My Authors
Read all threads
ด้วยความสงสัยว่าถ้าวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วได้เลขสูงๆ (แต่ไม่ถึง 37.5 นะครับ) คือมีปัญหามั้ย เลยไปหาคำตอบมา คุณหมอญี่ปุ่นบอกว่า จริงๆ แล้วอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า คือดีนะ!

#สุขภาพญี่ปุ่นกับคุณบูม
จริงๆ รายการไปสอบถามคนญี่ปุ่นหลายคนเลยครับ สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ คนญี่ปุ่นแทบทุกคนรู้ตัวนะครับว่า ตัวเองมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ที่เท่าไหร่ อย่างคุณป้าเสื้อเหลืองบอกว่า ชั้นมีอุณหภูมิร่างกายเฉลี่ยประมาณ 35.5 จ้ะ ค่อนข้างต่ำเหมือนกันนะ
.
จริงๆ แล้วอุณหภูมิร่างกายเฉลี่ยคนญี่ปุ่นเมื่อปี 1957 อยู่ที่ 36.89 องศา
.
แต่ปี 2015 เนี่ยอุณหภูมิเฉลี่ยลดลงมาเหลือ 36.2

คือปีหลังๆ มีแนวโน้มอุณหภูมิร่างกายต่ำลง ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ
คุณหมอ Ishihara ผู้อำนวยการ Ishihara Clinic จะมาให้ความรู้เรื่องนี้ครับ
คุณหมอท่านเชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ ท่านมีผลงานหนังสือมากมาย เขียนเกี่ยวกับความดีงามของการมีอุณหภูมิร่างกายสูง
.
หมอก็เน้นย้ำว่า คนยุคใหม่มีแนวโน้มอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าคนสมัยก่อน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น โรคภูมิแพ้ มะเร็ง NCDs โรคความบกพร่องระบบประสาทฯลฯ
อันนี้คือ เกณฑ์แยกสำหรับคนที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำ และคนที่มีอุณหภูมิร่างกายกำลังดีนะ

อุณหภูมิร่างกายที่คาดหวังคือ
37 และ 36.5 องศา

แต่ถ้าใครมีอุณหภูมิร่างกายที่ 36 และ 35.5 ถือว่าอุณหภูมิต่ำครับ

คนญี่ปุ่นตอนนี้มีอุณหภูมิประมาณ 35.6-36.3 อยู่ในเกณฑ์อุณหภูมิค่อนข้างต่ำครับ
ไหนๆ คุณหมอก็จะมาสอนวิธีทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ท่านเลยวัดอุณหภูมิโชว์ครับ วัดได้ 36.8 อยู่ในช่วงอุณหภูมิที่คาดหวังพอดี :)

คุณหมอบอกว่า ใครอุณหภูมิร่างกายต่ำ แล้วอยากทำให้สูงขึ้นให้ยึดหลักว่า

“เพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้ได้ 1 องศา 1 ครั้งต่อวัน”
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นขอเล่าก่อนว่า ทำไมคนเราควรมีอุณหภูมิร่างกายสูงๆ

ในร่างกายคนเราจะมีการเกิดเซลล์ใหม่ๆ ทุกวัน บางครั้งก็มีเซลล์ผิดปกติเกิดขึ้นมา ตรงนี้เซลล์ภูมิคุ้มกันก็จะเข้ามาจัดการครับ เหลือเอาไว้เฉพาะเซลล์ปกติ
.
แต่เมื่ออุณหภูมิร่างกายต่ำไปก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันแย่ลงครับ!
พอภูมิคุ้มกันต่ำลง ความเร็วในการเข้าไปกำจัดเซลล์ผิดปกติก็จะต่ำลงด้วย แล้วถ้าภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี เจ้าเซลล์ผิดปกติก็จะได้ใจ จะขยายตัวไปเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างไรเช่นเซลล์มะเร็ง มันก็จะเพิ่มตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะกลายเป็นก้อนมะเร็งครับ
.
ฉะนั้นเรื่องนี้ควรตระหนักกันมากๆนะ
หากสงสัยว่าทำไมถึงมีอุณหภูมิร่างกายต่ำ!? คุณหมอเล่าว่า สาเหตุใหญ่ๆ มี 2 อย่างคือ 1. การออกกำลังกายที่ไม่เพียงพอ 2. วิถีการทานอาหารที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบัน

นอกจากนั้น ความเครียด และการดื่มน้ำมากจนเกินไปก็ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงได้ด้วยนะ
และนี่คือ chart อุณหภูมิร่างกาย x สภาพร่างกายที่จะเกิดขึ้นนะครับ

37.0 ภูมิคุ้มกันทำงานได้สูงที่สุด
36.5 ภูมิคุ้มกันดีเยี่ยม
36.0 ร่างกายจะพยายามเพิ่มความร้อนโดยการสั่นไหว (ข้อนี้ผมแอบงงนิด)
(ต่อ)
35.5 ระบบกำจัดของเสียร่างกายทำงานแย่ลง อาจมีอาการภูมิแพ้, อาจมีโรคความบกพร่องระบบประสาทอัตโนมัติ
35.0 เป็นอุณหภูมิที่เซลล์มะเร็งแพร่พันธุ์ได้ดีที่สุด

คุณหมอบอกว่าให้ตั้งเป้าเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย 1 องศาเพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น 5-6 เท่า และเพิ่ม metabolism ร่างกายถึง 13%
เทคนิคการเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย
1. เข้าใจว่าของกินอันไหนช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย อันไหนกินแล้วไปลดอุณหภูมิ..เมื่อรู้แล้วก็พยายามเลือกทานอาหารที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมินะ
วัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย
-เป็นวัตถุดิบที่มาจากที่หนาว
-มีสีอุ่น (แดง เหลือง ส้มอมแดง ดำ)
-ลักษณะแข็ง
(ต่อ)
วัตถุร้อน (ต่อ)
-วัตถุดิบที่ได้ให้ความร้อน
-วัตถุดิบที่มีสัดส่วนเกลือมาก
-ของที่ผ่านการหมัก

วัตถุเย็น
-ของจากเมืองร้อน
-มีสีเย็น (น้ำเงิน เขียว ขาว)
-นิ่ม
-มีลักษณะเย็น
-เปรี้ยว
-อาหารไขมันมาก
ของที่ช่วยให้ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น ที่คุณหมอแนะนำมากๆ คือ ของหมักอย่างถั่วเน่านัตโตะและกิมจิครับ (ปกติพวกเรากินกันมั้ยครับนี่!? แต่สองอย่างนี้คนญี่ปุ่นชอบมากๆ เลยนะ)
แนะนำให้ทานนัตโตะตอนเย็นนะ เพราะสารนัตโตะคินาเสะในนัตโตะที่มีคุณสมบัติช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น สามารถอยู่ในร่างกายได้ 8 ชั่วโมง จะทำงานระหว่างที่เรานอน แล้วช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่เรานอนได้ครับ
ส่วนกิมจิเองนั้น ก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีเช่นกัน จะทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น
ทานได้ทั้งผักกิมจิ รวมไปถึงน้ำเลยนะครับ เพราะในน้ำกิมจิก็มีส่วนผสมของกระเทียม พริก และขิงดีต่อร่างกายมากๆ ครับ
2. คุณหมอแนะนำให้ทานวันละ 2.5 มื้อ!

ฮะ !? 2.5 มื้อหมายความว่ายังไงครับหมอ
คุณหมอบอกว่าคนสมัยนี้ทานหนักเกินไป คอนเสปคือให้ทานแต่ละมื้อน้อยลงครับ (ให้นึกว่ากินอาหารให้ได้ประมาณ 80% ของกระเพาะก็พอแล้ว) ทำไปเรื่อยๆ ทำจนเป็นนิสัยเลยนะ
ส่วนลำดับการทานก็สำคัญไม่แพ้กัน คุณหมอให้เลือกทานจากของที่อุ่นๆ ร้อนๆ ก่อน
แล้วค่อยไปที่ของเย็นๆ
เช่น ภาพนี้มีซุปมิโสะ ข้าวญี่ปุ่น ปลาย่างซีอิ๊ว สลัด

ถ้าเลือกจากสิ่งที่ร้อนกว่าจะเป็นซุปมิโสะ ปลา ข้าวญี่ปุ่น และสลัดครับ เลือกแบบนี้จะป้องกันไม่ให้กระเพาะลำไส้อุณหภูมิลดลงนะ
ซุป >> พวกโปรตีน >> คาร์โบไฮเดรต >> ผักที่เย็นๆ

(อาจจะไม่ตรงตามหลักไดเอทที่ทุกคนเข้าใจนะครับ เพราะนี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอุณหภูมิร่างกายมากกว่า)
3. เทคนิคการทำร่างกายให้อบอุ่นเป็นจุดๆ
.
จุดที่ดีที่สุดที่ควรทำให้อบอุ่นคือส่วนตับครับ
เพราะตับเป็นบริเวณที่สร้างอุณหภูมิร่างกายมาเป็นอันดับ 1-2 ฉะนั้นการให้ความร้อนที่บริเวณตับจะเป็นการกระตุ้นให้ตับสร้างอุณหภูมิ หลังจากนั้นก็จะอุ่นไปทั้งตัวครับ
ที่ญี่ปุ่นจะมีแผ่นแปะให้ความร้อน (Kairo) แนะนำให้เอามาติดที่ด้านล่างขวาของหน้าอก บริเวณที่มีตับอยู่ครับ จากนั้นก็เอาผ้ามาคลุมทับเอาไว้

เมื่อตับได้รับความอบอุ่นจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็จะช่วยให้ตับทำงานดีขึ้นด้วยครับ
นอกจากนี้จุดที่แนะนำให้แปะ “แผ่นแปะความร้อน” ก็คือจุดชมพูตามรูปครับ ตามหลังคอ บริเวณใกล้ๆ รักแร้ บริเวณด้านหลังเอวเป็นต้น ถ้าอยากทำให้ไตเกิดความอบอุ่น ให้เอาแผ่นแปะไปปิดไว้ด้านหลัง 2 จุดตามภาพเลยครับ จากนั้นค่อยใช้ผ้าพันท้องมาคลุมทับอีกที จากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติได้เลย
- การใส่หน้ากากอนามัยก็ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นได้ครับ เพราะเป็นการปิดทางเข้าอากาศที่มีความเย็น (โดยเฉพาะหน้าหนาว) การใส่หน้ากากจะทำให้บริเวณจมูกและปากมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งก็ดีต่อร่างกายครับ
.
ตามภาพสุดท้ายเลย แปะตับ 1 แปะไต 2
ใส่หน้ากากด้วย
4. ลงแช่น้ำร้อนจ้า (โอฟุโระ) คนไทยอาจจะยากนิดเพราะเราไม่มีมีแบบนี้เหมือนคนญี่ปุ่น แต่แอบเล่านิดนึงเผื่อใครประยุกต์ใช้ได้ หมอแนะนำวิธี 333
- ลงโอฟุโระ 3 นาที ขึ้นพัก 3 นาที (นับเป็น 1 เซต) จากนั้นให้ทำเหมือนเดิมอีก 2 เซต รวมเป็น 3 เซตครับ
-อุณหภูมิน้ำ 42 องศา
-แช่ให้น้ำท่วมไหล่
เหงื่อเราจะออกดีครับ แค่ลงโอฟุโระตามที่คุณหมอบอก จาก 36.0 ขึ้นเป็น 36.6 ครับ
.
พอเอากล้องส่องอุณหภูมิร่างกายจะพบว่า ภาพขวาหลังโอฟุโระ อุณหภูมิร่างกายดีจริงๆ
*ส่วนถ้าอยากดื่มน้ำเปล่าเพื่อชดเชยให้ร่างกาย แนะนำเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำอุ่นครับ
5. ทำให้กล้ามเนื้อช่วงล่างของร่างกายแข็งแรง! !

70% ของกล้ามเนื้ออยู่ที่ช่วงล่าง ฉะนั้นคุณหมอแนะนำให้ทำการออกกำลังกายในแบบง่ายๆ ที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ (ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายโหดๆ)
ท่าแรก ท่าฟลามิงโก
.
ให้ยกขาที่ละข้าง ทำมุม 90 องศา
จากนั้นค้างไว้ประมาณข้างละ 1 นาที
(คุณหมอบอกว่าแค่ยืนท่านี้ข้างละ 1 นาที จะเทียบเท่ากับการเดิน 52 นาทีเลยนะ) คุ้มเวลามาก

ใครไม่สะดวกก็ยืนจับพนักเก้าอี้ก็ได้ครับ
ท่าสอง ท่าเขย่าขา (เหมือนกับคนที่ติดเขย่าขา) ให้นั่งบนเก้าอี้แล้วเขย่าขาซ้ายขวานานเป็นเวลา 3 นาที

เป็นการกระตุ้นขาด้านใน และกล้ามเนื้อส่วนน่องครับ
.
ทำอันนี้แค่ 3 นาที เทียบเท่ากับการเดินถึง 20 นาทีเชียวครับ
ท่าสาม ให้เขย่งเท้า แล้วเอาส้นเท้าชนกันเป็นรูปตัว V (แบบในรูป) ค้างไว้ 10 วินาทีครับ
ซึ่งคุณผู้หญิงท่านนี้ได้ลองทุกอย่างตามที่คุณหมอแนะนำติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน
ดูซิว่าอุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้นจริงมั้ย
.
ปรากฏว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจริงครับ จาก 36.0 เป็น 36.8 ยอดเยี่ยมไปเลย อยู่ในเกณฑ์ที่คาดหวังไว้ด้วย :)
Missing some Tweet in this thread? You can try to force a refresh.

Enjoying this thread?

Keep Current with บูม JapanSalaryman Page 382K follower

Profile picture

Stay in touch and get notified when new unrolls are available from this author!

Read all threads

This Thread may be Removed Anytime!

Twitter may remove this content at anytime, convert it as a PDF, save and print for later use!

Try unrolling a thread yourself!

how to unroll video

1) Follow Thread Reader App on Twitter so you can easily mention us!

2) Go to a Twitter thread (series of Tweets by the same owner) and mention us with a keyword "unroll" @threadreaderapp unroll

You can practice here first or read more on our help page!

Follow Us on Twitter!

Did Thread Reader help you today?

Support us! We are indie developers!


This site is made by just three indie developers on a laptop doing marketing, support and development! Read more about the story.

Become a Premium Member ($3.00/month or $30.00/year) and get exclusive features!

Become Premium

Too expensive? Make a small donation by buying us coffee ($5) or help with server cost ($10)

Donate via Paypal Become our Patreon

Thank you for your support!