#เกิดใหม่เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายในของอากง

ผมตายแล้วครับ ซี้แหงแก๋จริงๆ

เพราะทำงานหนักเกินไป ควงเวรติดกันแบบไม่ได้นอน ส่วนโควิด ไม่แน่ใจว่ากูติดหรือยังเหมือนกัน พอหลับในห้องแพทย์เวรปั๊บ ผมก็ตาย แต่แทนที่จะได้ไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ดันหลงไปอยู่ในนิยายที่อากงแอบเขียนซุกไว้
ปัญหาก็คือสำนวนเขียนนิยายอากงน่ะ เป็นสำนวนเขียนนิยายกำลังภายในจีนแบบแปลแต้จิ่วยุค น. นพรัตน์ หรือ ว. ณ เมืองลุง ไม่ใช่นิยายจีนแปลสำเนียงจีนกลางอย่างทุกวันนี้

แต่อย่างน้อย ผมก็ขอบคุณอากงที่ไม่ได้แอบเขียนนิยายด้วยสำนวนสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง ไม่งั้นชีวิตอิเซไคผมไปต่อไม่ถูกแน่ๆ
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ คลังศัพท์ภาษาแต้จิ๋วของผมมันน้อยนิด นอกจากเจียะปึ่ง ตี่จู้ ผมไม่รู้ในระดับที่อาม่าที่ตามไปอยู่กับอากงบนสวรรค์แล้วยังด่าว่าเสียชาติเกิดเป็นหลานอาม่า แต่เรื่องภาษามันเรียนกันได้

แต่ปัญหาของผมคือ อากงเขียนถึงแค่ตัวละครของผมตกเขา ยังไม่เจอคัมภีร์ แล้วจะไปต่อไงวะ
ขอบคุณอากงที่ไม่ใจร้ายขาดให้ตัวเอกของตัวเองแขนขาหักหลังจากตกลงมาจากหน้าผา ถึงมันจะฝืนธรรมชาติมากก็ตาม ผมก็เลยนอนแอ้งแม้งอยู่บนพุ่มไม้พยายามทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนตกเขา

แต่สิ่งที่แวบเข้ามาในหัวคือสิ่งที่อากงเคยพูดว่า อากงเคยอยากเป็นนักเขียน แต่หน้าที่การงานมันไม่เอื้อเลย
อากงเป็นคนจีนรุ่นแรกของตระกูลที่เกิดในเมืองไทยหลังป๊าของอากงย้ายมาทำมาหากินที่นี่ ตอนอากงเป็นเด็กครอบครัวเริ่มมีกินมีใช้บ้างแล้ว เลยได้เรียนหนังสือไทย ได้อ่านนิยายเยอะแยะ แต่ชอบที่สุดคือนิยายจีน และป๊าของกงก็ชอบให้อ่านให้ฟัง ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ยอมให้กงเป็นนักเขียนอยู่ดี
นักเขียนไส้แห้ง นั่นละครับ สิ่งที่ฝังอยู่ในความคิดของคนรุ่นก่อน และถ้าไส้ไม่แห้ง มีกินมีใช้เขียนนิยายหากินได้ คือ ต้องเป็นนักเขียนหัตถ์เทวะ โม่ต้นฉบับได้ทุกแนว และต้องขายได้ทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นก็ต้องรวยโคตรๆ อากงเลยจำใจต้องพับความอยากของตัวเองเก็บไว้ มาเป็นเถ้าแก่โรงสีแทน
ระหว่างที่นอนเหม่อมองฟ้าเหนือปากเหว ผมก็ได้รับข้อความแวบเข้ามาในหัว

"ประกาศ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ระบบเซิร์ฟเวอร์โลกหลังความตายล่ม และยายเมิ่งต้มน้ำยาลืมชาติก่อนไม่ทัน จึงส่งท่านไปอยู่ตามสถานที่พักผ่อนหย่อนใจชั่วคราว ขออภัยในความไม่สะดวก"
"ระหว่างที่รอแก้ไขระบบและขยายศักยภาพของเซิร์ฟเวอร์และรอยายเมิ่งกลับมาปฏิบัติหน้าที่ เราขอมอบสิทธิพิเศษให้แก่ท่านเพื่อเป็นการขอโทษ โดยท่านสามารถไปเข้าฝันญาติมิตรได้เดือนละครั้ง และหากท่านถึงพอใจกับที่สิงสถิตแล้ว ท่านสามารถเลื่อนการพบยายเมิ่งได้นานตามความพอใจ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ"
พูดตรงๆ อย่าเพิ่งหาว่าผมเป็นลูกหลานอกตัญญู คนแรกที่ผมนึกถึงไม่ใช่ป๊า ม๊า หรือญาติพี่น้องคนไหนที่เอาผมไปเผาแล้วยัดเข้าฮวงซุ้ยประจำตระกูลเลยครับ เพราะเคยเข้าฝันม๊าไปหนหนึ่งตอนตายใหม่ๆ แล้ว ม๊าขอหวยเอาไปซื้อรถใหม่ให้น้อง ผมงี้เซ็งมาก

คนแรกที่ผมนึกถึงคือ เมย์ เพื่อนร่วมรุ่นของผมเอง
เพื่อความชัดเจนตรงนี้ ผมไม่ได้จีบเมย์ ไม่ได้ชอบเมย์มากไปกว่าเพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเรื่อง ย้ำว่า 'ทุกเรื่อง' แต่นอกเหนือไปจากเหตุผลที่ว่านั้นแล้ว คือ เมย์มีอาชีพรองเป็นนักเขียนและยิ่งไปกว่านั้น เมย์ติดนิยายแปลจีนมาก ออกมาชุดละสิบเล่ม เมย์ก็ซื้ออ่านหมด มีสามีทิพย์เป็นท่านอ๋อง
ถ้าเมย์เอานิยายกำลังภายในของอากงมาเขียนต่อได้ ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟคท์ ขอแค่เดินเรื่องให้จบพอ ผมก็คงพอจะหาทางออกจากก้นหลุมไปมีชีวิตต่อได้ ขออย่างเดียว ช่วยเขียนให้ผมมีที่ซุกหัวนอนดีๆ มีอาหารกินอิ่มสามมื้อ มีเงินใช้ ไม่ตกระกำลำบากก็พอ
ตอนไปเข้าฝัน เมย์ก็ตกใจอยู่ แต่หลังจากนิ่งฟังคำขอของผมที่ให้ไปเยี่ยมแม่กับป๊า แล้วเอาสมุดบันทึกที่มีนิยายของอากงที่ผมยัดเอาไว้บนชั้นหนังสือมาเขียนต่อเมย์ก็จ้องหน้าผมอย่างจริงจัง

"ตอนตาย แกไม่ได้สมองกระทบกระเทือนแน่นะ บุ๊ง"
"ทำไมอะ"
"แกลืมไปแล้วเหรอว่า ฉันเขียนเป็นแต่นิยายวาย"
"วายก็ได้ ขอให้มันจบก็พอ อย่าดอง แล้วทิ้งฉันไว้กลางทาง" ผมบอก "แต่ถ้าแกเขียนเป็นนิยาย queer ที่ไม่มีพระเอกนายเอก มีตัวเอกผู้ชายสองคน หรือไม่ต้องมีเลิฟไลน์เลยได้ จะขอบคุณมาก"

"เอ๊ย เอาจริง แกเคยมีแฟนเป็นผู้หญิงนี่"

"จริง" ผมยืนยัน "ยังไม่เคยบอกสินะ ว่าฉันเคยมีแฟนเป็นผู้ชายด้วย"
"อากงจะไม่สาปแช่งฉันแน่นะ ที่ไปทำให้นิยายกำลังภายในของอากงกลายเป็นนิยายเควียร์อะ"

"ไม่หรอก แกเอาเพื่อนแกให้รอดในชีวิตหลังความตายก่อนนะ"

จู่ๆ เมย์ก็ยิ้มร้ายออกมาจนผมสะดุ้งเฮือก

"ได้!" เมย์ว่าเหมือนมีไฟการเขียนลุกท่วม "หมั่นไส้อีพวกผู้ชายในกรุ๊ปนิยายจีนมานานละ เดี๋ยวแม่จัดให้"
ครับ เมย์แค้นฝังหุ่นพวกนักอ่านนิยายจีนผู้ชายที่อี๋ใส่อะไรก็ตามที่มันมีความดูเหมือนจะเควียร์ ขนาดปกนิยายจีนสืบสวนที่ไม่มีอะไรที่เป็นโมเม้นต์เลย แต่มีปกเป็นตัวละครหนุ่มหล่อ นักอ่านชายบางคนยังเมินแล้วบอกว่าทำมาตกสาววายชัดๆ แถมบางคนยังมองว่านักอ่านหญิงจะไปสนอะไรเรื่องประวัติศาสตร์
ขอโทษนะครับ หมอเมย์เพื่อนผมนี่มันคือเซียนประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังกับซ่งที่หาตัวจับยาก ขนาดเป็นหมอโรคติดเชื้อทำงานในชุดพีพีอีทั้งวันแทบทุกวัน มันยังมีเวลาไปหาข้อมูลมาเขียนนิยายจีนโบราณได้

นี่แหละ ผมถึงได้ฝากความหวังไว้กับเพื่อนคนนี้ ถึงช่วงก่อนที่ผมจะตายมันดองนิยายหนักมากก็ตาม
เหมือนอะไรๆ มันจะค่อนข้างเข้าที่เข้าทาง แต่ความจริงแล้ว ก็มีปัญหาที่น่าหนักใจอยู่เหมือนกัน เพราะก่อนที่ผมจะออกจากฝันของเมย์ เนื่องจากเวลาที่เข้าฝันได้ใกล้หมด แล้วผมต้องปล่อยมันนอนอย่างสงบจะได้ตื่นไปราวด์วอร์ดตอนเช้าทัน

เมย์พึมพำไล่หลังผมมาว่า "บุ๊ง ฉันไม่รู้ภาษาแต้จิ๋วอะ แก"
เมย์หายไปนานเลยละครับ หลังจากบอกผมว่าไม่รู้คำจีนแต้จิ๋ว ก็... ไม่เป็นไรนะ ฉันก็พอๆ กับแกนั่นแหละ

ระหว่างนั้น ผมก็ได้แต่รออยู่ที่ก้นเหว วิชาลูกเสือที่เคยเรียนมา แม่งช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะตอนสอนก่อไฟ ครูให้ใช้ไม้ขีดกับไฟแช็ค
ถึงจะดูรันทด เพราะจับตัวอะไรมาย่างกินไม่ได้ แต่อย่างน้อย อากงก็รู้ว่าจะต้องใส่สกิลให้ตัวเอกของเรื่องให้รอดยังไง เพราะผมไม่ได้อยู่ในก้นเหวมืดๆ อากงจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบมาก

ใช่ครับ ตัวละครของผมหล่นลงมาบนพุ่มไม้ที่อยู่ในก้นเหวที่มีผนังเรืองแสง

แถมมีเปี๊ยะติดในเสื้อมาชิ้นนึงด้วย
ตอนนี้ผมยังไม่หิว แต่ปัญหาสำคัญคือมันหนาวและชื้น เสี่ยงกับการเป็นหวัดหรือแย่กว่านั้นคือหนาวตาย เพราะผมสัมผัสได้จากบรรยากาศรอบตัวว่าช่วงเวลาที่ผมอยู่ในก้นเหวคือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง และเสื้อผ้าที่สวมอยู่ในเวลานี้ก็ดูเหมือนจะเป็นชุดอยู่บ้านมากกว่าออกข้างนอก

อากงเขียนอะไรเนี่ย
สัญชาตญาณเอาตัวรอดของผมเริ่มทำงาน ตราบใดที่เมย์ยังไม่เขียนนิยายต่อหรืออย่างน้อย ก็เขียนแนะนำตัวละครว่าใครเป็นใคร ผมก็คงยังค้างเติ่งอยู่ที่ก้นเหวนี้ต่อไป เผลอๆ หนาวตายกลายเป็นศพสบู่แบบนิ้วสุคุ**

ผมลองเค้นสมองทวนความจำว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืออาการปวดหัว
อา นี่มันอาการพระเอกในนิยายสุดๆ เลยนี่หว่า

แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นสัญญาณเตือนเหมือนกันว่า ตัวละครที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในร่างอาจเป็นตัวละครที่กำลังอยู่ในภาวะความจำเสื่อมจากการที่สมองหรือจิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

ขอให้เป็นอย่างหลัง ถ้าเลือดออกในสมอง ผมผ่าตัวเองไม่ได้
ผมตกเขา ไม่ตาย แต่ความจำเสื่อม ดูเหมือนนิยายของอากงจะปูมาแบบนี้ หมายความว่า ผมไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวละครของผมมีชีวิตก่อนหน้านี้เป็นยังไง

แต่เท่าที่ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ก็เนื้อดี สีน้ำเงินเรียบๆ ก็จริงแต่ดูแพง เอามือลูบๆ หัวดู ก็เจอว่าเกล้าผมอยู่

เอาวะ ก็น่าจะเป็นคนมีเงินอยู่แหละ
ผมคลำร่างกายตัวเองสำรวจอีกรอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรแตกหักเสียหาย ลองหายใจเข้าออกทดสอบว่าซี่โครงของตัวเองยังไม่หักทิ่มอะไรข้างในเข้า เก็บขนมเปี๊ยะกลับเข้าไปในอกเสื้อ ค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้น

สังเกตจากการเคลื่อนไหวของตัวเอง ลองรวบรวมพลังวัตรแบบมั่วๆ

ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย

กูจะรอดไหม
ในความเงียบรอบตัวที่มีเพียงแค่เสียงความเคลื่อนไหวของผมเองที่ลุกขึ้นจากกองใบไม้ ผมได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลัง

เสียงนั้นฟังดูคล้ายกับเสียงครางเบาๆ ผมเงี่ยหูฟังให้ชัดอีกครั้ง และคราวนี้ ผมได้ยินเสียงดังกล่าวชัดเจนขึ้น

นอกจากผมแล้ว ที่เหวนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย
"มันผู้นั้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม ร่างผอมสูงแต่แข็งแกร่ง คิ้วเข้มของมันขมวดมุ่นเมื่อเห็นว่า มีคนที่ตกหน้าผามาพร้อมกับมันมองอยู่

มันสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเจ้าของร่างในชุดน้ำเงินคุกเข่า ยื่นมือเข้ามาหา

'เจ้าคิดทำอะไร!' มันตวาดพร้อมปัดมือออก

แต่กลับงุนงงเสียเอง เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบโต้"
ดูเหมือนว่า คนที่ตกเขาลงมาพร้อมกับผมจะไม่เป็นมิตรเสียแล้ว

ผมได้แต่ยิ้มแหย เมื่อโดนผู้ชายในเสื้อผ้าแบบจอมยุทธหรือมือปราบในหนังจีนกำลังภายในปัดมือออกด้วยอาการเกรี้ยวกราด ก่อนที่จะมองผมแปลกๆ กับปฏิกิริยาที่ผมแสดงออก

"เราเคยมีความแค้นกันมาหรือ"

คำถามนี้ทำเขาถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว
((ภาพประกอบ: เผื่อใครจะนึกฟีลพระเอกหนังหรือนิยายกำลังภายในยุค 60 ของทีวีบีหรือชอว์บราเดอร์ไม่ออก

เรียงตามลำดับนะฮะ >> ตี้หลุง - เดวิด เจียง - เจิ้งเส้าชิว)) ImageImageImage
"ท่าทีสีหน้าของมันซื่อพิสุทธิ์เกินกว่าจะเป็นการเสแสร้งแสดงออก ยิ่งกว่านั้น วิธีที่เอื้มมือมาสำรวจความเป็นตายของมันเปี่ยมความห่วงใยอย่างยิ่ง

มันจับจ้องใบหน้าของบุตรชายเจ้าสำนักใหญ่ที่เคยหาเรื่องกลั่นแกล้งมันเพราะหลงรักดรุณีนางเดียวกัน

'ท่านจำได้หรือไม่ว่าข้าพเจ้ามีชื่ออันใด'"
คุณพี่ครับ ชื่อตัวเองผมยังไม่รู้ แล้วจะจำชื่อคุณพี่ได้ยังไงครับ

ผมมองหน้าเขาตอบ แล้วส่ายหน้า พยายามบิลท์ตัวเองให้ปรับสำนวน โชคดีที่นี่เป็นนิยายแต้จิ๋วที่เขียนเป็นไทย ไม่งั้นชาติหน้าก็คุยกันไม่เข้าใจ

"ขนาดชื่อตัวเอง ข้าพเจ้ายังจำไม่ได้ จะจดจำชื่อเสียงเรียงนามท่านได้อย่างไร"
"แม้แต่ชื่อตนเองเจ้าก็ยังจำมิได้..." เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะมองหน้าผมอีกครั้ง ทำหน้าตกใจปนสิ้นหวังเหมือนตรวจแอนติเจนหลังฉีดซิโนแว* แล้วภูมิขึ้นแค่หลักร้อย

"ท่านรู้ใช่ไหมว่าข้าพเจ้าคือผู้ใด" ผมจับแขนสองข้างของเขาไว้แน่น และคราวนี้เขายอมให้ผมแตะตัวแต่โดยดี

เขาพยักหน้ารับ
"ท่านคือลิ้มแชบุ๊ง นามรองเผ่งไฮ้ บุตรชายคนรองของเจ้าสำนักกระบี่ชุ่ยซัว"

ชื่อผมนี่หว่า อันนี้เมย์แต่งต่อหรือมันมีอยู่แล้วเนี่ย

"แต่ข้าพเจ้าไม่มีพลังยุทธ" ผมแย้ง

"เพราะท่านไม่เคยฝึกยุทธ"

ชิบหายแล้ว

"ท่านสืบทอดวิชาของลิ้มฮูหยินผู้เป็นมารดา" เขาตอบ "วิชาพิษเก้าสังหาร"

What???
"'แล้วท่านเป็นใคร' คุณชายแซ่ลิ้มถามมันด้วยสีหน้างุนงง

ดูเหมือนมันผู้นี้ไม่มีความทรงจำเก่าหลงเหลือ หนำซ้ำยังลืมสิ้นกระทั่งชื่อของมันที่เคยเรียกขานกันมาแต่เยาว์

มันกัดกรามแน่นกับความรู้สึกเจ็บใจอย่างประหลาดที่เกิดขึ้น

'ข้าพเจ้าคือเตียเช้ง เป็นศิษย์ที่บิดาท่านขับออกจากสำนัก'"
'บุรุษตรงหน้ามันคงเสียความทรงจำไปแล้วอย่างแท้จริง เตียเช้งทอดถอนใจ ลิ้มแชบุ๊งไม่มีปฏิกิริยาใดต่อสิ่งที่มันเล่าแม้แต่น้อย ต่อให้มันโป้ปด อีกฝ่ายคงเชื่อฟังมันอย่างไร้ข้อกังขา

อย่างไรก็ตาม มีอีกเรื่องหนึ่งที่มันต้องการความแน่ใจ

"คุณชายลิ้ม ท่านยังจำอึ้งเปียะบ๊วยได้หรือไม่"
"บุตรชายเจ้าสำนักกระบี่ชุ่ยซัวส่ายหน้า สีหน้าแววตายังคงว่างเปล่าเช่นเดิม มีเพียงชั่วครู่ที่พยายามคิด แต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ แล้วมองหน้ามันอย่างขอความเห็นใจให้ช่วยอธิบาย

เตียเช้งคิดเอื้อมมือไปแตะบ่าทายาทวิชาพิษเก้าสังหาร แต่ก็ชักกลับ

"นางเป็นคนที่ท่านและข้าพเจ้าหมายปอง"
ตายห่ะ!

ตกลงนี่ผมเป็นพระเอก ตัวร้าย หรือมีสถานะแบบไหนในเรื่องกันเนี่ย ยิ่งฟังยิ่งยุ่ง ผมเอามือกุมหัวตัวเองด้วยความสับสน

ถ้าเอาแบบคลิเช่ๆ คนหล่อแต่จืดจางแม้กระทั่งชื่อแบบเตียเช้งเนี่ยแหละ ที่เป็นพระเอกล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนผมมีคำว่าตัวร้ายแปะกลางหน้าผาก

แถมมีรักสามเส้ากันอีก
"แล้วผม... เอ๊ย ข้าพเจ้ามาอยู่ที่ก้นเหวแห่งนี้กับท่านเพราะเหตุใด"

เตียเช้งมองผมด้วยสายตาสมเพชเวทนา... ช่างเป็นคนดีสมกับที่เป็นพระเอกนิยายกำลังภายในประเภทลูกแมวโตไปเป็นราชสีห์จริงๆ ขนาดมีเรื่องกันมาก่อนก็ยังเห็นใจสงสาร

"ท่านและข้าพเจ้าต่างถูกตามล่าจนต้องหนีตายขึ้นเขามาถึงนี่"
"อึ้งเปียะบ๊วยเป็นธิดาคนสุดท้องของอึ้งทิเกี่ยมผู้นำสำนักกระบี่ในยุทธจักรทั้งสิบขุนเขา บิดาของนางคิดหมั้นหมายนางกับพี่ชายของท่าน ลิ้มแชเจี่ยง เพราะเป็นบุตรคนโตของสำนักใหญ่อันดับสอง นางสนิทสนมกับข้าพเจ้าและไม่อยากแต่งงานกับพี่ชายท่าน"

"แล้ว?"

ขอวาร์ปกลับไปอิเซไคที่อื่นทันไหม...
"ไม่คิดว่าท่านคิดช่วยเหลืออึ้งเปียะบ๊วยกับข้า"

ดูเหมือนผมจะไม่ใช่ตัวร้ายแล้วว่ะ

"ท่านใช้อุบายวางยาพี่ชายและแขกในงานเลี้ยง เพื่อให้ข้าพเจ้าพานางหนี แต่ท่านกลับถูกมันตามล่าพร้อมกับพวกเราเสียเอง"

แต่ก่อนที่จะได้ถามต่อ ผมก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างวาบขึ้นในหัวและทุกอย่างก็ดับวูบลง
ข้อมูลโอเวอร์โหลด

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม เรื่องราวทุกอย่างในนิยายของอากงเทใส่สมองผมในคราวเดียวจนประมวลผลไม่ทัน

ดูเหมือนว่า เมย์ได้อ่านนิยายของอากงแล้ว และสรุปตั้งแต่ต้นจนถึงตอนล่าสุดแล้วเผากงเต๊กมาให้ผม

ข้อมูลสุดท้ายที่ได้คือข้อสังเกตของเมย์ว่า
"อากงแกเขียนนิยายวายเหรอ"
มันอาจจะเป็นมิตรภาพลูกผู้ชายแบบพลาโตนิกก็ได้นะ แก

ผมอยากบอกเมย์ไปแบบนี้อยู่หรอก แต่ความรู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่กับพระเอก(?) ของอากงก็ทำให้ผมตงิดๆ นิดหน่อย

มันเป็นความรู้สึกที่โคตรซับซ้อน จะมิตรก็ไม่เชิง จะศัตรูก็ไม่ใช่ ขัดขากันก็มี แต่ก็ช่วยกันด้วย

แต่มีหมอนี่อยู่ดีกว่าไม่มี
เรื่องย่อจากตอนแรกถึงตอนล่าสุดที่อากงเขียนค้างเอาไว้ เป็นเรื่องของเตียเช้งเมื่อแรกเข้าสำนัก เขาเป็นลูกชายของหญิงสาวที่อดีตสหายร่วมสำนักของพ่อลิ้มแชบุ๊งเคยหมายปอง แต่นางกลับเลือกแต่งงานกับบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่ง
โชคร้ายที่บัณฑิตแซ่เตียเขาตกเขาตายระหว่างเดินทางไปสอบในเมืองหลวง แม่ของเตียเช้งที่ล้มป่วยก็ส่งจดหมายขอร้องให้พ่อของลิ้มแชบุ๊งรับอุปการะลูกชายคนเดียวของตัวเอง พอนางตาย พ่อของลิ้มแชบุ๊งก็มารับเตียเช้งไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูเอาใจใส่มาก ให้เป็นกึ่งเพื่อนกึ่งคนใช้ของลิ้มแชบุ๊ง
แหงละครับ สกิลพระเอกมันต้องมีแล้วตามขนบ เตียเช้งได้เรียนวิชากำลังภายในก็จริง แต่อยู่ในระดับที่พอปกป้องคุ้มครองคนในสำนักเวลาเดินทางไปไหนมาไหนได้เท่านั้น แต่เคล็ดวิชาชั้นสูงใดๆ ไม่เคยได้ร่ำเรียนเหมือนศิษย์อื่นๆ ที่มาฝากตัวเอาไว ้ก็เลยได้แต่ครูพักลักจำเอาจากสนามฝีกแล้วไปหัดต่อเอง
แล้วเตียเช้งมีโอกาสไปอยู่แถวสนามฝึกได้ยังไงล่ะ ก็เพราะลิ้มแชบุ๊งที่ฝึกศาสตร์ด้านการแพทย์และการปรุงยามีเรือนโอสถอยู่แถวนั้นไงล่ะ ระหว่างที่ปรุงยา ฝึกการใช้พิษโจมตีและแก้พิษที่คนอื่นใช้ คุณชายรองของตระกูลก็ไล่เตียเช้งให้ไปอยู่ไกลๆ อย่ามาเกะกะมือเท้า เตียเช้งเลยว่างพอจะไปดูการซ้อม
ดูๆ ก็เหมือนจะไม่ชอบหน้ากันอยู่หรอก แต่ผมว่าลิ้มแชบุ๊งของอากงดูเหมือนอยากช่วยมากกว่าอยากแกล้ง ต่อหน้าทำไม่พอใจเขา แกล้งเขาบ้าง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มองเตียเช้งในแง่ร้าย ส่วนตอนที่ได้พบแม่นางอึ้งเปียะบ๊วยในงานชุมนุมชาวยุทธ์ แล้วต่างคนต่างชอบนาง มันเหมือนประชดกันมากกว่า เอาจริง
มิน่า เมย์ถึงบอกว่ามันได้ฟีลนิยายวาย ถ้ามาแนวนี้คือ enemy to lover หรือไม่ก็ต่างคนต่างชอบแต่ก็ต่างผลักไสกันให้คนอื่น แต่ดันกลายเป็นไปจีบคนเดียวกันได้

แบบนี้แม่นางอึ้งไม่น่าสงสารที่สุดหรอกเหรอ ที่มีผู้ชายสองคนมาจีบเพื่อประชดกันเองน่ะ!

เหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ แต่ไปๆ มาๆ กลับไม่ใช่
แม่นางอึ้งเปียะบ๊วยไม่ต้องการแต่งงานกับใครทั้งนั้น เพราะใจจริงแล้ว นางอยากท่องยุทธภพตามลำพัง (I roam alone เรอะ!?) แต่ถ้าไม่แต่งงานก็จะไม่มีโอกาสออกจากบ้าน แม้วิชาตัวเบานางแอ่นทวนวายุของนางจะประเสริฐเลิศล้ำมากก็ตาม เพราะฉะนั้น นางจึงเลือกเป็นมิตรกับเตียเช้งและลิ้มแชบุ๊งนั่นเอง
ระหว่างสำนักกระบี่ชุ่ยซัวเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันประลองยุทธระหว่างสำนักกระบี่ แม่นางอึ้งกับเตียเช้งก็มีโอกาสได้ใช้เวลาด้วยกัน นางสอนวิชาตัวเบาให้เขา ทุกอย่างอยู่ในสายตาของลิ้มแชบุ๊ง...

ผมเริ่มเข้าใจเมย์ละ ตอนนี้ผมก็อยากถามอากงอยู่เหมือนกันว่า กงแต่งนิยายวายจริงๆ ใช่มั้ยครับ
อีกคำถามที่เกิดขึ้นคือ อากงแอบชอบใครอยู่ก่อนแต่งงาน แต่ต่างคนก็ต้องต่างแยกกัน เพราะสังคมไม่ยอมรับหรือเปล่า

พอคิดแบบนี้แล้ว ผมก็ห่อเหี่ยวแบบบอกไม่ถูก

เพราะนิยายของอากงเป็นนิยายที่เขียนไม่จบ ตัวเอกไม่ได้ลงเอยกัน เวลาผ่านมาจนถึงรุ่นผม นิยายวายเต็มเมือง แต่ชีวิตจริงยังสิ้นหวัง
"หลังลิ้มแชบุ๊งพยายามทบทวนเเรื่องราวก็ปวดศีรษะอย่างหนักถึงกับสิ้นสติต่อหน้ามัน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เตียเช้งตื่นตระหนกยิ่ง

'คุณชายรอง' มันเรียก แต่ลิ้มแชบุ๊งไม่ขานรับ

ที่ผ่านมาอีกฝ่ายเย็นชาต่อมันมาโดยตลอด แต่มันเวลานี้กลับร้อนใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

'คุณชายฟื้นเถอะ ข้าผิดเอง'"
"ที่คุณชายลิ้มเป็นเช่นนี้ เป็นความผิดของมันเอง มันไม่ควรคาดคั้นจนอีกฝ่ายที่ความจำเสื่อมคิดหนัก และยิ่งไปกว่านั้น ลิ้มแชบุ๊งในปัจจุบันก็ทำดีกับมันอย่างเปิดเผยจริงใจ

สมแล้วที่ก่อนหน้านี้ มันถูกดุด่าว่าเป็นตัวโง่งมตัวหนึ่ง

มันได้แต่โทษตัวเอง แต่ในวินาทีนั้น อีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมา"
ผมสะดุ้งกับการลืมตามาก็เจอหน้าเตียเช้งที่ก้มมองอยู่ห่างไม่ถึงคืบ แถมยังทำหน้าแบบหมาซามอยด์หงอย

"มองเช่นนี้คิดว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร" ผมพูดเบาๆ ด้วยสำเนียงของคุณชายรองลิ้มก่อนความจำเสื่อม

ไม่ทันที่ผมจะได้พูดต่อ เขาก็รวบตัวผมไปกอด

เอ่อ ปกตินิยายกำลังภายในมันมีซีนนี้ด้วยเหรอ
เมย์จัดให้หรือยังไงล่ะเนี่ย

ผมได้แต่กะพริบตาปริบๆ ปล่อยให้เตียเช้งกอดแบบเอาจริงเอาจัง กอดไม่ยอมปล่อยเหมือนไม่ยอมให้หลุดมือไปอีก

ถ้าเป็นหมา หมอนี่ก็คือทำเสียงงี้ดๆ เอาหัวไถผมแบบไม่ยอมหยุด

ทำไงดีนะ ถ้าเป็นลิ้มแชบุ๊งไม่ใช่ นพ. ธีรวัฒน์ที่เป็นควงเวรจนตายแบบผมจะตอบสนองเขายังไง
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว จะว่าเป็นความคิดชั่วร้ายก็ว่าได้ เพราะผมเชื่อมั่นว่าตัวละครที่อากงเซ็ตมาไม่น่าจะเคยทำแน่ๆ

"ตลอดมา เจ้าไม่เคยคิดอยากให้ข้าตายสักครั้งเลยแน่หรือ" ผมกระซิบถามเขาข้างหู แล้วประคองหน้าเขาให้เงยขึ้นมามองผม

โอ๊ะโอ ดูเหมือนผมทำพระเอกของอากงระเบิดบึ้มไปแล้วสิ
"คำถามของลิ้มแชบุ๊งยามประคองหน้าของมันให้เงยขึ้นสบตาทำให้มันร้อนเห่อไปทั้งหน้า

การรับความกระทบกระเทือนคราวนี้ส่งผลรุนแรงนัก แต่มันก็ยอมรับว่าดีใจอย่างยิ่ง ที่คุณชายรองที่มันรับใช้มาตลอดนับแต่ก้าวเข้าสำนักสกุลลิ้มมิได้มองมันด้วยหางตาอีกต่อไป

มิหนำซ้ำ ยังไม่ผลักไสมันออกไปอีกด้วย"
'ข้าพเจ้าไม่คิดอยากให้ท่านเป็นอันตรายแม้สักชั่วเพลาเดียว' เตียเช้งกล่าว ใบหน้ามันแดงเรื่อ แต่ยังคงสบตากับบุรุษตรงหน้าแน่แน่ว

'ข้าพเจ้าไร้ความสามารถ ลำบากท่านแล้ว'

'แต่เจ้าก็ใช้วิชาตัวเบาช่วยชีวิตเราทั้งสอง ลำบากเจ้าแล้วเช่นกัน'

เตียเช้งแทบหลั่งน้ำตา ลิ้มแชบุ๊งดีกับมันยิ่งนัก

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with ปิยะรักษ์ 🍂🎃

ปิยะรักษ์ 🍂🎃 Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @piyarak_s

10 Oct
๏ เดือนดลกรรดึกหล้าชลาชล
ชลชลานองเนยน่านกว้าง
ท่วมมารคนทีจนตาฝั่ง
นึกรำฦกไห้ช้างที่หั้นใครเห็น ฯ

คุณมะเขืออ่านสิ่งนี้ฮะ โคลงทวาทศมาส

vajirayana.org/%E0%B9%82%E0%B…
๏ เดือนดลกรรดึกหล้า ชลาชล
ชลชลานองเนย น่านกว้าง
ท่วมมารคนทีจน ตาฝั่ง
นึกรำฦกไห้ช้าง ที่หั้นใครเห็น ฯ
อ้าอะรุณแอร่มระเรื่อรุจี
ประดุจมโนภิรมย์ระตี ณแรกรัก!
แสงอะรุณวิโรจน์นะภาประจักษ์
แฉล้มเฉลาและโศภินัก นะฉันใด,
หญิงและชายณะยามระตีอุทัย
สว่างณกลางกะมลละไม ก็ฉันนั้น;

vajirayana.org/%E0%B8%A1%E0%B…
Read 4 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Too expensive? Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal Become our Patreon

Thank you for your support!

Follow Us on Twitter!

:(