่าสุดคือที่หูข้างขวาของมิจจิจังไม่ได้ยินเสียงโทนต่ำๆอีกแล้วค่ะ แต่หูข้างซ้ายยังปกติค่ะ"

ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรออกมาเลยแม้แต่คนเดียว และก็คิดไปในทางเดียวกันว่า (84)
ทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้ายกับผู้มีพระคุณของพวกเขาแบบนี้กันนะ

"แล้วก็อันนี้ก็ห้ามลืมพ่นให้มิจจิจังอย่างเด็ดขาดเลยค่ะ เป็นยาพ่นจมูกค่ะ กดพ่นใส่จมูกทีละข้างข้างละ 2 ครั้ง ถ้าลืมพ่นมันจะทำให้ในจมูกของมิจจิจังบวมมากขึ้นค่ะ"

"อ่าครับเคโกะซัง"

"แล้วก็นาโอโตะซังสูบบุหรี่ไหมคะ?" (85)
"ไม่ครับ"

"ดีค่ะ มิจจิจังแพ้กลิ่นบุหรี่ ถึงจะไปสูบจากข้างนอกมา แต่มันก็มีกลิ่นติดเสื้อ ห้ามให้คนที่สูบบุหรี่เข้าใกล้มิจจิจังอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ เพราะพวกเขาจัดว่าเป็นตัวอันตรายเลยค่ะ" คนภายในห้องที่มีนิสัยชอบสูบบุหรี่ต่างสะดุ้งกันเป็นแถว

'สงสัยคงได้เวลาเลิกสูบแล้วสินะ' (86)
นี่คือเสียงในใจของคนที่สูบบุหรี่ในห้องนี้ที่คิดขึ้นมาตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

"แล้วก็ยาตัวนี้ให้มิจจิจังทานก่อนนอน 1 เม็ดนะคะ ล่ะก็ถ้ามิจจิจังมีอาการปวดหลังแบบมากๆ แต่พอถามว่ากินยาแก้ปวดไหม แล้วถ้ามิจจิจังตอบว่า ทนได้ ให้นาโอโตะเช็คค่าความดันจากในแอพนี้ทันทีเลยนะคะ โหลดมา - (87)
เลยค่ะ เดี๋ยวชั้นตั้งค่ากับเชื่อมต่อไปที่สมาร์ทวอชของมิจจิจังให้"

"เดี๋ยวนะครับเคโกะซัง อันนี้โรคอะไรอีกเหรอครับ?" นาโอโตะถามขึ้นมาอย่างสงสัย

"โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทค่ะนาโอโตะซัง แล้วก็ยาพารายี่ห้อต่างๆไม่ต้องเอามาให้มิจจิจังกินเลยนะคะเวลามิจจิจังปวดหลัง - (88)
มันเอาไม่อยู่ค่ะ ต้องใช้ยาแก้ปวดชนิดแรงตามที่หมอจ่ายให้เท่านั้น แต่มิจจิแกจะไม่ค่อยยอมกินยาแก้ปวดค่ะ เพราะแกกลัวมีผลเสียต่อตับค่ะ แกเลยพยายามอดทนกับความเจ็บปวดให้ได้มากที่สุดค่ะ"

"แล้วมันจะรู้สึกปวดตอนไหนเหรอครับเคโกะซัง ผมจะได้ระวังไว้"

"มิจจิจังรู้สึกปวดอยู่ตลอดเวลาค่ะ" (89)
"ห้ะ หมายความว่ายังไงครับ?" นาโอโตะถามออกมาด้วยความสงสัย

"คืองี้ค่ะนาโอโตะซัง ชั้นเคยถามมิจจิจังแบบที่นาโอโตะซังถามชั้นนี่แหละค่ะ มิจจิจังก็บอกชั้นว่า ไม่ว่าแกจะเดิน จะนั่ง จะยืน หรือแม้กระทั่งนอนอยู่เฉยๆ แกก็รู้สึกปวดอยู่ตลอดเวลาค่ะ แต่มิจจิจังบอกว่าชั้นว่า - (90)
แกชินกับความเจ็บปวดนั้นแล้วค่ะ" แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ทำไมผู้มีพระคุณของพวกเขาโชคชะตาถึงได้เล่นตลกขนาดนี้

"ละ...แล้วไม่มีทางรักษาเลยเหรอครับเคโกะซัง"

"ไม่มีค่ะ แต่ความจริงมันมีการผ่าตัดอยู่ค่ะ แต่มันเสี่ยงมากค่ะ คือถ้าโชคดีมิจจิจังก็หายปวด แต่ถ้าไม่ - (91)
มิจจิจังอาจจะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ อาจจะรู้สึกชาไปที่ขาตลอดชีวิต และที่หนักสุดก็คืออาจจะเป็นอัมพาตครึ่งตัวค่ะ"

"..."

"มิจจิจังเป็นเด็กที่แบบเข้มแข็งมากๆ อายุแค่นี้ ล่ะเป็นหนักขนาดนี้แต่แกไม่ร้องไห้งอแงเลย จนบางครั้งชั้นก็แอบคิดนะคะว่า - (92)
แกอาจจะเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างของเด็กก็ได้"

เงียบทั้งห้องไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา จนเคโกะต้องเป็นคนพูดต่อเอง

"นาโอโตะซังคะ นาโอโตะซัง" เคโกะโบกมือผ่านหน้านาโอโตะไปมาเมื่อเห็นว่านาโอโตะยังคงนิ่งอยู่

"ห้ะ ครับๆ" นาโอโตะที่หลุดออกจากภวังค์แล้วก็รีบตอบเคโกะซัง (93)
"คือชั้นจะบอกว่าอาการโรคนี้ของมิจจิจังในตอนนี้ มันจะมีบางครั้งนะคะที่มิจจิจะรู้ร้าวตรงบริเวณหลังที่เป็นจากบนลงล่าง แล้วหลังจากนั้นมิจจิจังจะขยับตัวไม่ได้เลยค่ะ เพราะมันจะเจ็บมากๆ ต้องนอนเท่านั้นค่ะถึงจะเจ็บน้อยที่สุด"

"ละ...แล้วเมื่อไหร่ถึงจะหายเจ็บเหรอครับ?" (94)
"ไม่ทราบเลยค่ะ ชั้นเคยจับเวลาตอนที่มิจจิจังเป็นแบบนี้ บางทีก็ 20 นาที บางทีก็เกือบ 40 นาที บางครั้งหนักสุดเป็นชั่วโมงเลยค่ะ แต่แค่ชั่วโมงกว่าหน่อยๆนะคะ อ้อ นาโอโตะซังคะ วิธีสังเกตในเวลาที่มิจจิจังเป็นแบบนี้นะคะก็คือ ไม่ว่ามิจจิจังจะทำอะไรอยู่แต่ถ้าอยู่ดีๆแกนอนราบ - (95)
ไปกับพื้นเลยเฉยๆ แสดงว่ามิจจิจังเจ็บจนขยับไม่ได้แล้วค่ะ เพราะครั้งแรกที่ชั้นเห็นมิจจิจังเป็นแบบนี้ก็คือตอนที่มิจจิจังกำลังช่วยชั้นทำขนมอยู่ในครัวค่ะ พอชั้นหันไปอีกทีคือมิจจิจังนอนราบไปกับพื้นครัวแล้ว"

"มันขยับไม่ได้เลยเหรอครับเคโกะซัง" คิซากิเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา (96)
"มิจจิจังเคยฝืนขยับตัวเดินเพื่อไปนอนในห้องค่ะ แต่สิ่งที่ชั้นเห็นคือขาของมิจจิจังสั่นมาก ก้าวได้ก้าวสั้นๆ แล้วที่สำคัญเลยคือแกร้องไห้ออกมาด้วยค่ะ ชั้นเลยรีบวิ่งเข้าไปหามิจจิจังแล้วค่อยๆจับแกอุ้มขึ้นมา แล้วก็ถามว่าร้องไห้ทำไม แกบอกชั้นว่า - (97)
มันเจ็บ เจ็บมากๆเลย เจ็บเหมือนมีคนเอาท่อเหล็กมาตีที่หลังแกซ้ำๆ" เคโกะซังพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้ามาก ทุกคนในห้องต่างเงียบ แล้วต่างคิดเหมือนกันว่า

'ทาเคมิจิไปเจออะไรมาทำไมถึงได้เป็นโรคนี้ได้กันนะ'

"แล้วก็นาโอโตะซังคะ?"

"คะ...ครับ เคโกะซัง" นาโอโตะที่กำลังอึ้งอยู่กับ (98)
อาการของทาเคมิจิก็ตอบเคโกะซังด้วยน้ำเสียงที่กระท่อนกระแท่น

"ถ้านาโอโตะซังเห็นแกเป็นแบบนี้แล้วไม่ได้มีธุระอะไรที่สำคัญจริงๆ ชั้นอยากให้นาโอโตะซังอยู่กับแกก่อนนะคะ คือค่อยๆจับแกอุ้มขึ้นมาอยู่บนตักนะคะ แล้วใช้มือข้างหนึ่งประคองหลังเอาไว้ มิจจิจังจะขยับตัวเล็กน้อย - (99)
เพื่อหามุมที่สบายที่สุด วิธีนี้มิจจิจังเป็นคนอ้อนขอให้ชั้นทำให้แกค่ะ คือตอนนั้นแกนอนราบไปกับพื้นแล้วน่าจะปวดมากอยู่ค่ะเพราะสีหน้าแกไม่ค่อยดีเลย ชั้นก็นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆแก ล่ะมิจจิจังก็เป็นคนเอ่ยปากขอให้จับแกอุ้มแบบนี้ค่ะ ชั้นก็ถามนะคะว่าวิธีนี้มันช่วยให้หายเจ็บเหรอ - (100)
มิจจิจังบอกว่า เปล่า แต่มันทำให้แกรู้สึกว่าแกไม่ได้อยู่คนเดียวน่ะค่ะ เพราะงั้นถ้านาโอโตะซังไม่ได้มีธุระที่สำคัญมากจริงๆ ชั้นขอร้องให้นาโอโตะซังอยู่กับแกแบบนี้ก่อนนะคะ"

"ได้เลยครับเคโกะซัง ไม่ต้องกังวลนะครับ" นาโอโตะและรวมถึงคนอื่นในห้องก็ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า (101)
'ถึงต่อจะให้มีธุระสำคัญจริงๆก็ตาม แต่ถ้าทาเคมิจิเป็นแบบนั้น พวกเขาก็พร้อมที่จะเลื่อนธุระไปทำวันอื่นทันที เพราะตอนนี้ทาเคมิจิน่ะสำคัญกับพวกเขามากที่สุดแล้ว'

"นาโอโตะซัง โหลดแอพนี้เสร็จยังคะ?" เมื่อนาโอโตะได้ยินในสิ่งที่เคโกะซังถามก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันที (102)
"โหลดเสร็จแล้วครับ"

"งั้นชั้นขออนุญาตตั้งค่ากับเชื่อมต่อไปที่สมาร์ทวอชที่มิจจิจังใส่อยู่นะคะ" นาโอโตะพูดตอบรับเคโกะซังแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ให้ เคโกะรับมากดๆสักพักแล้วส่งคืนให้นาโอโตะไป

"มิจจิจังอายุประมาณ 5-6 ขวบ ความดันของมิจจิจังไม่ควรเกิน 110 นะคะ คือมิจจิจัง - (103)
เวลาที่แกปวดมากๆน่ะค่ะ ความดันแกจะสูงขึ้น ตอนที่ชั้นยังไม่ได้ซื้อสมาร์ทวอชให้มิจจิจัง ล่ะมีครั้งนึงอาการมิจจิจังก็ออกแบบนี้ ชั้นก็ถามแกว่ากินยาแก้ปวดไหม แต่แกก็ตอบชั้นว่า ทนไหว ผ่านไปสักพักหันไปอีกที แกหมดสติไปแล้วค่ะ ชั้นเลยรีบพาแกส่งรพ.เลยทันที สรุปความดันมิจจิจัง - (104)
ตอนไปวัดที่โรงพยาบาลคือสูงมากค่ะสำหรับเด็ก 145 และหมอคาดว่าตอนที่มิจจิจังสลบความดันน่าจะมากกว่านี้ด้วยค่ะ ชั้นเลยไปซื้อสมาร์ทวอชที่วัดค่าความดันได้มาใส่ให้มิจจิจังค่ะ ถ้าอาการแกออกปุป ชั้นจะเช็คเลยทันทีค่ะว่าความดันแกปกติไหม ถ้าเริ่มสูงชั้นจะบังคับให้แกกินยาทันทีค่ะ" (105)
⚠️ เรื่องโรค/ยา/และอาการ คือเราเอามาจากในชีวิตจริงที่ได้ดูแลใกล้ชิดกับคนที่เป็นโรคเหล่านี้ค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าถ้าทาเคในร่างเด็กมันจะมีอาการตามแบบที่เราเคยเจอไหมนะคะ เพราะฉะนั้นถ้ามีส่วนไหนผิดพลาดเราต้องขอโทษด้วยนะคะ ⚠️
"คือผมขอถามหน่อยได้ไหมครับเคโกะซัง เคโกะซังพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ทาเคมิจิเป็นโรคนี้ไหมครับ" เป็นชินอิจิโร่ที่เอ่ยถามขึ้นมา

"ชั้นเคยถามแกค่ะว่าไปทำอะไรมาถึงได้เป็นโรคนี้ มิจจิจังตอบแค่ว่าไปโดนอะไรบางอย่างกระแทกหลังแรงๆมาน่ะค่ะ"

"แล้วอะไรบางอย่างที่ว่านั่นคืออะไรเหรอครับ?" (106)
"มิจจิจังไม่ยอมบอกค่ะ ไม่ว่าจะหลอกล่อด้วยอะไรก็ตามแต่แกไม่ยอมบอกเลยค่ะ"

'เพราะอะไรทำไมทาเคมิจิถึงไม่ยอมบอกสาเหตุกันนะ' นี่คือสิ่งที่ทุกคนภายในห้องอาหารนี้คิด

"อ้อ ชั้นเกือบลืมเลยอันนี้สำคัญแบบมากๆเลยค่ะนาโอโตะซัง"

"อะไรเหรอครับเคโกะซัง" นาโอโตะถามกลับอย่างสงสัย (107)
"อย่าปล่อยให้มิจจิจังเดินข้ามถนนเองอย่างเด็ดขาด ต้องอุ้มแกพาข้ามเท่านั้นค่ะ เพราะมันเคยมีเหตุการณ์นึงที่ชั้นพาเด็กๆข้ามถนน ล่ะอาการมิจจิจังไปออกตอนแกกำลังข้ามถนนค่ะ คือภาพที่ชั้นเห็นทำเอาใจหายมาก มิจจิจังยืนนิ่งที่กลางถนนค่ะ ล่ะก็มีรถที่วิ่งมาอย่างเร็วมากค่ะ - (108)
ชั้นตกใจมาก แต่ดีที่ว่ามีคนดูแลอีกคนวิ่งไปอุ้มแกหลบได้ทันค่ะ เพราะฉะนั้นนาโอโตะซังห้ามปล่อยมิจจิจังข้ามถนนเองเด็ดขาดนะคะ" ที่เคโกะซังย้ำกับนาโอโตะมากๆก็เพราะตอนนั้นภาพที่เห็นมันแค่เสี้ยววิเดียวเท่านั้น ถ้าคนดูแลอีกคนวิ่งมาอุ้มแกหลบไปไม่ทัน มิจจิจังโดนรถคันนั้นชนแน่ๆ (109)
"ได้ครับเคโกะซัง ผมไม่ลืมอย่างแน่นอนครับ"

"แล้วก็มิจจิจังจะเดินติดต่อกันได้อย่างมากแค่ 10 นาทีนะคะ แล้วแกจะต้องนั่งพักก่อนถึงจะเดินต่อไปได้"

"ทำไมถึงได้แค่ 10 นาทีเหรอครับ?"

"มิจจิจังบอกว่าจะฝืนเดินต่อไปก็ได้ แต่ขาแกจะเริ่มชาค่ะ แล้วยังไงก็ต้องหยุดพักอยู่ดีค่ะ" (110)
ทำไม

ทำไมอาการที่ผู้มีพระคุณของพวกเขาเป็นมันถึงได้หนักขนาดนี้

โชคชะตาใจร้ายกับทาเคมิจิจริงๆ

ทาเคมิจิก็ตัวแค่นั้นแต่เป็นถึงขนาดนี้

แล้วไหนจะเรื่องย้อนเวลาที่ทาเคย้อนกลับไปกลับมาเป็นสิบๆครั้งอีก

ทาเคมิจิของพวกเขาจะรู้สึกเหนื่อยขนาดไหนกันนะ (111)
"แล้วก็ยาอันนี้ให้มิจจิจังกิน 2 เม็ด ตัวนี้ก็ 2 เม็ดนะคะ ก่อนนอน แล้วถ้ามิจจิจังนอนไม่หลับก็ให้กินยานอนหลับตัวนี้ไป 1 เม็ดนะคะ แล้วถ้าตื่นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับอีกก็กินเพิ่มไปอีก 1 เม็ดนะคะ"

"อะ...อันนี้โรคอะไรอีกเหรอครับเคโกะซัง?" นาโอโตะกำลังตกใจที่มันมียา (112)
เพิ่มมาอีก

"โรคซึมเศร้าค่ะ"

เงียบทั้งห้อง

"นาโอโตะซังคะ นาโอโตะซัง" เป็นอีกครั้งที่เคโกะซังต้องเรียกดึงสตินาโอโตะให้กลับมา

"อันนี้เป็นใบนัดไปหาหมอแต่ละโรคนะคะ นาโอโตะซังสะดวกที่จะพามิจจิจังไปโรงพยาบาลไหมคะ?"

"สะดวกครับ"

"แล้วก็อันนี้คือชั้นอยากจะขอร้องนาโอโตะซัง - (113)
ถ้านาโอโตะซังจะย้ายมิจจิจังไปรักษาในโรงพยาบาลที่ดีกว่า ชั้นก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ขอยกเว้นเรื่องเปลี่ยนจิตแพทย์นะคะ คือกว่ามิจจิจังจะเจอจิตแพทย์ที่เข้ากับแกได้ มิจจิจังขอเปลี่ยนจิตแพทย์มาแล้ว 6 คนค่ะ ล่ะจิตแพทย์คนปัจจุบันคือจิตแพทย์ที่มิจจิจังโอเคด้วยที่สุดค่ะ" (114)
"ทำไมทาเคมิจิคุงถึงขอเปลี่ยนหมอเหรอครับ?" นาโอโตะถามขึ้นมาอย่างสงสัย

"แกบอกแค่ว่าเขาไม่เข้าใจผม ถ้าไม่เปลี่ยนให้ ผมจะไม่มารักษาแล้วแค่นี้น่ะค่ะ"

"โอเคครับเคโกะซัง"

Rrrrr

"ขอรับสายแปปนึงนะคะ" แล้วเคโกะซังก็กดรับสายก่อนจะหันมาขอตัวกลับก่อน และทิ้งนามบัตรให้นาโอโตะ (115)
เอาไว้ ก่อนจะบอกลาแล้วเดินออกจากห้องไป คล้อยหลังเคโกะซังเดินออกไปได้ไม่นาน ฮินาตะก็อุ้มทาเคมิจิที่ตอนนี้ในมือถือถ้วยไอติมรสช็อคมิ้นต์อยู่เข้ามาในห้อง

คาคุโจที่ได้รับรู้เรื่องราวของทาเคมิจิผ่านจากการเล่าของเคโกะซังแล้ว ก็เกิดความสงสารทาเคมิจิขึ้นมาจับใจ (116)
แล้วเผลอเรียกชื่อทาเคมิจิออกไปอย่างไม่รู้ตัว

"ทาเคมิจิ" ทาเคมิจิที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองเลยหันไปตามทิศทางที่ได้ยินเสียง

"คาคุจังเหรอ?"

"ใช่ ฉันเอง" คาคุโจตอบพร้อมกับยิ้มให้ทาเคมิจิ ทาเคมิจิเลยบอกให้ฮินาตะพาเขาไปหาคาคุโจหน่อย เมื่อฮินาตะส่งตัวทาเคมิจิให้ (117)
คาคุโจแล้ว คาคุโจก็จับทาเคมิจินั่งบนโต๊ะอาหารแล้วให้หันหน้าเข้าหาตัวเอง

"คาคุจัง ก้มหน้ามาหน่อย" เมื่อคาคุโจก้มหน้าเข้าไปใกล้ทาเคมิจิ ทาเคมิจิก็ใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปแตะที่ดวงตาข้างที่เคยบอดและลูบตรงบริเวณที่เคยมีแผลเป็น แล้วพูดออกมาเบาๆแต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจนว่า (118)
"ผมช่วยคาคุจังได้แล้ว ดีใจจัง" แล้วก็ยิ้มอย่างจริงใจให้คาคุโจ

คาคุโจที่พอจะได้ความทรงจำมาถึงมันจะขาดๆหายๆภาพไม่ชัด เสียงไม่ชัด แต่คาคุโจก็รู้ว่า ตัวเขาในรูทก่อนๆเกิดอุบัติเหตุตอนย้ายบ้าน พ่อแม่เขาตาย ส่วนเขาตาบอดข้างนึงและมีแผลเป็น

แต่ในรูทนี้ พ่อแม่ของเขายัง (119)
ไม่ตาย และตัวเขาก็ไม่ได้ตาบอดหรือมีแผลเป็น

"ขอชั้นกอดนายได้ไหมทาเคมิจิ" คาคุโจพูดพร้อมกับรอฟังคำตอบจากทาเคมิจิอย่างใจจดใจจ่อ

"ได้สิ" แล้วคาคุโจก็รีบสวมกอดทาเคมิจิทันที

"ขอบคุณนะทาเคมิจิที่ช่วยชั้นกับพ่อแม่ของชั้นเอาไว้ ขอบคุณจริงๆ" (120)
"ไม่เป็นไรเลยคาคุจัง" แล้วทาเคมิจิในร่างเด็กก็ใช้สองมือน้อยๆของตัวเองตบไปที่หลังของคาคุโจเบาๆ

เมื่อคาคุโจผละออกมาแล้ว ทาเคมิจิก็หยิบช้อนที่ตักไอติมรสช็อคมิ้นต์ขึ้นมา แล้วยื่นไปข้างหน้าคาคุโจ

"กินไหมคาคุจัง?" พร้อมกับช้อนตามองอย่างอ้อนๆ แพ้ บอกได้เลยว่าคาคุโจ (121)
แพ้ทาเคมิจิแบบมากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบกินไอติมรสยาสีฟันนี้ยังไง แต่ถ้าทาเคมิจิเป็นคนป้อนล่ะก็

"กินสิ" แล้วคาคุโจก็ก้มลงไปงับไอติมที่อยู่บนช้อนเข้าปาก และคาคุโจก็รับรู้ได้ถึงสายตาอิจฉาริษยาที่ส่งมาจากทุกคนในห้อง (122)
แต่คาคุโจก็หาได้สนใจไม่ หูก็ฟังที่ทาเคมิจิในร่างจิ๋วนี่พูดนู่นนี่ไม่หยุด ปากก็งับไอติมที่ทาเคมิจิส่งมาเรื่อยๆสลับกับตักกินเอง

จนในที่สุดไอติมถ้วยนั้นก็หมดลง ทาเคมิจิเลยวางถ้วยและช้อนตักไอติมเอาไว้ที่ข้างตัวก่อนจะพูดจ้อออกมาอีกครั้ง

"คาคุจังชอบกินขนมไหม?" (123)
🔆 คือที่ไม่มีคนอื่นเข้ามาแทรกในบนสนทนาก็เพราะว่าพวกนั้นไม่กล้าคุยกับทาเคก่อนค่ะ เพราะจากความทรงจำที่ได้มาถึงมันจะขาดๆหายๆ แต่พวกนั้นก็รู้ว่าตัวเองมีส่วนทำให้ทาเคต้องลำบาก พวกนั้นเลยนั่งฟังทาเคพูดกับคาคุโจค่ะ เหมือนเป็นการเก็บข้อมูลด้วย 🔆
"หื้อ ขนมอะไรเหรอทาเคมิจิ?" คาคุโจถามกลับ

"ก็แบบพวกคุ้กกี้ บราวนี่ไรแบบนี้อะ คาคุจังอยากกินอะไร"

"อืมมม ถ้าช่วงนี้ก็คงอยากกินทีรามิสุกับบราวนี่มั้ง"

"งั้นเดี๋ยวชั้นทำให้กินนะ เคโกะจังสอนชั้นทำขนมหลายอย่างเลย" เมื่อทาเคมิจิพูดจบ สายตาอิจฉาริษยาจากผู้คนในห้อง (124)
ก็ถูกส่งมาให้คาคุโจอีกครั้ง แต่คาคุโจก็มองกลับไปด้วยสายตาที่คนอื่นในห้องอยากจะดึงมันมากระทืบซะจริง ก็เพราะว่าสายตาที่คาคุโจส่งมาให้พวกเขา มันตีความได้อย่างเดียวว่า

'ไม่ได้ชื่อคาคุจังก็เหนื่อยหน่อยนะ'

"คาคุจัง คาคุจังมองอะไรอยู่เหรอ?" ทาเคมิจิถามออกมาอย่างสงสัย (125)
"ชั้นมองพวก นก ฝูงใหญ่อยู่น่ะทาเคมิจิ" เมื่อทาเคมิจิได้ยินที่คาคุโจก็หันมองซ้ายขวาหน้าหลังแล้วทำหน้ามุ่ยถามคาคุโจกลับไป

"ไม่เห็นมีเลยคาคุจัง"

'นี่ก็ใสซะจริง!!! ข้างในนี่อายุ 26 จริงไหมเนี่ย ไอ้นกที่คาคุโจมันพูดถึงก็นั่งหน้าสลอนอยู่เต็มห้องนี่ไง!!!' (126)
นี่คือสิ่งที่คนภายในห้องคิดตรงกันอีกครั้ง

"ทาเคมิจิทำเป็นหลายอย่างเลยเหรอ?" แล้วคาคุโจก็เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างหน้าด้านๆ

"ใช่ๆ ถ้าวันไหนนายอยากกินอะไรก็บอกชั้นได้เลย เดี๋ยวทำให้กินนะ" เมื่อทาเคมิจิพูดจบก็เหมือนเพิ่งนึกอะไรออกมาได้บางอย่าง แล้วก็ทำสีหน้ารู้สึกผิดออกมา - (127)
ก่อนจะพูดน้ำเสียงหงอยๆว่า

"คาคุจัง ชั้นขอโทษนะ คงทำให้นายกินไม่ได้แล้วล่ะ" คาคุโจที่ได้ยินก็สงสัยแล้วจึงถามกลับออกไปว่า

"ทำไมล่ะทาเคมิจิ?"

"ชั้นไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์กับวัตถุดิบน่ะ ขอโทษนะคาคุจัง" เมื่อพวกตัวโตได้ฟังคำตอบของทาเคมิจิแล้ว ก็แทบจะหยิบกระเป๋าตังค์ (128)
ของตัวเองยัดใส่มือทาเคมิจิ แต่ก็ไม่ทันคาคุโจอยู่ดี

"เดี๋ยวชั้นออกให้นายเอง แค่นี้สบายมาก"

"คาคุจังน่ารักที่สุดเลย!" แล้วทาเคมิจิก็โถมตัวเข้าไปกอดคาคุโจ คาคุโจก็กอดตอบทาเคมิจิอย่างอารมณ์ดีแล้วก็ใช้สายตามองพวกที่ นก อย่างเหนือกว่า (129)
'แม่ง!!! อิจฉาโว้ยยยย ทำไมพวกเขาถึงไม่มี การ์ดเพื่อนสมัยเด็ก แบบไอ้คาคุโจให้เปิดบ้างวะ!!' นี่คือสิ่งที่อยู่ภายในใจของพวกตัวโตที่เหลือในห้อง

พอทาเคมิจิผละออกมา คาคุโจก็จับทาเคมิจิไปนั่งที่เดิม แล้วทาเคมิจิก็ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่เคยดูด้วยกันตอนสมัยที่ยังเป็นเด็ก แล้วหลังจาก (130)
นั้นคาคุโจก็ถามทาเคมิจิว่า

"นี่ทาเคมิจิ นายจำสัญญานั้นได้ไหม?"

"หือ สัญญาอะไรเหรอ?"

"ก็สัญญาที่ตอนนั้นนายเคยบอกกับชั้นว่า ไม่ว่าชั้นจะขออะไรกับนาย นายก็จะให้ชั้นได้หมดไง ก็ตอนนั้นนายลืมของขวัญวันเกิดชั้น นายเลยง้อด้วยการให้ชั้นขออะไรจากนายก็ได้ แต่ตอนนั้นชั้นยังคิด - (131)
ไม่ออกว่าจะขออะไรจากนายดี ชั้นก็เลยบอกนายว่า เดี๋ยวไว้มาขอวันหลังล่ะกัน นายพอจะจำได้ไหม?"

"อ๋อ จำได้ๆ แต่ตอนนี้ชั้นไม่มีเงินมาซื้อของให้นายหรอกนะ"

"สิ่งที่ชั้นจะขอจากนายมันไม่ต้องใช้เงินเลย"

"หือ มันคืออะไรเหรอ?" ทาเคมิจิเอียงคอถามออกมาอย่างสงสัย (132)
"ชั้นขอความทรงจำจากทุกรูททั้งหมดของนายทาเคมิจิ" (133)
⚠️ ไรท์ said ผู้ใดที่มันทำชั่วกับน้องทาเคเอาไว้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย โปรดเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี เพราะนายคาคุโจมาเพื่อฟาดค่ะ ⚠️
เมื่อคาคุโจได้บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการจะขอกับทาเคมิจิออกมา ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

"นะ..นายขออย่างอื่นเถอะคาคุจัง" ทาเคมิจิปฏิเสธออกมาด้วยน้ำเสียงที่ติดกังวล

"ไหนนายเคยบอกว่าจะให้ชั้นได้ทุกอย่างไง"

"มันก็ใช่ แต่สิ่งที่นายขอมาคือมัน มันไม่สนุกหรอกคาคุจัง" (134)
"นายจะผิดสัญญากับชั้นเหรอทาเคมิจิ"

"..."

"ตอนเด็กๆ ไม่ว่านายจะขออะไรจากชั้น ชั้นก็ทำให้นายได้ทุกครั้ง แล้วนี่คือการขอจากชั้นครั้งแรกนายจะไม่รักษาสัญญาเหรอทาเคมิจิ" ความจริงคาคุโจไม่อยากพูดแบบนี้สักเท่าไหร่นะ แต่ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ทาเคมิจิไม่ยอมเล่าออกมาแน่ๆ (135)
"ถะ...ถ้าชั้นให้คาคุจัง คาคุจังสัญญากับชั้นได้ไหมว่า จะไม่โทษตัวเองหรือโทษคนอื่นอย่างเด็ดขาด" ทาเคมิจิที่ไม่อยากทำผิดสัญญากับเพื่อนสนิทคนสำคัญในวัยเด็ก จึงตอบตกลงออกมาแต่มีข้อแม้แค่นี้เลย

"ได้สิ ชั้นสัญญา" คาคุโจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

"โอเค ถ้างั้นคาคุจัง - (136)
อุ้มชั้นลงพื้นหน่อย เดี๋ยวชั้นมา ห้ามมีใครตามออกไปอย่างเด็ดขาด" แล้วทาเคมิจิก็เดินออกจากห้องไป ท่ามกลางความสงสัยของพวกตัวโตที่อยู่ภายในห้อง

ทาเคมิจิเดินไปขอน้ำเปล่ามา 1 แก้ว แล้วหลังจากนั้นก็กัดนิ้วของตัวเองให้เลือดออกก่อนจะใช้นิ้วนั้นจุ่มวนๆลงในแก้ว เพื่อให้เลือดของ (137)
ตัวเองผสมเข้ากับน้ำในแก้วนั้น หลังจากนั้นทาเคมิจิก็เดินกลับเข้ามาภายในห้อง คาคุโจก็อุ้มทาเคมิจิมานั่งที่เดิม

"อย่าลืมสัญญานะคาคุจัง" ทาเคมิจิพูดย้ำอีกครั้ง

"ไม่ลืมแน่นอน" คาคุโจตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

"ดื่มน้ำนี่สิ" แล้วทาเคมิจิก็ยื่นแก้วน้ำนั้นให้คาคุโจ (138)
คาคุโจรับแก้วน้ำจากทาเคมิจิ และกระดกขึ้นดื่มทันที แต่ดื่มไปได้ไม่ถึงครึ่งแก้ว ความทรงจำต่างๆก็ไหลเข้ามาในหัวของคาคุโจไม่หยุด และที่สำคัญเลยก็คือความทรงจำที่เพิ่งได้มานั้น

ภาพมันชัดแบบ Full HD 8K เสียงสเตอริโอ!!!

ไม่เหมือนกับความทรงจำที่คาคุโจหรือคนอื่นๆภายในห้องที่ได้รับ (139)
มาก่อนเพราะอันนั้นภาพมันขาดๆหายๆ เสียงก็ไม่ชัดอีกต่างหากแต่อันนั้นชัดทั้งภาพและเสียง

ความทรงจำต่างๆไหลเข้ามาในหัวของคาคุโจไม่หยุดจนคาคุโจรู้สึกปวดหัวอย่างมาก จนมือข้างที่ถือแก้วน้ำอยู่ก็บีบแก้วแน่น แล้วในที่สุด

ความทรงจำทั้งหมดของทาเคมิจิในทุกรูท คาคุโจได้เห็นมันหมดแล้ว (140)
เมื่อคาคุโจเงยหน้าขึ้นมาสายตาของคาคุโจที่ใช้มองทุกคนในห้องอาหาร มันน่ากลัวมาก ทุกคนรับรู้ได้ว่าคาคุโจกำลังโมโหจนถึงขีดสุด

"ทาเคมิจิ ชั้นฝากนายถือแก้วน้ำหน่อยนะ" แต่เมื่อคาคุโจพูดกับทาเคมิจิ คาคุโจก็ปรับสายตาให้อ่อนลงและพูดด้วยเสียงที่ดูเหมือนพยายามจะอดกลั้นอะไรบางอย่าง (141)
"อะ...อื้ม ได้สิ" แล้วทาเคมิจิก็รับแก้วน้ำของคาคุโจมาถือเอาไว้แน่น

หลังจากนั้นคาคุโจก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วอุ้มทาเคมิจิขึ้นมา แล้วเอาไปฝากไว้กับไฮทานิ รันที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ฝากทาเคมิจิแปปนะรัน อย่า-ปล่อย-ให้-ทาเคมิจิ-ลง-มา-เด็ด-ขาด" คาคุโจสั่งรันด้วยเสียงเรียบๆ (142)
เน้นประโยคหลังทุกคำอย่างชัดเจน

"โอเค ได้สิ" แล้วรันก็กอดเอวทาเคมิจิเอาไว้แน่น เมื่อคาคุโจเห็นทาเคมิจิอยู่ที่ที่ไม่สามารถจะลงมาห้ามเขาได้แล้วนั้น

คาคุโจก็เดินไปหาไมค์กี้ทันที แล้วกระชากตัวไมค์กี้ขึ้นมาก่อนจะต่อยอย่างแรงจนไมค์ล้มลงกระแทกไปกับโต๊ะ (143)
แล้วความวุ่นวายภายในห้องอาหารแห่งนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นทันที

"เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ยคาคุโจ!!!" ไมค์กี้ปาดเลือดออกมาจากมุมปากก่อนจะตะโกนถามคาคุโจออกไป

"แกนะสิที่เป็นบ้าอะไร ซาโนะ มันจิโร่!!!" แล้วคาคุโจก็กระชากคอเสื้อไมค์กี้เข้ามา (144)
อิซานะพยายามเข้ามาดึงตัวคาคุโจออกไป ส่วนชินอิจิโร่ก็พยายามดึงตัวไมค์กี้ออกมา แต่คาคุโจกำคอเสื้อไมค์กี้เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

"คาคุจัง!!! อย่า อย่านะคาคุจัง" ทาเคมิจิพยายามที่จะดิ้นให้ออกจากอ้อมกอดของรันที่รัดตัวเขาเอาไว้อยู่ แต่รันกลับไม่ยอมปล่อยเลย (145)
"นายอยากรู้ใช่ไหม!!! ว่ารูทนี้เป็นรูทที่เท่าไหร่ของทาเคมิจิ ชั้นจะบอกให้นะ รูทนี้คือ รูทที่ 550 ของทาเคมิจิแล้ว!!!" แล้วทุกคนในห้องต่างช็อคขึ้นมาอีกรอบ นี่ผู้มีพระคุณของพวกเขาย้อนเวลาซ้ำไปซ้ำมากถึง 550 รูทเลยเหรอ

ทุกคนหันมามองที่ทาเคมิจิที่ตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่บนตักรัน (146)
"คาคุจัง ฮึก พอแล้ว พอเถอะนะ คาคุจัง ชั้นขอร้อง ฮืออ" เมื่อทาเคมิจิไม่สามารถเอาตัวเองลงไปห้ามคาคุโจได้ ทาเคมิจิจึงได้แต่ส่งเสียงห้ามออกไปเท่านั้น

"แล้วนายอยากรู้มั้ย ซาโนะ มันจิโร่ ว่าใครเป็นคนที่ทำให้ทาเคมิจิเจ็บปวดที่สุด คนๆนั้นก็คือนายยังไงล่ะ!!!" (147)
"ทะ...ทำไม?" ไมค์กี้ถามออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาแต่คาคุโจที่อยู่ตรงหน้าได้ยินอย่างชัดเจน

"หึ ทำไมน่ะเหรอ ซาโนะ มันจิโร่ ชั้นจะบอกให้นะ ในรูทก่อนๆนายน่ะ -

"อย่านะ!! คาคุจัง ฮึก ไม่ต้องพูด ชั้นไม่เป็นไรจริงๆ คาคุจังกลับมาหาชั้นเถอะนะ ฮืออ" ทาเคมิจิตะโกนห้ามไม่ให้ (148)
คาคุโจพูดออกมาเสียงดัง

"ทาเคมิจิ หลังจากนี้ชั้นสัญญาว่าชั้นจะตามใจนายทุกอย่าง จะดูแลนายให้เหมือนกับนายเป็นเจ้าชาย แต่ตอนนี้ชั้นต้องขอโทษด้วยนะที่ต้องทำแบบนี้ รัน" คาคุโจพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนทุกคนในห้องรู้สึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน

"ว่า?" (149)
"เอามือนายปิดปากทาเคมิจิไว้ที แต่ห้ามทำรุนแรงเด็ดขาด" ที่คาคุโจต้องทำแบบนี้ เพราะคาคุโจรู้ตัวเองดีว่าถ้าปล่อยให้ทาเคมิจิตะโกนห้ามออกมาแบบ เขาจะต้องใจอ่อนอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้เขายอมไม่ได้จริงๆ

'ซาโนะ มันจิโร่ ต้องได้รับรู้กับสิ่งที่ทำไว้กับทาเคมิจิ!!!'

"ได้สิ" แล้วรัน (150)
ก็ใช้มือข้างที่ไม่ได้กอดเอวทาเคมิจิเอาไว้ เลื่อนขึ้นมาปิดปากทาเคมิจิเอาไว้แน่น ทาเคมิจิก็ร้องโวยวายออกมา แต่เสียงที่ทุกคนได้ยินมีแต่เสียง

"อื้อๆๆๆ" เท่านั้น

"มาต่อที่เรื่องของนายกันเถอะ ซาโนะ มันจิโร่" คาคุโจใช้เสียงเรียบนิ่งในการพูดประโยคนี้ออกมา (151)
"อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยคาคุโจ!!!" ไมค์กี้ตะโกนใส่คาคุโจ

"หึ นายน่ะเคยซ้อมทาเคมิจิปางตาย เคยหักแขน เคยใช้ปืนยิงทาเคมิจิ 3 นัด นี่ชั้นแค่ยกตัวอย่างนะไมค์กี้" เมื่อไมค์กี้ได้ยินในสิ่งที่คาคุโจพูดออกมาแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที

'นี่เขาทำอะไรลงไป' ไมค์กี้คิดในใจ (152)
"อ้อ แล้วนายอยากรู้ไหมไมค์กี้ ว่าทำไมทาเคมิจิถึงได้ย้อนเวลาซ้ำไปซ้ำมาจนถึง 550 รูทแบบนี้ มันก็เป็นเพราะว่า

ทาเคมิจิ-ต้อง-การ-ให้-นาย-ใช้-ชีวิต-อย่าง-มี-ความ-สุข

ยังไงล่ะ นายจำรายชื่อที่เคโกะซังพูดออกมาได้ไหมไมค์กี้ ชื่อของคนพวกนั้นน่ะ ซึ่งก็รวมถึงชั้นด้วย - (153)
มันเป็นชื่อของคนที่เคยตายในรูทก่อนๆยังไงล่ะ และนายเคยสงสัยไหมไมค์กี้ ว่าทำไมด้านมืดของนายถึงได้บอกกับนายแบบนั้น ก็มันเป็นเพราะว่า

ทาเคมิจิ-เจอ-ด้านมืด-ของ-นาย-ซ้ำๆ-มา-หลาย-ร้อย-รูท

แล้วนายอยากรู้ไหมไมค์กี้ว่าด้านมืดของนายทำอะไรกับทาเคมิจิบ้าง (154)
ด้านมืดของนายน่ะนะ ทำร้ายทั้งร่างกายและทำร้ายทั้งจิตใจของทาเคมิจิ แต่ทาเคมิจิก็ไม่คอยท้อในการที่จะช่วยนายเลย ทาเคมิจิเจอด้านมืดของนายซ้ำๆจนทาเคมิจิรู้วิธีการกำจัดมัน

และใช่วิธีนั้นคือนายต้องมีทุกคน ทาเคมิจิถึงได้ย้อนเวลาซ้ำไปซ้ำมา เพื่อที่จะช่วยชินอิจิโร่ซัง (155)
อิซานะคุง เอมะจัง ดราเค่นซัง บาจิซัง คาสึโทระซัง จิฟุยุซัง ให้มีชีวิตรอด เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องเข้าด้านมืดแล้วไม่มีความสุขยังไงล่ะไมค์กี้!!!" แล้วคาคุโจก็ปล่อยคอเสื้อของไมค์กี้ออก ไมค์กี้แทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น ถ้าไม่มีชินอิจิโร่คอยช่วยพยุงเอาไว้ (156)
"ชั้นขอประกาศเอาไว้ ณ ตรงนี้เลยนะ ว่าชั้นจะเป็นคนดูแลทาเคมิจิเอง และห้ามไม่ให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้มาเจอทาเคมิจิเป็นอันขาด!!!" คาคุโจใช้น้ำเสียงที่ดุดันในการพูดประโยคนี้ออกมา และเมื่อทุกคนตั้งสติได้ก็รีบโวยวายออกมาทันที

"ไม่ได้สิครับ ทาเคมิจิคุงต้องมาอยู่กับผมครับ" (157)
นาโอโตะรีบแย้งออกมาทันที

"หึ นี่ทาจิบานะ นาโอโตะ นายน่ะ เป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากๆคนนึงเลยนะ เพื่อต้องการที่จะให้พี่สาวนายมีชีวิตรอด นายเลยให้ทาเคมิจิย้อนเวลาซ้ำไปซ้ำมา โดยที่ไม่นึกถึงความรู้สึกของทาเคมิจิเลย!!!" เมื่อนาโอโตะได้ยินในสิ่งที่คาคุโจพูดออกมาก็นิ่ง - (158)
ไปแปปนึง ก่อนจะโต้กลับไป

"มะ...ไม่จริง ผะ...ผมไม่เคยทำแบบนั้นนะ"

"อ้อเหรอ นายอยากรู้ไหมว่าชั้นเห็นอะไรในความทรงจำของทาเคมิจิ ชั้นเห็นนายบอกให้ทาเคมิจิย้อนเวลากลับไป แล้วทาเคมิจิก็แย้งว่าถ้าชั้นหยุดไปนานขนาดนั้น ชั้นจะต้องโดนไล่ออกจากงานแน่ๆเลย อยากรู้ไหม?ว่านายตอบว่าอะไร" (159)
"..."

"ก็ช่างมันสิครับ ยังไงคุณต้องไปช่วยพี่สาวผมให้ได้ นายน่ะ รู้ว่าทาเคมิจิเป็นคนใจดี ก็เลยใช้ความใจดีของทาเคมิจิเป็นเครื่องมือบังคับให้ทาเคมิจิช่วยพี่สาวนาย" เมื่อคาคุโจพูดจบ นาโอโตะก็รู้สึกผิด ผิดแบบมากๆ ผิดจนร้องไห้ออกมา (160)
⚠️ ในเรื่องนี้ทาเคมิจิและฮินาตะเป็นแค่เพื่อนร่วมห้องตอนมอต้นเท่านั้นนะคะ แต่ฮินาตะเป็นฝ่ายแอบชอบทาเคมิจิข้างเดียวค่ะ ⚠️
"ชั้นขอย้ำอีกครั้งนะว่า ห้ามพวกนายทุกคนมายุ่งเกี่ยวกับทาเคมิจิอีกเป็นอันขาด!!! ชั้นจะดูแลทาเคมิจิเอง" แต่ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อมันมีแต่คนที่ไม่ยอมในสิ่งที่คาคุโจพูดออกมา

จนในที่สุดคาคุโจก็หมดความอดทนแล้วตบไปที่กำแพงห้องเสียงดังก่อนจะพูดออกมาอย่างเหลืออดว่า (161)
"อนาคตที่ทาเคมิจิมอบให้พวกแกมันยังดีไม่พออีกรึไง!!! จะทำร้ายทาเคมิจิไปถึงไหน ห้ะ!!! ชั้นขอพูดเอาไว้เลยนะว่าถ้าไม่ได้ทาเคมิจิล่ะก็ทุกคนในห้องนี้ก็คงไม่มีชีวิตที่ดีแบบนี้กันหรอก!!!" แล้วทุกคนก็เงียบลง แต่มีคนนึงกลับกล้าพูดขึ้นมา (162)
"เฮ้ๆๆ อย่าเอาชั้นไปเหมารวมสิคาคุโจ จากความทรงจำที่ชั้นได้มา ชั้นไม่เคยรู้จักหมอนั่นด้วยซ้ำ ในความทรงจำชั้นมีแต่ตอนอยู่กับคิซากิ แล้วที่ชั้นมีวันนี้ได้ก็เพราะตัวชั้นเองไม่ใช่เพราะเด็กนั่น" เป็นฮันมะที่พูดขึ้นมา

เมื่อคาคุโจได้ยินในสิ่งที่ฮันมะพูดมือทั้งสองข้าง - (163)
ก็กำแน่นจนเส้นเลือดนูนออกมา แล้วคาคุโจก็หันไปมองทาเคมิจิที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนตักรันและโดนรันปิดปากล็อคเอวอยู่ แล้วสายตาของคาคุโจก็เหลือบไปเห็นแก้วน้ำในมือของทาเคมิจิก่อนจะคิดอะไรได้บางอย่าง

คาคุโจเดินเข้าไปอุ้มทาเคมิจิออกมาจากตักรันแล้วให้นั่งบนที่เดิม ก่อนจะ (164)
ดึงแก้วน้ำออกมาจากมือเล็ก แล้วพูดกับทาเคมิจิด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงไปเยอะว่า

"เดี๋ยวชั้นขอไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกก่อนนะทาเคมิจิ เดี๋ยวมา"

"อะ...อื้อ" ทาเคมิจิตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย

คาคุโจเลือกใช้ทางเดินที่จะต้องเดินผ่านฮันมะ เมื่อกำลังจะเดินผ่านฮันมะที่นั่งอยู่ (165)
คาคุโจก็อาศัยจังหวะที่ฮันมะเผลอ ใช้มือข้างนึงของตัวเองบีบกรามฮันมะให้อ้าปากออก ก่อนจะใช้มืออีกข้างเทน้ำที่เหลือลงไปในปากของฮันมะ แล้วปิดปากฮันมะแน่น เพื่อที่จะบังคับให้ฮันมะกลืนน้ำในแก้วนั้นลงไปทั้งหมด

ทุกอย่างที่คาคุโจทำกับฮัมมะมันเร็วมาก เร็วจนคิซากิที่นั่งข้างๆ (166)
ฮันมะช่วยไม่ทัน และเร็วจนทาเคมิจิพูดห้ามไม่ทันเช่นกัน

"ล่ะเดี๋ยวมาดูกันว่าแกจะยังพูดหมาๆแบบนั้นออกมาได้อีกไหม ฮันมะ ชูจิ" แล้วคาคุโจก็กลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง (167)
เมื่อฮันมะที่ได้รับความทรงจำทุกรูทของทาเคมิจิมาแล้ว ก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นมาแล้วเดินตรงไปหาทาเคมิจิ

"คาคุโจ ชั้นขอคุยกับทาเคมิจิหน่อยนะ" เสียงของฮันมะที่พูดประโยคนี้ออกมาคือน้ำเสียงที่แสดงออกถึงการขอร้อง (168)
ซึ่งคนอย่างฮันมะ ชูจิ ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้มาก่อน ยืนยันโดยคิซากิที่นั่งอึ้งอยู่ในตอนนี้

"ทาเคมิจิ นายจะคุยไหม?" คาคุโจหันไปถามทาเคมิจิ เพราะถ้าทาเคมิจิตอบว่า ไม่ เขาก็พร้อมที่จะพาทาเคมิจิออกไปทันที

"พี่ขอร้องนะทาเคมิจิ หนูยอมคุยกับพี่เถอะนะ" (169)
เชี่ย!!

น้ำเสียงที่ใช้ สรรพนามที่ใช้ เปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือเลย

ทุกคนช็อค ทาเคมิจิก็ช็อค

ใช้เวลาสักพักทาเคมิจิถึงได้หาเสียงตัวเองเจอ

"เอ่อ...ก็ได้ครับฮันมะคุง" เมื่อคาคุโจได้ยินคำตอบของทาเคมิจิ คาคุโจก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหลบไปยืนด้านข้างแทน (170)
ฮันมะดึงเก้าอี้ออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าทาเคมิจิ

"พี่ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เคยทำเอาไว้กับหนู นับจากนี้ไปชีวิตพี่เป็นของหนู ไม่ว่าหนูจะสั่งให้พี่ไปทำอะไรพี่ก็จะไป แม้สั่งให้ไปตาย-

"หยุดพูดนะฮันมะคุง!!! ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้ - (171)
ชีวิตฮันมะคุงก็เป็นของฮันมะคุง ไม่ใช่ของผม ที่ผมตัดสินใจทำแบบนั้นไปเพราะผมแค่อยากให้ฮันมะคุง ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบ้าง ก็เท่านั้นเอง" ทาเคมิจิตอบออกมาตามตรง เขาไม่ได้ต้องการอะไรแบบนี้จากฮันมะเลยแม้แต่นิดเดียว

"พี่ขอกอดหนูหน่อยได้ไหมคะ?" ฮันมะใช้น้ำเสียงที่เว้าวอนใน (172)
การขอร้องทาเคมิจิ

ทุกคนช็อคอีกรอบ ต่างคิดไปในทางเดียวกันว่า

'ฮันมะ มึงเป็นอะไร!!!'

ทาเคมิจินั่งนิ่งอยู่สักพัก แล้วในที่สุดก็ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วกางออก เป็นการอนุญาตให้คนตรงหน้าได้เข้ามากอด ฮันมะรวบรวมทาเคมิจิไปกอด และร้องไห้ออกมา

เชี่ย!!! (173)
แล้วทุกคนยกเว้นคาคุโจ ก็ต่างอยากรู้ว่า ฮันมะ ชูจิ มันไปได้รับความทรงจำอะไรมากันแน่!!!

"พี่ขอบคุณหนูจริงๆ ขอบคุณจากใจจริงเลย เพราะหนูเลยที่ทำให้พี่ได้มีวันนี้ ต่อให้พี่ตายแทนหนู มันก็ยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่หนูได้ทำให้พี่เลย" (174)
ฮันมะกอดทาเคมิจิแน่นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างไม่แคร์สายตาใคร

(ความในใจของคาคุโจ : แล้วหมาตัวไหนวะ ที่เมื่อกี้มันบอกว่าที่มันมีวันนี้ได้ก็เพราะตัวมันเอง //มองเหยียด)

"ฮันมะคุง ฟังผมนะครับ ฮันมะคุงไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องมาดูแลผมก็ได้ครับ - (175)
ผมแค่อยากให้ฮันมะคุงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้นเลย" ทาเคมิจิพูดพร้อมตบเบาๆไปที่หลังของฮันมะ

เมื่อฮันมะได้ฟังในสิ่งที่ทาเคพูดแล้วก็ผละออกมาจากตัวทาเค แล้วหลังจากนั้นสิ่งที่ฮันมะทำ มันทำให้ทุกคนช็อคแบบมากๆ คิซากิถึงขั้นถอดแว่นตาออกมาแล้วขยี้ตา (176)
ก่อนจะใส่แว่นกลับเข้าไปใหม่ แล้วพอเห็นภาพที่เหมือนเดิมคิซากิก็รู้สึกอึ้งมากที่คนอย่าง ฮันมะ ชูจิ ยอมทำแบบนี้

สิ่งที่ฮันมะ ชูจิทำก็คือ ฮันมะคุกเข่าลงไปต่อหน้าของทาเคมิจิ แล้วพูดออกมาว่า

"พี่ขอร้องหนูอย่าพูดว่าไม่ต้องให้พี่มาดูแลหนู - (177)
พี่รู้ว่าสำหรับหนูมันยากมากกับการที่จะมีพี่เข้าไปอยู่ในชีวิต แต่พี่ขอร้องนะ ขอให้พี่ได้ชดใช้กับสิ่งที่พี่ได้ทำลงไปกับหนูและขอให้พี่ได้ตอบแทนหนูกับสิ่งที่หนูได้ทำให้พี่เถอะนะ" ฮันมะ ชูจิ พูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

"ฮันมะคุง ลุกขึ้นเถอะครับ" (178)
"พี่ไม่ลุก พี่จะลุกก็ต่อเมื่อหนูยอมให้พี่ได้ชดใช้กับสิ่งที่พี่ได้ทำไป"

ทาเคมิจิกำลังคิด คิดหนักเลยแหละ และตัวทาเคมิจิเองก็รู้ดีว่า ฮันมะ ชูจิ จะไม่ยอมลุกขึ้นมาอย่างแน่นอน จนกว่าเขาจะตอบตกลง

และในที่สุดทาเคมิจิก็ตัดสินใจได้แล้ว
ฮานากาคิ ทาเคมิจิ ขอวางเดิมพันกับ ฮันมะ ชูจิ (179)
ถ้ามันพัง เขาก็จะกลับไปในอดีตอีกครั้ง
และจะไม่เสียใจเลยที่เขาได้ตัดสินใจวางเดิมพันกับฮันมะ

"ถ้าพรุ่งนี้ฮันมะคุงว่าง มาช่วยผมทำทีรามิสุกับบราวนี่นะครับ เพราะผมเป็นเด็กเลยหยิบจับอะไรไม่ค่อยถนัด ถ้ามีฮันมะคุงมาช่วยคงจะดีมากๆเลย" มันดูเหมือนเป็นแค่การไปชวนเป็นลูกมือทำขนมเฉยๆ (180)
แต่ทุกคนในห้องนี้ต่างเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่ามันคือประโยคอนุญาตของทาเคมิจิที่ให้ฮันมะ ชูจิได้เข้ามาในชีวิตของตัวเอง
เมื่อฮันมะได้ยินที่ทาเคมิจิพูดออกมาก็รีบลุกขึ้นแล้วเข้าสวมกอดทาเคมิจิทันที
"ว่างสิ พี่ว่างตลอดเลยสำหรับหนู หนูนัดมาเลยว่าตอนไหน ขอบคุณนะคะทาเคมิจิ ขอบคุณจริงๆ" (181)
"ไม่เป็นอะไรเลยครับฮันมะคุง หยุดร้องไห้ได้แล้วนะครับ" ทาเคมิจิพูดพร้อมกับใช้มือตบหลังปลอบฮันมะไปเบาๆด้วย ฮันมะหยุดร้องไห้แล้ว แต่ก็ยังกอดทาเคมิจิอยู่อีกสักพักก่อนจะผละตัวออกมา

แล้วไปเอาเก้าอี้มานั่งแทรกระหว่างอิซานะกับคาคุโจ เพราะคาคุโจไม่ยอมให้ฮันมะมานั่งเก้าอี้ตัวเอง (182)
และเหมือนว่าสถานการณ์ภายในห้องอาหารแห่งนี้จะสงบลงแล้ว จนกระทั่ง

โครกกกก

เสียงท้องร้องของทาเคมิจิดังขึ้นมา ทาเคมิจิอายจนอยากจะกระโดดลงไปหลบที่ใต้โต๊ะ แต่คาคุโจไม่ยอมปล่อยให้ทำแบบนั้น และส่งสายตาขำๆระคนเอ็นดูมาให้ทาเคมิจิ

"หิวเหรอทาเคมิจิ" คาคุโจถามออกมาพร้อมอมยิ้มหน่อยๆ (183)
"ก็ชั้นยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยน่ะคาคุจัง" ทาเคมิจิตอบคาคุโจด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา

"เคโกะซังไม่ได้หาข้าวเช้าให้หนูทานเหรอคะ?" เป็นฮันมะที่ตอนนี้ได้ย้ายมานั่งข้างๆคาคุโจแล้วเป็นคนถามขึ้นมา

"เคโกะจังยกข้าวมาให้ผมครับฮันมะคุง แต่ผมกินไม่ลงเฉยๆ" ทาเคมิจิจิ๋ว (184)
"แล้วทำไมนายถึงกินไม่ลงล่ะทาเคมิจิ?" คาคุโจจี้ถามออกมา

"คือว่า...คือ...เอ่อ...ไม่ต้องรู้หรอกคาคุจัง" ทาเคมิจิตอบคาคุโจแล้วหลบสายตาไม่ยอมสบตาทั้งคาคุโจและฮันมะ

"นี่ทาเคมิจิ ถ้านายยอมบอกเหตุผลมา บอนเท็นจะรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเคโกะซังเข้ามาอุปถัมภ์นะ" (185)
อิซานะพูดหลอกทาเคมิจิออกมา

"จริงเหรอครับอิซานะคุง?" ทาเคมิจิหันไปถามย้ำอิซานะอีกครั้ง

"จริงสิ ใช่ไหมไมค์กี้" อิซานะตอบพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งหยิกไปที่ขาของไมค์กี้อย่างแรง เพื่อให้ไมค์กี้ตอบกลับมา

"ห้ะ...อ่า...ใช่ๆๆ" ให้ตายเถอะเขาไม่ได้อยากจะโกหกทาเคมิจจิเลยจริงๆ (186)
แค่ได้ฟังวีรกรรมของเขาที่เจ้าคาคุโจพูดออกมา เขาก็กลัวทาเคมิจจิเกลียดเขาจะแย่อยู่ล่ะ

'จำไว้เลยนะอิซานะ!!! กลับบ้านไปแกโดนแน่!!!' ไมค์กี้ได้คาดโทษอิซานะเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

เมื่อทาเคมิจิได้ยินแบบนั้น ทาเคมิจิก็ใช้ความคิดอย่างหนัก เพราะเคโกะจังมีบุญคุณกับเขามาก (187)
คอยดูแลเขาอย่างดี ถ้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเคโกะจังได้บอนเท็นอุปถัมภ์ล่ะก็เคโกะจังจะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีก

แล้วนี่ก็คงเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะตอบแทนให้เคโกะจังได้

"คือว่า...เมื่อคืนผมฝันถึงดราเค่นคุงถูกแทงตายครับอิซานะคุง มันเลยทำให้ผมไม่อยากกินอะไร" (188)
เมื่อทั้งห้องได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของทาเคมิจิ ก็รู้สึกสะเทือนใจว่า

ทาเคมิจิต้องฝันเห็นบุคคลที่อยู่ในรายชื่อของเคโกะซังตายทุกคืนแบบนี้เลยเหรอ?

ดราเค่นที่พอได้ยินสาเหตุที่มีชื่อของตัวเองอยู่ในนั้นด้วย ที่ทำให้ทาเคมิจิกินข้าวเช้าไม่ลง จึงลุกขึ้นมาแล้วเดินตรงไป (189)
หาทาเคมิจิ ก่อนจะแตะไปที่ไหล่ของคาคุโจเป็นเชิงให้ลุกขึ้นมาหลบไปก่อน

เมื่อคาคุโจลุกขึ้นไปแล้ว ดราเค่นก็ลากเก้าอี้ออกไปให้พ้นทาง แล้วย่อตัวให้อยู่ในระดับสายตาของทาเคมิจิ

"นี่ทาเคมิจจิ ชั้นยังอยู่นี่ ยังไม่ตายนายลองเอามือมาจับสิ" (190)
ดราเค่นใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนในการพูดกับทาเคมิจิจิ๋วตรงหน้า แล่วทาเคมิจิที่นั่งก้มหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามองบุคคลตรงหน้าก่อนจะพูดว่า

"ดราเค่นคุง?"

"ใช่ ชั้นเอง" แล้วดราเค่นก็ค่อยๆจับมือข้างหนึ่งของทาเคมิจิขึ้นมา แล้วเอาไปวางลงที่แก้มของตัวเองก่อนจะใช้มือตัวเองวางทับไปอีกที (191)
"ถ้าชั้นตายไปแล้ว ชั้นคงไม่มาอยู่ต่อหน้านายแบบนี้หรอกนะทาเคมิจจิ เพราะงั้นนายสบายใจได้แล้วนะ แล้วต้องกินข้าวให้เยอะๆเลยนะรู้ไหม?" ดราเค่นพูดพร้อมกับยิ้มให้ทาเคมิจิอย่างอ่อนโยน

"ครับ ดราเค่นคุง!!!" แล้วทาเคมิจิก็โถมตัวลงไปกอดดราเค่นแน่น

เวลาที่ทาเคมิจิฝันเห็นใครตาย (192)
ทาเคมิจิก็อยากที่จะไปเจอคนๆนั้นว่าในตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม แต่เพราะตัวเองมาอยู่ในร่างเด็กแบบนี้และก็ไม่รู้จะไปตามหาทุกคนได้จากที่ไหน ทาเคมิจิเลยทำได้เพียงแค่ขอให้คนที่เขาฝันถึง ยังมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย (193)
เมื่อดราเค่นเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเองแล้ว คาคุโจก็เอาเมนูอาหารมาให้ทาเคมิจิเลือก ทาเคมิจินั่งมองเมนูอาหารอยู่สักพักก่อนจะเลือกออกมาเมนูนึง

"เอาข้าวหน้ากุ้งเทมปุระเซ็ทเล็กก็ได้คาคุจัง" คาคุโจใช้สายตาประเมินมองทาเคมิจิตรงหน้าสักพักก่อนจะเดินออกไปสั่งอาหารให้ทาเคมิจิ (194)
"เอาข้าวหน้ากุ้งเทมปุระเซ็ทใหญ่เพิ่ม 1 ที่ครับ ไปเสิร์ฟที่ห้อง VVIP 7 นะครับ" ทาเคมิจิน่ะต้องกินให้เยอะๆ จะมาสั่งเซ็ทเล็กกินได้ยังไงกัน

เมื่อคาคุโจเดินกลับเข้ามาในห้องอาหาร ทาเคมิจิก็ชวนคุยเสียงเจื้ยแจ้ว โดนมีฮันมะคอยช่วยตอบเป็นบางครั้ง (195)
ทาเคมิจิรับรู้ได้ถึงสายตาของคนๆนึงที่มองมาทางเขาตั้งแต่ฮินะจังพาเขากลับมาหลังจากไปซื้อไอติมแล้ว ทาเคมิจิเลยหันไปมองเจ้าของของสายตานั้นแล้วก็พบกับอินุอิ เซย์ชูที่กำลังมองมาอยู่

อินุปี้สำหรับทาเคมิจิแล้วเรียกได้ว่าทุกรูทเลยก็ว่าได้อินุปี้ดูแลเขาดีมาตลอด ตามใจทุกอย่าง (196)
'อืม จะว่าไปอินุปี้คุงนี่ก็อายุมากกว่าเราล่ะรูทนี้เราก็มาอยู่ในร่างเด็กแทนที่จะเป็นร่างผู้ใหญ่วัย 26 เหมือนอย่างเคย ถ้าอย่างนั้นเราเรียกอินุปี้คุงแบบนี้ดีกว่า' ทาเคมิจิคิดเองเออเองในใจเสร็จสรรพก่อนจะเอ่ยทักอินุปี้ที่ตอนนี้กำลังยกแก้วน้ำมาดื่มอยู่อย่างสดใสว่า (197)
"พี่เซย์ชูมีอะไรรึเปล่าครับ?เห็นมองผมมาตั้งนานแล้ว"

พรูด แค่กๆๆ

"มะ...เมื่อกี้ฮานากาคิเรียกชั้นว่าอะไรนะ?"อินุปี้ถามออกมาเพื่อความแน่ใจ แล้วก็เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดปากกับน้ำที่หก

"พี่เซย์ชูครับก็พี่เซย์ชูอายุมากกว่าผมนี่นา" ชัดเจนแจ่มแจ้งตอนนี้อินุปี้หน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว (198)
'ฮานากาคิทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้!!! ใจจะวาย' แล้วอินุปี้ก็ใช้มือข้างหนึ่งที่อยู่ติดกับโคโค่ทุบๆไปที่ตัวของโคโค่ใหญ่ เหมือนต้องการที่จะหาที่ระบายความเขินของตัวเอง

"เป็นไรมากไหมเนี่ยอินุปี้ แล้วหยุดทุบชั้นสักที มันเจ็บ!" โคโค่พูดพร้อมกับพยายามปัดมือของอินุปี้ให้ออกไป (199)
ทาเคมิจิที่พอได้ยินเสียงของโคโค่แล้ว เลยหันไปมองทางโคโค่ก่อนจะถามออกมาเสียงใสว่า

"แล้วพี่ฮาจิเมะเป็นยังไงบ้างครับ สบายดีไหม?"

แล้วโคโค่ก็มีสภาพที่ไม่ต่างจากอินุปี้เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งสองคนต่างจับมือกันและกัน และพึมพำโต้ตอบกันแบบที่เข้าใจกันอยู่สองคน (200)
"บอสน้อยน่ารักมากเลย" โคโค่

"ใช่ น่าเอ็นดูมาก" อินุปี้

"อยากลักกลับบ้านไปดูแลเลย" โคโค่

ส่วนพวกตัวโตที่เหลือและอายุมากกว่าทาเคมิจิก็ต่างรู้สึกอิจฉาไอ้เจ้าหมาแมวแห่ง BD นี่ล่ะเกินว่าทำไมมัน 2 คน ทาเคมิจิถึงยอมเรียกว่า พี่!!!

แต่แล้วก็มีเสียงของคนปากแจ๋วคนหนึ่งดังขึ้นมา (201)
"ชั้นก็อายุมากกว่าแกนะไอ้ตัวเหม็น ไม่เห็นเรียกพี่" เป็นซันสุที่พูดขึ้นมา (ซันสุก็แค่อยากให้ทาเคมิจิเรียกพี่บ้างแต่ปากหมาไปหน่อย) แล้วทาเคมิจิก็ตวัดสายตาไปมองซันสุที่นั่งอยู่ข้างทาเคโอมิและเซ็นจูก่อนจะพูดว่า

"ผมไม่เรียกซันสุคุงว่า ไอ้ ก็ดีเท่าไหร่แล้วครับ" (202)
คนอื่นในห้องต่างพากันกลั้นขำจนไหล่สั่น โดยเฉพาะพี่น้องไฮทานิ

"เหอะ คิดว่าตัวเองน่ารักมากงั้นเหรอ น่าเกลียดขนาดนี้ ต่อให้แกจะเรียกชั้นว่า พี่ซันสุ ชั้นก็ไม่แสดงอาการแบบไอ้ 2 ตัวนั่นหรอก ชิ ไอ้ตัวเหม็น" เมื่อได้ฟังสิ่งที่ซันสุพูดออกมาแล้ว ทาเคมิจิเริ่มโมโหขึ้นมาล่ะ (203)
ก่อนที่จะเหมือนคิดอะไรได้บางอย่างแล้วก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ ที่คนอื่นไม่ชิงด่าซันสุก่อนก็เพราะว่าอยากจะเห็นทาเคมิจิจะทำยังไงกับซันสุก็เท่านั้นเอง

"ซันสุคุง" ทาเคมิจิเรียกด้วยน้ำเสียงปกติ

"อะไรไอ้ตัวเหม็น" ซันสุตอบพร้อมกับมองหน้าทาเคมิจิ (204)
"หนูไม่น่ารักจริงๆเหรอครับ พี่ฮารุจิโยะ" ทาเคมิจิใช้น้ำเสียงที่ออดอ้อนในการพูดประโยคนี้ออกมา พร้อมกับช้อนตามองซันสุอย่างอ้อนๆ

คนในห้องที่ได้เห็นทาเคมิจิทำแบบนี้ก็รู้สึกอิจฉาซันสุมันล่ะ เพราะทาเคมิจิในตอนที่กำลังพูดชื่อซันสุมันน่ะนะ

น่ารักชิบหายเลยโว้ยยยยยย (205)
ซันสุที่ไม่คิดว่าคนเด็กกว่ามันจะมาไม้นี้ ก็ได้แต่นั่งตัวแข็งหน้าแดงหูแดง ใจเต้นระรัวจนทาเคโอมิและเซ็นจูที่นั่งข้างๆอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

แต่อาการที่ซันสุแสดงออกมามันยังไม่สาแก่ใจทาเคมิจิเท่าไหร่นัก เพราะงั้นต้องขยี้เพิ่ม!!!

"ทำไมพี่ฮารุจิโยะถึงไม่ยอมตอบหนูเลยล่ะครับ" (206)
"พี่ฮารุจิโยะเป็นอะไรรึเปล่าครับ นั่งนิ่งเชียว"

"พี่ฮารุจิโยะตอบหนูหน่อยนะครับ"

"พี่ฮารุจิโยะ..."

ตอนนี้ในหัวของซันสุมีแต่เสียงของทาเคมิจิที่เรียกตัวเองว่า 'พี่ฮารุจิโยะ' ดังขึ้นมาซ้ำๆ และก็มีภาพทาเคมิจิที่ช้อนตามองเขาแบบอ้อนๆ (207)
ฉายขึ้นมาไม่หยุด ไม่ว่าจะพยายามคิดเรื่องอื่นยังไง ภาพนี้มันก็ไม่หายไป ส่วนหูเขาก็ได้ยินแต่เสียงของทาเคมิจิเรียกเขาว่าพี่ฮารุจิโยะ

จนในที่สุดซันสุก็ทนเขินไม่ไหวแล้ว ก็เลยลุกขึ้นยืนแล้วตบโต๊ะขึ้นมาเสียงดังก่อนจะพูดออกมาว่า

"แกน่ารัก พอใจรึยังไอ้ตัวเหม็น แล้วก็ - (208)
หยุดเรียกชื่อชั้นแบบนั้นสักที มันน่ารำคาญ" พูดจบซันสุก็นั่งลงแล้วฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ

พวกตัวโตที่เหลือภายในห้องก็ได้แต่ขำกับอาการของซันสุ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ซันสุมันไม่ได้รำคาญที่ทาเคมิจิเรียกมันแบบนั้นหรอก แต่มันกำลัง

เขิน!!!

ต่างหากล่ะ (209)
แล้วในที่สุดข้าวหน้ากุ้งเทมปุระของทาเคมิจิที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ เมื่อทาเคมิจิมองจานอาหารของตัวเองตรงหน้าก็สงสัยขึ้นมาแล้วจึงถามคาคุโจออกไป

"คาคุจัง ชั้นสั่งเซ็ทเล็กไปไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันเซ็ทใหญ่หนิ เขาเสิร์ฟผิดแน่เลย"

"ไม่ผิดหรอก ชั้นเปลี่ยนไปสั่งเซ็ทใหญ่ให้นายเอง" (210)
"ชั้นกินไม่หมดหรอกนะคาคุจังเยอะขนาดนี้" ทาเคมิจิโวยวายออกมา ซึ่งมันทำให้คนภายในห้องที่ได้เห็นก็ต่างรู้สึกเอ็นดูกับทาเคมิจิในร่างจิ๋วนี้อย่างมาก

"นายน่ะต้องกินเยอะๆทาเคมิจิ เอ้า เดี๋ยวชั้นป้อนให้" คาคุโจพูดพร้อมกับหยิบช้อนส้อมขึ้นมา เพื่อมาตักข้าวป้อนให้กับทาเคมิจิ (211)
"คาคุจัง ชั้นไม่กินผักเทมปุระนะ" ทาเคมิจิพูดพร้อมกับดันช้อนที่มีผักออกไป

"ไม่ได้ทาเคมิจินายต้องกิน อย่าดื้อ" แล้วคาคุโจก็เอาช้อนที่มีผักมาจ่อปากทาเคมิจิอีกครั้ง

"นายดุชั้นอย่างกะชั้นเป็นเด็กงั้นแหละ เผื่อนายจะลืมนะคาคุจังชั้นก็อายุ26เท่านายนั่นแหละแค่มาอยู่ในร่างเด็กเฉยๆ" (212)
"นายน่ะยิ่งกว่าเด็กอีกทาเคมิจิ กินเข้าไปเดี๋ยวนี้"

"นี่สรุปว่านายเป็นเพื่อนหรือพ่อชั้นกันแน่เนี่ย"

"เป็นพ่อ ไหนลองเรียกชั้นว่าพ่อสิ๊ทาเคมิจิ" คาคุโจพูดเย้าทาเคมิจิ

"ไม่เอาอะ แบบนายไม่เหมาะกับคำนี้หรอก" ทาเคมิจิปฏิเสธออกมา

"งั้นเหมาะกับคำไหนละ" คาคุโจถามออกมาอย่างสงสัย (213)
ทาเคมิจิทำท่านึกก่อนจะตอบออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไรว่า

"แด๊ดดี้ของหนู~"

เคร้ง!!

คาคุโจทำช้อนส้อมหลุดมือก่อนจับตัวทาเคมิจิส่งให้ฮันมะ

"ฝากต่อทีฮันมะ" แล้วคาคุโจก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ

"คาคุจังเป็นอะไรอะฮันมะคุง" ทาเคมิจิถามออกมาอย่างสงสัย (214)
"เอ่อ...หนูปล่อยคาคุโจให้อยู่คนเดียวสักพักนะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น" กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอฮันมะก็ใช้เวลาสักพักนึง

'ให้ตายเถอะ ขนาดเขาไม่ได้ถูกแอคแทคตรงๆ ยังเขินเลย แล้วเจ้าคาคุโจที่โดนไปเต็มๆนี่ไม่เป็นลมก็ดีเท่าไหร่ล่ะ'

อย่าว่าแต่ฮันมะที่เขินตามคาคุโจเลย (215)
ถ้าทาเคมิจิเงยหน้าขึ้นมามองพวกตัวโตที่เหลือภายในห้องสักนิด ก็จะได้เห็นว่าแต่ละคนนี่หน้าแดงหูแดงขนาดไหน!!!

บอกได้คำเดียวว่า

Takemichi All Kill !!!

แล้วทาเคมิจิที่นั่งอยู่บนตักฮันมะก็จับช้อนส้อมตักอาหารเข้าปากเอง เพราะตอนนี้พวกตัวโตยังไม่หายเขินกันเลย (216)
จนกระทั่งทาเคมิจิกินข้าวหมดจาน เลยหันไปเรียกคาคุโจที่ตอนนี้ยังฟุบหน้าอยู่เหมือนเดิม

"คาคุจัง"

"..."

"คาคุจัง!!!" เมื่อเรียกครั้งแรกคาคุโจไม่ตอบรับ ทาเคมิจิเลยเพิ่มระดับเสียงขึ้นมาอีกหน่อย

"ห้ะ วะ...ว่าไง ทะ...ทาเคมิจิ" แล้วคาคุโจก็สะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตัวตรง (217)
แล้วหันไปมองทาเคมิจิ

"เป็นอะไรของนายเนี่ย" ทาเคมิจิถามออกมาอย่างสงสัย

'ให้ตายเถอะ ทาเคมิจินี่เติบโตมายังไงนะ ถึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำๆนั้นที่ตัวเองพูดออกมา มันทำให้เขาใจสั่นขนาดไหน!!!' คาคุโจได้แต่กรีดร้องอยู่ภายในใจ

"ปะ...เปล่า"

"แน่นะ" ทาเคมิจิถามย้ำ (218)
"แน่สิ แล้วนายเรียกชั้นทำไมล่ะ" คาคุโจเมื่อรวบรวมสติที่มีอยู่น้อยนิดได้แล้วก็ถามกลับไปบ้าง

"ชั้นจะชวนนายไปซื้ออุปกรณ์กับวัตถุดิบที่จะทำทีรามิสุกับบราวนี่น่ะ ที่ซุปเปอร์ชั้น 1 ที่ห้างนี่ล่ะ เคโกะจังเคยพาชั้นมาซื้อบ่อยๆ" ทาเคมิจิตอบออกมา

"อ้อ ได้สิไปกัน" (219)
แล้วคาคุโจก็ทำท่าจะมาอุ้มทาเคมิจิ แต่ทาเคมิจิเบี่ยงตัวหลบ

"ชั้นจะเดินเอง" แต่คาคุโจที่ได้รับรู้ถึงอาการของโรคที่ทาเคมิจิเป็นก็ไม่ยอมให้ทาเคมิจิเดินเอง คาคุโจอุ้มทาเคมิจิขึ้นมาพร้อมกับเสียงโวยวายของทาเคมิจิ

"ปล่อยชั้นลงเดี๋ยวนี้นะคาคุจัง!!!" แล้วทาเคมิจิก็พยายามดิ้น (220)
เพื่อที่จะให้หลุดออกมาจากอ้อมแขนของคาคุโจ แต่มันก็ไม่ได้ผล

"ถ้านายยังไม่หยุดดิ้นนะทาเคมิจิ ชั้นจะส่งนายให้คิซากิ" แล้วทาเคมิจิก็หยุดดิ้นทันที พร้อมใช้สองมือตัวเองกอดคอคาคุโจแน่น

ฮันมะที่รู้เหตุผลเพราะได้ความทรงจำมาก็ขำลั่นห้องจนทุกคนสงสัย (221)
"เดี๋ยวนะ ทำไมนายถึงเอาชื่อชั้นไปขู่ทาเคมิจิแบบนั้นล่ะคาคุโจ" คิซากิถามออกมาอย่างสงสัย

คาคุโจไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มขำกับฮันมะเท่านั้น แล้วก็พาทาเคมิจิออกจากห้องไป

"ฮันมะ แกบอกชั้นมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมคาคุโจถึงต้องเอาชื่อชั้นไปขู่ทาเคมิจิด้วย" คิซากิถามฮันมะทันที (222)
"จะให้บอกจริงอะ" ฮันมะถามอย่างกวนๆ

"เออ!!!"

"ทาเคมิจิกลัวนายน่ะคิซากิ 5555555555" พอฮันมะพูดจบคิซากิก็งงทันที

ฮีโร่กลัวเขา

กลัวเขาเนี่ยนะ!!!

ทำไม!!!

ไม่เข้าใจเลยสักนิด

"เอาเป็นว่าทั้งห้องนี้อ่ะนะคิซากิ ทาเคมิจิกลัวนายที่สุดแล้ว นายไม่ต้องรู้เหตุผลหรอก" (223)
คิซากิน้ำตาตกในทันที ทำไมฮีโร่ถึงได้กลัวเขา ทำไม ทำไม ทำไม

(คิซากิวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว)

"ไมค์กี้" ฮันมะใช้น้ำเสียงที่จริงจังในการเรียกชื่อบอสใหญ่แห่งบอนเท็น

"มีอะไร?"

"ชั้นขอเป็นคนไปจัดการพวกเอมะสึเฉพาะคนที่อยู่ในคลิป 2 คลิปนั่นเองได้ไหม" (224)
"นายลองบอกเหตุผลของนายมาก่อนสิฮันมะ"

"โอเค" แล้วฮันมะก็นิ่งไปแปปนึงก่อนจะเริ่มเปิดปากบอกเหตุผลของตัวเองมา

"หลังจากที่เจ้าคาคุโจจับชั้นเอาน้ำแก้วนั้นกรอกใส่ปาก พอชั้นกลืนน้ำพวกนั้นลงไป ภาพความทรงจำต่างๆของทาเคมิจิก็ไหลเข้าหัวชั้นมาไม่หยุด ภาพมันชัดมาก ชัดกว่า - (225)
ความทรงจำที่พวกเราได้กันเองมาตลอดเกือบ 2 ปี แล้วตั้งแต่รูทที่ 1-334 ชั้นไม่เคยทำดีกับทาเคมิจิเลย ชั้นทำตัวเลวใช่ทาเคมิจิมาตลอด จนกระทั่งรูทที่ 335 รูทนั้น ชั้นกับคิซากิอยู่โตมันคุมหน่วยเจ็ด คิซากิน่ะอยากคุยกับทาเคมิจิ แต่ดันเลือกหัวข้อผิดไปหน่อย สุดท้ายก็เลยได้แต่ตีกัน (226)
ด่ากัน แล้วก็เดินหนี แต่รูทที่ 335 มันเกิด Butterfly Effect มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน 334 รูทก่อนหน้า ทาเคมิจิเลยไม่ได้ระวัง ตอนนั้นคิซากิแล้วก็ชั้นลากตัวทาเคมิจิมาคุยเพื่อจะปรับความเข้าใจกัน แต่ก็มีแก๊งที่เคยโดนโตมันถล่มไป มาจับตัวพวกเรา 3 คนไป (227)
พวกนั้นมันจับพวกเราไปบนดาดฟ้าของตึกร้างแห่งหนึ่ง แล้วก็ซ้อมพวกเราจนสะบักสะบอม แล้วทีนี้มันหยิบปืนขึ้นมา จ่อมาที่ชั้นกับคิซากิ แต่ทาเคมิจิก็ใจกล้าบ้าบิ่นกระโจนใส่พวกนั้นแล้วบอกให้ชั้นกับคิซากิหนีไป แต่ด้วยความที่พวกนั้นมันมีมากกว่าทาเคมิจิก็เลยโดนจับอีกรอบ (228)
แล้วก็ถูกพวกมันผลักลงจากตึกไป ตอนนั้นชั้นก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าตัวชั้นในรูทนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้รีบวิ่งแล้วกระโดดลงไปตามทาเคมิจิ แล้วชั้นก็จับมือทาเคมิจิเอาไว้ได้ทันส่วนมืออีกข้างชั้นก็จับที่ขอบตึกไว้ ตอนนั้นชั้นไม่เห็นภาพบนดาดฟ้าหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงมันเหมือนว่า (229)
คิซากิน็อตหลุดไปแล้ว ก็เลยกำลังจัดการพวกนั้นอยู่ แต่ตอนนั้นมือชั้นที่จับขอบตึกอยู่มันจะจับต่อไม่ไหวแล้ว ชั้นเลยบอกทาเคมิจิว่า ใช้ชีวิตที่เหลือแทนชั้นด้วยนะทาเคมิจิ เตรียมตัวจับล่ะ แล้วชั้นก็ใช้มือข้างที่จับทาเคมิจิอยู่เหวี่ยงทาเคมิจิขึ้นไปข้างบนจนทาเคมิจิใช้สองมือ (230)
จับขอบตึกได้ แต่มันก็แลกมากับการที่ชั้นต้องตกลงไปแทน และใช่ ชั้นตายทันที" ฮันมะหยุดเล่าไปแปปนึงแล้วจึงเริ่มเปิดปากเล่าต่อ

"นั่นแหละชั้นทำดีกับทาเคมิจิแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆ แต่ทาเคมิจิก็จำมันฝังใจ อ้อ ตั้งแต่รูทที่ 1-549 ชั้นตายก่อนอายุ 20 เสมอ พวกนาย (231)
คงสงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไม ชั้นน่ะเป็นโรคความดันโลหิตสูงในปอด โดยไม่รู้สาเหตุและอยู่ในระยะสุดท้าย ตอนนั้นชั้นถึงได้ใช้ชีวิตแบบที่ขึ้นอยู่กับความสนุกของตัวเอง เพราะชั้นรู้ตัวว่าอีกไม่นานชั้นจะตาย หลังจากรูทที่ 335 ทาเคมิจิก็พยายามสืบเรื่องชั้นมาตลอดจนในที่สุดตอนรูท 549 (232)
⚠️ ถ้ามีรายละเอียดตรงไหนที่ผิดพลาดไปต้องขอโทษด้วยนะคะ ไรท์พยายามเสิร์ชหาข้อมูลแล้วค่ะ ⚠️
ทาเคมิจิก็ได้รู้ว่าชั้นเป็นโรคนี้ แต่ก็ช่วยไว้ไม่ทัน ชั้นก็ตายลงเพราะอาการทรุดหนักเหมือนในหลายร้อยรูทที่ผ่านมา ตอนทาเคมิจิกลับไปอนาคตแล้วก็พบว่าไมค์กี้ยังเข้าด้านมืดอยู่ ก่อนที่ทาเคมิจิจะกลับไปในอดีตอีกครั้ง ทาเคมิจิใช้เวลา 7 วัน ในการท่องรางวัลที่ 1 ของหวยทุกงวด (233)
ในอดีตล่ะพอทาเคมิจิย้อนเวลากลับมาในรูทที่ 550 ทาเคมิจิก็เริ่มซื้อหวยตามที่ท่องมา แล้วเก็บเงินรางวัลสะสมเอาไว้มากมาย สงสัยใช่ไหมว่าทาเคมิจิจะเอาเงินขนาดนั้นไปทำอะไร ทาเคมิจิไปจ้างคนมา 5 คนเพื่อที่จะบริจาคปอดข้างนึงให้กับชั้น ยัดเงินใส่โรงพยาบาลและหมอเพื่อให้เขา (234)
ยอมผ่าตัดให้ ในรูทก่อนๆตอนชั้นอาการทรุดชั้นก็ถูกพามาโรงพยาบาลเดียวกับที่ทาเคมิจิได้เตรียมไว้นี่แหละ แต่ครั้งนี้ทาเคมิจิได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้ชั้นแล้ว พอชั้นถูกส่งเข้ามาหมอที่รับเงินจากทาเคมิจิ ก็บอกทาเคมิจิว่าชั้นมีโอกาสผ่าตัดได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น เพราะ (235)
ร่างกายของชั้นตอนนั้นมันทรุดมาก ทาเคมิจิเลยเลือกคนที่จ้างมา 1 คน แล้วการผ่าตัดเปลี่ยนปอดครั้งแรกก็เกิดขึ้น การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ปอดของคนนั้นดูเหมือนจะเข้ากับร่างกายชั้นได้ดี แต่พอเข้าสู่วันที่ 11 ร่างกายชั้นกลับปฏิเสธปอดของคนนั้น แล้วชั้นก็ทรุดลงอีกครั้ง (236)
หมอบอกให้ทาเคมิจิรีบโทรตามมาสักคนจาก 4 คน ภาพที่ชั้นเห็นคือทาเคมิจิกดโทรหาคนนั้นแล้ว แต่พอฝั่งนั้นรับสายทาเคมิจิกลับพูดว่า ไม่มีอะไรแล้ว แล้วก็กดตัดสาย

และใช่

การผ่าตัดครั้งที่ 2 ฮานากาคิ ทาเคมิจิ คือคนที่บริจาคปอดข้างนึงของตัวเองให้กับชั้น และก็เป็นเพราะปอดของทาเคมิจิ (237)
มันเลยทำให้ชั้นมีชีวิตอยู่จนอายุเกือบจะ 30 แล้วเป็นครั้งแรก พวกนายรู้ไหมขนาดคนในครอบครัวชั้นยังไม่คิดจะบริจาคให้ชั้นเลย บอกให้ไปต่อคิวรอจากคนอื่น ซึ่งคิวก็ยาวเป็นหางว่าว

แล้วที่สำคัญทาเคมิจิไม่ได้ต้องการที่จะทวงบุญคุณชั้นด้วย เพราะชื่อกับนามสกุลที่ทาเคมิจิแจ้งทางรพ. (238)
มันคือชื่อปลอมและทาเคมิจิยัดเงินให้รพ.ลบภาพในกล้องวงจรปิดทั้งหมดที่ถ่ายติดทาเคมิจิออกไป

ตอนที่ชั้นตื่นขึ้นมาหลังการผ่าตัดครั้งที่ 2 สำเร็จ พยาบาลเอากระดาษโน้ตมาให้ชั้น เธอบอกว่าคนที่บริจาคปอดให้ชั้นฝากมา มันเขียนไว้ว่า ไม่ต้องตามหาผม ต่อไปนี้ผมขอให้นายมีชีวิตที่ดี (239)
และมีความสุขมากๆล่ะ แต่พอชั้นหายดีและออกจากรพ.ได้ก็ไปขู่ขอชื่อจากรพ. แต่ก็นั่นแหละมันคือชื่อปลอม และที่ชั้นสอบเข้าตำรวจตามคิซากิ เพราะชั้นคิดว่าถ้าชั้นเป็นตำรวจแล้ว มันจะมีโอกาสตามหาคนที่ต่อชีวิตให้ชั้นได้ง่ายขึ้น

เหตุผลแค่นี้เพียงพอไหมไมค์กี้?" เมื่อทุกคนที่ได้ (240)
ฟังในสิ่งที่ฮันมะเล่าออกมาจนจบก็ไม่มีใครสงสัยอีกเลยว่าทำไมท่าทีที่ฮันมะมีต่อทาเคมิจิถึงได้เปลี่ยนไปจากหลังตีนเป็นหน้ามือขนาดนั้น

"เอาสิ ชั้นอนุญาตแต่นายเป็นตำรวจ จะทำได้เหรอ" ไมค์กี้อนุญาตพร้อมกับถามออกมา

"สำหรับคนอื่นชั้นเป็นตำรวจ แต่สำหรับพวกมันชั้นคือยมทูตแห่งคาบูกิโจ" (241)
'ยมทูตแห่งคาบูกิโจจะกลับมาในรอบสิบกว่าปี สงสัยพวกนั้นคงโดนฮันมะยำเละ เรียกได้ว่าถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วล่ะ' นี่คือสิ่งในใจที่ทุกคนภายในห้องนี้คิดออกมาคล้ายๆกัน

ฉายานี้ของ ฮันมะ ชูจิ เจ้าตัวได้ทิ้งไปตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจว่าจะสอบเข้าตำรวจตามคิซากิแล้ว แต่ในตอนนี้ (242)
พวกมันได้ทำให้ฮันมะได้กลับมาใช้ฉายานี้อีกครั้ง

ขอให้โดนทรมานก่อนตายน้อยที่สุดล่ะกัน

"พอได้ยินแบบนี้ชั้นก็สบายใจ จัดการได้เต็มที่เลยนะฮันมะ เดี๋ยวชั้นเตรียมสถานที่ กับเคลียร์ทุกอย่างเอาไว้ให้ อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกล่ะกัน" ไมค์กี้พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าขนลุก (243)
"ขอบคุณไมค์กี้" ที่ไมค์กี้ยอมให้ฮันมะไปจัดการกับเจ้าพวกนั้นด้วยตัวเอง ก็เพราะว่าไมค์กี้เข้าใจได้เป็นอย่างดีเลยว่า สิ่งที่ทาเคมิจจิทำให้ฮันมะ มันยิ่งใหญ่สำหรับฮันมะมากๆ ฮันมะเลยยอมไม่ได้ที่พวกมันมาทำแบบนี้กับผู้มีพระคุณของตัวเอง (244)
เพราะงั้นฮันมะเลยอยากที่จะจัดการพวกนั้นด้วยมือของตัวเอง เรียกได้ว่า

เป็นการแก้แค้นให้กับทาเคมิจจิ

"นี่ฮันมะ แล้วจากความทรงจำที่นายได้มา นายพอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ทาเคมิจิเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไหม?" เป็นชิบะ ไทจูที่เอ่ยถามขึ้นมา (245)
"รู้สิ ชั้นเห็นหมดทุกอย่างที่ทาเคมิจิเจอมาทั้งหมดแหละ"

"งั้นนายเล่าให้พวกเราฟังได้ไหม?" เป็นอินุปี้ที่พูดขึ้นมาบ้าง

"โอเค มิทซึยะนายจำเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้ไหม ที่นายโดนพวกยากูซ่าจับตัวไป" ฮันมะเอ่ยถามมิทซึยะขึ้นมา (246)
"จำได้ มันเกี่ยวกันงั้นเหรอ?" มิทซึยะตอบพร้อมกับถามฮันมะกลับไป

"เกี่ยวโดยตรงเลยแหละ อ่า จะเริ่มจากตรงไหนดี คือเหตุการณ์ที่น้องสาว 2 คนของนาย เกือบโดนลูกน้องปลายแถวของยากูซ่าพวกนั้นข่มขืน มันเป็น Butterfly Effect ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรูทที่ 549 ทาเคมิจิเลยไม่ได้ระวัง - (247)
เรื่องนี้ให้นาย แล้วในรูทที่ 549 นายไปแก้แค้นโดยการเล่นพวกนั้นซะเละ แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้น ตัวบอสของยากูซ่าไม่ยอมที่นายไปยำลูกน้องของมันปางตาย มันเลยจับนายมารุมกระทืบจากนั้นก็จับนายมานั่งบนเก้าอี้กลางถนนแล้วมัดไว้แน่น ก่อนจะขับรถชนนาย แล้วในรูทที่ 549 นายก็ตาย (248)
ไมค์กี้เลยเข้าสู่ด้านมืดทันที ทาเคมิจิเลยพยายามหาสาเหตุของการที่รูท 549 ไมค์กี้เข้าด้านมืด จนในที่สุดก็ได้รู้ว่ามันเป็นเพราะว่านายถูกฆ่าตายมิทซึยะ" ฮันมะหยุดพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบน้ำนิดนึงก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

"พอทาเคมิจิย้อนกลับไปในรูทที่ 550 ทาเคมิจิเอาตัวเอง (249)
ไปกอดลูนะจังและมานะจังเอาไว้ ใช้ตัวเองเป็นเกราะป้องกันให้กับน้องสาวของนาย เพราะรูท 549 ที่นายแค้นจนไปซ้อมพวกนั้นปางตาย มันก็เป็นเพราะว่านายไปเห็นภาพที่น้องสาว 2 คนของนายโดนพวกมันจับแก้ผ้าแล้วเกือบทำอนาจารใส่ พอมาในรูทที่ 550 ทาเคมิจิจะพาน้องสาวนายหนี แต่พวกมัน (250)
มีเยอะเกินไป ทาเคมิจิเลยทำได้แค่เอาตัวเองบังตัวน้องสาวทั้ง 2 คนของนายจากมือที่โสโครกพวกนั้น เพราะทาเคมิจิคิดว่าถ้านายไม่เห็นสภาพน้องสาวนายในแบบรูทที่ 549 นายก็จะไม่ไปซ้อมพวกนั้นปางตาย แล้วนายก็จะไม่ถูกจับไป

แต่พอน้องสาวของนายมาเล่าให้นายฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง (251)
นายก็เลยต้องการที่จะแก้แค้นให้กับคนที่มาช่วยน้องสาวนาย ซึ่งมันผิดแผนไปจากที่ทาเคมิจิคิดเอาไว้ แล้วในที่สุดนายก็ถูกจับไปเหมือนรูท 549 แต่คราวนี้ในขณะที่พวกมันกำลังจะขับรถชนนาย ทาเคมิจิก็เข้ามาผลักนายออกไปได้ทัน

แต่ตัวทาเคมิจิหลบไม่พ้น หลังของทาเคมิจิเลยโดนกระแทกอย่างแรง (252)
จากการถูกรถของพวกมันชน และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้ทาเคมิจิเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท" เมื่อฮันมะเล่าจบ มิทซึยะก็น้ำตาไหลออกมาทันที

"มิทซึยะ นายฟังชั้นนะ ชั้นได้เห็นความทรงจำของทาเคมิจิมาทั้งหมด ทาเคมิจิน่ะไม่เคยโทษนายเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะงั้นนายก็ไม่ต้อง (253)
โทษตัวเองหรอกนะ เพราะถ้าทาเคมิจิรู้ว่านายโทษตัวเอง ทาเคมิจิคงไม่สบายใจหรอก" ฮันมะพูดปลอบมิทซึยะเมื่อเห็นว่าอดีตหัวหน้าหน่วยที่ 2 ของโตมันร้องไห้

"แต่มันเป็นเพราะชั้น ทาเคมิจจิก็เลยต้องเป็นโรคนี้" มิทซึยะพูดออกมาทั้งน้ำตา (254)
"ชั้นเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของนายนะมิทซึยะ ถ้านายรู้สึกผิดกับทาเคมิจิ นายไม่ต้องโทษตัวเองหรอก นายแค่ดูแลทาเคมิจิให้ดีก็พอ" แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มิทซึยะหยิบผ้าเช็ดหน้าตัวเองขึ้นมาเช็ดน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยถามฮันมะออกมา (255)
"แล้วอาการของทาเคมิจจิมันเป็นยังไงในตอนแรก หนักมากไหม?"

"โอเค อาการของทาเคมิจิไม่ได้ทรุดหนักเลยทีเดียว แต่อาการมันค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆทีหลัง"

"หนักถึงขั้นไหน?" มิทซึยะถามจี้ออกมา

"เห้อ ให้ตายสิมิทซึยะ ชั้นก็อุตส่าห์พยายามเลี่ยง แต่นายก็มาถามจี้อีก จำไว้ล่ะ (256)
ว่าห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด" ฮันมะพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย

"ได้"

"อาการของทาเคมิจิในตอนที่ทรุดลงหนักที่สุด มันหนักถึงขั้นทาเคมิจิไม่สามารถลุกจากที่นอนได้ ไม่สามารถนอนพลิกตัวได้อย่างอิสระต้องนอนท่าเดิมทั้งคืนและทุกคืน ไม่สามารถก้มใส่กางเกงหรือถุงเท้าเองได้ (257)
และตอนที่ทาเคมิจิเดินมันจะเจ็บมากๆจนก้าวขาเดินต่อไปไม่ได้ สุดท้ายทาเคมิจิต้องไปทำกายบำบัดเกือบปีถึงจะกลับมาเดินได้มากขึ้นหน่อย แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดีแต่เจ็บในระดับที่ทาเคมิจิทนได้" ฮันมะเล่าออกมาจนจบพร้อมกับสังเกตมิทซึยะไปพลางๆ

"ให้ตายเถอะทาเคมิจจิ ไอ้เด็กบ้า" (258)
ความรู้สึกของมิทซึยะที่มีต่อทาเคมิจิในตอนนี้มันตีกันไปหมด มันมีทั้งความรู้สึกสงสาร รู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ และรู้สึกโกรธ โกรธเพราะทาเคมิจิไม่ยอมที่จะเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเลย

'คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่รึไงไอ้เด็กบ้า ถึงได้มาช่วยกันแบบนี้แล้วจากไปแบบไม่คิดจะบอกกันเลย อย่า - (259)
ให้เจอตัวนะ ทีนี้แหละเขาจะไม่ยอมปล่อยไปไหนแล้ว ต่อให้ไล่ยังไงก็จะไม่ไป จะตามติดเป็นเงาตามตัวเลยคอยดู!!!'

"นี่ฮันมะ" เป็นรินโดที่เรียกชื่อฮันมะขึ้นมา หลังจากที่รอมิทซึยะสงบลงได้แล้วสักพักนึง

"มีอะไรรินโด"

"ทาเคมิจิคือคนที่ช่วยชีวิตชั้นไว้ใช่ไหม?" (260)
"ใช่" ฮันมะตอบเลยทันที

"เล่าให้ชั้นฟังหน่อยสิว่าทำไมทาเคมิจิถึงช่วยชีวิตชั้น" เพราะรินโดสงสัยในประเด็นนี้มาก ว่าทำไมทาเคมิจิถึงได้ตัดสินใจช่วยชีวิตเขาเอาไว้

"เห้อ ให้ตายเถอะ นี่ชั้นจะต้องมานั่งเล่าอะไรแบบนี้จนกว่าทาเคมิจิจะกลับมาเลยใช่ไหมเนี่ย" ฮันมะบ่นออกมาเล็กน้อย (261)
"ก็นายเป็น 1 ใน 2 คนที่ได้รับความทรงจำทุกรูทของทาเคมิจิมานี่ ถ้าชั้นไปถามเจ้าคาคุโจ มันคงยอมเล่าหรอก" แล้วก็เป็นรินโดที่โต้กลับฮันมะมา

"เออๆๆ จะเล่าเดี๋ยวนี้แหละ คือว่านะพวกแกสองคนน่ะ ทั้งรันทั้งรินโด พวกแกน่ะเป็นพี่น้องที่รักกันมาก อย่าเถียงว่าไม่จริง ถ้าเห็นรันที่ไหน (262)
ก็จะต้องมีรินโดอยู่ข้างๆเสมอ แกอย่าแย้งนะรินโด หุบปากไปเดี๋ยวนี้ เพราะมันคือเรื่องจริง ไอ้ฟาย อ่ะมาที่ส่วนสำคัญล่ะ พวกแกน่ะตลอดเวลาหลายร้อยรูทที่ผ่านมาของทาเคมิจิ ถึงพวกแกไม่ได้ทำร้ายทาเคมิจิ แต่ก็ไม่เคยทำดีด้วยเลยสักครั้ง

แต่รูทที่ 419 ตอนนั้นทาเคมิจิที่อยู่ใน (263)
ร่างวัยเด็กของตัวเองประมาณ 9-10 ขวบได้ ทาเคมิจิไปเดินเล่นแถวรปปงงิซึ่งเป็นถิ่นของพวกแก

ล่ะทีนี้ก็มีเด็กมอต้นกลุ่มนึงเข้ามาจะรุมทำร้ายทาเคมิจิ ล่ะก็อย่างที่พวกแกรู้ๆกัน ทาเคมิจิน่ะเรื่องต่อยตีคือไม่ได้เรื่องมาก เพราะงั้นไม่มีทางสู้ไอ้เด็กมอต้นพวกนั้นได้แน่ (264)
ล่ะพวกแกทั้ง 2 คน ก็โผล่มาช่วยทาเคมิจิจากเด็กมอต้นกลุ่มนั้น ทาเคมิจิก็รู้นะ ว่าที่พวกแกมาช่วยมันเป็นเพราะพวกแกไม่อยากให้มีนักเลงคนอื่นมาทำร้ายคน ในถิ่นของพวกแกเฉยๆ เพราะมันจะดูเหมือนข้ามหน้าข้ามตาพวกแก

แต่ทาเคมิจิน่ะนะ ก็จำเหตุการณ์ที่ถูกพวกแกช่วยเอาไว้แบบฝังใจ (265)
ล่ะพอมาในรูทที่ 446 ก็เกิด Butterfly Effect อีกครั้ง ภาพที่ชั้นเห็นก็คือพวกศัตรูของเท็นจิกุ เล่นทีเผลอจับพวกแก 2 คนไปซ้อมอย่างหนัก แล้วสุดท้ายก็เอาปืนมายิงหัวรินโดต่อหน้ารัน

เพราะพวกนั้นรู้ดีว่ารันรักรินโดมากขนาดไหน มึงอย่าเถียงกูนะรัน หุบปากไปเดี๋ยวนี้ (266)
และพอรินโดตาย รันก็ไม่มีความสุขอีกเลย และสุดท้ายรันกลายเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจิตเวชเพราะรับไม่ได้กับการเสียชีวิตของรินโด

มึง 2 ตัวหุบปากไปเดี๋ยวนี้ ไอ้พี่น้องเวร อย่าเถียง อย่าแย้ง ว่ามันไม่จริง เพราะถึงกูจะไม่ได้ความทรงจำของทาเคมิจิมา กูก็รู้ว่าพวกมึง 2 ตัว (267)
รักกันมากขนาดไหน

แล้วทาเคมิจิก็รู้เรื่องของพวกแก 2 คนในที่สุด ว่ารินโดถูกยิงหัวต่อหน้ารัน และบทสรุปของรันคือไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

ทาเคมิจิเลยพยายามหาทางช่วยพวกแกมาตลอดตั้งแต่รูทที่ 447 แต่มันก็มีทั้งช่วยได้และช่วยไม่ได้ผสมกันไปในรูทต่อๆมา แต่พอมารูทนี้ รูทที่ 550 (268)
รินโด" ฮันมะเล่าไปด่าสองพี่น้องไฮทานิไป เมื่อเห็นว่ารันหรือรินโดจะอ้าปากพูดแย้งขึ้นมา แล้วสุดท้ายก็เรียกชื่อรินโดขึ้นมา

"มีอะไร?"

"แกจำตอนที่แกจะถูกยิงได้ไหม?"

"จำได้ เดี๋ยวนะ แกอย่าบอกนะ ว่าคนที่มารับกระสุนแทนชั้นคือทาเคมิจิ" ใจของรินโดเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะ (269)
ลุ้นกับคำตอบที่กำลังจะออกมาจากปากของฮันมะ

"ใช่ แกคิดถูกแล้ว ทาเคมิจิวิ่งเข้ามาบังแกไว้ได้พอดิบพอดี แต่โชคดีที่กระสุนไม่ได้ฝังลงท้องในจุดสำคัญ ทาเคมิจิเลยไม่ได้เป็นไร" เมื่อรินโดได้ฟังคำตอบของฮันมะแล้ว ก็นิ่งไปเลยจนฮันมะต้องเป็นฝ่ายเปิดปากเล่าต่อ (270)
"พวกแกทั้ง 2 คน ฟังให้ดีๆนะ ที่ทาเคมิจิช่วยพวกแกก็เป็นเพราะเหตุการณ์ในรูทที่ 419 ที่พวกแกไปช่วยทาเคมิจิไว้ก่อน

ทาเคมิจิเลยไม่อยากให้แกตายรินโด แล้วก็ไม่อยากให้บทสรุปของรันคืออยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช ทาเคมิจิน่ะอยากให้พวกแกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงได้ยอมเอาตัวเองมาบัง (271)
กระสุนให้แกรินโด"

"ให้ตายเถอะ มิจจิจังนี่น่าตีจริงๆ มาช่วยชั้นกับรินโดเอาไว้ แต่ไม่ยอมบอกกันเนี่ยนะ" รันเป็นคนพูดออกมาบ้างหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากฮันมะ

"นั่นสิพี่ สงสัยคงต้องลงโทษเด็กดื้อหน่อยแล้วล่ะ" การลงโทษที่รินโดหมายถึงไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย (272)
แต่เป็นการที่ทั้งรันและรินโดจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตของทาเคมิจิตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ซึ่งรันก็เข้าใจความหมายของคำว่าลงโทษของน้องชายตัวดี เลยตอบรับคำพูดของรินโดว่า

"เอาสิรินโด จะไม่ให้คลาดสายตาไปไหนอีกเลยล่ะมิจจิจัง" (273)
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบจนกระทั่ง ชิบะ ไทจู เป็นคนพูดขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น

"ฮันมะ"

"อะไรไทจู ให้ตายเถอะ ชั้นเป็นตำรวจนะ ไม่ใช่นักเล่าเรื่อง" ฮันมะตอบรับไทจูพร้อมกับบ่นออกมา

"ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่ามีเกี่ยวกับชั้นใช่ไหม?" ไทจูถามออกมา (274)
"เออ" ฮันมะตอบรับ

"เล่ามาเดี๋ยวนี้"

"ไม่ ชั้นขี้เกียจล่ะ เหนื่อย คอแห้ง" ฮันมะตอบปฏิเสธกลับแบบกวนเบื้องล่าง

"ถ้าแกไม่ยอมเล่าออกมาเดี๋ยวนี้และตอนนี้ ชั้นจะใช้อำนาจที่มีสั่งย้ายแกไปอยู่ชายแดนที่ห่างไกลจากทาเคมิจิให้มากที่สุด" ไทจูพูดขู่ออกมา (275)
และมันก็ได้ผล เพราะฮันมะรู้ดีว่าไทจูพูดจริงทำจริง เลยยอมเปิดปากเล่าออกมา

"มันก็เป็นเรื่องปัญหาครอบครัวแกน่ะแหละไทจู ตั้งแต่รูทที่ 1-549 หลังจากแม่ของแกตาย แกก็เริ่มใช้กำลังกับยูสึฮะและฮัคไค พูดง่ายๆก็คือแกทำร้ายร่างกายน้องๆของแก โดยอ้างว่านี่คือการแสดงความรัก (276)
ถึงแม้ว่ารูทหลังๆทาเคมิจิจะทำให้แกเลิกทำร้ายร่างกายยูสึฮะกับฮัคไคได้แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันยังคงอยู่ก็คือทั้งยูสึฮะและฮัคไคต่างรู้สึกกลัวและเกลียดแก

และไม่ว่าแกจะทำดีชดเชยให้ขนาดไหน แต่ทั้งยูสึฮะและฮัคไคก็ยังกลัวแกอยู่ดี พูดง่ายๆคือแกทำร้ายร่างกายพวกน้องๆของแก (277)
จนทำให้ยูสึฮะกับฮัคไคมีปม

และทาเคมิจิที่รู้เรื่องนี้ ก็อยากช่วยลบปมนี้ของยูสึฮะและฮัคไคให้หายไป และในรูทนี้รูทที่ 550 แกจำได้ไหมว่าหลังจากแม่แกตายก็มีนักจิตวิทยาคนหนึ่งมาคุยกับแกน่ะไทจู" ฮันมะถามออกมา

"จำได้"

"ทาเคมิจิเป็นคนส่งไป และเพราะแกได้คุยกับนักจิตวิทยา (278)
ที่ทาเคมิจิส่งไป ในรูทนี้แกเลยไม่ได้ทำร้ายร่างกายน้องๆของแก แกแสดงความรักที่มีต่อน้องๆของแกอยู่ในแบบที่ถูกต้องเป็นครั้งแรก ยูสึฮะกับฮัคไคเลยไม่มีปม และพวกแกสามพี่น้อง ก็รักกันดีในรูทนี้" เมื่อฮันมะพูดจบก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม เพราะรู้สึกคอเริ่มแห้ง หลังจากที่เล่าเรื่องมานาน (279)
"นี่รูทก่อนๆ ชั้นทำร้ายยูสึฮะกับฮัคไคจริงๆเหรอ" ไทจูถามออกมาอย่างเหม่อลอย เพราะเขารักน้องของเขามาก ล่ะทำไมเขาถึงต้องทำร้ายร่างกายยูสึฮะกับฮัคไคด้วยล่ะ

"จริง แต่แกไม่ต้องคิดมากหรอกไทจู เพราะในรูทนี้แกไม่ได้ทำแบบนั้นหนิ" ฮันมะพูดออกมาหลังจากเห็นว่าไทจูกำลังอึ้งกับ (280)
วีรกรรมของตัวเองในรูทก่อนๆ

"ทาเคมิจินี่เป็นคนที่ทำให้ชั้นในรูทนี้ไม่ทำร้ายน้องของตัวเองยูสึฮะกับฮัคไคเลยไม่มีปมแบบนั้นสินะ" ไทจูพูดออกมา

"ถูก"

"ให้ตายเถอะไอ้ตัวเล็กนี่มันจริงๆเลย" พอไทจูพูดประโยคนี้จบ ทั้งห้องก็หันมามองไทจูอย่างอึ้งๆ อึ้งกับคำเรียกที่ใช้แทนทาเคมิจินี่ล่ะ (281)
แต่ยังไม่ทันที่จะได้มีใครได้ถามอะไรฮันมะต่อ ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมา เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นคาคุโจที่อุ้มทาเคมิจิเข้ามานั่นเอง

เมื่อมิทซึยะเห็นทาเคมิจิที่อยู่ในอ้อมแขนของคาคุโจ มิทซึยะก็รีบลุกขึ้นไปเอาตัวทาเคมิจิมาอุ้มไว้เอง แล้วเดินกลับไปนั่งที่ของตน (282)
ทั้งทาเคมิจิและคาคุโจต่างสงสัยในสายตาของคนในห้องที่ใช้มองมาทางทาเคมิจิที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกับมิทซึยะ รัน รินโด ไทจู ฮัคไค และยูซึฮะ

แต่ทาเคมิจิก็ต้องเก็บความสงสัยนั้นลงไปก่อน เพราะพอทาเคมิจิที่ได้ยินประโยคที่มิทซึยะพูดกับตัวเองว่า (283)
"ขอบคุณนะคะที่หนูช่วยปกป้องน้องสาวทั้ง 2 คนของพี่เอาไว้ แล้วก็ขอบคุณหนูที่ช่วยชีวิตพี่เอาไว้ด้วยค่ะ และพี่ก็ต้องขอโทษหนูมากๆเลยนะคะที่เป็นสาเหตุทำให้หนูต้องเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท"

'ให้ตายเถอะ! ปกติมิทซึยะคุง ก็เป็นคนอบอุ่น ใจดี น่าเข้าใกล้อยู่แล้ว (284)
แต่การมาพูดแบบนี้กับเขามันมากเกินไปหน่อยไหม!!! เขาเขินยิ่งกว่าตอนฮันมะคุงพูดอีก แต่นี่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือ

มิทสึยะคุงรู้ได้ยังไง!!!' ทาเคมิจินึกในใจเสร็จแล้วก็ตวัดสายตามองไปที่คาคุโจก่อนเป็นคนแรก

"นายไม่ต้องมามองชั้นด้วยสายตาแบบนั้นเลยนะ (285)
ชั้นก็อยู่กับนายตลอดเวลา จะเอาเวลาที่ไหนไปเล่าให้มิทซึยะซังฟังกัน" มันก็จริงอย่างที่คาคุโจพูดงั้นก็เหลืออยู่คนเดียวแล้วล่ะ

ฮันมะ ชูจิ!!!

"หนูคะ อย่ามองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นสิคะ มันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของพี่เจ็บปวดมากๆเลยค่ะ" ฮันมะพูดพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างกุมไปที่อกข้างซ้าย (286)
ของตัวเองพร้อมกับทำสีหน้าเจ็บปวดออกมา

"ฮันมะคุงเล่าอะไรออกมาบ้างครับ?" ทาเคมิจิพูดพร้อมกับจ้องหน้าฮันมะนิ่ง ซึ่งทุกคนในห้องรู้สึกแบบเดียวกันว่า

ทาเคมิจิคือลูกแมวที่กำลังพองขนขู่ชัดๆ!!!

"ก็เล่าเรื่องที่หนูช่วยพี่เอาไว้"

"แล้ว?"

"เรื่องที่หนูไปช่วยมิทซึยะเอาไว้ด้วยค่ะ" (287)
"แล้ว?"

"ล่ะก็เรื่องที่หนูไปช่วยสองพี่น้องไฮทานิค่ะ"

"แล้ว?"

"ล่ะก็เรื่องที่หนูไปช่วยสามพี่น้องชิบะค่ะ"

"แล้ว?"

"พี่เล่าไปแค่นี้จริงๆค่ะ เพราะพอพี่เล่าเรื่องที่หนูไปช่วยครอบครัวชิบะจบปุป คาคุโจก็อุ้มหนูเข้ามาปัปเลยค่ะ" ฮันมะตอบออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม (288)
"ให้ตายเถอะคาคุจัง!!! ตลอด 550 รูทที่ผ่านมาชั้นไม่เคยโกรธนายเลยสักครั้ง ถึงแม้มันจะมีบางรูทที่นายใช้ปืนยิงชั้นก็ตาม แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ชั้นจะโกรธนายล่ะ

นายไปเอาน้ำในแก้วนั้นให้ฮันมะ ชูจิกินทำไมเนี่ย!!!" ทาเคมิจิตะโกนออกมาอย่างหงุดหงิด เพราะความลับที่เขาอุตส่าห์ (289)
เก็บเอาไว้ มันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้วน่ะสิ

"เดี๋ยวนะ นี่คาคุโจนายเคยยิงทาเคมิจิด้วยเหรอ?" อิซานะถามขึ้นมาอย่างสงสัย แต่ยังไม่ทันที่คาคุโจจะตอบกลับ ทาเคมิจิก็ตอบให้แทนคาคุโจแล้ว

"ก็อิซานะคุงเป็นคนสั่งให้คาคุจังยิงผมยังไงล่ะ!!!" อิซานะอึ้งกับคำตอบที่ได้รับ (290)
"ชั้นขอโทษนะทาเคมิจิ ก็ตอนนั้นชั้นโมโหฮันมะที่มันพูดขึ้นมาว่า ที่ชั้นมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะตัวของชั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับเด็กนั่นเสียหน่อย" พูดจบคาคุโจก็หันไปมองหน้าฮันมะอย่างเหยียดๆ

"คาคุโจนายไม่เคยได้ยินสำนวนนี้เหรอว่า คนล้มอย่าข้ามน่ะ"

"ถ้าเป็นคนอื่นล้มชั้นก็ไม่ข้ามหรอก (291)
แต่ถ้าเป็นแกที่ล้มนะ ฮันมะ ชูจิ นอกจากชั้นจะข้ามแล้วชั้นจะกระทืบแกซ้ำๆๆๆๆๆๆๆ จนกว่าแกจะจมลงไปในดินเลยล่ะ"

"หนูดูคำพูดที่เพื่อนของหนูพูดกับพี่สิคะ โหดร้ายที่สุด" ฮันมะพูดด้วยเสียงเศร้าๆพร้อมกับช้อนตามองทาเคมิจิอย่างน่าสงสาร

"ผมก็ไม่อยากพูดประโยคสักเท่าไหร่ แต่ (292)
สมน้ำหน้าครับฮันมะคุง! ล่ะผมก็จะกลับไปอยู่กับเคโกะจังแล้วด้วย" เมื่อทาเคมิจิพูดประโยคนี้จบ ก็มีเสียงจากทุกคนในห้องตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียงและเสียงดังลั่นห้องว่า

"ไม่ได้!!!"

"แหม มิจจิจังคะ หนูจะมาช่วยพวกพี่ล่ะชิ่งหนีไปแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะคะ" เป็นรันที่พูดขึ้นมา (293)
"ใช่ค่ะ กับพวกพี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่หนูลองหันไปมองหน้าของคนที่หนูกำลังนั่งอยู่บนตักเขาดีกว่านะคะ ว่าเขาจะยอมให้หนูไปไหม" แล้วรินโดก็พูดเสริมรันขึ้นมาทันที

ทาเคมิจิเลยค่อยๆหน้าของตัวเองไปมองหน้ามิทซึยะ ก่อนจะพบกับสายตาที่

เอ่อ...

โคตรน่ากลัวเป็นบ้าเลย!!! (294)
"ว่าไงคะมิจจิจัง หนูจะหนีพี่ไปอีกแล้วเหรอคะ พี่บอกเลยนะคะว่า ต่อให้หนูจะหนีไปที่ไหน พี่ก็จะไปตามตัวหนูกลับมาให้ได้ค่ะ" มิทซึยะพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม แล้วใช้มือข้างนึงมาลูบไปที่หัวของทาเคมิจิเบาๆ

'ให้ตายเถอะ!!! มิทซึยะคุงน่ากลัวมาก ฮือออ รู้แบบนี้ไม่น่าชวนคาคุจัง - (295)
ออกไปซื้อของเลย' ทาเคมิจิได้แต่คิดและกรีดร้องอยู่ภายในใจอย่างเงียบๆคนเดียว

"หนูคะ" เป็นฮันมะที่เอ่ยเรียกทาเคมิจิขึ้นมา

"มีอะไรครับ" ทาเคมิจิตอบเสียงแข็งไป เพราะยังไม่หายโกรธที่ฮันมะเล่าเกือบจะทุกเรื่องออกมาให้ทุกคนได้ฟัง

"ทำไมหนูถึงใช้น้ำเสียงแบบนี้กับพี่ล่ะคะ - (296)
หัวใจดวงน้อยๆของพี่เจ็บปวดเหมือนมีมีดมาเสียบไว้เลยค่ะ"

"สรุปฮันมะซังมีอะไรครับ" นอกจากทาเคมิจิจะไม่สนใจคำพูดตัดพ้อของฮันมะแล้ว ยังเรียกชื่อฮันมะด้วยถ้อยคำที่ห่างเหิน จนฮันมะรู้สึกเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาในใจจริงๆเสียแล้วสิ

คนอื่นๆภายในห้องต่างก็สมน้ำหน้าฮันมะกันหมด ที่ - (297)
ฮันมะมันถูกทาเคมิจิงอนเข้าให้แล้ว

"คือพอดีว่ามีคำถามจากคนทางบ้านฝากให้พี่มาถามหนูน่ะค่ะ"

"ใครครับ?" ทาเคมิจิถามออกมาอย่างสงสัย

"คือเขาไม่ประสงค์ออกนามค่ะ แต่เดี๋ยวพี่จะใบ้ให้นะคะ ชื่อขึ้นต้นด้วยเท็ต ลงท้ายด้วยตะค่ะ" ทันทีที่ฮันมะพูดจบ คิซากิก็ตะโกนด่าฮันมะขึ้นมาทันทีว่า (298)
"ไอ้ชูจิ ถ้ามึงจะใบ้ชื่อกูแบบนี้ มึงบอกชื่อเต็มกูไปเลยเถอะ ไอ้เวร!!!"

"อ้าว แล้วก็ไม่บอก เขาชื่อคิซากิ เท็ตตะค่ะหนู"

"มึงนี่มัน..." แล้วก็มีเสียงด่าของคิซากิที่ด่าฮันมะออกมาสลับกับเสียงของฮันมะที่พูดกวนตีนคิซากิกลับไป

หลังจากที่ทาเคมิจิถามว่า ใครครับ (299)
ทาเคมิจิก็รู้สึกเวียนหัว ตาพร่า เหงื่อเริ่มออกทั้งๆที่ในห้องเปิดแอร์ ผิวหนังเริ่มเย็น หูก็รู้สึกอื้อจนทำให้ได้ยินเสียงของฮันมะและคิซากิไม่ค่อยชัดนัก

"หนูคะ คือคิ--- เดี๋ยวนะ หนูเป็นอะไรคะ ทำไมหน้าซีดแบบนั้น" ฮันมะที่จะหันมาพูดว่าคิซากิฝากถามอะไรมา ก็ชะงักไปเมื่อ (300)
ได้เห็นสีหน้าของทาเคมิจิในตอนนี้ แล้วทุกคนก็หันมามองทาเคมิจิทันที มิทซึยะจึงจับไปที่ตัวทาเคมิจิก่อนจะพูดออกมาว่า

"ทำไมตัวหนูถึงได้เย็นแบบนี้เนี่ย!"

"คะ...คาคุจัง นายไปเอาน้ำส้มคั้น น้ำผึ้ง หรือไอติมมาให้ชั้นที ขอเยอะๆเลย ไปเอามาให้ชั้นเดี๋ยวนี้เลย" (301)
"นายไปโรงพยาบาลดีกว่าทาเคมิจิ มิทซึยะซังอุ้มมาเลยครับ" คาคุโจไม่ยอมทำตามที่ทาเคมิจิบอกแต่จะพาทาเคมิจิไปโรงพยาบาลแทน

"ชั้นไม่ไป!!! นายแค่ไปเอาน้ำส้มคั้น น้ำผึ้ง หรือไอติม อะไรก็ได้จาก 3 อย่างนี้มาให้ชั้นเดี๋ยวนี้เลย" ทาเคมิจิตะโกนกลับออกไปอย่างสุดเสียง แล้วตัว (302)
ก็เริ่มโงนเงนไปมาจนมิทซึยะที่อยู่ใกล้ทาเคมิจิที่สุดรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา

"หนูไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ อาการหนูตอนนี้มันไม่ค่อยดีเลยนะคะ" มิทซึยะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ทาเคมิจิยอมไปโรงพยาบาล

"ถ้าใครพาผมไปโรงพยาบาล ผมจะหนี หนีไปให้ไกลจากพวกคุณทุกคน และพวกคุณทุกคนก็จะไม่มี (303)
ทางที่จะหาตัวผมเจออีก" ทาเคมิจิพูดออกมาพร้อมกับตัวที่เอนไปพิงอกมิทซึยะอย่างไม่รู้ตัว

ทุกคนในห้องต่างรู้ดีว่าสิ่งที่ทาเคมิจิพูดออกมา เจ้าตัวจะทำมันจริงอย่างแน่นอน

"ให้ตายเถอะทาเคมิจิ นายมันโคตรดื้อที่สุดเลย โอเค เดี๋ยวชั้นไปเอาของที่นายต้องการมาให้" ในที่สุดคาคุโจ (304)
ก็ยอมแพ้ทาเคมิจิ และรีบวิ่งออกไปนอกห้องอาหาร เพื่อไปเอาสิ่งที่ทาเคมิจิต้องการมาให้กับเจ้าตัว

"หนูคะ หนูเป็นอะไรคะเนี่ย ทำไมไม่ยอมไปโรงพยาบาลล่ะคะ" ฮันมะถามออกมาอย่างเป็นห่วง

ทาเคมิจิในตอนนี้ถ้าไม่มีมิทซึยะให้นั่งพิงคือได้ร่วงลงไปที่พื้นตั้งนานแล้ว (305)
"ผะ...ผม ไม่ได้เป็น อะไรมาก คะ...ครับ ฮันมะคุง" ทาเคมิจิตอบฮันมะด้วยเสียงที่ค่อนข้างขาดๆหายๆ

"นี่น่ะเหรอคะที่บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ถ้าพี่ไม่คอยจับหนูเอาไว้ หนูได้ร่วงลงไปกองกับพื้นแล้วค่ะ" มิทซึยะพูดออกมาพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างกอดตัวของทาเคมิจิเอาไว้ให้แน่นกว่าเดิม (306)
ทาเคมิจิไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพราะทาเคมิจิในตอนนี้รู้สึกเวียนหัวอย่างมากๆ เหงื่อก็เริ่มออกเยอะขึ้น หัวใจก็เริ่มเต้นถี่ขึ้น

'ให้ตายเถอะ!!! ทำไมอาการต้องมาออกตอนนี้ด้วยนะ' ทาเคมิจินึกด่าอยู่ภายในใจ

ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างจับจ้องไปที่ทาเคมิจิ ว่าจะเป็นอะไรหนักกว่านี้ (307)
อีกหรือไม่ พวกเขาล่ะอยากจะพาทาเคมิจิไปโรงพยาบาลแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับไม่ยอม ล่ะพูดขู่ออกมาแบบนั้น ใครจะยังกล้าพาไปอีกล่ะ

แล้วในที่สุดคาคุโจก็กลับมาพร้อมกับถือน้ำส้มคั้นแก้วใหญ่ 2 แก้วเข้ามาด้วย คาคุโจรีบส่งน้ำส้มคั้นให้ทาเคมิจิทันที ทาเคมิจิรีบใช้ปากงับหลอดแล้วดูด (308)
น้ำส้มคั้นที่อยู่ในแก้วแรกเข้าปากอย่างรอดเร็วจนหมดแก้ว

แล้วทุกคนก็สังเกตได้ว่าสีหน้าของทาเคมิจิมันค่อยๆดีขึ้น ไม่ซีดแบบเมื่อกี้นี้แล้ว ตัวที่เคยโงนเงนไปซ้ายทีขวาทีก็กลับมาเป็นปกติ ทาเคมิจิดูนาฬิกาบนข้อมือเป็นระยะๆ จนในที่สุดก็ส่งเสียงออกมาว่า

"นาโอโตะ นายหยิบถุงหูรูด - (309)
สีชมพูที่อยู่ในกระเป๋ายาของผมมาให้ผมหน่อยครับ" เมื่อนาโอโตะได้ยินในสิ่งที่ทาเคมิจิพูดออกมา ก็รีบเปิดกระเป๋ายาแล้วหาถุงสีชมพูที่ว่านั่นทันที

เมื่อนาโอโตะเจอถุงสีชมพูแล้ว ก็รีบส่งให้ทาเคมิจิทันที ทาเคมิจิรับมาแล้วเปิดปากถุงออกก่อนจะหยิบกลูโคสมิเตอร์ขึ้นมา (310)
แล้วใช้เครื่องนั่นเจาะไปที่นิ้วของตัวเอง แล้วดูผลที่แสดงออกมาทางหน้าจอ

"ให้ตายเถอะ ทำไมมันต่ำแบบนี้เนี่ย!" พูดจบทาเคมิจิก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นแก้วที่สองขึ้นมางับหลอดดูดต่อทันที ซึ่งการกระทำของทาเคมิจิที่แสดงออกมา มันทำให้คนทั้งห้องสงสัยไปหมด แต่ก็ไม่มี (311)
ใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมา

จนกระทั่งทาเคมิจิกินน้ำส้มแก้วที่สองจนหมด แล้วนั่งมองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองเป็นพักๆ ก่อนจะหยิบกลูโคสมิเตอร์ขึ้นมา แล้วเจาะไปที่นิ้วของตัวเองอีกครั้ง เมื่อมันแสดงผลออกมา ทาเคมิจิก็พูดว่า

"ค่อยดีหน่อย เห้อ เกือบไปแล้วสิเรา" (312)
"มิจจิจังโอเคแล้วจริงๆใช่ไหมคะ" เป็นรันที่ถามขึ้นมา

"อ่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว"

"แล้วเมื่อกี้ฮานากาคิเป็นอะไร?" อินุปี้รีบถามขึ้นมาทันที

"คือว่า... ผมมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำน่ะครับพี่เซย์ชู" แล้วในที่สุดทาเคมิจิก็ตอบคำถามที่ทุกคนในห้องต่างสงสัยออกมา (313)
"แต่ว่ามันไม่ได้เป็นบ่อยนะครับ คือมันจะเป็นแค่ตอนที่ผมไม่ได้กินข้าวงี้ วันนี้ที่อาการออกน่าจะเป็นเพราะผมไม่ได้กินข้าวเช้ามามันเลยทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำน่ะครับ" ทาเคมิจิพูดต่อออกมาทันที เมื่อเห็นว่าทุกคนดูนิ่งเงียบไป

'สรุปแล้วทาเคมิจิเป็นกี่โรคกันแน่นะ ตัว (314)
ก็แค่นั้นแต่ทำไมถึงเป็นมากขนาดนี้' นี่คือสิ่งที่ทุกคนภายในห้องคิดออกมาคล้ายๆกัน

จากที่ฟังจากเคโกะซังกับฮันมะเล่ามาคือเหมือนกับว่าทาเคมิจิเอาแต่ช่วยทุกคน จนไม่ได้สนใจตัวเองเลย

เหมือนทาเคมิจิใช้ตัวเองเป็นที่รองรับความเจ็บปวดแทนทุกคน (315)
"แล้วทำไมนายถึงได้ดูกลัวกับการที่จะถูกพาไปโรงพยาบาลแบบนั้นล่ะ" เป็นคาคุโจที่เอ่ยขึ้นมาทำลายเงียบภายในห้อง

"คือว่านะคาคุจัง ตอนที่ชั้นมีอาการแบบนี้ครั้งแรก เคโกะจังพาชั้นไปโรงพยาบาลเข้าห้องฉุกเฉินเลยทันที ทีนี้" ทาเคมิจิหยุดพูด แล้วทำท่าทางเหมือนไม่อยากจะเล่าออกมา (316)
"เล่ามาเดี๋ยวนี้ทาเคมิจิ ถ้านายไม่ยอมเล่า ชั้นจะจับนายขังอยู่ในห้องเดียวกับคิซากิ" เมื่อคิซากิได้ยินที่คาคุโจพูดขู่ทาเคมิจิออกมา ก็ได้แต่ร้องไห้เงียบๆอยู่ภายในใจ

"ก็นั่นแหละ พยาบาลก็ใช้กลูโคสมิเตอร์เจาะนิ้วชั้นเพื่อดูค่าน้ำตาลในเลือด ล่ะค่าน้ำตาลในเลือดของชั้นในตอนนั้น (317)
มันต่ำมากๆ พยาบาลเลยเอาผลที่ได้ไปให้หมอดู ล่ะหมอก็สั่งฉีดกลูโคสเข้าเส้นเลือดชั้นทันที" ในที่สุดทาเคมิจิก็จำใจตอบออกมา

"คือพูดง่ายๆว่าหนูกลัวเข็มฉีดยาใช่ไหมคะ มิจจิจัง" เป็นรันที่พูดออกมา

"ไม่ใช่นะ!!! คือถ้ามันเป็นเข็มฉีดยาขนาดธรรมดาผมก็ไม่กลัวหรอก แต่นี่มัน (318)
เข็มอย่างใหญ่ แล้วคือตอนที่พยาบาลเขาฉีด เขาต้องฉีดแบบช้าๆ คือจะดันพรวดไปทีเดียวเลยไม่ได้มันจะอันตราย ล่ะแบบตอนที่เริ่มฉีดเข้ามาคือมันเจ็บแบบมากๆ ล่ะรันคุงลองคิดดูสิว่ากว่ามันจะหมดเข็ม ให้ตายยังไง ผมก็จะไม่ฉีดอีก"

"มันก็สรุปได้ว่าแกกลัวเข็มอยู่ดีน่ะแหละ ไอ้ตัวเหม็น" (319)
"ซันสุคุงเงียบไปเลยนะ!!! ซันสุคุงก็ไปลองฉีดดูสิ แล้วก็จะได้รู้ว่ามันเจ็บขนาดไหน" ทาเคมิจิตะโกนใส่ซันสุอย่างโมโห

"ใครจะไปทำแบบนั้น ไอ้ตัวเหม็น" ถึงปากของซันสุจะพูดไปแบบนั้น แต่เมื่อซันสุไปถล่มพวกเอมะสึเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาซันสุก็ไปลองฉีดกลูโคสเข้าเส้นเลือดแบบที่ (320)
ทาเคมิจิได้พูดออกมาจริงๆ

แล้วหลังจากนั้นซันสุก็บังคับให้ทาเคมิจิกินข้าวให้ครบ 3 มื้อทุกวัน ให้กินขนมหลังอาหารทุกมื้อ คอยหยิบกลูโคสมิเตอร์มาเจาะวัดค่าน้ำตาลในเลือดให้ทาเคมิจิเสมอ

เพราะซันสุเข้าใจแล้วว่า

มันเจ็บจริงๆ

อย่างที่ทาเคมิจิเล่าออกมาเลย (321)
"แล้วคือหนูต้องกินของที่หนูพูดให้คาคุโจไปหามาสักอย่างใช่ไหมคะ อาการถึงจะดีขึ้น" เป็นฮันมะที่ถามขึ้นมา

"ที่จริงมันมีอยู่หลายอย่างครับฮันมะคุง แต่ผมชอบกิน 3 อย่างนั้นมากกว่า"

"ขนาดนายเป็นขนาดนั้น ยังจะเลือกกินอีกนะทาเคมิจิ" คาคุโจพูดว่าเพื่อนของตัวเองออกมา (322)
"อย่ามาดุชั้นนะคาคุจัง ชั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ อายุชั้นก็้เท่านายด้วย" ทาเคมิจิเถียงออกมาอย่างไม่ยอมแพ้

"แต่นิสัยของหนูนี่เด็กมากๆเลยนะคะมิจจิจัง" เป็นมิทซึยะที่พูดออกมา

"มิทซึยะคุง!!! ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้เลยนะ ผมไม่อยากนั่งบนตักมิทซึยะคุงแล้ว!!!" (323)
ทาเคมิจิโวยวายออกมาพร้อมกับพยายามแกะมือของมิทซึยะที่ล็อคตัวเขาอยู่ให้ออกไป

"ไม่ปล่อยค่ะ หนูน่ะดื้อพอๆกับน้องสาวของพี่ทั้ง 2 คนเลยค่ะ แล้วพี่ก็รู้วิธีปราบเด็กดื้อแบบหนูด้วยค่ะ และถ้าหนูยังไม่หยุดดิ้นพี่จะเริ่มใช้วิธีปราบเด็กดื้อที่พี่คิดขึ้นมาให้หนูโดยเฉพาะเลยค่ะ" (324)
มิทซึยะใช้น้ำเสียงในการพูดแบบนิ่งๆ ทาเคมิจิจึงรับรู้ได้ว่ามิทซึยะเอาจริงอย่างแน่นอน ทาเคมิจิเลยหยุดดิ้นทันที

"ไม่ดิ้นต่อแล้วเหรอคะ พี่น่ะอยากลองใช้วิธีนี้กับหนูมากๆเลยค่ะ" มิทซึยะพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียดายออกมา (325)
'ให้ตายเถอะ มิตสึยะคุงในตอนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว' ทาเคมิจินึกขึ้นมาอยู่ภายในใจ

"แหม พอโดนมิตสึยะขู่เข้าหน่อยก็กลัวเลยเหรอคะหนู นี่ทุกคนชั้นจะบอกอะไรให้นะ ถ้ายัยหนูนี่ดื้อ ก็ลองขู่ไปว่าจะไปบอกมิตสึยะดูสิ รับรองหายดื้อทันที เพราะจากความทรงจำที่ชั้นได้มา ดูเหมือนว่า (326)
คนที่จะปราบเด็กดื้อแบบยัยหนูนี่ได้ ก็มีแต่มิตสึยะเท่านั้นแหละ ใช่ไหมคาคุโจ?" ฮันมะพูดออกมาพร้อมกับหันไปถามคาคุโจ

"เออ" ถึงคาคุโจจะหมั่นไส้ฮันมะมากแค่ไหน แต่ที่ฮันมะพูดมาเมื่อกี้นี้มันก็คือเรื่องจริง

ถ้าคิซากิคือคนที่ทาเคมิจิกลัวมากที่สุด แต่คำว่ากลัวในที่นี้ของ (327)
ทาเคมิจิก็คือรู้สึกขยาดคิซากิมันมากกว่า เพราะหลายร้อยรูทเลยที่ทาเคมิจิโดนคิซากิทั้งแกล้ง ทั้งด่าแรงๆ ล่ะก็มีบางรูทที่เอาปืนมาจ่อหัว ทาเคมิจิเลยไม่ค่อยอยากยุ่งกับคิซากิสักเท่าไหร่

ถ้าเลี่ยงได้ก็คือเลี่ยงดีกว่า

แต่สำหรับมิตสึยะ ถ้าในเวลาปกติมิตสึยะจะเป็นคนที่ใจดีมาก (328)
น่าเข้าใกล้ แต่ถ้าเกิดว่ามิตสึยะเริ่มรู้สึกโกรธออกมาเมื่อไหร่ คือตัวใครตัวมันเลยดีกว่า

เพราะฉะนั้นความรู้สึกกลัวที่ทาเคมิจิมอบให้กับมิตสึยะ มันก็คือรู้สึกกลัวจริงๆไม่ใช่ความรู้สึกขยาดแบบที่รู้สึกกับคิซากิ

"หึ ถ้าหนูเริ่มดื้ออีกเมื่อไหร่ แล้วพี่รู้ล่ะก็พี่จะรีบไป (329)
ปราบเด็กดื้อแบบหนูเลยค่ะมิจจิจัง" พูดจบมิตสึยะก็ก้มลงไปหอมหัวทาเคมิจิอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ทาเคมิจิคือสติหลุดไปตั้งแต่โดนฮันมะเปิดเผยความลับอีกอย่างของเขาแล้ว

'คาคุจังชั้นเกลียดนาย!' ทาเคมิจิคาดโทษคาคุโจในใจ เพราะคาคุโจจับฮันมะกรอกน้ำแก้วนั้นใส่ปาก ฮันมะเลยพูดออกมาไม่หยุดเลย (330)
"หนูคะ นิ่งเชียว เป็นอะไรอีกไหมคะเนี่ย" ฮันมะถามทาเคมิจิออกมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

"เปล่าครับ แล้วสรุปคนทางบ้านของฮันมะคุงนี่จะถามอะไรผมเหรอครับ?" ทาเคมิจิรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

"อ้อ เรื่องนั้น คนทางบ้านคนนี้เขาฝากพี่มาถามหนูค่ะว่า หนูกลัวเขาขนาดไหนเหรอคะ?" (331)
"ก็ถ้าสมมติว่าตรงหน้าผมมีงูเห่ากับเขายืนอยู่ ล่ะในมือผมมีไม้หน้าสาม ผมจะเอาไม้ตีหัวเขา ล่ะอุ้มงูหนี" เมื่อคิซากิได้ฟังคำตอบทาเคมิจิแล้ว คิซากิก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาในใจ

'นี่ฮีโร่กลัวเขามากกว่างูเห่าอีกเหรอเนี่ย!!!'

ส่วนคนอื่นๆภายในห้องต่างก็พากันเวทนาให้กับความอาภัพ (332)
ของคิซากิที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใกล้ฮีโร่ในดวงใจของตัวเองไม่ได้เลย เมื่อทาเคมิจิหันไปเห็นสีหน้าของคิซากิแล้ว เลยคิดอะไรอยู่สักพักนึงก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า

"แต่ถ้าเขาไม่แกล้ง ไม่ด่าผม ล่ะตามใจผมทุกอย่าง เดี๋ยวผมก็คงหายกลัวเขาไปเองแหละฮันมะคุง" และเมื่อคิซากิได้ (333)
ยินประโยคนี้ที่ออกมาจากปากของทาเคมิจิ คิซากิก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาเต็มร้อย พร้อมกับคิดในใจว่า

'จะตามใจให้หมดทุกอย่างเลยคอยดู ฮีโร่ของชั้น'

"ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะหนู ป่านนี้คนทางบ้านคงดีใจจนตัวลอยไปติดเพดานแล้วมั้ง?" ฮันมะพูดขอบคุณทาเคมิจิพร้อมกับแซะคิซากิอีกนิดหน่อย (334)
หลังจากนั้นทาเคมิจิก็คอยตอบคำถามของอินุปี้ โคโค่ จิฟุยุ บาจิ และคนอื่นๆที่เอาแต่ถามกันไม่หยุด จนทาเคมิจิอยากจะเดินไปขอน้ำมะนาวจากพนักงานเสิร์ฟซะจริง

เมื่อคนอื่นๆหยุดถามทาเคมิจิแล้ว มิตสึยะที่รอจังหวะนี้อยู่ก็ถามทาเคมิจิขึ้นมาทันทีว่า (335)
"มิจจิจังคะ ทำไมตอนนั้นหนูถึงไม่แจ้งตำรวจให้มาช่วยน้องสาวพี่ล่ะคะ ทำไมถึงได้เอาตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้น"

"คือว่าผมแจ้งแล้วนะครับมิตสึยะคุง แต่ว่าตอนนั้นถ้าผมไม่รีบไปกอดมานะจังกับลูนะจังเพื่อเอาตัวเองไปบังเอาไว้ คนที่จะโดนพวกนั้นทำระยำใส่ ก็คือลูนะจังกับมานะจังนะครับ - (336)
ลูนะจังกับมานะจังยังเด็กมากแถมเป็นผู้หญิงด้วย ถ้าโดนทำระยำแบบนั้นใส่ไป มันจะกลายเป็นแผลในใจของพวกเธอไปตลอดชีวิต ต่อให้พยายามลบยังไง มันก็ลบไม่ออก

แต่กับผมที่อายุ26แล้ว ถึงผมโดนทำแบบนั้นใส่ ผมก็คงรู้สึกแย่ แต่ผมก็เชื่อว่าผมสามารถจัดการความรู้สึกได้ดีกว่ามานะจังกับลูนะจัง - (337)
อย่างแน่นอนครับ" เมื่อทาเคมิจิตอบออกมาจนจบ ทาเคมิจิก็รับรู้ได้ว่ามิตสึยะกอดตัวเขาเอาไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม

สำหรับมิตสึยะแล้ว ถ้าเพื่อน้องสาวทั้ง 2 คนของเขา เขายอมตายแทนได้อย่างแน่นอน

แต่กับทาเคมิจิที่ไม่ได้มีความความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับลูนะจังและมานะจัง (338)
เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนั้น

"ให้ตายเถอะมิจจิจัง หนูนี่มันน่าตีชะมัดเลย" มิตสึยะพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเงียบๆ

'จะไม่ให้หนีไปไหนได้เด็ดขาด เพราะมิจจิจังจะต้องอยู่ให้เขาตอบแทนไปชั่วชีวิต' นี่คือสิ่งที่มิตสึยะคิดขึ้นมาในใจ (339)
🔆 ก่อนจะลงต่อขอสอบถามค้าบ 🔆
🔽 ตามนี้เลยค่า 🔽
ทาเคมิจิปล่อยให้มิตสึยะกอดตัวเองให้จนกว่ามิตสึยะจะเป็นคนปล่อยออกมาเอง ทั้งห้องก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าในตอนนี้มิตสึยะกำลังรู้สึกอย่างไร

แล้วในที่สุดมิตสึยะก็ค่อยๆคลายอ้อมกอดลง แต่ก็ยังจับเอวของทาเคมิจิไว้ เพื่อกันไม่ให้เจ้าตัวเล็กตกจากตักของเขาไป (340)
เมื่อทาเคมิจิรู้สึกว่ามิตสึยะเริ่มโอเคขึ้นแล้ว เลยเริ่มเปิดปากขึ้นมาพูดกับคาคุโจเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นภายในห้องทันที

"นี่คาคุจัง"

"ทำไมทาเคมิจิ" คาคุโจตอบกลับพร้อมแสดงสีหน้าสงสัยออกมา

"พาชั้นกลับไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที" เมื่อทาเคมิจิพูดประโยคนี้จบ (341)
ทั่วทั้งห้องก็มีเสียงดังขึ้นมาไม่หยุด แต่ประโยคที่พูดออกมาส่วนใหญ่ก็มาในแนวทางเดียวกันคือ

"ไม่ต้องกลับไปเลยนะคะมิจจิจัง"

"หยุดคิดที่จะไปเลยนะไอ้ตัวเหม็น"

"ชั้นไม่อนุญาตให้ทาเคมิจจิไป"

เป็นต้น

จนทาเคมิจิทนไม่ไหวตะโกนออกมาเสียงดังลั่นห้องว่า (342)
"โอ้ย!!! ผมแค่จะกลับไปเอาแมว!!! แมว 2 ตัวที่ผมเลี้ยงไว้ ไม่ได้จะกลับไปอยู่"

"แล้วก็พูดออกมาไม่หมด น่ารำคาญชะมัดเลย ไอ้ตัวเหม็น" ปากก็ด่าแต่สีหน้านี่คือแสดงออกถึงความโล่งใจแบบมากๆ

ซันสุไอ้คนซึนเอ้ย!!!

"มิจจิจังเลี้ยงน้องแมวเหมียวด้วยเหรอคะ?" เป็นรันที่ถามขึ้นมา (343)
"ครับ ตอนนั้นจิตแพทย์แนะนำว่าให้ใช้สัตว์มาช่วยบำบัดผม เคโกะจังเลยไปเอาแมวมาให้ผมเลี้ยงครับ" เมื่อทุกคนที่ได้ฟังที่มาของแมวทาเคมิจิแล้ว ก็รู้สึกว่า

'ทาเคมิจินี่ต้องอาการหนักขนาดไหนกันนะ หมอถึงได้แนะนำให้ใช้สัตว์มาช่วยบำบัดให้'

"ได้ เดี๋ยวชั้นพาไป" คาคุโจที่เรียก (344)
สติตัวเองกลับมาได้แล้ว เป็นคนตอบทาเคมิจิกลับไป

"แล้วน้องแมวของหนูมีชื่อไหมคะ?" เป็นฮันมะที่เอ่ยถามขึ้นมา

"มีสิครับฮันมะคุง ผมตั้งชื่อให้เองเลยนะ"

"ชื่ออะไรบ้างเหรอคะมิจจิจัง พี่ว่าจะต้องเป็นชื่อที่น่ารักมากแน่ๆเลย เพราะหนูเป็นคนตั้งให้เอง" รันถามต่อออกมาทันที (345)
"ชื่อ ไมกี้ กับ มันจิโร่ ครับรันคุง ตอนแรกเคโกะจังจะเอามาให้เลี้ยงอีกตัว ผมก็กะตั้งชื่อให้ว่า ซาโนะ แต่ก็เกรงใจเอมะจังกับชินอิจิโร่ซัง ผมก็เลยบอกเคโกะจังว่าเลี้ยงแค่ 2 ตัวพอแล้ว" ทาเคมิจิตอบออกมาอย่างสบายๆ แต่พวกตัวโตภายในห้องคือทำสีหน้าแปลกประหลาดออกมาไม่ยอมหยุด (346)
✨ แปะภาพน้องแมวของยัยจิ๋ว ตัวนี้ชื่อ "ไมกี้" ✨ Image
✨ แปะภาพน้องแมวของยัยจิ๋ว ส่วนตัวนี้ชื่อ "มันจิโร่" ✨ Image
'นอกจากทาเคมิจิแล้ว จะมีใครหน้าไหนอีกไหม ที่กล้าเอาทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงของบอสใหญ่แห่งบอนเท็นมาตั้งเป็นชื่อแมวเนี่ย!!!' นี่คือสิ่งที่พวกตัวโตภายในห้องคิดออกมาตรงกันอีกครั้งนึง

ส่วนไมกี้ในตอนนี้คือไม่รู้ว่าตัวเองสมควรจะรู้สึกกับสถานการณ์ตรงหน้านี่อย่างไรดี (347)
🔆 สำหรับคนที่ซื้อเล่มนะคะ จะมีตอนพิเศษที่มีอยู่ภายในเล่มเท่านั้นด้วยค่ะ ไม่ต่ำกว่า 5 ตอนแน่นอนค่ะ 🔆
ในขณะที่ไมกี้กำลังสับสนในความรู้สึกของตัวเองอยู่ ทาเคมิจิก็ดันพูดต่อออกมาอีกว่า

"มีปัญหาอะไรไหมครับ มันจิโร่ซัง"

'ยังมีหน้าไปถามเขาแบบนี้อีกนะ!!!' นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิดออกมาคล้ายๆกัน หลังจากที่ได้ยินประโยคล่าสุดของทาเคมิจิ

"มะ...ไม่มีค่ะทาเคมิจจิ ตาม - (348)
สบายเลยนะคะ" ไมกี้ตอบพร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดกับความเหินห่างของชื่อที่ทาเคมิจจิใช้เรียกตัวเอง

"ดี-ครับ!!"

'ถ้าเป็นคนอื่นที่มาทำแบบนี้กับไมกี้ บอกได้เลยว่าได้โดนไมกี้กระโดดเตะก้านคอให้กลับบ้านเก่าไปนานแล้ว แต่นี่คือทาเคมิจจิ

ผู้ที่เป็นข้อยกเว้นทุกอย่างสำหรับไมกี้ (349)
🔆 เรื่องสำคัญค่า 🔆
🔽 อ่านได้ที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ 🔽
🔆 ก่อนอ่านต่อมาโหวตกันหน่อยค่า 🔆
1. เปิดจองหนังสือพร้อมมีให้เลือกแบบมีมัดจำก่อน และทำ e-book ด้วย
2. ไม่ต้องมีมัดจำ และทำ e-book
3. ทำเฉพาะแค่ e-book (แต่อันนี้จะไม่มีคู่มือดูแลยัยจิ๋วแถมให้นะคะ)

⚠️ คู่มือดูแลยัยจิ๋วที่เขียนโดยพวกตัวโตคือมีแถมให้เฉพาะกับคนที่ซื้อเล่มนะคะ ⚠️
🔆 ตัวอย่างภาพประกอบในเล่มของทาเคจิ๋ว 550 รูทนะคะ อันนี้แบบตัดเส้นแล้วค่ะ
cms. from @ le8019 don't use without permission 🔆

⭕️ ดูออกกันไหมคะว่าคือฉากไหนในเรื่อง ⭕️ ImageImage
คนภายนอกอาจจะเข้าใจว่าผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในบอนเท็นก็คือ ซาโนะ มันจิโร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีคนที่มีอำนาจเหนือกว่าไมกี้อยู่อีกคนนึง ไม่ใช่ว่าคนๆนี้ต่อยตีได้เก่งกาจกว่าไมกี้ แต่เป็นไมกี้เองเสียมากกว่าที่ยอมสยบอยู่ใต้แทบเท้าของคนๆนี้

คนๆนั้นก็คือ

ฮานากาคิ ทาเคมิจิ (350)
บุคคลที่ทำให้ไมกี้ไร้เทียมทาน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบอสใหญ่แห่งบอนเท็น กำจัดศัตรูหลายคนได้ในพริบตาเดียว ความโหดเหี้ยมถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง และไม่ยอมฟังใครทั้งนั้น

แต่ถ้าเป็นทาเคมิจจิที่พูดอะไรออกมา ไมกี้คนนี้ก็พร้อมที่จะทำตามทันทีโดยไม่มีข้อแม้ (351)
"คาคุจัง" ทาเคมิจิส่งเสียงเรียกเพื่อนสมัยเด็กของตัวเองออกมา

"ทำไมทาเคมิจิ" คาคุโจตอบออกมา

"เดี๋ยวพาชั้นไปซื้อไทยากิทีนะ"

"นายอยากกินเหรอ?" คาคุโจถามออกมาอย่างสงสัย

"เปล่า จะเอาไปล่อแมวน่ะ"

"เดี๋ยวนะ แมวนายล่อได้ด้วยไทยากิเนี่ยนะ" คาคุโจถามออกมาอย่างสงสัย (352)
⚠️ ในชีวิตจริงอย่าให้แมวกินอะไรนอกจากอาหารแมวนะคะ ⚠️

"ใช่ ไมกี้กับมันจิโร่นะ โคตรจะดื้อเลยคาคุจัง อาหารแมวก็ไม่ค่อยยอมกิน จ้องจะมาแย่งกินไทยากิจากชั้น อายุก็ปีนึงล่ะ ก็จัดว่าโตแล้วนะ แต่ทำไมนิสัยถึงได้

โคตรเด็ก!!!

ก็ไม่รู้ เป็นอะไรก็ไม่ยอมส่งเสียงบอก พอชั้น (353)
จะเข้าไปช่วยก็มากัดมาข่วนชั้นอีก แล้วก็เผลอไม่ได้ด้วยนะ ชอบออกไปฟัดกับแมวตัวอื่นข้างนอก เพื่อแสดงความเป็นเจ้าถิ่นว่าชั้นนี่แหละยิ่งใหญ่ที่สุด

แต่เป็นอะไร รู้สึกอะไร ก็ไม่ยอมส่งเสียงบอก ต้องให้ชั้นมานั่งสังเกตเอง ล่ะมันก็ใช้เวลา

โคตรจะนาน!!!

กว่าชั้นจะรู้สาเหตุ" (354)
ทาเคมิจิพูดออกมาพร้อมกับเน้นย้ำบางคำเป็นพิเศษ จนไมกี้ที่กำลังกินน้ำอยู่ถึงกับสำลักออกมา

"มันจิโร่ซังเป็นอะไรครับผมพูดถึงแมวผม ว่ามันน่ะ ดื้อมาก!!!" ทาเคมิจิพูดออกมาพร้อมกับเน้นคำสุดท้ายอย่างชัดเจน

พูดถึงแมวอย่างไร ถึงทำให้คนที่เป็นเจ้าของชื่อแมว รู้สึกสะดุ้งไปด้วยเนี่ย!!! (355)
'แต่จะว่าไป ไอ้ที่ทาเคมิจิพูดถึงแมวตัวเองออกมานี่

มันคือไมกี้ (คน) ชัดๆเลย!!!' นี่คือสิ่งที่พวกตัวโตภายในห้องคิดออกมาอย่างตรงกันอีกครั้งนึง

"อะ...โอเค เดี๋ยวชั้นพาไปซื้อนะ" กว่าคาคุโจจะตอบออกมาได้ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควร เพราะกำลังอึ้งกับที่ทาเคมิจิว่าแมว (?) ของตัวเองอยู่ (356)
แล้วหลังจากนั้น บาจิ จิฟุยุ และคาสึโทระ ก็ชวนทาเคมิจิคุยเกี่ยวกับเรื่องแมวของตัวเอง ซึ่งทั้ง 3 คน พยายามที่จะเลี่ยง ไม่เรียกชื่อแมวทั้ง 2 ตัวของทาเคมิจิออกมา เพราะมันทำให้รู้สึกแปลกๆยังไงชอบกล

"ใช่ๆจิฟุยุ ไมกี้นะชอบนอนหงาย--- ฮัดชิ่ว โอ๊ย" ยังไม่ทันที่ทาเคมิจิ (357)
จะพูดจบประโยค เจ้าตัวก็จามออกมาเสียงดัง พร้อมกับเสียงร้องโอ๊ยจนคนที่เหลือภายในห้องต่างรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที ว่าเจ้าตัวเจ็บตรงไหนอยู่รึเปล่า?

"หนูเจ็บตรงไหนเหรอคะถึงได้ร้องออกมา" เป็นฮันมะที่ถามขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินเสียงร้องของทาเคมิจิ (358)
"อ๋อ ปกติครับฮันมะคุง เวลาผมจามผมไอ มันจะสะเทือนไปทั่วตัว แล้วจะรู้สึกเจ็บตรงหลังที่เป็นน่ะครับ" ทาเคมิจิตอบออกมาแบบสบายๆ เหมือนพูดเรื่องทั่วไป

แต่คนที่เหลือภายในห้องต่างรู้สึกสงสารยัยจิ๋วนี่จับใจ โดยเฉพาะมิตสึยะที่นอกจากจะรู้สึกสงสารแล้ว ก็ยังรู้สึกผิดต่อ (359)
ทาเคมิจิอีกด้วย

"พี่ขอโทษนะคะมิจจิจัง" มิตสึยะพูดออกมาพร้อมกับกอดตัวทาเคมิจิแน่น

"ไม่เป็นไรเลยครับมิตสึยะคุง ไม่ต้องโทษตัวเองนะครับ ผมโอเค" ทาเคมิจิตอบออกมาพร้อมกับใช้สองมือน้อยๆของตัวเองตบไปที่หลังมือของมิตสึยะเบาๆ

มิตสึยะกอดทาเคมิจิอยู่แบบนั้นอีกสักพักนึงก่อนที่ (360)
จะคลายอ้อมกอดออกมา แล้วนั่งฟังทาเคมิจิคุยกับจิฟุยุเรื่องแมวเหมียวอย่างตั้งใจ

"นี่คู่หู เดี๋ยวชั้นจะพานายไปซื้อของใช้สำหรับแมวให้นะ" จิฟุยุพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น

'ในที่สุดชั้นก็สามารถหาทางที่จะใกล้ชิดกับคู่หูได้แล้ว!!!'

"ได้สิ" ทาเคมิจิตอบออกมา (361)
พร้อมกับรอยยิ้มซึ่งมันทำให้จิฟุยุรู้สึกเขินให้กับความน่ารักของคู่หูตัวน้อยนี่เหลือเกิน

แต่อยู่ดีๆเสียงเจื้อแจ้วของทาเคมิจิก็หายไปทุกคนในห้องจึงหันมามองทาเคมิจิที่นั่งอยู่บนตักมิตสึยะอย่างเป็นห่วง แล้วก็พบว่าทาเคมิจินั่งตัวแข็ง สีหน้าก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ก่อนจะพูดออกมาว่า (362)
"มิตสึยะคุงครับ ผมขอนอนบนตักมิตสึยะคุงหน่อยได้ไหมครับ?"

'เดี๋ยวนะ ขอนอนบนตัก นี่คืออาการทาเคมิจิกำเริบเหรอเนี่ย!!!'

"ได้ค่ะ หนูเจ็บหลังเหรอคะ?" มิตสึยะตอบรับคำขอของทาเคมิจิ พร้อมกับค่อยๆจับตัวทาเคมิจิให้นอนลงบนตักของตัวเองและใช้มือประคองหลังตามอย่างที่เคโกะซัง (363)
ได้บอกเอาไว้

"ใช่ครับมิตสึยะคุง" แล้วทาเคมิจิก็ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจะหามุมที่สบายที่สุดให้กับตัวเอง

"หนูไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะคะ หนูยังมีพี่อยู่ข้างๆนะคะ" เป็นมิตสึยะที่พูดปลอบทาเคมิจิออกมา

แล้วหลังจากนั้นทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงของพวกตัวโตที่พูดปลอบทาเคมิจิ (364)
🔽 ไปร่วมสนุกกันได้นะคะ 🔽
แต่มันก็ยังมีอยู่คนนึง ที่เป็นห่วงเขานะ แต่พูดปลอบเขาไม่เป็น ก็เลยไปพูดปากหมาใส่เขาเฉย

"เหอะ เป็นขนาดนี้ยังมาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก ทำตัวน่ารำคาญชะมัด" เมื่อซันสุพูดจบปุปยังไม่ทันที่คนอื่นในห้องจะหันมาด่า ทาเคมิจิก็ตะโกนพูดออกมาอย่างเดือดดาลว่า (365)
"นี่ซันสุคุง!!! ถ้าพูดดีๆไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดออกมา ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะครับ แล้วอีกอย่างนะ ผมว่าผมจะไม่พูดอะไรแล้วนะ แต่ซันสุคุงน่ะ

เป็นบ้าอะไร!!!

เอะอะเอาปืนจ่อหัวๆ
ผมโดนซันสุคุงทำแบบนี้มาหลายร้อยรูทแล้วนะ!!!

หยุดเลยนะซันสุคุง ยังไม่ต้องพูดออกมา (366)
ผมขอพูดหน่อยเถอะ เจ็บก็เจ็บ ยังต้องมาโดนซันสุคุงปากหมาใส่อีก

มันน่าโมโหนัก!!!

ซันสุคุงรู้ไหม?

พอมารูทหลังๆตอนเวลาผมโดนซันสุคุงเอาปืนมาจ่อหัวน่ะ พอผมไม่รู้สึกกลัว แสดงสีหน้าเฉยๆ ซันสุคุงดันหงุดหงิดใส่ผมอีก ผมถามจริงๆเถอะนะ ผมโดนเอาปืนจ่อหัวมานี่ก็หลายร้อยครั้งล่ะ (367)
ถามจริงใครมันจะไปรู้สึกกลัวอีก รูทนี้จะเอามาจ่อหัวผมอีกไหมครับ ถ้าอยากทำก็เอามาจ่อตอนนี้เลย ผมรู้ว่าซันสุคุงพกปืนอยู่ตลอดเวลา หยิบขึ้นมาเลยครับ มาเลย"

เมื่อทาเคมิจิพูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบชนิดที่ว่าได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองกำลังเต้นอยู่ (368)
"นิ่งทำไมล่ะครับ หยิบปืนออกมาเลยสิ เนี่ยเอามาจ่อหัวผมเลย ผมรออยู่" ทาเคมิจิพูดพร้อมกับชี้ไปที่หัวของตัวเอง แล้วจ้องหน้าซันสุนิ่ง

"ใครมันจะไปทำแบบนั้น" ในที่สุดซันสุก็ตอบออกมา

"ก็ซันสุคุงไงครับ ทำมาหลายร้อยครั้งแล้วด้วย ถ้าจะทำเพิ่มอีกรูทนึง คงไม่เป็นไรหรอกครับ มาเลย" (369)
"ชั้น-ไม่-ทำ" ซันสุตอบทาเคมิจิออกมาแบบเน้นทีละคำอย่างชัดเจน

ถึงต่อให้ซันสุคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ คิดเหรอว่าคนที่เหลือภายในห้องจะยอมให้ทำ ซันสุคงได้โดนรุมกระทืบก่อนอย่างแน่นอน

"ทำไมถึงไม่ทำล่ะครับ ก็ทำแบบนี้กับผมมาเกือบทุกรูทแล้วนี่" ทาเคมิจิยังไม่ยอมแพ้ เพราะในตอนนี้ (370)
ทาเคมิจิกำลังรู้สึกโมโหซันสุอยู่อย่างมากๆ เจ็บหลังก็เจ็บ ยังจะต้องมาฟังซันสุปากหมาใส่อีก

ทาเคมิจิจะไม่ทน!!!

"ชั้นไม่ทำ!!! แล้วก็จำใส่หัวน้อยๆของแกไว้เลยว่า ชั้นจะไม่ทำแบบนั้นกับแกอย่างแน่นอน มันเปลืองกระสุน"

พวกตัวโตที่เหลือภายในห้องเมื่อได้ยินเหตุผลของซันสุ (371)
ที่ตอบออกมาแล้วก็ได้แต่กรอกตามองบน ขนาดจะบอกทาเคมิจิว่าจะไม่มีทางทำร้ายทาเคมิจิอย่างแน่นอน มันยังบอกเหตุผลออกมาได้น่าถีบมาก

'ไอ้คนปากไม่ตรงกับใจ!!!'

"เดี๋ยวผมซื้อกระ--- โอ๊ย" ยังไม่ทันที่ทาเคมิจิจะพูดจบประโยคดี เจ้าตัวก็ร้องลั่นออกมาเสียงก่อน (372)
"มิจจิจังเป็นอะไรคะ?" เป็นมิตสึยะที่ถามขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของทาเคมิจิ

"เมื่อกี้ผมเผลอขยับตัวน่ะครับมิตสึยะคุง มันเลยเจ็บ" ทาเคมิจิตอบเสียงอ่อย แต่สายตาก็ยังคงฟาดฟันใส่ซันสุไม่หยุด

"อยู่เฉยๆไปเลยแกน่ะ เอาให้หายเจ็บก่อน ล่ะค่อยมาด่าชั้นต่อไอ้ตัวเหม็น" (373)
ซันสุหมายความอย่างที่พูดไว้จริงๆ ถ้าทาเคมิจิหายเจ็บเมื่อไหร่ แล้วอยากด่าเขาต่อ เขาก็พร้อมที่จะนั่งฟังนิ่งๆให้เจ้าตัวได้ด่าเขาจนกว่าจะพอใจ หรือถ้าอยากจะทุบจะตีเขา

ซันสุก็จะยอมอยู่นิ่งๆไม่ปัดป้องไม่สวนกลับ นั่งอยู่เฉยๆให้ทาเคมิจิได้ทำอย่างที่ต้องการ (374)
เพราะซันสุน่ะรู้สึกผิดมากๆที่รูทก่อนๆไปเอาปืนจ่อหัวทาเคมิจิแบบนั้น

"ซันสุ แกกล้ามากนะที่เอาปืนมาจ่อหัวทาเคมิจจิ เดี๋ยวกลับไปเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน" เป็นไมกี้ที่หันมาพูดกับซันสุด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่ยังไม่ทันที่ซันสุจะได้ตอบอะไรกลับไป ทาเคมิจิก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า (375)
"อย่างมันจิโร่ซังนี่ไม่น่าไปว่าใครเขาได้นะครับ

คุณน่ะตัวดีเลย!!!

เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ให้ฟังนะครับ ตอนนั้นในอดีตคุณรู้แล้วว่า ผมย้อนเวลาได้ คุณเลยบอกให้ผมกลับไปในอนาคต เพราะเดี๋ยวคุณจะปกป้องทุกคนเอง พอผมกลับไปในอนาคตปุป รู้ไหมว่าผมเจออะไร ผมเจอคุณ (376)
เป็นหัวหน้าแก๊งอาชญากรที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ชื่อของแก๊งคือบอนเท็น แต่ไม่ใช่บอนเท็นแบบในรูทนี้นะครับ บอนเท็นรูทนั้นคือดำสนิท

มันก็จริงที่ว่าในตอนนั้นคุณสามารถปกป้องทุกคนจนทุกคนมีชีวิตรอดและมีความสุขได้ แต่ตัวคุณในตอนนั้นคือไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว (377)
แววตาสีดำสนิทที่ว่างเปล่า ขอบตาคล้ำที่เหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายเดือน พอผมพูดว่า ผมจะช่วยคุณ รู้ไหมว่าคุณทำยังไงกับผม

คุณเอาปืนมายิงผม 3 นัดติดๆ!!!

กะให้ผมตายอย่างแน่นอน แล้วคุณก็ขึ้นไปบนดาดฟ้า ทิ้งตัวดิ่งลงมา คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อจบปัญหาทุกอย่าง" (378)
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ทาเคมิจิก็หยุดพูดไปสักพักนึง และก็ไม่มีใครในห้องกล้าที่จะส่งเสียงออกมาเลย

"แต่ผมน่ะ ไม่ยอมให้คุณตายหรอกนะ ตราบใดที่คุณยังไม่มีความสุข ผมก็จะไม่ยอมให้คุณตายเด็ดขาด ตอนนั้นผมไปจับมือคุณไว้ได้ทัน แต่คุณก็ยังพูดมาได้ว่า ปล่อยให้ชั้นได้ไปสบายเถอะ (379)
สบายกับผีน่ะสิ!!!

ผมเลยตะโกนใส่คุณไปว่า

เงียบไปเลย นายเป็นแบบนั้นประจำ ไม่ว่าอะไรต่อมิอะไรก็แบกเอาไว้คนเดียว เฮ้ มันจิโร่ ครั้งเดียวก็ได้ พูดออกมาซะว่า ช่วยด้วย

ชั้นจะช่วยแกให้ได้มันจิโร่

แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกที่คุณพูดว่า ช่วยชั้นที ทาเคมิจจิ แล้วผมก็เลยย้อนเวลา (380)
กลับไปในอดีตเพื่อช่วยคุณ แต่คุณรู้อะไรไหม ว่าพอผมเจอคุณในตอนนั้นคุณพูดกับผมว่าอะไร คุณพูดว่า

แกกลับมาทำไม?

กลับมาให้คุณหักแขนผมเล่นมั้ง เนี่ยแขนข้างเนี้ย (ทาเคมิจิพูดพร้อมกับยื่นแขนขวาของตัวเองออกมาข้างหน้า แล้วใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายของตัวเองจิ้มย้ำๆลงไป) (381)
ข้างเดียวกับที่ผมไปจับมือคุณเอาไว้ตอนคุณกระโดดตึกลงมา มันเป็นข้างเดียวกันกับที่คุณหักไปไง

คุณอยากหักมันอีกไหม ผมยื่นให้คุณหักได้เลยเนี่ย อ่ะหักอีกเลยสิ" ทาเคมิจิไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังยื่นแขนข้างขวาไปทางที่ไมกี้นั่งอยู่อีกด้วย ส่วนไมกี้ในตอนนี้คือกำลังรู้สึก (382)
ช็อค กับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปกับทาเคมิจจิ ส่วนคนอื่นภายในห้องก็กำลังอึ้งอยู่ โดยเฉพาะคาคุโจกับฮันมะที่ไม่คิดว่าเวลาทาเคมิจิเจ็บจะโมโหแล้วทำให้พูดออกมาได้ขนาดนี้

"หลังจากที่คุณหักแขนผมเสร็จ คุณก็มาซ้อมผมต่อ และถ้าเซนจูจังไม่เข้ามาคุกเข่าก้มหัวติดพื้น ยอมยุบแก๊งบราม่า (383)
ในตอนนั้น ผมคงตายคามือคุณไปแล้ว แล้วผมก็ได้พี่ฮาจิเมะที่ในตอนนั้นเขาก็อยู่ฝั่งคุณ แต่เขาก็ยังมาแบกผมขึ้นหลังวิ่งไปหาพี่เซย์ชูที่ร้านเพื่อให้พี่เซย์ชูพาผมไปส่งโรงพยาบาล

ทั้งๆที่ผมโดนคุณทำขนาดนี้ ใจนึงผมก็อยากจะกลับไปอนาคต ไปใช้ชีวิตของตัวเองดีกว่า (384)
คุณจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของคุณ แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ไง

เพราะผมอยากให้คุณมีความสุข

แล้วในครั้งนี้มันก็เป็นจริงแล้วไมกี้คุง อย่าให้ด้านมืดมันครอบงำไมกี้คุงอีกเลยนะ ไมกี้คุงมีทุกคนอยู่ครบพร้อมหน้าแล้ว อย่าให้มันมาครอบงำไมกี้คุงได้อีกเลย" (385)
เมื่อทาเคมิจิได้พูดออกมาจนจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที ส่วนไมกี้ก็ร้องไห้ออกมาไม่ยอมหยุด เดือดร้อนให้ชินอิจิโร่กับอิซานะที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องลูบหลังปลอบประโลมไป

"นะ...นี่ มะ...ไมกี้คุง ทำกับคู่หูผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ" จิฟุยุเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆ แต่ทุกคนในห้อง (386)
กลับได้ยินอย่างชัดเจน จนฮันมะที่ได้ยินประโยคนี้ที่ออกมาจากปากของจิฟุยุ ถึงกับกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นมาทีนึง ก่อนจะเปิดปากพูดออกมาว่า

"นายเองก็ใช่ย่อยนะมัทสึโนะ ถึงจะไม่ได้ทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าทำร้ายจิตใจล่ะก็---

"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะฮันมะคุง" ทาเคมิจิพูดแทรกฮันมะขึ้นมาทันที (387)
เพราะทาเคมิจิรู้ว่าฮันมะจะพูดอะไรออกมา

"แหมหนูคะ พี่เข้าใจค่ะ ว่าหนูคงไม่อยากให้มัทสึโนะเพื่อนของหนูรู้ว่าตัวเองได้พูดอะไรออกมา ในตอนที่หนูนอนรักษาตัวอยู่ที่โีรงพยาบาลในสภาพที่ย่ำแย่สุดๆ หลังจากโดนไมกี้ซ้อมมา

ก็เพราะว่าถ้าเพื่อนหนูรู้ว่าตัวเองพูดกับหนูในสภาพนั้นว่า (388)
ทั้งที่ชีวิตทุกคนไปได้สวยแท้ๆ แต่ทำไมถึงย้อนเวลากลับมา เป็นเพราะแกดราเค่นคุงถึง--- อุ้ย พี่เผลอหลุดปากออกมา ขอโทษนะคะหนู"

และเมื่อจิฟุยุที่ได้รู้ว่าตัวเองได้พูดอะไรกับทาเคมิจิในสภาพนั้น ก็ร้องไห้โฮออกมา จนบาจิต้องดึงเข้าไปกอดปลอบ แต่ฮันมะไม่ได้เห็นใจสงสารจิฟุยุหรอกนะ (389)

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with 'kanda ☺︎ ॐ (ห้ามแคปฟิคทุกกรณี)

'kanda ☺︎ ॐ (ห้ามแคปฟิคทุกกรณี) Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @kandaxkaewkan

Nov 17, 2022
เธรด รวมฟิคและบอกชื่อเรื่องแต่ละเรื่องค่ะ เรื่องไหนที่ไม่ได้ใส่แท็กคู่ชิปต่อท้ายชื่อเรื่อง แสดงว่าเป็นออลทาเคทั้งหมดนะคะ #ออลทาเค #คลังฟิคของกานดา
2. ทาเคจิ๋ว 550 รูท
Read 15 tweets
Nov 17, 2022
ทาเคมิจิมีรูปร่างอวบที่ค่อนข้างไปทางอ้วน สาเหตุก็มาจากการกินยาของโรคประจำตัว ด้วยรูปร่างที่ไม่ตรงตาม beauty standard ทาเคมิจิก็เลยไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว แถมยังถูกบูลลี่อีกต่างหาก

จนกระทั่งจิฟุยุกับฮัคไคย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับทาเคมิจิ (1)
#ออลทาเค #คลังฟิคของกานดา
แถมยังได้มาอยู่ห้องเดียวกับทาเคมิจิอีกต่างหาก

เพื่อนในห้องที่เป็นหัวโจกก็บอกจิฟุยุกับฮัคไคที่เป็นเด็กใหม่ว่า สามารถแกล้งทาเคมิจิได้ตามสบายเลย ซึ่งทั้งจิฟุยุกับฮัคไคก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

แต่พอทั้ง 2 คนได้มาเห็นภาพที่ทาเคมิจิโดนบูลลี่แล้ว มันก็รู้สึกโมโหมาก (2)
เพราะไอ้พวกนี้มันแกล้งทาเคมิจิที่ไม่มีทางสู้เลยนะสิ!!!

จิฟุยุกับฮัคไคก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วยทาเคมิจิ และทั้ง 2 คนก็ยอมที่จะแตกหักกับเพื่อนทั้งห้อง เพื่อมาอยู่กับทาเคมิจิทันที

เพราะจิฟุยุกับฮัคไคคิดว่า ถ้าให้เลือกระหว่างทาเคมิจิกับเพื่อนในห้องคนอื่นที่ชอบบูลลี่คนอื่น (3)
Read 36 tweets
Nov 16, 2022
#ไฮทานิทาเค

ทาเคมิจิเป็นเด็กเสิร์ฟในคลับของสองพี่น้องไฮทานิ เจ้าตัวทำงานของตัวเองได้เป็นอย่างดีมาตลอด และนิสัยน่ารักเลยทำให้มีแต่คนเอ็นดูทั้งนั้น

คืนหนึ่งในขณะที่ทาเคมิจิกำลังเสิร์ฟเหล้าให้ลูกค้าโซนส่วนตัว ทาเคมิจิก็ถูกลูกค้าโต๊ะนั้นลวนลาม (1)
#ออลทาเค #คลังฟิคของกานดา
ทาเคมิจิพยายามที่จะหนีออกมาจากตรงนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะลูกค้าโต๊ะนั้นมีตั้ง 4 คน เลยล้อมหน้าล้อมหลังทาเคมิจิเอาไว้หมด

ในขณะที่ทาเคมิจิร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว รินโดก็เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน ลูกค้ากลุ่มนั้นโวยวายยกใหญ่ แต่รินโดก็ตอบกลับไปว่า (2)
"อย่ามาทำตัวแบบนี้ใส่เด็กเสิร์ฟในร้านของชั้น มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไอ้พวกเวร!!!"

พอได้ยินแบบนั้นพวกลูกค้าก็เดือดจัด เลยพุ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายรินโด แต่รินโดก็หลบได้ทันและสวนคืนกลับไป จนสภาพแต่ละคนเรียกได้ว่า เละเทะ (3)
Read 7 tweets
Nov 16, 2022
#มิตทาเค

'มิตสึยะ ทาคาชิ' เป็นดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก ไม่ว่าเจ้าตัวจะออกมากี่คอลเลคชั่น มันก็ขายดีหมดทุกอย่าง และมิตสึยะยังมีหน้ามีตาในแวดวงสังคมไฮโซอีกด้วย

'ฮานากาคิ ทาเคมิจิ' เป็นเพียงพนง.พารท์ไทม์ธรรมดาๆเท่านั้น (1)
#ออลทาเค #คลังฟิคของกานดา
ทาเคมิจิเคยเจอมิตสึยะอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นทาเคมิจิไปเดินเล่นที่ห้าง แล้วเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าที่ห้างตอนนี้มีนักดีไซเนอร์ชื่อดังมาเปิดตัวช้อปใหม่ที่อยู่ในห้างนี้

ทาเคมิจิโดนแฟนคลับของดีไซเนอร์คนดังทั้งผลักทั้งชนจนทาเคมิจิล้มไปกองอยู่กับพื้น จะลุกขึ้นก็ทำไม่ได้ เพราะเหมือน (2)
ข้อเท้ามันจะพลิกไปแล้ว

"ผมต้องขอโทษแทนแฟนคลับของผมด้วยนะครับ คุณพอจะลุกไหวไหมครับ" ทาเคมิจิเงยหน้าไปมองคนที่พูดกับเขาทันที

"มะ...ไม่เป็นไรครับ แต่เหมือนข้อเท้าผมมันจะพลิก คุณช่วยไปเรียกรปภ.มาพยุงผมไปทีครับ" ที่ทาเคมิจิไม่เอ่ยปากบอกให้มิตสึยะพยุงตัวเอง ก็เป็นเพราะว่า (3)
Read 20 tweets
Oct 10, 2022
ทาเคมิจิเดินตามไมกี้ขี้นไปข้างบนด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ส่วนไมกี้คือดี๊ด๊าสุดเพราะเจ้าตัวถูกใจทาเคมิจิตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรกเลย

จนในที่สุดทั้งสองคนก็เดินมาถึงจุดที่เหล่าหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ ทาเคมิจิรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมานิดหน่อย (7)
แต่ก็ยังพอทนได้อยู่

"เนี่ยนะเหรอคนที่แกจะเอามาเข้าแก๊งของเรา" บาจิพูดพร้อมกับใช้สายตามองประเมินทาเคมิจิ จนทาเคมิจิรู้สึกกลัวจนมือเริ่มสั่นออกมาหน่อยๆ แต่เจ้าตัวก็รีบเอาไปไขว้ไว้ที่หลังทันที

"ใช่แล้วบาจิ นี่ทาเคมิจจิแนะนำตัวเองกับพวกนี้สิ" ไมกี้พูดพร้อมกับเอามือมา (8)
โอบไหล่ของทาเคมิจิ ทาเคมิจิมีอาการสะดุ้งตกใจเล็กน้อย แต่ไมกี้ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงอาการนี้ของทาเคมิจิ

"เอ่อ...สวัสดีครับ ผมชื่อฮานากาคิ ทาเคมิจิครับ" ทาเคมิจิแนะนำตัวเองออกมาอย่างประหม่า ยามที่สายตาของแต่ละคนจับจ้องมาที่ตัวเอง ใจของทาเคมิจิก็ยิ่งสั่นระรัวมากขึ้น (9)
Read 317 tweets
Sep 27, 2022
หลังจากวันนั้นทาเคมิจิก็ยอมให้ทุกคนอุ้มแต่โดยดี เพราะกลัวว่าจะโดนมิตสึยะจับใส่เป้สะพายเด็กแบบนั้นอีก ทาเคมิจิบอกได้เลยคำเดียวว่า

'แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ!!!'

ส่วนพวกเอมะสึในตอนนี้ก็ได้หายออกไปจากญี่ปุ่นอย่างถาวรแล้ว ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะว่าแผนของคิซากิ ที่วันต่อมา (499)
หลังจากวันนั้น เจ้าตัวก็ได้นัดทุกคนเข้ามาคุยเกี่ยวกับแผนการณ์ทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านั้นคิซากิก็ทำให้หุ้นของบริษัทในเครือเอมะสึทั้งหมดทิ้งดิ่งลงเหวแบบกู่ไม่กลับไปแล้ว

และพอนัดแนะแผนการณ์ทั้งหมดเสร็จ วันรุ่งขึ้นพวกบริหารระดับสูงของบอนเท็นทุกคน พร้อมลูกน้องอีกเพียบ (500)
ก็ยกโขยงกันไปจัดการพวกเอมะสึแบบไม่ทันตั้งตัว

แต่ถ้าจะให้พูดกันตามตรง คนที่จัดการพวกเอมะสึส่วนใหญ่เลย แบบ 98% เลยก็คือพวกผู้บริหารระดับสูงนี่แหละ ส่วนลูกน้องก็เหมือนเอามายืนประกอบฉากเฉยๆเสียมากกว่า

จนลูกน้องทุกคนต่างสงสัยว่า
'เอมะสึไปทำอะไรให้พวกผู้บริหาร (501)
Read 223 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Don't want to be a Premium member but still want to support us?

Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us!

:(