โอเมก้าในยามถึงวัยเจริญพันธุ์ บางคนอาจไม่จำเป็นจะต้องมีอัลฟ่าหรือใครคอยดูแลอยู่ข้างกายเสมอไป ใช่ เอวาเคยคิดแบบนั้น ก่อนที่จะเผลอทำยาระงับฮีทเม็ดสุดท้ายหล่นหายไปในตอนที่ไม่ดีเอาเสียเลย

ในงานสังสรรค์ทางธุรกิจ อัลฟ่าเกินสิบกำลังได้กลิ่นพิโอนี่หอมชวนดม

#ดอกไม้หวาน #จ้านป๋อ #zswwfic ImageImage
กลิ่นอ่อนนวลจมูกที่มีแต่เหมือนไม่มีด้วยถูกกดไว้ด้วยฤทธิ์ยาเริ่มกระจาย จากแค่รอบกายโอเมก้าเอวาเริ่มกลายเป็นหนึ่งเขตบริเวณ และไม่มีท่าทีจะหยุดความฟุ้งหอมลงแต่อย่างใด

สายตามากมายค่อยพาหันกันมาจับจ้องตามสัญชาตญาณ เอวาผู้เป็นหนึ่งในนักธุรกิจโอเมก้าไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จกำลังจะซวย
"ไม่นะ อึก..!"

มือขาวบางรีบยกปิดจมูก ด้วยกลิ่นไม้ซิทรัส กลิ่นป่าหลังฝน กลิ่นไม้สนในไพรชื้น กลิ่นอัลฟ่ามากแบบที่เคยอ่อนจนหากเอวาไม่ไปใกล้มากก็ไม่มีปัญหา บัดนี้กลับเข้มชัดเจนจนทำให้เอวาได้รู้ว่าตนเองก็อ่อนแอไม่ต่างจากโอเมก้าคนอื่น

กลิ่นพวกนั้นกำลังกระตุ้น และเอวากำลังจะฮีทกลางงาน
หน่วยเนตรสีอ่อนไหวระริก เอวารีบก้มหน้าสอดส่อง พยามจะมองหาเม็ดยาที่ตนเองพึ่งจะทำร่วงไปเพราะมือสั่นจากอาการน่ารำคาญประจำผู้มีเพศรองโอเมก้า หากแต่สายตาที่ไม่มีแว่นและลืมใส่คอนแทคเลนส์มันกลับไม่ได่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

ขาสองเริ่มสั่น เอวาเริ่มรู้สึกได้ว่ากางเกงชั้นในตัวเองกำลังแฉะ...
พิโอนี่กำลังจะเบ่งบานสะพรั่ง สัญชาตญาณสัตว์กำลังถูกปลุกด้วยดอกไม้ดอกเดียว

แน่นอนนี่ไม่ใช่ฮีทแรกสำหรับเอวา แต่นี่เป็นฮีทแรกที่ระงับไม่ทัน เป็นฮีทแรกที่กำลังจะเกิดต่อหน้าหมาป่ามากมายที่จับจ้องพร้อมจะขย้ำดอกไม้งามนี้ให้แหลกช้ำไปกับผืนดิน

ไม่เคยคิดว่าสายตาอัลฟ่าน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
เหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนเหวี่ยงให้ชวนเวียนหัว คิดอะไรไม่ออกจนมีแต่ความขาวโพลน เอวาที่พยามจะควบคุมร่างกายตนเองเพื่อขยับขาก้าวหนีสักก้าวยังทำไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรกในฐานะโอเมก้า

และกลิ่นเปลือกไม้สน ก็เป็นกลิ่นแรกที่เข้มชัดโดนเด่นขึ้นมาแบบไม่ทันให้เอวาได้เตรียมตัวเตรียมใจ
เอวารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันที ว่ามีอัลฟ่าหนึ่งคนกำลังจะเดินมาหาตนแล้ว

หมับ!

และไม่ทันขาดคำ พลันตามมาด้วยสัมผัสอุ่นจนแทบจะเรียกว่าร้อนสำหรับโอเมก้าที่กำลังฮีทก็ว่าได้ มือใหญ่หนึ่งจับหมับเข้าที่ต้นแขนเอวาจากทางด้านหลังไม่ให้สุ้มเสียงจนร่างน้อยสะดุ้งเฮือก

"อ๊ะ อย่ามาแตะผมนะ...!"
โอเมก้าคนเก่งพยามจะออกแรงสะบัด แต่ก็ได้แค่ทีเดียวเท่านั้นก่อนจะโดนแรงที่มากกว่าดึงตนให้เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

เอวาที่กำลังอ่อนแรงลอยไปแปะแหมะอยู่กับแผงอกแกร่ง ก่อนต้องพยามปิดจมูกมากกว่าเดิมเพื่อไม่ให้อะไรต่อมิอะไรยิ่งแฉะเพราะถูกเย้าด้วยกลิ่นเปลือกไม้สนอย่างอัลฟ่า

"ปล่อยนะ...ฮึก!"
ก้อนสะอื้นหนึ่งหลุดออกมาจากปาก เพราะความอ่อนแออย่างโอเมก้าเป็นอะไรที่เอวาไม่อยากจะยอมรับมากที่สุด ตลอดมาจึงพึ่งการกินยาระงับฮีทเพื่อให้ตนได้พิสูจน์ ว่าโอเมก้าก็เป็นที่นับหน้าถือตา มีชื่อในสังคมธุรกิจที่ส่วนใหญ่มีแต่อัลฟ่าได้ไม่แตกต่างกัน

แต่ตอนนี้ที่เอวาพลาด มันก็จะพังไปหมดแล้ว
โอเมก้าร่างน้อยที่ไม่เคยคิดจะกลัวอัลฟ่าหน้าไหนเลยในชีวิตเริ่มมีน้ำตา กายขาวเริ่มสั่นเทาและมีอาการสะอื้นไห้ด้วยเสียขวัญอย่างชัดเจน

เอวาสาละวนอยู่กับการใช้มืออีกหนึ่งที่ว่างพยามผลักอีกฝ่ายออก พร้อมบอกให้ปล่อยตนไปทีแม้จะไม่เป็นผลก็ตามอย่างหวาดกลัว

"ปล่อยนะ อย่ามาแตะตัวผมนะ...ฮึก!"
แน่นอนว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง แต่กลับกันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเอาไว้

ในตอนแรกที่กลิ่นเปลือกไม้สนเข้มชัดกว่าเดิมจนทำให้เอวาแทบคุมสัญชาตญาณไม่อยู่ เอวาคิดเพียงว่าให้ตายไปเสียยังดีกว่าต้องทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าผู้คน แต่ในเวลาต่อมาเอวากลับได้ยินประโยคเหมือนระฆังช่วยชีวิตแทน
"หยุดผลักผมสักทีคุณโบตั๋น นี่ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ อีกอย่างผมมียาระงับฮีทอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท คุณจะเอาไม่เอา?"

เอวารีบหันขวับเงยมองอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนในความพร่าเลือนน้ำตา สะอึกสะอื้นไปก็มองร่างสูงที่ยกมือพร้อมผ้าผืนเล็กปิดจมูกไว้ ใบหน้าคมมีเลือดฝาดด้วยคงงุ่นง่านจากฟีโรโมนเอวา
ฝ่ายโอเมก้ารีบพยักหน้าหงึกหงักรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด เพราะเอวารู้ดีว่าร่างกายตนตอนนี้กำลังค่อย ๆ ขาดการควบคุมไปทุกที สติที่แทบจะไม่มีเหลือแล้วนี่กำลังจะหลุดลอยจนเหลือเพียงความอยากมีเพศสัมพันธ์แบบสัตว์เต็มทน

ยิ่งเมื่อมีกลิ่นอัลฟ่ามาให้ดมใกล้ขนาดนี้ อาจจะน่าอายหน่อยแต่ก็แฉะไปหมดแล้ว
"คุณหยิบเอาเลย ในซองกระเป๋านอกข้างซ้ายผมมีพกไว้สองเม็ด"

เกิดคำถามมากกว่าหนึ่งในหัวเอวา ทำไมอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนนี่พกยาระงับฮีทอย่างโอเมก้า? ทำไมต้องเข้าใกล้เอวาด้วยกลิ่นที่เข้มเหมือนจะแกล้งกันขนาดนี้? และทำไมถึงต้องให้เอวาหยิบยาระงับฮีทเองทั้งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวเองแท้ ๆ ?
"หยิบไปสิ คุณคิดว่าอัลฟ่าอย่างพวกผมมันทนกลิ่นโอเมก้ากำลังจะฮีทแบบคุณได้เป็นชั่วโมงหรือไง หรือว่าอยากโดน?"

ใบหน้ามีเลือดฝาดเต็มทนก้มลงมาดุพร้อมสายตาและน้ำเสียงที่ทำเอาโอเมก้าเอวารีบล่กหยิบแผงยาระงับฮีทจากกระเป๋าสูทคนตัวสูง

"ม...มันแบบอ่อนนี่ ไม่พอหรอกนะ หมดนี่ผมยังไม่หายฮีทเลย"
เจ้าของกายขาวเนียนละเอียดว่ายามก้มมองเม็ดยาในซองที่คุ้นเคยตาเป็นอย่างดี แต่ยังไม่ทันให้ได้เงยหน้าขึ้นไปหวังจะคุยถามว่าพกแบบอื่นไว้อีกไหม เอวาก็พลันต้องสะดุ้งเฮือกถอยหนี

เพราะเอวาได้ยินเสียงขู่ในลำคออีกคนที่ดังขึ้นมา!

"ค...คุณ?"

ไม่ ไม่ได้ขู่เอวา แต่ขู่อัลฟ่าข้างหลังเอวาต่างหาก
เอวาพลันได้คำตอบทันที ที่แท้ที่อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนนี่เข้ามาใกล้ด้วยกลิ่นที่เข้มเหมือนจะแกล้งกระตุ้นอารมณ์เอวาให้ควบคุมไม่อยู่ ความจริงคือพยามจะใช้กลิ่นตนกลบกลิ่นเอวาลงไปไม่ให้เป็นจุดสนใจต่างหาก

"กินเข้าไปคุณโบตั๋น อย่างน้อยก็ต้องดีกว่ายืนกางเกงเปียกอยู่แบบนี้ไม่ใช่หรือไงล่ะ?"
เป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า และเอวาตอนนี้ก็ไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากมายนัก ยิ่งเมื่อหันมองไปตามสายตาคมที่กลับไปจ้องขู่บางอย่างด้านหลังตนเอาไว้อีกครั้ง เอวาก็ยิ่งรีบตัดสินใจเปิดซองจับยาสองเม็ดกรอกใส่ปากในทันที

อัลฟ่าน่ากลัว เอวาพึ่งได้รู้ซึ้งก็วันนี้ที่พลาดเป็นครั้งแรกนับแต่เกิดมา
"ล...แล้วน้ำ?"

แต่ยังไม่ทันให้เนตรกลมใสต้องกวาดสายตาหาน้ำสักแก้วที่อยู่ใกล้มือตนมากที่สุด อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็รีบย่างสามขุมไปหยิบเอาจากพนักงานเบต้าที่กำลังจะหลบสถานการณ์มาให้ได้อย่างทันท่วงที

แค่ครู่เดียวที่ผละละออกไป ก่อนจะกลับมาบังเอวาเอาไว้เหมือนเดิมยิ่งกว่าหมาป่าหวงคู่
ยังไม่ทันรู้สึกไม่ปลอดภัยก็กลับมาหาแล้ว โอเมก้าของอัลฟ่าคนนี้คงจะน่าอิจฉามากแน่ เอวาคิด

"อะน้ำ"

มือน้อยรีบรับแก้วมาไว้ในมือ กล่าวขอบคุณและรีบยกดื่มพาให้ยาเข้าสู่กายตนไปเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพราะเอวาจะไม่ยอมให้ความร้อนรุ่มและเฉอะแฉะด้วยอารมณ์อยู่เหนือความควบคุมจากสมองตนเด็ดขาด
เอวาจะไม่ยอมให้ทุกอย่างที่พยามทำ พยามจะพิสูจน์ให้ตัวเองมาตลอดต้องมาพังด้วยเหตุผลโง่เง่าแบบนี้

"ดีขึ้นไหม?" อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนถาม

"ตอบไม่ได้ ยายังไม่ออกฤทธิ์"

หรือต่อให้ออก ด้วยฤทธิ์ยาที่อ่อนก็คงทำกายที่กำลังร้อนรุ่มและมีบางส่วนที่เปียกชุ่มไปตามอาการถูกระงับจนสนิทไม่ได้แน่
ฤทธิ์ยาแค่นิดเดียวนั่นไม่มีทางพอให้เอวาที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์เต็มที่กลับไปมีกลิ่นเหมือนเบต้าได้ แทบจะไม่พอให้เอวามีสติควบคุมความอยากมีอะไรต่อมิอะไรได้เลยด้วยซ้ำ

ฝ่ายผู้มีเพศรองเป็นอัลฟ่าลอบมองฝ่ายโอเมก้าที่กลิ่นยังไม่ได้เบาลงเลยตามสัญชาตญาณ อะไรต่อมิอะไรเริ่มจะปวดหนึบขึ้นมาแล้ว
ลำคอเริ่มแห้งผาก บางอย่างที่แสดงเพศสภาพเบื้องล่างเริ่มจะตอบสนองกับกลิ่นที่แสนเย้ายวน

แต่เพราะยังมีสายตาจากอัลฟ่าอีกมากมายที่จับจ้องโอเมก้าเลินเล่อลืมกินยาระงับนี่ด้วยอารมณ์อย่างกามชัดเจน อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนจึงต้องไล่ความคิดที่ห้ามไม่ได้ของตนเองออกไป แล้วเงยหน้ากลับขู่อีกครั้ง
สิ่งเดียวผู้อัลฟ่าที่คิดออกว่าต้องทำในสมองที่เริ่มขาวโพลนคือ ต้องพาโอเมก้าตัวขาวออกไปจากงาน แต่ถ้ากลิ่นยังไม่ยอมเบาลงแบบนี้ไปกับอัลฟ่าอย่างตนก็อันตราย ครั้นจะให้เบต้าพาไปหรือเบต้าก็สู้แรงอัลฟ่าไม่ได้หากมีการแย่งชิงตัวกันเกิดขึ้น

ปัญหาคือกลิ่นหอมกับท่าทาง และกางเกงที่เปียกแฉะนั่น
ท่ามกลางความคิดพร้อมการส่งเสียงขู่ในลำคอใส่อัลฟ่าที่เริ่มจะไม่สนใจกลัวเกรงกัน อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนพลันก็ต้องตกใจและส่งเสียงหือหาออกมา ด้วยอยู่ดีโอเมก้าที่ตอนนี้กำลังมีใบหน้าแดงด้วยอารมณ์ตัญหาก็เปล่งเสียงออกมา

เพื่อกล่าวประโยคที่ชวนเลิกคิ้ว

"คุณ ถอดเสื้อนอกคุณมาให้ผม"

"ห๊ะ?!"
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจเลยคับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 Image
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนหันขวับลงมอง คิ้วเป็นทรงเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในตัวอีกฝ่าย

ที่แย่กว่าคือกายร่างขาวอย่างโอเมก้า แถมยังน่ารักด้วยกลิ่นพิโอนี่นั่นกลับขยับมาใกล้ และใช้มืออีกข้างที่ว่างจับสูทตัวใหญ่ พยามถอดเอาไปเมื่อไม่ได้รับการตอบรับแบบเป็นการถอดให้ทันทีแบบที่ต้องการ

"เอามา"
โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่เปล่งคำเอาแต่ใจ กายที่อ่อนปวกเปียกไปด้วยแรงอารมณ์ตัญหากำลังพยามใช้มือข้างเดียวที่ไม่ได้ปิดจมูกอยู่ถอดสูทนอกของอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนกลางงาน

"เห้ย?! คุณเดี๋ยว นี่มันเสื้อผมนะ"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนไม่ได้ยอมให้เอาไปแต่โดยดี กลิ่นเข้มยิ่งกระจายด้วยอารมณ์ไม่พอใจ
และนั่นก็ทำเอาเอวาต้องปิดจมูกหนักกว่าเดิมจนสังเกตได้ เรียวขาที่สั่นเริ่มเปียกแฉะด้วยอะไรที่รู้กันดีหนักกว่าเก่าจนอัลฟ่าด้านหลังมองเป็นตาเดียว

"กลิ่นคุณ อึก! หยุดสักที ให้ยาผมแต่ก็กระตุ้นผม นี่จะช่วยหรือจะทำให้ผมแย่ลงกันแน่?"

มือจากที่พยามจะถอดสูทนอกอีกฝ่ายกลายเป็นต้องใช้เกาะแทน
โดยที่เอวาไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าแรงมือที่บีบไหล่กว้าง เสียงลมหายใจที่เผลอกระเซ่าสั่น ไหนจะกายที่แอบบิดเร้าไปตามอารมณ์ที่แม้จะพยามควบคุมไว้แต่ก็ห้ามได้ไม่สนิทนั่น ทำอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนแทบจะรัทเอาให้ได้เสียตรงนั้น

ถึงก้บต้องท่องรายชื่อบริษัทผู้ร่วมถือหุ้นเพื่อสงบสติอารมณ์ไปรอบนึง
"คุณให้ยาระงับฤทธิ์อ่อนแค่นี้มา คุณก็อย่าเผลอใช้กลิ่นกระตุ้นผมมากได้ไหม เดี๋ยวถ้าผมฮีทขึ้นมา ซวยคู่แน่อยู่ใกล้กันขนาดนี้"

โอเมก้าเอวากล่าว พลางพยามควบคุมลมหายใจที่ไม่อาจสูดใจได้เต็มปอดไปพร้อมกับคิดอะไรอย่างอื่นในหัวแทนเรื่องอย่างว่าที่ร่างกายต้องการเหลือเกิน

"ก็คุณจะถอดเสื้อผม"
เสียงจิ๊จ๊ะดังออกลอดมาจากปากกระจับงาม ฝ่ายโอเมก้าลอบใช้เท้าที่อ่อนแรงเตะเบา ๆ ไปที่เท้าฝ่ายโอเมก้าทีหนึ่งด้วยรู้สึกขัดอกขัดใจเหลือเกิน

"ผมไม่อยากจนพิศวาสคุณหรอกน่ะ ผมแค่จะเอากลิ่นคุณคลุมตัวต่างหาก ถึงจะลำบากผมต้องควบคุมตัวเองหน่อย แต่ก็ไม่เสี่ยงโดนอยาก 'เอา' จากอัลฟ่าแบบพวกคุณ"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนรู้สึกคิ้วตนกระตุกเล็ก ๆ ลอบคิดถามในใจว่าหมายความว่ายังไงที่โอเมก้ากลิ่นโบตั๋นนี่ว่า 'ไม่อยากจนพิศวาสคุณ'

ทำไมกันเหรอ อัลฟ่าหล่อ รวย เป็นนักธุรกิจ เล่นหุ้นเล่นอสังหาฯ แถมยังมีกลิ่นเปลือกไม้สนเข้ม ๆ แต่สายตาสั้นนิดหน่อยอย่างเขานี่ไม่น่าพิศวาสตรงไหนหรือไง ชิ!
ถามเชิงบ่นในใจไป ผู้อัลฟ่าเองก็ว่าความคิดอีกฝ่ายเป็นความคิดที่ดี ครู่เดียวจึงใช้มือเพียงหนึ่งข้างที่เหลือค่อยถอดสูทนอกตัวเก่งตนออก ทำเป็นเมินเป็นมองไม่เห็นมือที่รีบยื่นมารับ และวางแหมะไว้บนหัวอีกคนที่ตัวเล็กกว่าแทนจนร่างขาวนั่นสะดุ้งเฮือก

"เดี๋ยวผมก็ฮีทหรอกคุณ!"

"อย่าให้ยับนะ"
โอเมก้าเอวาลอบแยกเขี้ยวใส่อย่างหมั่นไส้ไปที ก่อนจะหยิบเอาสูทตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเปลือกไม้หอมจมูก และเป็นดังยากระตุ้นดี ๆ สำหรับโอเมก้ากำลังจะฮีทนี่เองค่อยคลุมร่างตนเองเอาไว้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ

และสัมผัสแรกที่ได้รับ นอกจากกลิ่นเปลือกไม้นั่น ก็คืออุณหภูมิกายที่ติดมา

'อุ่นดีจัง'
และก็อุ่น จนโอเมก้าเอวาต้องแอบเงยหน้าไปมองใบหน้าหล่ออัลฟ่านั่นชัด ๆ สักที

ตัวอุ่น กลิ่นหอม ใจดี หล่อ รวย แถมมีงานที่ดี ไม่พอยังใส่ใจ ไม่ปล่อยให้โอเมก้าต้องรู้สึกไม่ปลอดภัย ขนาดเอวาเป็นโอเมก้าที่เขาไม่รู้จักก็ยังช่วยเลย

ถึงจะกวนไปบ้าง แต่โอเมก้าของอัลฟ่าคนนี้ คงน่าอิจฉามากจริง ๆ
"มองไรคุณ?" อยากจะตีปากนั่นสักที

"เปล่า ผมก็แค่กำลังคิดว่าจะพูดยังไงให้คุณช่วยพาผมออกไปจากงานหน่อย ผมจะได้ปลอดภัย"

"แล้วนั่นมันเปล่าตรงไหน?"

จ้ะ ไม่ผิดจ้ะ แต่เอวาแทบจะง้างมือรอแล้วหากไม่ติดว่าตนเองตอนนี้สภาพไม่สู้ดี และอีกฝ่ายก็เป็นอัลฟ่า ปากนั่นเสียจนอยากจะจับทิ้งลงถังขยะจริง
"หลังผมพาออกไป ใครจะดูแลคุณให้ปลอดภัยตลอดรอดฝั่ง?"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนไม่ได้สนใจมือขาวที่แอบกระตุกอยากตีตน ถามอย่างห่วงใย

"อย่างน้อยถ้าไปถึงรถก็มีเบต้าคนขับรถผมแล้วก็น่าจะมียาที่ติดไว้ในรถด้วย ต่อให้มีอัลฟ่า 'อยาก' จนตามไป ตอนนั้นยาระงับอาจออกฤทธิ์ ผมกับเบต้าช่วยกันก็อาจรอด"
ผู้มีเพศรองเป็นอัลฟ่าเลิกคิ้วอีกครา ละเมียดมองโอเมก้าไม่รู้จักชื่อที่มีกลิ่นพิโอนี่หอม จริงอยู่ว่าโอเมก้าหลายคนในยุคนี้ปฎิวัติตัวเองเรียนศิลปะการป้องกันตัวกันแพร่หลาย แต่ว่าบางทีด้วยเพศสภาพก็ใช่ว่าสิ่งที่เรียนมาจะใช้ได้เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์หากเจอกับอัลฟ่าที่ก็เรียนมาเหมือนกัน
ครู่เดียวเมื่อวิเคราะห์สภาพร่างกายโอเมก้าตัวขาวผ่านตาเสร็จก็เอ่ยปากบอกแกมบังคับ

"ผมพาออกจากงานไปเอายา แล้วเดี๋ยวไปส่ง"

"หา?"

ยังไม่ทันให้โอเมก้าตัวน้อยตกใจหรือตอบตกลง มือใหญ่ก็คว้าหมับจับเอาข้อมือเล็กจนรอบ ทำกายน้อยสะดุ้งด้วยใจในทันที

"คุณ อึก! คุณปล่อยผมนะ"

"ทำไมต้องปล่อย?"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนถามไปตามประสา พอทราบอยู่จากการพบหน้ากันครั้งแรกว่าอีกฝ่ายตกใจและกลัวได้ง่าย แต่สาบานเลยว่าพอเห็นท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นแล้วจึงไม่ได้คิดไว้สักนิด ว่าจะได้น้ำตาและเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นกลับมาเป็นคำตอบในทันทีแทน

"คุณกำแน่น ผมเจ็บ ฮึก! มือคุณก็ร้อน ผมกลัวนะ ฮืออ"
โอเมก้าร่างขาวงอแงไปข้อมือที่ถูกจับเอาไว้ก็พยามบิดออกจากมือใหญ่พร้อมกับสีหน้าเหยเก อย่างกับจะช่วยเสริมว่าทุกอย่างที่ตนได้เปล่งพูดออกไปนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การแสดงหรือแกล้งทำนะอย่างไรอย่างนั้น

"ขอโทษทีคุณ"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนละล้ำละลัก รีบปล่อยมือออกจากข้อมือน้อยแทบไม่ทัน
และโอเมก้าเอวาก็รีบชักมือตนกลับไปซ่อนไว้ด้านหลัง พร้อมกับถอยห่างออกไปก้าวหนึ่ง ลูกแก้วสีสวยมองมาด้วยท่าทีหวาดกลัวในสัมผัสทันที

กายกลิ่นพิโอนี่สั่นเทาชัดเจน มีแอบบิดเร้าให้เห็นเล็กน้อยตามอาการฮีทที่ไม่สุดจากยาระงับช่วยแต่ไม่ใช่ไม่อยาก ทำได้แค่ช่วยให้ผู้ที่กินมันมีสติ

"..โกรธคุณ"
ก่อนปากกระจับน่าจูบนั่นจะขยับงุบงิบบ่นออกมา จนผู้มีเพศรองเป็นอัลฟ่าต้องยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง พร้อมสีหน้างงงวย

แต่ยังไม่ต้องให้อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนได้ทำหน้าเหลอหลานานนัก เสียงขู่แค่ฮึ่มเดียวจากอัลฟ่าอื่นด้านหลังก็ทำโอเมก้าน้อยสะดุ้งตกใจเดินดุกดิกมายืนข้าง ๆ ทั้งที่ปากบอกว่าโกรธ
อัลฟ่าตัวสูงหลุดขำพรืดออกมาในทันที

และมันก็ทำเอาหน่วยตาสวยที่มีน้ำตาเอ่อคลออยู่ช้อนมองขึ้นดุเหมือนจะถามว่า 'ขำอะไร' อย่างไม่พอใจ ซึ่งช่างย้อนแย้งกับไหล่เล็กที่สั่นจากสะอื้นฮึกฮักนั่นที่กลับแทบจะติดกับแขนแกร่งอย่างกลัวอัลฟ่าด้านหลังแล้ว

"ไหนว่ากลัวผม?"

"ข...ข้างหลังน่ากลัวกว่า"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนส่ายหน้าไปมาให้กับท่าทีโอเมก้าตัวเล็กข้างกายอย่างเอ็นดู แต่ก็นะ พอได้มองร่างที่พยามซุกตัวอยู่ในสูทตัวเก่งตนเองไปก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าคงระแวงมากจริง ๆ

"เอาเป็นว่าผมขอโทษที่จับคุณแรง ผมไม่รู้ว่าแรงผมจะทำให้คุณเจ็บ และผมก็ไม่รู้ว่ามือผมจะร้อนขนาดทำให้คุณกลัว"
โอเมก้าที่จะฮีทก็ไม่ใช่ จะไม่ฮีทเพราะยาก็ไม่เชิง จะไม่มีสิทธิถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นหรือสัมผัสจากอัลฟ่าเลยก็ไม่ถูกแบบนี้คงจะต้องระแวงเพื่อระวังตัวเองไว้มากจริง ๆ

เพราะสัญชาตญาณสัตว์ เมื่อมันออกมาแล้วร่างกายก็เหมือนอยู่เหนือสมองอย่างสมบูรณ์แบบ

จนกว่าจะ 'เสร็จจนพอใจ' จะไม่มีคำว่าหยุด
และแน่นอนว่าเป็นอย่างที่อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนเข้าใจ เอวาไม่ได้กลัวในตัวอีกฝ่ายเลย ออกจะเชื่อใจหลังจากที่ได้ยามาจับใส่ปากแล้วด้วยซ้ำ หากแต่เพราะมือที่ร้อนผ่าวนั่นต่างหากที่ทำให้เอวารู้สึกไม่ดี

สัมผัสกระตุ้นที่มาพร้อมแรงที่เอวาสู้ไม่ได้ ทำให้เอวากลัวว่าถ้าหากเอวาพลาดจะไม่มีทางรอด
เอวากลัว ว่าถ้าหากเอวาถูกกระตุ้นจนฮีท จนกลิ่นจากสูทที่คลุมกายอยู่นี่ไม่สามารถช่วยปกปิดกลิ่นพิโอนี่ได้ เอวาจะไม่มีสิทธิแม้แต่จะขัดขืนอีกฝ่ายที่ก็คงมีอาการรัทตามมาในไม่ถึงนาที

เอวาก็แค่กลัวไปก่อน แค่ไม่อยากอยู่ในอันตราย

"นี่ ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าอยู่ คุณร้องไห้ไปไม่มีคนเช็ดน้ำตาให้นะ"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนว่าไป ก็เอื้อมมือเพียงหนึ่งข้างที่ว่างไปติดกระดุมที่มีเพียงเม็ดเดียวของเสื้อสูทนอกตนให้ร่างที่ขโมยมันไปสวมใส่ ก่อนจะหยิบปลายแขนเสื้อตัวใหญ่สำหรับอีกฝ่ายค่อยแปะลงที่ใต้หน่วยตาสวยที่มือปิดไม่ถึงไปทีสองที

ช่างเป็นการเช็ดน้ำตาให้ที่ไม่โรแมนติกอ่อนโยนเอาเสียเลย
"ไปกัน ผมพาไปเอายาที่รถ จะได้ไปส่ง"

ก่อนที่จะวาดวงแขนโอบเอาเอวเล็กแบบหลวม ๆ ไม่ได้ให้มือสัมผัสผ่านผิวผ้าหรือส่งอุณหภูมิผ่านให้คนตัวเล็กกลัวอีก ไหนจะที่ปากก็ว่าจะไม่เช็ดน้ำตาให้ แต่สุดท้ายก็หยิบแขนเสื้อตัวเองมาแปะเอาน้ำตาออกไปจากใบหน้าให้อยู่ดีอีก

ถึงปากจะไม่ค่อยดี แต่ใส่ใจดีจัง
เอวาขอพูดย้ำอีกเป็นรอบที่สาม ว่าโอเมก้าของอัลฟ่าคนนี้ คงจะเป็นคนที่โชคดีมากไปจนถึงมากที่สุดจริง ๆ

เพราะขนาดกลิ่นอายอัลฟ่าและสายตาชวนหวาดกลัวมากมายยังเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุ แค่เพียงเอวาไม่มองและสนใจเพียงใบหน้าด้านข้างของอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนที่กำลังปกป้องตน เอวาก็รู้สึกปลอดภัย
วงแขนหลวม ๆ กับกลิ่นเข้ม ๆ ที่ลอดจมูกมาให้ได้กลิ่นอ่อน ไหนจะใบหน้าดุ ๆ และเสียงขู่ในลำคอที่ไม่ได้แสดงขึ้นเพื่อใช้กับเอวา หากแต่ใช้เพื่อปกป้องเอวาต่างหากนั่น ถ้าไม่ติดว่าปากเสียและเอวากำลังอยู่ในสภาพไม่สู้ดี อัลฟ่าคนนี้ก็น่าเข้าหาอยู่ใช่น้อย

เอวาเผลอกระชับสูทนอกตัวใหญ่แนบกายขึ้น
และเผลอขยับเรียวนิ้วงามที่ปิดจมูกไว้แนบมิดสนิทที่สุดเท่าที่จะทำได้ออกเล็กน้อย เพื่อเอากลิ่นเปลือกไม้สนหอม ๆ ชวนสบายใจนั่นเข้าจมูกเล็กน้อยแบบไม่รู้ตัว

ใช่อยู่ว่าทำเอวาในสภาพนี้ยิ่ง 'แฉะ' แต่น่าแปลกที่กลับรู้สึกพอใจไม่ได้อยากจะคัดค้านที่จะรู้สึกตามความเป็นโอเมก้าแบบเก่าเท่าไหร่นัก
จนครู่หนึ่งต่อมา สองก็ออกจากโถงงานเลี้ยงสังสรรค์ มาจนถึงลานจอดรถภายในตัวอาคารได้อย่างปลอดภัยหรืออาจจะไม่ก็ได้ในที่สุด

และอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็รีบละออกจากโอบช่วงเอวบางอย่างโอเมก้าอย่างให้เกียรติ เรียกสติที่กำลังเผลอไผลไปกลับกลิ่นหอมเข้มอย่างอัลฟ่าจากร่างบอบบางกลับมาได้ในที่สุด
"ข...ขอบคุณนะคุณ"

เอวากระพริบตาปริบมองไปรอบตัว เมื่อเห็นว่าตนมาถึงลานจอดรถแล้วเลยบอกตะกุกตะกักอย่างกลัวโดนอีกฝ่ายจับได้ว่าตนเผลอไผลไปกับกลิ่นหอมนั่นเสียนาน

หากแต่ผิดคาดที่อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนกลับไม่ได้รับรู้ และทำเพียงยิ้มน้อย ๆ กับพยักหน้าหงึกหงักรับคำแบบสบาย ๆ ให้ก็เท่านั้น
ซึ่งแม่ง โคตรจะสะกดสายตาเลยให้ตายเถอะ

"ว่าแต่ไหนรถคุณล่ะ ผมจะได้พาไปเอายา"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนถามไปก็หันไปมองรถที่จอดเรียงกันยิ่งกว่าโชว์รูมอย่างพินิจ เอวาที่เกือบจะเผลอสติหลุดลอยไปเพราะใบหน้าหล่อคมนั่นอีกรอบค่อยพยักเพยิดหน้าบอก

"น...นั่นไง เบนซ์สีเมทัลลิคคันเดียวตรงโซน A1"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนเลิกคิ้ว มองรถเบนซ์สีเขียวเมทัลลิคแบบสั่งทำสีพิเศษก่อนจะส่งเสียงตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย ด้วยเหตุคือรสนิยมโฉบเฉี่ยวแปลกไปจากโอเมก้าทั่วไปมากโข

แถมมองแล้วก็อดหันมองคนข้างกายตนไม่ได้ด้วย เพราะเผลอคิดไปว่านี่ถ้าไม่ได้กำลังอยู่ในสภาพไม่สู้ดี คงจะแสบใช่ย่อยเลยดูท่า
"คุณคงดื้อน่าดูเลยสิถ้าไม่ฮีท"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนพูดแซวยิ้ม ๆ พลางก็จับชายเสื้อสูทตนเองที่เหมือนจะกลายเป็นเสื้อคลุมให้อีกฝ่ายไปแล้วเพื่อพาโอเมก้าเอวาเดินไปที่รถ

ก่อนระหว่างทาง ก็นึกเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"โอเมก้าดื้อ ๆ ? ขับเบนซ์สีเขียวเมทัลลิค? วันฮีทอาจจะเป็นวันนี้?"
ใช่ อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนกำลังเอะใจอะไรบางอย่าง เพราะทุกอย่างที่ตนพึ่งจะพูดออกไป คือใครสักคนที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องมาร่วมงานสังสรรค์นี้ทั้งที่ไม่ได้ร่วมลงทุน และยังต้องมาร่วมพร้อมกับยาระงับฮีทที่ไม่ได้อยากจะพกติดตัวมาสักนิดเดียวเพราะไม่จำเป็น

"ทำไมเหรอคุณ?" เอวาได้ยินก็นึกสงสัย
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนหยุดเดินก่อนจะถึงโซนรถเอวาประมาณโซนหนึ่ง หันหลังกลับมามองด้วยใบหน้าเต็มด้วยความสงสัย พร้อมส่งสายตาละเมียดละไมมองผู้โอเมก้าแต่หัวจรดเท้า

"คุณชื่ออะไร?"

เสียงทุ้มเปล่งถาม ขอสาธุบุญทูนหัวว่าอย่าได้เป็นชื่อที่ตนได้ยินมา

"อนันต์สิทธิ์ ชื่อเล่นผม เอวา"

ฉิบหาย!
เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคำว่าซวยยังมีคำว่าบัดซบ อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนอุทานคำหยาบเกินหนึ่งออกมาจากปากพร้อมกับมือใหญ่ที่ปล่อยออกจากเอวา ร่างสูงถอยห่างท่าทีตกใจและไม่อยากจะเชื่อในโชคชะตาตัวเองอย่างเต็มที่

ผู้เป็นอัลฟ่ายกมือที่ว่างกุมขมับทันที เอวาเลิกคิ้ว

"ทำไมเหรอคุณ ชื่อผมมีไร?"
คนมีเพศรองเหนือกว่าส่ายศีรษะไปมาเป็นเชิงว่าชื่อเอวาไม่ได้มีอะไรและไม่ได้เป็นสาเหตุให้ตนมีท่าทีแบบนี้ เอวาถามซ้ำอย่างสงสัย อีกฝ่ายพ่นลมหายใจยาวเหยียดหนักใจก่อนเปล่งเสียงออกมาในที่สุด

"ผมสวรินทร์ หรือ 'พี่ซันเดย์' ที่คุณคงเคยได้ยิน"

เท่านั้นแหละ เอวาตาโตยกนิ้วชี้ไปที่อีกคนในทันที
"คุณ? คุณคือพี่ซันเดย์? ที่ผมจะแต่งด้วยเดือนหน้าน่ะนะ?!"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สน หรืออัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่มารดาสุดที่รักเอวาชอบกรอกหูว่าดีอย่างนู้นหล่ออย่างนี้ทุกวี่วัน บิดาหรือก็บอกเก่งอย่างนั้นน่าแต่งด้วยอย่างนี้อยู่ทุกค่ำคืนพยักหน้า

"แม่ง!" เอวาสบถคำโต

"ผมนี่สิควรแม่ง แม่งเ*ด"
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบที่สองเลยคับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 Image
อัลฟ่าพี่ซันเดย์กับโอเมก้าน้องเอวา หากพูดถึงชื่อสองบุคคลนี้ขึ้นมากลางวงเสวนาทางธุรกิจ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องร้อง 'อ๋อ' ด้วยรู้ดีถึงความสามารถและรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคน

อัลฟ่าโอเมก้าคู่นี้ หมั้นหมายกันมาแต่เยาว์ แค่เริ่มเดินเตาะแตะบิดามารดาก็จัดพิธีจองกันและกันให้เสร็จสรรพ
ด้วยฐานะทางสังคมที่เท่าเทียม ฐานะทางครอบครัวที่ไม่ได้ต่าง ไหนจะยีนที่ได้มาจากบิดามารดาก็ทำหน้าตาดีทั้งคู่ ความสามารถหรือต่างก็ล้นเหลือ ทุกคนรู้ว่านี่เป็นคู่ที่เหมาะสมเสียยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก ไม่มีอะไรเป็นที่ติเลยสักอย่าง

แต่น่าเสียดายที่เด็กสองคนกลับไม่ได้อยู่เล่นทำความรู้จักกัน
หลังจบพิธีหมั้นหมาย ฝ่ายครอบครัวผู้มีอัลฟ่าก็พลันต้องพากันบินลัดฟ้าย้ายไปอยู่นิวยอร์กอย่างกระทันหัน ด้วยมีเหตุผลจากสัญญาจ้างที่ได้มาแบบไม่ทันให้ได้เตรียมตัว และติดสัญญาเป็นระยะเวลานานถึงห้าปี

ครอบครัวผู้มีโอเมก้าไม่ได้บินตามไปเพื่อให้เด็กสองคนได้สนิทสนมกัน พวกเขาแยกกันนับจากนั้น
และวันเวลาก็เริ่มหมุนเวียนผ่านไป จากห้าปีเริ่มจะเป็นหก จากหกเริ่มกลายเป็นเจ็ดและแปดไปเรื่อย จนล่วงเลยมาเป็นเวลานานถึงเกือบยี่สิบปี

และล่วงเลยมานาน จนอัลฟ่าและโอเมก้าที่หมั้นหมายกันในวัยเยาว์ จำใบหน้ากันไม่ได้แม้เพียงสักเสี้ยวเดียว

ไม่รู้จักกันเลยจนจะถูกจับแต่งงานกันในเดือนหน้า
เมื่อต้นเดือน เอวาได้รับข่าวที่ชวนจะงงงวยและทำให้ตกใจได้มากที่สุดในชีวิต เหมือนระเบิดที่ปาตู้มใหญ่ไม่ยอมให้หนีตาย เอวาเครียดมากกว่าหุ้นบริษัทที่เอวาทุ่มเทบริหารมันตกเสียอีก

เพราะหนึ่ง เอวามีคู่หมั้นอยู่แล้ว

และสอง การ์ดแต่งงานกำลังถูกแจก แขกมากมายกำลังจะมางานแต่งเอวาในเดือนหน้า
เอวากำลังโดน 'คลุมถุงชน' แบบซึ่งหน้า คำนี้คงจะเป็นคำที่บรรยายสถานการณ์ได้เหมาะสมที่สุด

ต่อมาบิดามารดาผู้เป็นที่รักก็เอาแต่กรอกหูเอวานับแต่วันนั้น บรรยายสรรพคุณที่เยอะกว่ายาสมุนไพรหลากชนิดของคู่หมั้นอัลฟ่าที่เอวาไม่เคยเห็นหน้าสักครั้งทุกวี่วัน

หล่อบ้าง รวยบ้าง เก่งบ้าง เยอะไปหมด
ซึ่งไม่ว่าจะดีแค่ไหน ต่อให้สรรพคุณความสามารถไปจนถึงความดีงามจะมีมากจนบรรยายใส่กระดาษ A4 ทั้งรีมไม่หมด ยังไงกับคนที่เอวาไม่เคยรู้จักหรือไม่แม้แต่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งเอวาก็จะไม่ยอมแต่งด้วยเด็ดขาด

เอวาตั้งปณิธานปฏิเสธไว้แต่วันนั้น

ว่าจะไม่เอาอัลฟ่าที่รู้แต่ชื่อนี่มาเป็นสามีแน่!
แต่ไหงพอมาบังเอิญได้มาเจอกัน เอวาถึงได้ชมตาพี่อัลฟ่าซันเดย์นี่ไปเสียเยอะเลยเนี่ย ยิ่งประโยคที่เผลอคิดว่า 'โอเมก้าของอัลฟ่าคนนี้ต้องน่าอิจฉามากแน่' นะ ชิ! เป็นน่าตีปากเสียจริงเลยนะเอวา

"เอ้า เอาเข้าไป ตีปากตัวเองทำไมล่ะน่ะ?" อัลฟ่าซันเดย์ถาม

"ยุ่ง!" และโอเมก้าเอวาก็สวนกลับทันที
ร่างกลิ่นพิโอนี่หอมแยกเขี้ยวใส่ รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่ตนดันเผลอไผลไปกับใบหน้าที่หล่อ ๆ อกที่อุ่น ๆ และท่าทางที่ดูจะปกป้องตนได้นั่นไปเสียเต็มเปา

"ถามดี ๆ กลายเป็นยุ่งเฉย อ๋อ~ หรือว่าแม่งเมื่อกี้สำหรับคุณเป็นคำหยาบก็เลยต้องตีปากแบบที่มะม๊าสอน? เค ๆ เดี๋ยวผมทำตามเด็กดีบ้างดีกว่า"
"ผมไม่ใช่เด็กนะ!" เอวาย้อน

"เหรอ? งั้นผมถือว่าผมทำตามคู่หมั้นผมก็ได้"

โอเมก้าเอวารู้สึกเลือดขึ้นหน้า ด้วยมีเหตุมาจากอัลฟ่าซันเดย์ที่ยกมือตีปากตนเองด้วยแรงที่เบากว่าพร้อมกับสีหน้ายียวนอย่างจงใจกวนประสาท อะไรกันเนี่ย อย่างกับคนละคนกับที่พาเอวาออกมาเลย ธาตุแท้ออกหรือไงตาอัลฟ่านี่!
"เอาจริงเหรอคุณ? ก่อนจะทำหน้าขู่กันเนี่ยลืมไปหรือเปล่าว่าคนที่ยืนให้คุณขู่อยู่นี่น่ะเป็นอัลฟ่านะ อีกอย่างน้ำตานั่นน่ะยังคลออยู่เลย ผมคงจะกลัวคุณหรอก"

โอเมก้าเอวาได้ยินก็รีบหันหน้าไปมองกระจกรถที่ติดฟิล์มดำคันหนึ่ง เห็นจริงอย่างที่อีกหนึ่งว่า หน่วยตาเอวายังมีน้ำตาคลอค้างอยู่จริง ๆ
และท่าทางพิโอนี่ที่รีบยกมือมาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบขอไปที ก็โคตรจะแสบ ซน และดูดื้อไม่ต่างจากลูกแมวที่กำลังพองขนจนคิดว่าตนเป็นสิงโตเลยสักนิด ใช่ นั่นเป็นความคิดอัลฟ่าซันเดย์

และอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนนี่ก็จงใจกวนไปเพื่อพิสูจน์ว่า 'ดื้อ' แต่ 'น่าปรามให้เลิกดื้อ' จริงอย่างป๊าว่าไหม
ซึ่งเออ ก็จริงแบบที่ป๊าม๊าเล่าไม่มีผิด

ซันเดย์ไม่ได้มีปัญหากับการแต่งงานกับคนไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นหน้า ด้วยรู้ตัวเองดีว่าต่อให้แต่งไปยังไงตนก็ยุ่งก็บ้าอยู่แต่กับงานเหมือนเดิมอยู่ดี แต่ปัญหาที่ทำให้ซันเดย์เผลอสบถคำว่าฉิบหายออกมาในใจดัง ๆ น่ะ เพราะซันเดย์ไม่ชอบคน 'ดื้อ' ต่างหาก
ตอนแรกที่ได้ยินป๊าม๊าเล่าว่าคู่หมั้นคู่หมายแต่ตอนเด็ก ว่าที่โอเมก้าของซันเดย์ที่ชื่อเอวาน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้แต่ดื้อเป็นที่หนึ่งนี่ ซันเดย์รีบหันขวับคัดค้านจะไม่ยอมกลับไทยท่าเดียว ถึงจะบอกต่อว่า 'ดื้อแบบน่าปรามให้หายดื้อ' ก็เถอะแต่สำหรับซันเดย์ ดื้อก็เท่ากับน่ารำคาญเหมือนกันหมด
แค่พอเลี่ยงไม่ได้ ซันเดย์ก็ได้แต่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยกมือท่วมหัวสาธุอาเมน เคารพนับถือทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พอจะนึกออก ขออย่าได้เจอคู่หมั้นในวันที่ซันเดย์พึ่งจะลงจากเครื่องยังไม่พักผ่อนด้วยเถอะ แต่สุดท้ายก็ไม่รอด...

ถึงอย่างนั้น โอเมก้าเอวาก็กลับไม่ได้ดื้อจนทำให้รู้สึกรำคาญอะไร
สำหรับซันเดย์ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเเอวาแย่จนไม่อยากแต่ง

และเช่นกัน เอวาที่ตั้งปณิธานเอาไว้เสียดิบดีก็กลับเผลอไผลในซันเดย์ไปเสียหลายรอบแล้ว

"คุณดื้อ แต่เป็นดื้อที่น่ารักดีนะ ไม่ได้แย่แบบที่ผมคิดไว้ก่อนจะได้เจอ"

ซันเดย์ว่า ขณะเอวาพลันหน้าร้อนผ่าวกับรอยยิ้มและสายตาที่มองมาที่ตนนั่น
ชอบใจ? ถูกใจ? หรือจะสื่ออะไรเอวาไม่อาจตีความหมายออก รู้แต่เพียงว่ายามโดนมองกลับรู้สึกเหมือนมีกลองมาตีรัวอยู่กลางอกประหลาด ว่าไปก็ช่างโชคดีเหลือเกินที่อยู่ในสภาวะกึ่งจะฮีทเลยได้ยกมือปิดใบหน้าที่รู้สึกร้อนนี่ไว้มิด

"มา ผมไม่แกล้งต่อละ คุณไม่ดื้อแบบน่ารำคาญผมก็สบายใจ ไปเอายาคุณกัน"
โอเมก้าเอวามองมือใหญ่ที่ยื่นมาให้ตรงหน้า เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็แค่ครู่เดียวก่อนที่ใจดวงเล็กกลางอกจะพลันฟูฟ่องพองเป็นปุยเมฆขึ้นมาในทันตา ด้วยเหตุเพราะประโยคที่ตามมานั่น

"คุณบอกมือผมร้อน ผมจับแรง ดูท่าคุณคงตกใจที่ถูกผมแตะตัวแบบไม่ทันตั้งตัวด้วย ผมก็เลยยื่นมือให้คุณจับแทนไง"
อัลฟ่าคนนี้ใส่ใจเก่ง รายละเอียดแม้เล็กน้อยบางทีก็สังเกตเห็นและพร้อมทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีอยู่เสมอ เอวาเชื่อคำที่มารดาสุดที่รักบอกก็คราวนี้นี่แหละ

"ตอนที่ผมโอบคุณออกจากงาน ระยะก้าวคุณน่ะต้านแรงผม คุณเดินไม่ทันผมเพราะขาคุณสั่น ฉะนั้นผมคิดว่าคุณก็คงไปถึงรถไม่ไหวแน่ถ้าคุณไม่เกาะผมไป"
โอเมก้าเอวาสาบานเลยว่าไม่เคยโดนใส่ใจรายละเอียดแค่เล็กน้อยขนาดนี้มาก่อน มิน่าถึงได้รู้สึกดีจนใจมันเหมือนจะฟูไปแล้วจริง ๆ แบบนี้ขึ้นมา

เจ้าของกลิ่นพิโอนี่หอมที่กำลังทำเหมือนจะขู่ผู้มีกลิ่นเปลือกไม้สนอยู่อ่อนลงในที่สุด มือน้อยที่ถูกแขนเสื้อตัวใหญ่กินไปเกือบหมดมือยื่นไปวางจับลงจนได้
แต่ในคราวนี้มือใหญ่นั่นกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนเลยสักนิด กลับกันออกจะชวนให้อบอุ่นสบายใจจนไม่อยากจะเชื่อในสัมผัสเลยด้วยซ้ำไป

ก็แค่จับไว้หลวม ๆ เหมือนแค่จะช่วยประคองอย่างให้เกียรติ ไม่ได้เดินใกล้กันนักอย่างระวังเรื่องกลิ่นกระตุ้น แต่ก็ไม่ได้ไกลจนเหมือนจะรังเกียจกัน

คงเส้นคงวาดี
และก็คงเส้นคงวา ดีมากเสียจนโอเมก้าเอวาอดที่จะนึกถึงคำที่มารดาพูดด้วยในตอนที่เอวาบอกปณิธานตนเองไปเสียไม่ได้

'ก็คิดเสียว่าลูกเคยเจอพี่เขาแล้วตอนเด็กไงคะ ถึงจะจำไม่ได้แต่แบบนี้ก็เท่ากับไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วนะลูก พี่เขาน่ะดีจริง ๆ นะ แม่ไม่อยากให้หนูปิดกั้นพี่เขาเพราะเรื่องแค่นี้เลย'
หรือเอวาควรจะเชื่อคุณแม่ดี?

แต่ยังไม่ทันให้ได้เหม่อลอยคิดไรกับตัวเองได้นาน เสียงฝีเท้ารีบร้อนและเสียงเรียกจากเบต้าคนขับรถที่เหมือนจะวิ่งไปไหนมาสักที่จากทางด้านหลังก็เรียกสติเอวาให้กลับมาเสียก่อน

"ใจเย็น หายใจก่อน" เอวาหันหลังกลับไปบอก

"ครับ แฮ่ก นี่ยาระงับฮีทแบบฉีดครับคุณเอวา"
เบต้าคนขับรถหยุดยืนหอบเหนื่อยไปก็รีบยื่นถุงกระดาษสีดำเรียบง่ายพร้อมบอกสิ่งที่อยู่ข้างในมาให้เอวา โอเมก้าร่างขาวได้ยินดังว่าก็ตาโตดีใจ รีบรับถุงมากางดูก็เห็นเข็มกับหลอดยาจริงแบบที่คนของตนรายงาน

"ขอบใจ ไปเอามาจากไหน?" เอวาถามอย่างสงสัย

"คุณหญิงครับ แค่ก คือคุณหญิงเอามาส่งให้ครับ"
ผู้เป็นเบต้ารายงานไป ก็พยามสูดลมหายใจเข้าปอดให้เต็มที่หลังในปอดมีแต่คาร์บอนไดออกไซด์เพราะการออกกำลังกายที่เป็นการไปรับยามาให้เจ้านายอีกที

"คุณหญิงว่าวันนี้คุณเอวาจะเจอคู่หมั้น ถึงจะเชื่อใจคู่หมั้นคุณเอวาว่าจะพกยามาให้คุณแน่นอน แต่ก็ให้พกกันไว้ก่อนก็ดีกว่าเลยเอามาส่งให้น่ะครับ"
เอวาได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจ ที่แท้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่อยู่ดี ๆ ก็มีอัลฟ่าพกยาระงับฮีทอยู่ในงานเลยมาช่วยตนได้อย่างทันท่วงที

"ตอนยาเข้ากระแสเลือดกลิ่นจะยิ่งหอมเหมือนหัวน้ำหอมแตกไปครู่นึงใช่ไหมผมได้ยินมา?" โอเมก้าเอวาพยักหน้าตอบรับให้คำถาม

"งั้นคุณไปฉีดในรถเถอะ ผมรอคุณข้างนอก"
แต่อย่างไรก็ต้องบอกว่า ที่รอดมาได้นี่เป็นเพราะอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่อุตส่าห์หาพกยามา และพยามทนฝืนสัญชาตญาณเพื่อปกป้องเอวาจนออกมาจากงานได้จริง ๆ

รอดมาได้ เพราะความสุภาพบุรุษ ให้เกียรติ และการควบคุมอารมณ์เมื่อรู้ว่าถ้าแตะตัวหรือกลิ่นอย่างอัลฟ่าตนเผลอเข้มจะทำให้เอวาฮีทนั่น

"ขอบคุณนะ"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์พยักหน้า ยักคิ้วพลางไหวไหล่ตอบกลับด้วยท่าทีอย่างสบายอารมณ์

"ไม่เป็นไร ผมยินดี"

ทำเอาเอวาอดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้เลย

ขณะเดียวกัน ก่อนที่ร่างโอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมจะหันหลังหายเข้าไปในรถเบนซ์สีเขียวเมทัลลิคสะดุดตาในที่สุด อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็ยิ้มออกมาไม่ต่าง
เพราะซันเดย์เห็นนะ ที่เอวาแอบยิ้มนั่นน่ะ :)

เนตรคมเผลอมองตามร่างขาวน่ารักจนบานประตูรถปิดลงสนิท เมื่อชัดเจนว่าตนปลอดภัยจากกลิ่นหอมอย่างโอเมก้าแล้วจึงละมือลงจากปิดจมูก ก่อนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะยังมองตนอยู่ไหม แต่ก็ชี้มือชี้ไม้ไปทางที่นั่งห่างจากที่จอดรถไม่มากอย่างจะบอกว่าจะไปนั่งรอนะ
ครู่เดียวก็มีมือคู่เดิมก็ยื่นมาใกล้กระจก ก่อนจะทำเป็นสัญลักษ์ว่า 'ok' ตอบกลับจะอย่างบอกว่าตนรับรู้

ซันเดย์ลอบยิ้มมุมปาก แอบรู้สึกไปเองว่าคู่หมั้นของซันเดย์เนี่ยขนาดเห็นแค่มือที่ทำให้เป็นภาษายังดูดื้อยังไงชอบกล แต่กลับกันก็ดูน่ารักดีใช่หยอก

ทำมือเหมือนเด็กพึ่งเคยหัดทำท่า ok เลย
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนคิดกับตัวเองไปก็ก้าวเดินไปหาม้านั่งที่วางไว้ติดกับตัวกำแพงอาคาร ก่อนจะนั่งลงไม่ไกลแต่ก็ไม่ใกล้กับตัวรถของโอเมก้าคู่หมั้นอย่างเอวาเท่าไหร่นัก

ไม่ใช่ว่าเมื่อยหรือว่าอะไร เพียงแต่ซันเดย์แค่คิดว่าเอวาอาจจะต้องการเวลาให้หายใจทั่วท้องไม่ต้องมาระแวงอัลฟ่าแบบตนบ้าง
ถึงจะจริงอยู่ที่ว่าซันเดย์ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอะไรกับเอวา แต่จากอาการทุกอย่างที่แอบได้สังเกตเห็นมาถึงเอวาจะดูพอวางใจบ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่า โอเมก้าก็ยังคงต้องแอบระแวงอัลฟ่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเองอยู่เป็นธรรมดา

เดี๋ยวต้องให้ซันเดย์ไปส่งอีก เพราะงั้นต้องให้พื้นที่ได้ผ่อนคลายบ้าง
อีกอย่างคือก็ต้องให้พื้นที่ตัวเองได้จัดการอารมณ์ที่กำลังเป็นไปตามสัญชาตญาณด้วย เพราะนี่อะไรต่อมิอะไรซันเดย์ปวดหนึบไปหมดแล้ว เป็นเพราะกลิ่นพิโอนี่หอมที่ลอดมือกับผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ปิดจมูกมาให้ได้กลิ่นแทบจะตลอดเวลาที่พากันออกมาจากงานนั่นแท้ ๆ

"อ่า แอบไปเข้าห้องน้ำสักสิบนาทีได้ไหมนะ"
พูดกับตัวเองไปก่อนจะเอนหลังไปพิงกับกำแพง และค่อยปิดเปลือกตาที่เปิดรับแสงในงานมากมายไปเสียนาน พลางก็พยามคิดเรื่องบัญชีหรืองานอะไรก็ได้ที่ยังคงค้างคาไม่เสร็จเรียบร้อยดีเพื่อละความสนใจจากอะไรเบื้องล่างตน

ขณะเดียวกันบนรถเบนซ์สีสั่งทำพิเศษ ก็กำลังอบอวลด้วยกลิ่นพิโอนี่ราวหัวน้ำหอมแตก
ทันทีที่ยาระงับฮีทถูกฉีดเข้าสู่กาย ทันทีที่ยาเริ่มมีปฏิกิริยาในร่างกายโอเมก้าที่กำลังจะฮีท กินเวลานานอยู่ครู่หนึ่งเลยกว่ากลิ่นที่หอมจนฟุ้งเฟ้อจะค่อยอ่อนเบาลง

เมื่อกลิ่นค่อยจาง ตอนแรกเอวาคิดจะนั่งรอดูผลฮีทตนเองว่าถูกระงับหรืออ่อนลงไปในทางที่ดีขึ้นเป็นระยะอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่
แต่พอได้เผลอละความสนใจจากตนเองไปมองทางที่ผู้อัลฟ่ามีกลิ่นเปลือกไม้สนชี้ไป ได้เห็นร่างสูงโปร่งที่นั่งพิงกำแพงหลับตาด้วยท่าทีเหมือนจะเหนื่อยอะไรสักอย่างก็รู้สึกว่าไม่น่าจะดี

เพราะอัลฟ่าพี่ซันเดย์กำลังรอไปส่งเอวาอยู่ และนี่ก็เริ่มมืดจะลงมากทุกทีแล้ว เขาควรได้รีบกลับที่พักไปพักผ่อน
ความจริงหากโอเมก้าเอวาจะยืนยันคำขาด บอกไม่ให้อัลฟ่าพี่ซันเดย์ไปส่งตนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อดูจากนิสัยในภาพรวมที่แม้พึ่งจะเจอกันก็คิดว่าอีกคนคงไม่น่าจะยอมแน่

คงจะค้านหลังชนฝาจะไปส่งให้ได้

และเพราะโอเมก้าเอวาคิดแบบนั้น ร่างในรถเบนซ์สีพิเศษจึงได้อ้าปากถามเบต้าคนขับรถตนไปว่า
"นี่ นายพกหน้ากากผ้า หรืออะไรสักอย่างที่จะช่วยใส่กรองกลิ่นได้สักหน่อยมาไหม? เอาแบบที่ยังไม่ได้ใช้น่ะ"

ด้วยรู้ดีว่ากลิ่นตนเองยังไม่ได้สงบลงเท่าเดิมตอนที่ยังไม่มีอาการอะไร หากเอวาจะใส่แค่เสื้อสูทนอกอีกฝ่ายคลุมไปจึงเกรงว่าคงจะยังไม่เพียงพอให้ใช้ปกปิดหรือเจือจางกลิ่นอายพิโอนี่หอมได้
ที่สำคัญ กลิ่นเปลือกไม้สนที่ติดอยู่ก็อ่อนลงเพราะกลิ่นพิโอนี่เอวาหมดแล้ว

แถมอีกคนยังจะต้องเป็นฝ่ายขับรถ ต้องใช้ถึงสองมือคงไม่ว่างมาเอาผ้าเช็ดหน้าผิดจมูกอยู่แน่

จะให้อัลฟ่าพี่ซันเดย์รออีกหน่อย ท่าทีเหนื่อยอ่อนที่บอกว่าควรจะพักผ่อนได้แล้วนั่นก็ทำเอาเอวาไม่อยากจะประวิงเวลาออกไปอีก
นี่ไม่ได้เป็นห่วงหรือกลัวว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์จะพักผ่อนไม่เพียงพออะไรหรอกนะ ก็แค่คิดว่าแค่นี้เอวาก็รบกวนว่าที่สามีในเดือนหน้า ที่ยังไม่รู้ว่าตนจะแอบหาแผนล่มงานก่อนหรือเปล่านี่มากเกินไปแล้วก็เท่านั้นเอง

อย่าเข้าใจผิดเชียวล่ะ!

"สักครู่นะครับคุณเอวา ผมขอไปดูในกระเป๋าผมที่หลังรถให้"
เอวาหันไปพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะละกลับไปมองผู้อัลฟ่าต่อแทบทันที

เบต้าคนขับรถรีบเปิดประตูออกไปหาสิ่งที่พอจะใช้อย่างที่เอวาถามได้ ก่อนแค่ครู่เดียวก็กลับเข้ามาในรถพร้อมกับยื่นซองใส่ผ้าปิดปากสีดำสนิทที่ตนพึ่งซื้อเก็บไว้ เผื่อต้องลงรถไปส่งคนเป็นเจ้านายที่หน้างานจะได้ไม่เสียหน้าให้เอวา
"ไม่รู้ว่าประสิทธิภาพจะมากน้อยแค่ไหนนะครับคุณเอวา แต่นี่เป็นของใหม่ชิ้นเดียวที่พอจะใช้งานอย่างที่คุณเอวาต้องการได้และมีอยู่ในกระเป๋า"

คนขับรถเบต้าบอกพลางยื่นให้ ในขณะที่โอเมก้าตัวน้อยก็รีบพยักหน้าและรับซองผ้าปิดปากมาไว้ในมือในทันที

"ก็ดีกว่าไม่มีเลย ขอบคุณนะ เดี๋ยวผมซื้อคืนให้"
ฝ่ายพนักงานค้อมศีรษะลงเล็กน้อยพร้อมวาดปากเป็นทรงยิ้มตอบรับคำขอบคุณจากคนเป็นเจ้านาย

เอวาบอกไปว่าเดี๋ยวจะกลับกับผู้เป็นอัลฟ่า และสั่งให้ขับรถตามหลังไปห่าง ๆ อย่าให้ใกล้จนเกินงามเกินพอดีไป เพียงครู่ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปหา 'คู่หมั้น' ที่บังเอิญเจอหน้าแบบไม่ทันให้ได้เตรียมตัวเตรียมใจ
สูทนอกตัวใหญ่กลิ่นเปลือกไม้สนเข้มที่เริ่มปนกลิ่นพิโอนี่หอมถูกสวมทับลงกายเล็กอีกครั้ง โอเมก้าเอวาพลันเหลือบตามองเห็นกางเกงตนที่มีร่องรอยเฉอะแฉะสะท้อนผ่านสีตัวถังรถเล็กน้อยหลังจากที่ลงมา

คิ้วเป็นทรงงามลอบขมวดมุ่น โอเมก้าเอวาบ่นงุบงิบ

"กางเกงแฉะชะมัด เพราะกลิ่นตาซันเดย์แน่เลย ชิ!"
บ่นกับตัวเองไปสุดท้ายไม่ถึงครึ่งนาทีก็ละความสนใจเมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้นอกจากหงุดหงิดอยู่คนเดียว

ก็อัลฟ่าพี่ซันเดย์ไม่ได้ผิดเรื่องกลิ่นเข้ม ๆ ที่เผลอปล่อยมากระตุ้นจนเอวาแฉะขนาดนี้เสียหน่อย ร่างกายนั่นคงแค่ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณหลังได้กลิ่นโอเมก้าอย่างเอวาที่กำลังจะฮีทก็เท่านั้น
ก่อนเสียงฝีเท้าไม่หนักแต่ก็ไม่เบาที่มาพร้อมกับกลิ่นพิโอนี่หอมหวานที่อ่อนจางลง เหมือนจะไม่ดีเมื่อเทียบเก่าแต่กลับกลายเป็นลงตัวจะค่อยเรียกสติที่หลุดออกลอยไปอย่างตั้งใจเพื่อระงับอารมณ์ของอัลฟ่าซันเดย์กลับคืนมา

เปลือกตาที่ปิดสนิทพักอยู่ค่อยลืมเปิดขึ้นอย่างยังคงความไม่รีบร้อนดังเดิม
"ฉีดเสร็จแล้วเหรอคุณ?"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนอ้าปากถามทันทีที่มั่นใจว่าใช่คนที่ตนช่วยมาแน่ สองแขนแกร่งยกยืดขึ้นเหนือหัวและเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจไปทีหนึ่ง

แต่เมื่อได้กลิ่นที่เหมือนจะยังหอมเกินควรอยู่จนเริ่มทำอะไรต่อมิอะไรตนรู้สึกไม่ค่อยสบายอีกก็รีบหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกอีกรอบ
คิ้วเป็นทรงรับกับรูปหน้าหล่อนั่นขยับเข้าหากันเล็กน้อย หน่วยเนตรคมไล่ปรายมองแต่หัวจรดเท้า ขนาดยังไม่ทันจะได้อ้าปากเอวาก็กลับรู้สึกเหมือนจะโดนดุแน่นอนได้เฉยจึงพูดดักเอาไว้ก่อน

"หยุดไว้แค่นั้นเลย ถ้ารอจนยาออกฤทธิ์เต็มที่ รอจนผมหายจะฮีทกลับเป็นปกติคุณก็คงได้ถึงที่พักพรุ่งนี้เช้าแน่"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนเลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่โดนพ่อโบตั๋นสีขาวดักทางที่จะดุถูก ไม่พอยังพูดดักเอาไว้ได้หมดเสียอีก

ที่ป๊าม๊าเคยแซวว่า ยังไงก็เคยเจอเคยคุยกันตอนเด็กมาวันหนึ่ง ไม่แน่ถึงน้องจะจำซันเดย์ไม่ได้แต่ก็คงพอรู้สึกคุ้นบ้างสักนิดแน่ ซันเดย์พลันรู้สึกตกใจขึ้นมาเลย
นี่ป๊าม๊าของเขาไปรู้เรื่องเจ้าเด็กเอวามามากขนาดนี้ได้ยังไงทั้งที่ก็ไม่เคยกลับไทยมาเกือบยี่สิบปีเหมือนกัน งง?

และในขณะที่ซันเดย์กำลังคิดไรเรื่อยเปื่อยไปคนเดียว อยู่ดี ๆ เจ้ามือขาว ๆ ก็ยื่นซองอะไรบางอย่างมาให้ที่ตรงหน้า

"อะไรเหรอคุณ?" ถามไปแต่ก็รับมาดู

"ตามีก็ดูสิ" เค ซันเดย์ผิด
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนแอบกรอกตา คิดในใจว่า 'พอพึ่งตัวเองได้ก็ดื้อเลยนะ' ไปทีนึง

ซันเดย์หยิบเอาผ้าปิดปากสีดำสนิทออกมาจากซอง มันไม่ได้เป็นผ้าเนื้อดีที่เลิศหรูอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าแย่จนเกินจะใส่ ที่สำคัญนี่เป็นของใหม่และมีความหนาอยู่พอสมควร ซันเดย์พอรู้ทันที

"เอามาให้ผมใส่เหรอคุณ?"
โอเมก้าเอวาพยักหน้า ก่อนจะพูดดักเอาไว้ก่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดและผิดใจกัน

"ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจคุณเรื่องการควบคุมตัวเองนะ แต่ถ้าอยากจะช่วยผมให้รอดตลอดฝั่งด้วยการไปส่งผมที่บ้านก็ช่วยใส่ไว้หน่อย กลิ่นผมยังไม่คงเดิม และอย่างที่บอกว่าถ้ารอคุณได้ถึงที่พักเช้าแน่"
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบที่สามคับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 Image
แถมยังไม่ทำเพียงแค่พูดเปล่า โอเมก้าเอวายังขยับมือบางกระชับสูทที่เป็นของอีกฝ่ายให้แนบกระชับกาย ราวกับจะช่วยเสริมคำพูดตัวเองที่ว่ากลิ่นยังไม่คงเดิมดี

อัลฟ่าพี่ซันเดย์มองครู่ก็ไหวไหล่ ไม่ได้ว่าอะไรและสวมผ้าปิดปากเพื่อไม่ให้ตนได้กลิ่นพิโอนี่หอมมากเกินไปอย่างที่โอเมก้าคู่หมั้นต้องการ
"สบายใจละนะ?"

มือหนาละลงพลางเปล่งประโยคถามที่เหมือนจะจงใจกวนอารมณ์ หากแต่ในแววตากลับออกไปในทางเหมือนจะบอกว่า 'หากยังไม่สบายใจให้ทำยังไงเพิ่มก็บอกได้' แทน

เอวาไม่รู้หรอกว่าที่อ่านได้ในแววตาจะมีความเป็นจริงแค่ไหน แต่ไม่ว่าเอวาจะจินตนาการไปเองหรือยังไง แต่แม่ง โคตรทำใจเหลวไปหมดเลย
และยิ่งเหลวยิ่งกว่าเดิมด้วย เมื่อได้รู้ว่าเจ้าประโยคบ้าบอที่เอวาคิดไปเองเรื่อยเปื่อยนั่นมีส่วนที่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิดอยู่จริง ๆ

"นี่ ถ้ายังไม่สบายใจอะไรก็บอกได้ ผมไม่กัดคุณหรอก"

แถมพูดจบยังขยับขาถอยออกห่างก้าวหนึ่ง เปิดผ้าปิดปากออกเล็กน้อยแล้วปิดเสริมด้วยผ้าเช็ดหน้าตนอีก
"ทำอะไร?" โอเมก้าเอวาถามแม้จะพอเดาออก

"ก็คุณมองผมเหมือนจะยังไม่ค่อยสบายใจ ผมก็เลยเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกเพิ่มให้อีกชั้นไง เนี่ย แทบไม่ได้กลิ่นคุณสักนิดเลย"

และก็เป็นอย่างที่เอวาเดาเอาไว้ เชื่อแล้วว่าใส่ใจเก่งจริง

บ้านทำธุรกิจอะไร นำเข้าหรือส่งออกไมโครเวฟเหรอ ทำให้ใจเหลวเก่งนักนะ
"หายใจออกหรือไง ทั้งผ้าปิดปากทั้งผ้าเช็ดหน้าเนี่ยนะ?"

"น่า ถ้าผมจะหายใจไม่ออกตายผมก็เอาออกเองน่ะคุณ คุณน่ะห่วงตัวเองเถอะ ผมช่วยไปส่งคุณถึงบ้าน คุณปลอดภัยจากอัลฟ่าอื่นก็จริง แต่ถ้าระหว่างทางเกิดผมทนกลิ่นคุณไม่ได้ขึ้นมา คนเสียหายมันก็คือคุณนะ"

"แต่..."

"คุณจะได้สบายใจขึ้นด้วยไง"
และให้ตาย เอวาสาบานเลยว่าตนไม่ได้ใจเต้นไปกับเนตรคม ที่แสดงให้เห็นแต่ความห่วงใยในตัวเอวาอย่างเต็มไปหมดเลยสักนิด ไม่เลยสักนิดเดียว

ไม่เลยจริง ๆ นะ!

"ค...คุณอยากทำอะไรก็ทำไปสิ!"

โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมว่า หันหลังขวับหนีท่าทีฟึดฟัดจนคนเป็นอัลฟ่างงงวยในตอนแรก แต่ครู่เดียวก็ยิ้มออกมา
ด้วยเหตุจากสายตาคู่คมดันเหลือบไปเห็นใบหูและช่วงแก้มขาวดูนุ่มที่มีสีแดงระเรื่อขึ้นมา

นี่โอเมก้าน้องเอวากำลังเขินซันเดย์อยู่เหรอ?

ผู้อัลฟ่ายกยิ้ม แม้จะไม่รู้ว่าเขินเรื่องอะไรแต่ก็รู้สึกพึงพอใจประหลาด และใช่ เอวาหันหนีผู้อัลฟ่าเพราะยัยใจไม่รักดีที่เต้นแรงยามได้มองนัยน์ตาสีเข้มจริง
มือขาวข้างหนึ่งแอบยกทาบลงอก เอวาถามตัวเองว่าไปแอบปล่อยให้ใครมาเล่นกลองอยู่ในอกเอวาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนจะอยากยีหัวตัวเองให้ยุ่งที่ดันเผลอคิดคำตอบว่าใครที่ว่าอาจจะเป็นอัลฟ่าพี่ซันเดย์

บ้า ตาพี่ซันเดย์ไม่เห็นมีอะไรให้น่าใจเต้นเลย นอกจากความหล่อ ใจดี อบอุ่นแล้วก็ใส่ใจเก่งมาก ๆ นั่น
ไม่มีกับพระเจ้าเถอะ เจ้าตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์นี่แม่งเหมือนจะมีทุกอย่างที่เอวาเคยตั้งไทป์ไว้ว่าอยากได้เป็นสามีในอนาคตเลยต่างหาก!

และแม่งให้ตาย โอเมก้าน้องเอวาก็เป็นยัยตัวดื้อที่เหมือนจะมีความน่ารักในแบบไทป์ที่ซันเดย์เคยตั้งเอาไว้เหมือนกัน

"จะหันหนีผมไปไหนน่ะคุณเอวา รถผมอยู่ทางนี้"
พ่ออัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนพูดไปก็แอบยิ้มเล็กน้อยอย่างเอ็นดู เอื้อมมือไปกระตุกปลายเสื้อสูทตัวเก่งตนเองที่เหมือนจะกลายเป็นของแม่โอเมก้าตัวขาวไปแล้วเบา ๆ ทีสองที

พิโอนี่ดอกขาวที่เหมือนจะกลายเป็นสีชมพูพีชไปแล้วโดยเฉพาะส่วนแก้มรีบพูดตะกุกตะกัก

"ป เปล่า ไปสิ จะได้กลับบ้านล่ะไหมวันนี้"
อาการหัวร้อนกลบเกลื่อนที่เพื่อนชาวไทยของซันเดย์ชอบพิมพ์มาเวลามีเรื่องแซวกันในแชทกลุ่มมันเป็นอย่างไร ซันเดย์ได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก็วันนี้

แต่ไหนเพื่อนบอกว่าคนที่ชอบทำอาการงี้จะน่าหมั่นไส้นิดนึงไง ไหงซันเดย์ดันเห็นแต่ว่าออกจะน่ารักจะตายได้

"ต้องให้ผมโอบอีกเปล่า?"

"ไม่ต้องแล้ว!"
เออ ตอนขู่ก็น่ารักดีเหมือนกัน

อัลฟ่าพี่ซันเดย์คิดกับตนเองในใจไปก็หัวเราะคิกคักอย่างเอ็นดู แน่นอนว่าช่างเรียกใบหน้างดงามที่มีสีเรื่อกว่าเก่าในแบบที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินหรือเพราะโกรธกันแน่ให้หันขวับมามองได้ในทันที

และยังไม่ทันให้เอวาได้ถามว่าหัวเราะอะไร ซันเดย์ก็ชิงเผด็จศึกก่อน
"คุณน่ารักดีนะคุณเอวา"

อันตราย ไม่อ้อมค้อมจนอันตรายเกินไป เอวาปฏิเสธไม่กลับกับอัลฟ่าพี่ซันเดย์แล้วได้ไหม ยอมกลับกับเบต้าคนขับรถ เสี่ยงจากอัลฟ่าอื่นยังดีกว่าเสี่ยงไปกับอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่โคตรจะแพรวพราวนี่เลย

บทจะเป็นไมโครเวฟก็เป็น บทจะแพรวพราวหยอดแบบเนียน ๆ ก็ทำตามใจ นิสัยไม่ดี!
และเหมือนอัลฟ่าซันเดย์จะเห็นถึงคำต่อว่า 'นิสัยไม่ดี!' ผ่านทางสีหน้าและลูกแก้วสีสวย เจ้าของกลิ่นอายเปลือกไม้สนจึงยิ่งนึกเอ็นดูมากกว่าเดิมไปอีก

ยิ่งลองแอบคิดแกล้ง ๆ ตอนสมัยเด็กที่ซันเดย์จำไม่ได้เอวาคงจะดื้อกว่านี้มากแน่ หรือไม่บางทีก็อาจจะดื้อเท่าเดิมคงเส้นคงวา

"ควันออกหูละเด็ก"
ยัง ยังจะมีหน้ามายิ้มชอบใจให้กันอีก เอวาสาบานเลยว่าเดี๋ยวถึงวันลองชุดแต่งงานเมื่อไหร่นะจะป่วนให้เข็ด จะให้ลองชุดให้ครบทุกแบบที่ร้านมีเลยคอยดู

"ไป ๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว เดี๋ยวจะถึงบ้านดึกเอา"

มันก็ควรจะได้ไปจากที่นี่ตั้งนานแล้วหรือเปล่า?! เอวาลอบด่าคู่หมั้นพี่ซันเดย์ในใจไปเป็นพรืด
ส่วนฝ่ายซันเดย์ที่เห็นความดื้อที่น่ารักจนรู้สึกอิ่มเอมใจแล้วก็ผายมือ พยักเพยิดหน้าหล่อ ๆ นั่นทีนึงเป็นเชิงบอกให้เอวาเดินไปก่อนส่วนตนจะคอยระวังหลังให้

"เบนซ์คันสีแดงด้านจอดอยู่ที่โซน C มีคันเดียวครับคุณคู่หมั้น จอดติดเสาเลย เอากุญแจไปเลยไหม เดี๋ยวยังไงก็ของคุณ" ยังไม่วายกวนประสาท
เอวาเหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียงด้วยเต็มทน รีบก้าวยาว ๆ หนีอัลฟ่าคู่หมั้น เมินใบหน้ากวนประสาทแต่ก็ยังคงดูดีไปหารถอีกฝ่ายจะได้รีบกลับบ้านไปพักผ่อนสักทีหนึ่ง

แต่ความจริงคือเปล่าอยากพักหรอก กลัวตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์นั่นเห็นต่างหากว่าเอวาหน้าแดงจนแทบเป็นมะเขือเทศสุกตอนอีกฝ่ายยื่นหน้ามาใกล้
หากแต่โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมหารู้ไม่เลย ว่าถึงแม้ตนจะพยายามหลบยังไง อัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่ออกจะเป็นคนช่างสังเกตคนรอบตัวอยู่เสมอ ๆ ก็ทันเห็นแก้มแดง ๆ น่ารัก ๆ นั่นชัดเจนไปเรียบร้อยแล้วอยู่ดี

และพ่ออัลฟ่าตัวสูงก็อดไม่ได้เลยที่จะส่ายหัวให้กับท่าทีน่าเอ็นดูไปทีหนึ่ง ก่อนจะเดินตามหลังไป
ระหว่างทางซันเดย์แอบได้ยินโอเมก้าน้องเอวาบ่นอะไรก็ไม่รู้งุบงิบอยู่คนเดียว ในตอนแรกก็สงสัยจนอยากจะถาม แต่ไป ๆ มา ๆ ก็พอจะเดาได้ไม่ยากเมื่อได้ยินชื่อตนเองโผล่มาในประโยค

นี่ซันเดย์คงกำลังจะโดนเอวาบ่นอะไรอยู่แน่เลย

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนคิดกับตัวเองในใจ แต่กลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร
ไม่ได้รู้สึกแย่ที่โดนบ่นเท่าไหร่ แถมในทางกลับกันออกก็จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าตลกเสียด้วยซ้ำ เพราะในขณะทีเอวากำลังบ่นซันเดย์อยู่ไม่ขาดปาก ซ้ำในประโยคบางทีก็ปะปนด้วยคำหยาบคายแสลงหูไม่น้อย แต่ถึงยังไงก็ยังให้เกียรติด้านอายุเรียกซันเดย์ว่าพี่ซันเดย์อยู่เสมอ ๆ

โคตรจะน่ารักเลยให้ตายเถอะ
กลายเป็นว่าคนหนึ่งแอบบ่นไป อีกคนได้ยินนะแต่ก็ไม่รู้สึกรู้สา

ระยะเดินแค่เพียงไม่มากใช้เวลาแค่เพียงไม่นานก็ถึงรถเบนซ์คันสีแดงด้าน สำหรับเอวาแน่นอนว่าออกจะเป็นรุ่นที่ไม่ค่อยจะตรงใจสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้แย่ สำคัญคือสีที่ค่อนไปในทางสมัยใหม่ต่างหากเอวาจึงอดไม่ได้ที่จะผิวปากอย่างชื่นชม
และเอวาก็อดไม่ได้เลยที่จะแอบหันไปมองใบหน้าหล่อ ๆ นั่นแล้วคิด ว่าแต่งรถมาใช้ได้ขนาดนี้เนี่ย ดูท่าแล้วคงจะเป็นอัลฟ่าที่แพรวพราวน่าดูเลยถ้าไม่อยู่ในชุดสูททำงาน

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนยิ้มและยักคิ้วให้ไปทีเมื่อเห็นว่าโอเมก้าตัวขาวออกจะถูกใจในรถที่ตนแต่งเป็นอย่างดีจนถึงกับต้องหันมามอง
ก่อนจะกดรีโมทกุญแจ และเดินไปเปิดประตูพร้อมกับกล่าวเชื้อเชิญเอวา

"เชิญขึ้นรถครับคุณเอวา"

เนื้อเสียงทุ้มที่กล่าวนุ่มนวล สายตาคมยิ่งกว่าปักษาที่ฉายแววหยอกเอินผ่านมาให้ ไหนจะท่าทางกึ่งเล่นกึ่งทางการที่ต่อให้เอวาไม่เป็นโอเมก้าก็ต้องบอกว่ามีสเน่ห์ อย่างที่คิด คงจะแพรวพราวน่าดูจริง ๆ
ว่ามาถึงตรงนี้ โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมก็อดไม่ได้ที่จะกล่าววาจาหยอกล้อผู้อัลฟ่าไปสักประโยค

"ท่าทางคุณตอนอยู่นิวยอร์กคงจะแพรวพราวมากอยู่สินะ นี่ขนาดยังไม่แต่งงานผมก็เห็นแววต้องไปตามคุณกลับบ้านแล้วหรือเปล่า?"

เอวาหยอกถามไปก็เลิกคิ้ว อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนที่กำลังจะปิดประตูรถหัวเราะ
ซันเดย์ย่อตัวลงเล็กน้อยหาเอวาที่นั่งอยู่บนเบาะ เนตรคมเป็นประกายแพรวพราว มือหนึ่งขยับไปหยิบเอาสายเข็มขัดนิรภัยมาไว้กับมือ

และในยามกายร่างสูงค่อยขยับเข้าไปใกล้เอวา ค่อยคาดเข็มขัดให้ กลิ่นอายเปลือกไม้สนที่ผสมกับน้ำหอมราคาแพงที่แต้มไว้ข้างใบหูก็ทำเอวาหน้าร้อนฉ่า~

"ก็พอตัวนะครับคุณ"
เหมือนรู้ว่าจังหวะไหนจะดีที่สุด ร่างกายส่วนไหนมีผลกับอีกฝ่ายมากที่สุด เอวาแทบจะนิ่งค้างเป็นหุ่น ใบหน้าขาวพลันขึ้นสีเห่อร้อน ตาพี่อัลฟ่าซันเดย์บ้านั่นไม่ได้ทำแค่เพียงพูด แต่ยังเอียงใบหน้าและหันมาหาเอวารวดเร็วจนปลายจมูกห่างกันไม่ถึงหนึ่งนิ้วกั้น

"คุณคิดว่าไงคุณเอวา ผมแพรวพราวไหม?"
"ม ไม่เท่าไหร่สักหน่อย" เอวารีบหลบสายตา

"แหม~ เสียดายจัง ผมเห็นหน้าคุณแดง ๆ ก็คิดว่าคุณจะเขินในความแพรวพราวผมซะอีก" ยังมีหน้ามายิ้ม

"ห หลงตัวเองนักนะ ไปได้แล้ว ผมอยากกลับบ้าน"

หึ บอกเลยว่าบีบปากให้เอวายอมรับว่าทำธุรกิจพลาดยังง่ายกว่าต้องยอมรับว่าเขินตาอัลฟ่าคู่หมั้นคู่หมายนี่!
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนหัวเราะ คิดในใจว่าก็เห็นอยู่เต็มตาว่าแก้มมีสีระเรื่อแถมยังหลบสายตากันแบบชัดเจน แต่ปากนี่กลับพูดสิ่งตรงข้ามอ้อมโลกไปหมด ดื้อจังนะตัวก็แค่นี้

"ที่คุณพูด เรื่องที่เห็นแววต้องไปตามผมกลับบ้านน่ะ..."

"?"

"สัญญาได้ว่าจะไม่มี และที่ 'เคย' มีผมก็เคลียร์ให้หมดแล้ว"
"จริง?"

"จริง ทุกคนที่ผมเคยควงรู้ว่าผมกำลังจะแต่งงาน"

และถึงซันเดย์จะแค่พูดปากเปล่า แต่เอวากลับดันเห็นแหวนเงินวงเกลี้ยงคุ้นตาที่ห้อยอยู่กับสร้อยคอพอดิบพอดี

นี่อีกฝ่ายพกแหวนหมั้นไว้แสดงตัวว่ามีเจ้าของ ในขณะที่เอวาไปโยนทั้งกล่องทั้งแหวนไปไหนแล้วก็ไม่รู้

อ่า รู้สึกผิดแปลก ๆ แหะ
และยิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเดิมไปอีก เมื่ออัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่ก็คงสังเกตเห็นถึงสายตาโอเมก้าน้องเอวาผู้เอาแต่มองแหวนเงินวงเกลี้ยงบนสร้อยสีเงินอยู่ไม่ละสายตา คิดอะไรไปเองเสียไกลเป็นที่เรียบร้อย

คงคิดไปเอง ว่าเอวาอาจจะไม่พอใจที่แหวนหมั้นไปห้อยอยู่บนคอแทนจะอยู่บนนิ้วตามประสาคนใส่ใจเก่ง
คงคิดไปเอง จากการที่เอวาเอาแต่มองไม่หยุดเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพกติดตัวแทนโยนทิ้งโยนขว้างแบบตนเอง

และเพราะแบบนั้นคำขอโทษล่วงหน้าอย่างใส่ใจไปก่อนเลยยิ่งทำเอวารู้สึกผิด

"ผมคิดว่าแหวนหมั้นก็ควรให้คู่หมั้นใส่ให้ไม่ใช่ใส่เอง ผมก็เลยหาสร้อยมาห้อยคอไว้ก่อน ขอโทษนะคุณที่ผมไม่ได้ใส่ไว้"
ก็จะไม่ให้รู้สึกผิดได้ไง นี่อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนตรงหน้ากำลังขอโทษเอวาในสิ่งที่ความจริงไม่ได้มีความผิดเลยสักนิด หรือต่อให้จะคิดว่าผิดยังไงก็ยังมีเหตุผลที่ดีรองรับอยู่นะ

..มันควรจะเป็นเอวาต่างหากที่ขอโทษ

ควรจะเป็นเอวาต่างหากที่ขอโทษที่ไปโยนทิ้งโยนขว้างแหวนหมั้นไว้ที่ไหนก็ไม่รู้
อีกอย่างอัลฟ่าพี่ซันเดย์น่ะ ถึงบางครั้งบางคราวจะปากกวนชวนโมโหไปบ้าง แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องความใส่ใจก็ต้องยอมรับว่าใครก็ว่าไม่ได้เลยจริง ๆ

ตั้งแต่นิวยอกร์กจนถึงไทย ขนาดโดนบังคับแต่งงานและได้หมั้นกับโอเมก้าหน้าไหนก็ไม่รู้ ขนาดเป็นแบบนั้นแต่ก็ยังใส่ใจกันเสมอ แม้จะยังไม่ทันได้เจอหน้า
"ผ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณคุณซันเดย์ ผมไม่ได้แม้แต่จะพกแหวนติดตัว" เอวาขอโทษอย่างที่ควรจะทำ

"และผม เอ่อ ผมเอาแหวนไปวางทิ้งไว้ตรงไหนผมก็ยังจำไม่ได้เลย ผมขอโทษคุณจริง ๆ "

และแม้จะอึกอักไปหน่อยเอวาก็จำต้องสารภาพไปตามจริงอย่างที่ควรจะเป็น

"ไม่เป็นไร คุณกับผมไม่เหมือนกัน ผมเข้าใจ"
"โกรธหรือเปล่า? นั่นแหวนหมั้นของเรา แต่เหมือนผมไม่ได้ใส่ใจกับมันเลย?"

"ลึก ๆ ผมโกรธ แต่..ผมก็เข้าใจคุณอยู่คุณเอวา อย่างที่บอกว่าคุณกับผมไม่เหมือนกัน ผมให้ความสำคัญกับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ในขณะที่คุณอาจจะให้ความสำคัญแค่คนที่คุณอยากให้ ผมเข้าใจว่าเราไม่ได้จำกันได้คุณเลยละเลย"
"..." เอวาพูดอะไรไม่ออก จริงอย่างที่ซันเดย์ว่า

"หรือในบางทีต่อให้คุณจำได้ เราก็หมั้นกันแต่เยาว์ จนตอนนี้หากคุณจะบอกกับผมว่าไม่อยากแต่ง ผมก็ยังเข้าใจคุณ"

"..."

"ผมไม่เหมือนคุณ คุณไม่เหมือนผม ผมยินดีแต่งเพราะสำหรับผมหลังจากได้เจอคุณคุณก็ไม่ได้แย่ แต่ถ้าคุณไม่ยินดีก็บอก ผมเข้าใจ"
หากนั่นเป็นความแสนดีเป็นปกติของซันเดย์ หากนั่นเป็นความแสนดีที่คงหายากหากไม่ใช่ซันเดย์ เอวายอมรับก็ได้ ว่าโอเมก้าของอัลฟ่าคนนี้ โอเมก้าของอัลฟ่าพี่ซันเดย์ซึ่งก็คือเอวาเองช่างน่าอิจฉามากจริง ๆ

"สำหรับผม คุณก็ไม่ได้แย่สักหน่อยคุณซันเดย์"

และนั่นก็ทำเอาซันเดย์อดยกยิ้มออกมาไม่ได้เลย
ก็นะ เด็กดื้อปากหนักที่เหมือนจะพูดจาอ้อมโลกแต่กลับแฝงความชัดเจนในประโยคที่ต้องตีความเอาไว้ อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนล่ะชอบใจจริงเชียว

"ก็คือยินดีแต่งกับผม?" ว่าแล้วต้องขอถามเพื่อยืนยันการตีความตนเองสักหน่อย

"ม ไม่รู้ ต ตอนนี้ไม่รู้" จะไปรู้ได้ไง ก็ปณิธานมันค้ำคออยู่เว้ย!

"เหรอ~?"
"ม ไม่ต้องมาถามมากเลย ละยิ้มอยู่ได้ แล้วที่คุยกันมาเยอะแยะเนี่ยสรุปคือไม่โกรธผมใช่ไหม?"

เอวาน่ะเปลี่ยนเรื่องเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่ก็นะ ซันเดย์ว่าซันเดย์ก็ออกจะชอบตามใจเสียด้วยสิ

"ไม่โกรธสิ ก็ผมบอกว่าผมเข้าใจคุณไง คุณล่ะโกรธผมหรือเปล่า?"

"มีอะไรให้โกรธล่ะ แค่คุณห้อยคอก็เกินผมละ"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนได้ยินก็พยักหน้าเห็นด้วย ไม่ได้ถ่อมตัวอะไรเพราะก็พอรู้ตัวอยู่ว่าเป็นจริงอย่างที่โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่ว่า

กายร่างสูงละออก ปิดบานประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะเดินอ้อมหน้ารถไปยังตำแหน่งที่ปกติจะจ้างคนมาทำ แต่เพราะโดนสั่งให้มาหาคู่หมั้นเลยกลายเป็นต้องมาทำเอง
...ตำแหน่งคนขับรถ

แน่นอนว่าซันเดย์ค่อนข้างจะไม่ชอบใจสักเท่าไรที่ต้องมาขับรถเองทั้งที่พึ่งจะลงเครื่องมาจากนิวยอร์ก ซันเดย์เหนื่อยจนอยากจะนั่งหลับไปตลอดทางจนถึงที่พัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ

ยังไงคนที่ซันเดย์ถูกสั่งให้มาหาก็คือคู่หมั้น การที่ซันเดย์มาหาเองโดยไม่มีคนขับรถมันดีกว่า
ยิ่งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจนต้องมานั่งรถคันเดียวกันกลับด้วยแล้ว ยิ่งดีกว่าเป็นหลายเท่าเลยเมื่อไม่มีคนขับรถ

เพราะเอวาจะได้ไม่ต้องอึดอัดกับคนแปลหน้าถึงสองคน

ก็นะ ซันเดย์ก็คือซันเดย์ การใส่ใจความรู้สึกคนอื่นเป็นสิ่งที่ซันเดย์มักทำอยู่เสมอ ยิ่งนี่คือคู่หมั้นที่จะแต่งงานกันในเดือนหน้า
หากซันเดย์ไม่ให้ความใส่ใจเลยสิแแปลก

และแค่ครู่เดียวต่อมา รถเบนซ์คันสีแดงด้านกับสีเขียวเมทัลลิคก็ขับตามกันออกไปจากลานจอดรถในอาคารในที่สุด

ซึ่งเมื่อเอวาขึ้นรถ แค่รถออกไปได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทันได้คุยกันก็ต้องแอบหาวหวอดออกมาเสียก่อน

"คุณง่วงเหรอ? หรือเหนื่อย?" แน่นอน ซันเดย์เห็น
ช่างทำให้โอเมก้าเอวาคิด ว่าอุตส่าห์ลงทุนแอบหาวขนาดนี้ก็ยังจะตาดีสังเกตเห็นอีกให้จนได้สิน่า

"ทั้งสองอย่าง อีกอย่างผมเป็นพวกขึ้นรถแล้วง่วงด้วยน่ะคุณ แต่อย่าใส่ใจเลย ผมนั่งบอกทางคุณได้"

"ถ้าเหนื่อยหรือง่วงก็นอนเถอะนะคุณ คุณม๊าผมส่งต่อโลเคชั่นบ้านคุณมาให้ผมแล้ว ผมไปส่งคุณถูกแน่นอน"
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบที่สี่คับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 Image
"แต่.."

แต่เอวาไม่อยากเหมือนเอาเปรียบซันเดย์ ไม่อยากเป็นฝ่ายที่นอนหลับสบายอยู่คนเดียวในขณะที่อีกคนต้องเหนื่อยเป็นคนขับรถไปส่ง

ซึ่งก็แน่นอนอีกว่า อัลฟ่าพี่ซันเดย์คนชอบใส่ใจน่ะสังเกตเห็นสีหน้าทั้งหมดนั่น

"อย่าดื้อเลยคุณ เหนื่อย ง่วง คุณก็นอนเถอะ ผมไม่ถือว่าคุณเอาเปรียบผมหรอกน่า"
นี่ไม่ใช่เพียงการบอกให้สบายใจ เพราะในใจซันเดย์เองก็ไม่ได้ถือสาอะไรดังปากว่าจริง ๆ แถมอย่างไรเสียน้องเอวาก็เป็นถึงคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งกัน การทำให้เท่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

และใบหน้าด้านข้างที่ถึงแม้จะถูกปกปิดด้วยผ้าปิดปากเอาไว้อยู่แต่ก็เต็มด้วยห่วงใยก็ทำเอวาปฏิเสธไม่ได้เลย
"อ อืม ก็ได้ ขอบคุณนะคุณ สำหรับทุกอย่างเลย"

เพราะความห่วงใยและใส่ใจในทุกรายละเอียดจากซันเดย์ ไปจนถึงแก้มที่ก็ไม่ได้เยอะมากมายแต่ก็พอจะดันขึ้นให้ได้รู้ว่ากำลังยิ้มตอนเอวายอมปรับเบาะเอนนอน ทุกอย่างมันทำให้เอวาปฏิเสธหรือดื้อในความหมายของซันเดย์ต่อไม่ได้เลย

"ฝันดีครับว่าที่เจ้าสาว"
ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องบอกเลยว่าชอบชะมัด ตอนที่พี่ซันเดย์เหมือนจะพึงพอใจแล้วพูดด้วยเสียงนุ่ม ๆ นั่นน่ะ

แล้วเอวาจะเขินที่โดนเรียกว่า 'ว่าที่เจ้าสาว' ทำไมเนี่ย?!

"ผมจะเป็นเจ้าบ่าว" ก่อนจะหลับตาเอนตัวลงนอนเอวาก็ต้องขอสักที

"หึ ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมเป็นเจ้าบ่าวของเจ้าบ่าวอีกที"
และยามที่โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมแสดงท่าทีฮึดฮัดอย่างไม่พอใจออกมา ทั้งที่แก้มเนียนละเอียดทั้งสองขึ้นสีมากนัก แถมยังไม่พอ ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นยังหันหนีไปทางประตูเหมือนไม่ยอมให้มอง มันก็ช่างเรียกรอยยิ้มจากผู้อัลฟ่าได้เป็นอย่างดีจริงเชียว

แต่แปลกคนนะ ทำตัวดื้อยังไงน่ารักมากได้ขนาดนี้กัน
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนคิดไป ก็อดใจแอบมองเล็กน้อยยามรถติดไฟแดงไม่ได้ ยิ่งพอถึงยามที่เสียงลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ ยิ่งพอโอเมก้าน้องเอวาหลับสนิทจมสู่ห้วงนิทราเมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง พอไม่ดื้อแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่

พอหลับก็กลายเป็นแมวก้อนขาว ๆ นิ่ม ๆ ที่หอมกลิ่นโบตั๋นเชียวนะเอวา
รถที่เงียบจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจคนข้างกาย แสงไฟถนนในเมืองที่ส่องผ่านกระจกสู่สายตา อาจจะน่ารำคาญที่รถติดไปมากถึงมากที่สุด แต่คงเพราะมีกลิ่นพิโอนี่หรือโบตั๋นหอม ๆ ที่ลอดผ่านผ้าที่ปิดหน้าอยู่มาให้จมูกได้กลิ่น ซันเดย์จึงไม่ได้รู้สึกว่าความยาวนานนี้น่ารำคาญสักเท่าไหร่

ออกจะชอบด้วย
และไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะติดนิสัยจากตอนที่อยู่กับครอบครัวหรือเปล่า ซันเดย์จึงได้แอบมองหน้าน้องเอวาแทบจะตลอดทุกรอบที่พอจะละสายตาจากถนนได้

เพราะถ้าจำไม่ผิด แทบทุกครั้งที่ม๊ากับป๊ากลับจากทำงานมาถึงบ้านจนพร้อมหน้า เมื่อถึงเวลานอนซันเดย์มักจะแค่แกล้งหลับก่อนแอบตื่นมามองหน้าพวกท่านเสมอ
ใบหน้าตอนหลับที่ผ่อนคลาย ไม่มีคิ้วที่แทบจะขมวดผูกเป็นปม ไม่มีสีหน้าที่ครุ่นคิดเรื่องธุรกิจหรือเรื่องนู้นนี้ที่ซันเดย์ในตอนนั้นยังไม่เข้าใจ ที่กล่าวมาทุกอย่างคือใบหน้าที่ซันเดย์ชอบเห็นจากบุพการีที่เอาแต่ทำงานตลอดมา

และยิ่งเพราะซันเดย์ถูกสอนให้ใส่ใจแม้กับคนที่แค่ผ่านเข้ามาในชีวิต
เหตุไฉนเลยเมื่อเป็นคนที่รู้จัก คนรอบตัว และยิ่งเป็นคนในครอบครัว ซันเดย์จะไม่ยิ่งหวังและชอบที่จะเห็นความสบายใจจากพวกเขา

และในที่นี้กับน้องเอวาที่ซันเดย์กำลังจะแต่งงานด้วย ไม่ว่างานจะถูกยกเลิกไปก่อนหรือไม่ก็ตาม อย่างไรสถานะในตอนนี้เอวาก็คือว่าที่ภรรยา..ว่าที่ครอบครัวใหม่ของซันเดย์
และคงเป็นเพราะแบบนั้น ใบหน้ายามหลับที่ผ่อนคลายของน้องเอวาจึงทำให้ซันเดย์รู้สึกผ่อนคลายตามไปด้วยอย่างน่าประหลาด

ยิ่งเมื่อความเย็นจากแอร์กระทบผิวใต้เสื้อสูทตัวใหญ่จนเอวาต้องแอบขยับยุกยิกยกมือกอดตัวเองให้ความอบอุ่นก็ยิ่งทำให้ซันเดย์ยิ้ม

"คุณนี่มันแมวใช้ครีมสระขนกลิ่นโบตั๋นชัด ๆ "
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนพูดไปก็ละมือหนึ่งออกจากพวงมาลัย ขยับไปปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้นนิดหน่อยก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมไปจับเอาชายเสื้อสูทตนที่อยู่บนตัวอีกฝ่ายซึ่งตอนนี้แหวกกันไปคนละข้างให้คลุมร่างน้อยดี ๆ

"อืออออ"

แต่เหมือนมือจะไปโดนกายนวลเข้าตอนรถเบรกเลยได้รับเสียงไม่พอใจในลำคอมา
โอเมก้าน้องเอวาขยับตัวขยุกขยิกทันที ศีรษะเล็กจากที่หันข้างไปทางประตูรถขยับหันกลับมาทางซันเดย์พร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

สงสัยที่น้องเอวาเคยบอกว่ามือซันเดย์ร้อนจะเป็นเรื่องจริง เพราะนี่ขนาดแค่บังเอิญแตะนิดแตะหน่อยยังรู้สึกตัวจากหลับสนิทเลย

อ่า แมวก้อนขาวหลับตาหน้ายุ่งเลย
"ชู่ว~พี่ขอโทษครับ น้องเอวานอนนะ"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์ว่าไปก็ขยับมือเจ้าปัญหาไปลูบกลุ่มไหมนุ่มบนศีรษะกลมแผ่วเบา ซึ่งแน่นอนว่าได้ผล คิ้วเป็นทรงงามค่อยคลาย

แต่ให้ตาย ซันเดย์จะเป็นให้ทุกอย่างในวันเดียวแล้ว ทั้งนักธุรกิจ ทั้งคู่หมั้น ทั้งคนขับรถ และล่าสุดก็กลายเป็นคนกล่อมแมวให้นอนต่อ
รถก็ต้องขับ กล่อมก็ต้องลูบ ซันเดย์ล่ะอยากกุมขมับ

ก็พูดบ่นไป ผมน้องเอวาก็นุ่มน่าลูบดีอยู่เหมือนกัน

ว่ามาจนถึงตรงนี้ก็ไม่ค่อยอยากจะเล่าเท่าไหร่หรอกนะว่าซันเดย์แอบเห็น แก้มกลมเหมือนซาลาเปาไม่ก็โมจิแป้งขาวที่ยกขึ้นเล็กน้อยอย่างกับแมวกำลังยิ้มพอใจเมื่อเกาคอได้ถูกจุดอย่างไรอย่างนั้น
น่ารัก น่ารักจนอยากจะตบไฟเลี้ยวไปจอดเข้าข้างทางแล้วนั่งลูบจนกว่าจะตื่นเลยให้ตาย

ยิ่งเป็นพวกประเภททาสแมวแบบซันเดย์ด้วยนะ ยิ่งอยากจะทำให้ได้เลยจริง ๆ

"คิดถึงเจ้าพีนัสที่บ้านเลยนะเนี่ย"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์กล่าวไปก็หัวเราะ ก่อนเมื่อเห็นว่าเอวาหลับสนิทไปอีกรอบจึงละมือออกมาตั้งใจขับรถ
ซึ่งการจราจรประเทศไทยก็เป็นอะไรที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่ากับระยะทางแค่ไม่ถึง 1 km ก็สามารถทำให้เสียเวลาติดอยู่บนถนนนานจนหลังปวดได้ ซึ่งในส่วนนี้ซันเดย์บอกเลยว่าทั้งเหนื่อยทั้งหัวเสียไปหมดแต่ขอไม่พูดถึงเพื่อคุมโทนเรื่อง

คิดดูว่าจนโอเมก้าน้องเอวาหลับเต็มอิ่มกว่าจะหลุดมาได้เลยทีเดียว
"ตื่นแล้วเหรอคุณ?"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์ถามไปตามมารยาท ในขณะที่โอเมก้าน้องเอวาก็สะลึมสะลือพยักหน้าพลางก็ปรับเบาะรถให้กลับมาในองศาที่ตั้งขึ้นเสียหน่อย มือขาว ๆ ถูกยกมาขยี้ตาเล็กน้อยเหมือนเป็นการปลุกตนเอง ครู่หนึ่งพิโอนี่หอมก็เงยหน้ามองถนน

"ยังไม่ถึงเหรอ?" เอวาถาม ซันเดย์ส่ายศีรษะให้
ก่อนเสียงท้องร้องจากโอเมก้าตัวขาวที่พึ่งตื่นจากนิทราจะเรียกความสนใจไปได้ทั้งหมด

ซันเดย์กลั้นขำก่อนจะกลั้นไม่อยู่เมื่อได้ยินเสียงหวานที่บ่นท้องตัวเองเบาว่า "มาร้องอะไรตอนนี้เนี่ย น่าขายหน้าชะมัด" จากเอวาคู่หมั้น

คนอะไรทะเลาะกับท้องตัวเองก็ได้ แล้วมีตีไปแปะนึงด้วยนะ คิดว่าน่ารัก?
เออ น่ารัก น่ารักมากจนอยากถ่ายรูปเก็บไว้เลย

เหมือนแมวตบพุงดี (?)

"คุณจะแวะหาทานอะไรกับผมก่อนไหมล่ะ ให้คนขับรถคุณมานั่งทานด้วยก็ได้นะ"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนเสนอแก่โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่ที่ตีกับท้องตัวเองอยู่ เอวาเงยหน้ามองขวับ ทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างอยากไปหาทานนะแต่ก็เกรงใจซันเดย์
และยังไม่ทันให้อัลฟ่าพี่ซันเดย์ขยับปากบอกว่าไม่เป็นไรไม่ต้องเกรงใจออกมาตามประสา โอเมก้าน้องเอวาก็ปฏิเสธออกมาเสียก่อน

"อย่าเลยคุณ จากนี่กว่าจะถึงบ้านผมก็คงอีกเป็นสิบกว่านาที คุณยังไม่ชินเส้นทางที่นี่ เกิดขับตอนกลางคืนแล้วเป็นอะไรไปขึ้นมาคุณม๊าคุณป๊าคุณได้มาฉีกอกพวกผมพ่อแม่ลูกแน่"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์หัวเราะ "คุณม๊าคุณป๊าผมไม่ทำหรอก"

"ผมแค่สมมุติน่ะคุณรู้จักไหม?" โอเมก้าน้องเอวามุ่ยปากบ่นไปในทันที

คนเป็นอัลฟ่าหัวเราะอย่างเอ็นดูในท่าทางไปก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ ไม่ได้พยามจะให้คนเป็นโอเมก้ายินยอมจะแวะหาอะไรทานกับตนให้ได้แม้ใจหนึ่งจะห่วงอยู่ว่าน้องเอวาจะหิวก็ตามที
ก็นะ ในเมื่อน้องเอวาปฏิเสธออกมาเองซันเดย์ห่วงไปก็จะกลายเป็นเหมือนการบังคับไปเสียเปล่า ๆ และอีกอย่างสิ่งที่โบตั๋นสีขาวพูดก็มีส่วนถูกอยู่มาก ซันเดย์ที่ไม่ชินกับถนนกับเส้นทางที่บ้านเกิดไม่ควรจะไปเสี่ยงขับรถตอนกลางคืนให้อันตรายจริง ๆ

อีกอย่าง เวลานี้โอเมก้าเอวาควรจะได้ไปหลับพักผ่อน
ท่ามกลางความเงียบใส่กันไปครู่หนึ่ง คนอายุน้อยกว่าที่นั่งอยู่ข้างกายเป็นฝ่ายที่เปล่งคำถามอย่างอยากรู้ในอะไรบางอย่างเพื่อทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน

"นี่คุณซันเดย์ ผมมีเรื่องอยากจะถามน่ะ ถามหน่อยได้หรือเปล่า?"

แน่นอนว่าซันเดย์ที่กำลังตั้งใจขับรถก็พยักหน้าตอบรับเป็นเชิงว่า 'ได้'
และเมื่อได้รับคำอนุญาตจากซันเดย์ เอวาก็ไม่ลีลาอะไรให้มากความ ขยับปากเปล่งประโยคถามในสิ่งที่อยากรู้ออกไปในทันที

"คุณไปหายาระงับฮีทมาจากไหนเหรอ?"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนตอบกลับอย่างสบาย ๆ

"ผมก็ไปซื้อกับหมอกับเภสัชกรในโรงพยาบาลน่ะสิคุณ คุณถามทำไมเหรอ คุณน่าจะรู้อยู่แล้วหนิคุณเอวา"
เอวารีบถามต่อ "ใช่ ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมแค่สงสัยน่ะว่าในเมื่อคุณเป็นอัลฟ่า ทำไมคุณถึงไปซื้อยาระงับฮีทมาพกติดตัวแบบนี้ได้?"

ซันเดย์เลิกคิ้วสงสัย "ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะคุณ กฏหมายไม่ได้ห้ามอัลฟ่าซื้อยาระงับฮีทไม่ใช่เหรอ?"

"แต่คุณเป็นอัลฟ่านะ คุณ เอ่อ...แบบว่าคุณไม่กลัวเพื่อนหรือใครแซว?"
จากที่สงสัยกลายเป็นไม่เข้าใจ อัลฟ่าพี่ซันเดย์ถามกลับอย่างงงงวย

"แล้วทำไมผมต้องกลัวเพื่อนหรือใครแซวด้วยล่ะ? ผมว่าออกจะดีจะตายนะที่ผมหาพกไว้แบบนี้ นี่ผมกำลังคิดอยู่เลยนะว่าไว้ถ้าว่างผมจะไปหาแบบที่แรงกว่านี้มาติดไว้อีกสักแผง เผื่อมีโอเมก้าคนไหนเผลอเรอแบบคุณผมจะได้เอาไปให้เขาได้ทัน"
และการตอบคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ บ่งบอกได้เลยว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์คิดและต้องการที่จะทำแบบที่พูดออกมาจริง ๆ มันก็ทำให้โอเมก้าเอวาต้องจำใจยอมรับเลยว่าตนอิจฉาโอเมก้าของพี่ซันเดย์ที่ก็คือตนเองนี่แหละมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย

อยากรู้เหลือเกินว่าถูกเลี้ยงดูมายังไง ทำไมจิตใจดีขนาดนี้
ให้ตาย ขอโทษนะโอเมก้าหรือใครก็ตามที่กำลังอยากจะได้พี่ซันเดย์ที่มีคนเดียวคนนี้และกำลังอิจฉาเอวา แต่เอวาก็ไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้เอวาก็ยังอิจฉาตัวเองอยู่เลย

และยังไม่รู้ด้วยว่าจะทำยังไงให้รู้สึกอิจฉาตัวเองน้อยลง ก็พี่ซันเดย์น่ะ ยิ่งรู้จักยิ่งดีและดีขึ้นเรื่อย ๆ เลย
"ถ้าคุณไม่รังเกียจคุณจะสอนผมเรื่องนี้ก็ได้นะ เผื่อวันไหนคุณไม่ว่างไปซื้อยามาเตรียมไว้เองผมจะได้ไปหาซื้อแทนให้ได้ เหมือนคุณม๊าผมที่สอนคุณป๊าเรื่องการเลือกผ้าอนามัยไง"

อ่า นี่อยากได้ตำแหน่งสามีในฝันหรือว่ายังไง หรือคุณป๊าอยากจะให้ลูกชายได้รางวัลสามีดีเด่นเหมือนกันถึงได้สอนให้ทำตาม
แค่นี้เอวาก็อิจฉาตัวเองไม่หวาดไม่ไหวแล้วนะ!

"อ อือ ไว้ถ้าว่างเมื่อไหร่ถ้ายังอยากรู้อยู่จะสอนก็แล้วกันนะ"

ทำเอวาไปไม่เป็น ตอบไปตะกุกตะกักเลยเนี่ย!

และสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจากคนเป็นอัลฟ่าก็เป็นการพยักหน้าหงึกหงักยิ่งกว่าตุ๊กตาหน้ารถอย่างชอบใจเสียอีก นี่แสดงว่าอยากรู้อยากทำจริง?
ยอมแล้วผู้ชายบ้านนี้ นอกจากจะหล่อ รวย ใส่ใจเก่ง กลิ่นอายกายหอมชวนสบายใจแถมตัวอุ่นน่านอนกอด นิสัยยังอบอุ่นและดูท่าคงจะชอบดูแลเป็นพิเศษอีก ไม่ต้องรอวาระอะไรก็จะแสนดีขึ้นเลยทุกวัน เอวาเชื่อคุณบิดาคุณมารดาสุดที่รักแล้วครับ

ที่สุดของอัลฟ่าที่ดีเท่าที่คนหนึ่งคนจะมีโอกาสได้ครอบครองแล้ว
คราวนี้ไม่มีช่องว่างให้ความเงียบงันได้ก่อตัวระหว่างกันอีก อัลฟ่าพี่ซันเดย์เมื่อเห็นว่าโอเมก้าน้องเอวากล้าถามกล้าคุยกับตนและผ่อนคลายมากกว่าเก่าจึงถามบ้าง ถึงจะน่าแปลกที่เป็นเรื่องสัพเพเหระตั้งแต่ปกติตื่นและนอนประมาณกี่โมง ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไปจนถึงสีหรือสัตว์ที่ชอบ แต่เอวาก็ตอบนะ
ว่าแต่ทำไมทำต้องถามเรื่องอะไรไม่มีสาระแบบนี้?

นั่นสิ เอวาก็สงสัยจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับ "ว่าแต่คุณถามเรื่องพวกนี้ไปทำไมเหรอ?"

ซันเดย์ละจากมองถนนหันมามองเอวาแวบหนึ่ง นัยน์ตาคู่คมประดับด้วยลูกแก้วสีเข้มนั่นเต็มไปด้วยความชอบใจในอะไรบางอย่าง

"ก็ผมจะได้ใส่ใจคุณถูกไง คุณคู่หมั้นเอวา"
"...." เชี่ย แก้มเริ่มร้อนเหมือนซาลาเปาโดนนึ่งเลย!

"อีกอย่าง การที่ผมได้รู้จักคุณมากขึ้น การที่ว่าที่สามีคุณได้รู้ว่าคุณชอบกินผักชี กลัวสิ่งนั้นกับความมืด กลัวแมลง และชอบสีเขียว นั่นน่ะจะทำให้ผมสามารถดูแลคุณได้ถูกที่ถูกทาง ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ควรให้ความสำคัญจริงไหมล่ะ?"
คำว่า 'แสนดีเผื่อคนทั้งทั้งโลก' เอวาได้เข้าใจก็วันนี้ และเจ้าของคำนี้ก็คงจะเป็นอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่กำลังขับรถให้เอวานั่งอยู่นี่ด้วย

อย่าอิจฉาเอวาเลยนะ เอวาอิจฉาตัวเองเผื่อทุกคนแล้ว

"แล้วถ้าหากผมดูแลคุณไม่ถูกที่ถูกทางล่ะ คุณคงไม่พอใจแย่เลยสิ"

"ก็บอกแล้วไงว่าคุณกับผมไม่เหมือนกัน"
และให้ตาย ประโยคต่อมาช่างแสนดีเกินไปจนอดทำให้เอวารู้สึกผิดไม่ได้เลยจริง ๆ

"ไว้คุณอยากจะให้ความสำคัญกับผมบ้างเมื่อไหร่ ไว้ตอนนั้นคุณค่อยให้ก็ได้ผมไม่ได้รีบ"

และก็อดคิดไม่ได้ด้วยว่าบางทีความแสนดีของซันเดย์ อาจจะทำร้ายซันเดย์เองเข้าสักวัน

"เรียกร้องบ้าง นั่นคือสิ่งที่คุณควรทำนะ"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์ยื้มจนแก้มยก "กับคนอื่นผมทำแน่ แต่กับคุณ...ผมให้สิทธิ ผมรู้ว่าคุณจะไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่หรอก"

"รู้ได้ไง?" เอวาถาม

"เพราะถ้าคุณจะทำ คุณคงไม่บอกให้ผมเรียกร้องสิ่งที่ผมควรจะได้ คุณคงไม่ห่วงความรู้สึกผม แล้วก็โมโหที่ผมยอมให้คุณรังแกผมหรอก"

ก่อนจะวิ้งค์ตาทีหนึ่งตบท้าย
แม่ง คนบ้าอะไรแค่วิ้งค์ตาก็ทำให้คนอื่นใจเต้นได้ งง!

โอเมก้าน้องเอวาเลยทำได้แค่ส่งเสียงงึมงำในลำคอให้เป็นการโต้ตอบกับประโยคนั่น ก่อนจะเสหน้าหันมองไปนอกหน้าต่างเลยเนี่ย!

"เอ้อ จริงสิคุณเอวา" พี่ซันเดย์เรียกทำลายความเงียบอีกครั้ง

"อ อะไร?" และน้องเอวาก็ต้องควานหาเสียงตนเองตั้งนาน
"พี่ซันเดย์ขอเรียกเอวาว่าน้องเอวาได้ไหม?"

เอวาสาบานต่อพระเจ้า ว่าถ้าเปลี่ยนกันให้คนขับรถเป็นเอวา เอวาจะไม่เผลอเหยียบคันเร่งจนจมมิดพาตัวเองและเพื่อนร่วมโลกไปเสี่ยงอันตรายเพราะเขินตาพี่อัลฟ่าบ้านี่!

"อ้าว เงียบเลย ไม่ได้เหรอคุณ?"

ยังจะมีหน้ามาแอบมองเป็นระยะอีก!

"อ เออ ตามสบาย"
ก่อนเอวาล่ะอยากจะเปิดประตูกระโดดลงจากรถ หยุดหันมายิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะตาพี่อัลฟ่าบ้า!!

ประเด็นคือยัง ยังไม่พอไง "งั้นต่อไปนี้น้องเอวาก็ต้องเรีบกพี่ว่าพี่ซันเดย์ด้วยเหมือนกันนะ โอเค ดีล~!"

แม่ง ใครจะไปอยากเรียกแบบนั้นกันวะ เป็นแค่คู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันเองนะ!
เออ ยอมรับก็ได้ว่าก็น่าเรียกอยู่เหมือนกัน!

และในระหว่างที่อัลฟ่าพี่ซันเดย์หัวเราะคิกคักไปกับโอเมก้าน้องเอวาที่กำลังหันหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง ถนนก็เริ่มจะเป็นเส้นคุ้นตาโบตั๋นน้อยในที่สุด

และใช้เวลาเพียงอีกไม่ถึงอึดใจเดียวรถที่มีโบตั๋นกลีบสีขาวก็ได้หยุดลงที่ประตูรั้วบานใหญ่จนได้
ในตอนแรก ซันเดย์ก็ว่าจะยอมเป็นฝ่ายเสียมารยาทเสียเอง ว่าจะขออนุญาตส่งน้องเอวาแค่หน้าประตูเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณม๊าคุณป๊าโบตั๋นขาวข้างกายที่คงจะต้องพากันลงมาต้อนรับตามมารยาทเป็นแน่

แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน เพราะคนที่มาเปิดประตูรับเอวาคือคุณม๊าคุณป๊าน้องเอวานั่นเอง
ในตอนที่สอง ก็เลยมานั่งจ๋องอยู่บนโซฟาบ้านคู่หมั้นที่พึ่งจะพบหน้ากันไม่ถึงวันและดื่มนมอุ่น ๆ ไปแก้วหนึ่งเต็ม ๆ

"ดึกจนปานนี้แล้ว ยังไงนอนที่บ้านแม่ก่อนก็ได้นะพี่ ถ้าไม่รังเกียจนอนห้องเดียวกันกับน้องเลยก็ได้"

และในตอนที่สาม ก็มาถือเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ของคุณป๊าเอวาอยู่ในห้องนอนเอวา
ซันเดย์กระพริบตาปริบ คิดว่าผู้ใหญ่แทบทุกคนมีความสามารถพิเศษชวนให้คล้อยตามได้หรือว่ายังไง ทำไมซันเดย์ถึงมายืนอยู่ในห้องนอนน้องเอวาเฉยเลยล่ะ? แถมยังมึเสื้อผ้า ผ้าขนหนู แปรงสีฟันยาสีฟันที่ถืออยู่ในมืออีก? What?!

ประเด็นคือจะให้อัลฟ่าโอเมก้านอนห้องเดียวกันเนี่ยนะ เสี่ยงไปไหมเนี่ย?!
อัลฟ่าพี่ซันเดย์กระพริบตาปริบ ในขณะที่โอเมก้าน้องเอวาเองก็มองกลับด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน

...ก็เผลอคล้อยตามคุณพ่อคุณแม่กันคู่นี่นะ

ระยะที่ห่างกันแค่จากหน้าประตูถึงปลายเตียงไม่ใช่ไกล ถึงสองจะต้องแต่งงานกันในอีกไม่ถึงเดือน แต่ยังไงนี่ก็พึ่งจะเจอหน้ากันไม่ถึงวันเองนะ!
และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ต่อให้โอเมก้าเอวาจะได้ฉีดยาระงับฮีทขนานแรงไป แต่อย่างไรนี่ก็ยังเป็นช่วงอาทิตย์ฮีทอยู่ดี เกิดฤทธิ์ยาอ่อนลงในตอนกลางคืนจนกลิ่นหอมคลุ้งขึ้นมาอีก แถมยิ่งเป็นในห้องนอนที่ก็มีแต่กลิ่นหอมพิโอนี่อ่อนอวลอยู่แทบทั่วอยู่แล้วอีก

นี่เอวาจะไม่ได้เข้าหอก่อนแต่งใช่ไหม?
อัลฟ่าโอเมก้ามองหน้ากันเลิกลั่กไปมา ในหัวต่างคิดไปไกลจนเกิดแต่ความเงียบงัน อัลฟ่าพี่ซันเดย์หรือก็ไม่กล้าขยับขาก้าวออกจากยืนอยู่หน้าประตูไปใกล้โอเมก้าน้องเอวามากกว่าที่เป็น เฉกเช่นเดียวกับโอเมก้าน้องเอวาที่ก็ไม่ได้เชื้อเชิญหรืออนุญาตให้มาใกล้ได้

ออกจะแสดงสีหน้าระแวงให้เห็นด้วยซ้ำ
แถมจะให้โอเมก้าน้องเอวาไล่อัลฟ่าพี่ซันเดย์กลับไป หรือต่อให้อัลฟ่าพี่ซันเดย์เชิญตัวเองกลับที่พักก็ทำไม่ได้ด้วย

หนึ่ง ซันเดย์ต้องโดนถามยกใหญ่แน่ว่าทำไมถึงไม่ค้างที่นี่ตามที่คล้อยตามไปในตอนแรก

และสอง เอวาก็จะโดนถามยกใหญ่เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้อัลฟ่าพี่ซันเดย์กลับที่พักแทนจะนอนนี่
ทางที่เลือกได้จึงมีแต่ทางเดียว และนั่นก็คือนอนด้วยกันที่ห้องนี้ไปตามที่เผลอคล้อยตามคุณพ่อคุณแม่ไปในตอนแรกนี่แหละ

แต่ก็ต้องพิพาทหาข้อตกลงกันให้สบายใจเสียหน่อย โดยเฉพาะทางฝ่ายเอวาที่ออกจะอาจเป็นฝ่ายถูกกระทำ

น่ะ แสดงสีหน้าระแวงออกมาเสียชัดเจนจนซันเดย์ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยเนี่ย
"น นี่ พี่ซันเดย์"

เป็นฝ่ายเอวาที่เปล่งเสียงเรียกผู้อัลฟ่าท่ามกลางความเงียบและน่าอึดอัดภายในห้องนอนขนาดกลางก่อน

"ครับน้องเอวา?" ซันเดย์ขานรับสุภาพ เอวาชั่งใจครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

"พ พี่ซันเดย์ห้ามใกล้ผมเกินสองช่วงแขนนะ ถึงพี่จะไว้ใจได้ แต่ยังไงพี่ก็ยังเป็นอัลฟ่า ผม...ผมกลัว"
และแน่นอนว่าสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจากอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็ช่างเป็นอะไรที่ทำให้ใจรู้สึกพองโตได้ตลอดเหลือเกิน

ปากเป็นกระจับหนารับกับรูปหน้าคมคายสมบูรณ์แบบวาดเป็นทรงยิ้ม แหวนเงินวงเกลี้ยงบนสร้อยที่ห้อยคอผู้อัลฟ่าอยู่สะท้อนแสงไฟจนแวววาว

"พี่ให้สามเลย น้องเอวาจะได้สบายใจ ดีไหม?"
ไม่มีอะไรเหลือให้หวาดกลัว ไม่รู้ทำไมแต่แค่เพียงลมปากจากอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็กลับดูน่าเชื่อถือกว่ามีเอกสารสัญญามาวางไว้ให้เซ็น

"อ อืม" ซึ่งโอเมก้าเอวาก็เชื่อยิ่งกว่าต้องมนต์คาถา

และระยะห่างสามช่วงแขนไม่ขาดแถมอาจเกิน ก็เป็นสิ่งที่ตอบรับความเชื่อใจที่ได้ไปจากโอเมก้าเอวาได้เป็นอย่างดี
เพราะหลังจากที่ทำข้อตกลงที่ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าข้อตกลงได้หรือเปล่า อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็จะอยู่ห่างจากเอวาสามช่วงแขนตลอดให้เอวาสบายใจ

ไม่ว่าจะเดินไปส่วนไหนของห้อง หรือแม้แต่ตอนที่คุยถามกันไปเรื่อยเปื่อย จนจะนอนอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ยังไม่มีทีท่าจะผิดจากคำพูดเลย

"น้องเอวา" ซันเดย์เรียก
โอเมก้าเอวาส่งเสียงหือหาในลำคอให้เป็นการขานรับเสียงเรียกจากอัลฟ่าผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาห่างจากตนเองเกินสามช่วงแขน

"น้องเอวาง่วงหรือยัง?" อัลฟ่าพี่ซันเดย์ถามต่อ

"ก็นิดหน่อย ทำไมเหรอ?"

เอวาถามกลับอย่างสงสัย ก่อนสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาจะพลันทำให้แก้มกลมสองรู้สึกร้อนลามไปยันใบหูน้อย
"พี่ขอไปจุ๊บหน้าผากฝันดีได้ไหม? ปกติที่พี่อยู่ที่นู่นพี่จะจุ๊บตุ๊กตาที่ป๊าม๊าให้ไว้ตลอดน่ะ พอไม่มีอะไรให้จุ๊บก่อนนอนแล้วไม่ชินเลย"

ฉ่าาาาา~!

ยิ่งกว่าซาลาเปากำลังถูกนึ่ง แก้มก้อนกลมขาวเริ่มร้อนผ่าว ลามไปจนใบหูที่เริ่มมีสีจากเลือดที่สูบฉีด เอวาจากอ่านหนังสืออยู่สติหลุดไปในทันที
แถมพอจะหันไปอย่างจะออกปากปฏิเสธ สิ่งที่ได้กลับมาก็ดันเป็นแววตาซื่อใสและอ้อนออดเสียยิ่งกว่าแววตาสุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวใหญ่ที่กำลังอ้อนเสียอีก!

"นะน้องเอวา พี่นอนไม่หลับแน่เลยถ้าไม่ได้จุ๊บ"

และให้ตาย หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ คนบ้าอะไรนั่งห่างกันเป็นเมตรสองเมตรแต่ส่งสายให้ใจอ่อนได้เนี่ย!
เก่งเกินไปแล้วนะตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์บ้านี่!

แต่ไม่มีทางเสียหรอก เอวาน่ะนะชอบแมวตัวเล็กน่ารักไม่ได้ชอบสุนัขตัวใหญ่สักหน่อย จะส่ายหางดุกดิกทำตากลมใสออดอ้อนแค่ไหนเอวาก็ไม่มีทางจะใจอ่อนให้มาจุ๊บหน้าผากฝันดีกันเสียหรอก ฝันไปเถอะ!

"ก ก็หมั้นละนี่ ไม่เสียหายก็ไม่ห้าม"

ไอ้ปากไม่รักดี!!!
โอเมก้าเอวาตีปากตัวเองทิพย์ไปหนึ่งที ในขณะที่อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ระริกระรี้รีบลุกจากโซฟาตัวยาวเดินไปหา

และสาบานต่อพระเจ้าเลยว่าซันเดย์ไม่ได้โกหกเพื่ออยากจะฉวยโอกาสจุ๊บหน้าผากเอวาแต่อย่างใด ซันเดย์เป็นคนติดจุ๊บหน้าผากฝันดีมาแต่เด็ก หากวันไหนไม่ได้ทำก็จะนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเลย
และถ้าถามว่าซันเดย์ไปติดมาจากไหน คำตอบก็ไปติดมาจากป๊านั่นแหละที่ชอบจุ๊บหน้าผากม๊าให้เขาเห็นเป็นประจำ ซันเดย์ในตอนเด็กก็เลยอยากเลียนแบบบ้าง หาทำบ้างจนบ่อยเข้าตอนนี้ก็ติดเป็นนิสัยไปแล้ว

ขนาดจองโรงแรมยังจองโรงแรมที่มีตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่ในห้องไว้เลยนะ เพราะรู้อยู่ว่าตนเองติดเป็นนิสัย
ตอนแรกซันเดย์ก็คิดหนักแล้วว่าคืนนี้จะนอนหลับได้ยังไง หรือถ้าหลับจะสะดุ้งตื่นมาตอนกลางดึกไหม แต่พอได้ลองขอน้องเอวาดูและได้คำอนุญาตมาแบบนี้ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย

คราวนี้ก็คงนอนหลับสนิทฝันดีแบบทุกคืนได้แล้ว ><

อัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างโล่งใจออกมาค่อยนั่งลงที่ปลายเตียง
ในขณะที่โอเมก้าน้องเอวาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสืออยู่ก่อนบนเตียงก็กลายเป็นซาลาเปาสุกไปเป็นที่เรียบร้อย

แก้มขาวกับใบหูน้อยรู้สึกร้อนไปหมด ให้ตาย นี่ขนาดยังไม่ทันให้หน้าผากโดนจุ๊บเอวาก็เขินรอไปหมดแล้ว!

ก็ลองคิดดูนะ ตัวอุ่นมือร้อนแบบพี่ซันเดย์น่ะ แล้วปากล่ะจะร้อนให้เขินขนาดไหน!
โดนจุ๊บมาได้ระเหยหลายเป็นไอแน่!

แต่ไม่มีทางใช่กับเอวาหรอกนะ ก็แค่พูดว่าคงจะเขินคงจะระเหยกลายเป็นไอให้เป็นมารยาทไปงั้นแหละ แค่นี้ไม่เขินหรอก เอวาเจอคนหล่อแถมน่าเขินกว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์มาตั้งเยอะ แค่นี้น่ะไม่ทันได้สะกิดใจเอวาให้สั่นหรอก!

"น้องเอวาให้กี่วิ?"

จะถามทำไม? ลีลาจังวะ!
"ว วิเดียวพอ พี่ซันเดย์อย่าโลภสิ"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์มุ่ยปาก กระพริบตาปริบในตอนแรกอย่างเตรียมจะอ้อนอีกเมื่อคำตอบที่ได้รับไม่ค่อยจะตรงใจิยากได้สักเท่าไหร่ แต่แค่ครู่เดียวต่อมาก็กลายเป็นยอมพยักหน้าหงึกหงักรับคำด้วยกลัวน้องเอวาจะเปลี่ยนใจไม่ให้จุ๊บแทน

"ก็ได้ วิเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้"
ก่อนกล่าวจบจะค่อยส่งมือใหญ่อย่างอัลฟ่าเอื้อมไปหากลุ่มไหมนุ่มที่ปรกหน้าผากน้อยอยู่ เอวาที่หน้าร้อนผ่าวอยู่ก่อนยิ่งร้อนเพิ่มหนักกว่าเก่า ด้วยเหตุจากมืออัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่แตะโดนผิวหน้าผากตนเล็กน้อยตอนค่อย ๆ บรรจงเปิดกลุ่มไหมอ่อนขึ้น

มือร้อนเหมือนเดิม แต่คราวนี้ชวนใจเต้นชะมัดยากเลย!
และยามที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายได้ปรากฏแก่สายตา ทุกอย่างรอบกายเอวาก็พลันเหมือนเชื่องช้าลงในทันที ราวกับว่าพระเจ้าท่านต้องการให้เอวาได้มองได้ชมทุกสัดส่วนใบหน้าอัลฟ่าพี่ซันเดย์ ที่พระองค์บรรลงจงลงหัตถ์ประนีตปั้นมาเองกับมือให้เต็มตา

หล่อ หล่อจนล้มเมืองได้ หล่อจนเอวาบรรยายอะไรไม่ออกเลย
ยิ่งตอนที่ค่อยขยับใบหน้ามาใกล้ใจเอวาก็เหมือนไม่ใช่ของเอวาอีกต่อไป

แหวนเงินวงเกลี้ยงบนสร้อยสะท้อนแสงไฟห้องนอนดูอ่อนโยน แผ่นอกกว้างเป็นสิ่งต่อมาที่ได้เห็นถัดจากใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเลื่อนไปหาหน้าผาก เอวาค่อยปิดตาลงพร้อมใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ

จุ๊บ~

และเสียงจุ๊บแผ่วเบาก็ชวนเขินอาย
แผ่วเบาอ่อนโยนแต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น อบอุ่นนิ่มนวลแต่ก็ไม่ได้มีความอ่อนแอแสดงออกมา นี่หรือคือจุ๊บฝันดีที่ซันเดย์มอบให้บิดามารดาและตุ๊กตาอย่างน้อยหนึ่งตัวทุกวัน

เอวายอมรับก็ได้ ว่าทำใจเอวาเต้นจนแรงจนแทบจะหลุดออกจากอกได้อยู่แล้ว

และเอวาก็ต้องยอมรับอีกอย่างว่าอิจฉาตุ๊กตาจัง
แม้กระทั่งลมหายใจอุ่นที่รดตอนปากจุ๊บลงที่หน้าผาก อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ยังทำได้ดีจนตุ๊กตาน่าอิจฉาที่ได้รับจุ๊บนี่ทุกวัน

เพราะลมหายใจนั่น ราวกับชวนให้ใจเต้นและหายใจเป็นจังหวะเดียวกันเลย

เปลือกตาบางที่ปิดสนิทไปอย่างเผลอไผลค่อยลืมเปิดอีกครั้ง เมื่อสัมผัสที่อยู่บนหน้าผากตนครู่นึงหายไป
และเอวาก็ต้องยอมรับ ว่าใจแอบอยากให้ซันเดย์ค้างจุ๊บนั่นไว้นานกว่านี้อีกสักหน่อย

เอวาต้องยอมรับทุกอย่างเลย ว่าที่พูดไปก่อนหน้าเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด

เพราะเอวาน่ะ อดใจให้ไม่เขินอัลฟ่าพี่ซันเดย์ อดแก้มไม่ให้ร้อน และอดใจไม่ให้เต้นแรงไม่ได้เลยจริง ๆ

แถมแหวนเงินนั่นก็สวยกว่าทุกที
ถึงเอวาจะไปวางทิ้งวางขว้างแหวนหมั้นไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่เอวาก็ยังจำได้ดีว่ามันก็เป็นแค่แหวนหมั้นสีเงินวงเกลี้ยงไม่มีอะไรพิเศษ..สำหรับเอวามันไม่สวย

แต่ตอนนี้เอวาต้องยอมรับ ว่าพอมันอยู่บนสร้อยคออัลฟ่าพี่ซันเดย์ สะท้อนเล่นแสงไฟในห้องนอนเอวา มีพื้นหลังเป็นแผ่นอกกว้าง มันสวยเหลือเกิน
โอเมก้าเอวาหน้าแดงเสียยิ่งกว่าแดง แถมแก้มก็ยังร้อนเสียยิ่งกว่าเป็นไข้ นิ่งเขินไปเสียยิ่งกว่ากลายเป็นหุ่นยนต์ที่แบตหมด

ต่างจากอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่วาดรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อได้จุ๊บหน้าผากเอวาแทนตุ๊กตาหรือคุณป๊าคุณม๊าตนที่จะต้องจุ๊บอยู่ทุกวันเป็นที่เรียบร้อย

"ฝันดีนะครับน้องเอวา"
และเสียงนุ่มทุ้มอบอุ่นที่กล่าวประโยคธรรมดา พร้อมกับมือที่ปัดผมเอวาขึ้นอยู่ซึ่งค่อยละออกมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบอ่อนเบาทีสองทีอย่างกล่อมนอน ทุกอย่างก็ทำเอาเอวาแทบจะระเหยกลายเป็นไอเอาเสียให้ได้

ไหนจะรอยยิ้มกับแววตาจากลูกแก้วสีเข้มนั่นอีก

อ่า พี่ซันเดย์มีกี่คนบนโลกนะ? อิจฉาตัวเองจัง
และให้ตาย ใจเอวาไม่ใช่ของเอวาจริงด้วย

"พี่ซันเดย์"

โอเมก้าเอวาเรียกผู้อัลฟ่าที่กำลังจะลุกกลับไปนอนที่โซฟาเช่นเดิม

"??"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์หันกลับมามองอย่างสงสัย ก่อนจะได้ตกใจเสียจนต้องเปิดตากว้าง เมื่อโอเมก้าน้องเอวาอยู่ดีก็ลุกมาจากกึ่งนั่งกึ่งนอนมายืนเข่าบนเตียง ทำสิ่งไม่คาดคิด
ก็โอเมก้าน้องเอวาคว้าเอาแขนอัลฟ่าพี่ซันเดย์ไว้ก่อนจะดึงกลับมาหาตัว และค่อยยื่นใบหน้าไปใกล้ ก่อนแปะปากลงที่หน้าผากผ่านกลุ่มไหมนิ่มผู้อัลฟ่าไปทีอย่างแผ่วเบา

"น น้องเอวา?" อัลฟ่าพี่ซันเดย์ทั้งตกใจทั้งหน้าร้อน

ครู่เดียวเอวาก็ละออก ปล่อยแขนผู้อัลฟ่าพร้อมใบหน้าขาวเนียนที่แดงเขินไปหมด
เอวารีบนั่งลงและสะบัดผ้าห่มมาคลุมห่อตัวเองเป็นก้อนยาวหมั่นโถวในทันที

"ฝ ฝันดีพี่ซันเดย์!" ก่อนเอวาจะตะโกนออกมาเสียงอู้อี้

"ขอบคุณครับเอวา" และซันเดย์เมื่อตั้งสติได้ก็ยกยิ้ม มองก้อนผ้าห่มเล็กน้อยและตอบกลับไปอย่างอดไม่ได้ที่จะชอบใจ

ก็น่ารักมากจริง ๆ นี่นะแมวดื้อพุงขาวตัวนี้เนี่ย
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบที่ห้าคับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 เหลืออีกแค่ 2 ช่วงในไทม์ไลน์ที่เราวางไว้ก็จะจบละ จุ๊บ💋 Image
.

หากคุณกำลังคิดว่าทุกความใส่ใจ ทุกความอบอุ่น และทุกความแสนดี รวมไปจนถึงอีกหลายสิ่งที่เอวาได้บรรยายเกี่ยวกับอัลฟ่าพี่ซันเดย์ไว้ทำให้เอวาน่าอิจฉา

เอวาบอกได้ตรงนี้เลยนะว่ามีให้อิจฉาได้มากกว่านี้อีก

"อรุณสวัสดิ์ครับน้องเอวา พี่ทำอาหารเช้าเสร็จพอดีเลย รีบอาบน้ำแต่งตัวรีบลงไปทานนะ"
หนึ่ง พี่ซันเดย์ตื่นก่อนเพื่อทำอาหารเช้าไว้ให้

"อ๋อ ปกติตอนที่พี่อยู่ที่นิวยอร์กพี่จะชอบแช่อ่างตอนเช้าน่ะ ไม่รู้ว่าน้องจะชอบไหมนะ แต่พี่เตรียมไว้เผื่อให้ละ"

สอง พี่ซันเดย์เตรียมน้ำในอ่างไว้ให้แช่ได้พอดีมาก

"น้องเอวาจะให้พี่เตรียมชุดไว้ให้น้องเลยก็ได้นะ วันนี้อยากใส่แบบไหนล่ะ?"
และสาม ใส่ใจดูแลเก่งเป็นที่หนึ่งจนว่าไม่ได้เลย

หากมีคำถามว่าความเพอร์เฟคคืออะไร หากถามว่าสามีในฝันในความคิดเอวาเป็นแบบไหน หากให้ตอบแบบไม่หักห้ามใจเลยเอวาก็คงตอบว่าพี่ซันเดย์ไปเต็มปากเต็มคำ

แต่นี่ห้ามใจอยู่ไง เลยจะบอกไปแค่ว่าพี่ซันเดย์ก็ดีนะ แต่สำหรับเอวาก็ไม่ค่อยจะเท่าไหร่หรอก!
แต่ให้ตายเถอะ ดูท่าคนที่หักห้ามใจจนบอกว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ไม่ค่อยจะเท่าไหร่ได้จะมีแค่เอวาคนเดียว

เพราะสำหรับคนอื่น แค่เห็นอัลฟ่าพี่ซันเดย์ทำดีกับเอวาเป็นปกติแค่นิดหน่อย ไม่สิ แค่เห็นใบหน้าอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ต่างพากันจ้องอยากจะเข้ามาใกล้ และอยากจะทำความรู้จักไปด้วยกันเสียหมดแล้ว!
ยกตัวอย่างเป็นพนักงานร้านลองชุดแต่งงานในวันนี้ที่คุณพ่อคุณแม่เอวาจัดหาร้านไว้ให้นี่ จงใจไปนั่งเบียดเสียขนาดนั้นในตอนที่เอวากำลังลองชุด เธอคิดจะเคลมว่าที่สามีเอวาหรือยังไง?!

และตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์นั่นก็ใส่ใจทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไปทั่วเลย ให้ตายสิ!

"พี่ซันเดย์" เอวาเรียกทันที
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนหันหาเอวาที่พึ่งเปลี่ยนจะชุดใหม่มาตามเสียงเรียก พร้อมกับใบหน้าซื่อใสอย่างไม่ได้รู้ตัวอะไรเลยว่าการใส่ใจเก่งเป็นปกติตนนั้นมีปัญหา ในขณะที่พนักงานร้านลองชุดแต่งงานที่จัดว่าก็กล้าเหลือเกินก็สะดุ้งสุดตัว รีบลุกออกจากข้างกายผู้อัลฟ่าในทันที

"พี่ว่าชุดนี้เป็นไง?"
เอวาพูดไปก็ปลายตามองพนักงานใจกล้าเล็กน้อย ถึงจะจริงอยู่ที่เอวาไม่มีแหวนหมั้น แต่ก็ใช่ว่าพี่ซันเดย์จะไม่มีอะไรห้อยคอไว้เสียหน่อย และอีกอย่างนี่ก็ร้านเช่าชุดแต่งงาน เอวากับซันเดย์มาคู่จะว่าไม่รู้ก็คงไม่ได้หรือเปล่า หรือว่าถือคติด้านได้อายอด?

และแน่นอนว่าซันเดย์เห็นนะ ท่าทางนั่นน่ะ
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนยกยิ้ม แอบรู้สึกดีใจเมื่อได้เห็นท่าทางเหมือนหึงหวงตนจากโอเมก้าคู่หมั้น

เพราะในตอนแรกที่ตื่นมาในยามสาย และได้รู้ว่าจะต้องมาลองชุดแต่งงานในวันนี้ โอเมก้าน้องเอวาก็ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากมาจนซันเดย์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกนอยด์นิดหน่อย แต่สุดท้ายก็นะ น่ารักเหมือนเดิม
คิดไปอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ลุกจากโซฟารับรอง เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ถือฐานะเป็นภรรยาเจ้าบ่าวอย่างตนอีกที เดินวนมองชุดบนตัวคู่หมั้นตัวขาวไปรอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากออกมาเย้าแหย่

"ชุดดีอยู่ แต่พี่ว่าดีสู้น้องเอวาพี่ไม่ได้หรอก"

และซันเดย์ก็ได้รับเสียงเขินกับมือขาวที่ตีเพี๊ยะลงมาที่แขนตนในทันที
ใบหน้าน่ารักเสมองไปทางอื่น ปากอิ่มเป็นกระจับขยับบ่นงุบงิบในขณะทึ่อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็หัวเราะในลำคออย่างชอบใจและลูบแขนตนเองไปมาปอย ๆ ในทันที

"ตอบอะไรมั่วซั่วชะมัดเลย ชิ!" เอวาหัวร้อนกลบเกลื่อนซันเดย์ดูออก

"พี่ก็ตอบเอาใจคู่หมั้นไง เมื่อวานตอนอยู่บนรถยังบอกพี่อยู่เลยนี่ว่าชอบโดนชม"
และแน่นอนว่าไม่ได้ทำเพียงแค่พูดเปล่า ซันเดย์ยังวิ้งค์ตาให้ไปทีตามประสาอัลฟ่าที่แพรวพราวมาก่อนจะรู้ตัวว่ามีคู่หมั้นหมาย หากแต่สิ่งที่ทำให้แก้มเอวาแดงร้อนเสียจนแทบจะระเบิดปุ้งออกมาได้ไม่ใช่แค่การขยิบตามากเสน่ห์แน่นอน

แต่เป็นเพราะประโยคที่พูดออกมาพร้อมมือที่โอบเอาช่วงเอวเอวาต่างหาก
"อีกอย่างที่พี่พูดไปก็ความจริงหมดเลยนะ นี่ดูสิเนี่ย ดีตั้งแต่หน้าตายัน 'หุ่น' น้องเลย"

ก็ถ้าแค่พูดแค่โอบ แค่เปล่งเสียงทุ้มมารวมกับบรรยากาศรอบกาย รวมกับกลิ่นอายเข้มและมือใหญ่ที่ชวนเขินนั่นน่ะก็คงจะไม่เท่าไหร่หรอก แต่นิ้วเรียวยาวนั่นดันขยับลอบปล่อยสัมผัสลูบตรงช่วงเอวเอวาด้วยนี่สิ!
เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย คนมองอยู่เยอะแยะไปหมดไม่เห็นหรือไงเนี่ย?!

ใช่ ในตอนแรกเอวาอยากจะบ่นในความแพรวพราวอัลฟ่าพี่ซันเดย์ออกมาแบบนั้นพร้อมกับตีอีกฝ่ายไปอีกสักที แต่สายตาน่ะก็กลับไปเห็นสีหน้าพนักงานใจกล้าคนเดิมพอดีเข้า

เธอเขินอะไรของเธอวะห๊ะ? ซันเดย์เล่นกับเอวาไม่ใช่เธอสักหน่อย!
และใช่ ในตอนที่สองเลยได้กลายเป็นฟึดฟัดเพราะเห็นใบหน้าแดงเขินทิพย์ของพนักงานร้านเช่าชุดแต่งงานไปแทน

ซึ่งในส่วนนี้แน่นอนว่าอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็ต้องขอขอบคุณพนักงานสาวที่สนใจกันในใจไปทีหนึ่ง

หมับ!

ก็เอวาจากในตอนแรกที่เหมือนจะแกะมือซันเดย์ออกจากโอบช่วงเอวตนกลายเป็นโอบกลับทันที
แล้วจะไม่ให้อัลฟ่าพี๋ซันเดย์ขอบคุณได้ยังไงล่ะ ^^

ซันเดย์เลยได้แกล้งทำหน้าซื่อใส ทำไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำไม่เห็นอาการที่มองจากดาวอังคารก็มองออกว่าน้องเอวาหวงตน ก้มมองโอเมก้าตัวเล็กกว่าที่โอบเอวตนกลับพร้อมเรียกชื่อเสียงสงสัยไปทีหนึ่งเลย

"น้องเอวา?" เนียนอยู่เหมือนกันนะเนี่ยซันเดย์
โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่ที่ฟีโรโมนไม่ได้คลุ้งแบบเมื่อยามคืนที่เจอกันด้วยกินยาระงับฮีทกดไว้อย่างดีเรียบร้อยเงยหาตามเสียงเรียก ทำยิ้มหวานส่งให้ในทันที

"พี่ซันเดย์ก็หุ่นดีเหมือนกัน ใส่อะไร 'ว่าที่เจ้าบ่าวของผม' ก็คงต้องหล่อแน่ ๆ เลย" จงใจเน้นคำเสียด้วย

น่ารัก หวงแล้วน่ารักจังเลยวะเห้ย!
"ว่าไหมครับ? 'ว่าที่เจ้าบ่าวของผม' ทั้งหล่อ ทั้งหุ่นดีเลยเนอะคุณ"

ประเด็นคือมีหันไปถามเธอด้วย ให้ตายสิ หวงแล้วน่ารักมาก น่ารักเหมือนเจ้าเหมียวพีนัทที่บ้านที่ชอบกระโดดนั่งตักซันเดย์แล้วเชิดหน้าเชิดตาแสดงความเป็นเจ้าของเลย!

แมวหวงเป็นแบบนี้ทุกตัวเลย เห้อ ซันเดย์ทาสแมวตลอดไปจริง ๆ
"ค่ะ ว ว่าที่เจ้าบ่าวคุณเอวาต้องดูดีทุกชุดแน่ค่ะ"

แล้วไหนจะเรื่องที่โอเมก้าเอวาเผลอประทับรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าให้ได้เห็นในตอนที่เธอที่หมายตาซันเดย์ตอบออกมาตะกุกตะกักแบบนั้นอีก เนี่ย นี่มันแมวหวง แมวหวงเท่านั้นเลย!

"คิดเหมือนผมเลยครับคุณ :) อ่า พี่ซันเดย์ ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ"
น่ารักเหมือนที่คุณป๊าคุณม๊ากรอกหูมาไม่มีผิดเลย

ปล่อยให้ซันเดย์ยืนเหม่อลอยคิดย้อนถึงฉากน่ารักเมื่อครู่อยู่แค่รอบสองรอบ โอเมก้าน้องเอวาก็ออกมาจากห้องลองชุดในที่สุด ก่อนจะบอกว่าขอรูปชุดทั้งหมดที่ทั้งซันเดย์และเอวาได้ลองไปในวันนี้กลับไปเลือกดูที่บ้านอีกทีแล้วจะส่งคำตอบมาให้ในภายหลัง
เมื่อหมดธุระ เอวาก็ไม่มีเหตุอะไรให้ต้องอยู่ต่อ โอเมก้าคนเก่งเดินออกจาร้านพร้อมกับอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่เดินตามหลังต้อยเสียยิ่งกว่าลูกเจี๊ยบตามแม่

แถมยังเอื้อมมือมาสะกิดหลังไม่หยุดอีก

"นี่ นี่น้องเอวาครับ" ซันเดย์เรียก

"มีอะไร?" เอวาถาม

"ก็แบบว่า เมื่อกี้ในร้านน่ะน้องหวงพี่เหรอ?"
ฉ่าาาาา~!

เหมือนมีใครหยิบเอาแก้มสองก้อนไปลงกระทะ ยิ่งกว่าซาลาเปาที่ถูกจับไปนึ่งเสียอีกรอบจนจากที่ร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนไปกว่าเดิมอีก โอเมก้าน้องเอวาชะงักกึกไปนิดนึง คิดถึงตัวเองตอนหวงจนหน้ามืดตามัวก็เขินอาย รีบก้าวขาเดินฉับหนีในทันที

"ป เปล่าหวงสักหน่อย" และก็ตอบมาเสียงตะกุกตะกัก
ไม่รู้ว่าอาการปากไม่ตรงกับใจ ปากไม่ตรงกับการกระทำที่แสดงออกมาน่ะสำหรับใครอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่น่ารำคาญหรือเปล่า แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กับอัลฟ่าพี่ซันเดย์แล้วหนึ่งคนเพราะในสายตาคมทุกกิริยาน้องเอวานั่นช่างดูน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด

"เปล่าหวงจริงเหรอครับ?"

"อ อืม จริงสิ" เอวายังปากแข็ง
และทุกความน่ารักนั่นก็ทำเอาอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนที่ถึงแม้จะเดินตามอยู่ทางด้านหลังแต่ก็เห็นแก้มและใบหูที่ขึ้นสีอย่างชัดเจนอดไม่ได้เลยที่จะแกล้งสักนิดให้ชื่นใจ

อัลฟ่าพี่ซันเดย์คว้าโอเมก้าน้องเอวาไว้ ก่อนจะดึงด้วยแรงที่ไม่มากพาโบตั๋นขาวที่กำลังจะกลายเป็นโบตั๋นแดงหลบมุมเสาในทันที
"เห้ย!?"

โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่บอบบางส่งเสียงตกใจในทันที เมื่อถูกอัลฟ่าคู่หมั้นที่พึ่งจะเจอกันเมื่อวานในตอนดึกคว้าเอาตนมาหลบมุมเสาในห้างใหญ่แบบนี้

แผ่นหลังบางแนบกับเสาเย็นเยียบแต่ข้อมือเล็กกลับถูกกุมด้วยมือใหญ่ที่ร้อนผ่าว เบื้องหน้าเป็นร่างอัลฟ่าเจ้าปัญหาที่ทำให้ตนแก้มแดงไปหมดอยู่
"อ อะไรอีกล่ะพี่ซันเดย์?"

เอวาพูดตะกุกตะกัก เพราะเป็นใครก็คงหาเสียงไม่เจอเมื่อใบหน้าที่สมบูรณ์แบบขยับเข้ามาใกล้ ไม่ว่าจะเป็นจมูกที่รับกับรูปหน้า ดวงตาที่ชวนดำดิ่งจมลึกจนอาจถอนตัวไม่ออก ไหนจะปากที่เคยมอบสัมผัสอ่อนโยนให้แก่กันตรงหน้าผาก สันกรามที่เห็นชัดเจนอยากจะเอื้อมมือไปลูบอีก
ใบหน้าอย่างลูกรักพระเจ้านั่นสามารถทำให้ใจคนได้มองเต้นไม่เป็นจังหวะ แถมในบางทีอาจจะเต้นแรงจนช็อคเป็นลมไปเลยก็ได้

แทบจะบ้า เอวาทนมองไม่ได้เลย แถมอยากจะถามคุณป๊าคุณม๊าอีกฝ่ายด้วยว่าจะสร้างลูกมาหล่อเผื่อคนทั้งโลกหรือยังไงนะ?

"ไม่หวงพี่จริงเหรอครับน้องเอวา พี่เป็นคู่หมั้นน้องเลยนะ?"
เอาล่ะ ก่อนจะได้ไปถามคุณป๊าคุณม๊าสงสัยเอวาคงต้องได้ไปถามอัลฟ่าพี่ซันเดย์ตรงหน้านี่ก่อนเลยว่าทำตาอ้อนยังไงให้ดูน่าสงสารเหมือนโกลเด้นตัวใหญ่น้อยใจได้อย่างนี้?

แล้วแหวนหมั้นนั่นน่ะไม่คิดจะเก็บเอาไว้ในเสื้อเลยหรือไง สะท้อนแสงเข้าตาเอวาดีเหลือเกินนะ แม่ง!

"ไม่เลยจริงเหรอน้องเอวา?"
ไหนจะการทำตาหลุบหลบไปนิดหนึ่งเหมือนน้อยใจก่อนจะกลับมาช้อนมองเอวาอย่างคาดหวังอีก โอเคยอมแพ้ เอวายอมแพ้ก็ได้วะ ตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์บ้านี่เหมือนโกลเด้นของป้าข้างบ้านที่ชอบวิ่งมาชวนให้เอวาพาไปเดินเล่นเลย

แล้วพอเอวาปฏิเสธนะ ก็จะเป็นแบบนี้เป๊ะ!

"น นิดนึงก็ได้อ่ะ ผมหวงพี่นิดนึงก็ได้อ่ะ"
เนี่ย พอได้คำตอบที่ถูกใจที่อยากได้ไปเอวาก็เหมือนจะเห็นหางส่ายไปมาอยู่ข้างหลังเลย

"จริงนะ?" เห่าดีใจได้นี่เห่าแล้วหรือเปล่าเอวาถามจริง

"อืม แต่นิดนึงนะ แค่นิดนึงนะ" เอวาว่าไปพลางก็เสหน้าที่แดงเพราะสุนัขโกลเด้นหน้าหล่อนี่หนีไปทางอื่น

"นิดนึงก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี พี่สบายใจละ"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนกล่าวก่อนจะปล่อยมือที่จับโอเมก้าตัวขาวอย่างถือวิสาสะไปออก ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนนี้ถึงจะได้รู้ว่าเป็นคู่หมั้นกันแล้วและก็พึ่งจะไปลองชุดแต่งงานกันมาเมื่อยังไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา แต่อย่างไรซันเดย์ก็ควรจะต้องขอโทษอยู่ดี

"ขอโทษนะ น้องตกใจหรือเปล่า มือพี่ร้อนนี่?"
เพราะถึงอย่างไร โอเมก้าน้องเอวาก็เคยบอกซันเดย์ว่าตกใจและหวาดกลัวกับการถูกแตะต้องแบบไม่ให้ตั้งตัว และอีกอย่างเจตนาในการจับก็เป็นการจะแกล้งเพื่อถามหาความจริงจากร่างน้อยซึ่งไม่ใช่อะไรที่ดีสักเท่าไหร่อีก

"ก ก็นิดนึง แต่ไม่เป็นไรพี่ ถ้าไม่โอเคจริง ๆ ผมจะพยามสะบัดออกไปเอง อย่าคิดมาก"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์ได้ยินดังว่าก็โล่งใจ พยักหน้าพร้อมยิ้มตอบรับคำคนเป็นน้อง แต่ก่อนที่จะได้พากันเดินออกจากหลบมุมเสาเอวาก็ทักอย่างอยากจะถามในบางสิ่งขึ้นมาเสียก่อน

"นี่ พี่ซันเดย์"

"หืม มีอะไรเหรอน้องเอวา?"

"พี่เคยบอกว่าที่พี่ห้อยแหวนไว้ที่สร้อยก่อนเพราะรอให้คู่หมั้นใส่ให้ใช่ไหม?"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์พยักหน้า ทำหน้าสงสัยด้วยใคร่อยากจะรู้ว่าโอเมก้าน้องเอวาต้องการที่จะถามอะไรตนกันแน่

หรือว่าน้องเอวาอยากจะสวมแหวนหมั้นให้ซันเดย์เหรอ? แต่ตรงนี้ตรงมุมเสากลางห้างใหญ่เนี่ยนะ? นี่จะเป็นการสวมแหวนที่ออกจะประหลาดไปเสียหน่อยไหมเนี่ย?

"อย่างแรกผมขอโทษนะพี่ที่ทำแหวนหาย.."
"ไม่เป็นไรพี่ไม่ได้โกรธ อย่างที่สองมาเลยก็ได้ น้องเอวาขอโทษพี่เรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ"

จริงอย่างที่ซันเดย์ว่า ซันเดย์ไม่ได้โกรธอะไรเลย

"อ เอ่อ อย่างที่สอง เราไป แบบว่า ไป ไปเลือกแหวนหมั้นใหม่กันดีไหม?"

โอเมก้าน้องเอวาถามจบก็หลับตาปี๋ ใบหน้าแดงแปร๊ดเสียยิ่งกว่าลูกตำลึง
ให้ตาย เอวาเขินเหมือนจะตายเลย ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังขอพี่ซันเดย์แต่งงานเลยเนี่ย

ส่วนทางอัลฟ่าพี่ซันเดย์น่ะเหรอ วาดยิ้มกว้างเสียจนเมื่อยปากจนจะตายเหมือนกัน หรือโอเมก้ากลิ่นโบตั๋นหอมนี่คิดจะน่ารักให้ซันเดย์ตายเอาให้ได้เลยกันนะ? วางแผนฆาตกรรมกันก่อนแต่งงานแต่งจะได้ล่มงี้เหรอ?
แต่ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็แทบจะไม่ต้องคิดคำตอบอะไร ปากเปล่งประโยคขออนุญาตเสร็จก็รีบคว้าหมับเข้าที่ข้อแขนเล็กในทันที

"ดีครับ ดีมากเลย ไปครับ ไปหาร้านเพชรสักร้านแล้วเลือกแหวนกัน"

ส่วนเอวาที่พึ่งจะลืมตาขึ้นมาพร้อมใบหน้าที่แดงไปหมดก็อยากจะพูดว่า 'หลังกว้างน่าซบจัง'
อ่า ดูท่าใจเอวาคงจะไม่ใช่ของเอวาอีกต่อไปเสียแล้วล่ะ

เพราะแค่แผ่นหลังกว้างที่ดูเหมือนจะปกป้องกันได้ แค่มือร้อนที่ใหญ่เสียจนกอบกุมข้อมือเอวาได้จนรอบอย่างไม่ต้องสงสัย แค่การจับที่อ่อนโยนราวกับกำลังประคองและทะนุถนอม แค่ทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านั้นก็ทำให้ใจเอวาเต้นไม่เป็นจังหวะไปเสียหมด
ไม่ไหวเลย ใจเต้นไม่เป็นส่ำอย่างกับว่าเอวาเป็นโรคหัวใจ ไม่พอยังเต้นแรงหนักจนเอวาต้องแอบยกมือมาลูบแถวอกซ้ายเล็กน้อยพร้อมกับบอกให้ใจน้อยได้ช่วยใจเย็นลงหน่อยอย่างแผ่วเบา

เอวาจำต้องยอมรับแม้จะไม่อยาก ว่าใจเอวาในตอนนี้เหมือนพร้อมจะกลายพรรคกลายพวกไปเป็นของอัลฟ่าพี่ซันเดย์ได้ตลอดเวลาเลย
หากมีใครสักคนมีคำถามที่ค้างคาใจ ว่าจะไปมีได้ยังไงกันคนที่เพอร์เฟคสมบูรณ์แบบไปหมดเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะฐานะวงศ์ตระกูล รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงลักษณะนิสัย เอวาล่ะจะกวักมือเรียกให้มาหาเอวาตรงนี้แล้วก็ใส่พานถวายพี่ซันเดย์ให้ดูเลยว่านี่ไงล่ะคนที่ว่า

แต่เอวาแค่ให้ดูนะ ไม่ให้กลับเด็ดขาดเลย
ถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่เอวาเคยเปล่งวาจาบอกกล่าวเอาไว้จะค้ำคออยู่ และถึงสองจะพึ่งพบหน้ากันได้ยังไม่ทันจะถึงหนึ่งวันถ้วนดีก็ตาม แต่เอวายอมรับก็ได้ ว่าการเป็นโอเมก้าของอัลฟ่าที่โคตรจะเพอร์เฟคขนาดนี้เป็นเรื่องที่น่าอิจฉามากไปจนถึงมากที่สุด

และใช่ เอวาไม่อยากจะเสียตำแหน่งนี้ไปให้ใคร
กล่าวมาจนถึงตรงนี้ เอวาก็อดที่จะย้อนคิดไปถึงคำถามจากผู้อัลฟ่าที่เดินนำหน้าอยู่ในตอนนี้ไม่ได้ อดจะคิดถึงคำถามที่ถูกถามในยามคืนวานที่ผ่านมาไม่ได้เลย

คำถามที่ถามออกมาหลังจากที่เอวาบอกไปว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้แย่นั่น...

'สำหรับผม คุณก็ไม่ได้แย่สักหน่อยคุณซันเดย์'

'ก็คือยินดีแต่งกับผม?'
ในตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิดเอวาตอบไปว่าไม่รู้

และแน่นอนว่าในตอนนี้ เอวาก็ยังคงจะยืนยันคำตนว่าตนก็ยังไม่รู้เหมือนเดิมว่าจะยินดีหรือไม่ยินดีแต่งกับอีกฝ่ายกันแน่ เพราะกับแค่หล่อแค่รวยแค่ใส่ใจและอบอุ่นมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย โอเค มากกว่าคนอื่นมากก็ได้ แต่ไม่ได้ทำให้เอวากลายเป็นคนใจง่ายขึ้น
ถึงจะยอมรับว่าเอวาเองใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยเหตุจากอัลฟ่าพี่ซันเดย์ และเริ่มเป็นเพราะเหตุผลเล็กน้อยขึ้นทุกที แต่อย่างไรเอวาก็ยังไม่รู้อยู่ดี

แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเมื่อคืนเช่นกัน

เอวาไม่ได้รู้สึกยึดมั่นในปณิธาน ไม่ได้อยากจะคัดค้านให้ได้เพียงอย่างเดียวแบบเก่าแต่อย่างใด
หนักกว่าคือเอวาดันกลับเริ่มรู้สึก ว่ากลืนน้ำลายตัวเองแล้วยอมรับว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์โคตรจะมีครบในคุณสมบัติผู้ชายที่น่าแต่งด้วยยังจะง่ายเสียกว่าการปฏิเสธออกไปหากแต่ใบหน้าแดงไปหมดแบบนี้เสียอีก

อ่า ใจเอวาไม่ใช่ของเอวาอีกต่อไปจริง ๆ

"นี่พี่ซันเดย์" เอวาเรียกชื่อเจ้าของแผ่นหลังตรงหน้า
ชายตัวสูงกว่าตามประสาเพศสภาพรองเป็นอัลฟ่าหยุดฝีเท้า หันหลังกลับมามองโอเมก้าที่เปล่งเสียงเรียกชื่อตนเองพร้อมเสียงหือหาตอบกลับมาในลำคอ

เอวาขยับปลายเท้าเข้าใกล้เพิ่มก้าวหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าระยะห่างมากเกินไป มืออีกหนึ่งที่ว่างจับลงที่มือใหญ่ข้างที่กำลังกุมข้อมือเล็กตนเองเอาไว้รอบอยู่
"เมื่อคืน ที่ผมบอกกับพี่ว่าพี่ก็ไม่ได้แย่สำหรับผม พี่จำได้อยู่ไหม?"

แน่นอนอัลฟ่าพี่ซันเดย์พยักหน้า

"แล้วที่พี่ถามผมต่อมา พี่จำได้หรือเปล่า?"

"ครับ พี่จำได้ น้องเอวาตอบพี่ว่าไม่รู้"

และแน่นอนว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็อดไม่ได้เลยที่จะสงสัยในคำถามที่มาพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีไปหมดนั่น
กล้าพูดเต็มปากเลยนะว่าเอวาตอนนี้โคตรจะน่ารัก แต่ซันเดย์อยากรู้จังว่าทำไมต้องน่าแดงขนาดนั้นด้วย โอเมก้าน้องเอวาอยากจะถามอะไรซันเดย์กัน?

"ง งั้นถ้าผม ยังไงดีล่ะ แบบว่าถ้าผมอยากให้พี่ใช้เวลาหนึ่งเดือนที่เหลือก่อนถึงวันแต่งงานนี่ทำให้ผมมั่นใจว่าผมยินดี พี่...พี่ซันเดย์จะทำให้ผมไหม?"
เหมือนมีใครเอาถุงน้ำร้อนมาแนบสองแก้ม เหมือนมีใครมาปล่อยผีเสื้อให้บินอยู่ในท้อง ใบหน้าน่ารักที่เงยมองอย่างขัดเขินแต่ก็สื่อว่าที่พูดไปทุกอย่างเป็นเรื่องจริงจังไม่ได้แกล้ง ทำซันเดย์เริ่มจะหน้าร้อนไม่ต่างโบตั๋นสีขาว

"พี่เคยบอกว่าพี่ยินดีแต่งกับผมเพราะผมไม่ได้แย่ ผมเองก็เหมือนกัน..."
"พี่เองก็ไม่ได้แย่สำหรับผม ไม่สักนิด ถึงจะแค่สิบกว่าชั่วโมงที่เราได้รู้จักกัน แต่ผมก็คิดว่าเราคงจะพอเข้ากันได้ ต แต่ว่าผมก็แอบกลัว ผมไม่อยากแต่งไปตามคุณพ่อคุณแม่แล้วหย่าในภายหลังเพราะเข้ากับพี่ไม่ได้..."

โอเมก้าน้องเอวาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ หลุบสายตาไปเล็กน้อยก่อนช้อนมองพูดต่อ
"ผมอยากให้งานแต่งงานครั้งแรกของผม เป็น 'ครั้งเดียว' และ 'ครั้งสุดท้าย' ถึงผมจะโดนบังคับ แต่เพราะพี่ก็ไม่ได้แย่ผมเลยไม่อยากปฏิเสธอีก เพราะงั้นพี่ซันเดย์ทำให้ผมได้ไหม? ทำให้ผมมั่นใจว่าผมจะยินดีแต่งกับพี่ได้ไหม?"

ทั้งใบหน้าที่แดงขัดเขินทั้งหน่วยตาที่ช้อนมอง พระเจ้าก็ยอมเธอน้องเอวา
แล้วมนุษย์ธรรมดา แถมยังเป็นทาสแมวอย่างหมดชีวิตแบบซันเดย์จะไปไม่ยอมได้อย่างไรกัน

"ได้สิ พี่จะใช้เวลาหนึ่งเดือนก่อนแต่งนี่ทำให้น้องเอวารู้จักพี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ..."

และซันเดย์ก็พูดต่อออกไปได้แบบไม่ต้องคิด เพราะมันเป็นความใส่ใจที่อยู่ในสายเลือดไหลเวียนเป็นซันเดย์มาโดยตลอด
"แต่ถ้าหนึ่งเดือนนี้น้องเอวาไม่ยินดีจะแต่งกับพี่แล้วก็ต้องบอกพี่นะ พี่จะช่วยพูดและรับผิดชอบยกเลิกงานแต่งนี่ไปพร้อมกับน้องเอวาเอง ห้ามฝืนจะแต่งเด็ดขาด ตกลงไหม?"

ซันเดย์ก็ยังเป็นซันเดย์ตลอดเลยเสียจริง ให้ตาย แล้วแบบนี้จะให้เอวาบอกใจให้หยุดเต้นแรงเพราะตาพี่อัลฟ่าบ้านี่ได้ยังไงกัน
"พ พี่ก็เหมือนกันนะ ถ้าไม่ยินดีจะแต่งกับผมก็ต้องบอกผม"

และให้ตาย มือร้อนที่ยกมายีกลุ่มไหมเอวาพร้อมรอยยิ้มกับการหลับตาพยักหน้าหงึกหงักอย่างอ่อนโยนนี่ อ่า พระเจ้าไม่ได้สร้างพี่ซันเดย์แล้วล่ะ พี่ซันเดย์เองนี่แหละที่เป็นพระเจ้าลงมาเกิด

"พี่บ้างานนะ เอวาจะเข้าใจพี่ไหมถ้าพี่กลับดึก?"
"เข้าใจสิ ผมเป็นโอเมก้านักธุรกิจเชียวนะ แล้วพี่ล่ะ จะเข้าใจผมไหมถ้าผมกลับดึก?"

ซันเดย์ยิ้ม "เข้าใจอยู่แล้วสิ แต่ถ้าพี่เป็นห่วงแล้วตามไปเฝ้าหรือส่งคนไปเฝ้าน้องเอวาที่งานล่ะ น้องเอวาจะเข้าใจพี่ไหม?"

แน่นอนว่าเอวาก็ตอบแบบไม่ต้องคิด "ตอนนั้นผมคงเป็นภรรยาพี่ พี่ห่วงก็เรื่องปกตินี่"
รอยยิ้มประทับบนใบหน้า จริงอยู่ว่ากับแค่เรื่องไม่กี่เรื่องไม่อาจทำให้รู้ได้ว่าสุดท้ายสองจะแต่งกันไปแล้วจะจบแค่กันและกันจริงไหม จะมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็นหรือเปล่า เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นการบังคับแต่งงานจากผู้ใหญ่โดยมีสองที่เลือกไปทางที่ยอมรับและพยามจะมีความสุขด้วยกันให้ได้ดีที่สุด
นับเป็นโชคดีที่ซันเดย์และเอวาต่างเพียบพร้อมไปด้วยฐานะ นิสัย ไปจนถึงรูปลักษณ์ที่บางคนอาจจะเคยได้ยินกันมาอยู่ว่าอย่าดูหนังสือแค่ที่หน้าปก แต่สุดท้ายก็เลี่ยงกันไม่ได้ว่าหน้าปกนี่แหละคือสิ่งดึงดูดใจให้เปิดหน้าหนังสืออ่าน

นับเป็นโชคดีที่เป็นคู่อัลฟ่าโอเมก้าที่น่าอิจฉามากกว่าน่าปวดหัว
.

โอเมก้าบางคนอาจไม่จำเป็นต้องมีอัลฟ่าหรือใครคอยดูแลอยู่ข้างกายเสมอไป ใช่ เอวาเคยคิดแบบนั้น จนกระทั่งได้มีกายอุ่นจากสามีที่คอยเคียงข้าง

ในงานสังสรรค์ทางธุรกิจ โอเมก้าเกินสิบกำลังอิจฉาพิโอนี่หอมชวนดม

"ฉุนกลิ่นเหรอ เอาเสื้อพี่ไปใส่ไหมพี่ถอดให้?"

"อือ ไม่เอา ขอน้องซุกหน่อย"

END
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบสุดท้ายคับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 ImageImage
พิเศษ :

โอเมก้าเอวาเคยคิดสงสัย ว่าความอบอุ่นแสนดีและใส่ใจเก่งของสามีอย่างอัลฟ่าพี่ซันเดย์จะไปมีจุดสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหน? จนวันนี้ครบหนึ่งปีที่แต่งงานกันโอเมก้าเอวาจึงได้คำตอบ...

ว่าคงไม่มีหรอกจุดสิ้นสุดที่ว่า อัลฟ่าพี่ซันเดย์สามารถใส่ใจเอวาได้มากขึ้นและมากขึ้นทุกวันไม่มีขาดตกเลย
เพราะในวันนี้ไม่ใช่แค่ตื่นเช้ามาเตรียมอ่างน้ำเตรียมเสื้อผ้า จัดการตัวเองเสร็จก็มานั่งรอปลุกเอวารอบอกอรุณสวัสดิ์ พอเอวาไปอาบก็พับผ้าห่มจัดที่นอนลงไปทำอาหารให้ นั่งทานข้าวกันเสร็จก็ขับรถตามหลังไปส่งกันถึงที่ทำงาน หอมแก้มและขอให้เป็นวันที่ดีที่สดใสกับเอวาอยู่เสมอ วันนี้ไม่ใช่แค่นี้
เพราะอัลฟ่าพี่ซันเดย์ยังหาเวลากลับมาเตรียมเซอร์ไพรส์ให้ที่บ้านก่อนเอวาจะกลับมาถึงอีก

ปุ้ง!

"Happy 1st Wedding Anniversary! สุขสันต์ครบรอบแต่งงาน 1 ปีของเรานะครับน้องเอวา!"

เสียงหัวเราะสดใสและรอยยิ้มมาพร้อมกับพลุฉลองที่ถูกบิด กระดาษหลากสีปลิวจากพลุอันน้อยไปทั่วเท่าที่สายลมพัดพา
แววตาที่เป็นประกายสุขสันต์ ไวน์กับเค้กน่าจะสักปอนด์ที่ถูกวางอยู่บนเคาร์เตอร์ ยังไม่รวมอาหารอีกหลายสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ไหนจะลูกโป่งสีขาวที่ลอยอยู่บนเพดานและประดับอยู่รอบห้อง เอวาที่ยังอยู่ในชุดสูททำงานอดไม่ได้ที่จะยกมือปิดปากพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ

เพราะเอวาลืมไปเสียสนิทเลย...
มือสองที่มีรอยมีดบาด ที่เป่าลมลูกโป่งที่ถูกเอาไปเก็บหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งในห้อง ไหนจะซองใส่ตุ๊กตาแต่งหน้าเค้กที่ยังวางไว้ไม่ได้ถูกเอาไปทิ้งอีก คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากพี่ซันเดย์เป็นคนทำทั้งหมดนี่ด้วยตัวเอง

โอเมก้าเอวาทิ้งกระเป๋าเอกสารทันที

"ฮ ฮึก! พี่ซันเดย์ พี่ซันเดย์ ฮืออออ"
ก่อนจะปล่อยโฮ รีบวิ่งโพเข้าไปกอดอัลฟ่าผู้เป็นสามีที่ตกใจกับน้ำตาใสจากภรรยาจนไม่รู้จะทำตัวยังไงดีในทันที

โอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมซุกใบหน้ากับแผงอกแกร่ง ในขณะอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็ค่อยยกมือที่หนึ่งยังถือพลุกระดาษอยู่ไปวางลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบโยน

"น้องเอวา น้องเอวาร้องไห้ทำไม?"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนถามพร้อมใจที่เริ่มจะหน่วงอย่างเป็นห่วงเป็นใย ด้วยอุตส่าห์จัดห้องทำเค้กทำอาหาร ตระเตรียมการทุกอย่างไว้รอภรรยาตัวน้อยกลับมาจากทำงาน หวังสุดใจว่าจะได้เห็นรอยยิ้มชอบใจ แต่ไหงกลับกลายเป็นน้ำตาและการสะอื้นไห้ฮึกฮักไปเสียได้กัน

"ไหนบอกพี่เร็วว่าเป็นอะไร พี่ห่วงนะ"
โอเมก้าน้องเอวาได้ยินก็มุดหน้า ซุกกับแผงอกอุ่นพร้อมกระชับแขนกอดเอาไว้แน่น ไหล่น้อยสั่นไปตามการสะอื้นไห้ จนซันเดย์ถามอย่างห่วงใยอีกรอบจึงได้ยอมเปล่งเสียงออกจากปาก

"พี่ซันเดย์ น้องขอโทษ น้อง ฮึก! น้องไม่ได้เตรียมอะไรให้พี่เลย ฮึก! น้องขอโทษ ขอโทษที่น้องทำแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษ ฮือออ"
และคำตอบจากโอเมก้าผู้เป็นภรรยาก็ทำอัลฟ่าผู้เป็นสามีคลายคิ้วที่แทบจะขมวดผูกกันเป็นปมออก พร้อมประทับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าได้แทบจะทันที

มือใหญ่และร้อนอย่างอัลฟ่าลูบไปตามแผ่นหลังบาง ก่อนจะบรรจงหอมหน้าผากน้อยไปที

"พี่ก็นึกว่าร้องไห้เพราะเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นต้องร้องไห้เลย"
กดปากลงที่หน้าผากผ่านกลุ่มไหมนุ่มอย่างอ่อนเบา หากแต่ชัดเจนและหนักแน่นว่ารักจนอยากจะทะนุถนอมผู้ได้รับจุมพิตนี่ไปตลอดไป อัลฟ่าพี่ซันเดย์เลื่อนมือหนึ่งขึ้นลูบท้ายทอยน้อยปลอบโยน

"พี่ยอมรับว่าพี่น้อยใจนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดเดียว พี่เข้าใจว่างานน้องเอวาเยอะ การจะลืมไปบ้างเป็นเรื่องปกติ"
เอวาที่มุดซุกอยู่กับอกกว้างค่อยเงยใบหน้าเปรอะน้ำตาขึ้นมามอง ก่อนส่ายศีรษะไปมาเป็นเชิงไม่ยอมรับคำกล่าวจากผู้เป็นสามี

"ไม่ปกติสิ ฮึก! ที่ปกติคือน้องควรจะจำได้ น้องควรจะใส่ใจพี่และเรื่องของเราให้มากกว่านี้"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์ยิ้ม ก่อนส่ายหน้าไม่ยอมรับคำกล่าวจากผู้เป็นภรรยาเฉกเช่นกัน
"น้องเอวา นี่ก็เป็นเรื่องปกติของคู่เราไง พี่ไม่รู้หรอกนะว่าในสายตาคนอื่นใครจะมองน้องเอวาว่าไม่ใส่ใจพี่เลยหรือเปล่า หรือใครอาจจะมองว่าพี่น่ะเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่โกรธไม่น้อยใจ พี่ไม่รู้ น้องเอวาก็ไม่รู้ใช่ไหม แต่เรารู้กันอยู่สองคนนี่ว่าแบบนี้ก็มีความสุขดีแล้ว ไม่ใช่เหรอ? หืม?"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์กล่าวไปก็ละมือหนึ่งจากแผ่นหลังบาง ยกมาปาดน้ำตาออกจากความบอบบางและงดงามอย่างโบตั๋นขาวอ่อนโยน

"อีกอย่างถึงจะลืมไปในวันนี้แต่พรุ่งนี้ก็คิดจะเซอร์ไพรส์พี่กลับแบบทุกทีไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นไม่ต้องร้องนะ อย่าคิดมากเลยนะคุณภรรยา คุณสามีคนนี้เข้าใจคุณภรรยานะครับ โอ๋นะคนดี"
และความแสนดีอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดนั่น ก็ทำเอาเอวาอดไม่ได้เลยที่จะซุกใบหน้าลงกับแผงอกอุ่นชวนสบายใจ พร้อมกับกอดอัลฟ่าผู้เป็นสามีเอาไว้ในอ้อมแขนบอบบางนี่แน่นอย่างหวงแหนไปหมด

"รักนะ ฮึก! น้องรักพี่นะ น้องรักพี่มากเลยนะ..."

และก็อดไม่ได้เลยที่จะบอกรักอัลฟ่าพี่ซันเดย์ 'ของเอวา'
"ครับ พี่ก็รักน้องเอวามากเหมือนกัน"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์กล่าวไปก็ขยับยุกยิกเล็กน้อย ก่อนแค่ชั่วหนึ่งลมหายใจเข้าออกต่อมาก็หยิบกล่องอะไรบางสิ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงได้ในที่สุด

ผู้อัลฟ่าค่อยประคองช้อนดวงหน้าให้เงยขึ้นจากจมอกตน จัดกลุ่มไหมนุ่มนิดหน่อยพลางหยิบเครื่องประดับสวยออกจากกล่อง
ก่อนเรซินใสไม่มีสีรูปตัว A บนกิ๊ฟขนาดกลาง ประดับด้านในด้วยวัสดุจากพลาสติกจะค่อยถูกบรรจงติดลงบนกลุ่มไหมอ่อน

แน่นอนว่าไม่ได้ดูหรูหรา แต่น่ารักและเต็มด้วยความใส่ใจตกแต่งภายในให้คล้ายกับสวนพฤกษา อาจจะดูยากไปหน่อยว่าดอกไม้ดอกเล็กภายในคนทำจงใจให้เป็นดอกอะไร แต่แค่นี้ก็สวยงามมากเพียงพอ
ก่อนน้ำตาเอวาจากที่เกือบจะฮึบได้เอ่อคลออีกรอบในทันที เมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากอัลฟ่าพี่ซันเดย์ที่มาพร้อมกับการยกมือเกลี่ยจมูกโด่งนั่นอย่างขัดเขิน

"พี่...พี่ทำครั้งแรกเลย หวังว่าน้องจะชอบนะ"

ก็อัลฟ่าพี่ซันเดย์น่ะทำของขวัญให้เอวาเองอีกแล้ว เอวาเป็นโอเมก้าที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกเลย
ทำไมกันนะ ทำไมอัลฟ่าพี่ซันเดย์ถึงได้ใส่ใจเก่งมากถึงขนาดนี้ ขนาดแค่กิ๊ฟติดผมเรซินก็ยังหาเวลามาทำให้จนได้ ทั้งที่จะซื้อหรือสั่งทำก็ได้มีขายทั่วไป ทำไมถึงยังต้องหาเวลาที่แต่ละวันก็จะไม่ค่อยว่างอยู่แล้วมาฝึกทำเพื่อให้เอวาในวันครบรอบแต่งงานกัน

เนี่ย แล้วงี้จะไม่ให้เอวาร้องไห้ได้ยังไง
"น น้องเอวา ร้องไห้อีกทำไม น้องไม่ชอบเหรอ?"

แต่เหมือนอัลฟ่าพี่ซันเดย์จะตีความหมายน้ำตาที่ไหลออกมาอีกระลอกของโอเมก้าน้องเอวาผิดไป และอาจจะเพราะไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือการทำของขวัญชิ้นนี้อยู่แล้ว อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนเลยแทบจะรีบล่ก ถอดกิ๊ฟอันธรรมดาแต่แสนสวยออกจากกลุ่มไหมอ่อนแทบไม่ทัน
และยังไม่ทันให้โอเมก้าน้องเอวาได้แก้ไขความเข้าใจผิด อัลฟ่าตัวสูงก็กล่าวขอโทษเสียงเบายกใหญ่เสียก่อน

"พี่ขอโทษนะ ไม่น่ารักใช่ไหม? ว่าแล้วเชียวว่าทำครั้งแรกคงไม่ดีพอเป็นของขวัญ พี่น่าจะซื้อไม่ก็สั่งทำให้น้อง"

เอวาส่ายหน้าเป็นเชิงว่าอย่าคิดแบบนั้นเลย แต่กลับทำเข้าใจผิดหนักกว่าเดิม
พี่ซันเดย์คงเข้าใจผิดไปว่าเอวาไม่อยากได้เสียแล้ว!

ถ้าถามว่าเอวารู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็อัลฟ่าพี่ซันเดย์ตอนนี้ในสายตาเอวาน่ะมีหูมีหางงอกออกมา และมันก็กำลังตกลู่แนบตัวไปหมดเลยยังไงล่ะ!

"พี่ซันเดย์ฟังน้องก่อนสิ น้องไม่ได้ร้องไห้เพราะไม่อยากได้หรือว่าไม่ชอบเลยนะ" เอวาว่าไปก็สูดจมูกฟืดฟาด
อัลฟ่าพี่ซันเดย์ไม่ได้ตอบกลับ ย้ายมือที่หนึ่งข้างถือกล่องอีกหนึ่งข้างถือกิ๊ฟไปหลบอยู่ทางข้างหลัง ในขณะที่เอวาก็ค่อยฮึบน้ำตาและเอื้อมมืออ้อมไปหามือใหญ่

"ที่น้องร้องไห้ ก็เพราะพี่ซันเดย์เป็นสามีที่ดีมาก มากเสียจนน้องอิจฉาตัวเองและตัวเองในอนาคตที่จะได้อยู่กับพี่ซันเดย์ต่างหากนะ..."
เอวาว่าไปก็ค่อยเอาศีรษะกลมทุยที่ใครก็ต่างบอกว่าน่ารักดันปลายคางผู้เป็นสามีอย่างออดอ้อนไปทีหนึ่ง

"น้องชอบมากนะ พี่ติดให้น้องใหม่เลย ให้แล้วห้ามเอาคืนสิ" เสร็จก็เงยช้อนมองดูผลว่าจะสำเร็จไหม

อ่า โกลเด้นส่ายหางแล้ว พอตาเป็นประกายแบบนี้น่ามองกว่าเดิมเยอะเลย

"จริงเหรอ? น้องชอบเหรอ?"
โอเมก้าน้องเอวาพยักหน้าหงึกหงักไม่โกหก ในขณะที่อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็เหมือนทานตะวันเจอแสงอาทิตย์ จากคอตกอยู่ดีก็เงยหน้าสดใสขึ้นมาได้ในที่สุด ด้วยได้เห็นว่าความพยามที่ตนทำให้ภรรยามีผลตอบกลับเป็นอย่างที่ตนคาดหวังไว้

ถามว่าคาดหวังอะไร? ก็คาดหวังว่าภรรยาจะมีความสุขและมีชอบใจในของขวัญไง
"ติดให้น้องใหม่เร็วพี่ซันเดย์"

และแน่นอนว่าโอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมก็ยังออดอ้อนต่ออย่างไม่ให้ขาดช่วงขาดตอนแต่อย่างใด

ส่วนฝ่ายอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนผู้เป็นสามีมีหรือจะทนได้ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นภรรยาชอบใจในของขวัญที่ตนตั้งใจทำให้ก็มีความมั่นใจมากขึ้น ยอมเอามันออกมาจากหลบหลังในที่สุด
ถึงจะยังมีท่าทีขัดเขิน แต่เมื่อโอเมก้าน้องเอวาเอียงหน้าให้อย่างจะบอกว่าให้ 'ติดให้หน่อย' อีกเพียงทีเดียว สุดท้ายก็ยอมยกมือข้างหนึ่งที่ยังถือกล่องทรงสี่เหลี่ยมเรียบง่ายไปเกลี่ยจัดกลุ่มไหมนุ่มให้พอเป็นทรงอย่างอ่อนเบา และค่อยบรรจงหนีบกิ๊ฟกึ่งทำเองให้อย่างอ่อนโยน

"น้องดูเป็นไงบ้าง?"
ซึ่งเอวาก็อดไม่ได้เลยที่จะออกปากถามทันทีที่เครื่องประดับอันน้อยถูกติดอยู่บนกลุ่มไหนตนอย่างใคร่รู้

อัลฟ่าพี่ซันเดย์วาดปากเป็นทรงยิ้ม ในนัยน์ตาประกายแววบางสิ่งที่ชวนให้เอวาใจเต้น มือที่ยังไม่ละลงนั่นแอบปล่อยสัมผัสลูบกลุ่มผมเอวาเล็กน้อยเชื่องช้า

"น่ารักครับ เหมาะกับน้องเวอามากเลย"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์กล่าวไปก็เลื่อนใบหน้าหล่อเหลาคมคายเข้าใกล้ ก่อนจะค่อยบรรจงประทับริมฝีปากฝากไว้ที่เรซินกิ๊ฟบนกลุ่มไหมอ่อนอย่างรักใคร่ และเลื่อนลงมาจุมพิตที่ข้างขมับไปอีกทีหนึ่ง

ขณะเดียวกันโอเมก้าน้องเอวาก็ได้ยินเสียงกุกกักในกล่องที่เบาจนแทบจะเลือนหาย

"หืม? พี่ยังทำมาอีกอันเหรอ?"
อัลฟ่าพี่ซันเดย์ตอบสบาย ๆ พลางยังคงลูบกลุ่มไหมอ่อนไปด้วยอย่างชอบพอในความนุ่มมือ

"ครับ อีกอันเป็นรูปตัว S น่ะ พี่ทำไว้เผื่อให้น้องติดเวลาที่พี่ไม่ได้ไปเฝ้า"

โอเมก้าน้องเอวาเลิกคิ้วกับคำตอบ ทวนประโยคอีกทีอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจแจ่มแจ้งสักเท่าไหร่

"ให้ผมติดเวลาที่พี่ไม่ได้ไปเฝ้า?"
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนพยักหน้าหงึกหงักยืนยันคำตอบ ก่อนกล่าวต่อว่า

"ใช่ พี่หวงน่ะ อย่างน้อยถ้ามีชื่อพี่หรือของอะไรสักอย่างที่สื่อถึงพี่อยู่ที่ตัว พวกอัลฟ่าหน้าซีเมนส์บางคนอาจจะพอมีจิตสำนึกก่อนเข้ามาใกล้น้องบ้าง"

อ่า สามีเอวาคนนี้จะอยู่บนจุดสูงสุดในวงการอภิชาติสามีเลยหรือเปล่านะ?
ยอดไอเฟล? ยอดพีระมิด? หรือยอดเอเวอร์เรส? อัลฟ่าพี่ซันเดย์อยากอยู่ที่ยอดไหนถึงจะสูงพอเทียบเท่าความเป็นสามีแสนเพอร์เฟคที่มีอยู่ในตัวได้?

เอวาไม่เข้าใจเลยว่าจะสมบูรณ์แบบเผื่อคนทั้งโลกเลยหรือยังไงนะตาพี่อัลฟ่าสุดที่รักคนนี่น่ะ

"พี่นี่นะ น่ารักตลอดเลย"

"น่ารักสู้น้องเอวาไม่ได้หรอก"
โอเมก้าน้องเอวาล่ะเหนื่อยใจเสียจริง ที่ได้เป็นโอเมก้าที่น่าอิจฉามากถึงขนาดนี้ แถมยังไม่ได้ตั้งใจอยากเป็นเลยนะ แต่บังเอิญชะตาฟ้าลิขิตให้หมั้นกันมาแต่เด็กเอง

มือบางรับเอากล่องกิ๊ฟสีขาวพิสุทธิ์มาไว้ในมือ เปิดออกดูก็พบกิ๊ฟเรซินใสรูปตัว S จริงดังว่า แต่ด้านในกลับประดับธีมกันต่างออกไป
อาจจะดูยากไปหน่อยเพราะขนาดที่ค่อนไปในทางเล็ก แต่ก็พอจะดูออกได้ว่าอัลฟ่าผู้เป็นสามีจงใจจะทำออกมาให้เป็นธีมอะไร

และคำตอบก็คือต้นไม้สนสีน้ำตาลกลางหิมะขาวยังไงล่ะ

ซึ่งละเอียดมาก ละเอียดจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำครั้งแรกแล้วจะได้ขนาดนี้ แถมคนทำยังเป็นชายที่มีเพศสภาพรองเป็นถึงอัลฟ่าอีก
อัลฟ่าพี่ซันเดย์ เพอร์เฟคเกินไปมากแล้วจริง ๆ

"น้องติดให้พี่ซันเดย์บ้างได้ไหม?"

และเอวาก็อดไม่ได้เลยที่จะอยากเห็น ของขวัญสุดแสนจะเต็มไปด้วยตั้งใจนี่ในตอนประดับอยู่บนกลุ่มไหมสีเข้ม อัลฟ่าพี่ซันเดย์ต้องน่ารักและดูดีมากแน่

"นะ เหมือนตอนสวมแหวนแต่งงานไง เนี่ย พี่ทำมาสองอันพอดีเลย"
และมีหรือสามีที่ใส่ใจทุกความรู้สึกทุกการเปลี่ยนแปลงของภรรยาอย่างซันเดย์จะไม่ยอม

"พี่ตามใจน้อง" ตอบได้อย่างไม่มีลังเล

"งั้นน้องขออนุญาตนะ" ขอตามมารยาทน้องจะจับศีรษะพี่

โอเมก้าน้องเอวายกยิ้ม ก่อนจะเป็นฝ่ายยกมือไปจับจัดไหมสีเข้มบ้าง เมื่อได้อย่างที่ต้องการก็ค่อยหนีบกิ๊ฟอันสวยลงไป
และสาบานต่อพระเจ้า ต่อให้กิ๊ฟจะสวยน่ารักแค่ไหน อัลฟ่าพี่ซันเดย์ก็ยังหล่อดูดีจนน่าหมั่นไส้ไปหมดเลยให้ตาย

"พี่ดูเป็นยังไงบ้าง ตลกไหม?" อัลฟ่าพี่ซันเดย์ถามพลางยกมือจับ ๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจ

โอเมก้าน้องเอวาส่ายหัว "ไม่ พี่ยังดูดีเหมือนเดิม"

ก่อนเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย จุ๊บปากหนาไปที
และนั่นก็ทำเอาฝ่ายสามีผู้โดนขโมยจุ๊บปากอย่างไม่ทันให้ได้เตรียมตัวเปิดตากว้างอย่างตกใจในทันที

ก็นะ ถึงแม้จะจริงอยู่ว่าสองแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว หากแต่ในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาด้วยหน้าที่การงานและอะไรอีกหลายอย่าง การแสดงความรักต่อกันในรูปแบบนี้จึงเกิดขึ้นน้อยครั้งจนแทบจะนับรอบได้
เพราะเอวายังคงต้องดูแลธุรกิจ ซันเดย์เองก็ต้องหาทางตีตลาดธุรกิจฝั่งเอเชียใหม่เพราะเป็นฝ่ายย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศบ้านเกิดกับภรรยา ด้วยเหตุนี้ต่างฝ่ายต่างจึงมักใช้เวลาส่วนมากในวันหนึ่งไปกับเลขา ไม่ก็พนักงานมากกว่ากันและกัน

ถึงจะใช้เวลาว่างทั้งหมดอยู่ด้วยกัน แต่ก็ส่วนน้อยกว่าอยู่ดี
แล้วแบบนั้นจะไปมีเวลาที่ไหนมาหอมแก้ม จุ๊บปาก หรือแสดงความรักแบบนี้กันบ่อยเล่า เต็มที่ที่สุดเลยก็มีแต่ซันเดย์ที่หอมหน้าผากเอวาฝันดีก่อนนอนเท่านั้นแหละ!

"อย่าทำหน้าตาตื่นงั้นสิพี่ซัน? น้องเขินนะ!"

และแน่นอนว่าใช่ ฝ่ายโอเมก้าเอวาที่เป็นฝ่ายจุ๊บเองก็เขินกับท่าทีตกใจซันเดย์เหมือนกัน
ซึ่งบอกเลยว่าแก้มกลมที่มีสีระเรื่อลามไปจนถึงใบหู รวมไปจนถึงท่าทางทุกอย่างที่แสดงออกมาโคตรจะน่ารัก เป็นโอเมก้าที่น่ารักที่สุดสำหรับซันเดย์เลย

อัลฟ่าตัวสูงจากหน้าตาตื่นกลายเป็นเอ็นดูภรรยาแทน ยกมือยีกลุ่มไหมนุ่มให้ยุ่งเหยิงไปทีอย่างอดใจไม่ได้

"พี่โดนจุ๊บนะ พี่หรือเปล่าที่ควรเขิน?"
โอเมก้าน้องเอวาไม่ได้ตอบ เสหน้าหนีไปทางอื่นพลางขยับปากจิ้มลิ้มงุบงิบบ่นไปเรื่อยในทันที ในขณะที่ฝ่ายอัลฟ่าพี่ซันเดย์เองก็อดไม่ได้ที่จะมองเครื่องหน้างดงามและกิ๊ฟที่ตนทำเองที่ถูกระดับไว้บนกลุ่มผมภรรยาอย่างชอบใจ

ถึงแม้ใบหน้าน่ารักจะเปื้อนน้ำตาไปหน่อย แต่ก็เป็นน้ำตาที่ไหลเพราะความสุข
ฉะนั้นก็ถือว่าเป็นวันครบรอบแต่งงานที่เป็นไปตามที่ได้คาดหวังเอาไว้อยู่เหมือนกัน

"อ๋อ จริงสิพี่ซันเดย์"

"หืม?" ซันเดย์ตอบรับเสียงน้องเอวาที่อยู่ดีก็เปล่งออกมา

"แบบว่า....แต่งกันมาปีนึงแล้วแต่น้องยังไม่เคยนั่งตักพี่เลย ถือโอกาสวันครบรอบแต่งงาน น้องนั่งตักพี่ตอนดินเนอร์เลยได้ไหม?"
และเอวาก็ทำเอาซันเดย์แทบอยากจะวิ่งไปเอาหัวโขกประตู เสร็จก็วิ่งไปหาถามใครก็ได้ให้ช่วยบอกทีว่าซันเดย์ไม่ได้กำลังโดนภรรยาตัวเองอ่อย

น้องเอวาก็แค่ขยับเข้ามาใกล้ ทำช้อนตามองอ้อนใส่เพราะอยากจะนั่งตักซันเดย์เฉย ๆ ไม่ได้มีเจตนาแฝง แล้วท่าทีเลิกลั่กกับหน้าที่แดงขึ้นกว่าเดิมก็แค่เพราะเขิน
ใครก็ได้บอกซันเดย์ทีว่าเป็นแบบนั้น!

บอกซันเดย์ทีว่าน้องเอวาก็แค่อยากจะนั่งตัก ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นอย่างใด ซันเดย์แค่คิดมาก ฟุ้งซ่าน คิดอะไรไปเรื่อยเองคนเดียว

แต่แค่จะขอนั่งตักทำไมต้องเลิ่กลั่กหน้าแดงหูแดงขนาดนั้นล่ะ เนี่ย อดคิดไม่ได้เลยนะ คิดพิเรนทร์อะไรในหัวอีกแน่เลยภรรยาเขา
จะว่าไป พอมาคิดดูให้ดีแล้ว น้องเอวาช่วงนี้ก็ดูจะเล่นอะไรพิเรนทร์แปลกไปจากตอนแรกที่เจอที่แต่งกันมาก ไม่ว่าจะอยู่ดีก็มาจุ๊บปาก มาหอมแก้ม มาขอกอดตอนนอน หรือแม้กระทั่งมารออาบน้ำพร้อมซันเดย์

คราวนี้จะคิดพิเรนทร์อะไรให้ซันเดย์ตบะจะแตกอีกล่ะ หนักขึ้นทุกรอบที่ได้แกล้งเลยด้วยนะเอวาเนี่ย
ประเด็นคือซันเดย์จะถือว่าแต่งแล้วทำอะไรก็ได้ก็ไม่ได้ไง เพราะภรรยาตัวน้อยในตอนวันเข้าหอกับช่วงไปฮันนีมูนเป็นคนพูดเองว่า

'ถ้าพร้อมเมื่อไหร่น้องจะบอกเอง

เนี่ย แล้วซันเดย์ก็ยิ่งเป็นคนแบบนี้อีก ทำอะไรได้นอกจากอดทนทุกรอบที่โดนแกล้งแล้วก็ค่อยไปห้องน้ำ ให้ตาย อีกนิดซันเดย์จะหนีบวชแล้ว!
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะโดนแกล้งให้หน้าร้อน แต่มีรึทาสแมวทุกลมหายใจอย่างซันเดย์จะกล้าคัดค้านอะไรออกมาจากปาก แค่ยัยหนูเอวามองช้อนมายังไม่ทันให้ต้องอ้อนกันซันเดย์ก็อ่อนระทวยให้คำตอบไปแล้ว

"ครับ พี่ตามใจน้องเอวาเลย"

ก็ขัดอะไรคุณภรรยาไม่ลงนี่ น่ารักตั้งขนาดนี้ ไม่ตายแล้วตายอีกก็บุญ
โอเมก้าน้องเอวาเมื่อได้คำตอบแน่นอนว่าก็ยังคงท่าทีขัดเขินเลิ่กลั่กอยู่ไม่น้อย หากแต่ก็ยังอุตส่าห์ขยับก้าวอย่างเก้ ๆ กัง ๆ มาจูงมือซันเดย์ให้ไปที่โต๊ะอาหารด้วยกัน

ก่อนจะค่อยให้ซันเดย์นั่งลงที่หัวโต๊ะ แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนตักพร้อมใบหน้าที่แดงเขินไปหมด

เนี่ย น้องเอวามีเจตนาแฝงแน่เลย
ก็คนบริสุทธิ์ใจที่ไหนกันแค่นั่งลงตักสามีจะหน้าแดงขนาดนี้ เอาแล้ว ซันเดย์โดนแน่อีกแล้วสินะ

อ่า แล้วกลิ่นพิโอนี่น้องเอวาทำไมถึงหอมขึ้นแบบนี้ นี่ไม่ใช่กลิ่นที่ติดอายกายปกติเลย น้องกำลังจะฮีท? หรือว่าน้องจงใจ? ซันเดย์จะต้องกลั้นหายใจไหม? หรือว่าสามารถ 'รู้สึก' ได้เพราะเป็นสามีแล้ว?
"น้องเอวา แกล้งพี่เหรอ?"

และนั่นก็ทำเอาอัลฟ่าพี่ซันเดย์อดที่จะถามออกมาไม่ได้เลย จริงอยู่ว่าน้องแค่มานั่งบนตักเหมือนจะไม่มีอะไร แต่น้องน่ะ ภรรยาซันเดย์น่ะดันขยับยุกยิก

"อ อะไร? ใครแกล้ง? น้องเปล่านะ"

โกหก คราวก่อนก็แบบนี้เลย แก้มก็แดงไปยันหู พูดก็ตะกุกตะกัก เลิ่กลั่กไปหมดแบบนี้
"น น้องแค่จะหยิบไวน์มาเทดื่มเอง"

ไหนจะเรื่องกลิ่นอายกายหรือกลิ่นฟีโรโมนที่หอมฟุ้งขึ้นมาเกินปกติอีก โกหกไม่เนียนอีกแล้ว

"พี่เปิดให้นะ"

แต่ซันเดย์ทำอะไรได้ที่ไหนกัน นอกจากอดทน อดทนเท่านั้นจนกว่าน้องจะพูดประโยคนั้นออกมา

น้องไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ ห้ามเด็ดขาด จะต้องคุมตัวเองให้อยู่
อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนคิดกับตนเองไปมือก็หนึ่งเอื้อมไปหยิบที่เปิดจุกไวน์ อีกมือก็รับขวดไวน์มาจากมือภรรยา ในขณะที่ในหัวก็กำลังคำนวณราคาหุ้นและท่องรายชื่อบริษัทที่จะมาร่วมการประชุมพรุ่งนี้เพื่อพยามให้ตนเองอยู่กับร่องกับรอยแทนจะหลุดไปกับกลิ่นหอมโอเมก้า

"แก้วมาครับ ให้พี่ด้วยนะเอวา"
แล้วแค่เอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์เนี่ยจำจะต้องขยับขนาดนี้เลยหรือยังไง มันโดนนะนั่นน้องเอวา!

ขอร้องเถอะ อีกนิดพี่ซันเดย์จะบ้าตายแล้วนะ!

หรือว่าน้องเอวาอยากให้พี่ท่องคัมภีร์ไบเบิลจนหมดเล่ม ถึงได้ทำกับพี่แบบนี้!

อัลฟ่าพี่ซันเดย์โอดครวญในใจไปมือหนึ่งก็รินไวน์ใส่แก้วให้ภรรยาและตนเองไป
ก่อนเมื่อรินเสร็จจะรับแก้วมาไว้ในมือ แต่ไม่วายยังไม่ทันให้ได้ยกแก้วขึ้นดื่ม ภรรยาตัวแสบก็ขยับตัวอีกรอบเหมือนจะหามุมเหมาะในการพิงอกกว้าง

ขยับตัวน่ะไม่เท่าไหร่ เข้าใจว่าอยากนั่งให้สบาย น้องเอวาก็ไม่หนักอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องจงใจโดนอะไรต่อมิอะไรพี่ซันเดย์อ่ะครับ น้องงง ;-;
แต่ซันเดย์ก็ยังเป็นซันเดย์เสมอ ใบหน้าหล่อคมคายนั่นยังคงประดับด้วยรอยยิ้มปกติได้อย่างแนบเนียน

ไม่รู้สึกอะไรเลย ท่องไว้ซันเดย์ว่าตายด้านไปแล้ว อย่าทำให้น้องเอวาเสียความรู้สึกเด็ดขาด ห้ามเด็ดขาดเลย!

ซันเดย์ก็ยังคงเป็นซันเดย์จริง ๆ

"นี่พี่ น้องมีเรื่องสำคัญมากอยากถาม ถามได้เปล่า?"
"ได้สิ อยากถามเรื่องสำคัญมากอะไรกับพี่ล่ะ?"

และเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากปากน้อยที่ถามหลังจากประโยคอนุญาตตน ซันเดย์ก็แทบจะกัดลิ้นให้ตายเสียตรงนี้

"พี่รัทอีกทีเมื่อไหร่? ตรงกับที่น้องฮีทไหม? อยากใช้เวลารัทกับน้องหรือเปล่าพี่ซันเดย์"

ตาย ซันเดย์ขอตายห่าตายโหงมันตรงนี้แหละ ไม่ไหว!
"ทำไมถามพี่แบบนี้ล่ะน้องเอวา หืม?"

อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนวางแก้วไวน์ที่ยังไม่ทันได้จิบ ยกมือหนึ่งโอบประคองเอวบางเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ส่งไปลูบกลุ่มไหมนุ่มอย่างอ่อนโยน

"ก ก็อัลฟ่าไม่มียาระงับให้กินนี่ แถมรัทรอบที่แล้วที่น้องบินไปจีนพี่ก็ไม่ยอมออกไป 'ใช้' รัทกับใครที่ไหนไม่ใช่เหรอ?"
"พี่แต่งกับน้องแล้วนะ พี่ออกไปใช้รัทกับใครก็ไม่ใช่เรื่องสมควรสิ"

"แต่น้องไม่ได้อยู่กับพี่นะ มันรู้สึกไม่ดีไม่ใช่เหรอเวลาอยากน่ะ น้องเคยได้ยินมาว่าอัลฟ่าเวลารัทจะอยากกว่าโอเมก้าเวลาฮีทอีกไม่ใช่เหรอ?"

"ไม่รู้สิ พี่ไม่เคยอยากแบบโอเมก้า" และคำพูดติดตลกก็ทำเอวาตีไปที่แขนแกร่งทีหนึ่ง
อัลฟ่าพี่ซันเดย์หัวเราะคิกคัก ลูบแขนปอย ๆ ก่อนจะพูดต่อ

"อย่างไรก็แล้วแต่ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าอัลฟ่าอื่นเวลารัทจะไปหาใช้เวลารัทกับโอเมก้าหรือเบต้าอื่นไหมตอนคู่ตัวเองไม่อยู่ แต่สำหรับพี่ ไม่ว่าน้องเอวาจะรับได้หรือไม่ได้กับวิธีนั้น แต่พี่คิดเอาเองว่าพี่ไม่สมควรที่จะไปพี่ก็เลยไม่ได้ไป
มันก็อยู่ที่การตกลงและยอมรับกันของสองฝ่ายอ่ะเนอะ สิ่งที่อัลฟ่าอื่นทำไม่ใช่เรื่องไม่ดี สิ่งที่พี่ทำก็ไม่ใช่ดีที่สุด เพียงแต่พี่แค่ไม่อยากไปใช้เวลารัทกับใครหลังแต่งงานที่ไม่ใช่ภรรยา ก็แค่นั้น"

อ่า เอวาชอบอัลฟ่าพี่ซันเดย์มากขึ้นอีกแล้ว

และเพราะแบบนี้ไง เพราะเป็นแบบนี้เอวาถึงได้ถาม
"เพราะแบบนี้ไง เพราะน้องรู้ว่าพี่ไม่ไปเพราะแบบนี้ และพี่คงไม่ไปตลอด น้องถึงได้ถามว่าพี่อยากใช้เวลารัทกับน้องไหม น้อง...น้องไม่อยากให้พี่ต้องอยู่คนเดียวในเวลาแบบนั้น"

และสายตาที่ช้อนมองมานั่น ศีรษะกลมกับแก้มเป็นลูกนั่น บนตักนี่ น้องเอวาช่างคล้ายกับแม่แมวมากเหลือเกินสำหรับซันเดย์
ซันเดย์ลูบกลุ่มไหมอ่อนอย่างเบามือ ยกยิ้มอย่างชอบพอในตัวภรรยามากขึ้นและมากขึ้นกว่าเดิมทุกวัน ทุกนาที และคงจะทุกวินาที

ก็น่ารักที่สุดเลย

"ถ้าน้องไม่พร้อม พี่ก็จะไม่ร้องขอ พี่อยู่ได้ รัทที่แล้วพี่ก็อยู่คนเดียว ไม่เป็นไรเลยนี่ไง ยังมาจัดเซอร์ไพรส์ทำกิ๊ฟทำเค้กทำอาหารให้น้องอยู่เลย"
"ก็ใช่ว่าอยู่ได้ แต่ แต่น้อง น้อง...." เอวาอึกอัก

"หืม? น้องอะไรครับเอวา?" ซันเดย์จึงถาม

ก่อนจะได้ตรัสรู้ว่า การถามของตนเป็นเรื่องที่ผิดพลาดไปมากแล้ว

น้องเอวาเป็นฆาตรกรครับทุกคน! ฆ่าด้วยความน่ารัก!

"น้อง...น้องอยากใช้เวลาฮีทกับพี่ น้องอยากมีตัวน้อย น้องไม่อยากกินยาระงับแล้ว!"
ให้ตาย เอวาพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ ตรงชะมัด แต่เอวาไม่ผิดนะ ก็ตาอัลฟ่าพี่ซันเดย์น่ะถือศีล ละทางโลกเก่งเป็นที่หนึ่ง ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย!

เอวาทั้งขอกอดตอนนอน ทั้งรออาบน้ำพร้อมกัร ทั้งจุ๊บปาก ทั้งหอมแก้ม ล่าสุดก็มานั่งตักแล้วเนี่ย ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยอีก จะโกรธก็โกรธไม่ลง หึ่ย!
ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเลือดฝาด หลับตาปี๋หลังพูดจบในขณะที่อัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็นิ่งค้างไปครู่น้อย แต่ก็แค่ครู่เดียวกลิ่นอายกายก็หอมเข้มอวลขึ้นชวนหลงใหล

ก่อนพี่ซันเดย์จะค่อยแปะปากเป็นกระจับค้างกับริมฝีปากอิ่มเอวาแผ่วเบา

"บอกพี่แบบนี้ไม่ได้สิน้องเอวา" อัลฟ่าพี่ซันเดย์ว่าเสียงดุเด็ก
"ท ทำไมล่ะ น้องดูอยากได้พี่ไปเหรอ?"

เอวาถามเสียงซื่อตาใส อัลฟ่าพี่ซันเดย์ขำพรืดอย่างเอ็นดูก่อนจะส่ายหัวไปมา

"เปล่าหรอก แต่ว่าวันเข้าหอน้องเอวาเคยบอกกับพี่ไว้ว่ายังไงจำได้ไหม?"

โอเมก้าน้องเอวาทำท่าคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า

"งั้นถ้าอยากมีตัวน้อยกับพี่ น้องต้องบอกพี่ว่ายังไง?"
เอาเอวาไปทอด! เอาเอวาไปทอดเดี๋ยวนี้เลย!

แววตานั่นมันอะไรน่ะ ประกายในดวงตานั่นอีก อัลฟ่าพี่ซันเดย์เหมือนจะกินเอวาเลย เอวาจะโดนกินแล้วคุณพ่อคุณแม่! ที่สำคัญกว่าก็คือเอวาจะได้ใช้เวลาฮีทกับอัลฟ่าพี่ซันเดย์แทนยาระงับฮีทแล้ว!

"น น้องพร้อม...." เอวาว่าเสียงเบา หลบสายตาคม

"หืม? ไงนะ?"
อัลฟ่าพี่ซันเดข์จงใจแกล้งไม่ได้ยินกันนี่!

"น้องพร้อม พร้อมแล้ว...." เอวาเลยพูดดังขึ้นอีกนิดนึง

"พี่ไม่ได้ยินอ่ะ พอดีหูไม่ค่อยจะดี" อัลฟ่าพี่ซันเดย์ว่าไปก็ยกมือป้องหู

"ก็บอกว่าพร้อมแล้วไง พร้อมแล้วน่ะ...." เอวาดังขึ้นให้อีก

"พร้อม? พร้อมอะไรเหรอครับ?" แต่ก็ยังจะแกล้งต่อไม่เลิก
เอวาเลยตัดสินใจเอาไงเอากัน คิดว่ายังไงนี่ก็สามีเอวาเองจะไปอะไรมากมาย แล้วก็หลับตาปี๋ เปล่งเสียงบอกออกไปดังเท่าที่จะทำได้แต่ไม่ไช่ตะโกนด้วยไม่อยากจะโดนแกล้งให้เขินเล็กเขินน้อยม้วนต่อไปเรื่อย

จะเขินก็เขินทีเดียวสิ เอวาพร้อมละ มาเลย!!

"น้องพร้อม...น้องพร้อมเป็นของพี่ซันเดย์แล้ว!"
ตาย ตายเรียบร้อย ซันเดย์เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ทำไมกันนะ ทำไมภรรยาเขาถึงน่ารักมากขนาดนี้ ทั้งปากที่มุบมิบท่าทางที่ม๊อบแม๊บนั่น ทั้งเสียงน่ารักและใบหน้าน่ารัก ๆ ที่เขินอาย ไหนจะประโยคตรง ๆ ที่โคตรจะมีดาเมจ 1000% อีก

โบตั๋นขาวดอกนี้สวยงามและน่าทะนุถนอม แถมยังน่ารักมากเหลือเกิน
และอัลฟ่ากลิ่นเปลือกไม้สนก็จะไม่ทนอีกต่อไป

มือใหญ่รั้งเอวบางให้มาแนบชิดกาย ริมฝีปากอุ่นประทับลงที่ปากนุ่มจนชวนให้หลงใหลในทันที

กลิ่นอายกายพิโอนี่หอมเริ่มฟุ้งตามสัมผัสที่ถูกมอบให้ อ่อนโยนแต่ก็รุนแรง เช่นเดียวกับกลิ่นเปลือกไม้สนที่ก็หอมอวลมากขึ้นและมากขึ้นตอบรับกัน

รักเหลือเกิน
ผละออกจากกันให้หายใจเป็นระยะ จากที่แค่ปากแตะปาก แค่จุ๊บเหมือนไม่รู้ความ เริ่มจะเป็นจูบ เริ่มจะดูดดื่มขึ้นจนเกิดเสียงขวนให้ใบหน้าสมบูรณ์แบบสองแห่งสามีภรรยามีสี

เป็นครั้งเลยที่ได้แสดงความรักกันมากขนาดนี้ และให้ตาย อยากมากกว่านี้จัง มากกว่านี้อีกได้ไหมนะ?

"อ่า น้องเอวา แย่แล้ว..."
และเพราะฟีโรโมนที่เริ่มมากขึ้นจนคลุ้งห้อง แถมสองก็ต่างลุ่มหลงไปกับกลิ่นอายกายกันและกันที่ส่วนมากเป็นกลิ่นอายแห่งกามอารมณ์ เลยจะต้องให้แน่ใจว่าที่ว่าพร้อมนี่ 'พร้อม' จริงแน่ใช่ไหม?

"พ พี่ว่าน้องลงจากตักพี่ก่อนดีกว่าไหม? กลิ่นเรามันเริ่มจะ เอ่อ จะกระตุ้นกันแล้วนะ พี่เริ่มจะ..."
"ไม่ ไม่เป็นไร ถ้าพี่จะรัทก่อนเพราะกลิ่นน้องก็เอาเลย เดี๋ยวน้องฮีทตามเพราะกลิ่นพี่เอง นะ น้องไม่ลงนะ"

พอที ซันเดย์ถือว่าซันเดย์ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วนะ!

"พี่อุ้มน้องไปเลยนะ ไม่กินแล้วนะข้าวเนี่ย"

"ไม่ ไม่กินแล้ว น น้องอยากผูกโบว์ตัวเองให้พี่เป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงานแล้ว"
ให้ตาย ให้ตายมาก ซันเดย์อยากจะตีเอวาให้หายนิสัยนี้สักทีสองทีเลย รู้ตัวบ้างไหมนะว่าพูดประโยคอ่อยกันแบบนั้นพร้อมกับแก้มแดง ๆ เขิน ๆ อย่างนั้นน่ะโคตรจะดาเมจแรงเลย!

ไม่ ไม่ทนแล้ว!

"Happy 1st wedding anniversary นะพี่ซันเดย์"

"Happy 1st wedding anniversary เช่นกันครับน้องเอวา"

END
By Sweet Flower #ดอกไม้หวาน

เปิดพื้นที่นี้ให้สำหรับคอมเม้น/ส่งฟีดแบค/กำลังใจรอบสุดท้าย(จริงๆ)คับ💜 ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะ ฝากคอมเม้นให้กันหน่อยนะคะ💫 จุ๊บ💋 Image

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with Sweet Flower /เปิดหารเล่มแค่รางวัล

Sweet Flower /เปิดหารเล่มแค่รางวัล Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @ritarortar

14 Sep
เป็นเรื่องที่รู้กัน ว่าอัลฟ่าพี่ซันเดย์เป็นอัลฟ่าในใฝ่ฝันของโอเมก้าหลายคน เริ่มที่ความหล่อรวยไม่เป็นรองใคร ตามด้วยกลิ่นเปลือกไม้สนและความอบอุ่นแสนดี

ซึ่งเอวาช่วงนี้ก็งอนข่าวที่เขียนถึงอัลฟ่าพี่ซันเดย์อย่างนี้เหลือเกิน เพราะตามหวงจนเหนื่อยแล้วเนี่ย!

#จ้านป๋อ #zswwfic #ดอกไม้หวาน ImageImage
"เป็นอะไรไหนบอกพี่ซิครับน้องเอวา ทำไมถึงมานั่งตักพี่จุ้มปุ๊กอย่างนี้ล่ะ หืม?"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์ หรือนายสวรินทร์ผู้เป็นสามีชายร่างเล็กบนตักถาม แขนหนึ่งข้างโอบเอาเอวน้อยอย่างกันตกไว้กับตัว ปากหนาบรรจงหอมลงที่แก้มนิ่มอวลกลิ่นพิโอนี่นุ่มนวล ก่อนจะวางปลายคางลงที่ไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่
ฝ่ายโอเมก้ากลิ่นพิโอนี่หอมถอนหายใจ ปากสีพีชสวยขยับมุบมิบบ่นปนอ้อนสามีในทันที

"พรุ่งนี้พี่ไม่ไปให้สัมภาษณ์ไม่ได้เหรอครับ? น้องหวงพี่อ่า พี่ไปออกรายการทีไรเหมือนต้องเป็นแอร์สาธารณะ มีคนมาขอส่วนบุญพี่เต็มทุกที"

อัลฟ่าพี่ซันเดย์หัวเราะร่าถามว่า "ภรรยาใครครับปากร้ายจัง?" อย่างเอ็นดู
Read 17 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Too expensive? Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal Become our Patreon

Thank you for your support!

Follow Us on Twitter!

:(