Thread by @pokrath

#โควิด #โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 (update)
ที่มา
หลังจากเชื้อโอมิครอนตัวแรกระบาด (BA.1) ก็มี BA.2 ระบาดตามมาติดๆในบ้านเราระบาดเป็นเวฟเดียวกันและพีคเมื่อเดือนเมษาจนสงบลงในเดือนพฤษภาคม แต่ไม่ได้หายไปหมด ยังคงอ้อยอิ่งอยู่และมาระบาดร่วมกับสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ 1/6

BA.4/5 เดาว่าต่อไปจะเป็น BA.5 เป็นหลัก เพราะสายพันธุ์ BA.5 หลบภูมิแอนติบอดีได้ดีพอๆกับ BA.4 แต่มีการกลายพันธุ์ที่ยีนอื่นด้วยทำให้มีผล 2 ประการ 1) เพิ่มจำนวนได้ดีขึ้น และ/หรือ 2) มีผลหลบภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาว T cells

ผลต่อสุขภาพ
1. เหมือนโอมิครอน-ไม่รุนแรง ถ้าได้รับวัคซีน 2/6

เข็มกระตุ้นมาไม่เกิน 3-4 เดือน และอายุไม่มาก ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อ้วน
2. เหมือนโอมิครอน (เช่นกัน) คือรุนแรง-ในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยง

ข้อควรปฏิบัติ
1. รีบไปรับวัคซีน และวัคซีนเข็มกระตุ้น
2.ป้องกันตัวเองจากโควิด และโรคที่ตามมาหลังหายโควิด 3/6

ในอดีตใกล้โพ้น เรามักนึกว่าถ้าเป็นโควิดเป็นแล้วหายคือจบแล้ว ต่อมาพบว่ามีโรคที่เป็นตามมาได้ เช่น Long COVID และล่าสุดพบว่าการเป็นโควิดมีผลต่อเนื่องต่อสุขกายและจิตใจในระยะยาวด้วย ควรป้องกันตัวเองในไปเรียนหรือทำงานด้วยมาสก์ ทานข้าวคนเดียว หลีกเลี่ยงที่ปิด ถ้าจำเป็นต้องเปิดมาสก์ 4/6

ทุกคนต้องตรวจ ATK ก่อนเปิดมาสก์เป็นอย่างน้อย (แม้ว่า ATK จะตรวจไม่พบการติดเชื้อช่วงแรกก็ตาม)

ผลในเชิงสาธารณสุข
แม้ว่าสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 อาจไม่ทำอันตรายคนเท่ากับเดลตา แต่ระบาดเก่งกว่า หลบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า พอคนติดเชื้อมากกว่า คนเข้าโรงพยาบาลในภาพรวมย่อมมากกว่าตามไปด้วย 5/6

การบริการสาธารณสุขถ้าไม่ระวังให้ดีจะเกิดปัญหาเพราะเตียงเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเตียงปกติ หรือเตียงผู้ป่วยหนัก ดังนั้นต้องระวังว่าในขณะที่เราผ่อนคลายเปิดประเทศต้องเน้นย้ำให้ประชาชนรับวัคซีนเข็มกระตุ้นและวิธีการอยู่ร่วมกับโควิด**อย่างปลอดภัย** ไม่ใช่แค่การอยู่ร่วมกับโควิดเฉยๆ 6/6

ขอต่อเธรดเอาไว้ครับ กันลืม

https://twitter.com/pokrath/status/1540994954083782657