เงาพรางจันทร์
: Mpreg
: #ficjif, #ป๋อจ้าน, #ฟิคป๋อจ้าน, #เงาพรางจันทร์

"แดนสวรรค์อะไรนั่นข้าจะทำลายมันให้สิ้น!"

นั่นคือคำประกาศก่อนที่ราชาภพมารหวังอี้ป๋อจะรู้ว่ามีเทพเซียนผู้งดงามเช่นนี้อยู่บนแดนสวรรค์..

"ก้อนขนนั่นอะไร เซียวจ้าน เจ้าเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ?"

"งะ หงิง" ImageImage
ร่างในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์มองดูลูกสุนัขสีดำที่นอนหงายท้องด้วยความประหลาดใจว่าเหตุใดอาณาเขตป่าท้อที่ตนเป็นผู้ดูแลถึงมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ปรากฎอยู่

"เจ้าเป็นสัตว์เทพของผู้ใดกัน?"

เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามพลางอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม
ลูกสุนัขร้องงี๊ดๆท่าทางเจ็บปวดจนเกรงว่าจะถูกทำร้ายจนหนีเตลิณเข้ามาในเขตการดูแลของเขา มือเรียวบางบรรจงลูบศีรษะของเจ้าตัวน้อยเป็นการปลอบขวัญ

ลูกสุนัขใช้ศีรษะถูไถไปตามฝ่ามือ ดูน่ารักว่าง่ายจนเซียนชุดขาวเผลอยิ้มออกมา
"เช่นนั้นเจ้ากลับไปกับข้าเถอะ ข้าจะรักษาแผลให้เจ้าเอง"
สัมผัสอ่อนโยนและกระแสพลังอันอบอุ่นทำให้สัตว์สี่เท้าหลับตาลงด้วยความผ่อนคลายในอ้อมแขนที่มีกลิ่นหอมของผลท้อจางๆ

นอกจากหน้าตาจะงดงามแล้วจิตใจยังดีงามต่างจากเทพเซียนที่เคยพบเจอ สมควรแล้วที่ทำให้รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

ราชาภพมารเช่นเขาพึงพอใจนัก..
.
.

ยามปกติเซียวจ้านเป็นเพียงผู้ดูแลป่าท้ออายุยืนของเหล่าเทพเซียนบนสวรรค์เท่านั้น สิ่งนี้มิใช่หน้าที่ที่ยิ่งใหญ่จนเอาไปโอ้อวดใครได้แต่ก็สบายใจกว่าการอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก

มีบ้างที่ต้องรับแขกที่เข้ามาสังสรรค์ดื่มกินสุราและผลท้อชมสวนอันสวยงามที่ตนเป็นผู้ดูแล
ทว่าวันนี้ดูต่างออกไปจากเดิมตรงที่แขกผู้มาเยือนกลับเป็นเฒ่าจันทรา

"ผู้อาวุโสมาเยือน ผู้น้อยละอายใจนักที่มิได้เตรียมการต้อนรับ"เซียวจ้านประสานมือค้อมศีรษะลงอย่างอ่อนน้อม

เฒ่าจันทรารีบโบกไม้โบกมือกล่าว"ทำตัวตามสบายเถิด ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าวก่อน วันนี้มีเรื่องด่วนยิ่งนัก"
เซียวจ้านไม่ทันได้อ้าปากถามอีกฝ่ายกลับชิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าร้อนรน

"ข้าเผลอผูกด้ายแดงของเจ้ากับใครคนหนึ่งเข้า!"

"......."

"เหตุใดเจ้าเงียบ ไม่ตกใจหน่อยหรือ"

เซียวจ้านคลี่ยิ้มอ่อนโยน"เฒ่าจันทราล้อเลียนข้าแล้ว หากพลาดผูกก็ตัดเสียจะเป็นอะไร"

"ข้าตัดไม่ขาด"

"........"
"เจ้าเงียบอีกแล้ว"เฒ่าจันทรายิ่งร้อนรนรู้สึกผิด

"กรรไกรอาจจะไม่คมก็เป็นได้"
เซียนชุดขาวขาวยังคงเอ่ยอย่างสุภาพ

"กรรไกรตัดวาสนารักจะไม่คมได้อย่างไร! ข้าทั้งตัด ทั้งฉีกกระชากแต่ก็ไม่ขาดจึงได้ร้อนใจจนมาหาเจ้านี่ไงเล่า!"

"......"

"เจ้าสบถหรือด่าทอข้าสักประโยคยังดีกว่าเงียบเช่นนี้"
"ท่านผูกด้ายแดงของข้าไว้กับใคร"

คราวนี้เสียงของเซียวจ้านดูเคร่งขรึมกระทั่งรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าก็เลือนหายจนเฒ่าจันทราเผลอหลบตา

"ข้า ข้าจำไม่ได้ ข้าตกใจรีบร้อนทำด้ายหลุดมือจนปนไปกับด้ายแดงของผู้อื่นทำให้หาไม่เจอเสียแล้ว"
"การกระทำนี้ของท่านช่างสะเพร่าขาดความรับผิดชอบยิ่งนัก ข้าสาบานตนครองตัวเป็นพรหมจรรย์แล้วเหตุใดถึงหยิบเส้นด้ายวาสนารักของข้ามาผูกกับผู้อื่นมั่วซั่วเช่นนี้"

น้อยคนนักที่จะโดนเซียนชุดขาวผู้นี้ตำหนิ

เฒ่าจันทราคือหนึ่งในน้อยคนนั้น
"ขะ ข้าเสียดายเจ้า เจ้าดีเช่นนี้ไยต้องอยู่โดดเดี่ยวกลางป่าท้อ"

เซียวจ้านส่ายหน้า
"ข้าอยู่เช่นนี้ก็มีความสุขอยู่แล้ว หากไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปขอให้ท่านตัดด้ายเส้นนั้นให้ขาด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้มันขาดสะบั้นจนต่อไม่ติดอีก"

เฒ่าจันทราลอบปาดเหงื่อ"ข้าจะพยายาม"
เพียงเท่านี้เทพเซียนผู้เป็นที่รักของแดนสวรรค์ก็รู้สึกไม่พอใจมากแล้ว หากบอกว่าด้ายเส้นนั้นผูกพันแน่นแฟ้นกับราชาภพมารผู้ชั่วช้าศัตรูของแดนมนุษย์และสวรรค์ เฒ่าจันทราคงไม่พ้นถูกสวรรค์ประจานให้อับอายฐานผูกด้ายแดงของเซียวจ้านให้คู่ครองกับคนน่ารังเกียจเช่นนั้นเป็นแน่
เมื่อผู้อาสุโสจากไปจึงเหลือเพียงเซียนชุดขาวที่ยืนคิดกังวลเกี่ยวกับเส้นด้ายวาสนารักของตน

..ผูกกับผู้ใดกันแน่

"หงิง.."
ลูกสุนัขตัวน้อยเดินกะเผลกเข้ามาคลอเคลียข้างขา เซียวจ้านสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

"เจ้าตื่นแล้วหรือ ยังเจ็บมากหรือไม่"
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยขนนุ่มนิ่มไถเคลียตามมือออดอ้อนเซียนป่าท้อที่คอยลูบหัวปลอบประโลม

"เจ้ามาจากไหนกันแน่ เหตุใดถึงมาไกลจนถึงป่าท้อของข้าเช่นนี้"

เอ่ยถามแม้จะรู้ว่าเจ้าตัวน้อยพูดไม่ได้ก็ตามที

ลูกสุนัขครางงี๊ดในลำคอท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก
ดวงตาสีดำขลับของมันเคลือบคลอม่านน้ำใสๆยามเอียงซบกับแผ่นอกอบอุ่นหอมกรุ่นกลิ่นดอกท้อ

"งี๊ดดดด"

"ยังเจ็บอยู่หรือ พิษที่เจ้าได้รับไปเป็นพิษอ่อนๆ วันสองวันก็หายดีแล้ว"
เซียนชุดขาวผู้อ่อนโยนประทับจุมพิตนุ่มนวลกลางศีรษะลูกสุนัข

สัตว์สี่เท้าตัวเกร็งไปชั่วขณะ
เจอเทพเซียนมาก็มาก ส่วนใหญ่เป็นพวกป่าเถื่อนเห็นหน้าเขาก็พร้อมตั้งท่าสาปส่ง หากแต่คนผู้นี้กลับอ่อนโยนยิ่งนัก หรือเป็นเพราะอยู่ในร่างสุนัขน่าดูชมกว่าร่างที่แท้จริงของเขาจึงได้ทำตัวอ่อนโยนเช่นนี้

ไม่แน่เซียนชุดขาวผู้อ่อนโยนยามเห็นร่างจริงของเขาอาจจะตั้งท่าสาปส่งไม่ต่างจากคนอื่น
หากเป็นเช่นนั้นก็เขาขอเป็นสุนัขต่อไปแล้วกัน

ลิ้นเปียกชื้นของเจ้าก้อนขนสีดำแลบเลียนิ้วมือของอีกฝ่ายเบาๆ

เซียนป่าท้อยิ้มจางๆนึกอยากจับเจ้าสุนัขแสนรู้ขนนุ่มนิ่มตัวนี้มาฟัดพุงให้หายมันเขี้ยว น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตนรักและเอ็นดูสัตว์เป็นที่สุด
"เจ้าตัวเล็กหิวแล้วหรือไม่ เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงอย่าเพิ่งมาโดนลมเช่นนี้เลย"

ลูกสุนัขมุดเข้าไปในสาบเสื้อ อิงศีรษะหนุนนอนพลางส่งเสียงครางงี๊ดอย่างพึงพอใจ

เซียวจ้านอดยิ้มให้กับความน่ารักน่าเอ็นดูนี้ไม่ได้ ใครหนอช่างใจร้ายทอดทิ้งเจ้าตัวน้อยได้ลงคอ
ด้านเฒ่าจันทราพยายามตัดด้ายแดงออกด้วยสีหน้าที่ยิ่งสิ้นหวัง กรรไกรตัดวาสนาคมกริบกลับทื่อไร้คมเมื่อตัดลงบนด้ายเส้นนี้

หากคนที่ผูกพันอยู่กับเซียวจ้านมิใช่ราชามารความร้อนใจคงน้อยลงกว่านี้

"พวกเจ้าเป็นคู่วาสนาสาบานรักกันทุกภพทุกชาติหรืออย่างไรทำไมด้ายแดงถึงไม่ยอมขาดจากกันสักกระผีก!"
ใครมาเห็นคงตำหนิว่าเฒ่าจันทราไม่สำรวมกิริยา กระทืบเท้าปึงปังทั้งยังดึงด้ายแดงเส้นน้อยจนหน้าแดงก่ำไปหมด

"ขะ ข้าจะทำอย่างไรดี.."

เหตุใดจึงต้องเป็นราชามารที่เพิ่งประกาศสงครามกับสวรรค์ไปเมื่อไม่นานมานี้ด้วย หากเป็นผู้อื่นคงสามารถกำจัดที่ตัวบุคคลได้ แต่ใครจะกล้ากำจัดราชามาเล่า!
เซียนป่าท้อสาบานตนไปแล้วว่าจะครองพรหมจรรย์ทว่าเขากลับสะเพร่าผูกด้ายแดงให้ ทั้งยังผูกกับมารผู้ชั่วช้าสามานย์ตนนั้นอีก นี่ราวกับว่าเขาจับหงส์ทองคำไปเป็นอาหารสุนัขเลยมิใช่หรือ!

เฒ่าจันทรายิ่งคิดหน้ายิ่งซีดเผือดฝืนดึงด้ายจนมือบาดเจ็บ

"ด้ายแดงเส้นนี้ต้องคำสาปแล้วหรืออย่างไร!!"
.
.
ลูกสุนัขสีดำนอนหมอบอยู่บนเตียงของเซียนชุดขาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว กระทั่งยามนอนหลับก็ยังดูสงบงดงามยิ่งนัก

ดวงตากลมใสของสุนัขจ้องมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับสนิท ไม่นานม่านหมอกสีดำก็เข้าปกคลุม จากลูกสุนัขกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาสวมอาภรณ์สีดำสนิท
บรรยากาศรอบด้านเย็นเยือกขึ้นมาทันตา

บุรุษผู้นั้นนั่งลงข้างเตียงก่อนจะยื่นนิ้วเรียวยาวแตะเบาๆตรงปลายจมูกเชิดรั้นของอีกฝ่าย

"ฉุดเจ้ากลับภพมารตอนนี้เลยดีมั้ยหนอ.."
แค่เทพเซียนหายไปผู้เดียวคงไม่เดือดร้อนสวรรค์มากหรอกกระมัง
อย่างไรเสียหากเขาทำลายแดนสวรรค์ทิ้ง คนงามผู้นี้ก็จะมาอยู่ในมือด้วยฐานะสินสงคราม

เขามีนางสนมน้อยๆก็มากแต่ละนางหน้าตางดงามช่างออเซาะแต่ไม่เคยมีผู้ใดที่ทำให้ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นเช่นนี้

ชายหนุ่มยกมือลูบคาง นึกจินตนาการเรื่องที่จะทำกับเซียนผู้นี้ได้หลากหลาย
คนงามจิตใจดีเช่นนี้ตำแหน่งสนมคงต่ำต้อยไม่สมฐานะเซียนบนสวรรค์ แต่ตำแหน่งชายาเอกคงไม่น่าเกลียดเกินไปหรอกกระมัง

เขามีนิสัยชมชอบคนงามเจอผู้ใดหน้าตางดงามหน่อยก็พากลับไปเลี้ยงดูแต่กับเซียนป่าท้อผู้นี้คงหยิ่งในศักดิ์ศรีไม่น้อย หากไม่ใช้วิธีตะล่อมให้เชื่อใจมีแต่ต้องฉุดกลับไปเท่านั้น
แต่ตอนนี้คงต้องอยู่ในร่างสุนัขไปก่อน หากเฝ้าสังเกตุจนรู้ว่าคนผู้นี้ชอบอะไรไม่ชอบอะไร ในภายภาคหน้าหากได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วเขาจะได้รู้วิธีรับมือยามโดนเง้างอน

"อือ.."

เซียวจ้านขยับตัวเล็กน้อย อยู่ๆร่างกายก็รู้สึกหนาวและอึดอัดขึ้นมา
เมื่อลืมตาก็เห็นดวงตาใสแจ๋วของลูกสุนัขที่นอนทับอยู่บนอกของตน

"เจ้านอนไม่หลับหรือ?"

"งี๊ดดด"ลูกสุนัขยื่นศีรษะเข้าไปเอียงซบข้างแก้มเนียนอย่างออดอ้อน
"มานี่มา"เซียวจ้านจับเจ้าตัวน้อยเข้ามานอนใต้ผ้าห่มแล้วกอดอย่างเบามือ"อุ่นขึ้นหรือไม่"

ร่างในอ้อมแขนครางหงิงมุดเข้าไปนอนซบในอกเสื้อ
ทั้งอบอุ่นทั้งหอมกลิ่นดอกท้อ ช่างน่าสงสัยนักว่าทำไมคนผู้นี้ถึงยังไม่มีคู่ครอง

หรือจริงๆมีแล้วเพียงแต่เขาไม่รู้..

หากเขาฉุดคนงามผู้นี้กลับภพมารจะถือว่าเป็นการแยกคู่ยวนยางหรือเปล่า แต่แยกคู่ยวนยางแล้วอย่างไรตอนได้พวกนางสนมน้อยๆมาเขาสนใจเรื่องที่พวกนางมีคนในใจที่ไหน
..รอที่จะครอบครองเซียนป่าท้อผู้นี้ไม่ไหวแล้วสิ
.
.

ปกติแล้วเซียวจ้านมักเก็บผลท้อใส่ตะกร้าวางไว้หน้าทางเข้าป่าท้อในยามเช้าเสมอเพื่อให้เทพเซียนที่ผ่านไปผ่านมาได้หยิบทานสะดวก เขาไม่เคยกังวลเรื่องการลักขโมยหรือสัตว์ร้ายเพราะที่นี่นับได้ว่าปลอดภัยพอๆกับตำหนักสวรรค์ของเทพชั้นสูง
อาภรณ์สีขาวพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดโชยหอบกลิ่นหอมของดอกท้อให้ปะทะจมูก

มือเรียวบางเอื้อมเด็ดท้อผลใหญ่ที่พร้อมเก็บเกี่ยวพลางระวังฝ่าเท้าไม่ให้เผลอเหยียบเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพันรอบขา

"หายดีแล้วหรือถึงวิ่งซนได้เช่นนี้"
เซียวจ้านลูบหัวลูกสุนัขไปทีหนึ่งจนมันเห่าเสียงเล็กๆใส่
"ข้าเรียกเจ้าว่า'เสี่ยวเฮย'ดีหรือไม่"เพราะเจ้าตัวน้อยมีขนสีดำสนิทจึงเรียกเช่นนั้น

มันส่ายหางตอบรับช่างดูน่ารักเป็นที่สุด

คนงามชุดขาวยิ้มหวานจนดวงตาหยีโค้งก่อนจะอุ้มเสี่ยวเฮยเข้ามาซุกในอกเสื้อแล้วหอบตะกร้าใส่ผลท้อเดินออกไป
เมื่อวางตะกร้าลงยามเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งป่าท้อแห่งนี้ก็มีแขกมาเยี่ยมเยียนอีกหน

เสี่ยวเฮยมุดเข้าไปแอบอยู่ภายในอกเสื้ออย่างรู้งานก่อนที่เซียวจ้านจะเอ่ยทักคนผู้นั้นไป

"เฒ่าจันทรามาหาข้าแต่เช้า แสดงว่ามีข่าวดีให้ข้าแล้วใช่หรือไม่"

ถ้อยคำราวกับคาดหวังยิ่งทำให้เฒ่าจันทราทำตัวไม่ถูก
"ข้าตัดไม่ขาดจริงๆ.."

"........"

"ครั้งนี้ข้าผิดไปแล้ว หะ หากเพียงเจ้าอยู่แต่ในป่าท้อคงไม่เจอคู่วาสนาคนนั้นหรอกกระมัง"ประโยคนี้ฟังดูปัดความรับผิดชอบไปบ้างแต่ไม่มีวิธีไหนที่จะตัดด้ายเส้นนั้นขาดได้แล้วจริงๆ
เซียนชุดขาวถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม แม้จะบรรลุเซียนแล้วแต่ตนกลับโชคร้ายอยู่เสมอราวกับโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง

ทั้งได้รับพรข้อหนึ่งที่ไม่ต้องการ ทั้งเคยเกือบได้สมรสทว่าเรื่องนั้นกลับถูกยุติลงไปแล้วอย่างง่ายดาย
คราวนี้ยังโดนเฒ่าจันทรากลั่นแกล้งผูกด้ายแดงกับคนที่ไม่รู้จักทั้งที่ตนตั้งใจครองพรหมจรรย์ตั้งแต่งานสมรสถูกยกเลิก

"หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี..ท่านเองก็ลองพยายามตัดด้ายแดงเส้นนั้นอีกหน่อย ไม่แน่สักวันมันอาจจะขาดก็เป็นได้"

เสี่ยวเฮยที่แอบอยู่หูตั้งด้วยความสนใจ
ด้ายแดง? คนงามของเขาถูกเฒ่าจันทราจับผูกด้ายแดงกับผู้อื่นไปแล้วหรือ?

"ได้ ข้าจะพยายามตัดมันให้ขาด ปณิธานที่เจ้าตั้งใจครองพรหมจรรย์จะต้องไม่สั่นคลอนอย่างแน่นอน"เฒ่าจันทรารับคำ

สุนัขสีดำหายใจสะดุด

มิน่าเล่าคนงามถึงอยากตัดด้ายแดงให้ขาด ที่แท้ตั้งใจละทางโลกทิ้งรสราคะไปนี่เอง
เสียดายของยิ่งนัก!

ราชาภพมารรู้สึกหัวเสียอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หน้าตาคนงามก็ยังดูอายุน้อยเผลอๆอาจจะอายุน้อยกว่าเขาสักร้อย สองร้อยปีได้แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นเสียหน่อย อายุเท่านี้คิดจะละทางโลกอะไรกัน ใช้ชีวิตคุ้มแล้วหรือถึงได้ขึ้นสวรรค์บรรลุเซียน
หากรู้เช่นนี้เขาคงได้เสาะหาตอนยังเป็นมนุษย์พาไปอยู่ภพมารแล้วสอนบทรักเร่าร้อนให้สักบทสองบทก่อนแต่งตั้งเป็นชายาเอกจะได้นอนกกกอดทุกวันให้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังเป็นมนุษย์

ตอนนั้นเขาโง่งมทำอะไรที่ไหนอยู่ถึงไม่เคยเจอคนผู้นี้!
เฒ่าจันทราเห็นบางอย่างขยับในอกเสื้ออีกฝ่ายก็เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
"ก้อนขนนั่นอะไร เซียวจ้าน เจ้าเลี้ยงสุนัขด้วยหรือ?"

"งะ หงิง"
ลูกสุนัขสีดำโผล่หัวออกมาครางหงิงๆอย่างน่าเวทนา ดวงตากลมใสเคลือบม่านน้ำไว้ชั้นหนึ่งท่าทางราวกับโดนรังแก
"เจ้าตัวน้อยหลงทางมา ไม่รู้คนใจร้ายที่ใดวางยาพิษมันให้ร่างกายอ่อนแอ"เซียวจ้านลูบหลังมันด้วยความสงสารจนเจ้าตัวน้อยเอนศีรษะพิงอกอย่างออดอ้อน

..ใครจะกล้าวางยาพิษเขา หากไม่วางยาพิษตัวเองจะได้รับความเห็นใจหรือ

ลูกสุนัขคิดในใจ
"เจ้าอยู่คนเดียวเลี้ยงสุนัขอาจจะบรรเทาความเหงาได้บ้าง อีกอย่างหากเลี้ยงมันจนเติบใหญ่คงจะจงรักภักดีกับเจ้าของ สามารถช่วยเจ้าในยามคับขันได้"เฒ่าจันทราชะงักไปเล็กน้อยเหมือนนึกบางอย่างได้

"จริงสิ ระยะนี้เจ้าก็ระวังตัวไว้หน่อย ไม่กี่วันก่อนเพิ่งเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับสวรรค์"
"อะไรหรือ?"

"เฮ้อ ราชามารเพิ่งประกาศศึกกับสวรรค์ แต่เดิมก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกันมาตลอด นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะรุนแรงถึงขั้นคิดจะทำลายล้าง"

แม้จะมีจิตใจเยือกเย็นเพียงใดแต่เซียวจ้านก็อดตกใจไม่ได้

"เกิดอะไรขึ้น"

"มารตนนี้ผีเข้าผีออก เดาอารมณ์ไม่ได้"
มารที่ว่าโดนนินทาในระยะเผาขนก็แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว

"ทั้งจิตใจชั่วช้าและบ้าราคะ หลายร้อยปีมานี้มีคนงามหนุ่มสาวถูกฉุดลากไปภพมารเพื่อบำเรอกาม มารตนนี้เป็นตัวการทำลายเส้นด้ายวาสนารักที่ข้าผูกเอาไว้จนขาดสิ้น"
คนเหล่านั้นแท้จริงผูกพันรักกับผู้อื่นแต่ราชามารนึกอยากตัดด้ายแดงก็ตัด
ทว่าเมื่อคิดคำด่าได้สักพักเฒ่าจันทราก็พลันหน้าซีด

มิใช่ว่าเขาเพิ่งผูกด้ายแดงของเซียนป่าท้อกับมารชั่วช้าตนนั้นหรือ

"ยะ อย่างไรเสีย เจ้าต้องระวังตัวให้มากๆ เจ้าเองก็จิตใจดีทั้งยังหน้าตางดงามหากมารตนนั้นมาเจอคงไม่พ้นพากลับภพมารไปด้วย"

เซียวจ้านแย้มยิ้ม
"เขาจะเจอข้าได้อย่างไร"
ก้อนขนสีดำในอ้อมอกผ่อนลมหายใจช้าไม่เช่นนั้นคงได้สำลักขำตัวเองแย่แน่
ตาเฒ่านี่พูดไม่ผิดสักประโยค เขาชมชอบใครก็พากลับภพมารมิได้สนเรื่องด้ายแดงอะไรทั้งสิ้น

ชั่วช้าหรือบ้าราคะก็ไม่มีตรงไหนผิด กระทั่งที่บอกว่าอาจฉุดคนงามผู้นี้กลับไปด้วยก็ไม่ผิด
ยังนึกเสียดายว่าหากเจอกันก่อนอีกฝ่ายบรรลุเซียนอาจจะทำอะไรได้ถนัดมากกว่านี้
เพียงคิดว่าจะได้กกกอดร่างอ่อนนุ่มกรุ่นกลิ่นดอกท้อก็รู้สึกตื่นเต้นอยากกลับร่างจริงแล้วหัวเราะใส่หน้าเฒ่าจันทรา อุ้มเซียนป่าท้อผู้นี้กลับภพมารไปต่อหน้าต่อตาให้เฒ่าจันทรากรีดร้องเล่น

ลูกสุนัขกลั้นขำจนตัวสั่น
"เสี่ยวเฮย? เจ้าหนาวหรือ เหตุใดจึงตัวสั่น"
เซียนชุดขาวถามลูกสุนัขเสียงนุ่มพลางกระชับอ้อมแขนลูบหัวเจ้าตัวน้อยอย่างเบามือ

"หงิง หงิง"เสี่ยวเฮยร้องเสียงเล็กอ้อนพลางดุนปลายจมูกเข้าไปในอกเสื้อสูดกลิ่นหอมของดอกท้อจนชุ่มปอด
ถึงจะทำให้เด็กเล็กร้องไห้ได้เพียงพูดชื่อตัวเองแต่แท้จริงแล้วเขากลับชอบทำให้คนงามหลั่งน้ำตาบนเตียงมากกว่า

เวลาเห็นพวกนางน้อยๆของตนหลั่งน้ำตาขานชื่อเขาไม่ขาดปากตลอดคืนช่างน่าดูชมนัก กับเซียนป่าท้อผู้นี้หากหลั่งน้ำตาใต้ร่างร้องเรียกชื่อเขาด้วยเสียงหวานๆคงน่าดูชมไม่ต่างกัน
"พิษกำเริบหรือ? เช่นนั้นเรากลับเข้าไปพักด้านในกันเถอะ ผู้อาวุโส ล่วงเกินแล้วที่ไม่อาจไปส่ง"

เซียวจ้านจูบศีรษะของเสี่ยวเฮยทีหนึ่งก่อนจะเงยหน้าเอ่ยกับเฒ่าจันทราที่โบกไม้โบกมือให้เหมือนเป็นการบอกว่าไม่เป็นไร

"เจ้าไปดูแลสุนัขเถอะ"

เซียนป่าท้อผงกหัวพลางโอบอุ้มเจ้าตัวน้อยกลับไป
.
.

เสี่ยวเฮยอยากกลับร่างเดิมซะตอนนี้

จ๋อม..

หยดน้ำกลิ้งจากผิวกายหยดกระทบผืนน้ำจนได้ยินเสียงอันแผ่วเบา เซียนป่าท้อลูบมือไปตามร่างกายขณะแช่อยู่ในบ่อน้ำเย็นพร้อมกลีบดอกท้อที่ปลิวตกลงมาตามสายลม

ลูกสุนัขนั่งเหม่ออยู่อีกด้านมองแผ่นหลังขาวเนียนไม่ละสายตา
คนงามของเขาแต่งกายมิดชิดก็ยังน่ามอง ทว่ายามถอดกลับน่ามองกว่า และหากเขาเป็นคนถอดจะน่ามองยิ่งกว่า

"หงิง.."

เซียวจ้านหันไปตามเสียงร้อง ก่อนจะขยับตัวผ่านผืนน้ำเข้าไปใกล้ลูกสุนัข แขนทั้งสองวางพาดขอบบ่อพลางยิ้มตาหยีถามเสียงนุ่มนวล

"เจ้ายังไม่แข็งแรง อย่าลงมาอาบน้ำด้วยเลย"
นิ้วขาวผ่องลูบหูนิ่มของมัน เสี่ยวเฮยเห็นผิวขาวตรงหน้าก็เผลอหายใจสะดุดไปทีหนึ่ง

รอก่อนเถอะ พาเจ้ากลับวังมารได้เมื่อไหร่ ข้าจะกักขังเจ้าไว้บนเตียง ห่มเจ้าด้วยร่างกายของข้าแทนเสื้อผ้าน่ารำคาญพวกนั้นแน่นอน

น่าเสียดายที่เซียวจ้านไม่รู้วิชาอ่านใจ

"เจ้านี่ช่างน่ารักเสียจริงเสี่ยวเฮย"
"งี๊ดดดด"

ลูกสุนัขเอียงศีรษะให้ลูบ ท่าทางยิ่งน่ารักเสียจนเซียนป่าท้อใจสั่น

"เอาล่ะ พอแล้วๆ เดี๋ยวเจ้าเปียก ถอยออกไปหน่อยเถอะข้าจะอาบน้ำต่ออีกหน่อย"

สัตว์สี่เท้าถอยตามสั่งก่อนที่คนในน้ำจะว่ายห่างออกไปจนถึงกลางบ่อเพราะต้องระวังไม่ให้น้ำกระเด็นไปโดนเจ้าตัวน้อยที่กำลังป่วย
ไอหมอกสีดำปกคลุมร่างสุนัขที่อยู่ในมุม ดวงตาสีดำขลับของชายหนุ่มที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่จ้องมองร่างสีขาวกลางน้ำไม่ละสายตา

ได้ยินว่าคนผู้นี้ถูกผูกด้ายแดงไปแล้ว ท่าทางอีกฝ่ายเองก็ดูไม่ค่อยพอใจนักที่ถูกเฒ่าจันทราจับคู่ให้เช่นนี้
เช่นนั้นเขาจะตัดด้ายแดงเส้นนั้นให้เอง ในเมื่อด้ายตัดไม่ขาดก็'ฆ่า'คู่วาสนาที่อยู่สุดปลายของด้ายเสียสิ

มุมปากของชายหนุ่มหยันลึกเป็นรอยยิ้มอันเยียบเย็น

หากเขารู้ว่าคู่วาสนาของอีกฝ่ายปรากฎตัวขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะสังหารทิ้ง
เขาเจอก่อน คนงามผู้นี้ก็ต้องเป็นของเขาสิ

มารหนุ่มยกยิ้มด้วยความพอใจในความคิดของตัวเอง ทว่าเมื่อเซียวจ้านหันกลับมาเขาก็กลายเป็นลูกสุนัขครางหงิงๆอย่างใสซื่อเท่านั้น
.
.
เวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำที่ไม่เคยหยุดไหล เสี่ยวเฮยเติบโตขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กน่าทะนุถนอมในสายตาของเซียนป่าท้อ

แม้เวลาจะผ่านมาสักพักแล้วแต่สวรรค์ก็ยังปกติสุขไร้วี่แววการรุกรานของราชามาร

ได้ยินว่ามารตนนั้นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คงไม่พ้นลืมไปแล้วว่าเคยลั่นวาจาอะไรไป
ถึงสวรรค์จะปกติสุขแต่ใจของเซียวจ้านกลับสับสนว้าวุ่นยิ่งนัก ระยะนี้เขาฝันประหลาด ยามหลับตาลงก็เห็นเพียงความมืดและด้วยสีแดงที่ผูกรัดอยู่ตรงนิ้วก้อยของตน

ตัวเขาในความฝันลองเดินตามด้ายเส้นนั้นไปทว่ายิ่งเดินเข้าไปลึกขึ้นปลายทางกลับยิ่งมืดมนน่ากลัว
กระทั่งเดินไปสุดปลายด้ายเขาก็ชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่ง เซียวจ้านมองไม่เห็นใบหน้าแต่ร่างนั้นแผ่ความเยียบเย็นและไอหมอกทะมึนชวนขนลุกอยู่เสมอ

ด้วยความขลาดกลัวว่าจะเป็นอันตรายถึงถอยออกมาแต่คนผู้นั้นกลับฉุดลากเขาเข้าไปในความมืด
แม้จะต่อต้านแต่แรงมือบีบจับข้อมือเขาแน่นมากจนเจ็บร้าวถึงกระดูก ตัวเขาในความฝันพยายามอ้อนวอนขอให้ปล่อยแต่คนผู้นั้นหาได้สนใจไยดีไม่ กระทั่งสุดท้ายคนผู้นั้นก็โอบอุ้มเข้ากระโดดลงเหวลึกจนเขาสะดุ้งตื่น

โชคดีที่เสี่ยวเฮยนอนอยู่ข้างๆจึงสามารถโอบกอดหาความอบอุ่นได้
นอกจากจะฝันเห็นคนน่ากลัวนั่นแล้วบางครั้งเซียวจ้านก็ฝันเห็นเด็ก

เป็นเด็กตัวเล็กใบหน้าน่ารักจนแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย เด็กคนนั้นมักจะเข้ามาจูงมือเขาหรือไม่ก็อ้อนขอให้อุ้ม

เซียวจ้านจำฝันนี้ได้เพราะมันรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกินจนกระทั่งเด็กคนนั้นจับมือเขาแล้วเรียกว่า'ท่านแม่'
ก่อนจะจับจูงมือเดินพาไปที่ไหนสักที่ ทว่ายิ่งเดินปลายทางกลับยิ่งมืดมน ในที่สุดเซียวจ้านก็ได้เห็นว่าปลายทางมีชายร่างสูงที่พาเขากระโดดลงเหวผู้นั้นยืนอยู่

เด็กน้อยดึงมือของเขาวิ่งไปทางนั้นพร้อมเอ่ยเสียงร่าเริง

'ท่านพ่อ!'

อึก!
..เซียวจ้านสะดุ้งตื่นเหงื่อชุ่มหลัง
เขาถอนหายใจเมื่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝันแม้ฝันนั้นจะมีมูลของความจริงที่แสนน่าหวั่นใจก็ตาม..

เสี่ยวเฮยผงกหัวขึ้นมองคนที่สะดุ้งตื่นก่อนจะดุนปลายจมูกข้างแก้มคนงามไปทีหนึ่ง

"ข้าทำเจ้าตื่นใช่หรือไม่ เมื่อครู่ข้าฝันร้ายคงเพราะหลังๆมานี้มีเรื่องให้คิดมากเกินไป"
เซียวจ้านกอดลูกสุนัขไว้ในอ้อมแขนพร้อมผ่อนลมหายใจอีกครั้ง
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าถึงแม้จะเป็นเทพเซียนบนสวรรค์แต่ก็มีเรื่องทุกข์ใจไม่แพ้ปุถุชนคนธรรมดา หลายคืนมานี้ข้าฝันเห็นคนผู้หนึ่ง ไม่พ้นว่าจะเป็นคู่วาสนาที่เฒ่าจันทราสรรหาให้"

เสี่ยวเฮยกระดิกหูตั้งใจฟัง
"เขาดูชั่วร้ายยิ่งนัก ยามเข้าใกล้เขารอบด้านก็มืดมนเยือกเย็นไปหมด กระทั่งการกระทำยังหยาบช้า"

ราชาภพมารนึกไม่ออกว่าจะมีผู้ใดชั่วร้ายกว่าตนอีก

"ถึงอย่างนั้นในฝันข้าก็ยังเห็นเด็กผู้หนึ่งน่ารักนัก หากไม่ติดว่าเด็กคนนั้นเรียกข้าว่าท่านแม่และเรียกคนผู้นั้นว่าท่านพ่อข้าคงไม่สะดุ้งตื่น"
เสี่ยวเฮยเอียงคอ เห็นชัดๆว่าเซียนป่าท้อเป็นบุรุษแล้วจะเป็นท่านแม่ได้อย่างไร

เซียวจ้านที่เห็นหน้าตาไร้เดียงสาของลูกสุนัขหลุดขำ แม้เสี่ยวเฮยจะฉลาดฟังตนเข้าใจแต่ก็ดูโง่งมอยู่บ้าง

เซียวจ้านกระซิบ"นี่เป็นความลับของเรารู้หรือไม่ ..ข้าสามารถมีครรภ์ได้"

ถึงพูดไปมันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
ทว่าแววตาของสุนัขสีดำกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อยจนยากจะสังเกตเห็น

เซียวจ้านกอดมันไว้แนบอก

"ยามที่ข้าขึ้นสู่สวรรค์องค์จักรพรรดิได้ให้พรข้าข้อหนึ่งด้วยเหตุผลบางประการ ทว่าเหตุผลนั้นกลับถูกยกเลิกแม้กระทั่งพรข้อนี้ยังขอคืนไม่ได้"เซียนป่าท้อถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
"ข้าไม่อยากใช้พรที่ยากจะถอนคืนนี้กับใครอื่นจึงครองตนเป็นพรหมจรรย์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆอีก ใครจะรู้ว่าเฒ่าจันทราจะทำเช่นนี้"
เซียวจ้านซบหน้าลงบนขนนุ่มนิ่มของเสี่ยวเฮย

"เพราะเจ้าอยู่ด้วยข้าจึงไม่เหงามากนัก"

หากเซียนป่าท้อมีวิชาอ่านใจป่านนี้คงเตลิดหนีหายไปแล้ว..
..ที่แท้เจ้าตั้งครรภ์ได้นี่เอง ดียิ่งนักหากได้มีบุตรธิดากับเจ้าข้าคงไม่เสียดายนักหรอก

เพียงแค่คิดว่าเซียนผู้งดงามตั้งครรภ์บุตรของมารก็รู้สึกน่าดูชมแทบทนไม่ไหว อย่าหวังเลยว่าจะได้มีบุตรกับคู่วาสนาอะไรนั่น

พรวิเศษเช่นนี้จงใช้มันเพื่อข้าเถอะเซียนป่าท้อ
คนงามเอ่ยระบายความในใจเสร็จก็ผล็อยหลับไปแล้ว ขณะที่ฝ่ามือเย็นๆข้างหนึ่งจับแก้มเนียนใสอย่างเบามือ

ไฟปรารถนาที่ร้อนระอุนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ใดมาก่อน เขาทนไม่ไหวแล้วที่จะพาคนงามกลับไปกกกอดอยู่ด้วยกันที่วังมาร

สามวันนับจากนี้ เซียนป่าท้อจะต้องเป็นเขา
.
.
ระยะที่นอกจากอาการฝันร้ายเซียวจ้านยังรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข รู้สึกเหมือนโดนจับจ้องด้วยสายตาที่ร้อนแรงคู่หนึ่งทว่าเมื่อหันมองรอบๆกลับเจอเพียงเสี่ยวเฮยที่ร้องหงิงๆทำหน้าซื่อใส่ตนเท่านั้น

เสี่ยวเฮยช่างอ้อนนัก เผลอๆก็มานอนตักหรือไม่ก็เดินข้างๆอ้อนขอให้อุ้ม
ขณะกำลังลูบศีรษะสุนัขที่วางเกยบนตักเซียวจ้านก็รับรู้สึกใครบางคนที่เข้ามาในป่าท้อ เขาลุกขึ้นออกไปพลางระวังไม่ให้เสี่ยวเฮยตื่น

แขกผู้มาเยือนคือเฒ่าจันทรา

"ข้าหวังจะได้รับข่าวดี"เซียนป่าท้อยิ้มบางๆ

เฒ่าจันทราเห็นเช่นนั้นก็ยืนลนลานทำตัวไม่ถูก
"วันนี้เจ้าได้รับข่าวร้าย.."
เซียวจ้านดูไม่เข้าใจ

"ไม่มีใครบอกเจ้าเรื่องนี้เลยหรือ?!"

"ข้าอยู่แต่ในป่าท้อจะให้รับข่าวคราวภายนอกจากที่ไหน"เซียนป่าท้อส่ายหน้าทว่าเฒ่าจันทราแทบหลั่งน้ำตา

"ราชาภพมารต้องการเจ้าไปเป็นชายา!"

"......."

"มารชั่วตนนั้นส่งสาส์นหาองค์จักรพรรดิแลกเจ้ากับการรุกรานสวรรค์!"
"..พระองค์ตอบรับคำขอนี้หรือไม่"เซียวจ้านถามเสียงแผ่วเบา

"ไม่มีผู้ใดตอบรับ ยามนี้รอบป่าท้อเต็มไปด้วยผู้คุ้มกัน ข้ามาเตือนให้เจ้าระวังตัวเท่านั้น"

"เหตุใดราชาภพมารจึงเจาะจงข้า.."

เซียวจ้านไม่เข้าใจ ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยพบเจอเขาเหตุใดจึงต้องการให้เขาไปเป็นชายา
จะว่าเป็นการเลือกสุ่มก็ดูใจร้ายยิ่งนัก คงไม่มีเทพเซียนตนใดจะโชคร้ายเช่นเขาอีกแล้ว

เซียนป่าท้อผ่อนลมหายใจช้าๆก่อนจะถามเฒ่าจันทราไปประโยคหนึ่ง

"ท่านคงไม่ได้ผูกด้ายแดงของข้ากับราชามารหรอกกระมัง"

เฒ่าจันทราสะดุ้งเล็กน้อยจนเซียวจ้านเผยสีหน้ากังวล

"ไม่จริงใช่หรือไม่"
"ข้า ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าไม่ทราบว่าผูกกับผู้ใด วันนี้เห็นเจ้าปลอดภัยดีผู้อาวุโสเช่นข้าก็ขอตัวกลับก่อน"เฒ่าจันทรารีบเดินจากไป ทิ้งเซียนป่าท้อให้อยู่กับความคิดของตน
.
.

มีเรื่องราวให้ขบคิดทั้งวันทำให้ยามค่ำคืนเซียวจ้านหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ข้างกายมีชายผู้หนึ่งนั่งมองทั้งรอยยิ้ม
"เจ้าพวกนั้นไม่ยอมยกเจ้าให้ข้า ใช่ว่าข้าไม่ปัญญาทำให้เจ้าเป็นของข้าเสียหน่อย"

รอยยิ้มน่ารักขัดกับไอหมอกทะมึนรอบกายและความคิดชั่วร้ายในหัวยิ่งนัก

นิ้วเรียวยาวลูบจากหว่างคิ้วจรดแก้มเนียนนิ่มของคนที่หลับไหลด้วยความเสน่หา
ราชาภพมารหวังอี้ป๋ออุ้มร่างนั้นไว้ในอ้อมแขนเดินหายเข้าไปในมุมมืดด้านหนึ่งไม่ทิ้งร่องรอยใดหลงเหลือ

..เซียวจ้านตกอยู่ในฝันอันเนิ่นนาน ร่างกายตนหนาวสั่นรอบด้านมืดมิดรู้สึกเพียงมือที่ปัดป่ายตามร่าง

'อย่า..'เขาร้องขอทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะหึอย่างเย็นชา
ทั้งอึดอัดและทรมาน ราวกับลมกำลังหายใจถูกบีบเค้น

มันหนาวเหลือเกิน ทั้งหนาวและอึดอัด หายใจไม่ออกราวกับกำลังจะดับสิ้น

'ไม่'

เนิ่นนานกว่าที่คนในเงามืดจะหยุดมือแปรเปลี่ยนเป็นอ้อมกอดอบอุ่นที่เข้ามาแทนที่ เซียวจ้านขดตัวเข้าหาความอบอุ่นและฝ่ามือที่ลูบศีรษะตนอย่างอ่อนโยน

'ภรรยาคนดี..'
เซียวจ้านสะดุ้งสุดตัวจนหลุดจากภวังค์ฝันร้าย

เซียนป่าท้อลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจทว่าเมื่อหันมองรอบด้ายใบหน้ากลับซีดเผือดจนไร้สีเลือด

ที่ไหน?!

"เสี่ยวเฮย--อึก.."ลมหนาวพัดวูบจากหน้าต่างเข้ามาปะทะร่าง ที่นี่หนาวต่างจากป่าท้อที่อบอุ่นยิ่งนัก
"โอ้ เจ้าตื่นแล้ว"
เสียงทุ้มกังวานเอ่ยพลางแหวกม่านมุ้งสีแดงเข้ามา

เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลาทว่าดวงตากลับคมดุ

เซียวจ้านขยับตัวถอยแต่กลับรู้สึกเวียนหัวจนต้องก้มหน้าปรับลมหายใจ

"เจ้าเพิ่งเดินทางข้ามมาฝั่งนี้ ร่างกายคงกำลังปรับตัว พักสักหน่อยเถอะ"
นิ้วเรียวยาวยื่นมาสัมผัสแก้ม เซียวถอยตัวหลบทันที

"ไม่ทราบว่าราชาภพมารเล่นตลกอันใดจึงทำเรื่องเช่นนี้"เซียวจ้านรู้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

"อะไร? พาภรรยากลับบ้านมีอะไรเป็นเรื่องตลก"ชายหนุ่มแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา

"ข้อเสนอของท่านไม่ถูกยอมรั--"

"ข้าไม่สน"
ฝ่ามือใหญ่จับผมสีดำนิ่มลื่นปอยหนึ่งของเซียนป่าท้อมาจรดริมฝีปากจนได้กลิ่นดอกท้อหอมติดมาจางๆ

"ข้าชมชอบเจ้า ต้องการเจ้าเป็นภรรยา ข้อเสนอนั่นเป็นแต่สิ่งแลกเปลี่ยนจะไม่ทำสงคราม สวรรค์ขาดผู้ดูป่าท้อแลกกับความสงบส่วนข้าได้เจ้าเป็นภรรยา ไม่มีใครก็เสียเลือดเสียเนื้อ"
เซียวจ้านเม้มปากแน่น ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์นี้

"ข้าถูกชะตาเจ้าตั้งแต่แรกเห็น เจ้าเป็นคนงามที่สุดที่ข้าเคยเจอเลยรู้หรือไม่ ไม่ว่าเจ้าต้องการสิ่งใดข้าล้วนหามาให้ได้เพียงอยู่ที่นี่เป็นภรรยาของข้า เป็นมารดาของภพมาร"

ราชามารลูบผมอีกฝ่ายเล่นในมือ
"เซียวจ้าน นามของข้าคือหวังอี้ป๋อ เจ้าสามารถเรียกข้าว่าสามีได้"หวังอีกป๋อจูบลงบนเส้นผมในมือ การกระทำยั่วเย้าที่พวกนางสนมน้อยๆของเขามักจะหน้าแดงด้วยความเขินอายเสมอ

..แต่ไม่ใช่กับเซียวจ้าน

"กี่คนแล้วที่ท่านพูดด้วยเช่นนี้"

"หือ??"

"กี่คนแล้วที่ท่านให้เรียกว่าสามี"
"ฝ่าบาท ข้าเป็นเพียงผู้ดูแลป่าท้อไหนเลยจะสามารถเป็นมารดาของภพมารได้ ในเมื่อท่านชมชอบที่ข้าเป็นคนงาม อีกไม่นานเมื่อมีคนงามผู้อื่นท่านก็จะชมชอบคนผู้นั้นไม่ต่างกัน"

เซียนป่าท้อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหินห่าง

"ข้า--"
"เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็เป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่งในสามพันดอกที่ท่านครอบครอง แทนที่จะบอกให้ข้าเป็นชายา บอกว่าข้าเป็นของเล่นที่ถูกใจชั่วครั้งชั่วคราวคงถูกต้องกว่ากระมัง"เซียวจ้านจับเส้นผมของตนออกมาจากมืออีกฝ่าย

"กลิ่นดอกท้อจากสวรรค์บนตัวข้าอาจทำให้ท่านระคายเคืองได้ ท่านถอยไปหน่อยเถอะ"
ท่าทางเย็นชานั้นต่างจากตอนโอบกอดลูกสุนัขเสี่ยวเฮยโดยสิ้นเชิง

เซียวป่าท้อหันหน้าไปด้านหนึ่งแล้วใช้นิ้วมือสางปอยผมที่ถูกจับ ดูบริสุทธิ์เย็นชาและห่างเหินเป็นที่สุด

มุมปากของราชามารกระตุก
"ข้าชอบกลิ่นดอกท้อ และข้าก็ชอบเจ้า เจ้าเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งในสามพันดอก แต่เป็นดอกไม้ดอกเดียวที่ข้าปักเอาไว้บนแจกันหัวนอน"

หวังอี้ป๋อจับปลายคางมนให้หันมาสบตาทว่าเซียวจ้านกลับหลบสายตาลงแล้วปัดมือออก
"ล้อข้าเล่นแล้ว ในแจกันที่ท่านว่ามีดอกไม้ดอกอื่นผลัดเปลี่ยนกันไม่ขาด ท่านจะทนให้มีดอกไม้ดอกเดียวอยู่ในแจกันได้อย่างไร"

คนงามผู้น่ารักคนนั้นกลายเป็นคนงามผู้ยอกย้อนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..

"ข้าเหนื่อยมาก หวังว่าท่านจะเข้าใจและให้ข้าพักผ่อน"
นั่นเป็นการเอ่ยปากไล่ที่แสนสุภาพสมเป็นเทพเซียนบนสวรรค์

หวังอี้ป๋อมองคนที่เบือนหน้าหนีตนทั้งยังสางผมปอยที่เขาจับท่าทางราวกับรังเกียจ

ที่แท้ก็มีด้านที่พยศเช่นนี้นี่เอง

ราชาภพมายิ่งนึกอยากแกล้งจึงยื่นมือไปลูบหัวอีกฝ่าย
เพี๊ยะ!
มือของเขาถูกปัดออกอย่างแรง

"มีฝุ่นบนผมเจ้า"
"ถ้าเป็นเช่นที่ท่านว่าจริงข้าต้องขออภัยด้วย แต่หากกระทำเพื่อต้องการแตะต้องข้าขออย่าได้ทำอีก ข้าไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาแตะต้องร่างกาย"

เซียวป่าท้อถอยออกห่างเล็กน้อย

"จริงหรือ? น่าเสียดายข้าชอบแตะต้องของสวยๆงาม โดยเฉพาะภรรยาคนงามเช่นเจ้า"

"ท่านมักมีอารมณ์ขันคิดเองเออเองเช่นนี้หรอ"
มุมปากของราชาภพมารเผลอกระตุกเหตุใดคนงามของเขาถึงมีวาจาเสียดแทงไม่ทำตัวน่ารักเหมือนก่อนหน้านั้นเลยเล่า

"เจ้ารังเกียจข้า?"

"หากท่านคิดเช่นนั้นก็ย่อมได้ สำหรับท่าน ข้าเป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่งที่เด็ดมาประดับแจกัน จะมีสิทธิมีเสียงอะไรได้เล่า"
เห็นอยู่ชัดๆว่าเอ่ยปากครั้งหนึ่งก็ราวกับปามีดใส่ นี่หรือที่บอกว่าไม่มีสิทธิมีเสียง

"เจ้าคงเหนื่อยจริงๆ ข้าให้เจ้าพักสักหน่อยแล้วกัน"

ราชามารลุกขึ้นถอยออกมา

"ขอบคุณท่านที่เข้าใจ"
หวังอี้ป๋อเกลียดความสุภาพที่แสนห่างเหินนี้

"ข้าพาบางสิ่งมาด้วย เจ้าจะได้ไม่เหงามากไปตอนอยู่ที่นี่"
เซียวจ้านไม่ได้ถามว่าคืออะไร กระทั่งราชามารเดินจากไปไม่นานก็มีบางสิ่งวิ่งขึ้นมาบนเตียงของเขา

"เสี่ยวเฮย!"

สุนัขสีดำครางหงิงๆขึ้นไปนอนซบบนตักของเซียนป่าท้อ

"แม้แต่เจ้าเขาก็ลักพามาด้วยหรือ"เซียวจ้านเอ่ยด้วยความสงสารพลางกอดมันไว้ในอ้อมแขน
"งี๊ดดดด"สุนัขตัวน้อยเงยหน้าดุนปลายจมูกข้างแก้มนุ่ม ในดวงตาคลอน้ำใสๆน่าสงสารยิ่งนัก

"ไม่ต้องกลัว ข้าจะดูแลเจ้าเอง เจ้าอยู่กับข้าไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้แน่"เซียวจ้านทั้งโอบกอดทั้งลูบหัวปลอบประโลบเจ้าตัวน้อย
"ข้าอยากนอนพักสักหน่อย ข้ามฝั่งมาภพมารทำให้พลังในกายสับสน ไว้ข้าปรับตัวได้จะหาทางหนีไปพร้อมกับเจ้า"

ดวงตาของเสี่ยวเฮยมีประกายแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

"เจ้าไม่ต้องกลัวนะ.."เซียวจ้านล้มตัวลงนอนพลางกอดลูกสุนัขขนนุ่มนิ่มให้ความอบอุ่นกับตัวเอง

"ที่นี่หนาวเหลือเกิน เจ้าอย่าเพิ่งไปไหนนะ"
เซียนป่าท้อหลับไปแล้ว แม้กระทั่งเสี่ยวเฮยก็ยังหายไป

..ทว่าราชามารหวังอี้ป๋อเข้ามาแทน

ภพมารคงหนาวเกินไปในเวลาค่ำคืนและเพราะการข้ามฝั่งมากะทันหันจึงทำให้เซียนคนงามของเขาอ่อนแอไปเล็กน้อย

หวังอี้ป๋อโบกมือทีหนึ่งอากาศในห้องก็อบอุ่นขึ้นมา
เขาดึงผ้าห่มคลุมชิดปลายคางอีกฝ่ายแล้วดันตัวเข้ามากอด ร่างนุ่มหอมกลิ่นดอกท้อยามหลับช่างดูน่ารักน่าทะนุถนอมต่างจากยามตื่นแล้วเอ่ยวาจาเฉือดเฉือนทิ่มแทงใจกันไม่หยุด

เซียวจ้านขยับตัวเข้าหาความอบอุ่นที่แนบชิด หัวคิ้วที่ขมวดชนกันเพราะความหนาวเริ่มคลายลง
"ข้าอยากให้เจ้ารักและเอ็นดูข้าในร่างจริงมิใช่ร่างสุนัขหรอกนะเซียวจ้าน"

หวังอี้ป๋อประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนพลางนอนมองใบหน้างดงามของอีกฝ่ายอย่างสุขใจ
.
.

เฒ่าจันทราล้มตัวลงด้วยความสิ้นหวังครั้งแล้วครั้งเล่า

เหตุใดด้ายแดงเส้นนี้ถึงขมวดเกลียวกันแน่นขึ้นอีกแล้วเล่า!!
เฒ่าจันทรากระทืบเท้าด้วยความกลัดกลุ้มกระทั่งแขนเสื้อยังสะบัดไปโดนชั้นหนังสือจนบันทึกเล่มหนึ่งร่วงใส่ศีรษะ

"อะไรกัน?"เฒ่าจันทร์จับบันทึกวาสนารักมาปัดฝุ่น บันทึกเล่มนี้ขีดเขียนด้วยตัวของมันเอง คอยบันทึกรายชื่อของคู่รักทั้งสามภพ หากมันร่วงใส่ศีรษะเช่นนี้ไม่แน่ว่าอาจบอกเหตุบางอย่าง
เฒ่าจันทราหลับตาลงก่อนจะเปิดบันทึกออกด้วยจิตที่มุ่งมั่น ชื่อคู่รักคู่หนึ่งปรากฏขึ้นมาบนหน้ากระดาษ ชื่อนี้ทำให้เฒ่าจันทรารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

"ข้าต้องตรวจดูให้แน่ชัดเสียแล้ว"
เขาผูกด้ายแดงให้ผู้คนมามาก มากเสียจนหลงลืมไปว่าครั้งหนึ่งตนเคยผูกด้ายแดงให้'คู่รัก'คู่นี้ก่อนที่มันจะขาดลงเพราะมีฝ่ายหนึ่งตายจาก..

กรรไกรตัดวาสนารักไม่เคยทื่อเมื่อตัดลงบนด้านแดงของผู้ใด ทุกสิ่งย่อมมีเหตุผลและเฒ่าจันทราต้องรู้เหตุผลของมัน
.
.
เซียวป่าท้อสะดุ้งพรวดเมื่อภาพตรงหน้าคือราชามารที่นอนอยู่ข้างกาย

เขาหันซ้ายหันขวาก้าวลงเตียงช้าๆเพื่อตามหาเสี่ยวเฮยที่คงหนีเตลิดไปเพราะราชามารเข้ามาแทนที่

เซียวจ้านไม่แน่ใจว่าตนหลับไปนานแค่ไหนแต่ยามนี้รอบด้านกลับมืดสลัวมีเพียงแสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา

"เสี่ยวเฮย.."
เขาเป็นเซียนทนความหิวได้แต่เสี่ยวเฮยเป็นเพียงลูกสุนัขตัวน้อยแม้จะเป็นสัตว์เทพแต่ก็น่าจะรู้สึกหิวแย่แล้วหากยังไม่มีคนให้อาหาร

"เสี่ยวเฮย"เซียวจ้านร้องเรียกไปตามทาง วังมารกว้างขวางไม่รู้จะเริ่มเดินจากตรงไหน

"ดูเถิดว่าข้าเจอใคร ใช่นายบำเรอคนใหม่ของฝ่าบาทหรือไม่"
ต้นเสียงนั้นเป็นหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะองในอาภรณ์สีแดงเนื้อบาง เส้นผมสีดำยาวจรดบั้นเอวขับให้เรือนร่างของนางดูบอบบาง

เซียวจ้านเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่สนใจว่านางจะพูดอะไร

"โธ่ๆ ท่านเซียนอย่าเมินข้าเช่นนี้สิ เราต่างชะตากรรมเดียวกันมาสนิทสนมกันไว้เถอะ"
"ข้ามาหาสุนัข"

นางเลิกคิ้ว
"สุนัข? ผู้น้อยมิเคยเห็นสุนัขในวังนี้"ว่าพลางหัวเราะคิกราวกับขบขัน เซียนป่าท้อเห็นว่าเสียเวลาจะเอ่ยต่อจึงจะเดินผ่านไป

"ท่านเซียนรูปโฉมงดงาม ฝ่าบาทของเราคงจะโปรดปรานเรียกใช้ท่านอุ่นเตียงในระยะบ่อยแน่"มารสาวชุดแดงเดินน้วยนาดเข้ามาข้างๆ
"ผู้น้อยนามหรงเฉียน ขอบังอาจเอ่ยถามนามท่านเซียน"

เซียวจ้านไม่ตอบ

"ท่านเซียนบุคลิกสูงส่งเช่นนี้ยามร่วมรักกับฝ่าบาทจะวางมาดสูงส่งได้เช่นนี้ไหมหนอ"หรงเฉียนหัวเราะคิกอย่างไร้เดียงสา

"......."
"ผู้น้อยขอบังอาจสอน ฝ่าบาทรักพวกเราทุกคนเท่าเทียมกันหากท่านเซียนอยากได้รับความรักมากกว่าใครอื่นท่านต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแล้วคุมจังหวะ ฝ่าบาทชอบทอดสายตามองจากด้านล่าง เพียงบิดเอวแล้วอ้าปากร้องเยอะๆฝ่าบาทของเราจะชอบมาก"

เซียวป่าท้อเม้มปากแน่นพยายามเดินเร็วๆให้ห่างจากมารสาว
"บางครั้งฝ่าบาทก็ชอบให้พวกเราสองสามคนไปอุ่นเตียงให้ เห็นเป็นท่านเซียนที่เพิ่งมาใหม่จึงอยากบอกเคล็กลับเล็กน้อยว่าหากไม่อยากเหนื่อยมากอย่ารอเป็นคนสุดท้ายเพราะฝ่าบาทจะหนักมือเป็นพิเศษ"

เซียวจ้านไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดนางจึงพูดเรื่องเช่นนี้ได้ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสานัก
"เมื่อครู่ฟังเสียงท่านเซียนแล้วช่างไพเราะนุ่มนวลนัก ก่อนเข้าไปรับใช้ฝ่าบาทผู้น้อยอยากให้ท่านดื่มน้ำอุ่นให้มากๆเพื่อถนอมเสียง ฝ่าบาทจะยิ่งโปรดปรานหากเสียงไม่แหบแห้งเกินไป"

"เจ้า..พอได้แล้ว"ทั้งที่คิดว่าตัวเองพอทนฟังไหวแต่ยิ่งฟังกลับยิ่งรู้สึกอับอายจนหน้าร้อนวูบ
หรงเฉียนยิ้มแย้มท่าทางน่ารัก
"ท่านเซียนอย่าได้อายไป ผู้น้อยเพียงถูกชะตาท่าน ไม่บ่อยนักที่ฝ่าบาทจะพานายบำเรอชายกลับมา"

"ข้าไม่ใช่นายบำเรอ"

"ตายจริง ท่านเซียนอย่าใฝ่สูงนักสิ หากท่านหวังตำแหน่งสนมเอกผู้น้อยก็ขอเสียมารยาทขำแล้ว"มารสาวปิดปากขำ
"หากเจ้าไม่เห็นสุนัขเช่นนั้นข้าก็ขอตัว"เซียนชุดขาวรีบเดินจากไปแต่มารสาวชุดแดงก็คว้าแขนเขาไว้แล้วดันเข้าหากำแพง

"ข้าช่วยสอนท่านเซียนได้"ริมฝีปากแดงอิ่มเอ่ยกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

เซียนจ้านเบือนหน้าไปอีกทาง
อย่างไรเสียเขาก็เป็นบุรุษ มีสตรีนุ่งน้อยห่มน้อยอยู่ตรงหน้าเช่นนี้และยิ่งเป็นสตรีของผู้อื่น เขาก็ไม่สมควรมองให้เสียมารยาท

"ท่านเซียนยังดูอ่อนประสบการณ์ ผู้น้อยมีความรู้สามารถสอนสั่งได้หากท่านเซียนต้องการ"

เซียนป่าท้อรู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่งนักเมื่อนางเบียดตัวเข้ามา
"ท่านเซียนรูปโฉมงดงาม ผู้น้อยอยู่ที่นี้มานานนับว่าเห็นท่านเซียนสะดุดตาที่สุด มิน่าเล่าวันแรกที่ท่านมาฝ่าบาทจึงได้อุ้มอย่างทะนุถนอมยิ่งนัก"

"........"

เซียวจ้านไม่กล้าผลักนางแต่ก็ไม่อยากทนฟังถ้อยคำเช่นนี้

"ปล่อยข้าไปหาสุนัขเถอะ"
นางหัวเราะคิกอย่างนึกสนุก"ท่านเซียนถามหาแต่สุนัข ผู้น้อยบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าที่นี่ไม่มีสุนัขสักตัวเหตุใดไม่เชื่อกันบ้าง"

หรงเฉียนแตะปลายนิ้วลงบนกลีบปากอิ่มของเซียนชุดขาว

"ฝ่าบาทยังไม่ตื่น เราสองหาเรื่องสนุกๆทำกันดีหรือไม่ ผู้น้อยสามารถอยู่ได้ทั้งบนและล่าง ท่านเซียนชมชอบแบบไหน"
"เจ้า--"

เพียงครู่เดียวร่างกายของมารสาวก็ค่อยๆสูงขึ้นจนกลายเป็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีแดงกระทั่งนิ้วเรียวบางที่แตะบนริมฝีปากของเซียวจ้านก็หยาบด้านและกดลึกจนรู้สึกเจ็บ

"ครั้งแรกของท่านให้ผู้น้อยอยู่ด้านบนดีกว่า"เสียงของมารตนนั้นทุ้มลึก พร้อมกดนิ้วลงบนกลีบปากนิ่มจนเลือดซึม
เซียวจ้านผลักฝ่ามือใส่ร่างนั้นเต็มแรงจนมารตนนั้นถอยออกไปไกล

"ที่แท้ท่านเซียนมีรสนิยมชอบความรุนแรงเช่นนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ"มารสาวที่ยามนี้กลายเป็นมารหนุ่มสำลักออกมาเล็กน้อยพลางมองเซียนชุดขาวด้วยความชอบใจ

"ให้ข้าช่วยสอนท่านเถอะ ข้าจะทำให้ท่านลืมสวรรค์ไปเลยทีเดียว"
เซียนป่าท้อรู้สึกถึงรสเลือดตรงริมฝีปาก เพียงแค่จดจ่อกับความเจ็บครู่เดียวมารตนนั้นก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว

"ครั้งแรกของท่านข้าขอเถอะ!"

เซียวจ้านเบิกตากว้างเมื่อเล็บสีแดงของมารหนุ่มเงื้อมขึ้นหมายฉีกกระชากเสื้อของเขาให้ขาด

ตู้ม!!

พลังสายหนึ่งซัดเข้ามาจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไป
เลือดกองหนึ่งพุ่งทะลักจากปาก หรงเฉียนในร่างมารหนุ่มกุมท้องด้วยความทรมาน

"ดูท่าข้าจะปล่อยให้เจ้าสนุกเกินไปแล้วใช่หรือไม่?"

ไอหมอกสีดำทะมึนปกคลุมทั่วบริเวณ หรงเฉียนตัวสั่นเทาหมอบต่ำไอเอาเลือดออกมาไม่หยุด

"หรงเฉียนเพียงต้องการผูกมิตรกับท่านเซียนมิได้เจตนาคิดทำสิ่งอื่น!"
ราชาภพมารมองร่างสีขาวที่กำลังยืนเช็ดเลือดตรงริมฝีปากอยู่มุมหนึ่ง

"ผูกมิตร?"

ฝ่ามือใหญ่บิดช้าๆทำให้หรงเฉียนเบิกตากว้างกุมท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวดราวกับอวัยวะภายในกำลังถูกบิดกระชาก

"อ๊อก--ผู้น้อยผิดไปแล้ว ขะ ขออภัย ขออภัยด้วย!"

ไม่เคยมีครั้งใดที่ฝ่าบาทจะลงโทษรุนแรงเช่นนี้
"ข้าให้โอกาสเจ้าพูดความจริง"
ราชามาหวังอี้ป๋อเอ่ยอย่างเย็นชา

"ผะ ผู้น้อยเห็นท่านเซียนเดินเตร่อยู่ผู้เดียวจึงเข้าไปชวนคุย เห็นรูปโฉมงดงามจึงนึกอยากลองสอนบนรักให้.."หรงเฉียนหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว

"สอนบทรัก?"หวังอี้ป๋อทวนคำ

"ผู้น้อยสำนึกผิดแล้ว"

อาการปวดท้องกลับมาอีกครั้ง
เซียนจ้านเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

ภพมารป่าเถื่อนยิ่งนัก..

"มีข้าผู้เดียวที่สอนบทรักเขาได้"

คำพูดนั้นทำให้เซียนป่าท้อชะงัก

หรงเฉียนสำลักเลือดออกมาอีกครั้ง ปากก็อ้อนวอนขอความเมตตาทั้งที่ปกติแล้วไม่ว่าตนจะเล่นกับใครฝ่าบาทก็ไม่เคยว่ากล่าวสักนิด
"เจ็ดวันนับจากนี้เจ้าก็ทนปวดท้องหน่อยแล้วกัน"

ราชามารแย้มยิ้มก่อนจะตรงเข้าไปอุ้มเซียนป่าท้อไว้ในอ้อมแขน

"ปล่อยข้าลงเถอะ ข้าต้องไปหาสุนัข"เซียวจ้านพยายามลงจากอ้อมแขนนั้นแต่อีกฝ่ายกลับกระชับอ้อมกอดแน่นแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม
"สุนัขของเจ้าออกไปวิ่งเล่นด้านนอก ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวมันก็กลับมา"

"ข้ากลัวมันโดนทำร้าย"เขาห่วงเสี่ยวเฮยจนลืมสนใจว่าริมฝีปากของตนเองได้รับบาดเจ็บเสียแล้ว

หวังอี้ป๋อเห็นแผลนั้นก็ตวัดสายตามองหรงเฉียนที่ดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น

"เจ้าอยากให้ข้าฆ่าหรงเฉียนหรือไม่"
เซียวจ้านขมวดคิ้วมองหรงเฉียนที่โอดครวญกุมท้องอยู่ตรงนั้น

"มารเช่นท่านนึกอยากฆ่าใครก็ฆ่าได้เลยหรือ"

"เพราะเขาทำเจ้าบาดเจ็บต่างหาก"

"อย่างไรเขาก็มีชีวิต ให้เขาได้สิ้นชีวิตตามอายุขัยเถอะ"

คนงามของหวังอี้ป๋ออ่อนโยนยิ่งนัก..
เซียนป่าท้อถูกโอบกอดอย่างทะนุถนอมราวกับแก้วที่กลัวแตกสลาย

หวังอี้ป๋ออุ้มร่างนั้นกลับเข้าไปในห้องแล้ววางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

"เซียนน้อย เจ้าหลับตาเถอะ ข้าจะช่วยรักษาแผลให้"

"เหตุใดต้องหลับตาด้วย"เซียวจ้านถามด้วยความระวังตน

"ข้ามีวิธีรักษาที่เป็นความลับ เจ้าต้องหลับตาก่อน"
"เช่นนั้นให้มันหายไปตามกาลเวลาเถอะ อย่าได้เปลืองแรงกับข้าเลย"เซียวจ้านขยับตัวถอยออกห่าง

"เจ้าไม่ไว้ใจข้า?"

"ข้าไม่ได้ใจท่าน"

ราชามารนั่งลงข้างๆก่อนจับคางอีกฝ่ายให้หันมาดูแผลชัดๆ เซียวจ้านรีบปัดมือนั้นออกทันที

"ข้าเพียงอยากช่วยรักษา"
"หายามาให้ข้าทาก็เป็นพอ"

"แค่เจ้าหลับตาแผลจะหายไปทันที"

"รบกวนท่านมากเกินไป น่ากลัวว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงจะฝืนกฎธรรมชาติเอาได้"

คนงามของตนกลับมาดื้อดึงอีกแล้ว..

"ทำตัวน่ารักกับข้าสักครั้งได้หรือไม่ หากเจ้ายิ้มให้ข้าบ้างข้าคงมีความสุขมาก"
ราชาภพมารสีหน้าเศร้าสลด
"ในสายตาเจ้าข้าคงเป็นเพียงมารชั่วช้าแต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าชอบเจ้ามากเหลือเกิน ข้าทะนุถนอมเจ้า ปกป้องเจ้าแต่นั้นคงยังไม่พอใช่หรือไม่"

เซียนป่าท้ออาจจะคิดไปเองแต่ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นท่าทีแบบนี้ที่ไหน
"แม้ข้าจะเป็นมารแต่ข้าก็อยากดูแลปกป้องคนที่ข้ารัก เพียงอยากช่วยเจ้ารักษาบาดแผลมันมากไปงั้นหรือ.."

ราชาภพมารถอนหายใจ ดวงตาคมดุแฝงแววเสียใจอย่างสุดซึ้ง

"ข้าผิดเองที่เป็นมาร ไหนเลยเทพเซียนผู้สูงส่งจะไว้ใจให้ดูแล"
มือเรียวบางกำแน่น พยายามข่มใจต่อต้านมิให้หลงกลมารตนนี้แต่อีกใจกลับรู้สึกอ่อนคล้อยด้วยความเห็นใจ

หากว่าเขาต้องการรักษาข้าจริงๆไม่ได้คิดทำอะไรอื่นล่ะ..

บาดแผลตรงกลีบปากเจ็บขึ้นมาเล็กน้อยเป็นการเรียกสติให้ตัดสินใจ

"ท่าน..จะรักษาแผลจริงๆใช่หรือไม่"
มุมปากของราชามารกระตุกขึ้นเพียงเล็กน้อยยากจะสังเกตเห็นก่อนเอ่ยตอบเซียนป่าท้อพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

"แน่นอน ข้ารับรองว่าแผลเจ้าจะหายเป็นปลิดทิ้ง"

เซียวจ้านก้มหน้าลงแตะริมฝีปากที่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา

"..ข้าจะหลับตาให้ท่านรักษา"

หวังอี้ป๋อพยายามกลั้นยิ้มบนใบหน้า
แพขนตายาววางทอดเหนือพวงแก้มขาวเนียน เซียนป่าท้อหลับตาลงทว่าร่างกายกลับเกร็งขึ้นเล็กน้อย

"ผ่อนคลายเถอะ ไม่เจ็บหรอก"
เสียงนุ่มนวลเอ่ยกระซิบข้างใบหู ราชาภพมารมองคนงามของตนด้วยความเอ็นดู

น่ารักเหลือเกิน

..เซียวจ้านที่หลับตาอยู่รับรู้ถึงบางอย่างอุ่นนุ่มแนบที่ปากของตน
เขาจะลืมตาทว่าฝ่ามือของราชาภพมารกลับปิดตาเอาไว้

สิ่งอ่อนนุ่มนั้นผละออกไปพร้อมเสียงกระซิบ"..อย่าลืมตา"
ก่อนที่สัมผัสร้อนชื้นจะกลับมาประทับตรงปากอีกครั้ง

มันเต็มไปด้วยความนุ่มนวล แสนทะนุถนอมแต่ในขณะเดียวกันก็ร้อนผ่าวชวนทรมานอยู่บ้าง

เป็นความรู้สึกที่เซียนป่าท้อมิเคยสัมผัส
นิ่มมาก

ปากของเซียนคนงามดูนุ่มนวลน่าสัมผัสไปหมดและมิใช่เพียงแค่ปากที่เขาอยากสัมผัส..

หวังอี้ป๋อนึกอยากกระทำให้อีกฝ่ายเป็นมารดาของภพมารเสียตอนนี้หากแต่ก็รู้ดีว่าการได้ตัวโดยไม่ได้ใจไม่มีประโยชน์อันใดเลย

เซียวจ้านลืมตาขึ้นช้าๆเมื่อมือที่ปิดตาหายไป
นิ้วมือแตะริมฝีปากที่บาดแผลหายไปราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

เซียนป่าท้อถอยตัวออกห่าง หัวคิ้วขมวดยุ่งมองหน้าราชามารอย่างไม่พอใจนัก
แม้เขาจะเป็นเซียนละทิ้งซึ่งทางโลกแต่ก็ใช่ว่าจะโง่งมจนไม่รู้มาเมื่อครู่คือสิ่งใด

"ท่านฉวยโอกาสกับผู้อื่นเช่นนี้เสมอหรือ"
"ข้าบอกจะรักษาก็รักษาเจ้า เจ้าไม่ได้ถามว่ารักษาแบบไหนเสียหน่อย"

เซียวจ้านหน้าร้อนวูบ ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธ ความอาย หรือไม่พอใจ

"ไม่ว่าผู้ใดมีแผลที่ปากท่านก็รักษาเช่นนี้หรืออย่างไร"

"เจ้าเป็นคนแรก"

ราชาภพมารตอบหน้าระรื่น
เห็นคนงามหน้าแดงเช่นนี้ช่างน่าดูชมยิ่งนัก

หวังอี้ป๋อยื่นหน้าเข้าใกล้
"เจ้างามมากรู้ตัวหรือไม่ หากยิ้มให้มากๆหน่อยจะยิ่งงามมากกว่าเก่า เจ้าอยู่ที่นี้ ไม่เรียกข้าว่าสามีข้าก็ไม่บับคับ จะเรียกชื่อข้าหรือเรียกว่าท่านพี่ข้าก็ชอบทั้งนั้นหากมาจากปากคนงามเช่นเจ้า"

"ข้าเป็นลูกคนเดียว"
มารหนุ่มยิ้มเก้อ ไม่รู้ว่าหากเป็นคนอื่นเขายังจะใจเย็นเช่นนี้หรือไม่

"เจ้าอย่าดื้อนักเลย เซียนป่าท้อผู้หนึ่งหายไปคิดว่าสวรรค์จะช่วยอะไรได้ อย่างมากแค่ส่งคนตามหาถึงรู้ว่าอยู่กับข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ภพมารเป็นคนของข้าสมควรออดอ้อนเรียกข้าว่าท่านพี่อี้ป๋อดีกว่า"
เซียวจ้านยิ้มมุมปาก

"ราชาภพมารอยากเป็นพี่ชายของเซียนป่าท้อเช่นข้า เกรงว่าข้าจะรับไม่ไหว"

"ท่านพี่ที่ข้าอยากให้เจ้าเรียกมิได้หมายความว่าพี่ชายแต่เป็นสามี"หวังอี้ป๋อเอ่ยเสียงขรึม

"ข้าเป็นบุรุษทั้งยังครองพรหมจรรย์ไหนเลยจะมีสามีได้"

"แต่เจ้าตั้งครรภ์ได้"

"........"
สีหน้าของเซียนป่าท้อเต็มไปด้วยความเย็นชา

"ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้จากที่ใด"

"ข้ารู้จากที่ใดไม่สำคัญ ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นบุรุษหรือสตรี ข้าชอบเจ้า อยากมีลูกกับเจ้า"

หวังอี้ป๋อประชิดตัวอีกฝ่ายไม่เหลือทางให้หนี
"ข้าให้เจ้าได้ทุกอย่างเพียงแค่ยอมเป็นของข้า"
"..เสี่ยวเฮย"

ราชามารตัวแข็งทื่อเมื่อเซียนคนงามจ้องหน้าเขาเขม็ง

"เป็นสุนัขของท่านใช่หรือไม่"

"อะไรนะ??"

"ลูกสุนัขสีดำตัวนั้นเป็นของท่านใช่หรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าท่านสื่อสารกับเสี่ยวเฮยได้อย่างไรแต่การวางยาพิษทำร้ายสุนัขจนมันหนีมาหาข้าช่างน่ารังเกียจนัก"
อะไรทำให้เซียนน้อยคิดว่าเขาเข้าใจภาษาสุนัขเล่า..

"ใช่ มันเป็นสุนัขของข้าเอง อะแฮ่ม ข้าพามันไปเดินเล่นเข้าใกล้เขตสวรรค์เล็กน้อยเท่านั้นคิดไม่ถึงว่าคลาดสายตาครู่เดียวมันก็โดนเทพเซียนสักตนวางยาพิษจนหนีเตลิดไป"
เขาเองก็นับว่าแต่งเรื่องเก่งไม่น้อยเชียว

"จริงหรือ.."
เซียวจ้านขมวดคิ้วท่าทางไม่เชื่อใจนักแต่มันก็อาจเป็นไปได้ที่สุนัขของราชาภพมารจะถูกเซียนที่ไม่หวังดีสักตนวางยา

"ถึงข้าจะพูดว่าจริงแต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อมันก็ไม่เป็นความจริงอยู่ดีใช่หรือไม่"มารหนุ่มตัดพ้อก่อนจะจับปอยผมของอีกฝ่ายไว้ในมือ

"ข้าชอบเจ้าจริงๆ อยู่กับข้ามีลูกให้ข้าเถอะ"
เซียนป่าท้อรู้ตัวดีว่าตนเองไม่ได้แข็งแกร่งพอจะต่อต้าน แต่ในเมื่อราชาภพมารยังพอมีเหตุผลกับตนอยู่บ้างจึงทำได้เพียงพูดเตือนสติเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น

"ขออภัย ข้าถือครองพรหมจรรย์และอีกประการหนึ่งพรพิเศษของข้ามิได้มีเพื่อท่านตั้งแต่แรก"

หวังอี้ป๋อลูบผมสีดำยาวของอีกฝ่ายเล่นในมือ
"ถ้าเช่นนั้นสวรรค์ให้พรนี้กับเจ้าเพื่อใคร"

"......."เซียนป่าท้อปิดปากเงียบ

"รู้หรือไม่ ข้าพยายามอย่างหนักที่จะข่มใจตัวเองไม่ให้ขืนใจเจ้า ข้าชอบเจ้ามากเกินไปจนแม้แต่ตัวเองก็แปลกใจเช่นกัน"

เซียวจ้านเม้มปากแน่น หากราชามารพูดถึงขนาดนี้แล้วคงตั้งใจไม่ยอมให้เขาหนีไปไหนเป็นแน่
"ข้าสามารถใช้กำลังบังคับให้เจ้าเป็นของข้า ตั้งครรภ์มารตัวน้อยๆให้ข้าได้แต่รู้ไว้เถิดว่าข้าไม่อยากทำเช่นนั้น ข้าชอบเจ้า ไม่ได้อยากได้แค่เพียงร่างกายแต่ต้องการหัวใจเจ้าด้วย ข้ายอมให้เจ้าทุกอย่างแต่ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้ากลับไป"

แววตาร้อนแรงคู่นั้นทำให้เซียนป่าท้อเผลอตัวสั่นสะท้าน
เส้นผมอ่อนนุ่มถูกลูบเล่นช้าๆราวกับหยอกเย้า

"ข้าเป็นมารชั่วในสายตาทุกคนแต่ข้าอยากเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีให้ลูกของเรา"

"..ท่านคาดหวังมากเกินไปแล้ว"

มารหนุ่มคลี่ยิ้มจนตาปิด
"ข้าหวังว่าเจ้าจะดีใจเพราะข้าคิดเช่นนี้กับเจ้าคนเดียว"

ริมฝีปากประทับจูบลงบนปอยผมหอมกลิ่นดอกท้อในมือ
"ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะเชื่อใจ ข้าอาจคิดไปเองแต่ข้ารู้สึกว่าเราเคยเจอกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน"

เซียวจ้านไม่รู้จะยิ้มดีหรือไม่กับถ้อยคำเกี้ยวพาชวนหัวเช่นนี้

"มารเช่นท่านอายุยืน คงเจอคนมามากที่เหมือนกับข้า"

"ทั้งชีวิตข้าไม่เคยมีใครเหมือนเจ้า"
สมเป็นมารล่อลวงคนเมื่อครู่เขาเองก็เผลอหน้าร้อนไปด้วยเช่นกัน

เซียวจ้านก้มหน้าลง ไม่อยากจะสบตาอีกฝ่ายให้เกิดความหวั่นไหว

เขาเป็นเซียน..ไหนเลยจะครองคู่กับมารได้และยิ่งเป็นมารที่สวรรค์เกลียดชังเช่นนี้อีก

"ใครจะชิงชังข้า ข้าไม่สนแต่เจ้าอย่าเกลียดข้าเลยนะ"

มารอ่านใจได้หรืออย่างไร..
"ข้า.."
เซียนป่าท้อกลืนก้อนขมบางอย่างลงในลำคอ
"ข้าอยากนอนพัก"

หากพูดคุยต่อไม่แน่เขาอาจใจอ่อนขึ้นมาจริงๆ

ยามนี้เซียวจ้านรู้แล้วว่าด้ายแดงของตนผูกกับผู้ใด หากมิใช่คนผู้นี้เขาก็ไม่อาจคิดเป็นใครอื่นได้
"หากเจ้านอนห้องข้าแล้วจะให้ข้านอนที่ใด"ราชาภพมารยิ้มถาม

"เช่นนั้นข้าจะไปนอนด้านนอกเอง"
ยังไม่ทันลุกขึ้นไหล่ผอมบางก็ถูกจับกดไม่ให้ขยับ

"ไม่ต้อง เจ้านอนนี่เถอะ ห้องของสามีก็เหมือนห้องภรรยา ข้าจะนอนด้านนอกเอง"

มารหนุ่มไม่ปล่อยให้แก้ต่าง เขาลูบผมนิ่มลื่นทิ้งท้ายก่อนจากไป
เซียวจ้านล้มตัวลงนอนพลางครุ่นคิดอย่างหนักว่าควรจะทำอย่างไรต่อดีกับราชาภพมารที่เป็นคู่ผูกด้ายวาสนาของตน

แม้อีกฝ่ายจะอ่อนโยนกับตนแต่ก็มีด้านที่โหดร้ายเย็นชากับผู้อื่น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นตัวเขาจะสามารถคุมคนผู้นั้นได้หรือ

"หงิง.."
สุนัขสีดำค่อยๆปีนขึ้นมาบนเตียงอย่างน่าสงสาร
"เสี่ยวเฮย?"

เซียวจ้านรีบอุ้มมันขึ้นมา ถึงใจหนึ่งจะไม่พอใจที่เสี่ยวเฮยเอาความลับของเขาไปแพร่งพราย อีกใจก็รู้ดีว่าเพราะเป็นสัตว์เลี้ยงของราชามารจึงขัดคำสั่งไม่ได้

"ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก"
เซียนป่าท้อลูบหัวเจ้าตัวน้อยที่มีม่านน้ำใสคลอดวงตาเพื่อปลอบโยน
เสี่ยวเฮยซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนครางหงิงๆราวกับจะขอโทษ

"เสี่ยวเฮย..เจ้านายของเจ้าเป็นคนอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงต้องการให้ข้าอยู่เคียงคู่ขนาดนี้ทั้งที่ตัวเองก็มีคนอื่นอยู่อีกมาก"

"งี๊ดดดด"

"เขาบอกว่ามีใจให้ข้าแต่ก็มีใจให้ผู้อื่น ข้า..ไม่เข้าใจเขาเลย"
เซียวจ้านไม่เคยมีความรัก แต่ตนก็รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอันใดหากชายผู้หนึ่งจะมีเมียเอก อนุหรือนางบำเรอ

การรักเดียวใจเดียวนั้นหายากยิ่ง แต่สำหรับเขาหากจะตกลงปลงใจกับใครก็อยากขอเป็นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

เซียนป่าท้อหน้าร้อนวูบ
"ขะ ข้าไม่ได้หึงหวงหรือไม่พอใจอะไรหรอก ข้าเพียงคิดว่าหากจะตกลงปลงใจกันจริงข้าก็อยากเป็นที่หนึ่งในใจผู้เดียว"

ไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้ตัวกับสุนัขไปเพื่ออะไร

เสี่ยวเฮยกะพริบตาปริบ

"แต่เรื่องนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก.."
ถึงแม้ด้ายแดงจะผูกโยงกันแต่เขาเป็นเซียนและอีกฝ่ายเป็นมาร ยิ่งกว่านั้นการที่เขาได้รับพรวิเศษสามารถตั้งครรภ์ได้เช่นนี้ยิ่งไม่ควรมีครรภ์ให้มารที่เป็นศัตรูของสวรรค์เพราะแต่เดิมพรนี้ก็ไม่ได้มีเพื่อราชาภพมารตั้งแต่แรก

เซียนป่าท้อถอนหายใจ

"เสี่ยวเฮย รอข้าแข็งแรงดีเราหนีไปด้วยกันเถอะ"
เขาไม่อยากอยู่ต่อให้เกิดความหวั่นไหว ไม่อยากเกิดความรู้สึกวาบหวามกับผู้ใดทั้งที่ตัวเองสาบานตนครองพรหมจรรย์เพื่อเก็บรักษาพรนี้ไม่ให้ใช่กับใคร

รอเฒ่าจันทราตัดด้ายแดงได้ทุกอย่างก็จะจบลง

ถึงตอนนั้นราชาภพมารก็อาจหลงลืมความรู้สึกรักใคร่ไปบ้างแล้ว
เซียนป่าท้อโอบกอดลูกสุนัขไว้แล้วหลับตาลง

สุนัขสีดำเพียงแค่นอนลืมตาในความมืด ภายในใจรู้สึกขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายยังคิดหนี..
.
.

'ท่านแม่ อุ้มๆ'
เด็กน้อยในฝันยิ้มแย้มพลางกางแขนให้โอบอุ้ม

เซียวจ้านอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาด้วยความเคยชินให้เด็กน้อยบอกทางเดินไป

'ทางนั้นมีคนรออยู่'
เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยอย่างร่าเริง พลางชี้มือให้เซียนชุดขาวเดินไปแต่เซียวจ้านกลับหยุดเดินเพราะบางอย่างในใจชี้ชัดว่าไม่ควรไปต่อ

'..อย่าไปทางนั้นเลย'เซียวจ้านส่ายหน้า

'เหตุใดท่านแม่ถึงไม่ไป'เด็กน้อยสะอื้น

'ข้า..ไปทางนั้นไม่ได้'

ไม่รู้ว่าทำไมแต่เขาไม่ควรเดินต่อ
'แต่ทางนั้นมีคนรออยู่'
เด็กน้อยในอ้อมแขนเริ่มร้องไห้

'เราไปทางอื่นกันเถอะ ทางนั้น..ไม่ดีหรอก'

เซียวจ้านไปทางนั้นไม่ได้ เขาพยายามปลอบเด็กน้อยแต่อีกฝ่ายยิ่งหลั่งน้ำตา

'ถ้าไปทางอื่นข้าจะไม่เจอท่านแม่อีก'สองมือเล็กๆขยี้ตาจนแดงก่ำพร้อมเอ่ยเสียงสะอื้น'ท่านพ่อรอพวกเราอยู่'
เฮือก!

เซียนป่าท้อสะดุ้งตื่นสุดตัว ร่างกายของตนยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนเพิ่งอุ้มเด็กน้อยไว้เมื่อครู่

ยามนี้แสงแดดเริ่มลอดผ่านเข้ามาภายในห้องบ่งบอกถึงเวลากลางวัน เขาเลิกม่านโปร่งที่คลุมเตียงออกก่อนจะหยุดชะงักไป

หนึ่งหญิงหนึ่งชายหน้าตาชวนมองย่อกายคำนับ
"ท่านเซียนตื่นแล้ว ให้พวกเราช่วยปรนนิบัติเถิด"

เซียวจ้านไม่ได้กลิ่นไอมารจากตัวคนทั้งสองจึงเข้าใจว่าเป็นมนุษย์ธรรมดา

"ฝ่าบาทรับสั่งให้ดูแลท่านเซียนเป็นอย่างดี ผู้น้อยขออนุญาตเจ้าค่ะ"หญิงสาวร่างผอมบางเอ่ย

"พวกเจ้า..เป็นสนม?"

คนทั้งสองหันหน้ามาหัวเราะใส่กันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
"ท่านเซียนอย่าได้คิดเช่นนั้น พวกเราเป็นเพียงนายและนางบำเรอให้ฝ่าบาท จะนับเป็นข้ารับใช้คนหนึ่งก็ย่อมได้"ฝ่ายชายยิ้มตอบ

"......."

ฝ่ายหญิงเอ่ยต่อ"ผู้น้อยเสี่ยวหนิงส่วนพี่ชายนามเสี่ยวชิง นับจากนี้เป็นผู้ดูแลท่านเซียน"

"ข้าดูแลตัวเองได้"
เซียนป่าท้อก้าวลงจากเตียงกวาดตามองหาสุนัขเป็นสิ่งแรก

เสี่ยวเฮยคงออกไปเล่นซนที่ไหนแล้ว

เสี่ยวชิงเข้าใจว่าอีกฝ่ายมองหาราชาของตนก็ปิดปากแอบนิ้มอยู่หลังแขนเสื้อ
"ฝ่าบาทไปทำธุระด้านนอก ท่านเซียนอาบน้ำชำระกายเสร็จแล้วพวกผู้น้อยจะพาไปเจอ"
"ข้ามองหาสุนัข มิได้มองหาเขา"

เสี่ยวหนิงหันไปยิ้มขบขันกับพี่ชายด้วยนึกว่าอีกฝ่ายเง้างอนที่ตื่นมาไม่เจอฝ่าบาทของตนจึงเปรียบเทียบกับสุนัข

"ท่านเซียนอย่าได้กังวลไป สายมากแล้ว รีบอาบน้ำเถิด"

คนทั้งสองผ่ายมือเชิญไปด้านหนึ่งที่มีบ่อน้ำกว้างใหญ่หรูหราสมฐานะราชาภพมาร
เซียนป่าท้อสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสี่ยวชิงเข้ามาปลดผ้าคาดเอว

"ท่านเซียนอย่าถือสา พวกเรามาจากหอคณิการู้วิธีอาบน้ำสร้างกลิ่นหอมติดผิวกาย ฝ่าบาทจะได้พึงพอใจยามโอบกอดท่านเซียน"

"ข้าอาบเองได้"สีหน้าของเซียนป่าท้อยิ่งมืดทะมึน
"เช่นนั้นผู้น้อยจะรอด้านนอก ท่านเซียนอาบน้ำเสร็จเมื่อใดผู้น้อยจะเข้ามาช่วยแต่งตัว"

ยังดีที่คนทั้งสองมิได้ช่างรบเร้าเช่นหรงเฉียน ยังนับว่าพอพูดคุยเข้าใจอยู่บ้าง

เซียวจ้านถอนหายใจก่อนจะปลดผ้าคาดเอวของตนออกช้าๆ เสื้อคลุมชั้นนอกและชั้นในร่วงหล่นอวดผิดขาวหมดจด
เสี่ยวหนิงและเสี่ยวชิงแทบหันหลังออกมาไม่ทัน คนทั้งสองหน้าแดงก่ำ
แม้เสี่ยวชิงจะชมชอบบุรุษและเป็นฝ่ายอยู่ด้านล่างก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าเซียนผู้นี้รูปโฉมงดงามนัก มิน่าเล่าฝ่าบาทจึงได้ลงโทษหรงเฉียนที่โปรดปรานที่สุดรุนแรงถึงเพียงนั้นเพียงเพื่อจะเอาใจอีกฝ่าย
งามเช่นนี้ต่อให้ต้องล่มสวรรค์เพื่อชิงตัวพวกเขาก็เชื่อว่าฝ่าบาทจะยอมทำ

จ๋อม..

เสี่ยวชิงแสร้งกระแอมเมื่อได้ยินเสียงน้ำจากด้านหลัง กระทั่งเสี่ยวหนิงที่เห็นรูปร่างอีกฝ่ายครู่เดียวยังอดคิดสัปดนไม่ได้

"ท่านพี่ว่า..เราจะได้มีโอกาสอุ่นเตียงให้ฝ่าบาทพร้อมท่านเซียนหรือไม่"
เสี่ยวชิงส่ายหน้า
"ฝ่าบาทโปรดปราณท่านเซียนยิ่งนัก พวกเราได้รับเลือกมารับใช้ก็ดีเพียงใดแล้ว อย่าหวังจะได้ร่วมเตียงกับท่านเซียนเลย"

เสี่ยวหนิงบิดตัวอย่างเขินอาย
"หนิงหนิงเข้าใจแล้ว ดอกไม้งามคู่ควรกับแจกันทองคำ ไหนเลยจะคู่ควรกับกระถางดินเช่นพวกเรา"
"กระถางดินอะไร?"เสียงทุ้มห้วนดังเข้ามาในโสตประสาท สองพี่น้องก้มหน้าค้อมตัวให้ผู้มาเยือน

"ฝ่าบาท ท่านเซียนอาบน้ำอยู่ด้านในห้ามพวกเราเข้าไปจึงรออยู่ที่นี่"เสี่ยวชิงตอบ

"ฝ่าบาทจะเข้าไปอาบด้วยหรือไม่"เสี่ยงหนิงถาม

นั่นเป็นความคิดที่ดี..
"ก็ดี ข้าเพิ่งออกเหงื่อมา อาบน้ำสักหน่อยคงสดชื่นขึ้น"
สองพี่น้องเข้ามาถอดเสื้อผ้าให้อย่างรู้งาน
.
.

เซียวจ้านที่กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจหันขวับไปมองด้านหลังเมื่อรู้สึกถึงใครคนหนึ่งเดินเข้ามาทั้งร่างเปลือยเปล่า

"ที่กว้างขวางคงพอให้ข้าอาบด้วยกระมัง"
"ข้าจะขึ้น--"เซียนป่าท้อหน้าเสียเมื่อหันมองรอบกายแล้วไม่มีผ้าคลุมตัว จากจุดนี้เขาอยู่ห่างทางเข้ามาก จะว่ายกลับก็เกรงจะเข้าใกล้อีกฝ่ายเกินไป

ราชาภพมารหวังอี้ป๋อก้าวเท้าลงน้ำพลางยิ้มระรื่น

"เสี่ยวชิง เสี่ยวหนิงออกไปเตรียมเสื้อผ้า หากเจ้าไม่รีบก็ถูหลังให้ข้าหน่อยได้หรือไม่"
"ข้า--"

"เฮ้อ ข้าลืมไปว่าเจ้ารังเกียจข้า วันนี้ข้าออกไปทำธุระตั้งแต่เช้า เหนื่อยแสนเหนื่อย อยากให้คนถูหลังให้สักนิดก็คงไม่ได้งั้นสินะ"ราชามารถอนหายใจตัดพ้อก่อนจะคว้าผ้ามาถูหลังตนท่าทางเก้ๆกังๆไปหมด

"โอ๊ะ แขนข้า เหตุใดจึงถูจุดนั้นไม่ถึงกันนะ แย่จริงเชียว"
เซียวจ้านจะทำเป็นไม่สนใจก็มิได้เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ร้องโอดครวญไม่หยุด

"ข้าทำงานหนักทุกวัน ไหนเลยจะมีคนเข้าใจถึงความยากลำบาก"

"......."

เซียนป่าท้อเม้มปากแน่น

"หากมีคนมานวดทุบหลังให้สักนิดก็คงดี"

พอกันที!

"ท่านพอได้แล้ว ข้าทำให้ก็ได้ ส่งมาผ้าแล้วห้ามหันมาเด็ดขาด"
ราชามารยิ้มกริ่มส่งผ้าให้อย่างยินดี ถึงแม้เซียนน้อยของตนจะพยายามหลบซ่อนร่างกายใต้ผิวน้ำแต่เพราะน้ำใสมากก็เลยเห็นหมดแล้ว..

"ท่านหันไป"

หวังอี้ป๋อหันตามสั่ง เรารู้สึกถึงฝ่ามืออันอ่อนนุ่มที่แตะต้องแผ่นหลังของตนอย่างเก้ๆกังๆพลางออกแรงขัดถูอย่างเบามือ
แผ่นหลังกว้างมีรอยแผลประดับอยู่ประปราย สำหรับมารเช่นหวังอี้ป๋อบาดแผลคงเหมือนตราเกียรติยศ

้ขณะที่ผู้หนึ่งกำลังถูหลังให้อย่างตั้งใจเพื่อให้เสร็จไปเสียที อีกผู้หนึ่งก็แอบกำมือได้น้ำเพราะรู้สึกร้อนผ่าวที่ท่อนล่างเมื่อถูกมือนุ่มๆสัมผัสกาย
เซียนป่าท้อคนงามน่ารักน่าใคร่เกินไป บางคราราชาภพมารก็แอบคิดว่าตัวเองอาจจะโดนวางยาก็เป็นได้แต่หากโดนวางยาจริง เซียวจ้านจะวางยาเขาแล้วทำทีเป็นรังเกียจเพื่ออะไร

หรือว่านี่จะเป็นแผนปล่อยเพื่อจับ

ต้องใช่แน่ๆ แสร้งทำให้เขาสนใจแล้วก็ทำทีเป็นไม่ชอบเพื่อให้เขาสนใจมากขึ้นกว่าเก่า
ราชาภพมารเกร็งข้อมือเมื่อแอ่งสันหลังถูกแตะต้องอย่างแผ่วเบา ดูไม่ตั้งใจแต่ก็ยั่วเย้ามากเช่นกัน

เซียนน้อยร้ายกาจยิ่งนัก แสร้งแตะเหมือนไม่แตะเช่นนี้ราวกับจะทดสอบความอดทนกัน แผนปล่อยเพื่อจับนี้ได้ผลอย่างยิ่ง ตอนนี้เขาเกิดความกำหนัดเสียแล้ว
"เสร็จแล้ว ท่านลุก--"

ยังเอ่ยไม่ทันจบเจ้าของแผ่นหลังกว้างก็หันกลับมาจนเซียนป่าท้อเอามือบังช่วงอกของตัวเองไว้ไม่ทัน

"หันมาทำไม?!"

"เจ้าเอามือบังก็ไม่ช่วยอะไรหรอก น้ำใสถึงเพียงนี้"

คนงามหน้าแดงรีบถอยออกห่างทว่ากลับถูกรั้งเอวเข้าหาตัว

"ท่าน!!"
เซียวจ้านหน้าร้อนวูบทั้งยังสับสนเมื่อบางอย่างใต้น้ำดุนดันที่ต้นขาของตน

"จุ๊ๆ คนงามอย่าดิ้นไป แผนนี้ของเจ้าได้ผลยิ่งนัก เจ้าดูสิว่าลูกชายน้อยๆของข้าตื่นเต้นเพียงไหน"

ลามก สัปดนเป็นที่สุด!

"ปล่อย ข้าจะขึ้นจากน้ำแล้ว"เซียนป่าท้อพยายามผลักร่างสูงใหญ่ออกแต่ก็ถูกรวบข้อมือไว้
"มองตาข้า"

ราชามารปล่อยมือจากข้อมือที่พยายามผลักไสเพื่อจับคางของอีกฝ่ายให้สบตา เขาไม่อยากใช้วิธีนี้เลยแต่ก็อยากรู้ว่าใจจริงของเซียนป่าท้อคิดอย่างไรกับตน

เซียวจ้านสบตากับดวงตาล้ำลึกคู่นั้นก่อนจะทันรู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว

วิชาสะกดใจ!

"อยะ--"
ก้อนคำพูดนั้นถูกกลืนกลับไป ร่างกายของเซียนป่าท้อไร้เรี่ยวแรงจนซบศีรษะลงบนแผ่นอกกว้าง ภายในหัวขาวโพลนไม่สามารถคิดอะไรได้อีก

"เซียนน้อยของข้า"
ราชาภพมารหวังอี้ป๋อลูบมือไปตามเส้นผมอ่อนนุ่มจรดแผ่นหลังเรียบเนียน
วิชาสะกดใจถือเป็นวิชาต้องห้าม ผลของมันคือทำให้ผู้ตกอยู่ในมนต์สะกดไม่อาจโกหกหรือปฏิเสธความต้องการของตนได้เลยแม้แต่น้อย

เซียนป่าท้อยามนี้ร่างกายอ่อนเปลี้ยไม่อาจทรงตัวได้จึงถูกประคองไว้ในอ้อมแขนกว้างอย่างทะนุถนอม

หวังอี้ป๋อขยับร่างกายเอนตัวลงนั่งด้านหนึ่งแล้วจับร่างนุ่มมานั่งบนตัก
ปลายนิ้วเชยคางมนสบตาไร้ประกายของเซียนหนุ่มพร้อมเอ่ยปากถาม

"เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับข้า เซียวจ้าน"

"ท่านรูปโฉมงดงาม.."

นั่นอย่างไรเล่า

ราชามารยิ้มมุมปากก่อนจะอีกฝ่ายจะเอ่ยต่อ

"แต่เป็นคนที่น่ารังเกียจนัก"

หวังอี้ป๋อขมวดคิ้ว
"ในสายตาเจ้าข้าน่ารังเกียจอย่างไร"
"ท่านคิดแต่เรื่องอกุศล ลักพาคนและทำร้ายผู้อื่นไปทั่ว กระทั่งเสี่ยวเฮยท่านยังดูแลไม่ดี ทิ้งขว้างจนสุนัขบาดเจ็บ"

เซียนป่าท้อตอบเสียงราบเรียบ

..ที่แท้ในสายตาคนงามเขาเป็นคนเช่นนี้

"มีอะไรอีก เจ้าพูดมาให้หมด"

"ท่านมักมากในกาม แม้จะบอกว่าชอบพอข้าแต่ก็ชอบพอคนอื่นด้วย ข้า.."
หวังอี้ป๋อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในมนต์สะกดจึงได้แต่ลูบผมให้พูดต่อ

"พูดเถอะ"

"..ข้าไม่ชอบคนเช่นนี้"

"........"

"แม้ข้าจะครองพรหมจรรย์แต่หากข้าคิดอยากมีคู่ข้าก็ไม่อยากใช้สามีหรือภรรยาร่วมกับใคร"

ลำคอของเซียนป่าท้อร้อนผ่าวด้วยเพราะพยายามฝืนตนไม่ให้พูดความจริง
ราชาภพมารซบหน้าลงบนลาดไหล่ผอมบาง ประทับจูบแผ่วเบาลงบนผิวกายขาวนวล
"ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าการจะละทิ้งพวกนางทั้งหมดคงต้องใช้เวลาสักพัก ข้าเองก็ยังมีเมตตาพอจะเลี้ยงดูพวกเขาให้สุขสบายแม้จะไม่ได้อยู่ในวัง ระหว่างนี้คงต้องหาที่ทางให้พวกเขาอยู่"

กลิ่นกายดอกท้อหอมกรุ่นจากร่างนุ่มในอ้อมแขน
มารหนุ่มดีดนิ้วคลายมนต์สะกดจนร่างในอ้อมแขนรีบดิ้นหนีแต่กลับถูกโอบกอดจนขยับไม่ได้

"ท่าน--สารเลวนัก!"

ราชาภพมารทำหูทวนลม
"หากข้าทำตามที่เจ้าต้องการ เจ้าสัญญาหรือไม่ว่าจะเปิดใจให้ข้าดูแลเจ้า ดูแลลูกของเราในอนาคต"

เขาอยากได้ยินมันจากเซียวจ้านที่มีความรู้สึกมากกว่า
ท่าทางนี้แสนน่าอับอายจนเซียนหนุ่มหน้าแดงก่ำพยายามผลักไสทว่ากลับไร้ผล

"ปล่อย ปล่อยข้า"

สิ่งนั้นทิ่มตำต้นขาด้านในเขาจนเจ็บหมดแล้ว!

"เจ้าตอบข้าก่อน หากข้าละทิ้งพวกนางน้อยๆไปหมดเจ้าจะยอมเปิดใจให้ข้า เป็นมารดาของภพมารให้ข้าได้หรือไม่"
"ข้าไม่สัญญาอะไรทั้งนั้นหากข้ายังไม่เห็นกับตาว่าท่านทำได้จริง มารเช่นท่านชอบล่อลวงโกหกเป็นที่สุด ท่านใช้วิชาสะกดใจกับข้าเมื่อครู่จะให้ข้าเชื่อใจอะไรได้อีก!"

เพียงเท่านี้ยังหยามเกียรติกันไม่พอหรือ!

ราชาภพมารกำมือแน่นก่อนรั้งเอวอีกฝ่ายเข้ามาชิดจนน้ำในบ่อกระฉอกเสียงดัง
"หรือเจ้ามีคนในใจแล้ว ใช่คู่วาสนาผูกด้ายแดงอะไรนั่นหรือไม่ ได้ยินว่าเจ้าอยากตัดด้ายแดงเส้นนั้นให้ขาด ข้าช่วยเจ้าตัดได้ รวมถึงช่วยตัดด้ายชีวิตของคู่วาสนาเจ้าด้วย เพียงเท่านี้เจ้าก็ไม่สามารถครองคู่ใครอื่นได้อีกแล้ว!"

เซียวจ้านไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงโมโหเช่นนี้
"ข้าพยายามอ่อนโยนกับเจ้า ใจดีกับเจ้า ยอมเจ้าทุกอย่างเพราะหลงรักเจ้าจากใจจริงแต่เจ้ากลับไม่มีแม้แต่ความเมตตาสักเสี้ยวหนึ่งให้ข้า ไม่มีแม้โอกาสให้ข้าได้ทำอะไรเพื่อเจ้า เซียนป่าท้อ เจ้าใจร้ายกับใจข้าเหลือเกินรู้หรือไม่"

เซียนหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวในดวงตา
"อย่าบังคับให้ข้าต้องเป็นมารสารเลวในสายตาเจ้าไปมากกว่านี้ หากเจ้าไม่อยากให้ข้ามีนางเล็กนางน้อยข้าก็จะไม่มี พอใจแล้วหรือไม่"

เซียวจ้านถูกปล่อยตัวลงจากตัก ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากน้ำเดินจากไปเพราะความหงุดหงิด
น้ำใสๆร่วงหล่นจากร่องแก้มตกกระทบผืนน้ำ เซียนป่าท้อไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงร้องไห้ รู้เพียงหัวใจมันเจ็บปวดและเกลียดเหลือเกินที่ต้องทะเลาะกับคนผู้นี้

ราวกับว่าเคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน..

เซียวจ้านส่ายหน้า

"ข้าคงโดนไอมารมากเกินไปจนเลอะเลือนแล้วแน่ๆ"
ด้านราชาภพมารได้แต่สวมเสื้อนอกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้อารมณ์เสียเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ชอบที่โดนผลักไสเหมือนกับ--

มารหนุ่มสูดลมหายใจยกมือขึ้นนวดขมับเมื่ออาการปวดหัวที่เคยหายไปเมื่อนานมาแล้วกลับมาอีกครั้ง

"บัดซบ"
.
.
เฒ่าจันทราเหลือบมองด้ายแดงที่ขมวดกันยุ่งเหยิงยากที่จะแกะออกก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

เขาละความพยายามจะตัดตั้งแต่ที่รู้แล้วว่าสิ่งใดเป็นสิ่งใด

จะบอกว่าสวรรค์ลิขิตหรืออเวจีบันดาลดีเล่าคนทั้งสองจึงหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งในภพที่แตกต่าง
เรื่องนี้คงต้องรายงานองค์จักรพรรดิ เพียงแค่เซียนป่าท้อผู้เป็นอดีตคู่สมรสของรัชทายาทสวรรค์หายตัวไปยังวุ่นวายเช่นนี้ หากรู้ว่าแท้จริงยามนี้เซียนป่าท้อไปอยู่กับผู้ใดจะไม่วุ่นวายยิ่งกว่าเก่าหรือ

"ข้าจะอวยพรหรือเวทนาพวกเจ้าก่อนดีเล่า.."
.
.
เสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงเข้ามาช่วยแต่งตัวหลังเซียนป่าท้ออาบน้ำเสร็จ ทั้งสองนึกสงสัยเพราะเซียนคนงามขอบตาแดงเรื่อเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้

หรือฝ่าบาทกระทำรุนแรงระหว่างอาบน้ำไปแล้ว
"ทะ ท่านเซียน ผ้าชุดนี้สวมใส่สบายดีหรือไม่"เสี่ยวหนิงเอ่ยถาม

"อือ.."
ปกติตนใส่แต่สีขาว ยามนี้สวมใส่อาภรณ์สีดำจึงดูประหลาดตาอยู่บ้าง
อาภรณ์สีดำปักเลื่อมลายสีเงินช่วงดูเขาชุดกับราชาภพมารไม่มีผิด

เซียวจ้านหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น

"เขาล่ะ.."

คนทั้งสองเข้าใจได้ทันทีว่าถามถึงใคร
"ฝ่าบาทออกไปประทับด้านนอก คงจะกลับมาค่ำๆเจ้าค่ะ"
"ท่านเซียนไปเดินเล่นด้านนอกดีหรือไม่ ฝ่าบาทกล่าวว่าหากท่านเซียนอาบน้ำเสร็จแล้วให้พาไปที่หนึ่ง"เสี่ยวชิงเอ่ย

"อือ.."จะอย่างไรก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อุดอู้ในห้องไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ออกไปหาทางหนีทีไล่กลับสวรรค์ไม่ดีกว่าหรือ

สองพี่น้องพาเดินออกไปที่หนึ่งที่กลิ่นดอกท้อพัดโชยมาตามลม
วังมารบรรยากาศมืดทะมึนหากแต่กลับมีสวนท้อแอบซ่อนอยู่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน

"เมื่อเช้าฝ่าบาทให้คนย้ายต้นท้อเข้ามา ทั้งยังใช้พลังปรับให้อากาศที่นี้อุ่นขึ้น ท่านเซียนเข้าไปเดินเล่นให้สบายใจเถิด พวกผู้น้อยจะรออยู่ที่นี่เอง"เสี่ยวชิงว่าพร้อมรอยยิ้ม
เซียวจ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปด้านใน แม้จะไม่กว้างใหญ่เท่าป่าท้อที่ตนอยู่แต่ก็พอทำให้หายคิดถึงที่อยู่เดิมได้บ้าง

นิ้วเรียวยาวสัมผัสกิ่งท้อที่ออกดอกบานสะพรั่งด้วยพลังทิพย์ของราชามาร

"หงิง"
เสียงร้องที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างขา สุนัขสีดำคาบกิ่งท้อกิ่งหนึ่งเข้ามาให้พร้อมดวงตาใสแจ๋ว

"เสี่ยวเฮย?!"เซียนป่าท้อย่อตัวลงให้เสมอกับมัน

เสี่ยวเฮยยื่นหน้าเข้ามาเหมือนจะให้รับกิ่งท้อไว้

"ให้ข้า?"

มันพยักหน้า

เซียวจ้านยิ้มออกมาทันที"ขอบใจนะ"
มือเรียวบางรับท้อกิ่งนั้นมาก่อนจะเดินออกไปโดยมีเสี่ยวเฮยเดินตามข้างๆไม่ห่าง คงเพราะอยู่ภพมารบ้านเกิดพลังมารจึงทำให้เสี่ยวเฮยตัวใหญ่ขึ้นมาก จากลูกสุนัขตัวน้อยก็กลายเป็นลูกสุนัขตัวใหญ่สูงถึงหน้าขาเขาแล้ว

"เจ้าตัวใหญ่ ข้าอุ้มไปไหนมาไหนไม่ได้แล้วหรอกนะ"

เซียนหนุ่มนั่งลงใต้ต้นท้อ
"งี๊ดดดด"เสี่ยวเฮยน้ำตาคลอหน่วยก่อนจะสะบัดศีรษะกลายเป็นลูกสุนัขตัวน้อยเช่นเก่า

"เสี่ยวเฮย?!"เซียวป่าท้อกลั้นหัวเราะไม่ไหวจึงได้เผลอหัวเราะออหมาด้วยความเอ็นดูแล้วอุ้มเสี่ยวเฮยมานอนบนตัก

"ร่างไหนเป็นร่างจริงของเจ้ากันแน่"เซียวจ้านบีบหูนุ่มนิ่มของมันอย่างเบามือ
ลูกสุนัขดูเคลิบเคลิ้มขดตัวเป็นก้อนขนนอนซบบนตัก

"เหตุใดถึงช่างอ้อนนัก วันนี้เจ้าหายไปเล่นซนรู้หรือไม่ว่าเจ้านายของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกแย่แค่ไหน

เสี่ยวเฮยหูผึ่ง

"ไม่รู้เพราะเหตุใดตอนที่ทะเลาะกันข้าถึงปวดใจยิ่งนัก.."เจ็บในอกราวกับหัวใจจะแยกเป็นเสี่ยงๆ
ดวงตาใสแจ๋วของลูกสุนัขเงยขึ้นมอง

"เสี่ยวเฮย..เจ้าเชื่อเรื่องวาสนาหรือไม่"น่าเสียดายที่ตนไม่รู้ภาษาสุนัขเช่นหวังอี้ป๋อจึงพูดคุยกับเสี่ยวเฮยไม่ได้

เสี่ยวเฮยเลียนิ้วมือขาวผ่องไปทีหนึ่ง

"เจ้าว่าข้ากับเขามีวาสนา--"เซียวจ้านรีบส่ายหน้า

เขาไม่ควรคิดเช่นนี้เลย
"เสี่ยวเฮย เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าอย่าเพิ่งไปไหนเลย อยู่กับเจ้าแล้วสบายใจยิ่งนัก"เซียนป่าท้อโอบลูกสุนัขไว้แล้วหลับตาลง

"ข้าอยากพักเสียหน่อย.."

เสี่ยวเฮยครางหงิง อยู่เฝ้ากระทั่งอีกฝ่ายหลับไป
.
.
อ้อมกอดอบอุ่นภายใต้ร่มเงาของต้นไม้แสนสบายจนไม่อย่างตื่น คนที่เพิ่งตื่นขยับตัวอย่างเกียจคร้านซุกเข้าหาอ้อมอกสามี

"เจ้าเพิ่งหลับไป นอนต่ออีกหน่อยเถอะ"
เสียงทุ้มนุ่มนวลกระซิบข้างใบหูพลางจูบขมับร่างนุ่มในอ้อมแขน

ร่างผอมบางกอดเอวสามีพร้อมเอ่ยเสียงออดอ้อน
"ท่านพี่เมื่อยหรือไม่"
"เมื่อยอะไร เจ้าตัวเบาเช่นนี้ เพลียหรือ เจ็บป่วยตรงไหนสามีจะพาเจ้าไปหาหมอ"

เขาส่ายหน้าซุกเข้าหาอ้อมแขนท่าทางเกียจคร้านยิ่งนัก
"แค่เพลียเล็กน้อย ท่านพี่อย่าได้กังวล"

ผู้เป็นสามีลูบผมภรรยา"เช่นนั้นก็นอนต่อ ตรงนี้สบายใช่หรือไม่ เจ้าหลับเถอะ เดี๋ยวข้าจะอุ้มเจ้ากลับบ้านเอง"
"ลำบากท่านพี่แล้ว.."แม้จะเอ่ยว่าลำบากแต่ก็หลับตาลงให้สามีคอยลูบหลังกล่อมนอน ระยะนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดร่างกายจึงอ่อนเพลียแต่กลับไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อยราวกับกำลังมีข่าวดี

"..ท่านพี่ ข้ารักท่านนะ"

สามีหัวเราะในลำคอแล้วจูบประทับที่แก้ม

"ข้าก็รักเจ้า"
อึก!

เซียนป่าท้อสะดุ้งตื่นเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก

ฝัน..
เหตุใดระยะนี้จึงได้ฝันเลอะเลือนบ่อยนัก

"เจ้าฝันร้ายหรือ? เพิ่งนอนหลับเหตุใดถึงสะดุ้งตื่นแล้ว"เสียงทุ้มนุ่มนวลคล้ายในความฝันที่เอ่ยกระซิบข้างหูทำให้เซียนหนุ่มตัวสั่นสะท้าน

เขากำลังนอนพิงอกราชาภพมารอยู่!
"ท่าน..ปล่อย เสี่ยวเฮยไปไหน"

"อย่าเพิ่งลุก เสี่ยวเฮยออกไปวิ่งซนแล้ว เจ้าป่วยหรือเหตุใดตัวเย็นเช่นนี้"หวังอี้ป๋อขมวดคิ้วรั้งตัวอีกฝ่ายไม่ปล่อย

"ภพมารของท่านอากาศหนาวเย็น แม้ในนี้จะอบอุ่นแต่ลมหนาวคงยังลอดผ่านมาได้"หากเสี่ยวเฮยอยู่คงซุกขนนุ่มๆนั่นไปแล้ว

"มานี่"
ราชาภพมารไม่ฟังอีกฝ่ายขานรับ เขาดึงแขนเซียนป่าท้อเข้ามาโอบกอดก่อนจะตวัดผ้าคลุมชั้นนอกของตนห่มร่างอีกฝ่าย

"ท่าน!?"

"ตัวเจ้าเย็นถึงเพียงนี้อยู่นิ่งๆให้ร่างกายอบอุ่นเถอะ"

หวังอี้ป๋อเอนหลังพิงต้นไม้ มองกลีบดอกท้อที่ร่วงโรยตามลม
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะทำอะไรตน เซียวจ้านจึงนอนนิ่งๆให้ร่างกายได้คลายความหนาว

"เจ้าฝันร้าย? ฝันเห็นอะไร"ราชาภพมารเอ่ยปากชวนคุย

"แค่ฝันเลอะเลือน คงเพราะร่างกายยังไม่ชินกับไอมาร"

"งั้นหรือ เมื่อก่อนข้าก็เคยฝันร้ายบ่อยๆ"

คราวนี้เซียนป่าท้อเริ่มสนใจขึ้นมา
"ท่านฝันเห็นอะไร"
"จำไม่ได้แล้ว"
หวังอี้ป๋อตอบกลับสั้นๆ เขาจำได้เพียงเมื่อก่อนตัวเองฝันร้ายบ่อยๆแต่กลับจำไม่ได้แล้วว่าฝันถึงอะไร แต่ความรู้สึกในฝันนั้นทรมาน โหยหาและแสนเศร้าเสียจนเจ็บร้าวในใจ

ทุกครั้งที่ฝันร้ายจึงต้องให้ใครสักคนมาร่วมเตียงเป็นเพื่อนเสมอ
เซียนป่าท้อมิได้คาดคั้นถามต่อ เพียงแต่หลับตาลงเงียบๆ ฟังเสียงลมพัดกิ่งท้อและเสียงหัวใจที่เต้นดังเป็นจังหวะอยู่ข้างหู

อ้อมแขนของราชาภพมารอบอุ่นนัก อบอุ่นเหมือนชายที่อยู่ในฝันของเขา..

หวังอี้ป๋อลอบมองคนงามที่นอนพิงอกของตนพลางลูบผมอีกฝ่ายอย่างเบามือ
เซียนน้อยของตนคงยังไม่ชินกับไอมารจึงได้อ่อนเพลียง่ายต่างจากตอนอยู่ภพสวรรค์ ระยะนี้คงต้องอยู่ข้างๆคอยปรับสมดุลของร่างกายให้คุ้นชิน

วันนี้คนงามสวมอาภรณ์สีดำน่าดูชมไม่แพ้สีขาวที่สวมเป็นประจำ สีดำขับให้ผิวกายโดดเด่นดูงามสง่าไปอีกแบบ
ตัวเขาใส่สีดำแล้วดูหยาบกระด้างแต่เซียวจ้านสวมใส่สีดำแล้วดูน่าทะนุถนอมอย่างยิ่ง

ราชาภพมารโน้มตัวประทับริมฝีปากบนหน้าผากมน รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อน

นั่นคงเป็นไปไม่ได้ เขาไม่เคยทำตัวเช่นนี้กับนางน้อยๆคนไหน
เพราะบรรยากาศโดยรอบดีเกินไปราชาภพมารจึงได้ผล็อยหลับไปด้วยอีกคน คนทั้งสองตระกองกอดกันใต้ต้นไม้'เหมือนเช่นกาลก่อน'
.
.

ที่ไหน?

หวังอี้ป๋อกวาดตามองโดยรอบ ยังไม่ทันหายสงสัยก็มีร่างเล็กๆวิ่งเข้ามากอดขา เป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักแยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย

'ท่านพ่อ อุ้มๆ'
เจ้าตัวน้อยยิ้มแย้มแจ่มใสยื่นแขนให้อุ้ม

ราชาภพมารย่อตัวลงอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขนราวกับเป็นเรื่องปกติทั้งยังไม่รู้สึกผิดแปลกที่โดนเรียกว่าท่านพ่อ

'ท่านพ่อ เราไปหาท่านแม่กันเถิด'

หวังอี้ป๋อยิ้มบางๆ
'ท่านแม่ของเจ้าไม่อยากเจอพ่อหรอก'

ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงตอบเข่นนี้
เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้าสะอื้นออกมาเสียงเบา

'ท่านพ่อจะไม่ไปหาท่านแม่หรือ ท่านพ่อไม่ต้องการข้าแล้วหรือ'

มารหนุ่มไม่รู้จะทำสิ่งใดจึงได้แต่ลูบหลังปลอบก่อนจะเช็ดน้ำตาให้เจ้าตัวน้อย

'พ่อไม่อยากฝืนใจแม่เจ้า'

'ท่านแม่ไม่ได้ฝืนใจ ท่านแม่เพียงแค่ลังเล'
หวังอี้ป๋อก้าวเดินไปตามทางกระทั่งพบใครคนหนึ่งยืนอยู่

คนผู้นั้นหันมายิ้มให้ นางเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัยเซียนป่าท้อหลายส่วน

'ท่านแม่!'เด็กน้อยร้องเรียกอย่างดีใจ ทว่าราชาภพมารกลับเจ็บแปลบในอก ศีรษะปวดร้าวราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

'เจ้า--'
"ท่าน! อี้ป๋อ ตื่นสิ!!"

เฮือก!

ราชาภพมารสะดุ้งตื่นจากฝันก่อนจะคว้าร่างที่หอมกลิ่นดอกท้อเข้ามากอดให้สงบใจลง

"อื้อ ท่านปล่อยข้าก่อน เหตุใดจึงละเมอน่ากลัวเช่นนั้น"
เซียวจ้านตื่นเพราะอีกฝ่ายละเมอออกมาด้วยความเจ็บปวด

"ข้า..ฝันไม่ดีเท่าไหร่"
ยามนี้เขาก็จำไม่ได้แล้วว่าฝันถึงอะไร
"ขอข้าอยู่แบบนี้สักพักเถอะ"
มีเพียงกลิ่นดอกท้อจากร่างนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาสงบใจลง

เซียวจ้านนั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายโอบกอดพลางลูบแผ่นหลังกว้างอย่างเบามือ

ใครเล่าจะได้เห็นด้านที่อ่อนแอของราชาภพมารเช่นเขา

"ท่านสงบใจไว้เถิด.."
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฝันเห็นอะไรแต่มันคงไม่ดีแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีท่าทีทรมานเช่นนี้

"กลับไปพักที่ห้องดีหรือไม่"

"ดี.."

เซียนป่าท้อค่อยๆพยุงอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน คนทั้งสองพากันเดินออกไปจากสวนท้อ เซียวจ้านบอกเสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงเข้ามาช่วยพยุงอีกแรง
ด้านราชาภพมารเมื่อล้มลงเตียงก็ร้องครวญอย่างทรมานจนเซียนหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเตียงได้แต่รู้สึกกังวล

"ข้าควรตามหมอหรือไม่.."

"ไม่ต้อง"หวังอี้ป๋อคว้ามืออีกฝ่ายมาแนบแก้ม
"ข้านอนตักเจ้าได้หรือไม่"

เซียนป่าท้อตัวเกร็ง

"ข้าชอบกลิ่นดอกท้อบนตัวเจ้า หากได้นอนตัก คงรู้สึกสบายขึ้น"
"......."

"ไม่ได้หรือ"

เหตุใดราชามารจึงเหมือนเสี่ยวเฮยนักเล่าโดยเฉพาะดวงตาที่คลอน้ำตาเช่นนี้หรือเปล่าเจ็บมาจึงกลั้นน้ำตาไม่ไหว

"ข้า.."

"เซียวจ้านข้าปวดหัวจริงๆ เจ้าช่วยข้าหน่อยเถิด"

ริมฝีปากอุ่นชื้นจูบประทับกลางฝ่ามืออ่อนนุ่ม

"เซียวจ้าน.."
"หากทำเพียงแค่นอนตักก็ย่อมได้"

หวังอี้ป๋อเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะแสร้วกระแอมกลบเกลื่อน

เซียนป่าท้อขยับตัวนั่งบนเตียงพลางจับศีรษะอีกฝ่ายให้นอนซบบนตัก

"หากท่านหายปวดหัวแล้วข้าจะลุกออกไป"

"อืม ข้าจะไม่รบกวนเจ้านาน"
อย่างน้อยเซียนคนงามก็ยังใจอ่อนให้เขาบ้าง

"หากวันนี้ข้าทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดีก็ขออภัยด้วย"

"..ท่านนอนเถอะ คนเจ็บเขาไม่พูดมากกันหรอก"เซียนจ้านเบือนหน้ามองทางอื่น นึกเจ็บใจที่จู่ๆหัวใจก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมา

หวังอี้ป๋อหัวเราะในลำคอก่อนหลับตาลง

..ห้วงฝันอันโหดร้ายหวนกลับมาอีกครั้ง
เขานอนหนุนตักคนงาม จูบหอมมือบอบบางคู่นั้นไม่รู้เบื่อจนภรรยาคนงามของคนหัวเราะออกมาเบาๆพลางบิดจมูกเขาอย่างหยอกเย้า

"ท่านพี่พอได้แล้ว มือข้ามีแต่รอยด้านจากการซักผ้า มีอะไรน่าจูบน่าหอมนัก"เสียงอ่อนหวานว่าอย่างขบขัน

"ถึงมือเจ้าจะแตกหยาบเพียงใดก็ยังน่าหอมอยู่ดี"
ภรรยายิ้มเขินอาย ฟาดมือลงที่ไหล่ทีหนึ่ง

"พอเถิด ท่านพี่เลอะเทอะใหญ่แล้ว วันนี้ไม่เข้าป่าล่าสัตว์หรือ ปกติท่านพี่ขยันขันแข็งหรือวันนี้อยากเกียจคร้านอยู่บ้าน"

"อืม ข้าเกียจคร้านหาเรื่องนอนหนุนตักเจ้า"
เขาหอมฟอดลงบนมือนุ่มอีกครั้ง
"นับวันท่านพี่ยิ่งเลอะเทอะใหญ่แล้ว แต่ก็ดีเหมือนกัน หลายวันมานี้ท่านพี่ทำงานหนัก ไม่ค่อยอยู่บ้าน ข้าก็เหงาอยู่บ้าง.."

ได้ยินภรรยาบอกเหงาเขาก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาด้วยรู้สึกผิดกับสิ่งที่กระทำลับหลังอีกฝ่ายไป
มือหยาบด้านคว้าผมปอยหนึ่งมาจูบจนภรรยาคนงามยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

"หากสิ่งที่ข้าทำลงไปเกิดผลสำเร็จ พวกเราจะสุขสบายกันยิ่งกว่านี้"

"ท่านพี่ของข้าล่าสัตว์เก่งเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว ข้าไม่หวังสุขสบาย ข้าหวังเพียงอยู่กับท่านตลอดไป"

รอยยิ้มของนางอ่อนหวานชวนมอง
นางลูบผมของเขาก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อแตะโดนสิ่งหนึ่งที่หน้าผาก
"ตรงนี้รอยอะไร? ท่านพี่บาดเจ็บหรือ--"

เพียะ!

เขาปัดมือนางออกอย่างแรงด้วยความตกใจพร้อมลุกพรวดออกห่าง

"ท่านพี่?"

"ข้าต้องไปทำงานต่อแล้ว"หน้าผากของตนร้อนผ่าวจนต้องรีบกัดฟันเดินออกมาทั้งที่ภรรยาร้องเรียก

"อี้ป๋อ!"
อีกครั้งที่ต้องสะดุ้งตื่นทว่าครั้งนี้กลับไม่มีอาการปวดหัวรุนแรงเช่นครั้งก่อนคงเป็นเพราะมือเรียวบางข้างหนึ่งที่ลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน

"เจ้า.."

"ท่านนอนละเมออีกแล้ว"เซียวจ้านเอ่ยเสียงเรียบๆ

"งั้นหรือ? ข้าไม่รู้ตัวเลย"ราชาภพมารถอนหายใจก่อนจับมือเรียวงามข้างนั้นมาหอม
เซียนป่าท้อขืนมือจะดึงออกแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น

"อยู่กับเจ้าแล้วข้าหายปวดหัวจริงด้วย"

"นั่นท่านคิดไปเองแล้ว ข้าเป็นเซียนธรรมดา ไหนเลยจะรู้วิธีรักษาให้หายเจ็บไข้เป็นปลิดทิ้ง"

"คงต้องเรียกว่ายาใจกระมัง"

..คนผู้นี้เปิดปากก็มีแต่เรื่องเลอะเทอะหรืออย่างไร
"ร่างกายเจ้ายังเข้ากับไอมารที่ภพนี้ไม่ได้ เจ้าอยู่ข้างๆข้าให้ช่วยปรับสมดุล ทั้งเจ้ายังสามารถช่วยให้ข้าหายปวดหัวได้ด้วย แบบนี้ดีหรือไม่"

"ท่านจะถามความเห็นข้าทำไม ในเมื่อท่านต้องการทำเช่นนั้นอยู่แล้ว"เซียนป่าท้อถอนหายใจ

"เพราะชีวิตคู่ต้องเริ่มจากการถามไถ่ให้เข้าใจซึ่งกันและกัน"
"เหมือนท่านลืมไปแล้วว่าพาตัวข้ามาโดยไม่ถามความเห็น"

ราชาภพมารแสร้งกระแอมก่อนลุกขึ้นจับมือจองอีกฝ่ายมาจูบ

"ผิดก็ถือว่าผิดไปแล้ว แต่หากไม่ใช้วิธีนี้เห็นทีชาตินี้ก็คงไม่มีโอกาสสนทนากับเจ้า"

เซียนป่าท้อถอนหายใจออกมา
"ข้าเป็นคนของสวรรค์ อยู่กับมารนับว่าทำผิดกฎ"
"เจ้ามองข้ามความเป็นมารของข้าแล้วให้โอกาสข้าหน่อยเถอะ.."ท้ายเสียงแผ่วลงพร้อมราชามารหวังอี้ป๋อที่ปล่อยมืออีกฝ่ายช้าๆ

"ข้าไม่รู้ว่าทำไมแต่ข้าต้องการเจ้ามาจริงๆราวกับเราสองเป็นคู่ยวนยางที่พรากจากกันแต่กลับมาเจอกันอีกครั้ง"
ทั้งที่อีกฝ่ายพูดเพ้อเจ้อเช่นปกติแต่เซียวจ้านกลับรู้สึกวาบหวามในใจ

เขาไม่ควรรู้สึกเช่นนี้เลย..

"ข้าไม่เชื่อเรื่องคู่ยวนยาง"เซียนป่าท้อก้มหน้าลงเล็กน้อย"ข้าเชื่อเรื่องการกระทำ"

ราชาภพมารเลิกคิ้วฉงน

"ข้า..ข้าให้โอกาสท่านพิสูจน์ตัวเองก็ได้"
เห็นอีกฝ่ายกำลังขยับเข้ามากอดเซียวจ้านก็รีบยื่นมือขวางทันที

"ไม่ได้หมายความว่าท่านจะแตะต้องตัวข้าอย่างไรก็ได้ ข้าเพียงให้โอกาสทำความรู้จักกันเท่านั้น"

หากราชาภพมารมีหูหางเช่นเสี่ยวเฮยยามนี้คงลู่ตกจนน่าสงสาร

"เข้าใจแล้า..ข้าจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปกับเจ้า"
เซียนป่าท้อขยับออกห่างเล็กน้อยอย่างสงวนท่าที

"..คืนนี้ท่านจะนอนที่ใด"

ถ้อยคำชวนคิดทำให้ราชาภพมารหัวใจลิงโลด

"เจ้าอยากให้ข้านอนด้วยหรือ ได้สิ ข้าจะนอนกับเจ้า"

เซียนป่าท้อส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
"นี่เป็นห้องนอนของท่าน ข้าอยู่ที่นี่คงไม่สะดวกนัก ท่านจัดหาห้องให้ข้าสักห้องเถอะ"
"เจ้านอนนี่เถอะข้าจะไปนอนที่อื่นเอง ห้องของข้ากว้างขวางทั้งยังใช้พลังปรับสมดุลให้อบอุ่นกว่าที่อื่นแล้ว เจ้าไม่ต้องย้ายไปนอนที่ไหนหรอก"

"รบกวนท่านมากเกินไปแล้ว.."

"รบกวนอะไร ห้องสามีเหมือนห้องภรรยา เจ้าเป็นใหญ่ในบ้านข้าย่อมตามใจเจ้า"

..เขาตกลงเป็นภรรยาตั้งแต่เมื่อใดกัน
อีกด้านหนึ่งแดนสวรรค์กำลังปั่นป่วน รัชทายาทสวรรค์ถูกเรียกตัวกลับมาหลังจากไปประจำการยังทิศประจิม
เฒ่าจันทราเข้าพบองค์จักรพรรดิเป็นการส่วนตัวเพื่อแจ้งเรื่องราวที่ได้ทราบว่าจากบันทึกวาสนา

ผู้สูงศักดิ์บนบัลลังก์ทองนวดขมับ หากคนที่โดนพาตัวไปมิใช่เซียนป่าท้อสวรรค์คงไม่วุ่นวายเช่นนี้
"นี่คือเหตุผลที่ยามนั้นเจ้าไม่อาจผูกด้ายแดงของเซียนป่าท้อและรัชทายาทได้หรือ?"

เฒ่าจันทราก้มหน้าลอบกลืนน้ำลาย

"แม้การสมรสจะล้มเลิกไปแล้วแต่เซียนป่าท้อยังมีครรภ์พิเศษ อยู่ในเงื้อมมือมารยากจะปลอดภัย ข้าเรียกตัวรัชทายาทกลับมาแล้วอีกไม่นานคงเกิดศึก"องค์จักรพรรดิทอดถอนลมหายใจ
"อย่างไรเซียนป่าท้อก็เป็นคนของภพสวรรค์ไหนเลยจะคู่ครองกับมารได้"

เฒ่าจันทรามีวาจามากมายอยากเอ่ยแย้งแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป

ในอดีตเมื่อเซียวจ้านขึ้นสวรรค์ได้ต้องตาองค์จักรพรรดิด้วยเพราะมีวิญญาณบริสุทธิ์หายากยิ่งจึงตั้งใจให้สมรสกับรัชทายาทแห่งสวรรค์
เพราะเป็นบุรุษจึงต้องประทานพรให้มีครรภ์ เฒ่าจันทรากำลังผูกด้ายแดงเชื่อมวาสนา นอกจากจะผูกไม่ติดแล้วองค์รัชทายาทยังปฏิเสธเสียงแข็งเรื่องการสมรสเหตุเพราะมีนางสวรรค์ที่ชอบพออยู่แล้ว ครานั้นเรื่องราวจึงโกลาหลใหญ่โต

งานมงคลถูกล้มเลิกทว่าพรไม่อาจถอนคืน ผู้รับเคราะห์จึงเป็นเซียนป่าท้อ
ในยามนั้นจึงทำได้เพียงเอ่ยสาบานตนว่าจะครองพรหมจรรย์เพื่อเก็บรักษาครรภ์อันบริสุทธิ์นี้ไม่ให้เกิดแก่ผู้ใด

เซียนน้อยแสนน่าสงสาร ไม่ว่าจะภพชาติก่อนหรือภพชาตินี้..
"แม้จะเป็นราชามารแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน มารตนนั้นอายุยืนยาวได้ด้วยพลังมาร หากทำลายแก่นพลังในร่างได้ก็ง่ายที่จะจัดการ"องค์จักรพรรดิพิจารณาไปทีละข้อ

"อย่างไรเสีย ราชาภพมารหวังอี้ป๋อก็มิใช่มารแต่กำเนิดอยู่แล้ว"
.
.
ห้วงฝันของเซียวจ้าน หากมิได้ฝันถึงเด็กก็ฝันถึงคู่รักคู่หนึ่งในบ้านหลังน้อย
แรกเริ่มตัวเองเป็นเพียงผู้เฝ้ามองแต่ไม่นานก็กลายเป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ ค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน

มือเรียวบางบรรจงซักผ้าที่แม่น้ำ อากาศร้อนอบอ้าวเสียจนสองแก้มแดงก่ำ
สามียังไม่กลับบ้าน วันนี้คงล่าสัตว์ใหญ่เสียเวลาไม่น้อย

หลังตากผ้า หุงหาอาหารเสร็จนางก็ออกมานั่งรับลมให้คลายร้อน มือบางลูบหน้าท้องที่มิได้ออกชัด กระทั่งสามีก็ยังไม่รู้เรื่องนี้

รอยยิ้มงดงามปรากฎบนใบหน้า รอให้เห็นชัดกว่านี้ค่อยบอกสามีให้ประหลาดใจ
อยู่รวมกันนับสิบปีแล้ว รอนานเหลือเกินกว่าจะมีข่าวดี

"บ๊อก!"
เสียงลูกสุนัขดังใกล้เข้ามา ก้อนขนกลมๆสีดำไม่ทราบที่มาซุกอยู่ข้างขา

"เจ้าสุนัขนี่! วิ่งเร็วนัก"ร่างของสามีวิ่งหอบมาไม่ไกล

"ท่านพี่? เกิดอะไรขึ้น สุนัขตัวนี้มาจากไหน??"
สามียิ้มเก้อเขิน
"เถ้าแก้ที่โรงน้ำชายกให้เพราะสุนัขที่บ้านลูกดกจนเลี้ยงไม่ไหว เจ้าชอบหรือไม่ ยามข้าไม่อยู่เจ้าจะได้ไม่เหงามากเกินไป"

นางอุ้มเจ้าตัวเล็กที่หอบแฮกไว้ในอ้อมแขน

"ข้าชอบ เจ้าตัวน้อยนี่น่ารักเหลือเกิน"

"เจ้าตั้งชื่อให้มันสิ ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว"
นางนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
"เสี่ยวเฮยดีหรือไม่ ขนของมันเป็นสีดำสนิทเช่นนี้"

"เสี่ยวเฮยก็เสี่ยวเฮย มันตัวสีดำ เถ้าแก่ยกให้ใครก็ไม่มีใครเอา ดีแล้วที่เจ้าชอบ"

ชายหนุ่มเข้าไปโอบภรรยาคนงาม หลายวันมานี้ตัวเองไม่อยู่บ้านเกรงว่าภรรยาจะรู้สึกโดดเดี่ยว
"ท่านพี่..คราแรกข้าคิดว่าบอกท่านคราวหลังแต่ในเมื่อท่านกลัวข้าเหงาข้าก็จะบอกท่านตอนนี้"
นางยิ้มเขินอายก้มหน้าลูบหัวสุนัขให้คลายกังวล

"อะไรหรือ?"

ภรรยาคนงามเขย่งตัวกระซิบบางอย่างข้างหูที่ทำเอาชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจเสียจนยกนางตัวลอย

"ทะ ท่านพี่ ใจเย็นก่อน"
นางหลับตาปี๋เมื่อถูกยกขึ้นสูงกระทั่งลูกสุนัขยังร้องตกใจ

"คนดี ที่รักของข้า บอกสิว่าเจ้าไม่ได้หลอกให้ข้าดีใจเก้อ"

ชายหนุ่มโอบกอดภรรยาไว้แนบแน่น

"ข้าไม่หลอกท่าน ข้าเองก็ดีใจมากเหลือเกิน สิบปีแล้วในที่สุดสวรรค์ก็เมตตาเรา"
ชายหนุ่มเผลอยิ้ม
"ข้าไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ ข้าเชื่อว่ามันคงเป็นจังหวะและเวลาที่เหมาะสมมากกว่า"

นางรู้สึกแปลกใจที่สามีพูดเช่นนี้

"ท่านไม่เชื่อเรื่องสวรรค์แต่เมื่อก่อนท่านบอกว่าสวรรค์ทำให้เราเจอกัน"

"ข้าก็พูดไปอย่างนั้น จะให้ความดีความชอบสวรรค์ได้อย่างไรในเมื่อข้าเข้าหาเจ้าก่อน"
ระยะนี้สามีของนางแปลกไป

แปลกมากเหลือเกิน..
.
.

เข้าวันที่เจ็ดในการอยู่ภพมารของเซียนป่าท้อ ร่างในอาภรณ์สีดำเลื่อมลายเงินเดินอยู่ในสวนท้อ สีหน้าดีมากขึ้นกว่าก่อนเพราะร่างกายคุ้นชินกับไอมารมากพอแล้ว

ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือฝันประหลาด..
จะอยู่แดนสวรรค์หรือภพมารจะที่ไหนเขาก็ยังฝันเรื่องที่ไม่เข้าใจ

"เสี่ยวเฮย เจ้าขาสั้นแปลงกายให้ตัวใหญ่หน่อยเถอะจะได้เดินตามข้าทัน"

เซียนป่าท้อหันไปยิ้มอ่อนโยนให้ลูกสุนัขที่พยายามเดินตามหลังมา

ไม่นานนักจากลูกสุนัขก็แปรเปลี่ยนเป็นสุนัขตัวโตราวกับหมาป่า
เสี่ยวเฮยไถศีรษะข้างขา ออดอ้อนเช่นทุกครั้ง

"เสี่ยวเฮย..วันนี้เขาก็ออกไปที่ใดไม่รู้อีกแล้ว"

หลายวันมานี้เขาไม่เจอหวังอี้ป๋อเลย ถามเสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงทั้งสองก็บอกไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็มักจะบอกบอกฝันดีกับเขายามค่ำคืนเสมอ
"ครั้งหน้า ข้าชวนเขามาเดินชมสวนด้วยกันดีหรือไม่"

เสี่ยวเฮยหูผึ่ง ฉวยโอกาสที่เซียนป่าท้อนั่งลงวิ่งจากไปทันที

"เสี่ยวเฮย?"ไปไหนแล้วเล่า

ทว่าไม่นานร่างในอาภรณ์สีดำร่างหนึ่งก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามา

"ท่าน!? หรือว่าเสี่ยวเฮยไปตามท่านหรือ"

สุนัขตัวนั้นจะแสนรู้เกินไปแล้ว!
"อะแฮ่ม ข้าเห็นเสี่ยวเฮยวิ่งออกไป นึกว่าจะมีเรื่องอะไรก็เลยเข้ามาดู"

ราชาภพมารถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ

เซียนป่าท้อขยับตัวเล็กน้อยจู่ๆก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง

"เจ้าลำบากใจหรือ.."

เซียวจ้านส่ายหน้า"ข้าเพียงไม่คุ้นชินเท่านั้น"
สายลมพัดกลีบดอกท้อร่วงโรยลงบนพื้น หวังอี้ป๋อลอบมองคนข้างกาย เพียงครู่เดียวก็ขยับเข้าไปประชิดจนเซียนป่าท้อสะดุ้งตกใจ

"ข้าเพียงจะเอากลีบดอกไม้ออกจากผมเจ้า"

สัมผัสนุ่มนวลเกลี่ยผ่านกรอบหน้า เซียวจ้านหรี่ตาลงเล็กน้อยจนอีกฝ่ายหยิบกลีบดอกท้อออกจากผมของตน
"เจ้างามนัก"

"ท่านเอ่ยปากมาก็มีแต่คำพูดไร้สาระหรือ?"

"ข้าพูดเรื่องจริงเจ้าก็หาว่าไร้สาระ เจ้างดงามชวนมองถึงเพียงนี้ใครเล่าจะไม่หลงรัก"

เซียนป่าท้อนึกอยากยิ้มแต่ก็มิได้ยิ้ม

"ข้าเป็นคนโชคร้าย หน้าตางดงามไม่อาจทำให้ชีวิตดีขึ้นหรอก"
ราชาภพมารนึกสนใจ เขาเอนหลับพิงต้นท้อเอ่ยถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

"จะโชคร้ายได้อย่างไร?"

เซียนป่าท้อแค่นยิ้ม"ท่านคิดว่าเป็นเซียนแล้วจะมีแต่เรื่องผาสุกหรือ ครั้งหนึ่งข้าก็เคยคิดเช่นท่าน นึกว่าหากกระทำแต่เรื่องดีงามจนบรรลุเซียนขึ้นสรวงสวรรค์จะละทางโลกได้"
"มิใช่เช่นนั้นเลย.. ข้าเป็นเพียงคนอับโชค แรกเกิดมารดาไม่อาจเลี้ยงได้ไหวจึงส่งให้สำนักธรรมมะแห่งหนึ่งช่วยเลี้ยงดู ใครๆก็บอกว่าข้ามีบุญนักอายุยังน้อยก็ได้เป็นเซียนขึ้นสวรรค์ ใครจะรู้ ชีวิตข้าเลือกสิ่งใดไม่ได้เลย"

เหตุใดตนต้องเอ่ยคำตัดพ้อกับราชามารด้วยเล่า..
"ช่างเถอะ อย่างน้อยได้เป็นเซียนดูแลป่าท้อก็พอสุขสบายอยู่บ้าง"

"เรื่องอับโชคของเจ้าใช่เรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์ได้ด้วยหรือเปล่า"ราชาภพมารเอ่ยถาม

"......."

"แท้จริงแล้วครรภ์ของเจ้ามีไว้เพื่อใคร บอกข้าได้หรือไม่"

เขาจะได้ไปสังหารมันทิ้งเสีย..
"รู้ไปก็ไร้ประโยชน์ คนผู้นั้นมิได้ต้องการข้า งานสมรสก็ยกเลิกไปแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดจะใช้พรอันบริสุทธิ์นี้ให้ต้องแปดเปื้อน"

ราชาภพมารกำหมัดแน่น

เกลียดนัก สวรรค์ที่ลิขิตชะตาเล่นตลกกับคนเช่นนี้ จะต่างอะไรกับมารเช่นเขากัน

"หากมันเป็นชีวิตของเจ้าจริง จะต้องกลัวแปดเปื้อนเพื่อใคร"
เซียวจ้านเองก็ไม่อาจตอบได้..

"เซียวจ้าน เจ้าอยู่กับข้าอย่าได้สนใจเรื่องของสวรรค์อีก เจ้าจะตะโกนเสียงดัง สบถหยาบคายหรือกระโดดไปทั่วก็ตามใจเจ้า"

มือเรียวบางถูกกุมเอาไว้ข้างหนึ่ง

"ข้าจะทำเช่นนั้นไปทำไม"
เซียนป่าท้อเบือนหน้าไปอีกทาง
"หากเจ้าอยากทำข้าก็ไม่ว่า"หวังอี้ป๋อจูบข้อนิ้วอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล
"เจ้าอยู่ที่นี่ข้าตามใจเจ้าทุกอย่าง จะทำอะไรก็ย่อมได้ ต้องการอะไรก็ย่อมได้ แค่อยู่กับข้าเคียงข้างข้าก็พอแล้ว"

เซียวจ้านเกลียดตัวเองนักที่รู้สึกพ่ายแพ้กับอะไรเช่นนี้ ยามนี้ร้อนบริเวณใบหน้าจนไม่กล้ามองตาอีกฝ่าย
"ข้าให้เงินพวกนางน้อยๆไปหลายคนแล้วเพื่อให้พวกนางได้ตั้งตัวและจะได้ไม่มาวุ่นวายกับเจ้าอีก"

"ท่านจะทิ้งขวางใครก็ทำได้เลยหรือ?"

"เพราะข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้เดียวในใจแต่ข้าก็ต้องรับผิดชอบคนอื่นๆเช่นกันจึงต้องให้การช่วยเหลือเท่าที่ทำได้"หวังอี้ป๋อว่าเสียงอ่อนโยน
เขาบีบข้อนิ้วคนงามเล่นพลางเหลือบมองใบหน้างดงามที่ตอนนี้แดงก่ำ

หากทำให้เซียวจ้านเกิดความหวั่นไหวได้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

"แล้วเสี่ยวชิง เสี่ยวหนิงเล่า"เซียนป่าท้อเอ่ยถาม

"ทั้งสองอยากอยู่รับใช้เจ้า ข้าก็ไม่ขัด"
"แล้วหรงเฉียน.."

"......."ราชาภพมารเงียบไป

"ท่านได้ให้เขาไปจากที่นี่หรือไม่"

"หรงเฉียนอยู่ที่นี่มานาน ยามนี้ข้าให้เขาเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยมิได้รับใช้บนเตียงอีกแล้ว เจ้าไม่สบายใจหรือ?"

เซียวจ้านเผลอพยักหน้าก่อนจะรีบปฏิเสธ
"มะ ไม่ใช่เช่นนั้น"
"หรงเฉียนอยู่ที่นี่มาก่อนข้า คงไม่เหมาะนักหากจะไล่ออกไปโดยไร้เหตุผล แต่ข้ากำชับแล้วว่าห้ามมายุ่งกับเจ้าอีกให้เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยเท่านั้น"

"อืม.."ดูท่าหรงเฉียนคงเป็นคนโปรดของหวังอี้ป๋อ

"เซียวจ้าน เจ้าเชื่อใจข้าเถอะ ข้าจะไม่มีความสัมพันธ์กับใครอีกแล้วนอกจากเจ้า"
"คะ ความสัมพันธ์อันใด เราสองคนยังไม่ตกลงปลงใจกันถึงขั้นนั้น"เซียนป่าท้อรีบดึงมือกลับ แก้มนวลทั้งสองแดงเรื่อเห็นได้ชัด คงเพราะไม่เคยมีผู้ใดปฏิบัติตัวกับคนเช่นนี้จึงรู้สึกอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ

..ดีแล้วหรือที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้
"เซียวจ้าน เจ้าจะบอกว่าข้าเพ้อเจ้อก็ย่อมได้ แต่ข้ารู้สึกว่าเราเคยเจอกันมาก่อน"

เซียนป่าท้อส่ายหน้า"จะเคยเจอได้อย่างไร ยามอยู่ภพมนุษย์ข้าอาศัยอยู่ในสำนักธรรมมะ เก็บตัวฝึกตนจนขึ้นสวรรค์เป็นเซียนดูแลป่าท้อ ระหว่างนั้นไม่เคยพบเจอคนเช่นท่านแม้แต่น้อย"
"มันอาจจะนานมากๆจนทั้งเจ้าและข้าจำไม่ได้"

"หากท่านพูดถึงเพียงนี้ไม่แน่ว่าชาติที่แล้วเราอาจจะเคยพบกันก็ได้"เซียวป่าท้อว่ายิ้มๆไม่ได้ใส่ใจนัก

"......."

ทว่าราชาภพมารกลับเงียบไป

"ก็ไม่แน่"หวังอี้ป๋อตอบสั้นๆ
สายลมหยุดนิ่งสบจังหวะกับที่พวกเขาสบตากัน ร่างของราชาภพมารขยับเข้าใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดข้างแก้ม

หวังอี้ป๋อยันมืออีกข้างจับมือของเซียนป่าท้อประสานที่พื้นหญ้า เซียวจ้านหลับตาลงเบือนหน้าไปอีกด้านจนริมฝีปากของอีกฝ่ายประทับบนแก้ม
หากไม่เบือนหน้าออกมาก่อนริมฝีปากของหวังอี้ป๋อคงประทับลงบนปากของเขา

"เซียวจ้าน เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าฝันอยากมีชีวิตคู่ร่วมกัน"

ถ้ากันว่าถ้อยคำของมารไม่ควรเชื่อถือ

"เชื่อข้าเถอะ"

เซียวจ้านเริ่มคิดจริงจังแล้วว่ามารอ่านใจได้
"เซียวจ้าน ข้าอยากทะนุถนอม อยากดูแลเจ้า อยากมีเจ้ามารตัวน้อยๆกับเจ้าเพียงแค่เจ้าปล่อยวางเรื่องความเป็นมารเป็นเซียนได้หรือไม่"

น้ำเสียงเว้าวอนชวนสงสารยิ่งทำให้เซียนป่าท้อไม่กล้ามองตาอีกฝ่าย

กลัวหัวใจตัวเองหวั่นไหว..

"..ข้าจะทำผิดกฏสวรรค์"
เมื่อก่อนเคยมีทั้งเทพเซียนและนางสวรรค์แวะเวียนมาหาหลังงานสมรสของเขาถูกยกเลิก ใช่ว่าเซียนจ้านจะไม่เข้าใจเจตนาแต่เพราะกลัวทำให้พรอันบริสุทธิ์แปดเปื้อนจึงสาบานตนครองพรหมจรรย์

เป็นครั้งแรกที่หัวใจของเซียนป่าท้อรู้สึกอ่อนไหวกับผู้อื่น

"ทิ้งกฏสวรรค์แล้วรักษาความรู้สึกของเจ้าเถิด"
เสียงของราชามารแสนอ่อนโยนชวนให้หลงเคลิ้ม ริมฝีปากอุ่นๆคลอเคลียข้างแก้มเอ่ยกระซิบคำหวานชวนหวั่นไหว

"ข้าต้องการเจ้าและสามารถทำลายสวรรค์เพื่อเจ้าได้หากมันสามารถทำให้เราสองคนครองคู่กัน"

หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะจนพาลคิดว่าตัวเองอาจโดนวิชาสเน่ห์
ท่วงท่าราวกับพลอดรักกันใต้ต้นท้อกลางวันแสกๆหากเทพเซียนตนใดมาเห็นเข้าไม่พ้นเซียวจ้านโดนโทษกักบริเวณมิให้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีก

ทั้งยังพลอดรักกับมารเช่นนี้..

"ทะ ท่านช้าก่อน"

เซียนป่าท้อหน้าร้อนวูบด้วยความกระดากอาย

"ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก ขออยู่แบบนี้สักพักได้หรือไม่"
ราชาภพมารเอ่ยพลางจูบข้างลำคอ ได้กลิ่นดอกท้อที่หอมติดผิวกาย

"เจ้าสวมอาภรณ์สีดำแล้วงามมากรู้หรือไม่มันยิ่งทำให้ผิวพรรณของเจ้าขาวผ่องชวนมองยิ่งขึ้นไปอีก"

เซียนป่าท้อเผลอกำมือ แถวลำคอและแก้มร้อนผ่าวจากลมหายใจที่เป่ารดลงมา
"ท่าน.."ตนต้องโดนวิชาสเน่ห์เป็นแน่

"ตัวเจ้าก็หอมกลิ่นดอกท้อ ข้าชอบยิ่งนัก"

เซียวจ้านเงยหน้ามองกลีบดอกท้อทึ่โดนสายลมพัดพาจนร่วงโรยจากด้านบนขณะที่ราชาภพมารซบใบหน้าข้างลำคอของตนเพื่อประทับรอยจูบอันนุ่มนวล

..โดนมารล่อลวงมันรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
จะให้แดนสวรรค์รู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด..

"เซียวจ้านให้ข้าทำมากกว่านี้ได้หรือไม่"
ราชาภพมารจุมพิตจากลำคอเรื่อยจนถึงแก้ม

เซียนป่าท้อตัวเกร็ง

"ทำอะไร"

"ข้าอยากจุมพิตเจ้า ได้หรือไม่"

เซียวจ้านนึกอยากปฏิเสธ เพียงเท่านี้มันก็มาไกลเกิรกว่าที่คิดแล้ว
สวรรค์ เหตุใดยามนี้กลับนึกปฏิเสธไม่ลงเล่า!

"ไม่ควร.."

"ไม่ควรอย่างไร"

"ไม่ควร เพราะ..เพราะข้าเป็นเซียน สวรรค์จะพิโรธ"

ราชาภพมารยิ้มมุมปาก
"ที่แห่งนี้มีแค่เราสอง สวรรค์ไม่อาจมองเห็นหรือยุ่งเกี่ยว"ปลายนิ้วเกลี่ยกลีบปากนิ่ม
"เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าจุมพิตของมารเป็นเช่นไร"
"ข้าไม่อยากรู้"

"ลองหน่อยเถอะ"มารหนุ่มยิ้มพลางยื่นใบหน้าเข้าใกล้ ขยับเพียงเล็กน้อยริมฝีปากของพวกเขาก็จะแตะกัน
"เจ้ากลัวสวรรค์รู้เห็นเรื่องของเรา แต่แท้จริงแล้วใจเจ้าคิดอย่างไรกันแน่ เพียงตอบข้ามาว่าหากสวรรค์ไม่รับรู้เจ้าจะยอมให้ข้าจุมพิตหรือไม่"
เซียวจ้านเม้มปากแน่น มือทั้งสองกำช้าๆขณะช้อนสายตามองราชามารหวังอี้ป๋อ

สวรรค์ต้องลงโทษเขาเป็นแน่..

"คนดี อย่าทำหน้ายั่วยวนข้าเช่นนี้เลย"
บรรยากาศแสนเป็นใจและน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานชวนใจสั่น เซียนป่าท้อไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงยอมให้อีกฝ่ายหอมแก้ม

"ตกลงจูบเจ้าได้หรือไม่"
"ไม่--"

"ข้าให้เจ้าลองคิดดูอีกหน่อย"หวังอี้ป๋อยกนิ้วแตะปากอีกฝ่ายพร้อมยิ้มออกมา
"สวรรค์ไม่เห็นเรา ต่อให้ทำผิดไปก็ไม่มีใครลงโทษเจ้า เจ้าอยู่ภพมารกลัวสวรรค์ลงโทษไปไย เหตุใดไม่กลัวข้าลงโทษบ้างเล่า"

ราชามารต้องมีวิชาอ่านใจแน่ๆ!
คนงามอยู่ใต้ร่างทำเอามารหนุ่มรู้สึกเกิดกำหนัด หากแต่เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าอีกฝ่ายไม่เอ่ยคำยินยอมก็จะไม่ทำอะไร

พลอดรักใต้ต้นท้อก็ไม่แย่นักหรอก

"เซียวจ้าน แค่จุมพิตเดียวเท่านั้น ทำตามใจเจ้าต้องการอย่าได้เกรงกลัวสวรรค์"

มารร้ายเอ่ยคำล่อลวงเทพเซียน
เซียวจ้านแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากดวงตาคู่งามช้อนมองอีกครั้งก่อนจะเอียงหน้าอย่างขัดเขิน

อย่าให้สวรรค์ได้รู้เรื่องนี้..

"นี่คือได้?"

"มะ ไม่รู้"

"เช่นนั้นข้าจะคิกว่านี้คือคำอนุญาต"
ราชาภพมารเชยคางมนให้เชิดขึ้นก่อนที่ตนจะโน้มหน้าลงไป
เห็นเซียนน้อยหลับตาปี๋ยิ่งนึกอยากกลั่นแกล้งจึงขบกัดเบาๆตรงกลีบปากอิ่มแล้วค่อยๆสอดปลายลิ้นเข้าไปอย่างเชื่องช้า

เซียนป่าท้อตัวเกร็งกำมือแน่น กลัวเหลือเกินว่าสวรรค์จะเห็นภาพบัดสีใต้ต้นท้อ

แค่จุมพิตจะนับว่าแปดเปื้อนหรือไม่ แค่จุมพิตเท่านั้นไม่ได้เกินเลยมากกว่านี้
เมื่อมือของตนถูกปล่อยเป็นอิสระจากการเกาะกุม เซียวจ้านจึงต้องขยำอกเสื้ออีกฝ่ายเป็นที่ยึดเหนี่ยวแทน

มารตนนี้โหดร้ายนักจุมพิตราวกับจะช่วงชิงลมหายใจตนไป

"อือ.."

อากาศที่เคยหนาวเย็นเริ่มร้อนระอุ เซียวจ้านขยำอาภรณ์สีดำจนยับย่น
เซียนป่าท้อถูกช่วงชิงลมหายใจจนแทบสำลักทว่ามารที่เก่งกล้าประสบการณ์มีชั้นเชิงให้ตามทันลมหายใจ

"อะ.."

เซียวจ้านรู้สึกราวกับว่าตัวเองโดนกัดที่ปาก แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธรสสัมผัสของหวังอี้ป๋อได้เลยจนนึกเจ็บใจที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอจะผลักไส
ราชาภพมารผละจูบเชื่องช้าจนเส้นสายสีใสเชื่อมจากเรียวลิ้นของคนทั้งสอง

เซียนป่าท้อหน้าแดงด้วยความกระดากอายก่อนจะเอียงหน้าหนีไม่กล้าสบตา

"เซียนคนงามของข้า"หวังอี้ป๋อจุมพิตเบาๆข้างแก้มนุ่ม

"ท่านกัดปากข้า"
"ข้านึกว่าเป็นผลท้อจึงเผลอกัดไป"
ถ้อยคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นทำให้เซียนป่าท้อมุ่นคิ้ว

หวังอี้ป๋อรีบโอบกอดคนงามที่กำลังจะลุกหนีไว้ในอ้อมแขนจนแผ่นหลังบางพิงกับอกของเขา

"ท่าน!"

"เจ้าเจ็บปากหรือ ให้ข้าดูหน่อยว่าต้องรักษาหรือไม่"
กลีบปากล่างแดงก่ำมีรอยแดงจุดหนึ่งคลายโดนกัดจนช้ำ เซียวจ้านคิดถึงวิธีรักษาครั้งก่อนก็รีบดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนนั้นทันที

"ฉวยโอกาสนัก!"

"ฉวยโอกาส? รักษาคนจะเป็นการฉวยโอกาสได้อย่างไร"ราชาภพมารทำหน้าไม่เข้าใจ"เห็นทีต้องรักษาแล้วเจ้าจะได้ไม่เจ็บ"

"อะ--อื้อ!"
ปลายลิ้นสอดเข้ามาอีกครั้ง มอบจุมพิตนุ่มลึกให้จนเซียนป่าท้อต้องหลับตาหายใจตามจังหวะอีกฝ่าย

ทั้งเสียงเฉอะแฉะของริมฝีปากที่บดคลึงกัน ทั้งเรียวลิ้นที่กระหวัดรัดหรือเสียงครางงึมงำในลำคอเริ่มทำให้เกิดความรู้สึกละอาย

เซียวจ้านร้อนผ่าวไปทั้งร่าง มือบางขยำเสื้อราชามารจนเสื้อนอกร่วงหล่น
หวังอี้ป๋อเริ่มคิดอย่างจริงจังว่าการร่วมรักใต้ต้นท้อก็ไม่แย่อะไรนัก..

จูบเนิ่นนานผละออกไปอีกครั้ง เซียนป่าท้อรีบสูดลมหายใจ ร่างกายสั่นน้อยๆอยู่ในอ้อมแขนของราชาภพมาร

"เซียวจ้าน เจ้าช่างน่ารักน่าใคร่เหลือเกิน"

อีกฝ่ายจูบหอมที่ศีรษะแล้วรั้งตัวเข้าไปกอด
"พอแล้ว ข้าเหนื่อย.."

"เหนื่อย? ที่รัก เราแค่จูบกันเท่านั้นเหตุใดจึงเหนื่อยง่ายนัก หากเราร่วมรักกันเจ้าจะไม่สลบคาเตียงหรือ"

เซียนป่าท้อทุบฝ่ามือแรงๆที่อกกว้าง
"ในหัวท่านมีแต่เรื่องเพ้อเจ้อเช่นนี้หรือ พอได้แล้ว ข้าอยากพัก"
เซียวจ้านหลับตาลงเอนกายพิงอกอีกฝ่าย ตัวเองโดนจุมพิตที่ราวกับสูบวิญญาณเช่นนี้จะไม่ให้หมดแรงได้อย่างไร

"เจ้าเหนื่อยก็นอนเถอะคนดี ข้าจะเป็นเบาะนอนให้เจ้าเอง"หวังอี้ป๋อลูบหัวกล่อมนอน

เซียนป่าท้อนึกอยากลืมตาบอกว่าอีกฝ่ายพูดจาเลอะเทอะอีกแล้วแต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะเอ่ยปาก
.
.

สามีของนางไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว..

ยามนี้นางกังวลใจยิ่งนัก คราแรกเพียงคิดว่าสามีล่าสัตว์ใหญ่กินเวลามากแต่ล่วงเข้าวันที่สามนางจึงกังวลว่าสามีอาจหลงป่า

จะเป็นไปได้อย่างไร สามีของนางเชี่ยวชาญการล่าสัตว์เดินป่าเดินเขาตั้งแต่เด็กไม่มีทางหลงป่าแน่
นางลูบท้องที่เริ่มกลมนูน คิ้วขมวดมุ่นปลอบเจ้าตัวน้อยในท้องว่าพ่อของเขาจะไม่เป็นไร

ในตอนนั้นเสี่ยวเฮยที่นอนอยู่ข้างกายผงกศีรษะขึ้นขู่ในลำคอเมื่อเห็นอะไรบางอย่าง

"ข้ากลับมาแล้ว"เป็นสามีของนาง

"ท่านพี่.."

"กรรซ์!!"
เสี่ยวเฮยยิ่งขู่ในลำคอเมื่อนางเดินเข้าไปหาสามี
"ท่านกลับช้านัก หายไปหลายวันเช่นนี้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่"

สามีโอบกอดนางไว้พร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน
"สัตว์ที่ข้าล่าคราวนี้ดุร้ายกว่าจะจัดการได้ก็กินเวลาไปมาก"

"ท่านทำข้ากังวลแล้วรู้หรือไม่"

สามีจูบปลอบที่หน้าผาก อ่อนโยนกับนางเสมอเช่นทุกครั้ง
"หลังจากนี้ข้าจะอยู่กับเจ้า ไม่ห่างหายไปไหนอีกแล้ว"เขาเอ่ยคำสัญญา

"กรรซ์!!!"
เสี่ยวเฮยขนพองแยกเขี้ยวขู่อย่างน่ากลัว

นางหันไปตั้งใจจะดุให้เงียบทว่าเพียงสามีปรายตามองเจ้าตัวน้อยกลับร้องหงิงวิ่งไปหลบใต้เรือนบ้าน

"หงิง!!"

"เสี่ยวเฮย!?"
"ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก เจ้าเข้าบ้านเถอะ หิวหรือไม่ข้าจะทำอาหารให้"สามีเอ่ยเสียงอ่อนโยนทว่านางกลับรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวสามีนั้นแปลกไป

"อี้ป๋อ..เจ้ามีสิ่งใดปิดบังข้าหรือไม่"

"ไม่มี" 'หวังอี้ป๋อ'ยิ้มตอบในทันที

เป็นรอยยิ้มที่นางจะไม่มีทางลืม
.
.
"ท่านเซียนนอนหลับไม่ได้สติเช่นนี้จะให้ผู้น้อยทำอย่างไรดีเล่า"

เสียงอ่อนหวานกระซิบข้างหูจนเซียนป่าท้อสะดุ้งตื่น เซียวจ้านหันมองรอบตัวก็เห็นว่าตนยังนอนอยู่ใต้ต้นท้อ ห่างไปไม่ไกลมีเสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงยืนอยู่ท่าทางขลาดกลัว

"ท่านเซียนอย่าเมินผู้น้อยเช่นนี้สิ"
เป็นหรงเฉียนที่ปลุกเขา

แล้วหวังอี้ป๋อเล่า..

"หากมองหาฝ่าบาทอยู่ท่านเซียนอย่าได้กังวลไป ฝ่าบาทเพิ่งออกไปทำธุระเมื่อครู่นี้เอง"

มารสาวกรีดรอยยิ้มหวาน
"ระหว่างนี้ให้ผู้น้อยอยู่เป็นเพื่อนดีหรือไม่"

"ไม่เป็นไร ข้าจะกลับห้องแล้ว"
หรงเฉียนรีบเดินเข้ามาหาพลางปรายตามองสองพี่น้องไม่ให้เข้าใกล้

"ผู้น้อยคิดไปเองหรือไม่ว่าปากท่านเซียนดูบวมๆฝ่าบาทคงมิได้ร่วมรักกับท่านเซียนใต้ต้นท้อแล้วกระมัง"

"จะทำหรือไม่ทำแล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้า"เซียวจ้านมุ่นคิ้ว
"ท่านเซียนอย่าเพิ่งเสียอารมณ์ผู้น้อยยังไม่เคยกระทำกับฝ่าบาทกลางแจ้งจึงเกิดความสนใจเท่านั้น"
ยามนี้ราชาของตนไม่อยู่ จะพูดอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น

"กับฝ่าบาทรู้สึกดีหรือไม่ ปกติฝ่าบาททำกับผู้น้อยไม่ค่อยอ่อนโยนนัก แล้วท่านเซียนเล่า"

มารสาวเอ่ยเสียงยั่วเย้า
เซียนป่าท้อหยุดฝีเท้าหันไปตอบโต้อีกฝ่ายทั้งรอยยิ้ม

"อ่อนโยนสิ เขาอ่อนโยนกับข้ามาก ไถ่ถามข้าทุกครั้งว่าสิ่งไหนได้ สิ่งไหนไม่ได้ คงแตกต่างกับเจ้าใช่หรือไม่"

รอยยิ้มของหรงเฉียนกระตุกเล็กน้อยแต่ไม่นานก็ควบคุมสีหน้าได้ปกติ
"เช่นนั้นผู้น้อยยินดีด้วยที่ท่านเซียนได้รับความโปรดปราน'ในระยะนี้' "นางเน้นถ้อยคำหลัง

"ระยะนี้? เห็นทีคงมิใช่ อี้ป๋อดูรักดูหลงข้ายิ่งนัก เพียงข้าบอกไม่อยากให้เขามีนางน้อยๆเขายังไล่ทุกคนออกไปจนหมด คงเหลือแต่เจ้าที่ยังเป็นผู้อยู่อาศัย"
หากไม่นับเสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงที่คอยรับใช้คงเหลือเพียงหรงเฉียนที่อยูในวังมาร

"วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ฝ่าบาทจะกล้าไล่ผู้น้อยได้อย่างไร ผู้น้อยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฝ่าบาทตั้งแต่เป็นมารจนได้ท่านเซียนมาเชยชมเช่นนี้"

เซียวจ้านมุ่นคิ้ว

..ตั้งแต่เป็นมาร หวังอี้ป๋อมิใช่มารแต่แรกหรือ?
หรงเฉียนเชิดหน้ากล่าวอีกครั้ง

"ผู้น้อยเคยนึกเอ็นดูท่านเซียนแต่ได้ยินท่านเซียนอวดตนเช่นนี้แล้วช่างน่ารำคาญตานัก ทำตัวเหมือนกับนังหญิงสารเลวนั่นไม่ผิด"

เซียนป่าท้ออ้าปากจะถามแต่กลับโดนมารสาวไล่ต้อนจนแผ่นหลังชิดกำแพง

"ไว้ฝ่าบาทเล่นกับท่านเซียนจนพอใจแล้วผู้น้อยจะรับช่วงต่อเอง"
เพียงครู่เดียวจากร่างมารสาวกลับกลายเป็นมารหนุ่ม หรงเฉียนยิ้มแย้มพลางจับใบหน้าเซียนป่าท้อให้สบตา

"เจ้ามีอะไรดีนัก เขาถึงชอบเจ้า หน้าตา? หรือลีลาบนเตียง? หากเป็นลีลาบนเตียงข้าก็อยากขอชมสักหน่อย"เสียงทุ้มห้าวเอ่ย

เซียวจ้านเห็นท่าไม่ดีจึงยกขาเตะกล่องดวงใจอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง
"อุ๊บ! ท่านเซียนชอบกระทำแบบรุนแรงก็มิบอกกันเล่า"หรงเฉียนตัวงอ หน้าเขียวคล้ำ

เซียนป่าท้อรีบหันหลังออกไปทว่ากลับถูกกระชากเสื้อจนล้มลง ร่างของมารหนุ่มคร่อมอยู่ด้านบนเอ่ยอย่างมีอารมณ์

"ข้ามองไม่ผิด เจ้าเหมือนนังผู้หญิงนั่นจริงๆ"

"เจ้าพูดจาเพ้อเจ้อแล้ว ปล่อย!"
"เจ้านี่ช่างแปลกแท้ เป็นเทพเซียนบนสวรรค์ดีๆไม่ชอบ ชอบเป็นนายบำเรอให้ราชาภพมาร"หรงเฉียนกดปลายเล็บลงบนกลีบปากแดงช้ำจนเลือดซิบทำเอาเซียนป่าท้อเบ้หน้าเพราะความเจ็บ

เสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงเห็นท่าไม่ดีรีบเข้ามาขวาง
"หยุดเถอะ!"

"หุบปาก!"หรงเฉียนสะบัดมือทีหนึ่งจนคนทั้งสองกระเด็นออกไป
สองพี่น้องเป็นเพียงมนุษย์มีหรือจะสู่แรงมารได้

เซียนป่าท้อรวบรวมแรงผลักฝ่ามือออกไปจนอีกฝ่ายกระเด็น นิ้วมือเช็ดเลือดที่ปาก นึกไม่พอใจที่ตัวเองต้องเจ็บตัวเพราะมารตนนี้อีก

"หากเจ้าทำตัวว่าง่าย เชื่อฟังข้าเช่นคนอื่นมีหรือข้าจะระรานเจ้า"หรงเฉียนเอ่ยพลางลูบอกที่โดนผลัก
"ข้ามิใช่สุนัข เหตุใดต้องเชื่อฟังเจ้า"เซียนป่าท้อขมวดคิ้ว ถอยไปก้าวหนึ่งเผื่อตั้งหลัก

"เจ้ามิใช่สุนัข? แต่ข้าเห็นเจ้าระริกระรี้ตอนอยู่กับเขา ส่ายหางเช่นสุนัขเจอเจ้าของ"หรงเฉียนกรีดยิ้ม

"นั่นเจ้าพูดถึงตัวเองหรือ สุนัขมีเจ้าของเห็นทีคงไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้าที่ระแวงกัดคนไปทั่ว"
ใบหน้าของมารหนุ่มแลดูบิดเบี้ยว

"เจ้าไม่รู้อะไรอย่าพูด! หากมิใช่เพราะหวังอี้ป๋อข้าจะอยู่ในสภาพนี้หรอ--อั๊ก!!"

ห่วงสีดำทมิฬไร้ที่มารัดรอบคอหรงเฉียนจนกระอักเลือดทรุดไปที่พื้น มันบีบรัดจนเป็นรอยกดเข้าไปในลำคอทำให้มารหนุ่มดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด
"ข้าเคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ ว่าหากล้ำเส้นครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไร"สุ้มเสียงเยียบเย็นดังขึ้นพร้อมร่างของราชาภพมารที่ปรากฏ กลิ่นคาวเลือดทำให้เซียวจ้านถอยผงะ

"ฝะ ฝ่า--อั๊ก! บาท"หรงเฉียนจับตรงลำคอ หายใจอย่างติดขัด

"เคยบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่?"

หรงเฉียนพยายามพยักหน้า
"แล้วเหตุใดยังทำอีก?"

"ผะ ผู้น้อยผิด อึก! ไปแล้ว ขะ ขออภัย"

แม้ริมฝีปากของหวังอี้ป๋อจะปรากฏเป็นรอยยิ้มไม่ถือสาแต่บรรยากาศรอบด้านกลับบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก หรงเฉียนตาเหลือกลาน นึกคิดว่าชีวิตหลายร้อยปีของตนต้องจบสิ้นวันนี้เป็นแน่
"..ท่านไปทำสิ่งใดมา"

แรงรัดรอบคอหรงเฉียนคลายลงจนสำลักอากาศเมื่อราชาภพมารให้ความสนใจเซียนป่าท้อไปชั่วขณะ

"แค่ธุระเล็กน้อย คนดี เจ้าไปรอข้าที่ห้องเถอะ ตรงนี้ข้าจัดการเอง"หวังอี้ป๋อเอ่ยเสียงอ่อนโยนและลมหายใจของหรงเฉียนก็สั่นแกว่งอีกครั้ง

"ดะ ได้โปรด"
"หยุดมือเถอะ"

"หยุดมือ? ที่รักของข้าเจ้าใจดีเกินไปแล้ว มันทำเจ้าบาดเจ็บข้าต้องหยุดมือหรือ ถึงหลายร้อยปีมานี้หรงเฉียนจะอยู่ข้างกายให้ความช่วยเหลือข้าแต่สุนัขที่ล้ำเส้นเจ้าของครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ควรเก็บไว้จริงหรือไม่?"

เซียวจ้านมองมารหนุ่มหรงเฉียนที่พยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
"หรงเฉียนหึงหวงท่านจึงได้ทำตัวเช่นนี้ อย่างน้อยละเว้นชีวิตเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ในกาลก่อนที่เขาเคยทำให้ท่านเถอะ"

เซียวจ้านเป็นเซียน อย่างไรก็มองว่าการฆ่าทุกชีวิตล้วนผิดบาป แม้หวังอี้ป๋อจะเป็นมาร เขาก็ไม่อยากเห็นอีกฝ่ายฆ่าใครอีก
แรงรัดรอบคอคลายคงลงหายใจหายคอได้ถนัด หรงเฉียนสำลักไอก่อนจะกลายเป็นมารสาวร่างน้อยให้ราชาภพมารเกิดความเมตตา

"ข้าหวังว่าเจ้าจะเดินเข้าคุกใด้ดินด้วยตัวเอง และหากเจ้ากล้าหนีไปไหน ข้าจะหักขาของเจ้าเสีย"
ดวงตาคมดุวาวโรจน์จนหรงเฉียนตัวสั่น

"ผู้น้อยเข้าใจแล้ว.."
ราชาภพมารปรายตามองสองพี่น้องมนุษย์ที่นั่งตัวสั่นอยู่มุมหนึ่ง

"กลับไปพักเสีย พรุ่งนี้ค่อยมารับใช้ท่านเซียน"

เซียวจ้านก้าวถอยหลังเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายเดินใกล้เข้ามา

"ข้ารีบไปทำธุระไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้"หวังอี้ป๋อเอ่ยเสียงอ่อนโยน

"ธุระอะไร"
"มีสัตว์ร้ายหลุดเข้ามาในเขตหมู่บ้านเผ่ามาร ข้าจึงเข้าไปช่วยจัดการ"ราชาภพมารก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว เซียนป่าท้อก็ถอยไปหนึ่งก้าว

"ท่านโกหก"

หวังอี้ป๋อหยุดฝีเท้า รอยยิ้มบนใบหน้าขยับเปลี่ยนไปเล็กน้อย

"หากเป็นเลือกของสัตว์ยอมมีกลิ่นสาบแต่เลือดบนตัวท่านไม่มี.."

รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว
"ท่านบอกว่าชีวิตคู่ต้องถามไถ่ให้เข้าใจกันใช่หรือไม่ เช่นนั้นท่านจะบอกความจริงข้าได้หรือยังว่าไปทำสิ่งใดมา"

"เป็นเรื่องไร้สาระ เจ้าอย่ารู้ให้รำคาญใจเลย"

"ข้าอยากรู้ หากท่านคิดอยากให้ข้าเชื่อใจนี่คือโอกาสของท่านแล้ว"

"........"
บรรยากาศรอบกายหยุดนิ่งทุกสิ่ง
"พูดคุยตรงนี้ไม่สะดวก เราเข้าห้องกันก่อนเถิด ข้าเองก็อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย"

หวังอี้ป๋อถอนหายใจก่อนจะผ่ายมือให้เซียวจ้านเดินไปก่อนเพราะตัวเองเปื้อนเลือดไม่น่าดูนัก

เซียนป่าท้อยอมเดินนำออกไปก่อนเมื่อถึงห้องราชาภพมารก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวทันที
หวังอี้ป๋อก้าวเข้ามานั่งข้างกันบนเตียงพลางกุมมือเรียวบางไว้แน่น

"เจ้าพูดถูกว่าข้าไม่ได้ไปจัดการสัตว์"

"......"

"แต่วันนี้ข้าก็ไม่ได้ฆ่าใครเช่นกันเพราะข้าไม่ได้เล็งจุดตายเลยสักราย"

นิ้วมือของเซียนป่าท้อเผลอกระตุก
"พวกเขาจะพาเจ้ากลับไป"หวังอี้ป๋อเอ่ยเสียงเรียบเย็น

"แล้ว..ท่านทำอย่างไร"

"ก็แค่เทพเซียนไม่กี่คนมาสังเกตการณ์ ไม่ได้คณามือข้าหรอกแค่ทำให้บาดเจ็บให้พวกมันหลาบจำเท่านั้น"

"........"

"แค่เจ้าคนเดียวที่เสียไปไม่ได้ อย่ากลับไปเลยนะ"ราชาภพมารจุมพิตหลังมือเซียนหนุ่ม
เซียนป่าท้อยังคงนั่งเงียบ

"เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ เพราะข้านึกถึงเจ้าเสมอข้าจึงไม่คิดจะฆ่าใคร เพียงแค่พวกมันแตะต้องเจ้าไม่ได้ข้าก็พอใจแล้ว"

นั่นหมายถึงว่าหากเป็นเมื่อก่อนหวังอี้ป๋อไม่ลังเลเลยที่จะสังหารให้สิ้น

เซียวจ้านหลบสายตาไปด้านข้าง

สวรรค์ส่งคนมาตาทหาเขาแล้ว..
"ท่านอยากรู้หรือไม่ว่าเหตุใดสวรรค์ถึงต้องการให้เซียนป่าท้อผู้หนึ่งกลับไปเช่นนี้"เซียนจ้านเอ่ยช้าๆก่อนจะหันกลับมาสบตา
"ข้าเคยได้รับเลือกจากองค์จักรพรรดิให้เป็นคู่ครองของรัชทายาทสวรรค์ พรที่สามารถตั้งครรภ์ได้นี้มีไว้เพื่อคนผู้นั้น.."

หวังอี้ป๋อตั้งใจฟังทุกคำ
"คงเพราะกังวลว่าข้าจะใช้พรอันบริสุทธิ์นี้ในทางมิชอบ"เซียนป่าท้อยิ้มหยันในชะตาชีวิตของตน

"ช่างไร้สาระยิ่งนัก! เจ้าจะรักใครชอบใครหรือมีครรภ์กับใครเหตุใดถึงหนักหัวผู้อื่นทั้งที่เป็นชีวิตของตัวเองแท้ๆ"

"..จะทำอย่างไรได้เล่า"

"ก็ทำอย่างที่ใจเจ้าต้องการสิ!"
เซียวจ้านถอนหายใจ

"ข้าไม่รู้ว่าใจต้องการสิ่งใด"
สมัยยังเป็นมนุษย์ตนอยู่ในกฏของสำนักมาตลอด ยามขึ้นสวรรค์ก็ยังทำตามกฏสวรรค์ ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองต้องการสิ่งใดกันแน่

"ข้าไม่รู้ว่าชีวิตของข้าต้องการสิ่งใด ทุกวันคืนได้ใช้ชีวิตอย่างสงบเรียบง่ายก็คงพอแล้ว"
ราชาภพมารเอ่ยคำหนึ่งสั้นๆ

"แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องการเจ้า"

"เราสองเพิ่งเคยเจอกันเหตุใดท่านจึงยึดติดกับข้านัก"

"ข้ารู้เพียงมีแค่เจ้าเท่านั้นคู่ควรให้ข้ายึดติด"

เซียนป่าท้อยิ้มออกมาบางๆ"ท่านพูดจาเลอะเทอะอีกแล้ว"
ราชาภพมารนึกน้อยใจที่อีกฝ่ายคิดว่าเขาพูดจาเลอะเทอะทั้งที่เป็นความจริง ทว่าอีกไม่กี่อึดใจร่างหอมนุ่มกรุ่นกลิ่นดอกท้อกลับเข้ามาสวมกอดตน

"เซียวจ้าน?"

"ท่านอยู่นิ่งๆเถอะ..ข้าก็จะอยู่นิ่งๆเช่นกัน"

หวังอี้ป๋อวางมือไม่ถูก ไม่รู้เพราะเหตุใดเซียนน้อยถึงกอดเขา
"ปกติท่านตัวเย็น เหตุใดวันนี้ถึงอุ่นนัก"เซียนป่าท้อเอ่ยพลางเบียดร่างเข้าหา

"เพราะ..เพราะข้าคิดว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบจึงใช้พลังทำให้ร่างกายตัวเองอุ่นขึ้น"

นี่เซียนน้อยกำลังอ้อนเขาอยู่หรือ??

"งั้นหรือ.."เพราะหูแนบชิดกับอกซ้ายจึงได้ยินเสียงหัวใจที่ดังไม่เป็นจังหวะ
"ข้า ข้าลูบผมเจ้าได้หรือไม่"หวังอี้ป๋อเอ่ยขอ อีกฝ่ายไม่ได้ตอบหากแต่พิงศีรษะกับอกเขาเต็มที่

ฝ่ามือใหญ่บรรจงลูบผมนิ่มลื่นจรดกลางหลัง เซียวจ้านตัวอุ่นแถมผิวพรรณเนียนนุ่มจนอยากกอดรัดไว้บนเตียงไม่ให้หายไปไหน หากเป็นตัวเองเมื่อก่อนไม่แน่ว่าคงหาโซ่มาล่ามข้อเท้าคนงามติดเตียง
ยามไหนเกิดกำหนดคงไม่ลังเลที่จะปลดปล่อยอารมณ์กับคนงาม แม้คนผู้นี้จะร้องไห้อ้อนวอนเขาก็คงไม่ยอมหยุด

ตอนนี้ไม่กล้าทำเช่นนั้นแล้ว เขาอยากร่วมรักกับเซียนน้อยด้วยความเต็มใจมากกว่า

เซียวจ้านพิงอกราชาภพมารพร้อมลืมตาเงียบๆ เรียวลิ้นเลียริมฝีปากที่เป็นแผลแตกก็รู้สึกเจ็บไม่น้อย
"หรงเฉียนลงแรงกับปากข้าอีกแล้ว.."
ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงอยากเอ่ยบอกหวังอี้ป๋อ
"เจ็บกว่าครั้งก่อนมากทีเดียว"

หวังอี้ป๋อมุ่นคิ้วรีบเชยคางอีกฝ่ายขึ้นมาดู

"เจ็บมากเลยหรือ"

"เจ็บมาก"เซียนป่าท้อเอ่ยตอบ

ิริมฝีปากล่างของตนคงช้ำเลือดแย่แล้ว
เซียนป่าท้อหลุบตาลงจนเห็นแพขนตายาวสวย
"ท่านรักษาได้ใช่หรือไม่.."

ในตอนแรกราชาภพมารไม่เข้าใจเจตนาแต่เมื่อเข้าใจเขาก็หน้าร้อนวูบทันที

คนงามเอ่ยฟ้องเขาว่าเจ็บปากทั้งยังทำตัวเช่นนี้ นี่ช่าง..ช่างน่ารักนัก

"ได้ ข้ารักษาได้ เจ้า..เจ้าให้ข้ารักษาหรือ"

"ท่านไม่แว้งกัดข้าทีหลังเป็นพอ"
เซียวจ้านยิ้มบางๆ

ไม่นานก็รู้สึกถึงความอุ่นชื้นที่ประทับบนริมฝีปาก นิ่มนวลเฉกเช่นแมลงปอและผิวน้ำ ทว่าจุมพิตแสนอ่อนโยนกลับค่อยๆรุกคืบปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปาก

เซียนป่าท้อจับขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายเพราะอาการเกร็งขณะที่มือของราชาภพมารจับท้ายทอยเข้าให้รับจูบได้ถนัด
สวรรค์..เซียวจ้านผู้นี้กระทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่เหตุใดความผิดนี้จึงหอมหวานนัก
เหตุใดกับหวังอี้ป๋อผู้นี้ถึงทำให้เขารู้สึกโอนอ่อนจนไม่อาจปล่อยวางตนให้สงบใจได้เลย

ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย..

ราชาภพมารผละจูบไปเล็กน้อยเพื่อเกลี่ยปอยผมบนใบหน้างดงามทัดข้างหูก่อนจะจุมพิตคนงามอีกครั้ง
"อื้ม.."

เซียนป่าท้อครางงึมงำในลำคอ จูบครั้งนี้ไม่ทรมานเท่าครั้งเก่า ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำไป

"ท่าน อะ--"

ผละออกไปครั้งหนึ่งก็จูบกลับมาครั้งหนึ่ง เซียวจ้านหลับตาลงพลางยกแขนทั้งสองโอบรอบคอราชาภพมารไว้

..หากสวรรค์ไม่เห็น ก็นับว่าไม่ผิดเสียหน่อย
.
.

ตั้งแต่สามีกลับมาครั้งนั้นเสี่ยวเฮยก็ไม่กล้าเข้ามานอนในบ้านอีกเลย สุนัขตัวน้อยมักวิ่งหนีไปแอบใต้เรือนบ้านครางงี๊ดๆอย่างน่าสงสารเสมอเมื่อเห็นสามีของนางเดินออกมา

"เสี่ยวเฮย..เจ้าเป็นอะไรไป"นางลูบหัวเสี่ยวเฮยด้วยความสงสัย วันนี้สามีออกไปตลาด มันจึงยอมออกมา
เสี่ยวเฮยหันซ้ายขวาท่าทางหวาดกลัวก่อนจะเข้ามาถูศีรษะข้างขาของนาง

"เจ้ากลัวอี้ป๋อหรือ?"

นางลูบหัวลูบตัวมันให้มันสงบใจลง

"ข้าเอง..ก็รู้สึกว่าระยะนี้เขาแปลกไปเช่นกัน"
แม้คำพูดคำจาหรือการกระทำยังเหมือนเดิมแต่กลับรู้สึกแปลก คงเพราะบรรยากาศรอบตัวอึมครึมเยือกเย็นน่าหวาดหวั่น
"ทั้งที่เขาหน้าตาเหมือนเดิมการกระทำของเขาเองก็อ่อนโยนกับข้ามาแต่ไม่รู้ทำไมข้าถึง--"

"ถึงอะไรหรือ"

นางสะดุ้งเฮือกกระทั่งเสี่ยวเฮยเองยังถอยผวาด้วยความกลัว

"กรรซ์!!"

เมื่อหันไปคนด้านหลังมิใช่สามีของนางอย่างที่คิด กลับเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้า
บุรุษผู้นั้นยิ้มให้พลางมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า

"ท่านเป็นใคร"นางถอนออกมาด้วยความระแวง เสี่ยวเฮยที่หลบอยู่ด้านหลังเห่าใส่เสียงดังลั่น

"อา..ข้าเป็นสหายของหวังอี้ป๋อ มาเยี่ยมเยียน เขาอยู่หรือไม่"

"ท่านพี่ออกไปตลาด ข้ามิเคยเห็นหน้าท่าน ท่านเป็นสหายของเขาจริงหรือ?"
"เพิ่งเป็นไม่นานมานี้ เขาไม่เคยบอกเลยว่าภรรยาจะงามเช่นนี้"

นางมิได้หลงไปกับคำป้อยอทั้งยังตั้งท่าระแวงเช่นเดิม

"สามีข้ายังไม่กลับ ไว้ท่านมาวันอื่นเถิด"

"แน่นอน ข้ามาเพื่อดูความเป็นอยู่ของเขาเท่านั้น มีภรรยาคนงามกำลังตั้งครรภ์ราวบ่วงรัดคอเช่นนี้ มิน่าเล่า.."ชายผู้นั้นยิ้มออกมา
นางมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ

"ข้าก็ปากมากเช่นนี้เจ้าอย่าถือสาเลย ไว้สามีเจ้ากลับมาข้าจะมาเยี่ยมเยียนอีกครั้ง อืม..ขอข้าดูหน้าเจ้าชัดๆหน่อยเถอะ อยากรู้นักว่าเขาหาสาวงามเช่นเจ้าได้จากไหน"

นางไม่อาจถอยได้ทันจึงถูกจับปลายคางให้สบตา

"ข้าเองก็อยากลิ้มลองคนงามเช่นเจ้าเช่นเดียวกัน"
กึด!

"อึก!"
เล็บของคนผู้นั้นกดลงที่ริมฝีปากล่างของนางอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ ไม่นานก็รับรู้ถึงของเหลวเจือกลิ่นคาวเลือดที่ไหลซึมออกมา

บุรุษผู้นั้นผละออกไปทันที
"แววตาเจ้าอาจหาญจนเผลอล่วงเกินไปหวังว่าจะไม่ถือสากัน ข้าก็เป็นเช่นนี้ เผลอทำอะไรรุนแรงกับสิ่งที่สนใจไปบ้าง"
นางเช็ดเลือดที่ปากก่อนจับหน้าท้องตามสัญชาตญาณมิให้สิ่งอันตรายเข้าใกล้ สามีของนางจะรู้จักคนอันตรายเช่นนี้ได้อย่างไร

"ดูเจ้าสิ แววตาราวแม่เสือดุร้าย วันนี้แค่มาทักทาย ไว้สามีเจ้ากลับมาก็ฟ้องเขาสิว่าเจ้าโดนรังแก"

"ให้ข้าบอกสามีว่าอย่างไรว่าใครมาหาเขา"นางพยายามคุมเสียงให้เป็นปกติ
บุรุษผู้นั้นยิ้มเล็กยิ้มน้อยออกมา

"บอกว่า'หรงเฉียน'มาหาเขา และบอกให้เขาไปพบกันที่เดิม เวลาเดิม"

นางเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ วันนี้คงต้องเค้นถามสามีว่าไปรู้จักอีกฝ่ายได้อย่างไร
เสี่ยวเฮยยังเห่าไม่หยุดกระทั่งคนผู้นั้นจากไป

"อี้ป๋อ..เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่"
.
.
มิใช่ว่าสวรรค์ทำงานล่าช้าแต่เป็นภพมารที่อี้ป๋อเป็นผู้นำทำงานได้รวดเร็วต่างหาก

เสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงบอกว่าหลายวันมานี้มีเทพเซียนแฝงตัวเข้ามาในภพมารทว่ากลับถูกจัดการส่งกลับไปทุกครั้ง

การเฝ้าระวังของหวังอี้ป๋อแน่นหนาจะให้คนพวกนั้นเห็นแม้แต่เงาของเซียนป่าท้อยังเป็นเรื่องยาก
หลายวันมานี้ความรู้สึกกับราชาภพมารนับว่ามีแต่ด้านที่ดี อีกฝ่ายคอยตามใจเขาจนบางครั้งเซียวจ้านก็นึกเสียนิสัยเอ่ยขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทว่าหวังอี้ป๋อก็ทำให้เขาประหลาดใจเสมอ

'เจ้าอยากได้น้ำตามังกร?'

'ใช่..'
หามังกรเป็นเรื่องยาก ทำให้มังกรหลั่งน้ำตาเป็นเรื่องยากกว่า กว่ากันว่าน้ำตามังกรมีฤทธิ์เยียวยาบาดแผลแม้วิญญาณจะหายไปครึ่งดวงก็สามารถกลับมาได้ดั่งปกติ

ใครจะรู้ว่าไม่กี่ชั่วยามหวังอี้ป๋อก็กลับมาพร้อมขวดแก้วเล็กๆขวดหนึ่ง

'ข้ามีหยดหนึ่งพอดี'
'ท่าน..เอามาจากไหน'

ราชาภพมารยิ้มเก้อเขิน
'เมื่อก่อนข้าหาเรื่องต่อยตีไปทั่ว เจอมังกรหลงทางมาตัวหนึ่งจึงท้าประลองจนมันต้องหลั่งน้ำตายอมแพ้ หลังจากนั้นข้อจึงปล่อยมันไปแลกกับน้ำตาหยดนี้'

เซียนป่าท้อส่ายหน้า ไม่กล้าขออะไรอีกเพราะกลัวอีกฝ่ายจะนำมาให้เขาจริงเช่นน้ำตามังกรหยดนี้
เมื่อใจโอนอ่อน ร่างกายก็เอนเอียง เซียนป่าท้อเช่นเขามักใจอ่อนเมื่ออีกฝ่ายอ้อนวอนขออะไรสักอย่างเช่นครั้งนี้ที่ขอให้ช่วยถูหลังยามอาบน้ำ

"ท่านมีแผลบนตัวเยอะนัก.."

มือเรียวบางใช้ผ้าถูตามแผ่นหลังกว้าง เสียงน้ำได้บ่อดังเบาๆตามจังหวะขยับตัวของพวกเขาทั้งคู่
"ข้าเป็นมาร มีเรื่องทะเลาะวิวาทบ่อยๆก็ไม่แปลก"ราชาภพมายักไหล่

"แล้วตอนนี้ยังทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นเป็นประจำหรือไม่"

"ไม่ทำหากไม่จำเป็น เพราะเจ้าไม่ชอบ"

"........"จะไม่ให้เซียวจ้านใจอ่อนได้อย่างไร

อีกฝ่ายหันกลับมาลูบแก้มนวลของคนงามที่อาบน้ำอยู่ด้วยกัน
"ให้ข้า เอ่อ.."ราชาภพมารลอบกลืนน้ำลายแต่เพียงเท่านั้นเซียวจ้านก็รู้ว่าฝ่ายต้องการอะไร

"ถ้าแค่นั้น..ก็ย่อมได้"

เมื่อได้รับคำอนุญาตหวังอี้ป๋อก็โน้มใบหน้าลงไป เซียนป่าท้อหลับตาลงนึกย้ำกับตัวเองในใจว่าหากสวรรค์ไม่เห็น ย่อมไม่ผิด..
.
.
"เซียวจ้าน วันนี้เราออกไปชมเทศกาลที่หมู่บ้านเผ่ามารกันดีหรือไม่"

"เทศกาล?"
เซียวจ้านเอี้ยวตัวถามราชาภพมารที่สวมเสื้อนอกให้ตนอยู่ด้านหลัง

"ทุกปีจะมีเทศกาลลอยโคมที่แม่น้ำ เจ้ามาได้จังหวะพอดี อยากไปกับข้าหรือไม่"หวังอี้ป๋อโอบเอวอีกฝ่ายมากอดพลางหอมแก้มนวลไปฟอดหนึ่ง
เซียวจ้านดันหน้าอีกฝ่ายออก เผลอครู่เดียวก็โดนกินเต้าหู้อีกแล้ว

"กลับสวรรค์ไปข้าคงโดนลงโทษหนัก"

"ยังคิดกลับสวรรค์อีกหรือ.."ราชาภพมารเอ่ยเสียงแผ่วเบา ท่าทางราวสาวน้อยที่กำลังโดนคนรักทอดทิ้ง

เซียนป่าท้อไม่ตอบคำถามหากแต่เบี่ยงประเด็นตอบอย่างอื่น
"ข้าไปชมเทศกาลกับท่านก็ได้"
"ให้ข้าตามเสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงมาทำผมให้เจ้านะ ข้าไม่อยากให้เจ้าสะดุดตาเกินไป"

เซียนจ้านรีบรั้งมืออีกฝ่ายไว้ทันที

"ท่านก็ทำผมให้ข้าได้ไม่ใช่หรือ แค่หวีง่ายๆ ปักปิ่นธรรมดาก็พอ"

หวังอี้ป๋อกลั้นยิ้มไม่ไหว

คนงามอ้อนเขาอีกแล้ว

"หรือท่านไม่อยากทำผมให้ข้า..
"อยากสิ อยากมากเลยคนดี"

ใครจะกล้าคาดคิดว่าราชาภพมารจะถือหวีสางผมให้เซียนป่าท้อด้วยสีหน้ายินดีเช่นนี้
.
.

ยามค่ำของภพมารมิได้เงียบเหงาเช่นที่คิด จันทร์กลมโตบนท้องฟ้าส่องแสงลงมาให้เห็นโดยรอบที่ประดับประดาด้วยโคมลอยหลากหลายสี

เซียนป่าท้อขยับกายเข้าหาราชาภพมารให้อีกฝ่ายช่วยบังลม
"เจ้าหนาวหรือ งั้นอยู่ข้างๆข้าไว้"หวังอี้ป๋อโอบไหล่เซียนคนงาม

พวกเขาใช้มนต์เล็กน้อยเพื่อพรางตาคนในหมู่บ้านให้มองหน้าพวกเขาเป็นผู้อื่น มิเช่นนั้นทุกคนคงแตกตื่นที่เห็นราชาภพมารมาชมงานเทศกาล

"เราจะซื้อโคมไปลอยกันหรือไม่"เซียวจ้านเอ่ยถามท่าทางตื่นเต้น
"ซื้อสิ ดีเหลือเกินที่ปีนี้ได้มาลอยโคมกับเจ้า"

เซียนป่าท้อไม่หนาวแล้วเพราะถูกโอบกอดเสียแนบชิด
"เสียดาย เราน่าจะพาเสี่ยวเฮยออกมาวิ่งเล่น มันคงจะไม่อุดอู้มากนัก"

มุมปากของราชาภพมารเผลอกระตุก
"ระยะนี้มันเกียจคร้าน วันๆเอาแต่นอน อย่าไปยุ่งกับมันเลย"
เซียวจ้านอดคิดถึงเจ้าสุนัขตัวน้อยไม่ได้ เพราะหวังอี้ป๋ออยู่กับตนเสี่ยวเฮยจึงไม่กล้าออกมาหา

"เลิกคิดถึงสุนัขเถอะ เซียวจ้าน เจ้าเคยกินถังหูลู่หรือไม่ ข้าจะซื้อให้"หวังอี้ป๋อจูงมืออีกฝ่ายไปที่รถเข็นคันหนึ่งก่อนซื้อถังหูลู่หนึ่งไม้ให้เซียนป่าท้อถือไว้
เซียวจ้านมองถังหูลู่ในมือด้วยความฉงน ก่อนใช้ลิ้นแตะๆเลียๆจนรู้สึกถึงรสหวาน

"ข้าไม่เคยกินอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย"
ตอนเป็นมนุษย์เคยชินกับอาหารรสอ่อนของสำนักเมื่อขึ้นสวรรค์ก็ไม่ก็อาการหิวจึงไม่ค่อยได้กินอาหาร นับว่ามาภพมารครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตายิ่งนัก
"ค่อยๆกินแล้วเดินเที่ยว ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวนานนัก"

หวังอี้ป๋อเอ่ยพลางจับมืออีกข้างของเซียวจ้านไปเลือกซื้อโคมไฟนำไปลอยน้ำ พวกเขาได้โคมกระดาษสีแดงรูปดอกบัวมาโคมหนึ่งก่อนจะเดินถือไปรอบงานเทศกาล

"ข้าเคยนึกว่าเผ่ามารมีแต่พวกชั่วช้า.."เซียนป่าท้อว่าเสียงอ่อนอย่างละอายใจ
"พวกเขามีเชื้อสายมารมิใช่ว่าพวกเขาจะชั่วร้ายไปเสียหมด มารก็มีทั้งดีและเลว ทว่าคนภายนอกกลับจำกัดคำว่ามารเป็นพวกชั่วช้า"หวังอี้ป๋อมองชาวบ้านเผ่ามารที่สนุกสนานกับเทศกาลที่นานปีมีครั้ง

"อือ..ข้าเข้าใจแล้วว่าไม่ควรมองอะไรเพียงภายนอก"เซียนป่าท้อเอ่ยก่อนขยับตัวไปแนบชิดอีกฝ่าย
แก้มทั้งสองแดงปลั่งใต้แสงจันทร์

"ขะ ข้าหนาวนิดหน่อย"

ราชาภพมารยกผ้าคลุมด้านหลังของตนมาคลุมร่างของเซียนคนงาม

"อุ่นขึ้นหรือไม่"

"อาจจะอุ่นกว่านี้ถ้า.."

"ถ้า?"

"ถ้าท่านพาข้าเดินออกไปลับตาคนหน่อย ละ แล้วกอดข้าไว้ คงไม่ค่อยดีนักหากมากอดกันกลางหมู่บ้าน"
คนงามอ้อนเขาอีกแล้ว!

หวังอี้ป๋อใจเต้นแรงรีบโอบอีกฝ่ายเดินหายไปทันที

พวกเขามาอยู่ที่ต้นน้ำไร้ผู้คนทำให้สามารถโอบกอดเซียนป่าท้อได้ถนัด
"เจ้ายั่วยวนข้าอยู่หรือจึงได้พูดจาเช่นนี้"

"ข้าแค่หนาวและตัวท่านอุ่น"
เซียนป่าท้อซุกกายอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของราชามาร

"เหตุใดท่านใจเต้นเร็วนัก"

"ลองเจ้ามีคนที่ปรารถนามาซุกคัวอยู่ในอ้อมแขน ทำตัวน่ารักออดอ้อนมีหรือไม่ใจสั่น"

"แล้วอะไรทิ่มขาข้า.."มีบางอย่างแข็งขืนทิ่มตำอยู่แถวขาอ่อนเขา

"แค่มังกรน้อยที่กำลังผงาด"
เซียวจ้านรีบผละออกมาทันที
"งั้นเราลอยโคมกันเลยดีกว่า ข้าไม่อยากกลับดึกมาก"

มังกรน้อยตัวนั้นหดคอกลับไปแล้ว..

เซียนป่าท้อนั่งคุกเข่าอยู่ริมน้ำพลางเอื้อมือสัมผัสสายน้ำเบื้องหน้ารอให้หวังอี้ป๋อจุดไฟที่โคมนำมาลอยน้ำด้วยกัน

"ว่ากันว่าหากอธิษฐานระหว่างลอยโคมสิ่งที่คิดจะเป็นจริง"
โคมดอกบัววางอยู่เหนือผืนน้ำ มือของทั้งสองสัมผัสกันคนละด้านเตรียมผลักมันออกไปพร้อมกัน

ราชาภพมารกล่าวเช่นนั่นก็มองเห็นเซียนคนงามกำลังหลับตาอธิษฐานบางอย่าง เขาเองก็ทำด้วยเช่นกัน

บัวกระดาษสีแดงถูกผลักให้ลอยออกไปไกล แสงสีนวลของไฟเห็นเด่นชัดกลางผืนน้ำที่มืดสนิท

"เจ้าขอสิ่งใด"
"หากบอกก็ไม่เป็นจริงสิ"เซียวจ้านเอ่ยยิ้มๆ

"แต่ข้าอยากบอกเจ้านะ"

"ห้ามบอกข้า"

ราชาภพมารโดนเอ็ดไปทีหนึ่ง
"ทำไมเล่า คำขอของข้าเกี่ยวกับเจ้านะ"

"หากท่านบอกข้า เดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริง.."

ไม่คาดคิดว่าเซียนน้อยจะเชื่อเรื่องนี้ฝังใจ
ทว่าหวังอี้ป๋อกลับรั้งตัวคนงามมากอดก่อนกระซิบข้างหูเสียงอ่อนโยน

"ข้าขอให้เจ้าอยู่กับข้าตลอดไป"

ดวงตาของเซียนป่าท้อสั่นไหว ถึงอย่างนั้นก็มิได้ปฏิเสธอ้อมแขนหรือสัมผัสนุ่มนวลที่ประทับลงมาที่ปาก

"ท่านไม่น่าบอกคำอธิษฐานของตัวเองกับข้าเลย.."

เซียวจ้านพึมพำเสียงแผ่วเบา
.
.
กว่าจะกลับก็ดึกมากแล้ว เสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงเข้ามาช่วยถอดเสื้อคลุมชั้นนอกพร้อมหาน้ำมาให้ล้างหน้าก่อนผลัดเปลี่ยนชุดสำหรับนอน

เสี่ยวชิงมีสีหน้าลำบากใจ เมื่อลับสายตาของราชาภพมารก็ยื่นตลับบางอย่างให้เซียวจ้านทันที

"ท่านเซียน.."
เซียนป่าท้อยิ้มจางๆก่อนเกลี่ยสีผึ้งเนื้อใสทาที่ลำคอของตน

"..ไม่เป็นไร"

เสี่ยวชิงรีบเก็บตลับนั้นไว้กับตัวเมื่อราชามารหันมา

สองพี่น้องออกไปแล้วเหลือคนทั้งสองที่กำลังขึ้นเตียง หวังอี้ป๋อเห็นเซียวจ้านยืนนิ่งก็นึกสงสัย

"เจ้ายังไม่ง่วงหรือ?"

ทว่าเสื้อชั้นนอกที่ร่วงจากกายคือคำตอบ
"เซียวจ้าน!!"

"ข้าคิดมาถี่ถ้วนดีแล้ว.."

มือเรียวบางค่อยๆปลดผ้าคาดเอวของตนจนเสื้อผ้าคลายออก

ราชาภพมารลอบกลืนน้ำลายรีบลุกไปดึงมืออีกฝ่ายมานั่งบนเตียงทันที

"เซียวจ้าน หากเจ้าฝืนใจ ข้า--"

"ไม่ฝืน"เซียนป่าท้อจับมือใหญ่กว่ามาแนบแก้ม
"ข้าก็อยากลองดูเหมือนกัน"
"หวังว่าท่านจะไม่ถือสา ข้าครองพรหมจรรย์มาหลายปี อาจจะทำได้ไม่ดีนัก"เซียนป่าท้อก้มหน้าเอ่ยอย่างกระดากใจ
"คงต้องให้ท่านช่วยสอน"

มังกรน้อยตัวเดิมกับมาผงาดอีกครั้ง

หวังอี้ป๋อนึกดีใจเสียจนอยากกดคนงามลงเตียงเสียตอนนี้

"ขะ ข้าจะเบามือกับเจ้านะ หากเจ็บก็บอกข้า"
แผ่นหลังบางแนบชิดเตียง เสื้อผ้าถูกเปิดออกจนเห็นเรือนร่างขาวผ่องชวนมอง
เซียนป่าท้อนึกกระดากอายแต่ตนไม่มีวิธีอื่นแล้ว เวลาให้ตัดสินใจมันน้อยเกินไป

"เจ้างามเหลือเกิน คนดีของข้า"

"อ๊ะ.."

อีกฝ่ายลากนิ้วสัมผัสจนถึงท้องน้อย
"มีเจ้ามารน้อยให้ข้าเถอะนะ"

เซียวจ้านมิได้คิดถึงขั้นนั้น..
ม่านโปร่งตกลงมาคลุมเตียงมิให้เห็นสิ่งใดด้านหลัง..
.
.
มิรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว เซียนป่าท้อที่เพิ่งหลับไปตื่นหนึ่งค่อยๆลืมตาขึ้นมา พลางฝืนร่างกายที่ปวดร้าวขยับออกจากอ้อมแขนของราชาภพมาร

"อึก.."

ช่วงล่างของตนปวดแปลบ ร่างกายเหนอะหนะจากกิจกรรมที่จบลง
เซียวจ้านสูดน้ำมูก ก่อนหน้านั้นตัวเองถูกกระทำจนหลั่งน้ำตาแม้อีกฝ่ายจะพยายามอ่อนโยนกับเขาแต่เพราะความรู้สึกที่ถาโถมมากเกินจะรับไหว สุดท้ายจึงได้แต่สะอื้นเป็นเด็กๆ

มือบางลูบช่วงคอที่เปียกชื้นจากการขบกัด ยานอนหลับคงออกฤทธิ์ให้อีกฝ่ายไม่ตื่นในเร็วๆนี้
ร่างเพรียวจับเสาเตียงลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล น้ำเหนียวข้นไหลลงมาตามขาพาลให้รู้สึกละอายใจขึ้นมา เขาจับตรงหน้าท้องที่ยังรู้สึกร้อนผ่าวก่อนจะส่ายหน้า

ไม่..จะให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้

เซียวจ้านฝืนเดินไปทางบ่อน้ำเพื่อล้างตัว ไม่นานเสี่ยวชิงและเสี่ยวหนิงก็รีบเดินเบาๆตรงมาหา
"ท่านเซียน.."

ทั้งสองรีบเข้ามาช่วยแต่งตัวพลางใช้แป้งทากลบร่องรอยรักบนลำคอขาวผ่อง

"แบบนี้ดีแล้วหรือ"เสี่ยวหนิงเอ่ยถาม

"ดีแล้ว เพียงเท่านี้สวรรค์ก็จะไม่ยกทัพมารุกรานภพมารอีก"

ชีวิตของตนไม่เป็นไร แต่เผ่ามารคนอื่นไม่เกี่ยวข้องด้วย เพียงเขาจากไปสวรรค์จะไม่ยุ่งกับภพมารอีก
"ถะ ถ้าฝ่าบาทรู้"

"เขาได้ตัวข้าแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงลืม.."เซียวจ้านภาวนาให้เป็นเช่นนั้น เขาไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย หากตัวเองเป็นต้นเหตุของปัญหาก็พร้อมจะจากไป

"ท่านเซียน สิ่งนี้.."เสี่ยวชิงยื่นเม็ดยาบางอย่างให้อย่างไม่แน่ใจ

เซียนป่าท้อรับมันมากลืนลงคอทันที
"แบบนี้ดีที่สุดแล้ว"
ร่างในอาภรณ์สีขาวเดินกลับเข้าไปทางห้องนอน มองราชาภพมารที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ภายในอกรู้สึกปวดแปลบอย่างไร้สาเหตก่อนจะก้มลงจุมพิตกลางหน้าผากมารหนุ่มอย่างนุ่มนวล

"ข้าต้องไปแล้ว..ขอบคุณท่านสำหรับทุกอย่าง"

เซียวจ้านหันไปคว้าปิ่นปักผมของหวังอี้ป๋อออกมาแล้วรีบจากไปทันที
เขาไม่รู้ว่ายานอนหลับนั้นจะมีฤทธิ์อยู่นานแค่ไหนจึงต้องทิ้งโอกาสเรียกหาเสี่ยวเฮยที่ตั้งใจจะพาไปด้วยเพื่อเอาตัวรอด

แม้ร่างกายของตนจะขยับมากไม่ได้นักแต่หากไม่จากไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะหาโอกาสไหนได้อีกแล้ว
เซียนป่าท้อยืนหอบอยู่หน้าม่านพลังตรงทางออกที่เสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงบอกไว้

นิ้วมือแตะสัมผัสลงไปก็รู้สึกถึงประกายไฟที่แล่นผ่านจนต้องรีบชักมือออกมา

เซียวจ้านสูดลมหายใจเฮือกหนึ่งแล้วหยิบปิ่นปักผมของหวังอี้ป๋อที่มีไอพลังมารเต็มเปี่ยมแทงลงไปสุดแรง

แกร๊ก!!
ม่านพลังเกิดรอยร้าว เซียนป่าท้อแทงลงไปอีกครั้ง และอีกครั้งจนในที่สุดมันก็แตกออกเป็นวงกว้าง

ด้านนอกนั้นคงมีเทพเซียนจากสวรรค์เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ เมื่อเขาออกไปความบาดหมางระหว่างสองภพก็จะยุติ

ทว่า

"เจ้าคิดจะไปไหน.."

เซียวจ้านขนลุกชันด้วยความหนาวเหน็บ
เขาไม่กล้าหันกลับไปจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

"ข้างนอกมันหนาวนัก เรากลับเข้าห้องกันเถิด เจ้า..ยังเจ็บอยู่บ้างใช่หรือไม่"
เสียงทุ้มนุ่มนวลดังใกล้เข้ามาพร้อมอ้อมแขนที่โอบรัด

เซียวจ้านสะอื้นรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนนั้นทว่ากลับถูกกอดไว้แน่น

"ปล่อบข้า!"
"เซียวจ้าน เจ้าอย่าดิ้นเลย ร่างกายเจ้ายังไม่ค่อยดีนักให้ข้าอุ้มไปพักที่ห้องเถอะ"หวังอี้ป๋อว่าเสียงอ่อนโยนพลางช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นมาอุ้ม

"ไม่! ท่านต้องปล่อยข้าไป เดี๋ยวนี้!"

"ปล่อยเจ้า? เจ้าพูดเรื่องอะไร ทำไมข้าต้องปล่อยเจ้าไปด้วย"
ราชาภพมารแย้มยิ้ม
"คนดี ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่แต่ยานอนหลับเพียงแค่นั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เจ้ากลับไปนอนพักให้สบายเถิด พรุ่งนี้เราค่อยตื่นมาคุยกัน"

น้ำใสๆกลิ้งหล่นจากแก้มนวล
"ปล่อยข้าไปเถอะ..หากยังเป็นเช่นนี้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องจะโดนลูกหลงไปด้วย"

"เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว"
แม้ปากของหวังอี้ป๋อจะยิ้มแต่ดวงตากลับแฝงไปด้วยความเย็นชา

"อย่าให้ข้าล่ามโซ่เจ้าไว้บนเตียงเลยนะ ข้าเป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะข้าพยายามถึงที่สุดแล้ว"

เซียวป่าท้อรู้สึกหนาวสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่าในช่วงจังหวะนั้นอะไรบางอย่างกลับแหวกอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็วจนกระทั่ง

ฉึก!!
หวังอี้ป๋อถ้อยไปก้าวหนึ่งเพราะความเจ็บบริเวณหัวไหล่ ทำให้ต้องปล่อยร่างของเซียวจ้านออกมาจากอ้อมแขน

เซียนป่าท้อเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกธนูเหล็กปักเข้าที่ไหล่อีกฝ่ายจนเลือดอาบ

"พวกสุนัขลอบกัด"ราชาภพมารสบถออกมา
ธนูอีกดอกพุ่งเข้ามาสะกัดมิให้ราชาภพมารเข้าใกล้เซียนป่าท้อพร้อมเสียงตะโกนที่ดังลั่น

"รีบออกมา!"
เสียงอันคุ้นเคยทำให้เซียนจ้านหันหลังฝืนร่างกายที่ยังเจ็บวิ่งตรงไปทางม่านพลังที่เกิดรอยร้าวทันที

"เซียวจ้าน!!"หวังอี้ป๋อคำรามลั่น ลูกธนูเหล็กนับสิบพุ่งออกมาสะกัดอย่างน่ารำคาญใจ
เซียวจ้านวิ่งเข้าไปชนกับใครบางคน คนผู้นั้นลูบหน้าลูบตัวเขาด้วยความโล่งใจ

"ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรีบพาเจ้ากลับเดี๋ยวนี้!"

"ระ รัชทายาท.."

รัชทายาทสวรรค์อุ้มร่างของเซียนป่าท้อไว้ในอ้อมแขนพร้อมบัญชาให้คนอีกกลุ่มยิงสกัดราชาภพมารอย่าได้หยุดจนกว่าพวกเขาจะหลบหนีออกไปได้
เซียวจ้านมองเห็นไอมารที่แผ่ซ่านพร้อมเสียงคำรามอย่างโกรธแค้น เขารีบหลับตาลงไม่อยากรับรู้สิ่งใดอีก..

..ขอโทษ
.
.

เซียวจ้านไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาที่ป่าท้อได้อย่างไร ทว่าเมื่อลืมตาขึ้นมากลับเห็นรัชทายาทสวรรค์และเฒ่าจันทราที่ยืนคอยอยู่

"เจ้าฟื้นแล้ว"
"ข้า.."

"ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยแล้ว"

"เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าสลบไป"เซียนป่าท้อเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ

"ราชาภพมารคลุ้มคลั่ง ระเบิดพลังออกมาสังหารคนของเราไปมาก โชคดีที่ข้าพาเจ้าออกมาทัน"รัชทายาทเอ่ยอย่างโล่งใจพลางลูบแก้มของเซียนป่าท้ออย่างเบามือ
"เจ้าคงลำบากมากใช่หรือไม่"
เขาเอ่ยถามเช่นนั้นเพราะหมอที่มาตรวจอาการบอกแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับร่างกายอีกฝ่าย เขาต้องปิดปากหมอมิให้บอกใคร มิเช่นนั้นเซียวจ้านคง..

"ข้าไม่เป็นไร ลำบากท่านแล้ว"

"เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ สัมผัสไอมารไปมากร่างกายคงไม่ชินกับพลังบริสุทธิ์ของสวรรค์นัก"
รัชทายาทหันไปมองเฒ่าจันทรา
"ท่านมีเรื่องใดก็รีบคุยกับเขา เซียวจ้านต้องพักผ่อนร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้ไว"

ก่อนลูบผมเซียนป่าท้ออีกครั้งแล้วจากไป

เฒ่าจันทราถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ข้ามีสิ่งที่จะมอบให้เจ้า"

ด้านแดงที่ขมวดรัดเป็นปมแน่นหนาถูกยื่นมาให้
"เจ้ารู้อยู่แล้วว่าข้าพลาดเผลอผูกด้ายแดงของเจ้ากับใคร"

เซียนป่าท้อรับมันมามองด้วยแววตาเศร้าสร้อย

"ความรู้สึกของข้ายามนี้เกี่ยวข้องกับด้ายแดงด้วยหรือไม่.."

"ไม่ทราบได้ เรื่องบุญกรรมวาสนา ล้วนเป็นตัวเจ้าที่เป็นคนตัดสิน"
มีเรื่องหนึ่งที่เฒ่าจันทรานึกอยากเล่าแต่ก็กลัวว่าเรื่องนี้อาจเปลี่ยนชีวิตของเซียนป่าท้อได้จึงได้แต่เก็บงำไว้ในใจ

ว่ากันว่าอดีตที่ฝังกลบไปแล้วไม่สมควรขุดขุ้ยจึงได้แต่เอ่ยคำแนะนำไปประโยคหนึ่ง

"ตัวเจ้าเป็นคนเลือก ชะตาของเจ้าล้วนเป็นเจ้าที่ลิขิตมันได้"
"น่าเสียดายที่ข้าอ่อนแอเกินกว่าจะลิขิตมัน.."เซียนป่าท้อแค่นยิ้มก่อนจะพลิกตัวตลบผ้าห่มนอน
"ข้าไม่ส่งท่านนะ"

เฒ่าจันทราถอนหายใจก่อนจะเดินจากไปอีกทาง

เซียวจ้านที่นอนอยู่เก็บด้ายแดงเส้นนั้นไว้ใต้หมอน
ด้ายไม่อาจตัดขาด คนไม่อาจตัดใจ เซียนเช่นเขาสุดท้ายก็ไม่อาจละทางโลกได้เช่นที่คิด..
.
.

เซียวจ้านมองเห็นเด็กน้อยผู้หนึ่งกอดขาเขาทั้งน้ำตา

'ท่านแม่ใจร้ายเหลือเกิน'

'แม่..'

'ท่านแม่ไม่ต้องการข้าหรือ'

เซียนป่าท้อย่อตัวลงกอดเด็กน้อยเอาไว้
'มิใช่ว่าไม่ต้องการแต่มันไม่สมควร'

เจ้าตัวน้อยขยี้ตาก่อนยกแขนโอบกอดเขาแน่น

'ไม่เป็นไร เพราะข้ามาอยู่กับท่านแม่แล้ว'
.
.
สามวันแล้วที่ถูกกักตนอยู่ในป่าท้อมิรู้เรื่องราวของภายนอก ป่าท้อยามนี้ล้อมด้วยม่านพลังของรัชทายาท มีทหารเซียนลาดตระเวนทุกเช้าค่ำ

เซียวจ้านรู้สึกเหงาอยู่บ้างแต่รัชทายาทก็หานางรับใช้ผู้หนึ่งมาช่วยดูแล อยู่เป็นเพื่อนให้คลายเหงา

"ผู้น้อยนามหรงอิ๋น จากนี้จะมารับใช้ท่านเซียน"
"แซ่หรง?"

"มิทราบว่าท่านเซียนติดใจสิ่งใดหรือ"หรงอิ๋นแย้มยิ้ม

"ข้าเคยเจอคนแซ่หรง แต่คนผู้นั้นดูต่างกับเจ้าลิบลับ"

หรงอิ๋นยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปากหัวเราะ
"ผู้แซ่หรงมีถมเถ ท่านเซียนอย่าได้ติดใจเรื่องเล็กน้อยเลย ผู้น้อยมารับใช้ท่านเซียนไม่ว่าสิ่งใดท่านเซียนล้วนสั่งการผู้น้อยได้สิ้น"
เซียวจ้านคงนึกระแวงไปเอง

"ที่นี่ไม่มีสิ่งใดให้ทำมากนัก เจ้าเพียงดูแลต้นท้อให้ออกดอกเสมอ หุงหาอาหารหรือตักน้ำก็ได้ เพียงอยู่เป็นเพื่อนข้า ข้าก็พอใจแล้ว"

"ท่านเซียนมักน้อยนัก หากท่านเซียนกระดากใจเรียกชื่อหรงอิ๋น ท่านเซียนเรียกผู้น้อยว่าเสี่ยวอิ๋นก็ย่อมได้"
เซียนป่าท้อยิ้มตอบ

ไม่กี่วันถัดมารัชทายาทก็มาหาเขาอีกครั้งทว่าโอรสสวรรค์กลับโอบกอดหรงอิ๋นอย่างสนิทสนม

"นี่ มิใช่ว่า.."เซียวจ้านมองคนทั้งสองจนเข้าใจอะไรบางอย่าง

หรงอิ๋นยิ้มเขินอายรีบผละออกจากอ้อมแขนอีกฝ่ายทันที
"..ทำให้ท่านเซียนลำบากใจแล้ว"
ชายหนุ่มอีกคนกระแอมออกมาทีหนึ่ง

"เสี่ยวอิ๋นคือคนรักของข้า ข้าไว้ใจให้นางดูแลเจ้าได้"

ที่แท้คือนางสวรรค์ในใจของรัชทายาท..

"ข้าเข้าใจดี"

"ผู้น้อยต่ำศักดิ์ ได้รับความกรุณาจากองค์รัชทายาทนับว่าเป็บุญคุณล้นเหลือ"
หรงอิ๋นก้มหน้าอย่างรู้สถานะตนเอง

"เจ้าอย่าพูดเช่นนั้น ข้ารักเจ้ามิได้สนเรื่องฐานะ รอให้ข้าได้รับความดีความชอบปราบราชาภพมารได้จะขอพระราชทานสมรสจากท่านพ่อให้เราตบแต่งกันอย่างถูกต้อง"

เห็นคนทั้งสองแสดงความห่วงใยกันเซียวจ้านก็เริ่มทำตัวไม่ถูก

อี้ป๋อ..จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ
"เรื่องด้านนอกนั่นเกิดอะไรขึ้นบ้างบอกข้าได้หรือไม่"เซียวจ้านเอ่ยถามแต่ท่าทีของรัชทายาทราวกับไม่อยากตอบ

"ราชามารตนนั้นส่งมารเข้ามาก่อกวนบนแดนสวรรค์ ทั้งยังสังหารคนของเราที่ข้าส่งไปสอดแนมจนหมด คงต้องสังหารมารหวังอี้ป๋อทิ้งเสียเพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อสวรรค์อีก"

เซียนป่าท้อตกตะลึง
"ต้องสังหารเลยหรือ!"

"ตอนนี้มารตนนั้นบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งก่อน ลูกธนูเหล็กที่ข้ายิงไปคราวนั้นอาบยาพิษ หากไม่รีบจัดการตอนที่ยังอ่อนแอคงหาโอกาสดีๆเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว"

เซียนป่าท้อใจสั่น
"ไว้ที่ชีวิตเขาเถอะ แค่บาดเจ็บจนยุ่งกับสวรรค์ไม่ได้ก็พอแล้วมิใช่หรือ!"
"เซียวจ้าน เจ้าเป็นคนจิตใจดีแต่หากปล่อยเนื้อร้ายทิ้งไว้มิรู้วันใดจะลุกลามทำให้เราเดือดร้อนอีก เชื่อข้าเถอะ มารสารเลวตนนั้นสมควรตายแล้ว"
รัชทายาทเอ่ยเสียงราบเรียบก่อนจะหันไปพูดกับคนรักของตน

"ดูแลเซียวจ้านให้ดี หากมีสิ่งใดผิดปกติให้รีบบอกข้า"

"เสี่ยวอิ๋นทราบแล้วเจ้าค่ะ"
เมื่อผู้มาเยือนจากไปร่างของเซียนป่าท้อก็ทรุดลงไปทันที

"ท่านเซียน!"หรงอิ๋นรีบเข้าไปประคอง

"ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้.."

"ท่านเซียนระวังตัวหน่อยเถิด ร่างกายยังไม่แข็งแรง ผู้น้อยเป็นห่วงนัก"นางประคองเซียนป่าท้อให้นั่งพลางพัดวีให้
"แค่มารสมควรตายตนหนึ่งท่านเซียนอย่านึกอาลัยให้เลย"

"หากเจ้าไม่รู้อะไรแล้วพูดออกมาก็หุบปากเถอะ"

"......."

เซียวจ้านสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
"ข้าไม่ได้ตั้งใจ..เจ้าออกไปข้างนอกก่อนเถอะ ข้าอยากนอนพัก"

"..ผู้น้อยทราบแล้ว หากท่านเซียนต้องการสิ่งใดเรียกใช้ผู้น้อยได้เสมอ"
หัวใจของเซียวจ้านเจ็บปวด ทว่ากลับหลั่งน้ำตาไม่ออก ล้วนเป็นเขาที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้

"อี้ป๋อ..อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ"
.
.

ยามนี้เซียวจ้านมิได้ฝันร้ายเช่นเก่าแล้ว อาจเพราะตัวเองมักจะหลับๆตื่นๆจนไม่ได้ฝัน
ได้ยินว่าราชาภพมารบาดเจ็บสาหัส สามวันดีสี่วันไข้ เมื่อมาที่แดนสวรรค์ก็ถูกรัชทายาทไล่ต้อนกลับไปทุกครั้ง

ศึกครั้งนี้ยืดเยื้อเข้าเดือนที่สาม หรงอิ๋นบอกข่าวว่าเพราะรัชทายาทเห็นแก่เขาจึงไม่ฆ่าราชาภพมาร ทำเพียไล่ต้อนให้อีกฝ่ายกลับไปเช่นทุกครั้ง

อี้ป๋อบาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้นเลยหรือ..
หากตอนนั้นอี้ป๋อไม่ได้อุ้มเขาคงปัดธนูอาบยาพิษดอกนั้นออกไปได้..

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้ยิ่งว้าวุ่นใจจนไม่อยากทำอะไรกระทั่งร่างกายยังล้มป่วยเสียดื้อๆ

"อ๊อก--แค่ก!"

หรงอิ๋นรีบยื่นกระโถนให้อีกฝ่ายด้วยสีหน้ากังวล

"ท่านเซียนอาเจียนมาสามสี่วันแล้วเจ็บป่วยเช่นนี้เรียกหมอดีหรือไม่"
"ไม่ต้อง คงเพราะผลของไอมารที่ยังตกค้างข้าจึงเจ็บป่วย รอให้ร่างกายปรับตัวได้ก็จะหายไปเอง"เซียนป่าท้อโบกมือปฏิเสธ

"เช่นนั้นท่านเซียนหิวหรือไม่ ผู้น้อยหุงหาอาหารเอาไว้แล้ว"

ยามปกติเซียวจ้านไม่กินอะไรเป็นเดือนก็อยู่ได้แต่ยามนี้กลับหิวจนท้องไส้ปั่นป่วน

"ข้าอยากกินเนื้อ"

"เนื้อ?"
หรงอิ๋นรู้สึกฉงน
"ปกติท่านเซียนไม่กินเนื้อมิใช่หรือ"

"ตอนนี้ข้าอยากกิน เนื้อหมูหรือไก่ก็ได้ เนื้อปลาก็ได้เจ้ารีบไปทำมาเถอะ ข้าหิวจะแย่อยู่แล้ว"

เขาหิวเหลือเกิน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะหิวได้ถึงเพียงนี้

"มีปลาอยู่ที่โรงครัว ผู้น้อยจะรีบไปทำอาหารให้ท่านเเซียน"หรงอิ๋นรีบเดินจากไป
เพียงแค่ปลาเผาสองตัวแต่เซียนป่าท้อกลับกินจนหมดเกลี้ยง ทั้งวันนี้ยังเพิ่มข้าวถึงสองถ้วยจนหรงอิ๋นยิ่งแปลกใจ

"วันนี้ท่านเซียนเจริญอาหารนัก"

"ข้าอยากกินลูกท้อ"

"เจ้าคะ?"

"เจ้าไปเก็บท้อมาให้ข้าสักสามผลเถอะ"

เขายังหิวอยู่เลย
..โชคดีที่ท้อสามผลทำให้อิ่มได้

หรงอิ๋นมองเซียนป่าท้อยิ้มๆแต่ก็มิได้พูดอะไรราวกับแน่ใจอะไรบางอย่างแล้ว

"หากท่านเซียนชอบกินเนื้อ วันรุ่งขึ้นผู้น้อยจะไปขอเนื้อจากครัวหลวงให้ดีหรือไม่"

"อือ.."

"ส่วนผลท้อ ผู้น้อยจะนำไปแช่น้ำเย็นเวลาทานจะได้สดชื่นดีหรือไม่"

"อือ"
เซียนจ้านตอบรับในลำคอพลางลูบท้องตัวเองปอยๆ

อิ่มจนท้องตึงขนาดนี้เลยหรือ..

"วันนี้ผู้น้อยจะนำผ้าห่มเข้าไปในห้องนอนท่านเซียนเพิ่มอีกสักผืน รู้สึกว่าช่วงนี้จะเริ่มหนาวแล้ว ท่านเซียนคิดเห็นอย่างไร"

"ก็ได้"
"ปกติแล้วผู้น้อยต้องรายงานเรื่องของท่านเซียนกับรัชทายาทเสมอโดยเฉพาะเมื่อท่านเซียนอาเจียนหรือกินจุเช่นนี้แต่ผู้น้อยจะเก็บงำเรื่องนี้ไว้เป็นความลับดีหรือไม่"

"ไม่ต้องบอกเขาหรอก เขาไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของข้า"

"ผู้น้อยทราบแล้ว"
หรงอิ๋นค้อมกายก่อนเดินออกไปเก็บผลท้อแช่ในอ่างน้ำเย็นรอเผื่อเซียนป่าท้อนึกหิวอีก

หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน เซียวจ้านเอนตัวลงนอนที่ตั่งเพื่อพักสายตา มือเรียวบางลูบท้องของตนอย่างเผลอไผล
.
.

ห้วงฝันที่ห่างหายไปนานกลับมาอีกครั้ง
เด็กน้อยในฝันร้องไห้จ้าจนเซียวจ้านต้องอุ้มขึ้นมาปลอบ

'เจ้าร้องไห้ทำไม?'

'ฮึก..คิดถึงท่านพ่อ'เจ้าตัวน้อยสะอื้นโอบรอบคออีกฝ่ายพลางซบหน้าร้องไห้
'ท่านแม่ ข้าอยากเจอท่านพ่อ'

'.......'เซียวจ้านไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่ลูบหลังเด็กน้อยเบาๆ

'ฮือ อยากเจอท่านพ่อ'

'..เจอไม่ได้หรอก'
เขากอดเด็กน้อยเอาไว้แน่น

'ขอโทษนะ..'
.
.

"ท่านเซียน..ท่านเซียนตื่นเถอะ"

เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นหรงอิ๋นอยู่ตรงหน้า

"อย่ามานอนตรงนี้เลย ท่านเซียนเข้าไปพักผ่อนในห้องนอนเถิด ผู้น้อยเตรียมผ้าห่มเอาไว้แล้ว"

"อือ.."เซียวจ้านรู้สึกเวียนหัว จู่ๆก็นึกคลื่นไส้ขึ้นมาอีกแล้ว
"ท่านเซียนเวียนหัวหรือ ผู้น้อยเตรียมยาหอมเอาไว้แล้วท่านเซียนต้องการหรือไม่"

"ข้าอยากได้กระโถน"

..กลายเป็นว่าที่กินไปล้วนออกมาหมด
"แหวะ!"
เซียนป่าท้ออาเจียนออกมาจนหน้าซีดเผือดจนหรงอิ๋นต้องรีบลูบหลังให้หายใจหายคอได้สะดวก

"พรุ่งนี้ผู้น้อยไปขอยาจากท่านหมอมาให้ท่านเซียนน่าจะดีกว่า"
"ยาอะไร.."เซียวจ้านรวบผมทัดข้างหูพลางเงยหน้าจากกระโถนขึ้นมาถาม

หรงอิ๋นเพียงแค่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
"แค่ยาแก้อาเจียนทั่วไป ท่านเซียนทานหน่อยก็น่าจะดีขึ้น"

"เช่นนั้นก็ได้ แค่ก--"
ไม่ไหวแล้ว เหตุใดถึงคลื่นไส้ได้ถึงเพียงนี้
อาการเวียนหัวและคลื่นไส้เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนร่างกายของเซียนป่าท้อแทบรับไม่ไหว

ยามหิวก็กินจนอิ่ม แต่ยามอาเจียนก็ออกจนหมด

ยาที่หรงอิ๋นนำมาให้ช่วยได้เพียงเล็กน้อย จากอาเจียนวันละสามเวลาก็ลดลง ถึงอย่างนั้นน้ำขมปร่าก็ยังออกมาจากลำคอเสมอแม้ไม่มีอะไรอยู่ในท้อง
"อาการท่านแย่ลงทุกวันรู้ตัวหรือไม่"หรงอิ๋นใช้ผ้าเช็ดใบหน้าชื้นเหงื่อของอีกคน

"ข้ารู้"

"ท่านรู้ แต่ท่านก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าตัวเองเป็นอะไร"หรงอิ๋นส่ายหน้า

"เจ้าพูดเหมือนรู้?"

"แน่นอน ใครเห็นก็ยอมรู้ ท่านเซียนลองนึกดูให้ดีเถิดว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่"
เซียนป่าท้อลอบกลืนน้ำลาย มือแตะท้องตัวเองด้วยความกังวล

ที่ผ่านมาตัวเองพยายามคิดว่าไม่ใช่เพราะกินยาไปแล้วแต่ทำไม..

"เป็นไปไม่ได้"

"หากเกิดเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งท่านเซียนจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ได้อย่างไร"

ไม่.. ต้องมิใช่เช่นนี้สิ!
"..ข้ากินยาไปแล้ว"เซียวจ้านเสียงสั่นเครือ

หรงอิ๋นโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหู
"ท่านเซียนช่างไร้เดียงสานัก ท่านสมสู่กับมาร พลังหยินย่อมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า ยาที่ท่านกินไปมิได้ช่วยอะไรเลย"

เซียนป่าท้อเบิกตากว้าง

เขากำลังตั้งครรภ์..

..กับราชาภพมารหวังอี้ป๋อ
"ท่านเซียนไม่ต้องกังวลไป ผู้น้อยจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครแน่นอน"
หรงอิ๋นคลี่ยิ้มแล้วลุกเอากระโถนออกไปเปลี่ยน ทิ้งให้เซียนป่าท้อจับท้องตัวเองด้วยสีหน้าที่กังวล

ยามที่ยอมมอยกายให้หวังอี้ป๋อเขาเพียงคิดว่ายอมให้ร่างกายแปดเปื้อนแต่ต้องรักษาครรภ์อันบริสุทธิ์นี้ไว้
ทว่ายามนี้ทุกกลับไม่เป็นเช่นที่คิด กระทั่งครรภ์ที่ได้รับพรจากสวรรค์ก็มีเจ้ามารตัวน้อยมาอาศัย

ตัวเขาไม่มีสิ่งใดให้เรียกว่าเซียนผู้บริสุทธิ์สูงส่งอีกแล้ว..

หากสวรรค์รู้ว่าเขาตั้งครรภ์เลือดเนื้อเชื้อไขของมาร เด็กคนนี้ไม่พ้นโดนกำจัด ผิดกฏสวรรค์ร้ายแรงตัวเขาเองก็ต้องโดนลงทัณฑ์
เซียวจ้านลูบท้องด้วยความกังวล ที่แท้ฝันเพ้อเจ้อที่ผ่านมาคือฝันบอกเหตุ เด็กคนนั้นรอคอยมาเกิดจากครรภ์ของเขาอยู่ตลอด

หากอี้ป๋อมิใช่มาร หากเขามิใช่เซียนมันคงจะดีกว่านี้

เป็นกรรมอันใดของเขากันหนอ..

"เด็กน้อย มิใช่ว่าข้าไม่ต้องการเจ้าแต่การที่เจ้ามาอยู่กับข้ายามนี้เจ้าจะเป็นอันตราย"
ชั่วขณะนั้นเซียวจ้านพลันคลื่นไส้อยากอาเจียน อาการแพ้ท้องรุนแรงราวกับเจ้าตัวน้อยกำลังกลั่นแกล้งเขาทำให้เผลอสะอื้นออกมาด้วยความเสียใจ

"อึก..พอได้แล้ว"

น้ำขมปร่าถูกขย้อนออกจากลำคออีกครั้ง
.
.
เพราะอาการแพ้ท้องติดต่อกันหลายวันทำให้เซียวจ้านรู้สึกอ่อนล้า ยามหิวก็หิวจัดแต่เมื่อคลื่นไส้ก็ออกจนหมดสร้างความทรมานให้ร่างกายยิ่งนัก

"ท่าทางเด็กคนนี้จะแข็งแรง แกล้งแม่ไม่หยุดเชียว"หรงอิ๋นปิดปากหัวเราะก่อนจะยื่นยาบำรุงครรภ์ให้อย่างทุกครั้ง
ใบหน้าของเซียนป่าท้อซีดเซียว ได้ยินว่าวันนี้รัชทายาทจะมาเยี่ยมเยียนหากจะอาเจียนก็ต้องอาเจียนให้หมดตอนนี้ก่อนจะถูกสังเกตเห็น

"อ๊อก--แหวะ!"

"เขาเป็นอะไร?"
ไม่ทันไรคนคุ้นเคยก็เข้ามาหา หรงอิ๋นรีบออกไปรับหน้าทันที

"ท่านเซียนแพ้อาหารบางชนิดจึงอาเจียนออกมาไม่หยุดเท่านั้น"
"แพ้อาหาร เสี่ยวอิ๋นเหตุใดเจ้าไม่ระวังเลย"รัชทายาทตำหนิคนรักไปทีหนึ่ง

"เสี่ยวอิ๋นขออภัย เสี่ยวอิ๋นไม่ทราบจริงๆ.."
เห็นคนรักหน้าเศร้าหมองโอรสสวรรค์ก็ใจอ่อน

"ช่างเถอะ ข้าจะเอาไปดูหน่อย"

ทว่าสภาพของเซียนป่าท้อยามนี้ไม่สมควรรับแขกยิ่งนัก
"เจ้าเจ็บป่วยถึงเพียงนี้เหตุใดไม่เรียกหมอ"

เซียวจ้านไม่ตอบเพราะคลื่นไส้จนต้องสำรอกออกมา

"เสี่ยวอิ๋น ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!"

"ตะ แต่.."หรงอิ๋นมีท่าทีลังเล

"เร็วเข้า หากเซียวจ้านเป็นอะไรข้าคงต้องรู้สึกผิดไปตลอดเป็นแน่"

เซียวจ้านนึกอยากห้ามแต่แม้แต่แรงเอ่ยปากยังไม่มี
หรงอิ๋นสูดลมหายใจรีบรับคำสั่งออกไปทันที

"ไม่.."เซียนป่าท้อเสียงสั่นเครือ

จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้

"ร่างกายเจ้าคงโดนไอมารไปมากจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้ เจ้าอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าเอง"รัชทายาทลูบแก้มอีกฝ่ายอย่างนิ่มนวล
เซียวจ้านรีบล้างปากดันตัวอีกฝ่ายออกห่าง

"ไม่เอาหมอ ข้าดูแลตัวเองได้"

"เมื่อก่อนเจ้ามิได้ดื้อถึงเพียงนี้ ภพมารทำอะไรกับเจ้า เจ้าถึงดูแปลกไป"รัชทายาทขมวดคิ้ว

เซียวจ้านไม่สามารถให้คำตอบได้

"หรือเจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่"
"........"

"เจ้าบอกข้ามาเถอะ ข้าต้องรับผิดชอบเจ้า งานสมรสครั้งนั้นล้มเพราะข้ามีใจให้เสี่ยวอิ๋น ทำเจ้าเดือดร้อนที่ได้พรจากท่านพ่อจนเจ้าต้องครองพรหมจรรย์ เจ้ามองข้าเป็นพี่ชายคนหนึ่งได้หรือไม่"
แม้รัชทายาทจะเอ่ยอย่างจริงใจแต่เซียวจ้านไม่อาจตอบได้
หมอหลวงมาถึงแล้ว หรงอิ๋นมีท่าทีเสียใจ หัวใจของเซียวจ้านเองก็เต้นเร็วด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หากเขาขัดขืนรัชทายาทต้องสงสัยเป็นแน่จึงต้องยินยอมยื่นมือให้ท่านหมอตรวจชีพจร

"......."หมอหลวงมองหน้าของเขาแล้วมุ่นคิ้ว

"เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ"

รัชทายาทรีบเอ่ยถาม
"ท่านเซียน..กำลังตั้งครรภ์จึงแพ้ท้องหนักพะยะค่ะ"

มันจบแล้ว..

รัชทายาทเบิกตากว้างรีบโพล่งออกมาเสียงดัง
"เป็นไปไม่ได้! ตอนข้าพาเขากลับมาข้าให้เขากินยาสลายครรภ์ตอนสลบไปครั้งก่อน เหตุใดยังตั้งครรภ์อยู่อีก!"

ยานั้นสมควรทำให้ชีวิตที่อาจกำเนิดไม่สามารถกำเนิดได้อีกแท้ๆ!
เซียนป่าท้อมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ

รัชทายาทรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กัยอี้ป๋อ ทั้งยังให้ยาสลายครรภ์ที่มีฤทธิ์หยุดการตั้งครรภ์ได้รุนแรงกว่ายาระงับครรภ์ที่เขากินไปครั้งก่อน

ที่เขากินไปเป็นเพียงยาระงับครรภ์ธรรมดาแต่ยาสลายครรภ์นั้นต่อให้ทารกกำลังจะเกิดก็สามารถทำให้แท้งได้โดยง่าย
"ทะ ท่าน.."

"เด็กในท้องเกิดจากพลังหยินรุนแรง บิดาเป็นผู้ใช้วิชามาร หากมิใช่คนที่มีวิชามารกำจัดก็มิสามารถทำลายได้.."

..และยิ่งเป็นเด็กที่สืบเชื้อสายของราชาภพมารโดยตรงเช่นนี้

"เอาออกมิได้หรือ"รัชทายาทเอ่ยถามด้วยความกังวล ทำเอาเซียนป่าท้อผวารีบกอดท้องตัวเองไว้
แม้เซียวจ้านจะกังวลที่มีเจ้าตัวน้อยแต่เขาก็มิได้คิดเอาออกเสียหน่อย!

"ท่านกล้าพูดว่าจะทำร้ายลูกข้าได้อย่างไร!"

"เซียวจ้าน เจ้าทำผิดกฎสวรรค์และข้ากำลังหาทางออกให้เจ้าอยู่"

"การทำลายชีวิตหนึ่งเพื่อรักษาอีกชีวิตหนึ่งคือทางออกหรือ!"

"ใช่!!"รัชทายาทตวาดลั่น
"เจ้าเป็นเซียน ข้าอุส่าปล่อยผ่านมิให้ท่านพ่อรู้ว่าเจ้าได้เสียกับมารตนนั้นเพื่อไม่ให้เจ้าถูกลงโทษแต่ยามนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์หากไม่เอามารหัวขนตนนี้ออก ต่อให้เจ้าจะสูงส่งเพียงไหนก็ไม่พ้นโดนโทษตัดสินให้กระโดดลงจากแท่นประหารเซียน!"

ผู้คนในที่นั้นล้วนก้มหน้ามิกล้ารับโทสะของรัชทายาท
"ข้าพยายามรับผิดชอบเจ้าหลังงานสมรสครั้งนั้นยกเลิกแล้วดูเจ้าสิ เหตุใดจึงทำตัวเองจนเกิดผลเช่นนี้"

เซียวจ้านรับรู้แล้วว่าไม่ว่ามารหรือเซียนก็เหมือนกันทั้งหมด..ใครเล่าบัญญัติให้ผู้หนึ่งสูงส่งและอีกอีกผู้หนึ่งต่ำต้อย

"ท่านไม่มีทางได้แตะต้องเด็กคนนี้ ชีวิตข้า ข้าเลือกเอง!"
รัชทายาทแค่นยิ้ม ตรงเข้าไปดึงแขนอีกฝ่ายให้สบตา

"ชีวิตเจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก เจ้าเป็นคนของสวรรค์ หากไม่ทำตามกฏสวรรค์จะนับว่าเป็นเซียนได้อีกหรือ"

เซียนป่าท้อจ้องตากลับ

"หากเป็นเซียนแล้วต้องเป็นเช่นนี้ข้าขอไม่เป็นอีกต่อไปดีกว่า"
เพียะ!

"ท่านเซียน!"หรงอิ๋นร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าของเซียนป่าท้อหันไปตามแรงตบ

"เจ้าคงโดนมารล่อลวงจนเสียสติไปแล้ว"

"........"เซียวจ้านจับแก้มตัวเองที่ร้อนผ่าว

"ข้าจะนำเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านพ่อ ท่านคงมีทางออกให้เจ้า เสี่ยวอิ๋น พรุ่งนี้เจ้ามารับใช้เขาวันสุดท้ายก็พอแล้ว"
รัชทายาทจากไปแล้ว หรงอิ๋นรีบเข้ามาช่วยประคบแก้มด้านที่โดนตบให้เซียนป่าท้อ

"ท่านเซียน ชีวิตหนึ่งแลกอีกชีวิต ผู้น้อยคิดว่าอาจจะคุ้มค่าก็ได้นะเจ้าคะ"

"เจ้าพูดได้เพราะนั่นไม่ใช่ลูกเจ้าเสียหน่อย"

"........"

"ถ้าข้าเชื่ออี้ป๋อ ทั้งเขาและข้าคงไม่เป็นเช่นนี้.."
"ท่านเซียนอย่าโทษตัวเองเลย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอนาคตหรอก"หรงอิ๋นเอ่ยปลอบ

"ข้าอยากกลับไปหาเขา.."เซียวจ้านเอ่ยคำพูดนี้มาจากใจจริง สิ่งที่เขานำติดตัวมาจากภพมาร สิ่งนี้อาจจะช่วยอี้ป๋อได้

หรงอิ๋นที่หันออกมาเพียงแค่ยิ้มมุมปาก
วันรุ่งขึ้นคำตัดสินส่งมาถึงในตอนที่เซียนป่าท้อเป็นไข้อ่อนๆจากการแพ้ท้องอย่างหนัก

ทหารเซียนเข้ามามัดตัวเขาพาไปที่หนึ่งซึ่งเหล่าเทพเซียนอยู่กันพร้อมหน้า หรงอิ๋นเองก็รีบตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

"ท่านเซียนกำลังเจ็บป่วย ให้ท่านเซียนได้รักษาตัวก่อนเถอะ!"
รัชทายาทรีบกันคนรักของตนออกห่าง

"เสี่ยวอิ๋น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า อยู่เฉยๆเถอะ"

เซียวจ้านหันมองหรงอิ๋นแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

รัชทายาทเดินเข้ามาตรงหน้าพร้อมเปิดสาส์นอ่านคำประกาศขององค์จักรพรรดิต่อหน้าทุกคน
"เนื่องด้วยเซียนป่าท้อกระทำผิด สมสู่กับราชาภพมารจนทำให้ครรภ์อันบริสุทธิ์แปดเปื้อน ยามนี้ตั้งครรภ์ลูกของมาร ผิดกฎสวรรค์สมควรกระโดดลงจากแท่นประหารเซียน ทว่าเนื่องจากเซียนป่าท้อกระทำความดีอยู่ในศีลธรรมมาตลอดจึงลดโทษเหลือเพียงเนรเทศไปหุบเหวกักเซียนเป็นเวลาร้อยปี"
ทุกคนในที่นั้นต่างส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ เฒ่าจันทราที่อยู่ตรงนั้นเผลอส่ายหน้า กระทั่งเซียวจ้านเองยังเบิกตากว้างไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินกับหู

หุบเหวกักเซียนคือสถานที่ซึ่งกาลเวลาไม่อาจเคลื่อนไหว ที่นั่นไร้แสง ไร้อาหาร ไร้สิ่งบันเทิงใดๆ
แต่เพราะเป็นเซียน แค่ร้อยปีจึงอยู่ได้โดยมิใช่เรื่องยาก ทว่าร้อบปีนี้กาลเวลาไม่อาจเคลื่อนไหว..เด็กในครรภ์จะไม่มีทางเติบโตตามธรรมชาติและเซียวจ้านไม่อาจคลอดออกมาได้

ธรรมชาตินั้นครบเก้าเดือนต้องคลอด แต่หากร้อยปีแล้วยังไม่อาจคลอด นั่นหมายความว่ารัชทายาทหมายจะให้ลูกของเขาตายอย่างช้าๆ
"สารเลว!"

"ระวังคำพูดของเจ้าด้วยเซียนป่าท้อ ร้อยปีนี้จงสำนึกผิดอยู่ในเหวกักเซียน ทบทวนว่าเจ้าทำสิ่งใดพลาดไปและบอกลาเด็กในท้องของเจ้าเสีย มันจะตายในครรภ์เจ้าอย่างช้าๆ เมื่อครบร้อยปีแล้วข้าจะไปรับเจ้ากลับมา"
รัชทายาทเอ่ยอย่างเย็นชาก่อนจฝส่งสัญญาณให้คนพาเซียวจ้านไปยืนที่ปากเหว
"ปล่อยข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"

เซียวป่าท้อสะอื้นจนน้ำตาไหลอาบแก้ม นึกภาวนาให้ใครสักคนช่วยแต่ในที่นี้ทุกคนล้วนมองเขาเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ถ้อยคำประณามกล่าวหาว่าเขาโดนมารล่อลวง ละทิ้งผิดชอบชั่วดีสมสู่กับมารดังอยู่โดยรอบ หรือคำว่าลูกของมารกับเซียนไม่สมควรเกิดยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บในอก
ตัวเขาผิดมากเลยหรือ..

"เจ้าไม่ต้องห่วง เชือกจะคลายตัวลงเมื่อเจ้าลงสู่ก้นเหว ทหาร! ผลักเขาลงไป!"

รัชทายาทเอ่ยคำตัดสิน ในใจของเขามองเซียวจ้านเป็นน้องชาย แต่เมื่อน้องชายทำผิดเขาก็ต้องลงโทษ ทั้งนี้ยังเป็นทางเดียวที่ช่วยกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นกับเซียนเช่นเซียวจ้านได้
เซียวจ้านดิ้นรนจนถึงวินาทีสุดท้าย กระทั่งร่างกายถูกผลักให้ร่วงหล่นสู่ความมืด เซียนป่าท้อหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม

อี้ป๋อ
ข้ารักเจ้านะ..

ฟุ่บ!
เงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามาคว้าร่างของเซียวจ้านร่วงลงสู่ก้นเหวไปพร้อมกัน!

รัชทายาทมองภาพนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา

"หรงอิ๋น?!!"
.
.
ตั้งแต่ยังเล็กเขาเกลียดบิดาของตนเองมาตลอด..

สำหรับหรงเฉียน บิดาเป็นเพียงผู้ให้กำเนิดที่ไม่ได้ตั้งใจจะมีเขาตั้งแต่แรก ราชามารเฒ่าตนนี้สิ้นหวังที่จะให้เขาสืบทอดบังลังก์ต่อไปตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าบิดาจะดึงเอามนุษย์ผู้หนึ่งมาสอนสั่งวิชามาร

มนุษย์หน้าโง่ที่มีนามว่าหวังอี้ป๋อ
'เจ้าจะเรียนวิชามารไปทำไม'ครั้งหนึ่งหรงเฉียนเคยถามมนุษย์ตนนั้นที่กำลังเฝ้าฝึกวิชาจากตำราของบิดาตนในป่า

'ข้าอยากมีพลังเพื่อปกป้องภรรยาเท่านั้น'

หรงเฉียนเพียงพยักหน้าเข้าใจ

มนุษย์ก็มีความโลภเช่นนี้ มิรู้ว่าบิดาไปสรรค์หาชายโลภมากคนนี้จากไหน

'ข้านึกว่าเจ้าอยากเป็นมารเสียอีก'
'ข้าจะเป็นมารทำไม เป็นมนุษย์มีภรรยาที่รักก็เพียงพอแล้ว'

หรงเฉียนนึกอยากสำรอก หากต้องการแค่เพียงนั้นมีหรือจะฝึกวิชามาร

ราชามารเฒ่านั่นก็กระไร ใช้เขามาเฝ้าเจ้ามนุษย์นี่ฝึกทั้งวันทั้งคืน เห็นลูกเช่นเขาเป็นเพียงข้ารับใช้แล้วหรือ
'ฝึกวิชามารย่อมเป็นมาร หากอยากแค่ปกป้องภรรยาจำเป็นต้องฝึกวิชามารเลยหรือ'

มนุษย์หน้าโง่วางธนูในมือที่ใช้ล่าสัตว์หันมามองหน้าเขา

'ภรรยาของข้างดงามนัก แม้ตบแต่งเป็นภรรยาแล้วก็ยังมีคนมาวุ่นวายไม่ขาด ทุกวันจึงต้องให้อยู่เพียงในบ้านถึงอย่างนั้นเวลาไปตลาดนางก็มักถูกทำรุ่มร่ามเสมอ'
ดวงตาของชายตรงหน้าวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น หรงเฉียนนึกผิวปากด้วยความชอบใจ

'ข้าอยากเก่งกาจมากกว่านี้เพื่อไปจัดการพวกมันให้สิ้น'

สมเป็นมนุษย์แล้ว รักโลภโกรธหลงไม่อาจปล่อยวาง มิน่าบิดาของเขาถึงชอบเจ้ามนุษย์นี่

'ขอให้เจ้าฝึกสำเร็จแล้วกัน'
เมื่อฝึกสำเร็จเจ้าก็จะลืมนางคนนั้นไปแล้ว..

หรงเฉียนไม่เชื่อในเรื่องรัก เช่นที่บิดาไม่เชื่อว่ามารดาของเขาจะรักบิดาได้จากใจจริง

บิดาของตนตั้งใจให้หวังอี้ป๋อเป็นมาร อย่างไรมนุษย์ผู้นี้ก็ต้องเป็นมารในสักวัน
..และบิดาเองก็คาดหวังว่าเขาจะทำให้มนุษย์หน้าโง่ตนนี้เป็นมารได้สำเร็จ
'เจ้ามนุษย์นั่นฝึกไปถึงไหนแล้ว'
มารเฒ่าเอ่ยถามเสียงห้วน หรงเฉียนเองก็ตอบกลับอย่างขอไปที

'ตอนนี้ล่าสัตว์ก็ไม่จำเป็นต้องง้างคันธนูแล้ว ท่านนี่สนใจเขายิ่งกว่าลูกแท้ๆเช่นข้าอีกนะ'

'แล้วเจ้ามีอะไรให้สนใจ? เป็นแค่วิชาแปลงกายเล็กๆน้อยๆ ไร้ประโยชน์เช่นแม่เจ้าไม่ผิด'
'......'
ทั้งที่เขาเป็นลูกของตาเฒ่านี่แต่กลับไม่ได้วิชาอะไรมาเลยสักนิด น่าน้อยใจนักที่ตนสามารถอวดเก่งได้เพียงวิชาแปลงกายของมารดาเท่านั้น

นึกอิจฉามนุษย์หน้าโง่ที่ดึงความสนใจของมารเฒ่าตนนี้ไปได้

'ข้าแก่เฒ่าแล้ว อยากได้คนมาสืบต่อ'

หรงเฉียงเงยหน้ามอง

'ไม่ใช่เจ้า'
ยังคงใจร้ายกับเขาเสมอเช่นที่ใจร้ายกับมารดาของเขา

หรงเฉียนแค่นหัวเราะก่อนเอาโทสะทั้งหมดไปลงกับหวังอี้ป๋อ อ้างว่าเป็นการฝึกฝน และใช่เจ้ามนุษย์นี่พัฒนาขึ้นทุกวัน

เจ้ามนุษย์โง่เง่า เป็นมนุษย์ก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ!
..ในยามที่หวังอี้ป๋อสำเร็จวิชามารเขาหาได้ยินดีไม่ ซ้ำร้ายในตอนที่ไปเย้าแหย่ภรรยาคนงามนั่นยังถูกอีกฝ่ายไล่ต้อนกลับจนเกือบเสียท่า

ภรรยาที่เหมือนบ่วงรัดคอนางนั้นมีอะไรดีนัก

'หรงเฉียน ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าหากวันใดมนุษย์ตนนั้นสำเร็จวิชามารให้นำมาหาข้า'มารเฒ่าเอ่ยตำหนิ
'เขาอยากอยู่กับภรรยา จะให้ทำอย่างไรได้'

ใครจะรู้ว่าหลังจากเอ่ยคำนั้นชีวิตของเขากลับต้องเปลี่ยนไป..
.
.

ภาพตรงหน้าของหรงเฉียนมีเพียงเปลวเพลิงและหยดเลือดที่กระเซ็นเต็มพื้น

ร่างของหญิงสาวนางนั้นถูกแทงเข้ากลางอกจนล้มลงอย่างน่าเวทนา

'ทะ..ท่าน พี่..'
กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิตนางยังกอดท้องกลมนูนของตนด้วยความหวงแหน น้ำตาและเลือดเปรอะเปื้อนใบหน้า พยายามหอบหายใจประคองสติ

'อะ..อี้..'
เลือดแดงฉานไหลรดมุมปาก

หรงเฉียนยืนนิ่งมองบิดาที่สะบัดดาบไล่คราบเลือด

'ตายยากนัก'
ก่อนเอื้อมมือหักคอนางจนตายในคราวเดียว
หรงเฉียนเห็นทุกอย่าง เห็นกระทั่งร่างของมารเฒ่าที่โดนหวังอี้ป๋อฉีกกระชากด้วยความโกรธแค้น พลังมารระเบิดธาตุไฟเข้าแทรกจนสลายร่างของมารเฒ่าให้กลายเป็นจุณ

เหตุใดเจ้ามนุษย์นี่ถึงมีพลังมากเพียงนี้เล่า!!

จะบอกว่ามารเฒ่าแก่มากแล้วก็ใช่แต่หวังอี้ป๋อเองก็มีพลังมารมากกว่าที่เขาคิดไว้
หวังอี้ป๋อที่เลือดชุ่มร่างกอดร่างภรรยาไว้พร้อมคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด เสียงร้องนั้นปานจะขาดใจ

นานเท่าใดก็ไม่ทราบจึงสงบลง

หรงเฉียนยังยืนอยู่ที่เก่า ไม่กล้าก้าวขา กระทั่งอีกฝ่ายลุกขึ้นมาเขาจึงสะดุ้งถอยหลัง

ต้องตายแน่ๆ เขาต้องตายแน่ๆ!
ความคิดชั่ววูบจึงเผลอแปลงกายเป็นสตรีหวังจะได้รับความเมตตา ขาของหรงเฉียนสั่นพั่บเมื่อร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของหวังอี้ป๋อเดินเข้ามาใกล้

'ผะ ผู้น้อยไม่รู้เรื่อง ละเว้นชีวิตผู้น้อยด้วยเถอะ!'ไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก..

'..เจ้าเป็นใคร'
หวังอี้ป๋อเอ่ยถามเสียงเย็นชา
'ผะ ผู้น้อย เป็นข้ารับใช้คนสนิทของฝ่าบาท'ปากพล่อยนักที่ตนอยากรอดจนต้องพูดเช่นนี้

'ฝ่าบาท..'เสียงนั้นดูเลือนลอยไม่รู้ความ

'ฝ่าบาทเป็นราชาของภพมาร จำมิได้หรือ'

นี่ใช่หรือไม่ที่ตาเฒ่าต้องการ หรงเฉียนผู้นี้สานต่อให้แล้ว ดีใจหรือไม่
'ราชาภพมาร'
หวังอี้ป๋อทวนคำก่อนปรายตามองเขาที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น

'เงยหน้าขึ้น'

หรงเฉียนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบายใจนักจนเห็นอีกฝ่ายกดเล็บที่ปลายนิ้วให้เลือดไหลออกมาแล้วยื่นมาที่หน้าเขา

'กินซะ'
หวังอี้ป๋อยิ้มมุมปาก

หรงเฉียนกลับลอบกลืนน้ำลาย

..สัญญาเลือด
แม้ความทรงจำจะหายไปแต่ความรู้ในวิชามารกลับเต็มเปี่ยม

สัญญาเลือดเปรียบเหมือนสัญญาทาสที่ไม่อาจหักหลัง

เลือกตายหรือเป็นทาสอยู่ที่การตัดสินใจครั้งนี้..

หรงเฉียนสูดลมหายใจดูดเลือดจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายลงสู่ลำคอ

'ดี ข้าไว้ใจเจ้าแล้ว'
หวังอี้ป๋อสะบัดมือทีหนึ่งบาดแผลนั้นก็หายไปทันที

ดวงตาคมดุกวาดมองโดยรอบที่ถูกเผาไหม้ก่อนจะสะดุดกับร่างของหญิงนางหนึ่งที่นอนสิ้นลมหายใจอยู่ที่พื้น

'นั่นใคร'

หรงเฉียนแสร้งกระแอม

'ผู้น้อยไม่ทราบ ฝ่าบาทธาตุไฟเข้าแทรกหนีมาไกล ผู้น้อยตามมาก็เห็นเป็นเช่นนี้แล้ว'
ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ร่างของหญิงนางนั้น
ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยเลือดและรอยน้ำตา ฝ่ามือบอบบางกุมท้องกลมนูนของตนเอาไว้อย่างหวงแหน ถัดไปไม่ไกลนักมีร่างของสุนัขสีดำตัวหนึ่งนอนสิ้นใจอย่างน่าเวทนา

'น่าสงสาร'

หวังอี้ป๋อพูดเพียงแค่นั้น
ก่อนออกคำสั่งให้หรงเฉียนขุดดินเพื่อฝังศพ

'จะฝังไปไย อย่างไรก็ตายแล้วให้เป็นอาหารของพวกสัตว์ป่าเสียก็ได้'

ทว่าสายตาที่มองมาทำให้หรงเฉียนต้องปิดปากเงียย

หลุมหนึ่งของหญิงสาว อีกหลุมของสุนัข ราชาภพมารหวังอี้ป๋อยืนมองหลุมศพตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนเดินจากไป
..หรงเฉียนเพียงแค่อยากมีชีวิตรอด ทว่าชีวิตหลังจากนี้กลับต้องใส่หน้ากากประจบหวังอี้ป๋อ ทำงานรับใช้ทุกอย่างที่อีกฝ่ายสั่ง แสร้งเป็นมารสาวทั้งที่ตัวเองเป็นบุรุษ

โชคดีที่ยามกลับคืนร่างเดิมบ้างหวังอี้ป๋อกลับมิได้ติดใจอะไร ซ้ำยังเป็นคนแรกที่เห็นว่าความสามารถในการแปลงกายนี้มีประโยชน์
'ข้าอยากทำลายสวรรค์'

จู่ๆหวังอี้ป๋อที่นั่งรายล้อมด้วยบรรดาสตรีและบุรุษหน้าตางดงามทั้งหลายก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสนราบเรียบ

คนผู้นี้บ้าไปแล้ว นับตั้งแต่ขึ้นเป็นราชาภพมารก็เอาแต่มั่วสุมในกาม ต่อยตีผู้คนไม่เลือกหน้า ครั้งนี้อยากทำลายสวรรค์นับว่าเสียสติไปแล้วจริงๆ
'ฝ่าบาท สวรรค์มิได้ขัดแย้งอะไรกับเราเหตุใดต้องทำลายกันด้วย'

หรงเฉียนในร่างมารสาวพยายามเอ่ยเสียงอ่อนหวานเพื่อดึงสติอีกฝ่าย

ทว่าหวังอี้ป๋อกลับประคองเอวสาวงามผู้หนึ่งวางไว้บนตักแล้วเอ่ยอย่างเกียจคร้าน

'ขัดหูขัดตา'

หวังอี้ป๋อเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
'เจ้าแฝงตัวเข้าไปล้วงความลับของสวรรค์ ข้าอยากรู้ว่าหากจะทำลายต้องกำจัดใครก่อน'

คำสั่งนี้มีหรือจะขัดได้

จากหรงเฉียนจึงต้องกลายเป็นหรงอิ๋นนางสวรรค์ไร้ที่มา

แดนสวรรค์สวยงามเสียจนคลื่นเหียน อยู่ได้ไม่กี่วันก็คันยุบยับตามผิว
ทว่าสิ่งที่ทำให้คับยุบยับยิ่งกว่ากลับเป็นคนผู้หนึ่งที่ตามวอแวอ้อนวอนขอความรัก

บัดซบเถอะ รัชทายาทสวรรค์เอาตาที่ไหนมาสเน่หาเขา!

หากจะให้หวังอี้ป๋อกำจัดใครก่อนก็ต้องเป็นคนผู้นี้แล้ว

'เสี่ยวอิ๋น เจ้าทำงานรับใช้ส่วนไหน บอกข้าเถอะ'รัชทายาทหน้าโง่เอ่ยถาม
'หากบอกคงไม่พ้นท่านตามหาเสี่ยวอิ๋นที่ต่ำต้อยเป็นแน่ เราต่างคนต่างอยู่เถิด'นางสวรรค์หรงอิ๋นแสร้งเอียงอาย
เขาคันคะเยอจนแทบทนไม่ไหวแล้ว

'เสี่ยวอิ๋น ข้าชอบพอเจ้าตั้งแต่แรกเห็น มิได้สนใจว่าเจ้าสูงต่ำมาจากไหน'

บัดซบเถอะ..
'ท่านมิได้สนใจแต่คนภายนอกล้วนสนใจ วาสนาเราไม่ควรคู่กัน หรงอิ๋นต่ำต้อยมิอาจเคียงข้างรัชทายาทได้'เขาบีบเสียงเล็กเสียงน้อยซ้อนใบหน้าหลังแขนเสื้อทั้งที่พยายามถ่มถุยทำลายลงพื้น

กับหวังอี้ป๋อตนยังไม่รู้สึกคันเช่นนี้

รัชทายาทจับมือบอบบางข้างหนึ่งแนบอก
'ใครกำหนดเล่าว่าเราไม่คู่ควรกัน"
ใครกำหนด? ถามบิดาเจ้าสิ

หรงอิ๋นแสร้งทำหน้าเศร้ารีบดึงมือออกมาทั้งยังแอบปัดกับชายกระโปรง

เขาจวนเจียนจะสำรอกแล้ว

'หากหลังจากนี้หากอยากเจอกันอีกให้เสี่ยวอิ๋นเป็นผู้นัดท่านเองเถอะ'

'เจ้าจะหนีข้าแล้วเหรอ..'

บัดซบเถอะ หากข้าไม่ต้องทำงานให้หวังอี้ป๋อมีหรือจะไม่อยากหนีเจ้า!
'จะเรียกว่าหนีได้อย่างไร เสี่ยวอิ๋นมีหน้าที่ที่ต้องทำ จะมาเจอทุกวันคงไม่สมควร'

รัชทายาทหน้าสลดถึงอย่างนั้นก็ยอมรับคำต่อรองของเขา

ระหว่างเขากับรัชทายาทผ่านไปร้อยปีกระทั่งวันหนึ่งคนผู้นั้นก็บอกกับเขาว่าปฏิเสธงานสมรสกับเซียนผู้หนึ่งเพราะอยากตบแต่งกับเขา

..เจ้าเป็นบ้าหรือ!!
'เสี่ยวอิ๋น ข้าบอกเรื่องเจ้ากับท่านพ่อแล้ว แม้จะได้ยกเลิกงานสมรสแต่ท่านพ่อก็ยังไม่ชอบใจนักจึงส่งข้าออกไปดูแลที่อื่น ไว้ข้าสร้างความดีความชอบได้ข้าจะมาขอสมรสกับเจ้า'

หรงเฉียนรู้สึกคันไปทั่วร่าง นึกอยากด่ากราดอีกฝ่ายให้เสียผู้เสียคน
เขาเป็นบุรุษ แม้จะร่วมรักได้กับทั้งบุรุษและสตรีแต่ใครอยากอยู่ในร่างสตรีตลอดชีวิตเพื่อเป็นเมียรักของบุรุษที่ตัวเองชังน้ำหน้าเล่า!

โชคดีที่อีกฝ่ายจากไปอยู่ที่อื่นแล้วระหว่างที่อยู่สวรรค์จึงไม่รู้สึกคันมากนัก

ราชาคนใหม่ของตนก็ช่างปะไร ส่งเขามาล้วงความลับสวรรค์แต่ตนเองกลับนอนกกสตรี
คนงามไม่ซ้ำหน้าล้นวังมาร ยามเขากลับไปก็นึกหัวเสียกับบุรุษสตรีที่เหล่านั้นทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวัน

หากเขาไม่คุมใครจะคุมเล่าคนพวกนี่เล่า หวังอี้ป๋อหรือ? อย่าหวัง มีแต่เอาคนเข้าไม่เอาคนออก

นอกจากพลังมารล้นเหลือหวังอี้ป๋อผู้นั้นมีอะไรดีกัน
หรงเฉียนใช้ชีวิตเช่นนี้กระทั่งราชาของตนฉุดเซียนผู้หนึ่งมาที่ภพมาร ทั้งยังเป็นบุรุษซึ่งเป็นส่วนน้อยในวังนี้

ใครจะรู้ว่าเซียนผู้นั้นจะเปลี่ยนหวังอี้ป๋อเป็นคนละคน

ใจหนึ่งก็รู้สึกสนใจ อีกใจก็ขัดหูขัดตา เขาเป็นมารเช่นนี้ มิได้สนผิดชอบชั่วดีนัก สนแค่ตัวเองจะมีชีวิตรอดหรือไม่เท่านั้น
หากชอบก็เก็บไว้เชยชม หากไม่ชอบก็ทำลาย หากเป็นภัยก็หลีกเลี่ยง ตัวเขาคิดเพียงเท่านี้

เรื่องรักใคร่เป็นเรื่องห่างไกลตัว กามารมณ์สิของจริง

ดังนั้นตอนที่ได้รู้ว่าหวังอี้ป๋อรักใคร่เซียนป่าท้อด้วยใจจริงเขาจึงแปลกใจมาก..

ชายคนนี้ยังรักผู้อื่นเป็นด้วยหรือ
มันอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหยอกเย้าให้เซียนป่าท้อรำคาญใจเพราะอยากเห็นท่าทีไม่พอใจจากอีกฝ่าย หากโดนกระทำถึงเพียงนั้นจะรักษาท่วงท่าอันบริสุทธิ์ได้อีกหรือ

ยิ่งเห็นเซียนป่าท้อยิ่งนึกประหลาดใจราวกับเคยเห็นคนเช่นนี้มาก่อน ความรุนแรงที่กระทำกับอีกฝ่ายยิ่งเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ไม่ชอบก็ทำลาย
คิดง่ายๆเช่นนั้นเพราะเห็นแล้วรำคาญตานัก เห็นปากสวยๆนั่นแล้วยิ่งอยากจิกให้ออกเลือด เห็นสายตาแข็งกร้าวยึดมั่นในใครสักคนยิ่งอยากควัก

..จอมปลอมยิ่งนัก

อยากจะทำลายมันให้สิ้น มิต้องสนผิดชอบชั่วดีใดๆ
ใครจะรู้ว่าเซียนผู้นี้ไม่อาจแตะต้องได้ หวังอี้ป๋อที่ปกติเฉยๆกับตนเวลาไปรังแกนางเล็กนางน้อยยังบิดไส้ตนเกือบขาด อีกครั้งหนึ่งก็รัดคอจนหายใจแทบไม่ออก เฉียดตายไปสองครั้งเพราะสัญญาเลือดที่กระทำไปเมื่ออดีต

หากเซียนป่าท้อมิช่วยขอชีวิตป่านนี้คงไปพบบิดาที่โลกหน้าแล้ว
ไม่ตายแต่ต้องอยู่ที่คุกใต้ดินจนกว่าจะโดนเรียกใช้ ชีวิตเขาไม่ต่างอะไรกับสุนัขข้างถนนที่ถูกเก็บไปเลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ มีประโยชน์ก็โดนลูบหัว

ตึง!

หรงเฉียนสะดุ้งถอยหลังยามเห็นราชาภพมารหวังอี้ป๋อตรงเข้ามากระแทกฝ่ามือกับลูกกรงอย่างแรงด้วยสภาพไม่สู้ดีนัก
'เจ้าออกมา..'

'ฝะ ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นหรือ ผู้น้อยได้ยินเสียงวุ่นวายด้านนอก--'

'หุบปาก เจ้าไปที่สวรรค์ทำอย่างไรก็ได้นำเซียวจ้านกลับมา'ราชาภพมารกัดฟันกรอด กุมแผลตรงไหล่ที่คาดว่าคงโดนพิษบางอย่างมันจึงไม่อาจสมานโดยง่าย

มุมปากของหรงเฉียนกระตุก

หวังอี้ป๋อกลับมาเป็นบ้าอีกแล้วหรือ
จะทำอะไรได้นอกจากต้องรับคำสั่ง

ในระหว่างที่หวังอี้ป๋อบาดเจ็บใครจะดูแลภพมารได้อีกนอกจากเขา ตัวเขาเองก็มิได้อยากให้สวรรค์ทำลายวังมารที่บิดาสร้าง ร่างนางสวรรค์หรงอิ๋นจึงกลับมาอีกครั้ง เผชิญหน้ากับรัชทายาทที่ทำให้ตัวเองคันคะเยอไปทั้งตัวนั้น

'เสี่ยวอิ๋นคิดถึงข้าหรือไม่'

บัดซบ
แค่เห็นหน้าก็รู้สึกคันไปทั้งตัวแล้ว

หรงเฉียนแสร้งเอียงอายหลบซ่อนใบหน้าหลังแขนเสื้อ

'ข้าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน'

สิ้นประโยคนั้นร่างของหรงเฉียนก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของบุรุษอันดับหนึ่งแห่งสรวงสวรรค์ หรงเฉียนเบิกตากว้างรู้สึกคันในคอขึ้นมาทันที
'ข้ามีเรื่องอยากขอให้เจ้าช่วย ข้าอยากให้เจ้าไปช่วยดูแลเซียนผู้หนึ่ง ข้าไว้ใจเจ้าได้เพียงคนเดียวรู้หรือไม่'

ดวงตาของหรงเฉียนแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนผลักอีกฝ่ายเบาๆแล้วแสร้งยิ้มให้
'เสี่ยวอิ๋นเข้าใจแล้ว'

รัชทายามดูเสียดายที่มิได้ทำมากกว่ากอด
หรงเฉียนได้เข้ามาดูแลเซียนป่าท้อที่สภาพจิตใจบอบช้ำ แสร้งทำตัวเป็นนางสวรรค์ที่ดีให้ทุกฝ่ายตายใจกระทั่งได้ล้วงรู้ว่าเซีบนป่าท้อยามนี้กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ

หรงเฉียนนึกอยากหัวเราะแต่นึกดูอีกทีก็ค้นพบว่าภาระของตัวเองเพิ่มขึ้นสองเท่า
ชีวิตของเขาอยู่ในมือหวังอี้ป๋อ เขาหนีไปไหนไม่ได้เพราะสัญญาที่ทำไว้

หวังอี้ป๋อตาย เขาจะตายเพราะสัญญาเลือดที่ผูกชีวิตเอาไว้

เซียนป่าท้อตาย เขาตายเพราะหวังอี้ป๋อจะเป็นบ้าและฆ่าเขา

หรงเฉียนจะเลือกอะไรได้เล่า
อาศัยรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสมพาตัวอีกฝ่ายกลับ จนยามที่รัชทายาทรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งครรภ์หมายจะลงโทษและหาทางออก

'ให้ท่านเซียนไปอยู่ที่หุบเหวกักเซียนดีหรือไม่ ที่นั่นไร้กาลเวลา เด็กในท้องจะไม่เติบโตและตายไปเอง'

หรงเฉียนที่ยอมคันเพื่ออยู่ในอ้อมแขนอีกฝ่ายว่าเสียงออดอ้อน
รัชทายาทมีสีหน้าครุ่นคิด

'ข้าจะลองเสนอท่านพ่อดู'

หน้าโง่ยิ่งนัก
.
.

ฟึ่บ!!

ห้วงอากาศถูกแหวกออก หรงเฉียนที่เอาตัวเองรองเป็นเบาะให้เซียนป่าท้อล้มทับเหงื่อท่วมร่างหลังจากฝืนใช้วิชาเคลื่อนย้ายพริบตาข้ามจากภพสวรรค์มาภพมาร

บัดซบ! เขาไม่เคยฝืนใช้พลังตัวเองเช่นนี้มาก่อนเลย
เซียนป่าท้อค่อยๆลุกขึ้น การเคลื่อนย้ายฉับพลันโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้รู้สึกทรมานร่างกายยิ่งนัก หรงเฉียนที่หอบหายใจไม่ต่างกันรีบเข้าไปประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมา

"ลุก หากเจ้าตาย ข้าเองก็ต้องตาย รีบไป เจ้ามีสิ่งที่จะช่วยหวังอี้ป๋อได้"
เซียวจ้านมีคำถามมากมายที่อยากเอ่ยถาม ทว่าเมื่อได้ยินว่าหวังอี้ป๋ออาจต้องการความช่วยเหลือจึงฝืนตัวเองให้รีบเดินไป

ภายในห้องนอนมีร่างหนึ่งหลับอยู่หลังม่าน ราชาภพมารดูอ่อนล้า ข้างเตียงมีเสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงที่คอยรับใช้

"ท่านเซียน!"
"หนวกหูนัก ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้างแล้ว"หรงเฉียนรีบว่า

"หลับไปครู่ใหญ่แล้ว ก่อนหน้านั้นฝ่าบาทเกิดธาตุไฟเข้าแทรก พวกสวรรค์ก็รุกรานเข้ามาไม่หยุด ฝ่าบาทฝืนออกไปจัดการอาการจึงยิ่งแย่ พวกผู้น้อยหวาดกลัวนัก"
เสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงตัวสั่นอย่างน่าสงสาร
"แค่โดนพิษแล้วเมียหายเป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ จะกี่ภพกี่ชาติก็ไม่เปลี่ยนไปเลย!"หรงเฉียนเผลอสถบด้วยสถานการณ์มากมายที่บีบคั้น

เซียวจ้านรีบเข้าไปดูอาการ เขาเองก็ไม่รู้ว่าสวรรค์ใช้พิษอันใดจึงส่งผลกับหวังอี้ป๋อมากถึงเพียงนี้
มือบางรีบหยิบขวดน้ำตามังกรออกมาจากแขนเสื้อ ไม่นึกว่าสิ่งที่เคยขอไว้จะได้ใช้ในยามนี้

หรงเฉียนส่งสายตาไล่เสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงออกไป ส่วนตัวเองยามนี้ก็สูญเสียพลังไปมากจึงตั้งใจจะไปพักให้ฟื้นตัว

พวกสวรรค์คงจะมาในไม่ช้า โดยเฉพาะรัชทายาทผู้นั้นที่ดูตกใจจนน่าหัวเราะ
ใครใช้ให้โง่มารักเขา..

หรงเฉียนแค่นหัวเราะ

ด้านเซียนป่าท้อที่ป้อนน้ำตามังกรให้คนบนเตียงทรุดฮวบลงไปนั่งข้างเตียงด้วยความอ่อนล้า มือเรียวบางยังกุมฝ่ามือร้อนผ่าวของราชาภพมารไว้ไม่ปล่อย

"..เจ้าเป็นพ่อคนแล้วนะ อี้ป๋อ"
ความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวันทำให้เซียนป่าท้อสลบไปในที่สุด..
.
.

หวังอี้ป๋อโอบกอดภรรยาคนงามด้วยความทะนุถนอม เฝ้ารอนางคลอดเจ้าตัวน้อยที่รอคอยมาหลายปี

เขาจูบมือนาง บอกรักนางจนได้ยินเสียงหัวเราะแสนสดใส
"ท่านพี่อยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย"

"ข้าไม่เลือกได้หรือไม่"
นางยิ้มขำ
"ท่านโลภมากนัก"

"เรายังอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ข้ามิได้คาดหวังว่าจะมีบุตรคนเดียวเสียหน่อย"เขาหยอกเย้าภรรยาคนงาม

"อือ..ข้าอยากมีบุตรชายคนแรก หลังจากนั้นก็ลูกสาว ท่านพี่คิดเห็นอย่างไร"

"อย่างไรก็ได้"

แค่เป็นลูกของเขากับนางก็พอ..
ภรรยาหัวเราะมองภาพตรงหน้าที่มีสุนัขวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกล

ก่อนที่หวังอี้ป๋อจะได้กลิ่นควันไฟและคาวเลือด ร่างในอ้อมแขนเย็นชืด เลือดแดงฉานเปรอะเปื้อนตัวพวกเขา

"ที่รัก..เจ้า--"

แม้ยามสิ้นลมหายใจนางก็ยังงดงาม ดวงตาหลับพริ้ม แก้มนวลเปื้อนคราบน้ำตา
มือของนางวางอยู่บนหน้าท้องที่มีเจ้าตัวน้อยหลับไหลตลอดกาลอยู่ในนั้น

หัวใจของหวังอี้ป๋อเต้นแรงขึ้น แรงขึ้นกระทั่งเสียงกรีดร้องกลบทุกเสียงที่ได้ยิน

"เจ้าฟื้นสิ! ฟื้นเดี๋ยวนี้!!"
เขาไม่เคยขึ้นเเสียงกับนางมาก่อน เมื่อนึกขึ้นได้เสียงกรีดร้องก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นขอโทษขอโพยนางไม่หยุด

"ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ เจ้าตกใจหรือไม่ คนดี อย่าโกรธพี่เลยนะ เจ้าฟื้นเถอะ อย่ามัวนอนหลับขี้เซาเช่นนี้เลย เจ้า..เจ้าดูสิเพราะเจ้าหลับ เสี่ยวเฮยถึงเกียจคร้านหลับไปด้วย"
มืออันสั่นเทารีบเช็ดรอยเลือดและน้ำตาบนใบหน้าของนางแต่เมื่อเห็นว่ามือของตัวเองก็เปื้อนเลือดจึงรีบเช็ดมือกับเสื้อ

"ข้า ข้าทำหน้าเจ้าเปื้อนหมดแล้ว คนดี เจ้าตื่นมาล้างหน้าก่อนเถอะ เจ้าตื่นเถอะ"
เขาเริ่มสะอื้นอีกครั้ง น้ำตาไหลอาบแก้มกอดนางไว้แนบอก
นางจากไปแล้ว..

หญิงเพียงหนึ่งเดียวที่เขารัก นางผู้แสนดีและอ่อนโยนกับเขาเสมอ นางผู้เป็นดั่งชีวิตทั้งชีวิตของเขา กระทั่งลูกน้อยที่รอกันมาหลายปียังไม่มีโอกาสได้เกิดให้เชยชม

"ฮึก..ฮืออออ"

ด้ายแดงที่ร่วมกันถักท้อขาดสะบั้นแล้วในวันนี้..
เขาไม่เหลืออะไรแล้วทั้งเมียและลูกกระทั่งสุนัขตัวหนึ่งก็ไม่เหลือแล้ว

เสียงคำรามลั่นดังกึกก้อง หวังอี้ป๋อจูบหน้าผากภรรยาพยายามกอดให้นางรู้สึกอบอุ่นแม้จะรู้ว่านางไม่อาจมีความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว

เขาสูญเสียทุกอย่างไปภายในวันเดียว..
.
.
ราชาภพมารสะดุ้งตื่นสุดตัว ศีรษะปวดแปลบจนเขาต้องคำรามในลำคอด้วยความเจ็บปวด

เขาจำได้แล้ว..

ตัวเขาเคยเป็นมนุษย์ก่อนที่จะเป็นมาร เขาเคยมีภรรยาและกำลังจะมีลูก

เขา--

"อึก.."หวังอี้ป๋อสะบัดศีรษะ ดวงตากวาดมองรอบห้องจนเห็นร่างหนึ่งที่นอนฟุบอยู่ข้างเตียง
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ หวังอี้ป๋อดึงมือที่ถูกกอบกุมออกช้าๆก่อนจะลุกออกไปอุ้มร่างอีกฝ่ายขึ้นมา

แม้จะหลับไปแล้วแต่เซียนป่าท้อกลับขมวดคิ้วมุ่นราวกับฝันร้าย ร่างกายพลันซุกอยู่ในอกกว้างแสวงหาความปลอดภัยเช่นเด็กๆ

หวังอี้ป๋อจุมพิตกลางหน้าผากมนอย่างนุ่มนวล

"เจ้ากลับมาแล้ว.."
ยามนี้เขารู้แล้วว่าความรู้สึกโหยหามิอาจพรากจากกับเซียนป่าท้อเกิดขึ้นเพราะอะไร

หวังอี้ป๋อไม่เคยเชื่อเรื่องภพชาติแต่เมื่อเซียวจ้านอยู่ในอ้อมแขน เขารู้แล้วว่าเพราะอะไรจึงปล่อยคนผู้นี้ไปไม่ได้ ทำไมถึงยึดติด ทำไมถึงไม่อาจคุมสติตัวเองไหวตอนที่อีกฝ่ายจากไป

"ภรรยาของข้า"
เพียงหนึ่งเดียวและตลอดไป

ร่างของเซียนป่าท้อถูกวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

ราชาภพมารขยับข้อมือไปมารู้สึกถึงพลังที่กลับมาเปี่ยมล้น ดวงตาคู่คมวาวโรจน์
เขาไม่มีสิ่งใดต้องให้พะวงอีกต่อไปแล้ว พวกสวรรค์จะต้องชดใช้
.
.
กว่าเซียวจ้านจะรู้สึกตัวตื่นก็ตอนที่ท้องร้องโครกเพราะความหิว รอบด้านมีเพียงเสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงที่นอนหลับเฝ้าอยู่ข้างเตียงจนไม่อยากปลุก ทั้งสองดูเหนื่อยล้ามาหลายวันให้นอนสักหน่อยคงไม่เป็นไร

"หิวจัง.."
แม้อยากถามหาอี้ป๋อแต่ตอนนี้ตัวเองหิวเหลือเกินจึงได้แต่ฝืนลุกจากเตียงออกไปหาอาหารกินประทังหิว

ในวังมารเงียบเหงาไม่มีผู้ใดอยู่เลย

เซียนป่าท้อกุมท้องหิวจนอยากร้องไห้ด้วยความขัดใจ ขาทั้งสองเดินไปที่สวนท้อ หาเด็ดลูกท้อบนต้นกินในทันที
เจ้าตัวน้อยกลั่นแกล้งเขารุนแรงนัก ยามนี้เขาเด็ดผลท้อกินไปสามผลแล้วก็ยังไม่หายหิว จึงได้แต่เดินเอื้อมมือเด็ดผลท้อมากินอีกหลายผล

อยากกินน้ำแกงอุ่นๆสักถ้วยใหญ่ๆ ข้าวสักสองถ้วย เนื้อสักจาน

เขาหิวยิ่งนัก..
เซียนป่าท้อท้อที่ยามนี้ลงมือเด็ดผลท้อเก็บไว้ในเสื้อทรุดนั่งลงใต้ต้นไม้ แกะท้อในมือกินทั้งน้ำตา

เขารู้ว่าถึงจะกินเยอะแค่ไหนสุดท้ายก็อาเจียนออกไปหมดอยู่ดีแต่ยามนี้ท้องร้องโครกครากห้ามใจไม่กินอย่างไรไหว

เด็กในท้องต้องไม่รักเขาเป็นแน่จึงแกล้งเขาเช่นนี้
เซียวจ้านสะอื้นกินลูกท้อเปื้อนน้ำตา

อีกด้านหนึ่งร่างสูงในอาภรณ์สีดำเดินผ่านมาอย่างอารมณ์ดี ดวงตาเหลือบไปเห็นร่างสีขาวนั่งใต้ต้นท้อก็รีบเช็ดมือเปื้อนเลือดกับเสื้อแล้วเดินเข้าไปหาทันที

"เซียวจ้าน"

เจ้าของนามเงยหน้าขึ้นมาแล้วขว้างผลท้อในมือใส่
"โอ๊ย เซียวจ้าน เจ้าเป็นอะไร"หวังอี้ป๋อเข้าไปจับแขนคนงามแต่เซียนป่าท้อกลับเบะปากดิ้นออกจากอ้อมแขน

"ออกไป เหม็น"

สงสัยคนงามจะเหม็นกลิ่นคาวเลือดบนตัวเขา

"ข้ารีบร้อนกลับมาไม่ทันเปลี่ยนเสื้อ เซียวจ้าน เจ้าร้องไหนทำไม ใครรังแกเจ้า?!"

เซียวจ้านผลักอกอีกฝ่ายออกแรงๆ
"ออกไป ท่านมันแย่ที่สุด ไปไหนก็ไม่บอกกล่าว ทิ้งข้าไว้คนเดียวได้อย่างไร ข้าทั้งคิดถึงท่านทั้งเป็นห่วงท่าน หิวก็หิว โมโหก็โมโห แต่กินเข้าไปเพียงไหนก็ออกมาเพียงนั้น ลูกรักแต่ท่านไม่รักข้าบ้างเลย ข้าทรมานจะแย่อยู่แล้ว"

เซียนป่าท้อพรั่งพรูทั้งน้ำตา
"เซียวจ้าน เจ้า--ลูก?!"ราชาภพมารถึงกับตกตะลึง

"ออกไป ออกไปให้พ้นหน้าข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่านอีกแล้ว ข้าจะกินท้อ อย่ามายุ่งกับข้า"

หวังอี้ป๋อรีบโอบกอดภรรยาคนงามไว้ในอ้อมแขนแม้จะโดนผลักไสเพียงไหน

"คนดี เซียวจ้านของข้า เจ้า..เจ้าท้องหรือ ตอบให้ข้าชื่นใจได้หรือไม่"
เซียนป่าท้อที่ยามปกติบุคลิกเยือกเย็น ยามนี้กลับเบะปากสะอื้นฟาดมือใส่อกราชาภพมารไม่หยุด

"ท่านฝากมารน้อยไว้ในท้องข้า เด็กในท้องรักแต่ท่านเอาแต่รังแกข้าทุกเมื่อเชื่อวัน ข้าจะกินก็กินไม่อิ่มยามอาเจียนก็ทรมาน ท่านกล้าดียังไงถึงทำให้ลูกรักได้มากกว่าข้า"
"ข้าผิดๆ เจ้าอยากได้อะไรบอกข้าสิคนดี ข้าต้องทำอย่างไรเจ้าจะอารมณ์ดีขึ้นได้"ราชาภพมารเอ่ยเสียงอ่อนหวาน

"ข้าอยากกินเนื้อ น้ำแกงถ้วยใหญ่แล้วก็ข้าวสักสองถ้วย ข้าหิวมากเลยรู้หรือไม่"

"ได้ๆ เจ้าอย่าร้องเลยคนดี เดี๋ยวข้าไปทำอาหารให้เจ้า"

หวังอี้ป๋อลูบหลังปลอบโยน
เซียนคนงามสะอื้นน้ำตาร่วงผล็อยอย่างน่าสงสาร กว่าจะกล่อมให้กลับเข้าไปในห้องนอนได้ ราชาภพมารก็โดนทุบอกไปหลายครั้ง

เสี่ยวชิงเสี่ยวหนิงที่ตื่นแล้วรีบเข้ามาพัดวีให้อย่างรู้งาน

"เจ้าเอนหลังรอสบายๆที่นี่เถอะเดี๋ยวข้ารีบทำอาหารเข้ามา"
ราชาภพมารรีบออกไปอย่างรวดเร็ว มารที่เฝ้าครัวอยู่ต่างสะดุ้งถอยหลังด้วยความตกใจ

"ฝะ ฝ่าบาทต้องการอะไรหรือ"

"ข้ามาทำอาหารให้เมีย หลบไป"เขาล้างมือยืนอยู่หน้าเตาอย่างเก้ๆกังๆเนื่องด้วยมิได้เข้าครัวมานานมากแล้วกระทั่งวิธีหุงข้าวยังลืมไปหมด

"ไปตามหรงเฉียนมา"
บัดซบ

หรงเฉียนในร่างมารสาวแสร้งยิ้มทั้งที่เพิ่งทำแผลเสร็จ

พวกเขาเพิ่งกลับจากการไปถล่มทัพสวรรค์ คนทั้งสองฝั่งบาดเจ็บไปมาก ทั้งรัชทายาทสวรรค์เองเป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนจนต้องถอยกลับถึงกระนั้นก็ยังหันมามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

ทั้งที่เพิ่งทำศึกมาแต่ราชาภพมารกลับเรียกเขามาทำกับข้าวเรอะ!
บัดซบ!!

"เจ้าอยู่ดูแลเซียวจ้านบนสวรรค์มานานคงรู้ว่าอาหารแบบไหนจะถูกปาก"

หรงเฉียนแสร้งยิ้มตาปิด
"ฝ่าบาทไว้ใจผู้น้อยเกินไปแล้ว ผู้น้อยเพียงแค่ทำอาหารไปงั้นๆ"

"ข้าไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับเจ้า เจ้าแค่ยืนเฉยๆบอกว่าต้องใส่อะไรกับอะไรเป็นพอ"
แวบแรกหรงเฉียนนึกอยากบอกให้อีกฝ่ายทำมั่วซั่วกระทั่งราชาภพมารปรายตามองเขาอย่างเยือกเย็น

"ถ้าเซียวจ้านกินไม่ได้เจ้าจะกลายเป็นคนที่ต้องกินมันทั้งหมด"

"....."

หรงเฉียนจำใจยืนนิ่งบอกให้อีกฝ่ายทำอาหารอย่างเชื่อฟัง สีหน้าของราชาภพมาดูงุนงงไม่น้อยแต่ก็ดูพยายามจนน่าขัน
"ฝ่าบาทรู้แล้วหรือว่าท่านเซียนตั้งครรภ์"หรงเฉียนเอ่ยถาม

"รู้แล้ว เป็นโชคดีของข้าที่ได้ทั้งเขาทั้งลูกกลับคืนมา"ดวงตาของหวังอี้ป๋อวูบไหวไปครู่หนึ่ง

"ฝ่าบาทเชื่อเรื่องโชคด้วยหรือ"

"ครั้งหนึ่งข้าเคยเสียเขาไป ผ่านไปหลายปีจึงได้เขากลับมา ถือว่าข้ายังพอมีโชคอยู่บ้าง"
หรงเฉียนขนลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุกระทั่งอีกฝ่ายพูดต่อ

"หรงเฉียน เจ้าก็น่าจะเคยเห็นแล้วว่ายามข้าเสียเขาไปข้าทุกข์ทรมานเพียงไหน ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นอีกแล้วและข้าจะไม่ยอมกลับไปไร้สติจนหลงลืมเขาอีก"

หรงเฉียนเผลอถอยห่างไปก้าวหนึ่ง

"จำได้แล้วหรอ.."
หวังอี้ป๋อยิ้มมุมปาก
"เจ้าทำความดีความชอบให้ข้าไว้มาก ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก"

หรงเฉียนลอบกลืนน้ำลายพลางมองราชาภพมารที่กำลังตักน้ำแกงร้อนๆใส่ถ้วย
อาหารของเซียนป่าท้อถูกทำอย่างตั้งใจจนในที่สุดก็ถูกจัดใส่ถาดพร้อมยกไปส่ง

หวังอี้ป๋อหยุดมองหรงเฉียนครู่หนึ่ง

"ขอบใจเจ้า"
จู่ๆหรงเฉียนก็รู้สึกคันทั่วร่าง ตั้งแต่แขนขาลามจนถึงลำคอ ให้หวังอี้ป๋อมองเหยียดหยามเขา ด่าทอเขาหรือบิดไส้เขาให้ขาดยังจะดีกว่ามาขอบคุณด้วยรอยยิ้มเช่นนี้!!

"ข้าต้องไปพัก ใช่ ต้องไปพัก"

มารหนุ่มในร่างหญิงสาวลูบแขนพลางถ่มถุยน้ำลายลงพื้นหวังแก้อาการคันยุบยับในลำคอ..
ด้านราชาภพมารที่ตอนนี้ได้แต่นั่งมองเซียนป่าท้อกินข้าวอย่างมีความสุข

เซียวจ้านกลัั้นน้ำตากินข้าวซดน้ำแกงจนหมดความหิวจึงค่อยๆบรรเทาลง
ระหว่างนั้นถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองทำหลายอย่างที่ไม่สมควรไป

"เจ้าอิ่มแล้วหรือ"
"อิ่มแล้ว.."เซียนป่าท้อตอบเสียงเบาหวิว ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย

"หากยังหิวอยู่ก็บอกข้า เจ้าต้องกินเยอะๆ เด็กในท้องจะได้แข็งแรง"

"......"

มีคำถามมากมายที่อยากเอ่ยแต่ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มที่ตรงไหน สุดท้ายเซียวจ้านจึงพลิกตัวเข้าไปในผ้าห่มแสร้งทำเป็นหลับทันที
"เซียวจ้าน เจ้าอย่าเพิ่งนอน ไปเดินเล่นให้อาหารย่อยก่อนเถอะ"หวังอี้ป๋อเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ

"อย่ามายุ่งกับข้า"

แววตาของราชาภพมารสลดลง
"เจ้ายังโกรธที่ข้ารั้งเจ้าไว้คราวนั้นอยู่หรือ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าเสียเจ้าไปอีกไม่ได้ วันนั้นเราเพิ่งร่วมรักกันอยู่ๆเจ้าก็คิดหนี ข้า.."
หวังอี้ป๋อเอ่นเสียงอ่อนโยน
"ข้าเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหนรู้หรือไม่"

หัวใจของเซียวจ้านเต้นไม่เป็นจังหวะ

"ข้าไม่อยากให้เจ้าหายไปอีกแล้ว ข้าอยากดูแลเจ้ากับลูกถึงสวรรค์จะระรานไม่หยุดข้าก็ไม่ปล่อยมือจากเจ้าเด็ดขาด"

"......."
เหตุใดถึงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเช่นนี้เล่า

เซียนป่าท้อซ่อนใบหน้าที่ร้อนผ่าวไว้ใต้ผ้าห่ม

"คนดี เจ้าลุกขึ้นมาเดินเล่นกับข้าหน่อยเถอะ หากนอนๆอยู่แล้วปวดท้องตอนกลางคืนจะเป็นอย่างไร"

เซียนชุดขาวลุกขึ้นมานั่งเงียบๆแต่ก็ยังไม่ยอมดึงผ้าห่มออกจากตัว
"เซียวจ้าน? เจ้าเป็นอะไร บอกข้าสิ"

"อย่ามาเข้าใกล้ข้า"

ราชาภพมารหยุดนิ่ง

"ตอบข้ามาก่อน ท่านไปทำอะไรมา ข้าได้กลิ่นเลือด ท่าน..ฆ่าคนอีกแล้วหรือ"

"ถึงข้าจะอยากฆ่าพวกมันแต่วันนี้ไม่มีใครตายหรอกแค่บาดเจ็บจนหนีตายกันเท่านั้น"
ราชาภพมารขยับเข้ามาสวมกอดร่างที่แอบซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม
"เจ้าดูเถอะข้าเชื่อฟังคำพูดเจ้าแค่ไหน แค่เจ้ามีความสุขไม่ว่าอะไรข้าก็ทำได้ทั้งนั้น"

ความร้อนจากใบหน้าแผ่ซ่านไปทั่วร่าง โชคดีที่หันหลังมีเช่นนั้นคงรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเก่า
"ยามนี้เจ้ามีมารน้อยๆในครรภ์ ต่อให้เจ้าจะงอแงหรือโวยวายเพียงไหนก็ทำเถอะ ข้าจะคอยตามใจเจ้า ปลอบเจ้าในยามที่อ่อนแอเอง"

"......"

"เซียนน้อย เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า?"

จะให้พูดได้อย่างไร เขาอายจะตายอยู่แล้ว!

"ข้า ขะ ข้าอยากเดินเล่น"
"เจ้าอยากเดินเล่นเจ้าก็ออกมาจากผ้าห่มเถอะ หรือเจ้าหนาว อยากได้ผ้าคลุมหรือไม่"

"มะ ไม่ต้อง"

เซียนป่าท้อทำใจออกมาจากผ้าห่มเผยให้เห็นแก้มนวลที่แดงปลั่งจนราชาภพมารเผลอหายใจสะดุด

"คนงามของข้าน่ารักเหลือเกิน"

"หุบปากเถอะ.."

ยามเกรี้ยวกราดก็น่ารักน่าใคร่ยิ่งนัก
จะชาติก่อนหรือชาตินี้เซียวจ้านก็ยังเป็นภรรยาที่น่ารักของเขาเสมอ..

หากไม่ติดว่าเซียนน้อยกำลังตั้งครรภ์เขาลงกดอีกฝ่ายลงเตียงสอนบทรักอีกบทจนหนำใจ

หวังอี้ป๋อจับมือคนงามออกมาจากห้อง เดินชมสวนท้อที่ออกดอกบานสะพรั่ง
อย่างไรเสียเซียวจ้านก็คงตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตคู่ผัวเมียกับเขา ไว้วันรุ่งขึ้นให้คนมาลงต้นท้อเพิ่ม ขยายที่ทางให้เป็นป่า เซียนน้อยจะได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจเช่นยามอยู่บนสวรรค์

เซียวจ้านทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนมองด้วยสายตารักใคร่จากราชาภพมารที่เดินอยู่ข้างกาย
"เจ้าคิดว่าลูกคนแรกของเราจะเป็นหญิงหรือชาย"
หวังอี้ป๋อที่คอยเดินประคองหลังเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล

"ข้าไม่รู้.."เซียวจ้านแตะมือที่หน้าท้องของตน มันนูนขึ้นมาเล็กน้อย หากไม่สัมผัสก็ไม่รู้
"ถ้าคนแรกเป็นชาย ข้าก็อยากให้คนที่สองเป็นหญิง"

เซียนป่าท้อพึมพำเสียงเบา
มิอาจรอดพ้นมาหูดีข้างกายได้

หากตอนนี้ราชาภพมารเป็นเสี่ยวเฮยคงส่ายหางคลอเคลียคนงามไม่หยุด

"เสี่ยวเฮยเล่า ข้าคิดถึงมันเหลือเกิน ยามนี้มันไปนอนเกียจคร้านอยู่ที่ไหน"เซียวจ้านเงยหน้าขึ้นถาม

"........"

หวังอี้ป๋อยิ้มไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้
"เซียวจ้าน หากข้าบอกความจริงเจ้าแล้วเจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ"

เซียนป่าท้อทำหน้าฉงน มือเรียวบางถูกจับขึ้นแนบอกของหวังอี้ป๋อที่เริ่มเต้นแรงจนน่ากังวล

"ข้า.."

"??"

"ข้าคือเสี่ยวเฮย"

"......"
"ข้า..เคยไปที่สวรรค์เห็นเจ้ากำลังเดินเก็บท้อจึงแปลงกายเป็นสุนัข วางยาตัวเองแล้วแกล้งตายให้เจ้ามาเจอ"

"......."

"ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าต้องทำเพราะยามเป็นเสี่ยวเฮยเจ้ามักจะยิ้มให้ข้า ไม่ไล่ข้าไปไหน"

"......."

ยามนี้เซียนป่าท้อกลับนิ่งเงียบจนน่ากลัว

"เจ้าโกรธข้าหรือ"
ราชาภพมารเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก

"ข้าหาโอกาสบอกเจ้าแล้ว ตะ แต่ว่า--"

"ข้าอยากเจอเสี่ยวเฮย"เซียวจ้านคลี่ยิ้มหวาน

"แต่เสี่ยวเฮย--"

"ท่านไม่ได้ยินหรือว่าข้าอยากเจอเสี่ยวเฮย"แม้จะมีรอยยิ้มหวานหยดแต่น้ำเสียงกลับเยือกเย็นยิ่งนัก

หวังอี้ป๋อกลืนน้ำลายกลายเป็นสุนัขครางหงิงซบข้างขา
"หงิง.."

เซียนป่าท้อยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส
"เสี่ยวเฮยสามารถตัวใหญ่ขึ้นได้จริงหรือไม่ เหตุใดยังเป็นลูกสุนัขอยู่"

เพียงครู่เดียวสุนัขสีดำก็ตัวเติบใหญ่สูงทัดเทียมเอวอีกฝ่าย ศีรษะที่ปกคลุมด้วยขนนุ่มหนาคลอเคลียเซียนป่าท้ออย่างออดอ้อน

"ความจริงแล้วหากตัวเล็กกว่านี้ข้าจะชอบมากกว่า"

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with ปั่นฟิคแบบ300%

ปั่นฟิคแบบ300% Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Too expensive? Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal Become our Patreon

Thank you for your support!

Follow Us on Twitter!