•⁠ᴗ⁠• Profile picture
May 12, 2023 112 tweets 5 min read Read on X
มีคุณฟลว.หลายท่านขอมาทางเดมค่ะ เป็นเรื่องราวของวันรุ่นกลุ่มนึงที่เกิดหลงเข้าไปเจอหมู่บ้านแปลกๆที่ไม่มีในแผนที่ ไม่พอคนในหมู่บ้านก็ทำตัวแปลกจนน่าขนลุก..

#เดอะโกสท์เรดิโอ #TheGhostRadio Image
.
.
(( Link - ))
.
.
‼️ TW - ดูถูกเหยียดกลุ่มชาติพันธุ์‼️
‼️ TW - ดูถูกเหยียดกลุ่มชาติพันธุ์‼️
‼️ TW - ดูถูกเหยียดกลุ่มชาติพันธุ์‼️
ในปี 2515 เขาก็มีรถขับกันแล้ว ซึ่งบ้านของคุณป้าเจ้าของเรื่องก็ถือว่าเป็นคนรวยเป็นบ้านหลังแรกๆในพื้นที่ที่มีรถขับ เมื่อ 50 ปีก่อนเวลาที่เรามองจากยอดดอยลงมา เราจะไม่เห็นบ้านเรือนไม่เห็นโรงแรมไม่เห็นคาเฟ่แบบในปัจจุบัน คุณป้าก็ไปยืนมองวิวกับเพื่อนๆ - 1
แต่เขาไม่รู้ว่าจุดตรงนั้นเป็นตรงไหนของประเทศไทย เขารู้ว่าเขากำลังจะเดินทางไปจังหวัดหนึ่งเพื่อไปเที่ยว แต่เขาไม่รู้ว่าไปถึงหรือยัง แล้วตอนนั้นที่เขาเห็นเขาเห็นแค่ธรรมชาติบอกว่าที่เห็นนั้นยังไม่หมด มันยังมีสถานที่ที่สวยงามสถานที่ที่ธรรมชาติพยายามซ่อนจากมนุษย์ - 2
คุณป้าบอกว่าคุณป้าไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าที่ได้ไปเห็นของพวกนั้น เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ คุณป้าชื่อคุณป้านับ สมัยสาวๆเป็นสายเที่ยว คุณป้าจะมีแก๊งอยู่ทั้งหมด 5 คน คนแรกคือป้านับ ป้านิล ป้าแนน ป้าสุดา และลุงยี่ดวง (หลังจากนี้จะเรียกเป็นพี่ทุกคน) พี่นัทชวนเพื่อน 4 - 3
คนไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน ในยุคนั้นไม่มี GPS เขาพกเข็มทิศแล้วก็แผนที่ที่เป็นกระดาษ ทั้ง 5 คนเขาก็ตั้งใจจะเดินทางไปที่บ้านคุณลุงของพี่นับ ซึ่งเป็นเศรษฐีอยู่ที่จังหวัดนั้น ตอนตีสี่ทุกคนก็ออกเดินทาง เอารถไป 1 คันโดยที่พี่นับเป็นคนขับ พอออกจากกรุงเทพฯปุ๊บทางก็เปลี่ยนจากหน้ามือ - 4
เป็นหลังมือ ไม่มีไฟเป็นทางลูกรังบางที่ก็หญ้าขึ้น แล้วความดีงามของคนที่ออกเดินทางเร็วคือการที่พวกเขามีเวลาเยอะ แล้วสมัยนั้นไม่มีไฟแดง เหยียบอย่างเดียวรถไม่ติด มันก็เริ่มเข้าไปถึงตัวจังหวัดที่อยู่ติดกับจังหวัดที่จะไป ช่วงประมาณเที่ยงวันหลังจากนั้นเขาก็เติมน้ำมันอะไรเสร็จก็ - 5
แวะกินข้าวข้างทาง บังเอิญว่าร้านที่เลือกเป็นร้านของชาวบ้านที่สวมชุดของกลุ่มชาติพันธุ์ บริเวณโดยรอบก็ยังมีบ้านเรือนอยู่แต่ฉากหลังถัดไปก็คือเป็นป่าเลย พี่นับก็เข้าไปในร้านพอทานอะไรกันเสร็จก็อยากจะถามทางต่อ เลยเรียกพนักงานมา แล้วน้องพนักงานก็เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เหมือนกัน - 6
เขาก็พยายามจะพูดภาษาไทยด้วย แต่ว่าพูดไทยคำแล้วก็ภาษาบ้านเขาคำนึง คนกรุงเทพฯฟังไม่ออก ในอดีตทุกคนไม่ใช่จะพูดภาษากลางที่เป็นภาษาไทยได้ มันก็จะมีเรื่องความเหลื่อมล้ำหรืออะไรแบบนี้อยู่ เพราะการศึกษามันไปไม่ถึง กลุ่มชาติพันธุ์เขาเลยพูดภาษาไทยกันไม่ค่อยได้ พี่นัทก็พยายามจะคุยเด็ก - 7
คนนั้นก็พยายามจะสื่อสาร พี่นับเลยเอาภาพถ่ายมาให้ดู เป็นภาพถ่ายของสถานที่ที่จะไป แล้วก็หยิบแผนที่ขึ้นมากาง ปรากฏว่าทำยังไงมันก็ไม่รู้เรื่อง แล้วเจ้าของร้านก็เดินออกมาพอดี เจ้าของร้านเขาจะพูดภาษาไทยได้ เขาก็บอกเส้นทางก็ต้องไปทางไหน จนมันไปถึงจุดไฮไลท์ เขาบอกว่าทาตัวนี้ห้ามหลง - 8
เด็ดขาด ต้องไปตามที่เขาบอก มันจะเป็นทางคล้ายสี่แยกให้ตรงไปเท่านั้น ไม่ว่าจะเห็นอะไรอยู่ข้างหน้าให้ตรงไปอย่างเดียว ถ้าเลี้ยวขวาหรือเลี้ยวซ้ายมันจะเป็นทางที่ตัดผ่านภูเขา ข้างนึงมันจะเป็นหน้าผาที่มันจะอันตราย ของร้านก็บอกว่าถ้าขึ้นไปอาจจะไม่ได้ลงมาอีกนะไอ้ทางซ้ายกับทางขวาเนี่ย - 9
เขาก็พยายามจะให้ทางเลือกขึ้นมา ถ้าทางที่มันต้องตรงไปเนี่ยมันตรงไปไม่ได้ ถ้าเป็นคนไทยเขาจะเลือกใช้ทางขวา เพราะว่าทางซ้ายชาวบ้านเขาจะเรียกว่าเป็นทางบรรพบุรุษคือเป็นทางเข้าป่า แล้วชาวไทยจะไม่ค่อยใช้กัน เพราะมันไม่มีที่อยู่อาศัยไม่มีหมู่บ้าน - 10
แต่ว่าชาวบ้านจะใช้เป็นที่สัญจรเข้าป่าหาของป่ากันปกติ พี่นับกับเพื่อนก็พยักหน้า ปกติจะเจอแต่วัยรุ่นที่ชอบลองของ แต่ห้าคนนี้ไม่ใช่ บอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป พูดรู้เรื่อง ทุกคนก็คุยเล่นกับเจ้าของร้านสนุกสนานเสียงดัง ปรากฏว่าตู้ข้างๆอารมณ์เหมือนเป็นนักเลงเจ้าถิ่น - 11
นึกจะโมโหก็โมโหขึ้นมา เขาโวยวายบอกว่าพวกผู้ดีจากเมืองกรุงอะไรกันนักกันหนา เขาหันมาว่าแล้วก็ถุยน้ำลายใส่ ไม่จบเท่านั้นด้วยความเป็นนักเลง เขาก็หันไปกระชากคอเสื้อเจ้าของร้าน ดูถูกบอกว่าเป็นชนกลุ่มน้อยไม่ใช่คนไทย เสร็จแล้วต่อยเลย ต่อยแบบไม่ต้องมีเหตุผล - 12
ไม่ได้มาคนเดียวแต่มากัน 5 คน จนเจ้าของร้านกับพนักงานลงไปกองกับพื้น ด้วยความที่พี่นับไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนหวานเท่าไหร่ เป็นผู้หญิงแกร่ง พี่นับใส่เลยไม่ยอม สรุปว่าทั้ง 4 คนก็เข้าไปช่วย พวกนักเลงพอมันสะใจแล้วมันก็ไปปล่อยไว้อย่างนั้น คนที่โดนหนักสุดคือพี่แนนกับพี่ยี่ - 13
พี่แนนบาดเจ็บที่ศีรษะ ไม่ได้แตกแต่ก็บวมปูดขึ้นมา ส่วนพี่ยี่ที่ที่เป็นผู้ชายเจ็บที่ชายโครง น่าจะโดนเตะหรืออะไรประมาณนั้น เจ้าของร้านนี้ยิ่งกว่าเพราะสะบักสะบอมเลือดอาบ เขาก็บอกไม่เป็นไรปกติครับผมพูดเยอะเอง พี่นัทเลยบอกว่าเดี๋ยวพาไปส่งโรงพยาบาลดีกว่า - 14
ทางเจ้าของร้านก็บอกว่าไม่เป็นไรเขาไม่ไป พี่นับเขาถามว่าทำไมไม่ไปล่ะ เจ้าของร้านก็บอกว่าไปแล้วเขาไม่ให้รักษา เพราะไม่มีบัตรประชาชน แต่ถึงจะมีบัตรมีเงินเขาก็ไม่ให้รักษา เขาจะรักษาเฉพาะคนไทยเท่านั้น พี่นับเลยตอบกลับไปว่าคุณก็เป็นคนไทยนะ พื้นที่นี้เป็นประเทศไทย - 15
คุณเกิดที่นี่ใช่ไหม คุณโตที่นี่คุณก็เป็นคนไทย ไปด้วยกันสิ เดี๋ยวพี่นับจะบอกให้คุณหมอรักษาเอง แต่ทางเจ้าของร้านก็ปฏิเสธ เพราะเขาถูกปฏิเสธมาตลอดชีวิต เขาก็ให้พี่นับไปโรงพยาบาล แต่ก่อนที่รถจะแล่นออกไป ของร้านก็วิ่งมาตาม มอบของสิ่งนึงให้พี่นับ - 16
มันมีลักษณะคล้ายกำไร ทำจากหนังถักแล้วก็จะมีหินกลมๆสีๆคล้ายลูกปัดประดับเอาไว้ เขาก็บอกว่าใส่เอาไว้นะอันนี้ เป็นของสำคัญที่ตกทอดมาจากครอบครัวของเขา เป็นของน้องชายคุณพ่อ ถ้าใส่แล้วทุกคนในหมู่บ้านมีความเชื่อว่าจะแคล้วคลาดปลอดภัย - 17
พี่นับพอได้ยินแบบนั้นก็ไม่เอาเพราะมันเป็นของสำคัญ แต่เจ้าของร้านก็คะยั้นคะยอให้รับไปเถอะ เดี๋ยวค่อยเอามาคืน พี่นับก็ไม่ได้อะไรแต่เขาบอกว่าสัญญาว่าจะเอามาคืน พวกเขาก็ขับรถออกไป เดินทางก่อนหน้านี้ก็เหมือนที่เจ้าของร้านบอกทุกอย่าง เดี๋ยวตรงนั้นแล้วตรงนี้ก็ขับผ่านมาได้อย่างสบายๆ -18
พวกเขาก็พยายามจะมองหาแยกที่เจ้าของร้านบอก ปรากฏว่าหาสี่แยกไม่เจอ เจอแต่ทางสามแพร่ง ทุกคนในรถก็คิดว่ามันตรงไม่ได้ ถ้าตรงไปก็ขับเข้าป่า เขาก็เลยเลือกกันว่าเราจะไปทางขวาหรือจะไปทางซ้าย ก็ตามที่เจ้าของร้านบอกถ้าไปทางขวาก็จะเป็นทางที่ชาวไทยใช้ - 19
แต่พอมองเนี่ยรถมันไม่น่าจะขับไปได้ พื้นมันเอียงแบบ 45 องศา ถ้าขับไปก็ไม่รู้ว่าจะคว่ำเมื่อไหร่ เอามองไปทางซ้ายมันเป็นทางเกวียน มีหญ้าขึ้นแต่มันเป็นทางลาด ก็คิดว่าน่าจะขึ้นไปได้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า ตอนนั้นพี่นับก็คิดว่าเราถอยกลับได้ไหมปรากฏว่าถอยไม่ได้ - 20
ถ้าถอยต้องเกียร์อาร์อย่างเดียวเพราะว่ามันกลับรถไม่ได้ ไม่ได้กว้างพอที่จะกลับรถ เลยคิดว่าเลี้ยวซ้ายแล้วกัน พอขับเข้าไป ทางแคบลงเรื่อยๆจนกลายเป็นถนนเลนส์เดียว รถสวนกันไม่ได้ สองข้างทางเป็นป่า เขาบอกว่ามองถัดไปกับหน้าต่างรถไม่ถึงเมตร คือมืดสนิทไม่เห็นอะไรแล้ว - 21
พี่นับเลยลองเปิดหน้าต่างแล้วชะเง้อหน้ามอง ด้านขวามันไม่ใช่ป่าแล้วแต่มันเป็นเหวลึกลงไป มีแม่น้ำตัดผ่าน คิดว่าน่าจะเป็นตอนเย็นแล้วทุกคนขับรถมา ไม่เห็นทางออกจากป่า ซึ่งในป่ายิ่งมืดยิ่งน่ากลัว เขาก็ดูอาการของคนป่วยทั้งสองคน พี่แนนอาการทรงๆอยู่ - 22
ส่วนพี่ยี่เปิดเสื้อขึ้นมาเป็นรอยม่วง เริ่มมีไข้เหงื่อออก พี่นับและเพื่อนคนอื่นที่ไม่เป็นอะไร คิดว่าคนจะจอดรถพักมั้ย แล้วถ้าจะจอดเราจะจอดตรงไหน เพราะในป่าไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืดกับความเงียบ อากาศมันก็ต่ำลงทุกคนก็เริ่มหนาว ระหว่างที่ขับผ่านป่าไปช้าๆ - 23
พี่ยี่ที่บาดเจ็บอยู่ เขาก็กำลังมองที่หน้าต่างแล้วบอกให้พี่นับจอดรถ เพราะด้านขวามือมันเป็นเหมือนทางที่ไม่ใช่ป่า มันเป็นเหมือนทางเกวียนเลี้ยวเข้าไป พี่นับเป็นคนขับก็บอกว่าพี่ไม่เห็นเลย ขับผ่านเป็นคนแรก แต่พอเข้าไปปรากฏว่ามันเป็นทางเข้าไปจริงๆ - 24
ไม่ไกลมาก เป็นลักษณะเหมือนบ้านไม้เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวขนาดใหญ่ หลังคาได้เป็นทรงแปลกที่ไม่เคยเห็น คือปกติหลังคามันก็จะคลุมบ้านและเลยออกมาจากบ้านนิดนึง แต่หลังคาของบ้านหลังนี้มันยื่นลงมา จนความห่างระหว่างหลังคากับพื้นนั้นห่างกันแค่พอให้เด็กคนหนึ่งเดินผ่านได้ - 25
ตอนนั้นพระจันทร์คืนความโชคดีอีกอย่างหนึ่งคือตอนนั้นเป็นคืนเดือนหงาย พี่นับก็เลี้ยวรถเข้าไปเลย จุดที่เลี้ยวเข้าไปเป็นทางที่ไม่ได้กว้างและก็มีต้นไม้ต้นนึงที่ใหญ่มากๆ ตั้งอยู่หน้าบ้านและบรรยากาศก็วังเวง หลังจากที่จอดรถพี่นับพี่นินแล้วก็พี่สุดา ลงจากรถถือไฟฉายมากระบอกนึงตั้งใจ - 26
จะไปเคาะประตูบ้าน เพราะเขาไปเขามาก็ไม่มีใครตอบ ตรงทางจะมีระเบียงอยู่ เขาก็เดินไปตามระเบียงแล้วก็พยายามชะเง้อมองบานประตู สรุปว่าปิดหมดเลย เพราะคิดว่าไม่มีคน สิ่งที่ทำก็คือกลับขึ้นรถแล้วล็อคประตู เพราะบ้านมันดูร้างมานาน เลยคิดกันว่านอนกันสักหน่อยแล้วกันค่อยไปกันต่อ - 27
ระหว่างที่หลับอยู่พี่นับได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะที่กระจก เลยลืมตาขึ้นมาก็เห็นผู้ชายคนนึงยืนอยู่ข้างๆที่นั่งคนขับ การแต่งกายพอเดาได้เลยว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์แน่นอน พี่นับก็พอจะรู้เลยว่าเป็นผู้ชายเพราะลักษณะอกผายไหล่ผึ่งแล้วก็เหน็บมีดมาที่เอว ด้วยความสูงทำให้พี่นับไม่เห็น - 28
หน้าผู้ชายคนนั้น เหมือนอีกฝ่ายจะรู้เขาเลยย่อตัวก้มลง พี่นับเห็นว่าเป็นผู้ชายมีอายุคนหนึ่งหน้าตาดุดัน ก่อนที่พี่นับจะลดกระจกลงเขาก็ชั่งใจว่าจะลดกระจกลงดีไหม เกิดเขาทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง ผู้ชายคนนั้นเลยถามเป็นภาษาไทยว่าเอ็งหลงทางรึ พี่นับบอกว่าภาษามันดูโบราณมาก - 29
เพราะพี่นับเห็นว่าเป็นคนไทยแกก็ลดกระจกลงนิดนึง บอกค่ะหนูหลงทางกำลังจะไปที่จังหวัดนี้ ลุงแกก็ทำหน้างงบอกว่าข้าไม่รู้ ลุงก็ถามว่ามาทำอะไรที่เส้นทางนี้แถวนี้มันอันตรายนะ ในตอนนั้นคนในรถตื่นแล้วหมดแล้ว ก็ตื่นมาฟังการสนทนา - 30
คนในรถบอกเป็นสีเดียวกันว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในป่า เป็นเหมือนปืนล่าสัตว์ดังรัวๆ ประเด็นคือมันอยู่ไกลแต่ก็ไม่ได้ดูไกลเกินกว่าที่จะเข้ามาหาเรา คุณลุงเลยบอกให้ทุกคนทุกลงจากรถแล้วเข้าไปในโบสถ์ สรุปมันเป็นโบสถ์ไม่ใช่บ้าน คุณลุงก็มองไปหลังรถ - 31
เห็นพี่ยี่กับพี่แนน คุณลุงก็ส่ายหัวบอกไม่ไหวแล้วนะรีบประคองลงมา เดี๋ยวจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกคน พอลุงพูดแบบนั้นคนในรถก็เถียงกันก่อนว่าจะลงดีไหม แต่ด้วยความที่เป็นคนต่างถิ่นแล้วเสียงปืนมันดังไม่หยุด ผู้หญิง 3 คนเลยตัดสินใจแบกเพื่อนลงแล้วพยายามจะเข้าโบสถ์ - 32
ก่อนที่คุณลุงจะเดินไปถึงโบสถ์ ประตูมันถูกผลักออกมาจากด้านใน มีเด็กเล็กๆประมาณประถมใส่ชุดชนเผ่าผลักประตูออกมา แล้วก็พาทุกคนเข้าไปในโบสถ์ แล้วในโบสถ์ก็มืดสนิท ทุกคนก็นั่งอยู่บนพื้น แล้วบนพื้นจะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าด พี่นับบอกว่าฟังจากเสียงช่องว่างที่ลอดผ่านรูหน้าต่าง - 33
เดาว่าไปโบสถ์น่าจะมีสัก 10-20 กว่าคน หลบอยู่ในนั้นทุกคนเงียบ เสียงปืนมันก็ดังอยู่เรื่อยๆ แล้วมันก็มีเสียงคุยกันโวยวาย พี่นับได้ยินว่าเป็นเสียงคนไทยเลยจะลุกออกไป แต่จังหวะที่จะลุก คุณลุงคนนั้นน่าจะรู้เลยฉุดแขนเอาไว้ แล้วกระซิบข้างหูว่าพูดภาษาไทยไม่ใช่มิตรทุกคน - 34
พอจบประโยคนั้นเสียงปืนไม่ได้รัวแล้วแต่เป็นกราดยิง เสียงปืนเป็น 10 กระบอกยิงไปทั่วทิศ พี่นับบอกว่าใกล้มากจนรู้สึกเหมือนหูจะดับ แล้วเวลาอยู่ในความมืดก็จะเห็นแสงชัดกว่าปกติ พอสิ้นเสียงปืนไปแป๊บนึง ก็ตามด้วยเสียงหัวเราะของผู้ชายแล้วก็เงียบไป พี่นับรู้สึกได้ว่าคุณลุงที่นั่งอยู่ - 35
ข้างๆเขาลุกแล้ว แกก็ลุกขึ้นไปจุดเทียนในโบสถ์ พอมันสว่างขึ้นมา พี่นับบอกว่าแทบทุกพื้นที่ในโบสถ์มีคนนั่งอยู่ ไม่มีที่ว่างเลยแล้วทุกคนสวมชุดคล้ายกันหมดเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ มีตั้งแต่เด็กทารกยันคนแก่ที่เดินไม่ได้ ทุกคนนอนอยู่แบบนอนหลบเบียดๆกัน แล้วคุณลุงก็เรียกพี่ยี่กับพี่แนนมารักษา-36
พี่ยี่นี่หนักเลย แกจะขอช่วยชาวบ้านเอาสมุนไพรมาให้ แล้วก็มีเด็กคนนึงเดินมาหาพี่นับ เดินมาคุยด้วยแต่บังเอิญว่าเขาพูดภาษาเผ่าเลยฟังกันไม่รู้เรื่อง เด็กคนเดียวก็ชี้ไปที่ตัวเขาแล้วก็ชี้ไปที่พี่นับ แล้วก็ชี้ไปที่กำไลข้อมือ เพราะชี้ไปที่เขา แล้วก็พูดเป็นภาษาถิ่นที่ฟังไม่รู้เรื่อง - 37
ปรากฏว่าคนในโบสถ์พูดภาษาไทยไม่ได้สักคน เพียงแค่คุณลุงคนเดียวที่สื่อสารภาษาไทยได้ แล้วก็จะเป็นภาษาไทยโบราณ บางทีก็ฟังไม่รู้เรื่อง คุณลุงแนะนำตัวบอกว่าตัวเองชื่อสิงห์คำ(ชื่อสมมุติ) คุณลุงก็บอกว่าปกติไม่มีคนใช้เส้นทางนี้มันนานมากแล้ว เพราะเขารู้กันว่าเป็นเส้นทางที่อันตราย - 38
พี่นับก็ถามว่าอันตรายยังไง คุณลุงก็เล่าว่าอันตราย เพราะเป็นทางผ่านของกองโจร เขาเรียกว่าโจรขโมยป่า เข้าใจว่าน่าจะเป็นกลุ่มของพวกผู้มีอิทธิพล ใครสักคนแถวนั้นที่พยายามจะตัดไม้ไปขาย เขาเลยพยายามจะไล่ชาวบ้าน ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ออกไป เลยมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาด้วย - 39
คุณลุงก็อธิบายว่า คุณชาติพันธุ์กลุ่มนี้เกิดในป่า เขาก็เกิดในป่าโตในป่าแล้วเขารักษาป่ามาเป็นร้อยๆปี ที่เห็นว่ายิงลุงบอกว่ามันเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามอย่างหนึ่ง เพราะเวลาคนอยู่ในป่าคนเขาจะรู้ว่าไม้ไหนดี เหล่าชาวบ้านก็จะพยายามเต็มที่เพื่อไม่ให้คนนอกมาตัด แต่ปรากฏว่ายุคนั้นมันไม่มี -40
กฎหมายที่มันเคร่ง แล้วตัวคนไทยในเมืองอะไรแบบนี้ก็ไม่ได้สนใจ เขาเลยบอกว่าชาวบ้านอยู่จะตายก็มีค่าเท่ากัน หายไปก็ไม่มีใครสนใจ ลุงบอกว่าที่เห็นเมื่อกี้แค่ส่วนหนึ่ง แต่ลุงก็บอกว่าไม่ต้องกลัวโบสถ์แห่งนี้เป็นเหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าอยู่ในนี้ปลอดภัยแน่นอน แล้วคุณลุงก็ชี้ให้ - 41
ดูว่าเขาทำการขุดห้องใต้ดินกัน เป็นที่หลบภัย พี่นับได้ยินแบบนั้นก็กลัวเพราะเป็นคนกรุงเทพฯที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน เขาก็นั่งคุยกับเพื่อนว่าเอายังไงดีจะวิ่งออกไปไหม แต่ที่บรรยากาศพี่นับบอกว่ารู้สึกไม่อยากจะวิ่งหนีคนกลุ่มนี้ เขารู้สึกว่าตอนอยู่ในนี้มันปลอดภัยจริงๆ ก็ใช้เวลา - 42
อยู่ในนั้น จู่ๆพี่นับก็สังเกตว่าคุณลุงเขาเงยหน้า ฟังเสียงอะไรบางอย่าง พี่นับบอกว่ามันเหมือนเป็นเสียงจากป่า คุณลุงฟังสักพักหนึ่งจากนั้นก็ไปเปิดประตูโบสถ์ ไล่ให้ทั้ง 3 คนออกไป คนเจ็บอีก 2 คนให้ทิ้งไว้ในโบสถ์ก่อน คุณลุงก็เลยบอกให้ผู้หญิง 3 คนว่าให้ไป - 43
พี่สุดาโวยวายขึ้นมาว่าไม่ไป ไม่ทิ้งเพื่อน คุณลุงก็เดินมาหาแล้วแกก็หยิบมีดที่เหล็กที่เอวขึ้นมา มายื่นให้บอกว่าแกสาบาน เพื่อนเอ็ง 2 คนปลอดภัยแน่นอน แต่ว่าต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ทั้ง 3 คน ลุงก็ชี้ไปที่รถถามว่าไอ้นั่นน่ะมันขี่ได้ไหม พี่นับก็บอกว่าขี่ได้ เข้าใจว่าลุงจะถามว่ามัน -44
ขับออกไปได้ไหม ลุงแกก็พยักหน้า เขาบอกว่าขี่ออกไปแล้วลุงแกก็บอกทาง พี่สุดาแกเป็นคนความจำดี แกก็จำเอาไว้ ลุงบอกว่าเดี๋ยวมันจะมีหมู่บ้านหนึ่งตรงทางแยก ให้ทุกคนเลี้ยวเข้าไปอย่างไม่ลังเล จากนั้นให้ยื่นมีดอันนี้ให้หัวหน้าหมู่บ้านดู แล้วจากนั้นจะมีคนพากลับมาที่โบสถ์ ถึงตอนนั้นรับรอง -45
เพื่อน 2 คนหายแน่นอน แล้วพากลับบ้านได้ พี่นับบอกว่าเวลาคุณลุงพูดมันเหมือนมีมนต์สะกด เหมือนอยู่ๆคนแปลกหน้าพูดแล้วเราก็เชื่อ ทั้งสามคนขึ้นรถแล้วขับไปตามทางที่คุณลุงบอก ซึ่งสภาพข้างนอกแย่มากแย่ยิ่งกว่าในโบสถ์ หมอกหนาจนไม่เห็นพื้นดิน พี่สุดาแกก็คลำทางไปเรื่อยๆบอกทางไป - 46
คิดว่าอันนี้แหละน่าจะใช่ จนตอนนั้นพี่นับเริ่มขับผ่านต้นไม้ที่มันเหมือนเดิม อารมณ์คนหลงป่า แต่เส้นทางกับความรู้สึกบนรถมันไม่เหมือนเดิม พี่นัทบอกว่าตอนนี้มันไม่ใช่ทางตรงแต่มันเป็นทางลงเขาไปเรื่อยๆ ทำให้คนขับต้องเหยียบเบรค มันขับลำบากมาก จนพี่นิลที่นั่งอยู่ข้างหลังแกชะเง้อมาด้าน -47
หน้าแล้วบอกว่า ขับไปทางซ้าย ซึ่งตอนนั้นรถมันมีความเร็วการจะหักไปไหนมันอันตรายมาก พี่นิลบอกว่ามันมีทางที่ตัดกับเส้นทางนี้แกเห็น ทั้งสามคนได้เถียงกันพี่สุดาเห็นพี่นิลเห็นแต่คนขับไม่เห็น บอกว่าถ้าไม่เลี้ยวจะไม่ทันแล้วนะ สองคนนั่นก็แย่งพวงมาลัยแล้วก็หักเลี้ยว พี่นับบอกว่าเฉียดตาย -48
ครั้งแรกที่ได้อยู่ในรถที่มันคว่ำ มันคว่ำเลย แต่ปรากฏว่ามันคว่ำไปอยู่ทางเข้าหมู่บ้านพอดี ทุกคนก็เลยคลานออกมาจากรถ ออกมาได้แต่ความประหลาดคือไม่มีแผลเลยสักคน เห็นอีกทีคือชาวบ้านเป็น 10 มายืนล้อมรอบอยู่ ทุกคนใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับคนในโบสถ์ - 49
ชาวบ้านก็พยายามเหมือนเข้ามาถามแล้วก็ตีความกันเอาเอง ทุกคนก็เข้ามาดูเหมือนไม่เคยเห็นรถ เข้ามาจับเข้ามาตีเคาะๆ พอดูอาการแล้วเพื่อนไม่เป็นอะไรพี่สุดาก็ใส่ก่อนเลย บอกว่าช่วยด้วยๆมีคนติดอยู่ในโบสถ์ แต่ชาวบ้านก็ไม่เข้าใจ พี่สุดาเลยหยิบมีด - 50
ที่ลุงสิงห์คำให้ขึ้นมาดู แล้วก็พูดชื่อของคุณลุงออกมา พอชาวบ้านได้ยินชื่อก็คุยกันกระฉ่อนเลยแล้วก็ทำหน้าไม่เชื่อ แล้วมีคนดึงเข้ามาแล้วก็ดึงเสื้อพี่สุดา ไปที่บ้านหลังนึงเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวทำจากฟางกับไม้ มีต้นไม้ล้อมรอบเป็นเหมือนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของหมู่บ้าน - 51
ภายในบ้านเปิดเข้าไปไม่มีอะไรเป็นบ้านสีดำโล่งๆ มีฟูก 3 อันสานจากวัสดุธรรมชาติวางอยู่กลางบ้าน ตรงกลางมีหญิงชรานั่งอยู่นั่งหลับตา พี่นับเห็นแบบนั้นก็มโนไปก่อนว่าเป็นแม่หมอประจำหมู่บ้าน ใส่เครื่องประดับทั้งตัว บนหัวมีหมวกสูงหน่อยประดับด้วยหิน ข้างๆจะมีผ้าคลุมลงมา - 52
จนไม่เห็นผม ส่วนพวกด้านซ้ายมือมีหญิงชราอีกคนนั่งอยู่ ผมเป็นสีดอกเลาทั้งหัวถักผมเปีย ใส่หมวกครึ่งใบอารมณ์เหมือนเป็นผ้าคาด ส่วนพวกด้านขวาเป็นฟูกโล่งๆไม่มีคนนั่ง คนตรงกลางสมมุติชื่อแม่ย่านาคำ เป็นเหมือนแม่หมอประจำหมู่บ้าน สวนทางด้านซ้ายมือคือยายบัวคำ - 53
ยายบัวคำจะเป็นเหมือนแพทย์ประจำหมู่บ้าน ทั้งสองคนเป็นแม่หมอที่รู้คุณไสย แล้วเป็นคนที่ชาวบ้านนับถือมากๆ แต่ชื่อนั้นมันไม่เหมือนชื่อคนแต่เหมือนจะเป็นชื่อตำแหน่งมากกว่า ถ้าสมมุติว่าแม่ย่านาคำคนนี้ตาย ก็จะมีคนขึ้นมาเป็นแม่ย่านาคำต่อ ถ้าถามว่าพี่นับรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง - 54
พี่นับบอกว่าทั้งสองคนพูดภาษาไทย แล้วก็เป็นภาษาไทยที่ชัดมากเป็นภาษาไทยโบราณแบบคุณลุงพูด ขอพี่นับเล่าเรื่องให้ฟังแล้วก็อธิบายว่าได้มีดอันนี้มาจากไหน แม่ย่ากับยายก็พูดขึ้นว่าหมู่บ้านเราไม่มีโบสถ์แล้วก็ไม่มีวัด แต่ในอดีตเคยมี ทั้งสามคนก็งงไม่มีโบสถ์ได้ไงก็เห็นว่ามีอยู่ - 55
แล้วในอดีตไหนเมื่อกี้นี้ไม่ใช่อดีตนะ แต่ว่าแม่ย่ากับยายก็ไม่ฟังพวกแกสวดมนต์ทำพิธีตามความเชื่อ อารมณ์เหมือนตรวจดวงชะตา จากนั้นก็บอกกับพวกพี่นับว่าทางจะเปิดอีกครั้งในอีก 3 วัน หมายความว่าถ้าออกไปตอนนี้ไปทางไหนก็ไปไม่ได้ หายังไงก็จะหาไม่เจอแน่นอน - 56
แต่ด้วยความที่เป็นคนนอก มันก็จะมีความดื้อบางอย่างที่จะไม่เชื่อคนท้องถิ่น เช้าตื่นมาพี่นับกับเพื่อนๆก็เดินเท้ากลับไปที่เดิม ซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลมากน่าจะไม่เกิน 1 กิโลเมตรให้มากสุดไม่น่าจะเกิน 3 กิโลเมตร ซึ่งมันเป็นระยะที่พอเดินได้ พี่นับกับเพื่อนเดินตามรอยล้อรถไป - 57
จนถึงจุดที่ล้อมันเลี้ยว เขาก็มองไปเจอแต่ป่า ไม่มีที่ให้รถขับแน่นอน ประเด็นคือมันเป็นทางลาดลงไปเป็นเหวลงไปเรื่อยๆ ไม่มีทางขับขึ้นมาได้แน่นอน ทุกคนก็เป็นห่วงเพื่อนอีก 2 คนอยู่ไหนไม่รู้ หาทางไปก็ไม่ได้ ระหว่างนั้น 3 วันทุกคนก็อยู่ในหมู่บ้านอยู่ด้วยความกระวนกระวาย - 58
แม่ย่ากับยายก็เลยผลัดกันมาคุยผลัดกันมาเล่าเรื่องต่างๆ พี่นับพี่นิลแล้วก็พี่สุดาเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับไสยศาสตร์ใดๆทั้งสิ้น กระทั่งมาเจอวัดที่หาไม่เจอนี่แหละ คุณย่าก็เล่าว่าเชื่อไหมว่าป่าเป็นสิ่งลี้ลับที่มีชีวิต แม่ย่านางคำบอกว่าไม้ต้นไม้ทุกต้นมีชีวิต มีบรรพบุรุษของ - 59
พวกเราอาศัยอยู่ เพราะฉะนั้นจะเก็บของป่าจะหาของกินหรือทำอะไรก็ตามต้องขอเพื่อแสดงความเคารพ แล้วก็ระวังจะถูกป่ากลืน ป่ากลืนที่ในที่นี้มันก็คือการเข้าป่าแล้วไม่ได้ออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าตายนะ แค่มีชีวิตวนไปอยู่ในป่า แก่ตายในป่าโดยที่ไม่มีคนรู้ เว้นแต่เป็นคนที่ป่าเลือก - 60
แม่ย่าก็เล่าว่าในอดีตมีเด็กคนนึงเหมือนจะเกิดมาผิดที่ผิดทาง เกิดในตระกูลขุนนางทั้งจังหวัดนั้น แต่ปรากฏว่าถูกไล่ออกมาแล้วก็ถูกส่งไปขายในต่างแดน ระหว่างที่หนีออกมาได้เด็กคนนั้นหนีเข้าป่า แล้วก็อธิษฐานว่าขอให้ป่าช่วยให้ตัวเองรอด แล้วตัวเองจะอยู่ในป่าอยู่ปกป้องป่าไม่ออกไปไหน - 61
พี่นิลก็ถามว่าแล้วสรุปว่าเด็กคนนั้นรอดไหม แม่ย่าก็บอกว่าก็อยู่มาจนถึงบัดนี้ พี่นิลก็ถามต่อว่าอยู่มาจนถึงตอนนี้ แสดงว่าเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานใช่ไหม แม่ย่าก็ถามว่าไม่นานแปลว่าอะไร พี่นิลก็บอกว่า10 ปีก็นานนะ แม่ย่าถามกลับว่าแล้วสักร้อยปีนี้นานไหม - 62
พี่นิลก็บอกว่านั่นแปลว่านานมาก นานเกินกว่าที่ชีวิตคนส่วนใหญ่จะอยู่ถึง แม่ย่าก็หัวเราะพี่นิลบอกว่าเป็นเสียงหัวเราะที่สะใจ แล้วแกก็หันมาบอกว่า ในป่าไม่มีคำว่านาน มีแต่คำว่าชั่วนิรันดร์ ส่วนอีกฝั่งนึงพี่นับกับพี่สุดา แกก็เล่นกับเด็ก เด็กก็พาขึ้นไปชมวิว - 63
พอขึ้นไปถึงก็ไปเจอกับยายบัวคำ ยายบัวคำก็ไปดูคนทำนาอยู่ ยายบัวคำก็ถามพี่นับกับพี่สุดาว่าที่นี่สวยไหม ทั้งสองคนก็บอกว่าสวย ยายก็บอกว่ามีที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ แต่ป่าไม่ให้พาเจ้าไป ด้วยความสงสัยของคนกรุง ก็ถามว่าทำไมป่าไม่ให้ไป ยายแกก็ยิ้มแต่ไม่ตอบ - 64
แต่แกบอกว่ามีที่ที่นึงนะที่พาไปได้ อยากไปไหมมีของดีให้ดู พี่นับกับพี่สุดาก็เลยบอกว่าไปค่ะ อยู่บนภูเขาที่พี่นับใช้คำว่าโคตรลึก โคตรสูง โคตรชัน พี่นับบอกว่าถ้าแก่กว่านี้ 30-40 เดินขึ้นไม่ได้แน่นอน แต่ยายบัวคำเดินขึ้นเหมือนลอยขึ้นไปเลย แป๊บเดียวแกห่างไปเป็น 10 เมตร - 65
ถ้าถามว่าจำทางได้ไหมบอกเลยว่าจำไม่ได้ เขาบอกว่าลักษณะเหมือนจะเป็นดงหินแล้วก็มีถ้ำแอบอยู่บนหน้าผา ยายบัวคำบอกว่าถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ตัวถ้ำมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยต่อชะตาคน ให้คนที่ชะตาขาดมีชีวิตอยู่ต่อ เนี่ยขนาดเด็กที่โดนขวานจามเข้าที่กระโหลกจนเปิดยังไม่ตายเลย - 66
แล้วแกก็ใช้นิ้วของแกกรีดไปที่หน้าผากซ้ายทีขวาที ทั้งสามคนก็เข้าไปในถ้ำ ภายในถ้ำมืดมากมืดสนิท แต่ว่าแกจุดเทียนขึ้นมาเล่มนึงแล้วก็เดินนำทางไป ตรงทางเดินแคบขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะมีหินงอกหินย้อยเต็มไปหมด ยายบัวคำแกหยุดอยู่ที่จุดๆนึงของถ้ำ - 67
ไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน แล้วแกก็นำถาดนึงเป็นถาดเงินออกมาวาง เอามาวางไว้บนหินแล้วก็เอาเทียนเล่มนั้นวางไว้ข้างๆ ตอนนั้นพี่นับกับพี่สุดางง ว่ายายจะทำอะไร ยายแกเอากระบอกไม้ไผ่ออกมาจากกระเป๋า แล้วเทลงไปในถาดเงิน มันเป็นของเหลวสีน้ำตาลสีน้ำตาลเข้ม - 68
แล้วแกก็เอาอุปกรณ์อย่างอื่นแบบเชือกสายสิญจน์เอามาพันทำวิธี ผ่านไปพักใหญ่จนพิสุดาคิดว่านั่งไปก็เปล่าประโยชน์ แกก็เลยลุก แล้วกำลังจะหันออกไปที่ปากถ้ำ ระหว่างนั้นพี่นับก็หันมา จับพี่สุดาไว้เราบอกให้ดูอะไรบางอย่างที่อยู่บนเพดาน เขาเห็นเป็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนเพดาน - 69
เป็นของเหลว แล้วมันก็ค่อยๆปล่อยตัวย้อยลงมาระหว่างนั้นยายก็จุดเทียนอีกเล่มแล้วแกก็ชูขึ้นไป เห็นว่ามันเป็นของเหลวสีเข้ม แล้วมันก็ย้อยลงมากินน้ำผึ้งที่อยู่ในถาด ยายก็หันมาถามว่าเคยเห็นไหม เหล็กไหล ดูกันสักพักแกก็บอกให้ทุกคนออกไปจากถ้ำ แล้วแกก็ทำพิธีอะไรของแกต่อ - 70
ยายบอกว่านี่คือถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีเหล็กไหลอยู่เยอะมาก เป็นที่ต้องการของเหล่าจอมขมังเวทย์ แต่มันก็เข้ามาไม่ได้เพราะมีชาวบ้านอยู่ จากนั้นทุกคนก็เดินลงมา เชื่อไหมเดินขึ้น 30 นาทีแต่เดินลงมาไม่ถึง 5 วินาทีแป๊บเดียวเดินทางออก เขาไม่ทั้งสองคนงงมากว่าเป็นไปได้หรอมาโผล่หมู่บ้านแล้ว - 71
มีอีกที่นึงที่ชาวบ้านพาไปมันเป็นหน้าผา เป็นจุดสูงสุดของภูเขามีต้นไม้เต็มไปหมด แล้วแต่ละต้นใหญ่มากใช้หลายคนอก พี่นิลบอกว่าเรายังดูไม่ออกเลยว่าไม้อันไหนสวย แต่เรายังรู้เลยว่าอันนี้คือไม้ดี คุณย่าก็บอกว่าเพราะมันงามนี่แหละคนถึงตายเยอะที่จะเอามันไป แล้วคนก็ตายเยอะเพื่อที่จะ - 72
ปกป้องมัน บรรพบุรุษของเขาก็เหมือนกัน ด้วยความละโมกเข้ามาในป่าเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็พยายามไล่คนในป่าออกไป จากนั้นชาวบ้านก็พาไปอีกผานึง แต่ผานี้แปลกมันเป็นเหมือนเชือกที่กั้นอาณาเขตไว้ แล้วก็จะมียันต์แต่เป็นยันต์ที่ไม่เหมือนที่เคยเห็น เป็นยันต์หน้าตาแปลกๆแปะไว้ตามต้นไม้ - 73
แม่ย่ากับยายพามุดใต้เชือกเข้าไป ตรงนั้นเป็นลักษณะที่เหมือนหินยื่นออกจากภูเขา แล้วพอสังเกตอยู่ดีๆใต้หินมันเหมือนมีไม้ไผ่หลายสิบอันสอดเอาไว้ แม่ย่าก็บอกว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่พวกโจรใช้ฆ่าชาวบ้านด้วยการผลักตกหน้าผา ซึ่งส่วนมากจะเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังขัดผลประโยชน์ - 74
จำนวนไม้ไผ่ที่เสียบไว้ก็คือผู้เสียชีวิต จากนั้นเขาก็เรียกป่าแห่งนี้ว่าผาหาย จบเรื่องที่หมู่บ้านจนถึงวันที่ 3 ทุกคนก็เตรียมตัวออกเดินทาง ในระหว่างสามวันนั้นเพื่อนทั้ง 3 คนก็เดินออกตามหาโบสถ์ แต่ก็ไม่เคยเจอ คืนนี้แม่ย่าบอกว่าจะเป็นความเชื่อที่ว่าคนที่ถูกป่าลงโทษ - 75
ป่ากลืมจะกลับมาที่เดิม ขอให้ทุกคนปิดประตูปิดหน้าต่างเอาไว้ตามความเชื่อ แล้วอย่าส่งเสียง คืนนั้นชาวบ้านก็เหมือนนำเครื่องสักการะไปวางไว้ทางเข้าหน้าหมู่บ้าน แล้วก็ปิดบ้านนอน คืนนั้นพี่นับบอกว่าเสียงมันมาอีกแล้วเป็นเสียงปืน มาไกลๆแล้วก็เริ่มดังรัวขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนอยู่ในหมู่บ้าน-76
แล้วจากนั้นก็มีเสียงคนคุยกันแล้ววิ่งออกไป แล้วเสียงปืนก็ไปตามเสียงวิ่งของคน ออกไปไกลเรื่อยๆจนเหมือนออกจากหมู่บ้าน สักพักก็มีเสียงเคาะประตู เปิดไปปุ๊บเจอแม่ย่ากับยายกำลังยืนอยู่ เขาก็บอกว่าให้รีบตามไปนะป่าเปิดแล้ว ทุกคนก็วิ่งออกจากบ้านไปจนถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้าน - 77
พี่นับบอกว่าอย่าเรียกว่าเครื่องสักการะเลยเลือดทั้งนั้นเหมือนเขาเอาเลือดมาสาดทางเข้าหน้าหมู่บ้าน เป็นกองเลือดที่เห็นชัดมาก แล้วที่กองเลือดจะมีรอยเท้าจำนวนมาก วิ่งออกไปจากหมู่บ้าน แล้วแม่ย่าก็บอกว่าป่าเปิดแล้วให้ตามรอยเท้าไป ทุกคนเลยตามกันไปที่โบสถ์ - 78
ไปถึงเจอโบสถ์จริงๆรอยเท้าก็หายไปที่โบสถ์ พี่นัทบอกว่าไปเจอโบสถ์ก็แทบทรุดแล้วนะ แต่สิ่งที่เห็นอยู่ที่โบสถ์น่ะสุดยิ่งกว่า คือระหว่างที่วิ่งเสียงปืนมันยังไม่หยุดนะ ไม่รู้หลอนหรือเปล่า แต่พอไปถึงที่โบสถ์โบสถ์เงียบไม่มีแสงไฟลอดผ่าน แต่มันมีเสียงปืนดังขึ้นในโบสถ์ เสียงมาพร้อมแสง - 79
พี่นับบอกว่าทรุดลงกับพื้นเลย ถี่ขนาดนี้ไม่มีทางรอด คิดในใจว่าเพื่อน 2 คนตายแน่ๆ ยังไม่ทันที่เสียงปืนมันจะดับ พี่นับพยายามจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปเปิดประตูโบสถ์ - 80
แม่ย่าบอกให้ชาวบ้านจับเอาไว้ว่าห้ามเปิดประตูโบสถ์เด็ดขาด จนเสียงเงียบไป พี่นับก็พยายามจะแหงะประตูโบสถ์ ใช้เท้าดันทำทุกอย่างแต่เปิดไม่ออก จนแม่ย่าเขาคืนอย่างหนึ่งให้พี่สุดานั่นก็คือมีด พี่สุดาคิดว่าให้เอามีดนั้นไปงัดประตู พี่สุดาเลยจะเอามีดไปงัดประตูออก แต่ไม่เลยแค่ปลายมีด - 81
จิ้มเข้าไปที่ประตู ทำให้ประตูเปิดด้านในมีแต่กลิ่นอับไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ไม่มีใครอยู่ทั้งนั้นมีแค่คนสองคนคือพี่ยี่กับพี่แนน กอดกันอยู่ที่มุมสุดของโบสถ์ ที่โบสถ์แห่งนี้ไม่มีพระพุทธรูปเลยไม่แน่ใจว่ามันเป็นโบสถ์คริสต์หรือโบสถ์พุทธกันแน่ พี่แนนนั่งตัวสั่นร้องไห้หนักมากพูด - 82
อะไรไม่ออกเลย แต่พี่ยี่ตอบอยู่ อาการก็ดูช็อคอยู่เหมือนกัน แม่ย่านาคำบอกให้ทุกคนรีบออกไปจากโบสถ์ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่คนควรเข้ามา คนก็พยายามประคองเพื่อนออกไปจนออกมาที่ถนน พี่นับเป็นคนเดียวในนั้นที่หันกลับไปมอง เจอคุณลุงสิงห์คำยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ - 83
แกยกมือขึ้นมาข้างนึงอารมณ์เหมือนอวยพร มืออีกข้างถือมีดพี่นับไม่รู้ว่าไปเอามาจากพี่สุดาตอนไหน ซึ่งพี่สุดาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ด้านหลังเห็นไม่ชัดแต่พี่นับคิดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้ชายที่เปิดประตูให้ พอออกมาแม่ย่ากับยายบัวคำก็พาทุกคนกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง - 84
เพราะทุกคนเริ่มได้สติก็เริ่มอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็คะยั้นคะยอจนแม่ย่ายอมเล่าแม่ย่าเล่าว่าในอดีต ชาวบ้านทุกคนอาศัยอยู่ในป่าที่ตั้งห่างจากหมู่บ้านปัจจุบันลงไปอีก จนกระทั่งมีการเข้ามาของบุคคลภายนอก มีการอ้างตัวเองเป็นผู้มีอิทธิพล อ้างว่ามาจากภาครัฐบ้าง - 85
มีคนเข้ามาตัดไหม พอชาวบ้านไม่ให้ตัด มีการใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นยิงกันตาย จนมาถึงช่วงนึงที่ชาวบ้านต้องเผาพวกใบไม้แห้ง เหมือนใบไม้แห้งมันจะมีอยู่ตลอดแล้วมันก็ทับถมกันขึ้นเรื่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าชาวบ้านก็ต้องเผาทีละนิด เพราะถ้ามันกองขึ้นแล้วถ้ามีไฟขึ้นมานิดนึงมันจะ - 86
ลามใหญ่มาก มันจะหยุดยากเขาก็เลยทยอยเผากัน มีการสร้างแนวกันไฟเรียบร้อย ปรากฏว่าวันที่เผามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเห็นควันไฟลอยมาจากอีกที่ ซึ่งมันจะเป็นป่าที่ชาวบ้านเขาจะไม่เข้าไปยุ่ง มันเป็นป่าที่ลึกเข้าไปอีก พอชาวบ้านเห็นแบบนั้นก็ตกใจรีบเกณฑ์คนไปดับ - 87
พอไปถึงเจอคนอีกกลุ่มนึงที่ไม่ใช่ชาวบ้าน คนพวกนั้นชี้หน้าแล้วบอกว่าชาวบ้านนี่แหละคือคนที่เผาป่า ชาวบ้านเขาคิดในใจว่าซวยแล้วภาษาไทยก็พูดไม่ได้ สรุปวันนั้นชาวบ้านขัดขืนเลยเกิดการต่อสู้กันขึ้นมา ทำให้อีกฝั่งนึงบาดเจ็บ - 88
ชาวบ้านก็รู้แล้วว่าถ้าทำให้อีกฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บมันไม่จบแน่ ก็ต้องมีเลือดอีกแล้วตกกลางคืนมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ มันมีเสียงปืนดังขึ้นในหมู่บ้าน ลุงสิงห์คำแกก็เกณฑ์เด็กคนแก่ไปอีกทางนึง รู้ว่ายังไงมันก็ต้องมาถึงข้างในแน่นอน แล้วมันไม่ได้มีแค่ต้นไม้ที่คนพวกนั้นต้องการ - 89
ไหนจะเหล็กไหลไหนจะสัตว์หายาก ถ้าได้ฆ่าแน่นอน สรุปคืนนั้นคนในหมู่บ้านแตกกันเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่สู้ไม่ยอมไปไหนยอมตายที่นั่น ก็เสียชีวิตจริงๆเพราะจอบเสียมธนูมันสู้อะไรกับปืนไม่ได้ ส่วนกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มของยายบัวคำกับแม่ย่านาคำ กลุ่มนี้ก็จะพาผู้ใหญ่เด็กชาย - 90
เด็กผู้หญิงไปอีกทางนึง ไปทางที่ปัจจุบันหมู่บ้านอยู่ กลุ่มของลุงสิงห์คำก็พาเด็กพาคนแก่ไปหลบที่โบสถ์ สภาพสุดท้ายที่เห็นเป็นภาพเดียวกับพวกพี่นับเห็นเลย แม่ย่าเรียกมันว่าปาฏิหาริย์ของป่า แกบอกว่าลุงสิงห์คำน่าจะอธิษฐานกับป่า อาจจะขอให้ป่าช่วยหรือปกปักรักษา เครื่องหลังจากนั้น - 91
ไม่มีใครมาเล่าต่อเพราะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโบสถ์ ปรากฏว่าตรงที่เป็นโบสถ์ตรงนั้นมันแผ่นดินยุบลงไปเหมือนดินถล่ม ไม่มีใครตามหาโบสถ์แห่งนั้นเจออีกเลย มีบ้างที่สองยายและชาวบ้านพยายามทำพิธีเปิดป่า เจอโบสถ์แต่เข้าไม่ได้ แต่วันที่เกิดเหตุเข้าได้เพราะมีของของคนที่อยู่ในโบสถ์ - 92
อยู่ข้างนอก(มีดที่อยู่กับพี่สุดา) หลังจากที่ทุกคนรับรู้เรื่องทั้งหมด พี่นับก็ไม่ได้บอกว่าเขาถามอะไรกันต่อ เขาบอกว่าคืนนั้นก็นอน แล้วเสียงปืนมันยังดังอยู่ในหัวอารมณ์เหมือนคนหลอน แต่วันสุดท้ายเหมือนไม่รู้ตัว สะดุ้งตื่นอีกทีคืออยู่ในรถ รถที่มีกระจกแตกแบบชัดเจนว่าเกิดอุบัติเหตุมา -93
พี่นับบอกว่าเชื่อไม่เชื่อก็ไม่รู้นะ แต่ตอนที่ป้าตื่นน่ะรถของป้าอยู่ริมทาง ท้ายรถอยู่ในป่าแต่หัวรถอ่ะยื่นออกมาบนถนน ซึ่งพี่นับบอกว่าคุ้นมากเลยทางนี้เหมือนเคยขับผ่านมาแล้ว แกก็เลือกไปทางที่เคยผ่านมา ก็เลี้ยวไปเจอกับร้านข้าวร้านเดิม - 94
ที่เจ้าของร้านให้กำไลมา เจ้าของร้านมีหน้าที่ดีขึ้น แสดงว่าผ่านมาแล้วหลายวัน เจ้าของร้านก็ถามว่าทำไมพวกคุณกลับมาเร็วจัง ผ่านไป 3 วันเอง ทุกคนก็งงแล้วที่เจอมามันเรื่องจริงไหม พี่นับก็เล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟัง แล้วตัวพี่นับก็จำได้ว่าต้องคืนกำไล - 95
แต่พอดูที่ข้อมือปรากฏว่ากำไลหายไปแล้ว กำไลหายไปทีนี้จะเล่าเรื่องคร่าวๆไม่ได้แล้วต้องเล่าแบบเต็มๆ เจ้าของร้านฟังปุ๊บแกเปลี่ยนท่าทีเลย ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แล้วแกก็ลงมานั่งฟังอย่างตั้งใจ สุดท้ายเพราะเราจบแกก็ร้องไห้ - 96
แกบอกว่าเคยได้ยินพ่อแม่เล่าเรื่องหมู่บ้านเก่าให้ฟัง แต่ตัวพ่อแม่เกิดไม่ทันนะคนที่เกิดทันคือรุ่นคุณยาย ซึ่งในยุคนั้นคุณยายยังเด็กอยู่ประมาณประถม แล้วสมัยนั้นคุณตามีน้องชายอยู่คนนึง ก็อายุประมาณประถม กำไลอันนั้นเป็นของน้องชายคุณตา - 97
ทำไมวันนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่กับน้องเขาวิ่งหนีคนละทาง พี่ชายคว้ามือน้องเอาไว้แต่ได้มาแค่กำไล แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอน้องชายอีกเลย ข่าวที่คนเล่าต่อๆกันมาคือมีโจรปล้นอยู่บ้าน พี่นับก็รู้สึกคุ้นๆ หน้าตาของเจ้าของร้านก็ดูคุ้นๆ เหมือนเจอที่ไหนแต่เขาก็ไม่แน่ใจ - 98
ว่าเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า แต่เหมือนเด็กที่เปิดประตูให้ที่โบสถ์ พี่นับก็ถามต่อว่ารู้จัก 3 คนนี้ไหม แม่ย่านาคำ ยายบัวคำ ลุงสิงห์คำ เจ้าของร้านพยักหน้า แต่ไม่ได้รู้จักตัวคนนะ แต่เป็นชื่อตำแหน่งหมอผีในหมู่บ้าน ตามความเชื่อในหมู่บ้านของเขาเป็นเหมือนหมู่บ้านต้องสาป หรือเป็น - 99
คำอวยพรอะไรสักอย่าง เขาบอกว่าในหมู่บ้านจะต้องมีผู้พิทักษ์ 3 คน 3 คนนี้จะถูกเลือกมาทำหน้าที่ที่ต่างกัน ตามความเชื่อที่เล่าต่อกันมาคือ 3 คนจะต้องเป็นคนนอกหมู่บ้าน คือจะต้องพูดไทยได้ บอกว่าเนี่ยเป็นคนที่ป่าเลือก ทำไมต้องเป็นคนนอกไม่มีใครรู้สาเหตุ หรืออาจจะมีคนในแต่ไม่ได้เล่า - 100
ต่อก็เป็นไปได้ จบเรื่องนี้ไปมันก็มีหลายอย่างให้เป็นปริศนาแก้ไขไม่ได้ แต่วันหลังจากนั้นเพื่อนทั้ง 5 คนก็ยังนัดกันต่อไม่เข็ด จะไปที่ป่าแห่งนั้นให้ได้ จะไปกี่ทีก็ไม่เคยเจอ นอนรอกลางป่าก็ทำมาแล้ว ป้าบอกว่าเห็นช้างเห็นกวางเห็นสัตว์หายาก เคยเห็นมาหมดแล้วแต่ยังไงก็ไม่เคยเจอหมู่บ้าน -101
จนมันผ่านไป 30 ปี จู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรมา 30 ปีตอนนั้นทุกคนก็อายุ 50-60 แล้ว มีโทรศัพท์โทรมาจากหลานสาวของพี่แนน โทรมาแจ้งเขาว่าคุณยายหายตัวไป ทางแพทย์เคยแจ้งว่าเป็นอัลไซเมอร์ อาจจะออกนอกบ้านแล้วกลับไม้ได้ อันนี้มันมีจดหมายฉบับดึงเข็มทิ้งไว้ที่บ้าน จ่าหน้าถึงเพื่อนๆ 4 คน - 102
เขียนประมาณว่า แนนฝันแบบเดิมซ้ำๆมาหลาย 10 ปี ระหว่างอยู่ในโบสถ์เสียงพวกนี้ดังแทบจะทั้งวัน แล้วในโบสถ์ก็มืดเหมือนเป็นตอนกลางคืนที่จุดเทียนไว้ ฟังแค่ 5-6 รอบแนนก็มึนแล้ว แต่เสียงพวกนั้นดังวนอยู่ทั้งวันไม่รู้วันรู้คืน จนเหมือนกับว่าเราต้องอยู่ในนรกที่ตายซ้ำเดิมถึง 500 ชาติ - 103
วันก่อนเข้าวันที่เท่าไหร่เราไม่ได้นับ ทนไม่ไหวเลยเปิดประตูโบสถ์ แล้ววิ่งออกมา มันรู้สึกมันฝันอยู่ภาพตรงหน้ามันไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่เห็นเป็นกลุ่มคนถือปืนกราดยิงไปทั่วโบสถ์ มีเลือดนองเต็มพื้นมีชาวบ้านนอนเกลื่อน ขอใช้คำว่านอนเกลื่อนเพราะไม่อาจนับได้ สักพักก็มีเสียงของ - 104
คุณลุงสิงห์คำดังขึ้นมา บอกให้กลับมาในโบสถ์โดยเร็วหากยังอยากมีชีวิตอยู่ แต่แนนบอกว่าอยากกลับบ้านแล้วก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้น คนที่ยิงก็ยิงไปเรื่อยๆคนที่ตายก็ตายซ้ำไปเรื่อยๆ ดิฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป แต่ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว - 105
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถ้าฉันออกไปได้ จะตอบแทนบุญคุณอย่างงามอยากได้อะไรให้หมด ต้องการอะไรให้หมด ขอแค่ได้ออกไป ดิชั้นพนมมือลงสิงห์คำรีบวิ่งออกจากโบสถ์ เงินไม่อยากให้ขออะไรเยี่ยงนั้น แต่ไม่ทันลุงกล่าวว่าหมดหวังแล้วเอ็งเอ๋ย - 106
ขออะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง จากนั้นดิฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย นั่งกอดกับยี่ดวงในมุมหนึ่งของโบสถ์ที่ไม่มีใครอยู่ ดิฉันฝันมาตลอดจนตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ มีหญิงชราคนนึงสวมหมวกลักษณะสูง ประดับด้วยหิน มีผ้าคลุมรอบด้านจนไม่เห็นผม เดินมาหาฉันทุกคืนในช่วงหลับ - 107
แกเอาแต่พร่ำบอกว่าขอบใจนะฝากเอ็งด้วย ดิฉันจึงรับปากตามคำสัญญา ประมาณนั้นเรื่องหลังจากนั้นพี่นับก็ไม่ได้เล่าโดยละเอียด เราแค่ว่าไม่มีใครเจอพี่แนนอีกเลย ตำรวจก็คาดว่าเป็นอัลไซเมอร์เดินออกไปแล้วก็หาย แต่ทั้ง 4 คนที่เหลือก็พยายามจะเข้าไปในป่าอีกครั้งนึง - 108
ครั้งสุดท้ายของความพยายามคือปี 2545 ก็ไม่เจอเหมือนเดิมไม่เจอทั้งคนไม่ใช่ทั้งป่า แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ร้านข้าวก็เปลี่ยนเป็นสถานที่ราชการ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ไปตี้กันอีกเลย

จบ.

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with •⁠ᴗ⁠•

•⁠ᴗ⁠• Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @kkbeaw

Sep 15, 2023
เรื่องราวของสองพี่น้องเอกับบี เอคนพี่เจ้าชู้มาก เมียจับได้ทีก็เปลี่ยนเบอร์ที จนบีได้ย้ายจากบ้านไปที่พักใหม่เพราะต้องไปเรียน เลยไปพักกับผญ.คนนึง สรุปผญ.คนนั้นก็เป็นเมียน้อยของพี่ชายตัวเองเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นก็มีเรื่องหลอนๆตามมา..

#เดอะโกสท์เรดิโอ #theghostradio Image
.
.
(( ))
(( ))

ลิ้งค์คับ ฝากให้กำลังใจทีมงานและนักเล่าด้วยน้า ❤️
เรื่องมันมีอยู่ว่าคนสองคนเป็นสองพี่น้อง ให้ชื่อว่าคุณเอกับคุณบี พื้นฐานของคุณเอที่เป็นคนพี่ คุณเอมีครอบครัว คุณเอส่วนตัวเป็นคนเจ้าชู้เมียจับได้ทีดึงตัวเองก็ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ทุกครั้ง ซึ่งคุณบีก็เห็นพฤติกรรมของพี่ชายตัวเองตลอดเวลา จนเวลาผ่านไป - 1
Read 24 tweets
Jun 9, 2023
เรื่องผีต่างแดนจากญี่ปุ่นค่ะ เรื่องราวของหมู่บ้านที่เกิดโศกนาฏกรรม โดยที่คนในหมู่บ้านต้องทำตามกฎที่เค้าตั้งมาห้ามแหกกฎเด็ดขาดดด ..

#คืนพุธมุดผ้าห่ม Image
.
.
(())
((https://t.co/TG4vjbylQ5))
.
.
ฝากติดตามช่องด้วยนะคะ 🫶🏻♥️ ImageImage
เขียนใต้เธรดนี้นะคะ..
Read 61 tweets
Jun 8, 2023
เรื่องนี้บังเอิญฟังตอนอยู่บนรถมันน่ากลัวว😱 เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น เรื่องของพี่ผู้ชายคนนึงเค้าประสบอุบัติเหตุ ที่ทำงานเลยบอกว่าให้พักฟื้นมห้หายก่อนมาทำงาน เค้าเป็นคนทำงาน แล้วพอต้องมาอยู่บ้านก็เริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆบ้าน เค้าก็สังเกตว่าจะมีเสียงเด็ก - 1

#คืนพุธมุดผ้าห่ม Image
.
.
ลิ้งค์ :
(( ))
(( https://t.co/U5RYyx6iPr ))
.
.
วันต่อมาประมาณ 2-3ทุ่มเค้าหิวเลยสั่งพิซซ่า แล้วพิซซ่ามันจัดโปรซื้อ 1แถม1 เค้ากินคนเดียวไม่หมด เลยเอาไปให้เด็กที่อยู่ชั้นบน เค้าเดาว่าน่าจะห้องนี่แหละ เพราะเสียงมันดังตรงกับห้องเค้าพอดี - 2
พอกดออดก็เงียบ จนกระทั่งมีเสียงตอบกลับจากจ้างในว่า ค่าใครคะ? เค้าเลยบอกว่าเค้าอยู่ข้างล่างเค้าเอาพิซซ่ามาให้ คนในห้องก็ตอบว่าไม่เป็นไรค่ะเรากินข้าวเย็นกันแล้ว แต่เค้าก็อยากจะให้อ่ะเนาะ คิดซะว่าเป็นการทักทายจากเพื่อนบ้าน ยังไงก็ช่วยรับไว้หน่อยละกัน - 2
Read 8 tweets
May 28, 2023
เรื่องนี้ก็มีคุณฟลว.ขอมาทางDmนะคะ เป็นเรื่องราวที่แม่มีแฟนใหม่ แต่แฟนแม่ไม่ชอบลูกจนลูกต้องออกไปนอนนอกบ้าน แม่ติดพนันเข้าออกคุกแต่ก็กลับมาอยู่วงจรเดิมซ้ำๆ สุดท้ายแม่เสียแล้วมีคนเห็นเปรตในหมูาบ้าน คนในหมู่บ้านเลยคิดว่าเป็นเปรตของคนแม่แน่ๆ แต่..

#เดอะโกสท์เรดิโอ #theghostradio Image
.
.
(( ))
(( https://t.co/lFPlC8kY9y ))
.
.
จะเขียนในเทรดด้านล่างนี้.. พรุ่งนี้ค่ะ.. 🫶🏻
Read 50 tweets
May 28, 2023
เรื่องนี้มีคนขอมาทาง Dm ไปฟังมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องคุณไสย สนุกมากแต่ก็รู้สึกหดหู่ไปในเวลาเดียวกัน เรื่องนี้น้องดีเจหญิงคนนึงไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน แล้วจู่ๆมีผช.มาจีบ แต่ผช.คนนั้นมีเมียแล้ว พอรู้ว่ามีเมียแล้วน้องเค้าก็ไม่ยุ่ง - ต่อ

#เดอะโกสท์เรดิโอ #theghostradio Image
จนเมียเค้าตามมาอาละวาดบอกว่า ถ้าอยากได้ผัวคนอื่นมาเดี๋ยวกูจะจัดให้หมดเลย จนวันนึงคุณโบนัสฝันว่าเห็นน้องดีเจสาวคนนี่ ปากโดนเย็บตาโดนเย็บจ้างนึง พูดไม่ได้!
.
.
(( ))
(( https://t.co/H2SBpYYjT0 ))
.
.

ไปฟังเลยเรื่องนี้น่ากลัวมาก แต่ก็หดหู่มากเหมือนกัน 🥲
ส่วนเขียนจะเขียนใต้เทรดนี้ 👇
Read 52 tweets
Nov 29, 2022
ลิ้งค์ :

เรื่องที่เขียนแล้วจะอยู่ใน ❤️ Likes ค่ะ

เรื่องนี้สนุก มี4เรื่องราวแล้วทุกเรื่องคือหลอนอ่ะ เพราะคนจองที่พักคือไปจองที่ไหนที่นั่นมีผีวายป่วงหมด 5555555

#เล่าเรื่องผีเดอะโกส #เล่าเรื่องผี #เรื่องผี #เดอะโกสท์เรดิโอ #เดอะโกส
#เดี๋ยวแมทเขียนให้อ่าน
Image
อ้วกแตกตาย พี่เก๋ไม่รู้จะทำยังไงตอนนั้นเลยพนมมือไหว้ บอกอภัยค่ะไม่ได้ตั้งใจ พอพี่เก๋พนมมือ พี่หวานก็บอกปากดีนักนะ กูจะเล่นอะไรก็ไม่ให้กูเล่น มึงขอขมากูเดี๋ยวนี้เลย พี่เก๋ไม่รู้จะทำยังไงเลยก้มกราบน้องสาว พี่หวานก็สั่งบอกไปทำขิงกินมาให้กูเดี๋ยวนี้ พี่เก็ก็ถามว่าจะกินอะไร - 11
พี่หวานบอกกูจะกินมาม่าผัดใส่ไข่ กูจะเอามาม่า 3กาละมัง สุดท้ายพี่เก๋ก็ยอมเดินออกไปเซเว่นไปซื้อมาม่า10ซองมาผัดให้น้องกิน ตอนนั้นคุณป้ากลับมาที่บ้านพอดี ก็งงทำไมหลานผัดมาม่า 3กาละมัง พี่เก๋ก็เล่าให้ฟัง ป้าบอกแปลกๆนะน่าจะโดนผีเข้า น่าจะผีเด็กด้วยนะ พี่เก๋ก็เชื่อครึ่ง - 12
Read 100 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Don't want to be a Premium member but still want to support us?

Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us!

:(