เวิ่น

"จิฟุยุ...ไปเยี่ยมทาเคมิจจิไหม"

"ไม่... พวกนายไปเถอะ"

ทันผ่านไป1อาทิตยแล้วตั้งแต่วันทานาบาตะ จิฟุยุไม่มีหน้าไปหาคนที่ตัวเองเรียกว่าคู่หูได้อีกแล้ว ไม่ใช่แค่เพราะความโกรธแต่เะราะสิ่งที่เขาทำลงไปเมื่อคราวที่เขาไปเยี่ยม

'นายกลับมาทำไม'

คำพูดนั้นเป็นคำพูดที่เหมือนฟางเส้น
สุดท้ายของทาเคมิจิ คนตาฟ้าเหม่อมองเพดานด้วยดวงตาไร้แวว ไม่มีคำพูดใดออกมาจากริมฝีปากนั้นอีกพร้อมกับเสียงชีพจรที่หยุดไปดื้อๆ

พยาบาลและคุณหมอต่างก็กรูเข้ามาในห้องทาเคมิจิตะโกนCode blueเสียงดังลั่น จิฟุยุไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นรู้แค่ว่าเขาโดนดันให้ออกมาจากห้อง นางพยายามบาลประสานมือ
ที่อกพร้อมปั๊มทำCPR ในตอนนั้นเขากลับรู้สึกเย็นวูบไปทั่วตัว

เพราะเขาหรอ เพราะเขาพูดแบบนั้น...

จิฟุยุเห็นทาจิบานะเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าร้อนรน เขาจึงหันหลังและหนีกลับไป

ถึงแม้ว่ามันผ่านมาหลายวันแต่จิฟุยุก็ยังไม่มีหน้าไปหา ฮัคไคที่ไม่รู้ถึงสาเหตุจึงทำหน้านิ่วเดินไปแบกจิฟุยุขึ้นมา
"ฮัคไคทำอะไร!!"

"พานายไปหาทาเคมิจจิ!!"

"ไม่ ฉันไม่มีหน้าไปหาหมอนั้นแล้ว!"

"แต่นายต้องไปจิฟุยุ ทาเคมิจจินะไม่ไหวแล้ว!! หมอนั้น...หมอนั้นไม่คุยอะไรกับพวกเราเลย"

"ว่าไงนะ.."

"ทั้งฉัน ฮินะ พวกมิโซจู ทากะจังหรือคนอื่นๆไม่ว่าคุยเท่าไรทาเคมิจจิก็ไม่ตอบสนองเลย ตาก็ไม่มีแววเลย"
"จะข้าวหรือยากผ้ไม่ยอมกิน เหมือนกับหมอนั้นกลายเป็นแค่ตุ๊กตา..."

จิฟุยุตาเบิกโพล่ง ได้ยังไง หรือเพราะเขา...

"หมอก็บอกเพรารอาการบาดเจ็บด้วย บวกทั้งการกระทบกระเทือนทางจิตใจหลายครั้งทำให้ทาเคมิจจิช็อคแบบนั้น"

"ดราเค่นก็แล้วคราวนี้ทาเคมิจจิอีก ฉันทนไม่ได้หรอกจิฟุยุ ฉันไม่อยากเสีย+
เพื่อนอีกคนไปหรอกนะ!! หมอบอกยังพอมีทางรักษา ต้องช่วยกันเยียวยาเพราะงั้นนายต้องมากับฉัน!!!"

ฮัคไคไม่ว่าเปล่าแบดจิฟุยุขึ้นไหล่และห้อตะบึงไปยังโรงพยาบาล คนที่โดนหิ้สได้แต่ทำสีหน้าเจ็บปวด

เพราะคำพูดของเขา คำพูดจากปากไม่มีหูรูด ทาเคมิจจิถึงกลายเป็นแบบนั้นไป

ใช้เวลาไม่นานฮัคไคและเขา
ก็มาถึงโรงพยาบาล พสกเจาเดินไปหาทาเคมิจจิก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเสียงดังลั่น

"เกิดอะไรขึ้น!"

เมื่อเข้าไปสิ่งที่เขาเห็นคือทาเคมิจจิที่สมควรนอนอยู่บนเตียงกลับอยู่ที่ขอบหน้าต่าง พยาบาลสาวพยายามรั้งดึงตัวอีกฝ่ายไว้

จิฟุยุชะงักค้างไป ร่างกายของเขาแข็งทื่อไม่สามารถทำงานได้
ต่างจากฮัคไคที่รีบพุ่งปรี่ไปช่วยนางพยาบาลดึงทาเคมิจจิลงมา โชคดีเพราะส่วนสูงของหมอนั้นเลยดึงเพื่อนผมทองออกมาจากหน้าต่างได้

"มาช่วยกันหน่อยจิฟ-- จิฟุยุ!!"

เจ้าของชื่อกลับวิ่งหนีไปทางอื่น ใบหน้าซีดเซียวจนทนแทบไม่ไหว เขาวิ่งไปให้ไกลที่าดพร้อมทรุดตัวลงนั่งคุดคู้กอดเข่าตัวเอง
เพราะเขา เพราะเขา เพราะคำพูดนั้นทาเคมิจจิถึง...

จิฟุยุนั่งกอดเข่าอยู่นานจนฮัคไคที่ช่วยเสร็จแล้วต้องมาตาม ชายหนุ่มแบกหน้าไปหาทาเคมิจจิด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก

ทาเคมิจจินั่งอยู่ที่เตียงโดยที่ฮินะนั่งจับมืออยู่ข้างๆ ดวงตาสีฟ้าที่เคยเต็มไปด้วยประกายในตอนนี้มันกลับหม่นแสง อีกฝ่าย
เหม่อมองไปนังภาพเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่เขาก้ยังสัมผัสได้ถึงคนมาใหม่ คนผมทองหันไปมองที่ประตู

"จิฟุ...ยุ"

"ทาเคมิจจิ!/ทาเคมิจิคุง!"

ทั้งฮัคไคและฮินะต่างตกอกตกใจเมื่อคนบนเตียงเปิดปากพูดขึ้นมาทั้งไที่ในช่วงหลายวันมานี้อีกฝ่ายไม่เคยพูดออกมาสักคำแท้ๆ

"ขอโทษนะ..."

"..."
"ขอโทษ... ขอ..โทษ ขอโท ษ ข อโทษ เพราะฉันแท้ๆ ทุกอย่างเป็น...เพราะฉัน ฉันไม่ควร...กลับมา ถ้าฉันไม่กลับมาทั้งดราเค่น..เซาท์คุง ขอโทษ ฉันขอโทษ เพราะฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษนะจิฟุยุ ขอโทษนะฮัคไค ขอโทษนะฮินะขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษขอโทษ"
คำขอโทษพรั่งพรูออกมาจากปากทาเคมิจจิอย่างหักห้ามไม่ได้ หยาดน้ำตาสีใสไหลออกมา ฮินะื่เห็นภาพนั้นก็ร้องไห้ลุกขึ้นมากอดทาเคมิจิแน่น พยายามบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดเขา แต่คนผมทองก็ยังเอ่ยคำขอโทษออกมาไม่หยุด ราวกับเป็นตุ๊กตาไขลานที่พังจนพูดออกมาได้แค่คำเดิมๆเท่านั้น

ทาเคมิจจิแตกสลายไปแล้ว
ฮีโร่ขี้แยคนนั้นได้พังทลายไปแล้วจิฟุยุทนเห็นภาพนั้นไม่ได้จึงหนีกลับออกไป ไม่เหลือใครแล้วตอนนี้

ดราเค่นคุงก็ตายไปแล้ว ไมกี้คุงก็เดินไปคนละเส้นทาง ทาเคมิจจิก็แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี ไม่เหลือใครอีกแล้ว

มันกลายมาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ

--
(ถ้าคุณคิดว่าจบแล้วเสียใจด้วย มันยังมีต่อค่ะ)

10ปีผ่านไป

จิฟุยุถือช่อดอกไม้ยืนอยู่ที่หน้าบ้านทาจิบานะ เขากลืนน้ำลายก่อนจะกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้าน หญิงสาวผมยาวเดินออกมาที่ข้างหน้า ฮินะยิ้มกว้าง

"จิฟุยุคุง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!"

"อือ ไม่ได้เจอกันนานเลยฮินะจัง"

"เข้ามาสิๆ"
หญิงสาวพูดเอ่ยเชิญให้เขาเข้ามาในบ้าน คนผมดำเข้าไปข้างในบ้านหลังนั้นพร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ

"ย้ายกลับมาที่ญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง"

"ดีเลยจ้ะ! คิดถึงที่ญี่ปุ่นมากเลย ทาเคมิจิคุงเองก็คิดถึงที่นี้"

พอได้ยินขื่อของคนที่ไม่ได้คุยด้วยเป็นสิบปีจิฟุยุก็ชะงักไป เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของบางคนเดิน
ลงมาจากชั้นบน ทันทีที่อีกฝ่ายลงมาถึงข้างล่างตัวของจิฟุยุก้เย็นเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ คนคนนั้นมีผมสีดำฟูฟ่องและดวงตาสีฟ้าเป็นประกายต่างจากครั้งล่าสุดที่เขาจำได้ ชายหนุ่มรู้สึกถึงน้ำตารื่นขึ้นมาที่ขอบตา ทาเคมิจจิ คู่หู...

"อ้าวมี'แขก'มาหรอฮินะ"

แขก...

"ใช่จ้ะ เมื่อวานที่บอกไงว่าจะ+
มีเพื่อนมาเยี่ยมบ้านใหม่นะ จำได้ไหมจ้ะทาเคมิจิคุง"

"จำได้สิ! ไม่ได้ลืมสักนิด!"

ท่าทีหลุกหลิกนั้นยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลย อีกฝ่ายหันมามองก่อนจะยิ้มจาง

"แล้วคุณชื่ออะไรหรอครับ"

ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นจิฟุยุก็ลำคอแห้งผาก เขาพยายามเปล่งเสียงออกมาแต่กลับไม่มีคำพูดเล็ดรอดออกมา
จากลำคอเลยแม้แต่นิดเดียว ฮินะเลยออกหน้าแทน

"มัตสึโนะ จิฟุยุไงทาเคมิจิคุง เมื่อวานฮินะก็บอกแล้วนี่"

"แฮะๆ ขอโทษๆ ผม'ทาจิบานะ ทาเคมิจิ'ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะมัตสึโนะซัง"

มัตสึโนะซัง คำเรียกชื่อที่แสนห่างเหินนั้นทำให้หัวใจของจิฟุยุเจ็บไปหมด

"อ่า ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทาเคมิจิ.."
"จิฟุยุเอาของมาเยี่ยมด้วย ทาเคมิจิคุงเอาไปเก็บให้หน่อยสิจ้ะ"

"ครับผมฮินะจัง"

ทาเคมิจิเดินมาหาพร้อมกับยื่นมือมารับของ เพียงแต่ว่ามือที่ยื่นมามีแค่แขนซ้ายเท่านั้น แขนขวาของอีกฝ่ายนั้นกลับนิ่งสนิทขยับไม่ได้

"แขนขวาใช้งานไม่ได้แล้วจ้ะ ตั้งแต่วันนั้น"

"งั้นหรอ"

ตั้งแต่วันทานาบาตะ
เมื่อสิบปีก่อนสินะ ฮินะเงยหน้าขึ้นมาพยายามยิ้มเหมือนไม่เป็นอะไร แต่เขารู้ดีว่าเธอเองก็ต้องเผชิญอะไรที่หนักหนามามากเหมือนกัน

เมื่อสิบปีก่อนหลังจากวันนั้นบ้านฮานากาคิก็ตัดสินใจส่งตัวทาเคมิจิไปรักษาตัวที่ต่างประเทศเพื่อบำบัด แน่นอนว่าทาจิบานะก็จะตามไปด้วย ตอนแรกพ่อแม่ของหญิงสาว
คัดค้าน แต่เพราะฮินะเป็นคนฉลาดเธอจึงใช้การสอบเทียบชิงทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาเพื่อที่จะได้คอยอยู่เคียงข้างคนที่รัก เธอรู้ว่าตัวเองสำคัญต่ออีกฝ่ายมากแค่ไหน เพราะงั้นฮินะจึงต้องไปที่ต่างประเทศด้วยเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจในยามที่ทาเคมิจิไม่เหลือใคร

'หนูไม่มีทางทิ้งทาเคมิจิคุงเด็ดขาด!'
ผู้ปกครองที่ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวประกาศกร้าวก็ได้แต่ยอมรับและอวยพรอีกฝ่าย ทางบ้านของทั้งสองออกเงินจัดหาที่พัก,โฮสต์เครื่องอำนวยความสะดวกให้ หากขัดสนหรือต้องการอะไรเพิ่มเติมพวกเขาก็จะเป็นคนหามาให้ และหลังจากวันั้นทาจิบานะ ฮินาตะและฮานากาคิ ทาเคมิจิก้เดินทางออกจากญี่ปุ่นไปยังอเมริกา
ช่วงที่ทาเคมิจิรักษาตัวหญิงสาวผมสั้นก็เป็นคนคอยมาอัพเดทผ่านทางยูซึฮะให้ว่าอีกฝ่ายเปนยังไงบ้าง ทาเคมิจิอาการดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทานข้าวทานยา เริ่มทำการภาพบำบัด ได้ไปพบจิตแพทย์ จากที่ฟังมาแล้วชีวิตของหมอนั้นมันดีกว่าตอนที่อยู่ที่นี้มาก จนกระทั่งข่าวล่าสุดที่ฮินะมาบอกพวกเขานั้นทำให้
ทุกคนต่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ทาเคมิจิความจำเสื่อม

เพราะอาการบาดเจ็บที่หัวจากอุบัติเหตุนั้นและการกระทบกระเทือนจิตใจที่ได้รับมามันมากเกินกว่าที่จะรับไหว สมองจึงเริ่มกลไกป้องกันตัวทางจิตใจนั้นก็คือลบความทรงจำในช่วงที่ทาเคมิจิอยู่ช่วงโตมันไปจนหมด

ไม่มีไมกี้ ไม่มีโตมัน วัลฮาล่า
แบล็คดราก้อน เทนจิคุ ไม่มีดราเค่น ไม่มีคิซากิ จิฟุยุและคนอื่นๆ ความทรงจำทุกอย่างในช่วงสามปีมันถูกลบหายจากหัวไปจนหมดเลย สิ่งที่ทาเคมิจิยังจำได้มีเพียงแค่ฮินะและเหล่าเพื่อนมิโซจูเท่านั้น ทุกคนได้แต่ช็อคค้าง

'แล้ว แล้วมีวิธีรักษาไหมฮินะจัง'

/'หมอบอกว่าอาจจะไม่มีทางรักษาจ้ะ...'/
ยูซึฮะที่ได้ยินแบบนั้นก็น้ำตาไหลออกมา มิทสึยะฮัคไคและคนอื่นๆเองก็ได้แต่ก้มหน้า พวกเขาทุกคนไม่อยากจะยอมรับมันแม้แต่นิด เพียงแต่มีบางสิ่งที่พวกเขาต่างคิดเหมือนกันอยู่

นั้นคือทาเคมิจจิมีชีวิตดีกว่าถ้าไม่มีพวกเขา

ตั้งแต่เข้าโตมันทาเคมิจจิก็ต้องเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องมากมาย
เอาตัวเองเข้าไปช่วยคนมากมายโดยที่ไม่คิดที่จะรักชีวิตตัวเอง เห็นคนตายต่อหน้าตั้งหลายต่อหลายครั้ง ถ้าไม่มีพวกเขาคงจะดีกว่านี้

เพราะแบบนั้นโตมันทุกคนจึงตัดสินใจที่จะปล่อยทาเคมิจจิไป

ให้เขาได้มีชีวิตที่สมควรได้รับ ได้อยู่กับคนที่รัก ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับความทรงจำอันแสนขมขื่น
ฮีโร่ของพวกเขาควรที่จะได้รับความรักมากกว่าใครที่สุด ได้รับการช่วยเหลือยิ่งกว่าพวกเขาตอนนี้ ทุกคนในต่างแยกย้ายกันไปเติบโต แต่มีเพียงแค่จิฟุยุที่ไม่สามารถยอมรับการตัดสินใจนั้นได้

เพราะคำพูดสุดท้ายที่เขาพุดกับทาเคมิจิ สิ่งที่เขาทำให้ตัวเขารู้สึกไม่สามารถยอมรับความจริงนั้นได้เลย
เขายังมีความผิดที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปหาให้ได้ จิฟุยุยังอยากช่วยทาเคมิจิ และเวลาก้ผันผ่านไปสิบปี คาสึโทระคุงออกจากคุกและมาเปิดเพ็ทช้อปกับเขา มิทสึยะเป็นดีไซเนอร์ ฮัคไคเป็นนายแบบ สองแฝดคาวาตะเปิดร้านราเม็ง อินุปี้สานต่อร้านD&Dmotorเพื่อรำลึกถึงดราเค่นที่จากไป ทุกคนต่างมีขีวิตที่ดี
นี้คืออนาคตที่ทาเคมิจจิและไมกี้คุงสร้างขึ้นมา ทั้งๆที่เป็นแบบนั้นพวกเขากลับทิ้งทั้งสองคนไว้ข้างหลัง

ในตอนนี้จิฟุยุเข้าใจความรู้สึกของทาเคมิจจิแล้ว ความรู้สึกของหมอนั้นที่ย้อนกลับมาเพราะทนไม่ไหวที่ต้องเห็นไมกี้ทุกข์ทรมาณอยู่คนเดียว

เขาทำอะไรลงไป

เขาพูดแบบนั้นออกไปได้ยังไง
เขามันสารเลวที่สุด ทั้งๆที่เขาเป็นคนสุดท้ายที่หมอนั้นเหลือแต่กลับพูดจาแบบนั้นออกไป เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนั้นทาเคมิจจิถึงกระทบกระเทือนจิตใจจนกลายเป็นตุ๊กตา เพราะเขา...

จิฟุยุอยากจะไปช่วย จนกระทั่งเขาได้ยินจากยูซึฮะว่าทาเคมิจิและฮินะกลับมาที่ญี่ปุ่นแล้ว เขาจึงไม่รีรอติดต่อ
ไปหาฮินะ ใช้ข้ออ้างว่ามาช่วยขนของย้ายบ้าน และแน่นอนว่าสาวเจ้าก็อนุญาตพร้อมบอกที่อยู่เสร็จสรรพ เขาหวังลึกๆว่าทาเคมิจิอาจจะจำเขาได้ แต่ไม่เลย ทาเคมิจจิจำเขาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

เจ็บชะมัด แต่มันสมควรแล้ว...

"แล้วทั้งสองคนย้ายกลับมานานรึยัง"

"ยังเลย เพิ่งย้ายได้อาทิตย์เดียวเองจ้ะ"
"อ้อ แต่ขอถามได้ไหมทาจิบานะนี่?"

"ตอนแต่งงานเราตกลงว่าจะใช้นามสกุลของฉันนะจ้ะ เพราะถ้าใช้ฮานากาคิต่อมันคงจะไม่ดี"

"นั้นสินะ"

วิธีนั้นดีต่อทาเคมิจจิที่สุดแล้ว จิฟุยุเดินเข้าไปในบ้านเขาก็เห็นผ้าใบขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น บนผืนผ้าใบมันยังวาดไม่เสร็จ เขาเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
"มัตสึโนะซังชอบหรอครับ"

"! อะอ่า มันสวยมากเลยละ"

"ขอบคุณครับ ฮะๆ มันเป็นอาชีพผมนี่เนอะก็ต้องทำให้ดีที่สุด!"

"อาชีพ"

"อื้อ ก็ตั้งแต่อุบัติเหตุตอนม.ปลายแขนขวาผมก็ใช้งานไม่ได้ก็เลยการใช้ชีวิตเลยจะลำบากหน่อย ช่วงนั้นคุณหมอ อ่า จิตแพทย์ผมก็บอกว่าให้ลองวาดรูปคลายความเครียดดู
แต่พอวาดไปๆมาๆก็ดันสวยเฉย แถมนักวาดที่พิการก็มีตั้งเยอะ ตอนนี้ผมเลยใช้ภาพวาดพวกนี้หาเลี้ยงชีพน่ะ!"

"งั้นหรอ นายสุดยอดมากๆเลยนะ"

จิฟุยุยกยิ้ม เขาไม่ได้เห็นทาเคมิจจิที่สดใสและเต็มไปด้วยชีวิตชีวานานแค่ไหนกันนะ ชายหนุ่มผมดำหันมามองรูปนั้นชัดๆ เขารู้สึกว่าภาพนั้นมันคลับคล้ายคฃับคลา
เหมือนเคยเห็นที่แห่งนั้นมาก่อน จนจิฟุยุนึกออกว่าที่แห่งนั้นคือที่ไหน

นั้นคือโบสถ์ที่พวกเขาเคยไปสู้กับไทจูในวันคริสต์มาส

ทั้งการจัดวาง กระจก ทุกอย่างมันเป็นโบสถ์ที่เดียวกับที่ในความทรงจำของเขา จิฟุยุหันมามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ

"อา ทาเคมิจิซัง ที่ที่นายวาดนี่ที่ไหนงั้นหรอ"
"ไม่รู้สิ? ฉันวาดมาจากความฝันน่ะ"

"ฝัน?"

"ใช่ บางทีฉันก็ใันเห็นสถานที่แปลกๆที่มันไม่มีในความทรงจำของฉันน่ะ มันแปลกมากและก็สลัดออกจากหัวไม่ได้ ฉันเลยวาดมันขึ้นมา"

"มีรูปอื่นๆบ้างไหม ฉัน ฉันอยากเห็นนะ"

"มีสิ! รอแป๊บนะมัตสึโนะซังเดี๋ยวฉันไปหยิบมาให้"

"เดี๋ยวฉันไปช่วยเอง"
"ขอบคุณนะ มีมือข้างเดียวแบบนี้นี่มันลำบากจริงๆนั้นแหละ" ทาเคมิจิถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ห้องเก็บของ

"พอพิการแบบนี้ฮินะต้องคอยมาช่วยฉันตลอด พอจะช่วยทำงานบ้านก็ช่วยไม่ค่อยได้ แถมเธอต้องเป็นคนออกไปทำงานนอกบ้านด้วยเพราะฉันออกไปทำงานไม่ได้ รู้สึกเหมือนเป็นตัวถ่วงเธอเลย"

"ฉันว่าเธอ+
ไม่คิดว่านายเป็นตัวถ่วงหรอก ฮินะรักนายจะตายไป"

"อื้อ ฉันก็รักเธอมากๆเลยล่ะ!!"

คนผมดำฉีกรอยยิ้มกว้างออกมาพร้อมพวงแก้มที่ขึ้นสี จิฟุยุที่เห็นรอยยิ้มนั้นก้เจ็บไปหมด เพราะเมื่อสิบปีก่อนเขาเป็นคนทำลายรอยยิ้มนั้นกับมือตัวเอง เมื่อเดินมาถึงห้องเก็บของทาเคมิจิก้หยิบพวกรูปภาพขึ้นมาให้ดู
ฝ่ามือของจิฟุยุเย็นเฉ๊ยบเมื่อเห็นรูปภาพเหล่านั้น ศาลเจ้ามุซาชิที่รวมตัวของโตมัน งานเทศกาลที่ดราเค่นโดนแทง เกมเซ็นเตอร์ร้างๆที่กบดานของวัลฮาล่า ลานทิ้งรถในศึกวันฮาโลวีนสีเลือด สุสานที่เอมะตาย ท่าเรือของโยโกฮาม่า ทุกที่ที่ทาเคมิจิวาดล้วนเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับพวกเขาทั้งสิ้น
ก้อนเสียงสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกภายในลำคอของชายหนุ่ม ฝ่ามือหนาสั่นเทาอย่างหักห้ามไม่ได้ เขารู้สึกว่าตัวเองจะต้องร้องไห้แน่ๆ ในตอนนั้นที่หน้าบ้านก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น ทาเคมิจิก็ผละบอกขอตัวไปดูก่อนว่าใครมา นั้นทำให้จิฟุยุได้มีเวลาอยู่คนเดียว

คนผมดำอดีตรองหัวหน้าหน่วย1ของโตมันทรุดลงไป
"ขอโทษ คู่หู ฉันขอโทษ..."

จิฟุยุร้องไห้ออกมา มือกำรุปที่วาดภาพศาลเจ้ามุซาชิไว้แน่น ความทรงจำในวันวานที่เขาเอ่ยคำพูดโหดร้ายหวนย้อนคืนกลับมาจนทานทนแทบไม่ไหว คนแบบเขามันเลวทรามสิ้นดี

ทั้งๆที่หมอนั้นพยายามเพื่อพวกเขามาตลอด ช่วยเหลือทุกคนแม้ตัวเองจะต้องพังทลายแต่เขากลับเป็นคนทำร้าย
หมอนั้น ทั้งคำพูดนั้นทำให้ทาเคมิจิต้องตกนรกทั้งเป็น แต่ว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป เขาจะชดใช้สิ่งที่ตัวเองก่อไว้ด้วยชีวิต ถึงคนอื่นในโตมันจะบอกให้ปล่อยทาเคมิจจิไปแต่เขาไม่คิดจะปล่อย ครั้งนี้เขาจะช่วยนายเอง

แขนขวายกขึ้นมาปาดน้ำตาออก ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เก็บภาพวาดให้เข้าที่
ก่อนจะเดินออกจากห้องเก้บของไป เขาได้ยินเสียงทาเคมิจจิกำลังคุยกับคนบางคนที่ด้านหน้า จิฟุยุจึงถือวิสาสะมาแอบดู

"อ้าว มัตสึโนะซังดูเสร็จแล้วหรอ"

"อื้อ ขอบใจที่ให้ดูมากนะ"

"มัตสึโนะ? จิฟุยุหรอ?"

คู่สนทนาของทาเคมิจิเอ่ยทักขึ้นมา เมื่อจิฟุยุชะโงกหน้าไปดูก็เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา
อย่างดี เส้นผมสีแดงและทรงผมรีเจ้นท์เหมือนสมัยม.ต้นยังไม่เปลี่ยนไปเลย

"ไม่ได้เจอกันนานนะอั๊-- อ่าเซนโดคุง"

"...อื้อ"

"อ้าวทั้งสองคนรู้จักกันหรอ?"

"จิ.. มัตสึโนะเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับเราตอนม.ปลายไงทาเคมิจิ"

"อั๊คคุงนายก็รู้นี่นาว่าฉันจำเรื่องคนอื่นนอกจากพวกนายไม่ได้เพราะ
อุบัติเหตุตอนม.ปลายน่ะ แถมไปบำบัดที่อื่นตั้งนานฉันจะจำได้ยังไง!"

ให้ตายสิเจ็บเป็นบ้าเลย จิฟุยุขืนยิ้มออกมาอย่างเจ็บปวด ความทรงจำของพวกเขาหายไปหมดแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น

"ใช่ๆ โทษที ไหนๆก้ไหนๆแล้วไปข้างนอกด้วยกันหน่อยไหมมัตสึโนะ ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย"

"ได้สิเซนโดคุง"
"งั้นเดี๋ยวฉันไปชงชาให้ทั้งคู่นะ~"

พวกเขาทั้งสองเดินออกจากบ้านทาจิบานะออกมาตามถนน จิฟุยุไม่รู้ว่าอั๊คคุงอยากจะเรียกมาคุยอะไร เอาจริงๆแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาและมิโซจูในปัจจุบันไม่ค่อยดีนัก

ตั้งแต่ตอนที่ทาเคมิจจิต้องย้ายไปรักษาตัวที่อเมริกากลุ่มของพวกเขาก็ค่อยๆห่างเหินไป เพราะ
อยู่คนละห้องด้วย แต่เหตุผลหลักจริงๆคือทาเคมิจิที่คอยเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มไม่อยู่แล้วจึงทำให้ทั้งเขาและฮัคไคกับมิโซจูจึงระหองระแหงกัน รู้ตัวอีกทีพวกเขาก็จบม.ปลายโดยที่ไปมีกลุ่มของตัวเองไม่ได้รวมตัวกันแล้ว

"แล้วนายมีอะไรอยากคุยหรออั๊คคุง"

"ไม่เรียกเซนโดคุงแล้วหรอ?"
อั๊คคุงหัวเราะ เขามองว้ายมองขวาก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงสวนสาธารณะ

"นายกลับมาทำไม"

ดวงตาของจิฟุยุเบิกกว้าง ใบหน้าของเพื่อนสมัยมัธยมไม่หลงเหลือรอยยิ้มอีกเลย ดววตาของอีกฝ่ายกลับจ้องมาที่เขาเขม็ง

"นาย นายพูดอะไร?"

"ฉันถามว่านายกลับมาหาทาเคมิจิทำไมจิฟุยุ"

"ฉัน ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด"
"จำไม่ได้หรอ วันนั้นเมื่อสิบปีก่อนนายก้พูดแบบนี้กับทาเคมิจิ วันนั้นที่นายโทษว่ามันเป็นความผิดของเพื่อนฉันนะ"

"!! นาย นายอยู่ด้วยงั้นหรอ"

"ใช่ ฉันได้ยินทุกอย่างที่นายพูดกับหมอนั้น"

งั้นเรื่องย้อนเวลาอั๊คคุงก็รู้ด้วยสิ

"ทาจิบานะอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังแล้ว ฉันก้ว่าแล้วว่ามันแปลก
ที่อยู่ๆหมอนั้นก็เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงในปัญหาหลายๆเรื่องทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกับตัวเองด้วยซ้ำ เพราะหมอนั้นพยายามที่จะช่วยพวกนายทุกคนในโตมัน แต่นายก็ทิ้งเขาไว้"

"นั้นเพร--"

"มันดีต่อทาเคมิจิงั้นหรอ เฮอะ! อย่ามาพูดบ้าๆเลย ถ้าดีจริงๆนายคงช่วยเขาไปจนสุดทาง แต่พวกนายก้ทิ้งเขาไว้"
"แล้วใครเป็นคนเก็บเศษเสี้ยวที่ทาเคแตกสลายมาประกอบต่อใหม่กัน ก็มีแค่พวกฉันและทาจิบานะเท่านั้น"

"ดูตอนนี้สิจิฟุยุ ตอนนี้ทาเคมิจิมีชีวิตที่ดี ได้แต่งงานกับคนรัก นี้คืออนาคตที่หมอนั้นพยายามมาตลอด"

ไม่ อย่าพูดนะ

"นายกลับมาทำไม"

อย่าพูดคำนั้น

"มันเป็นความผิดของนายจิฟุยุ...+
มันเป็นความผิดของนายที่ทาเคมิจิแตกสลายถึงขนาดนั้น"

จิฟุยุก้มหน้าลง ฝ่ามือทั้งสองกำกันแน่นจนเลือดซิบ หัวใจของเขาเจ็บปวดจนมันเหมือนจะแตกสลายออกมาเป็นผุยผง

นั้นคือคำพูดที่เขาพูดกับทาเคมิจจิเมื่อสิบปีก่อน

ตอนที่ดราเค่นตาย ตอนที่หมอนั้นร่างกายสะบักสะบอมอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งๆที่เป็น+
แบบนั้นเขากลับพูดเรื่องโหดร้ายออกไป จิฟุยุจินตนาการไม่ได้เลยว่าตอนที่ทาเคมิจิได้ยินคำพูดจากปากเขาหมอนั้นจะเจ็บมากแค่ไหน

"โดนพูดใส่แล้วนรู้สึกยังไงบ้างละจิฟุยุ เจ็บไหม?"

เจ็บสิ เจ็บเจียนตาย...

"ถ้านายเจ็บนายก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าทาเคมิจิเจ็บกว่านายอีกร้อยเท่า"

"อย่ากลับมาอีกเลย"
"นายปล่อยเขาไปเมื่อสิบปีก่อน ปล่อยเขาต่อไปจะยากตรงไหนกัน พวกนายทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปเติบโตมีชีวิตที่ดีตามที่ทาเคมิจิหวังนี้ นายยังต้องการอะไรอีก"

"ฉัน อยากช่วยหมอนั้น..."

"ขอโทษที่ต้องพูดนะจิฟุยุ แต่มันสายไปแล้ว"

"สำหรับพวกนายทุกคนมันสายไปเป็นสิบปีแล้ว"

"ลาก่อนนะ จิฟุยุ"
---

แกร๊ก

"กลับมาแล้วหรอจิฟุยุ ไปเยี่ยมเพื่อนเป็นไงบ้าง"

"ก็ดีนะคาสึโทระคุง"

จิฟุยุตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องนอนของตัวเอง คาสึโ?ระมองรูมเมทตัวเองด้วยสายตางุนงง หมอนั้นเป็นอะไร

ทันทีที่ถึงเตียงจิฟุยุก็ล้มลงนอนบนเตียง เหม่อมองเพดานห้อง
หัวใจของเขาเจ็บเสียจนเจียนตาย ในตอนที่บาจิซังมันยังเจ็บไม่เท่านี้เลยแท้ๆ คำพูดทุกอย่างที่อั๊คคุงพูดมายังคงวนเวียนอยู่ภายในหัวของเขา

พวกเขาเป็นคนทิ้งทาเคมิจจิไปในตอนแรก

มันสมควรแล้วที่พวกเขาจะไม่สามารถไปเจอหน้าหมอนั้นได้อีกครั้งที่สอง

แต่จิฟุยุยอมรับมันไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
เขายังไม่ได้ชดใช้ความผิดที่ตัวเองทำไว้กับหมอนั้นเลย เขายังไม่ทันได้ขอโทษหมอนั้นเลย เขาก้แค่อยากเจอทาเคมิจจิอีกครั้ง เจอคู่หูของเขา หยาดน้ำตาสีใสไหลจากดวงตาของจิฟุยุ

"ฉันขอโทษ ทาเคมิจจิ ฉันขอโทษ..."

บางทีนี้อาจจะเป็นบทลงโทษของเขาก็เป็นไปได้ บทลงโทษที่เขาพูดแบบนั้นกับทาเคมิจจิ
บทลงโทษที่ปล่อยหมอนั้น ทิ้งหมอนั้นไว้เพียงคนเดียว ในยามที่หมอนั้นต้องการทุกคนมากที่สุดเขากลับหายไป

สิ่งที่เจ็บปวดกว่าความตาย คือการต้องตกนรกทั้งเป็น

เขาสมควรแล้ว สมควรแล้ว

"ฉันขอโทษ ทาเคมิจจิ ขอโทษ ฉันขอโทษนะคู่หู"

จิฟุยุได้แต่เอ่ยคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมาเหมือนตุ๊กตาไขลานที่พัง
"มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษ..."

แต่คำขอโทษนั้นไม่มีทางส่งไปถึงเสียแล้ว

---
แต่งตั้งแต่เช้ามาจบตอนสี่โมง อ้ยยยย ไหนใครว่าแค่จะเวิ่นฮะ/ตบหัวตัวเอง
ตอนแรกตั้งใจแค่จะเวิ่นที่ทาเคแตกสลายไม่พูดไม่จากลายเป็นตุ๊กตา แต่คำแรกที่ทาเคพูดขึ้นมาคือขอโทษจิฟุยุ และก้พังไปทั้งๆแบบนั้น
แต่ตอนอาบน้ำตอนเช้าดันผุดไอเดียที่ถ้าทาเคไปตปทแล้วลืมทุกคนล่ะ อะไปๆมาๆมีอั๊คคุงเพิ่มมาตอกหน้าคำที่จิฟุยุเคยพูดไว้5555555 สรุปลากยาวทั้งที่วันนี้ตั้งใจจะปั่นงานแท้ๆ กลายเปนว่าวันนี้ดันอู้แทน😂 เนื้อเรื่องหลักก้ขม ฟิคก้ขม เวลคั่มทุกคนเข้าสู่สมาคมตับทองคำค่ะ
@threadreaderapp unroll plz
เพื่อใครสงสัยCode blue คืออะไร มันโค้ดที่ใช้ในโรงพยาบาลในกรณีที่ผู้ป่วยหยุดหายใจหรือหัวใตหยุดเต้นค่ะ แปลว่าพยาบาลต้องมาเตรียมมาทำCPR

และการทำcprไม่ได้ใช้แค่เครื่องกระตุกไฟฟ้าอย่างเดียวนะคะ ต้องใช้มือกดสลับกับเครื่องนั้น และตอนที่ช็อตต้องห้ามมีใครแตะตัวผู้ป่วยด้วย พอถึงระยะเวลา
ที่เครื่องกำหนดก้กลับมาปั๊มCPRโดยใช้มือต่อ

ถ้าในหนังเหนคนหัวใจหยุดเต้นแล้วเอาเครื่องมาช็อตเลยนี้ผิดวิธีค่ะ! เราต้องปั๊มหัวใจก่อน!

• • •

Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh
 

Keep Current with 🍀🎒Lumina Luceat | ไฟนอล is coming to Town ☃️🎋

🍀🎒Lumina Luceat | ไฟนอล is coming to Town ☃️🎋 Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

PDF

Twitter may remove this content at anytime! Save it as PDF for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video
  1. Follow @ThreadReaderApp to mention us!

  2. From a Twitter thread mention us with a keyword "unroll"
@threadreaderapp unroll

Practice here first or read more on our help page!

More from @Lumina_Luceat

15 Nov
ห้อยขาเปิดครบแล้วยี่สิบห้าเงา เอาวะ แป้งอยากได้ทันกับคานา เปิดตั้เองดีไหม/ขึม
คือแบบเยอะจัด ละต้องหาคนช่วยกันเกบเยอะด้วยอะ ขายเปนคู่ๆดีมะ… ImageImageImageImage
ImageImageImage
Read 4 tweets
4 Nov
#นาโอทาเค #LuminaTRFanfic รีเควสฟิค2000ฟอล🎉 ของคุณ @ShoyoNanata ค่า

Senior and junior

ทาจิบานะ นาโอโตะ อายุ25ปี อาชีพเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตอนนี้กำลังป่วยเป็นไมเกรนและเครียดลงกระเพาะ

เจ้าสาเหตุอาการป่วยนี่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลตัว ก็ตำรวจชั้นรุ่นพี่อย่างฮานากาคิ ทาเคมิจินะสิ!!
"ทาเคมิจิคุง!! ก็บอกแล้วไงว่าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง!!!"

นาโอโตะตะโกนออกมาพร้อมเอามือคลึงขมับ ส่วนคนื่โดนดุได้แต่ยิ้มแห้งๆ

"ฉันจะพยายามนะ..."

"ไม่ใช่'จะพยายาม' แต่ต้อง'ทำให้ได้ครับ!!"

ทาเคมิจิก้มหน้างุดนั่งพับเพียบทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนพื้นพยายามทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นภายในสน.หันมามองภาพตรงหน้าอย่างชินตา เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ฮานากาคิโดนผู้เป็นรุ่นน้องดุจนตัวลีบหดเหลือสองเซนแบบนี สภาพตอนนี้ทำให้แยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นรุ่นพี่ใครเป็นรุ่นน้องกันแน่ ถ้าคนตาฟ้าไม่ได้เข้ามาก่อนทุกคนคงคิดแล้วว่าทาจิบานะ
Read 50 tweets
28 Sep
คนเราจะเอาเนกไทตลคเพื่อไรคะ/กดตุ่มโอน Image
สีแบบ ทาเคอยู่สลิท ไม้/เค่นอยู่กริฟ/ไม่ก้เดิร์มแสตรง บาจิศังอยู่เร พี่มิทฮัฟ จิฟุอยู่โบซบาตง
น้องอยุ่สลิทได้ไงถามก่อน555555 สลิทผ่าเหล่าอะค่ะ น้องน่าจะไปอยู่กริฟ😂
Read 5 tweets
23 Sep
เหนลูกเตะสูงอันนี้แล้วอดคิดไม่ได้ว่าน้องน่าจะตัวอ่อนมากแน่ๆ งั้นลองให้น้องเปนนักบัลเล่ตกันหน่อยไหม😳 #ออลทาเค #LuminaTRFanfic

ทาเคมิจจิเริ่มเรียนบัลเล่มาตั้งแต่ก่อนจำความได้เสียอีก

นั้นก็เพราะคุณแม่ของเขาเป็นอดีตนักบัลเล่ต ไม่แปลกที่เธออยากจะให้ลูกของตัวเองได้ลองฝึกสิ่งที่ชอบ Image
ส่วนตัวทาเคมิจจอก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรือรู้สึกดีอะไร ไม่ได้มีแพชชั่นแบบสานต่อเป็นอาชีพของคุณแม่ แต่ก็ไม่ได้เกลียดแบบโดนบังคับเรียน เขาแค่รู้สึกเฉยๆเหมือนได้ประสบการณ์ในชีวิตเพิ่มเท่านัน

แต่ยังไงสายบัลเลต์ก็ไม่ใช่ทางของเขาจริงๆเลยเลิกเรียนไปตอนขึ้นม.ต้น คุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
เข้าใจว่าแต่ละคนมีสิ่งที่ถนัดหรือไม่ถนัด แต่บางทีเธอก็ชอบขอให้เขาไปช่วยสอนคอรส์บัลเล่ตเด็กที่ตัวเองเปิดสอนด้วย ถึงทาเคมิจจิจะขี้เกียจแต่พอได้ยินจำนวนเงินค่าขนมเขาก็มีลูกฮึดทันที ข้อเสนอดีแบบนี้ใครจะไม่ทำกัน!!

เพราะงั้นแล้วทาเคมิจิก็ไม่นับว่าเลิกเรียนแบบร้อยเปอรเซนละมั้ง?
Read 77 tweets
15 Sep
พุดคำเดียว วาคุอิคะ ทำไมอจไม่วาดให้ทาเคมิจจิๆไปกดแผลห้ามเลือดคะ!!!! ให้น้องถอดเสื้อแล้วเอาเสื้อไปห้ามเลือดก้ยังทัน!! ไม่ใช่ให้พี่เค่นเลือดไหลเป็นก็อกน้ำแบบเน้!! ยิ่งในตกเลือดยิ่งซึมเยอะด้วย ตั้งแต่บาจิละนะ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นเวลาโดนยิงหรือโดนแทงคือต้อง ห้าม เลือด โว้ย!!!!!!
*ฝนตก
ห้ามเลือดสิโว้ยไม่ใช่นั่งฟังคำสั่งเสีย หยุดหายใจก้ไปปั๊มหัวใจโว้บยยยยยย ฮืออออออออ
Read 4 tweets
14 Sep
นิโนะซังเปนหมอผี เนโครแมนเซ้อแน่ๆ!
ใดๆก้แล้วแต่โอซามุอันก่อนในธีมนี้คือน่ารักที่หนึ่งมาก
ปกติกุ้ดโอซาน้องจะค่อนข้างจืด แต่พอเปนธีมฮาโลสีนหรือแฟนตาซีน้องน่านะมากกกกก
Read 4 tweets

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just two indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3/month or $30/year) and get exclusive features!

Become Premium

Too expensive? Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal

Or Donate anonymously using crypto!

Ethereum

0xfe58350B80634f60Fa6Dc149a72b4DFbc17D341E copy

Bitcoin

3ATGMxNzCUFzxpMCHL5sWSt4DVtS8UqXpi copy

Thank you for your support!

Follow Us on Twitter!

:(