Thread by @JapanSalaryboom

3 วิธีรีเซ็ตความเครียด 😫
.
สรุปจากหนังสือ bestseller ในญี่ปุ่นชื่อว่า
ストレスフリー超大全 ผู้เขียนคือ Kabasawa Shion จิตแพทย์ที่มีผู้ติดตามเยอะมากรวม 500,000 คนในญี่ปุ่น
ผมเห็นว่าเรื่องความเครียด เป็นชุดความรู้ที่น่าจะเหมาะกับช่วงเวลานี้มากๆ
เลยขอสรุปให้เพื่อนๆ ได้อ่านครับ
.

1. จริงๆ รายละเอียดในหนังสือเล่มนี้เยอะมาก
แต่จะขอสรุปมาเฉพาะความเครียด
ที่เกิดขึ้นจากการทำงานก่อนนะครับ
ถ้ารู้สึกเครียดจากการทำงานแล้วอยากแก้ไขปัญหาอ่านต่อได้เลย

2. เมื่อพูดถึง“ความเครียด”
คนส่วนใหญ่จะคิดไปในแง่ลบ
มีแล้วไม่ดี มีแล้วสุขภาพจิตเสีย ไม่ควรมีเลย
แต่ในอีกแง่นึง..

คุณหมอบอกว่า คนเราจำเป็นต้องมีความเครียดบ้าง ห้ามทำความเครียดให้กลายเป็นศูนย์นะ เพราะความเครียดมีข้อดีเหมือนกัน คือเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำอะไรบางอย่าง

ฉะนั้น ถ้าไม่เครียดเลย ชีวิตเรา
อาจจะกลายเป็นชีวิตที่ไร้การพัฒนาก็ได้
(ชีวิตที่ชิวมาก ไม่มีความเครียดเลย ก็ไม่ดีนะ)
.

3. คีย์สำคัญคือ อยากให้โฟกัสการบริหารจัดการความเครียดที่เกิดขึ้น
อย่าปล่อยให้ความเครียดสะสมจนมากเกินไป
และต้องเข้าใจวิธีรีเซ็ทตัวเองจากความเครียด(สะสมความเครียดมากๆ ไม่ใช่เรื่องดี เสี่ยงต่ออาการซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย
ที่ญี่ปุ่นก็เกิดขึ้นมากจนทำให้คุณหมอเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา)

4. ถ้าจัดการความเครียดได้
ความเครียดจะกลายเป็นแรงกระตุ้น (motivation) ให้เราเกิดการพัฒนาตนเอง โตกว่าวันเมื่อวาน

5. วิธีรีเซ็ทความเครียดเริ่มต้นง่ายๆ ได้ด้วย 3 วิธีนี้ครับ ลองทำตามกันดู
.

5.1 มีเรื่องกังวลใจเมื่อไหร่ อย่าเก็บมันไว้เฉยๆ อย่าปล่อยให้ขมุกขมัวอยู่ในสมอง
ควรพัฒนาให้เป็น To Do
(ต้องลงมือทำอะไรบางอย่างกับมันนะ)
.

👉เริ่มได้จากการเอาความกังวลใจ ความเครียดออกจาก “มันสมอง” ก่อน
โดยเขียนมันลงไปในกระดาษ
บันทึกลงในโน้ตของโทรศัพท์มือถือ
หรือจะใช้วิธีอะไรก็ได้ที่ช่วยให้เรา
ได้ output ความเครียดของเราออกมาข้างนอก
.

👉เวลา Output ออกมา ให้เขียนแนวๆ ว่า
เรากำลังปรึกษาใครสักคนแล้วกำลังอยากได้คำตอบจากที่ปกติเขียนว่า “ถูกเจ้านายว่า รู้สึกไม่ชอบเลย” ลองเปลี่ยนวิธีเขียน ให้ลงรายละเอียดมากขึ้น และให้เขียนเชิงคำถาม เช่น
.

“วันก่อนรายงานความคืบหน้างานให้เจ้านาย แต่อธิบายไม่ค่อยเก่ง เลยถูกเจ้านายว่า ควรทำอย่างไรดี?” เมื่อเป็นคำถามแล้ว ให้เราคิดต่อว่าทำอย่างไรได้บ้างถึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้จะหาหนังสือที่ช่วยไขคำตอบเรื่องนี้จะ search หาใน YT ก็ได้ เมื่อเราได้แนวทางที่จะแก้ปัญหาแล้ว ก็เอามาเป็น To Do ครับ

สรุปหลักการนี้
เครียด → ระบายมันออกมา พร้อมตั้งคำถามเหมือนกำลังปรึกษาใครอยู่ → หาวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆ ดู -> วิธีแก้ไขทำให้เป็น To Do
.
ทำได้เท่านี้ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาในใจเราได้แล้ว ไม่เมินเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น

5.2 อย่าคาดหวังกับความสัมพันธ์จนมากเกินไป(แนะนำใช้เฉพาะในที่ทำงานนะครับ)
👉คุณหมอมองว่าความเครียดที่เกิดขึ้นในใจคนเราส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาความสัมพันธ์
เราอาจจะคิดว่า เราต้องเอาใจเจ้านายหรือไม่
เพื่อนร่วมงานคนนั้นเค้าจะชอบเราหรือเปล่า
ซึ่งทั้งหมดนี้พัฒนาเป็นความเครียดได้ทั้งหมด

👉คุณหมอบอกว่าอยากให้ปล่อยวาง
กับเรื่องความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
ไม่ต้องเอาใจใครให้มาก ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

👉ถ้าในญี่ปุ่นในทีทำงาน
เค้าแนะนำให้ทำ โฮ เร็น โซ
หรือ “การรายงานผล” “ติดต่อสื่อสาร”
และ “ปรึกษาเมื่อมีปัญหา”
เพียงแค่ทำสามอย่างนี้ให้ไม่ขาดตกบกพร่องก็โอเคแล้ว

5.3 ทำความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ “ความสำเร็จ” ถ้าเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เราเข้าถึง “ความสุขง่ายขึ้น”
.
คุณหมอบอกว่า ในสมองของเรา
จะมีการหลั่งสารแห่งความสุขหลายประเภท
เช่น

🌟ความสุขจากการหลั่งสาร เซเรโทนิน จะเกิดขึ้นได้เมื่อจิตใจสงบ ยกตัวอย่างเช่น เช้าๆ ได้เดินเล่นในสิ่งแวดล้อมดีๆ อากาศดีๆ เป็นต้น

🌟ความสุขจากการหลั่งสาร ออกโซโทซิน จะเกิดขึ้นได้เมื่อรู้สึกเติมเต็มด้านความสัมพันธ์
ยกตัวอย่างเช่น ได้มีความสัมพันธ์ดีๆ ได้พูดคุยกับครอบครัว เพื่อนฝูง

🌟ความสุขจากการหลั่งสาร โดพามีน
จะเกิดขึ้นได้เมื่อรู้สึกประสบความสำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น ได้ตั้งเป้าหมายใหญ่ๆ เอาไว้
แล้วประสบความสำเร็จ, สร้างยอดขายได้ตามเป้า, Challenge อะไรบางอย่างแล้วสำเร็จ
.

คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน (ผมก็ด้วย) จะให้ความสำคัญกับความสุขที่เกิดมาจากความสำเร็จ
ต้องรวยเร็ว ต้องมีบ้านหลังใหญ่ ต้องมีรถหรู
ต้องประสบความสำเร็จขณะที่ยังอายุน้อยๆ
ซึ่งถ้าคิดเช่นนี้ แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จ
เราจะรู้สึกเครียดมาก
.

👉คุณหมอบอกว่า ให้ลำดับความสุขใหม่
ความสุขมี 3 ประเภทอย่างที่ว่า
ให้เริ่มจาก ความสุขที่จะได้รับเมื่อจิตใจสงบ
แค่เราได้สูดอากาศดีๆ ได้เห็นสีเขียวสดชื่น
มีโอกาสได้นั่งสมาธิ ก็ได้รับความสุขแบบนี้ได้แล้ว
ซึ่งเป็นความสุขที่สำคัญที่สุด เป็นรากฐานของความสุขประเภทอื่นๆ ต่อไป
.

👉ตามมาคือความสุขจากความสัมพันธ์
ไม่ต้องไปคาดหวังความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานก็ได้ ขอแค่รอบตัวเรา มีคนที่เข้าใจเรา และรักเรา ก็มีความสุขแล้ว

👉ซึ่งเราไม่จำเป็นไม่ต้องรวย ไม่ต้องมีรายได้เยอะๆ เราก็มีความสุขสองอย่างแรกได้เลยนะ

👉พอเรามีความสุขสองอย่างแรกแล้ว
ค่อยไขว่คว้าหา
“ความสุขจากความสำเร็จ”
ถ้าทำได้แบบนี้เราก็จะไม่เครียดจนเกินไปครับ
.

☺️☺️☺️ สรุปในคำพูดของผมคือ
- ความเครียด ความกังวลเป็นเรื่องธรรมดา
เกิดได้กับทุกคน ไม่เครียดสิแปลก
แต่ถ้าเราบริหารความเครียดได้ รีเซ็ตความเครียดเป็น
เราก็จะมีความสุขกับชีวิตได้เช่นกัน
- มีความเครียดบ้างก็ดี กระตุ้นให้เป็นพลังในการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ
.

- แต่ระวังอย่าเครียดมากให้คอยรีเซ็ทตัวเองจากความเครียดเสมอ เช่น output ออกมา เขียนใส่กระดาษ ปรึกษาใครบางคน เมื่อมีคำตอบให้เอามาปรับปรุงแก้ไข, อย่าคาดหวังกับความสัมพันธ์จนมากเกินไป,
ความสุขหาได้ง่ายๆ อยู่รอบๆ ตัวเรา
ไม่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุขจากความสำเร็จขนาดใหญ่
.

ถ้ามีเวลาก็ลองเดินเล่น ออกไปเที่ยวบ้าง, ให้ความสำคัญกับครอบครัว
ไม่มีใครรักเราเท่ากับครอบครัวเราเองแล้ว

หวังว่าเพื่อนๆ จะได้ประโยชน์จากโพสต์นี้นะครับ ยาวหน่อย แต่ขอบคุณมากๆ ที่อ่านจนจบครับ แล้วไว้ตอนหน้าจะหาเรื่องราวดีๆ มาเล่าอีกนะครับ
#สาระญี่ปุ่นกับคุณบูม #JapanSalaryman