🇬🇧🇹🇭 CRYPTOMANCC.SOL 🍌🐈‍⬛ Profile picture
🦧#BAYC 4876 #⃣PhygitalsCollector 💭@FaceOffHumaNFT

Nov 14, 2021, 24 tweets

1/ คุยกับลูกค้า/เพื่อนนักลงทุนหลายคนช่วงนี้
ทำให้มีความคิดที่เชื่อมั่นมากๆว่าใครถือคริปโตอยู่ตอนนี้กำลัง #HODL รอเงินในระดับมหาศาลที่จะเทเข้ามาในอีกไม่นาน เรายังเร็วมากๆอยู่ครับ และมันจะทำให้เราได้เห็นเศรษฐีถูกสร้างดันอีกรอบเหมือนยุคเศรษฐี #BTC ที่ #DiamondHands มาตั้งแต่แรก

2/ บางคนยังคิดว่าเงิน Fiat เราแบ็คโดยทองคำอยู่/NFT คือ JPEG/คริปโตใช้ซื้อบ้านได้แต่ก็ไม่กี่ที่ๆรับ/เหรียญน้องหมาคือสแกม/ไม่เข้าใจบล็อคเชนคืออะไร/ว่ามันแฮ็คยากแค่ไหน

การลงทุนมีความเสี่ยงทั้งนั้นครับ แม้แต่หุ้นการบินไทยซื้อไว้ 20 ปี ไม่มีไรเลย

ขอ Thread นี้ชี้แจง ขอเตือนอันนี้ยาว

3/ ++Web 2 - Platform Economy ++ รูปแบบการเข้าสู่ข้อมูลคือ Pay-2-Use แพล็ทฟอร์มต่างๆที่เราใช้ Facebook, Google, Spotify, YouTube, Line เป็นต้น

ข้อที่ ๑ เริ่มต้นจากการที่เราต้องมี Username/Password สำหรับทุกบัญชี และข้อมูลนั้นก็จะถูกบันทึกไว้ในรูปแบบดิจิทอลบนเซอเวอร์ของบริษัทนั้น

4/ และเมื่อเซอเวอร์นั้นถูกแฮ็ค ข้อมูลของคุณและทุกคนก็จะถูกเปิดเผยไป นอกจากจะยุ่งยากในการจำ ยังไม่ปลอดภัยพอในยุคดิจิทอลที่ข้อมูลสำคัญๆของคุณล้วนอยู่บนอินเตอร์เน็ทบนเซอเวอร์ของบริษัทแห่งหนึ่ง เนื่องจากความยุ่งยาก เราก็เลยได้เห็น Social Sign-On

5/ ซึ่งคือการที่เรามี Username/Password เดียวสำหรับหลายๆแพล็ทพอร์มผ่านตัวตนของเราบน Google/Facebook/Twitter/Apple ID ที่ท้ายสุดก็เก็บข้อมูลในที่เดิม บน Centralized Servers อยู่ที่เดียวอยู่ดี แฮ็คครั้งเดียวได้หมดในทุกกรณีที่กล่าวมา และการครอบครองข้อมูลส่วนตัวก็เกิดขึ้นได้ (Meta?)

6/ ข้อดีอย่างนึงคือหากแฮ็คแบบแหล่งข้อมูลกลางก็มี เช่นการแฮ็คองค์กรรัฐบาลและเปิดโปงสิ่งแย่ๆที่เขาทำ อย่างที่ Wikileaks ของ Julian Assange ได้นำคลิปจากส่งคราม Iraq อันน่าหดหู่ให้เราได้ดู ว่าคนร้ายคือใครในโลกจริง ทุกวันนี้ #FreeJulianAssange จนต้องแต่งงานในคุก

7/ ข้อที่ ๒ Verification สำหรับแต่ละแพล็ทพอร์มเกิดขึ้นได้เฉพาะบนนั้น เช่น คุณซื้อตั๋วคอนเซิร์ทจาก Ticket Master ไอ้เจ้ารหัส Ticket ก็จะอยู่บนเซอเวอร์ของเขา ไม่ได้โปร่งใสให้ทุกคนเช็คได้ ซื้อบ้านผ่าน Agency และสำเนาอยู่กับ Land Registry ข้อมูลนั้นๆก็ต้องผ่านการยืนยันโดยคนเหล่านั้น

8/ ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากมายในการจัดเก็บและยุ่งยาก/ล่าช้า/แพงในการเข้าถึง นั่นเป็นสิ่งที่บล็อคเชนกำลังจะเปลี่ยนครับ เพราะบนบล็อคเชนทุกอย่างสามารถให้ทุกคน Verify ได้ด้วยตัวเองผ่านการเช็ค Contracts บน Etherscan เช่น (ถ้า Ticket Master เลือกที่จะ move ข้อมูลและการทำงาน on-chain)

9/ ทุกคนที่จะซื้อตั๋วมือสอง ก็จะสามารถเช็คได้เองว่าตั๋วนี้ออกโดย Ticket Master จริงๆและข้อมูลเกี่ยวกับคอนเซิร์ทก็จะอยู่ on-chain หมด ที่ทุกๆคนเช็คได้ สิ่งที่ต้องพัฒนาคือ User Interface ทำให้เราเข้าถึงมันง่ายขึ้น ว่าง่ายๆก็คือมีคนทำ App/Dapps ขึ้นมาให้คนใช้มากขึ้นและง่ายขึ้น

10/ ถ้าเป็นอย่างนั้นเมื่อไร Web 3 จะมาในรูปแบบเต็มตัว ทุกๆวันนี้ การเข้าถึงข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร เราเพิ่งพาศูนย์กลางของการจัดเก็บข้อมูลพวกนั้นอยู่ และองค์กรใหญ่ๆก็ได้เขมือบซื้อข้อมูลพวกนี้แลกเปลี่ยนกันมาเป็นเวลานานแล้ว ในระดับที่มี Monopoly! การเข้าสู่ข้อมูลในแบบนั้น

11/ มันเหมือนการที่เรามี Access สู่ฐานข้อมูลหลายๆแห่ง (และบางแห่งต้องจ่ายค่าสมาชิคด้วย) ที่ข้อมูลต่างๆนั้นยังถูกดูแลไม่ดีพอ แทนที่จะมีแหล่งข้อมูลฟรีๆที่เดียวที่ดูแลข้อมูลในนั้นในแบบที่ดีและโปร่งใสที่สุด การเปิดเผยข้อมูลที่ควรจะฟรี เป็นสิ่งที่ Aaron Swartz ได้พยายามจะทำในปี 2011

12/ ผ่านการดาวน์โหลด academic journals จากฐานข้อมูล JSTOR ผ่านคอมพิวเตอร์ของ MIT (Swartz "แขวนคอตาย" 2 วันหลังศาลตัดสินที่รวมโทษมากสุดคือการปรับ $1ล. จำคุก 35 ปี + ยึดทรัพย์สิน + การปล่อยตัวแบบควบคุม ใครที่พยายามจะเปลี่ยน เจอไล่ล่าทุกคน คนนี้น่าเสียดายมากที่โลกเราเสียเขาไป) #RIP

13/ ++Web 3 - Token Economy++ เป็นระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ ที่ Framework ถูกสร้างขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่น/มอบผลตอบแทน/ส่งแรงจูงใจให้ทุกคนในเศรษฐกิจช่วยกันพัฒนาและปกครองรักษามันไว้ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาได้เพราะบล็อคเชนและ Public Key Cryptography ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่มีการวิจัยและ

14/ นำมาใช้เป็นเวลานานแล้ว แต่ไม่ได้รับการใช้งานมาก เพราะความซับซ้อนและการที่ไม่ได้มีแรงผลักดันมากนัก (โดยเฉพาะทางการเงิน...ที่จริงแรงผลักดันที่ว่า เราจะได้รับอิสรยะภาพทางข้อมูลและความเป็นส่วนตัว มันควรจะมากพอแล้วอย่างที่ @Snowden กล่าว และทุกวันนี้เขาก็ต้องหลบหนีอำนาจเบื้องหลัง)

15/ เทคโนโลยีนี้เลยไม่ได้เกิดการนำมาใช้ การมี Public/Private Key Pair สามารถทำให้เราส่งข้อมูลที่ Encrypted ให้ที่อยู่ Public โดยที่ผู้ที่มี Private Key เป็นผู้เดียวที่จะสามารถเข้าสู้ข้อมูลได้ (ต่างกับเมื่อก่อนที่ผู้รับข้อมูลต้องรู้วิธีแก้รหัส ตัวอย่างของข้อเสียการเข้ารหัสสมัยก่อน

16/ ยุคส่งครามโลกที่สองที่เครื่องเข้ารหัส Cryptography ของฝ่ายเยอรมันโดน Codebreak ได้สำเร็จ ซึ่งช่วยฝ่ายพันธมิตรแกะข้อมูลลับและได้ใช้ข้อมูลนั้นเพื่อช่วยในการรบ) ซึ่งก็ต้องขอบคุณ Satoshi ที่เริ่มด้วยการนำ Public/Private Key Pair มาให้เราใช้ในระดับที่กว้างขวางขึ้นผ่าน $BTC

17/ แต่ Web 3 ที่ผมพูดถึงนั้น กำลังถูกสร้างขึ้นบน $ETH ผ่าน Ethereum Sign-On คือสิ่งที่กำลังจะมาเปลี่ยนหลายๆอย่างในชีวิตเรา (มันก็คือ Wallet ประตูเข้าสู่บล็อคเชน ฟังในคลิปนี้ ) Private Key ของคุณ คือกุญแจที่สำคัญที่สุด มันเป็นสิ่งที่สร้างชึ้นมาผ่าน Computer

18/ ของโหนดต่างๆในระบบของ $ETH ที่ไม่เพิ่งศูนย์กลางในการจัดการ พอสร้าง Address และ Private Key ขึ้นมาแบบ Random (ที่เราจดใส่กระดาษในรูปแบบที่เราเข้าใจได้ที่เรียกว่า Seed Phrase) และทุกวันนี้ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ทั้งในรูปแบบ Hardware (Cold Wallets ที่สามารถเก็บ Private Key

19/ ของคุณและในการใช้งานมันจะไม่ต้องเชื่อมกับเน็ทเลย ทำให้ปลอดภัยสุดๆ)/Software (Hot Wallets ที่ Private Key ถูกเก็บบนเครื่องที่ใช้) การมีกระเป๋าพวกนี้ทำให้เราเริ่มเข้าสู่ Web 3 ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดก็มี $ENS ที่ทำให้สิ่งที่คริปโตแมนรอมานานเป็นจริง

20/ นั่นก็คือ Address ที่เราอ่านได้! ไม่ใช่ 0x07Rd...81F9! ขอเป็น cryptomancc.eth!
การเข้าสู่ Token Economy ทำให้เราต้องมีบัญชี (Wallet/Address) บนบล็อคเชนของ $ETH และการที่ธรรมชาติของบล็อคเชนนั้นมันโปร่งใสและตรวจสอบได้โดยทุกๆคนที่มีอินเทอร์เน็ท มันคือจุดเริ่มต้นที่บล็อคเชนจะ

21/ ลบล้างชื่อเสียงที่ไม่ดีที่เป็นที่รู้จักกันในเหล่านักลงทุนและผู้แนะนำทางการเงิน ว่ามันไม่โปร่งใส/ใครก็ไม่รู้คนที่โอนเงินจากกระเป๋านั้น/ฟอกเงินหรือเปล่า อย่าลืมนะครับว่าการฟอกเงินทุกวันนี้ก็เกิดขึ้นอยู่ และใช้ USD! ผมว่าความคิดแบบนั้นมันไม่แฟร์นัก

22/ ในอนาคตรู้สึกมั่นใจกับตัวเองว่า SEC ในแต่ละประเทศจะร่วมมือสร้าง Framework ที่กำหนดกำชับเรื่อง KYC คุมประตูทางเข้าออกของคริปโต นั่นก็คือคุมที่ EX ให้เคร่งครัดเรื่อง KYC (ท้ายสุดเงินมันต้องออกทางแบงค์อยู่ดีแม้แต่ DEX ก็ต้องเข้า EX ออกแบงค์) นั่นคือ middle ground ที่เราต้องยอม

23/ เพราะมันจะหยุด illegal activity หรือสกัดขัดขวางมันง่ายขึ้น ในรูปแบบที่ทุกคนไปเล่นบทนักสืบ ไล่ดูกระเป๋าต่างๆได้ แต่ถ้า SEC ทำงานได้ดี เขาก็จะรู้ว่าไอ้กระเป๋านี้ผูกกับใครในโลกจริงผ่าน EX/Bank และ KYC ตอนนี้เห็นหลายแบงค์และองค์กรการเงินเริ่มพากันเข้ามาแล้ว

24/ Mass adoption ต้องมาถึงแน่นอน ผ่าน Web 3

#AlwaysBullish #EscapeVelocity #StrengtheningFoundations #ExpandingUtility

Share this Scrolly Tale with your friends.

A Scrolly Tale is a new way to read Twitter threads with a more visually immersive experience.
Discover more beautiful Scrolly Tales like this.

Keep scrolling